Monday, 7 July 2025
POLITICS NEWS

'3 นิ้ว' ปลุกม็อบบุกสภา!! นัดกดดัน ไฟเขียวกฎหมาย 'รื้อมรดก คสช.' 

เพจ ‘ทะลุฟ้า’ ได้แชร์เฟซบุ๊ก ‘iLaw’ ที่เชิญชวนแนวร่วมให้ร่วมงาน ‘รวมพลังประชาชน-รื้อมรดกคสช.’ ในวันที่ 30 พฤศจิกายน พ.ศ. 2564 เวลา 16.00 - 18.30 น. ณ สนามรัฐสภา (แยกเกียกกาย)

โดยระบุว่า เนื่องจากในวันที่ 1 ธันวาคม พ.ศ. 2564 สภาเตรียมพิจารณาร่าง ‘ปลดอาวุธ คสช.’ เพื่อพิจารณายกเลิกประกาศและคำสั่ง ที่ตกค้างเป็นมรดกมาจากยุค คสช. ให้อำนาจแก่รัฐบาลทหารโดยไร้การตรวจสอบ เช่น อำนาจทหารขังคนได้ 7 วัน, การยกเว้นผังเมืองให้อีอีซี เป็นความพยายามล้างผลพวงรัฐประหารครั้งแรก และเป็นการพิจารณาร่างกฎหมายที่ประชาชนเข้าชื่อเสนอ

ทั้งนี้ เมื่อ 25 พ.ย. 64 iLaw ได้รับแจ้งจากเจ้าหน้าที่สำนักงานเลขาธิการสภาผู้แทนราษฎรว่า ร่าง พ.ร.บ. ที่เคยเข้าชื่อเสนอโดยประชาชน 13,409 คน เพื่อเสนอให้ยกเลิกประกาศและคำสั่งของ คสช. รวม 35 ฉบับ ที่ขัดต่อสิทธิเสรีภาพและประชาธิปไตย ถึงคิวการพิจารณาและจะได้รับการบรรจุในวาระการประชุมของสภาผู้แทนราษฎรในวันที่ 1 ธันวาคม พ.ศ. 2564 จึงขอให้ผู้เสนอกฎหมายเตรียมตัวเพื่อไปนำเสนอในวันดังกล่าวด้วย

ร่างพ.ร.บ.ฉบับนี้ มีชื่อเต็มว่า ร่างพ.ร.บ.ยกเลิกประกาศและคำสั่งคณะรักษาความสงบแห่งชาติ และคำสั่งหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติที่ขัดต่อหลักสิทธิมนุษยชนและประชาธิปไตย พ.ศ. …. หรือเรียกเป็นชื่อเล่นว่า ร่าง #ปลดอาวุธคสช ที่เสนอให้ยกเลิกประกาศและคำสั่ง ซึ่งออกมาโดยการอ้างอำนาจการเป็นรัฏฐาธิปัตย์เมื่อเข้าทำรัฐประหาร และอำนาจพิเศษจาก “มาตรา 44” ซึ่งต่อมาแม้ คสช. จะหมดสถานะไปแล้วแต่ประกาศคำสั่งทั้งหลายยังได้รับการรับรองโดยรัฐธรรมนูญ มาตรา 279 ให้มีผลบังคับใช้ตลอดไปจนกว่าจะถูกยกเลิก และช่องทางการยกเลิกในระบบประชาธิปไตยก็คือ การเสนอให้รัฐสภาออกพระราชบัญญัติมายกเลิก

ตัวอย่างของประกาศและคำสั่งที่เสนอให้ยกเลิก เช่น คำสั่งหัวหน้า คสช. ฉบับที่ 3/2558, 5/2558 และ 13/2559 ที่ให้อำนาจทหารเอาคนไปกักขังเป็นเวลาเจ็ดวัน, ประกาศ คสช. ฉบับที่ 26/2557 ให้ตั้งคณะกรรมการชุดพิเศษเพื่อสั่งปิดกั้นเว็บไซต์ได้โดยไม่ต้องขอหมายศาล, คำสั่งหัวหน้า คสช. ฉบับที่ 47/2560 ที่ให้ยกเว้นการใช้ผังเมืองในโครงการระเบียงเศรษฐกิจภาคตะวันออก (อีอีซี), ประกาศ คสช. ฉบับที่ 97/2557 ที่ให้ควบคุมเนื้อหาในสื่อมวลชน, ประกาศ คสช. ฉบับที่ 37/2557 ที่ให้เอาพลเรือนขึ้นศาลทหาร, ประกาศ คสช. ฉบับที่ 40/2557 ที่ให้การไม่มารายงานตัวกับ คสช. เป็นความผิด ฯลฯ

‘ไพศาล’ เตือนอย่าประมาท ‘คณะก้าวหน้า’ หลังชนะเลือกตั้ง 38 อบต. จาก 196 คิดเป็น 20%

วันที่ 29 พ.ย. 64 นายไพศาล พืชมงคล อดีตกรรมการผู้ช่วยรองนายกรัฐมนตรี (พล.อ. ประวิตร วงษ์สุวรรณ) โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊ก ระบุว่า คณะก้าวหน้าแพ้เลือกตั้ง อบต.? ได้เพียง 38 อบต. จากจำนวนที่ส่งสมัครทั้งหมด 196 อบต. หรือประมาณ 20% (ซึ่งต้องนับว่าไม่น้อย) เพราะอะไร?

ผลสำรวจโพลเป็นการสำรวจคนเมือง และเยาวชนคนรุ่นใหม่ที่กำลังตื่นตัวทางการเมือง จึงได้รับความนิยมมากแต่ในการเลือกตั้งอบต. จริงนั้น เป็นการเลือกในระดับหมู่บ้านตำบล ซึ่งแทบไม่มีเยาวชนคนรุ่นใหม่เลย

‘อนุชา’ โต้ข่าว ‘สามมิตร’ ซบเพื่อไทย ยันไม่จริง โยนถามคนปล่อยข่าวหวังผลอะไร

เมื่อ วันที่ 29 พ.ย. ที่ทำเนียบรัฐมนตรี นายอนุชา นาคาศัย รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ส.ส.ชัยนาท พรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) กล่าวถึงกระแสข่าวกลุ่มสามมิตร เตรียมออกจากพรรคพปชร. กลับไปอยู่กับพรรคเพื่อไทย ว่า ไม่เป็นความจริง ไม่รู้ว่าใครให้ข่าว ให้ไปถามคนที่ให้ข่าว ตนมองว่าคนที่ปล่อยข่าวน่าจะหวังผลอะไรบางอย่าง

ผู้สื่อข่าวถามถึงกระแสข่าวที่ออกมาในขณะนี้ ส่วนใหญ่จะเป็นคนในกลุ่มของสามมิตร นายอนุชา กล่าวว่า ไม่มีกลุ่มสามมิตรแล้ว มีแต่คนที่ทำงานการเมืองอยู่พรรคพปชร.

ปชป.ยินดีว่าที่นายก-สมาชิกอบต. ลั่นพร้อมทำงานร่วมกันเพื่อปชช.ทุกพื้นที่

นายราเมศ รัตนะเชวง โฆษกพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึงการเลือกตั้งสมาชิกสภาองค์การบริหารส่วนตำบล(อบต.) และนายกอบต. ว่า พรรคประชาธิปัตย์ขอแสดงความยินดีต่อผู้ชนะการเลือกตั้งและเป็นกำลังใจให้กับผู้สมัครทุกคนที่ไม่ได้รับการเลือกตั้ง ในทุกพื้นที่  ในส่วนของพรรคพร้อมร่วมทำงาน ส่งเสริมสนับสนุนการทำงานขององค์การบริหารส่วนตำบล อย่างเต็มที่ โดยมุ่งถึงประโยชน์ของประชาชนเป็นที่ตั้ง เพราะพรรคมีอุดมการณ์เรื่องการกระจายอำนาจอย่างชัดเจนตั้งแต่เมื่อครั้งก่อตั้งพรรค คือพรรคจะกระจายอำนาจการดำเนินการในท้องถิ่นให้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้ เนื่องจากความใกล้ชิดขององค์กรในท้องถิ่นมีมากกว่าส่วนกลาง หลักการสำคัญนี้คือจุดตั้งต้นที่สำคัญที่พรรคผลักดันและสนับสนุนการกระจายอำนาจเพื่อให้ประชาชนได้เลือกคนที่เป็นคนในพื้นที่ที่มีความรู้ความเข้าใจปัญหาต่าง ๆ ได้ดี เพื่อเข้าไปทำหน้าที่แก้ปัญหาให้กับประชาชนท้องถิ่นนั้นๆ ในทุกเรื่อง

"สุพัฒนพงษ์" ขอเวลา​ 2-3​ สัปดาห์​ ประเมินพิษ "โอไมครอน" เชื่อ​ ไม่กระทบเปิดประเทศ​ วอน​ ปชช.ฉีดวัคซีน​

ที่ทำเนียบรัฐบาล​ นายสุพัฒนพงษ์​ พันธ์มีเชาว์​ รองนายกรัฐมนตรี และรมว.พลังงาน​ ให้สัมภาษณ์ถึงข้อกังวลเชื้อกลายพันธุ์โอไมครอน จะส่งผลต่อภาคธุรกิจ​และการเปิดประเทศของไทย ว่า ความชัดเจนต้องรอฟังจากกระทรวงสาธารณสุข ซึ่งจะใช้เวลาในช่วงสั้นๆเพื่อดูว่าโอไมครอน มีโครงสร้างทางดีเอ็นเออย่างไร และบริษัทที่ผลิตวัคซีนได้เตรียมความพร้อมทันทีที่ได้ข้อมูลอย่างไร โดยไม่เกิน 2-3 สัปดาห์นี้ น่าจะเห็นว่าความน่ากลัวเป็นอย่างไร และบริษัทที่ผลิตวัคซีนจะปรับตัวในเรื่องนี้อย่างไรเพื่อดูแลและป้องกันโอไมครอน วันนี้ให้ฉีดวัคซีนมากที่สุดเท่าที่จะมากได้ ใครที่ฉีดยังไม่ครบให้ฉีดให้ครบ

ผู้สื่อข่าวถามว่า การเปิดประเทศยังไม่มีการปรับแผน ต้องรอดูสถานการณ์ก่อนใช่หรือไม่ นายสุพัฒนพงษ์ กล่าวว่า เราระมัดระวังเรื่องเปิดประเทศอยู่แล้ว และใน 63 ประเทศที่ให้เข้ามาก็ไม่มีกลุ่มประเทศแอฟริกา อีกทั้งกลุ่มประเทศดังกล่าวหากจะเข้ามาจะต้องกักตัวอยู่ในสถานที่กักตัวทางเลือกก่อน ต้องมีการตรวจเชื้ออย่างละเอียด ข้อมูลเบื้องต้นยังไม่พบว่ามีปัญหาอะไร แต่รายละเอียดต้องรอฟังกระทรวงสาธารณสุข และนับตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไปก็ยังไม่มีใครเข้ามาอีก

 

“อนุชา”โต้เสียงแข็ง “สามมิตร” ซบเพื่อไทย ไม่จริง!

ที่ทำเนียบรัฐมนตรี นายอนุชา นาคาศัย รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ส.ส.ชัยนาท พรรคพลังประชารัฐ(พปชร.)กล่าวถึงกระแสข่าวกลุ่มสามมิตร เตรียมออกจากพรรคพปชร.กลับไปอยู่กับพรรคเพื่อไทย ว่า ไม่เป็นความจริง ไม่รู้ว่าใครให้ข่าว ให้ไปถามคนที่ให้ข่าว ตนมองว่าคนที่ปล่อยข่าวน่าจะหวังผลอะไรบางอย่าง

ผู้สื่อข่าวถามถึงกระแสข่าวที่ออกมาในขณะนี้ ส่วนใหญ่จะเป็นคนในกลุ่มของสามมิตร นายอนุชา กล่าวว่า ไม่มีกลุ่มสามมิตรแล้ว มีแต่คนที่ทำงานการเมืองอยู่พรรคพปชร.

'โฆษกรัฐบาล' เผย กำหนดการ 'นายกฯ' ลงพื้นที่ อุดรธานี ถกแผนเปิดเมือง 'อุดร พลัส โมเดล' 

นายธนกร วังบุญคงชนะ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เผยว่า พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม เตรียมลงพื้นที่ตรวจราชการจังหวัดอุดรธานี ในวันที่ 1 ธันวาคมนี้ เพื่อประชุมร่วมกับจังหวัด ภาคเอกชน และผู้ประกอบในพื้นที่ เพื่อกำหนดทิศทางการพัฒนาจังหวัดอุดรธานีและแผนเปิดเมือง "อุดร พลัส โมเดล" โดยนายกรัฐมนตรีและคณะ มีกำหนดการและภารกิจ ดังนี้ 

นายธนกร กล่าวว่า ช่วงเช้า นายกรัฐมนตรีและคณะจะเดินทางไปยังวัดเกษรศีลคุณ (วัดป่าบ้านตาด) ต.บ้านตาด อ.เมืองอุดรธานี จ.อุดรธานี  เพื่อกราบนมัสการพระราชวชิรธรรมาจารย์ (หลวงพ่อสุธรรม สุธัมโม) เจ้าอาวาสวัดเกษรศีลคุณ (วัดป่าบ้านตาด) และพระราชภาวนาวชิรากร (หลวงพ่ออินทร์ถวาย สันตุสสโก)
เจ้าอาวาสวัดอุดมมงคลวนาราม (วัดป่านาคำน้อย) จากนั้น จะติดตามความก้าวหน้าพิพิธภัณฑ์ธรรมเจดีย์พระธรรมวิสุทธิมงคล (หลวงตามหาบัว) ซึ่งเป็นอนุสรณ์สถานที่บรรจุอัฐิธาตุและเครื่องอัฐบริขารของหลวงตาพระมหาบัว ญาณสัมปันโน รวมทั้งยังเป็นสถานที่เผยแพร่ธรรมะ คำสอน เก็บรวบรวมประวัติหนังสือ คำสอนต่างๆ เพื่อเตือนใจให้เยาวชน คนรุ่นหลัง ทำความดีเพื่อพุทธศาสนาและประเทศชาติ

นายธนกร กล่าวว่า นายกรัฐมนตรีจะประชุมร่วมกับหน่วยงานภาครัฐและเอกชนของจังหวัดอุดรธานี  ณ ศูนย์ประชุมมลฑาทิพย์ ฮอลล์ อ.เมืองอุดรธานี  โดยผู้ว่าราชการจังหวัดอุดรธานีจะรายงานสรุปทิศทางการพัฒนาจังหวัดอุดรธานี การเชื่อมโยงระบบการขนส่งและโลจิสติกส์ระหว่างจังหวัดอุดรธานีกับจังหวัดในอนุภูมิภาคลุ่มน้ำโขง (GMS)   ขณะที่ภาคเอกชน โดยหอการค้าจังหวัดอุดรธานี จะนำเสนอทิศทางการค้า การลงทุน และประโยชน์ที่ชาวอุดรธานีได้รับจากนโยบายของรัฐบาล

โอกาสนี้ นายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดอุดรธานีจะนำเสนอการเตรียมความพร้อมของจังหวัดอุดรธานีในการเป็นเจ้าภาพการจัดมหกรรมพืชสวนโลก 2026 ภายใต้แนวคิด Harmony of Life : วิถีชีวิต สายนํ้า และพืชพรรณ กระตุ้นการเดินทางท่องเที่ยวด้วยเทศกาลระดับนานาชาติ ยกระดับรายได้และคุณภาพชีวิต ผ่านการวิจัยและต่อ ยอดสู่โมเดลเศรษฐกิจแบบ BCG สร้างความยั่งยืนของทรัพยากรธรรมชาติ รวมทั้งรับฟังมุมมองนักธุรกิจรุ่นใหม่ในการพัฒนาจังหวัดอุดรธานีด้วย

“โฆษกรัฐบาล” เผย นายกฯ สั่งเปิดเวทีรับฟังความคิดเห็นทุกส่วน หลังปิดหัวลำโพง ยัน พัฒนาพื้นที่ ไม่ทุบ-รื้อถอน -ไม่ให้กระทบปชช.

นายธนกร วังบุญคงชนะ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรมว.กลาโหม สั่งการให้หารือถึงผลกระทบจากการปิดสถานีรถไฟกรุงเทพ หรือหัวลำโพง เพื่อพัฒนาพื้นที่ โดยให้หน่วยงานเกี่ยวข้องพิจารณาดำเนินการให้เกิดประโยชน์สูงสุด ส่งผลกระทบถึงประชาชนน้อยที่สุด ซึ่งกระทรวงคมนาคม โดยการรถไฟแห่งประเทศไทย ได้เร่งเปิดเวทีสาธารณะ รับฟังความคิดเห็นจากทุกภาคส่วน เพื่อนำมาประกอบการพิจารณาหาข้อสรุปการใช้งานและการพัฒนาพื้นที่เชิงพาณิชย์ ให้สามารถตอบโจทย์ในทุกมิติ ไม่ให้เกิดผลกระทบต่อประชาชน 

ทั้งนี้การพัฒนาพื้นที่จะไม่ทุบหรือรื้อทิ้งสิ่งปลูกสร้างสถานีรถไฟหัวลำโพง เพราะจากการประเมินรายได้ในอนาคตระยะเวลา 30 ปี พบว่าจะมีรายได้รวม 8แสนล้านบาท โดยในปีแรกจะอยู่ที่ 5พันล้านบาท และปีที่ 5 จะเพิ่มขึ้นอยู่ที่ประมาณ 1 หมื่นล้านบาท เพียงพอต่อการแก้ไขปัญหาภาระหนี้ของรถไฟที่ขาดทุนสะสมต่อเนื่อง  

‘บิ๊กตู่’ ผวา! ปิดหัวลำโพงบานปลาย สั่งเปิดเวทีรับฟังความเห็นทุกฝ่าย

โฆษกรัฐบาลเผย นายกฯ ห่วงใยปชช. ได้รับผลกระทบปิดหัวลำโพง สั่งการให้เร่งเปิดเวทีรับฟังความคิดเห็นทุกภาคส่วนเพื่อการดำเนินการอย่างรอบคอบ ไม่ให้เกิดผลกระทบต่อประชาชน

29 พ.ย. 64 นายธนกร วังบุญคงชนะ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า พล.อ. ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรมว.กลาโหม สั่งการให้หารือถึงผลกระทบจากการปิดสถานีรถไฟกรุงเทพ (หัวลำโพง) เพื่อพัฒนาพื้นที่ และได้สั่งการให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องร่วมพิจารณาการดำเนินการเพื่อให้เกิดประโยชน์สูงสุด ส่งผลกระทบถึงประชาชนน้อยที่สุด โดยให้รับฟังความคิดเห็นของประชาชนนั้น ทางกระทรวงคมนาคม โดยการรถไฟแห่งประเทศไทย ได้เร่งดำเนินการเปิดเวทีสาธารณะรับฟังความคิดเห็นจากทุกภาคส่วน เพื่อนำมาประกอบการพิจารณาและหาข้อสรุปการใช้งานและการพัฒนาพื้นที่เชิงพาณิชย์ ให้สามารถตอบโจทย์การดำเนินงานในทุกมิติได้อย่างแท้จริง และไม่ให้เกิดผลกระทบต่อประชาชน

ทั้งนี้ การพัฒนาพื้นที่จะไม่มีการทุบหรือรื้อทิ้งสิ่งปลูกสร้างสถานีรถไฟหัวลำโพง และจากการประเมินรายได้ในอนาคตในระยะเวลา 30 ปี พบว่าจะมีรายได้เข้ามารวม 800,000 ล้านบาท โดยในปีแรกจะอยู่ที่ 5,000 ล้านบาท และปีที่ 5 จะเพิ่มขึ้นอยู่ที่ประมาณ 10,000 ล้านบาท ซึ่งจะเพียงพอต่อการแก้ไขปัญหาภาระหนี้ของรถไฟที่ขาดทุนสะสมต่อเนื่อง

'บิ๊กตู่' แนะ ปชช.เที่ยวรับหนาว แบบนิวนอมอล ดูแลสุขภาพ นอนอุทยานฯ ระวังตัวไรอ่อน ทำป่วย โรคไข้รากสาดใหญ่

นายธนกร วังบุญคงชนะ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหมพอใจภาพรวมของการท่องเที่ยวในประเทศ กระแสของคนไทยที่เที่ยวในประเทศก็มีทิศทางที่ดีขึ้น โดยความคืบหน้าโครงการเราเที่ยวด้วยกันเฟส 3 และทัวร์เที่ยวไทย ได้รับกระแสตอบรับเป็นอย่างดีจากผู้ประกอบการธุรกิจท่องเที่ยวและอุตสาหกรรมต่อเนื่อง 

ในส่วนของโครงการเราเที่ยวด้วยกันเฟส 3 มีประชาชนให้ความสนใจลงทะเบียนเข้าร่วมโครงการฯ แล้วจำนวน 962,968 คน ผู้ประกอบการ 8,920 คน ยอดการจองโรงแรมที่พักสะสม 1.5 ล้านห้อง ทำมูลค่าสะสมรวมทั้งสิ้น 5,996 ล้านบาท และในส่วนของโครงการทัวร์เที่ยวไทย ที่รัฐบาลจะสนับสนุนค่าแพ็คเกจท่องเที่ยว 40% ไม่เกิน 5,000 บาทต่อสิทธิ จำนวน 1 ล้านสิทธิ ล่าสุดมีบริษัททัวร์สมัครลงทะเบียนเพิ่มขึ้นจำนวนกว่า 759 คน และบริษัทนำเที่ยวที่เปิดถุงเงินแล้วจำนวน 1,816 คน ยอดรวมมูลค่าการเดินทางและค่าใช้จ่ายการสะสม 18.4 ล้านบาท ข้อมูล ณ วันที่ 26 พ.ย.2564 โดยประชาชนสามารถจองแพ็คเกจทัวร์ผ่านผู้ประกอบการนำเที่ยวโดยตรง และใช้สิทธิทั้ง 2 โครงการได้ถึง 31 มกราคม 2565

ช่วงนี้เข้าสู่ฤดูหนาวแล้ว อุณหภูมิเริ่มลดลง หลายพื้นที่อากาศเย็น มีลมหนาว ประกอบกับกรมอุทยานแห่งชาติสัตว์ป่าและพันธุ์พืช ได้เปิดให้บริการท่องเที่ยวในอุทยานแห่งชาติทั่วประเทศ 136 แห่ง เมื่อวันที่ 1 พฤศจิกายน ที่ผ่านมา โดยมีมาตรการการจองเข้าอุทยานฯ ผ่าน แอปพลิเคชั่น QueQ พร้อมแสดงหลักฐานการฉีดวัคซีนอย่างน้อย 1 เข็ม ไม่ต่ำกว่า 14 วัน หรือต้องแสดงผลการตรวจหาเชื้อด้วยวิธี RT-PCR หรือ ATK จากสถานพยาบาล สร้างความเชื่อมั่นให้นักท่องเที่ยวสายธรรมชาติ ออกเดินทางท่องเที่ยวตามป่าเขาและกางเต็นท์นอนเพื่อสัมผัสอากาศหนาว

ทำให้มีความเสี่ยงที่จะถูกตัวไรอ่อนที่อาศัยอยู่ในป่ากัด อาจติดเชื้อและป่วยเป็นโรคไข้รากสาดใหญ่ หรือโรคสครับไทฟัส เกิดจากการติดเชื้อแบคทีเรียชนิดหนึ่ง  ซึ่งมีตัวไรอ่อนเป็นพาหะ โดยไรอ่อนจะอาศัยอยู่ตามใบไม้ ใบหญ้า ใกล้กับพื้นดิน ไรอ่อนจะกระโดดเกาะตามเสื้อผ้าของคนและกัดผิวหนังที่สัมผัสกับเสื้อผ้า กรมควบคุมโรคได้แนะนำให้ประชาชนที่เดินทางท่องเที่ยวตั้งแคมป์ กางเต็นท์นอนในป่า ควรสวมใส่เสื้อผ้าให้มิดชิด เช่น เสื้อที่ปิดคอ เสื้อแขนยาว และกางเกงขายาว ส่วนที่อยู่นอกร่มผ้าให้ทาโลชั่นกันยุงที่มีส่วนผสมของสาร DEET หรือใช้สมุนไพรทากันยุงซึ่งจะสามารถป้องกันตัวไรอ่อนกัดได้เช่นกัน


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top