Sunday, 27 April 2025
NEWS

‘หมูเด้ง’ เกิดมาเพื่อเป็นซุปตาร์ดังไกลกระฉ่อนโลก

นับตั้งแต่ลืมตาดูโลก เมื่อวันที่ 10 กรกฎาคม 2567 ‘หมูเด้ง’ ลูกฮิปโปแคระสุดน่ารัก จากสวนสัตว์เปิดเขาเขียว จ.ชลบุรี ก็ก้าวขึ้นมาอยู่ในความสนใจและส่งต่อความน่ารัก เด้ง ดีด ไปทั่วโลก เรียกว่าสร้างกระแสฟีเวอร์ชนิดไม่มีแผ่วตลอดหลายเดือนที่ผ่านมา

สำหรับ หมูเด้ง เป็นลูกฮิปโปแคระ เพศเมีย เกิดจากแม่ชื่อโจนา อายุ 25 ปี และพ่อชื่อโทนี่ อายุ 24 ปี เมื่อวันที่ 10 กรกฎาคม 2567 ในช่วงแรกที่หมูเด้งเกิดมา ทางสวนสัตว์เปิดเขาเขียวได้มีการเปิดโหวตให้ประชาชนได้ช่วยกันตั้งชื่อให้ลูกฮิปโปแคระตัวนี้ โดยมี 3 ชื่อให้เลือก คือ หมูเด้ง หมูแดง และหมูสับ ซึ่งชื่อ “หมูเด้ง” ก็ได้รับการโหวตมากที่สุด ซึ่งเกิดจากการอยู่ไม่นิ่งและพร้อมจะสวบคนเลี้ยงตลอดเวลาของเจ้าฮิปโปตัวน้อยนั่นเอง

หลังจากน้องหมูเด้งลืมตาดูโลกได้ไม่นาน ก็ได้สร้างวีรกรรมแสนซนทั้งเด้ง ดีด สวบ วิ่งวุ่น กลายเป็นกระแสโด่งดังไปทั่วโลก ชนิดรันไปทุกวงการ หลาย ๆ คลิปและภาพความน่ารักของหมูเด้งถูกเผยแพร่ออกไปจนกลายเป็นไวรัล พร้อมกับเกิดปรากฏการณ์ “หมูเด้งฟีเวอร์” มีนักท่องเที่ยวเดินทางไปเฝ้ารอชมความน่ารักที่สวนสัตว์เปิดเขาเขียวอย่างเนืองแน่น

ไม่เพียงเท่านั้น สื่อดังจากตะวันตกไม่ว่าจะเป็น BBC, the Guardian, The Independent, TIME และรอยเตอร์ ต่างก็พร้อมใจกันนำเสนอเรื่องราวความน่ารักของฮิปโปแคระแห่งสวนสัตว์เปิดเขาเขียวกันโดยพร้อมเพรียง 

นอกจากนี้ ยังมีคนดังจำนวนมากที่แวะเวียนมาเยี่ยมหมูเด้งที่สวนสัตว์อย่างไม่ขาดสาย และต้องยอมรับว่าผู้ที่มีกระแสฟีเวอร์มากที่สุดในปีนี้ คงหนีไม่พ้น ‘น้องหมูเด้ง’ ที่สร้างกระแสสุดปัง พร้อมเข้าไปนั่งอยู่ในใจคนไทยและคนทั่วโลก

THE STATES TIMES ไม่อาจกล้าหยิบยกคำใดมาเชิดชู แค่อยากให้รู้ว่า “เราภูมิใจในตัวคุณ”

บุ๋ม ปนัดดา วงศ์ผู้ดี งดงามทั้งใจและใบหน้า

ในห้วงวิกฤตต่าง ๆ ในประเทศไทยไม่ว่าจะเป็นในช่วงโควิด – 19 ระบา หรือ เหตุอุทกภัยใหญ่ ทุกคนจะได้เห็นผู้หญิงแกร่งที่งดงามทั้งจิตใจและใบหน้า อย่าง ‘บุ๋ม – ปนัดดา วงศ์ผู้ดี’ ระธานมูลนิธิองค์กรทำดี ที่ลงพื้นที่ช่วยเหลือผู้ที่กำลังได้รับความเดือดร้อนอยู่เสมอ

สำหรับบุ๋ม ปนัดดา นั้นได้ชื่อว่านางฟ้าบนดินอย่างแท้จริง เนื่องจากเป็นนางงามที่มักทำความดีช่วยเหลือสังคม โดยไม่หวังผลตอบแทนอยู่เป็นประจำตลอดระยะเวลากว่า 10 ปีที่ผ่านมา และยังเป็นขาลุยที่พร้อมลงพื้นที่ช่วยเหลือผู้ประสบภัยในหลากหลายรูปแบบอยู่เสมอ อย่างในอุทกภัยครั้งใหญ่ที่เกิดขึ้นที่จังหวัดเชียงราย เมื่อไม่กี่เดือนที่ผ่านมา บุ๋ม ปนัดดา พร้อมทีมงานได้ลงช่วยเหลือผู้ประสบภัยตั้งแต่วันแรกๆ ที่เกิดเหตุน้ำท่วม และอยู่ร่วมฟื้นฟูหลังน้ำลดอีกนานนับเดือน จนกระทั่งสถานการณ์กลับสู่ภาวะปกติ

ดังนั้น บุ๋ม ปนัดดา จึงถือเป็นอีกหนึ่งบุคคลในวงการบันเทิงที่เป็นต้นแบบแห่งการทำความดี และไม่เพียงแต่การช่วยเหลือคนในห้วงเวลาที่ประสบภัยเท่านั้น แต่เธอยังเป็นอีกหนึ่งคนที่ออกตัวเพื่อชนกับปัญหาที่ผู้หญิงถูกทำร้ายและถูกข่มขืนมาโดยตลอดด้วยเช่นกัน นั่นจึงไม่ใช่เรื่องแปลกที่ใคร ๆ จะเรียกเธอว่า ‘นางฟ้าบนดิน’ ที่งดงามทั้งจิตใจและใบหน้ามาตลอดหลายปี

THE STATES TIMES ไม่อาจกล้าหยิบยกคำใดมาเชิดชู แค่อยากให้รู้ว่า “เราภูมิใจในตัวคุณ”

ปฏิบัติการเด็ดปีกเหล่าบอส ธุรกิจหมื่นล้านสู่ข้อหาฉ้อโกง-แชร์ลูกโซ่

ย้อนมหากาพย์คดีดิไอคอน จากเครือข่ายบริษัทขายออนไลน์หมื่นล้าน 'บอสพอล' สู่ข้อกล่าวหาฉ้อโกงประชาชน-แชร์ลูกโซ่ ความเสียหาย 3,000 ล้านบาท

ยังคงเป็นเรื่องที่จะต้องติดตามอย่างต่อเนื่อง สำหรับ 'มหากาพย์คดีดิไอคอน' ซึ่งปัจจุบันพบยอดรวมผู้เสียหายที่เข้าให้ปากคำกับศูนย์รับแจ้งความร้องทุกข์ในคดีดิไอคอน กรุ๊ป ของสำนักงานตำรวจแห่งชาติทั่วประเทศ มากกว่า 9 พันคน รวมมูลค่าความเสียหายกว่า 3,000 ล้านบาท

TST พาไล่เรียงลำดับเหตุการณ์ของ 'มหากาพย์คดีดิไอคอน' ตั้งแต่เริ่มต้นที่กลายมาเป็นประเด็นร้อน จนถึงความคืบหน้าล่าสุดในปัจจุบัน

บริษัท ดิไอคอนกรุ๊ป จำกัด (The iCON GROUP) ก่อตั้งขึ้นเมื่อวันที่ 1 มิถุนายน 2561 โดยมีการแจ้งประเภทธุรกิจเป็นการขายปลีกทางอินเทอร์เน็ต และ 'บอสพอล' วรัตน์พล วรัทย์วรกุล ได้รับการจดทะเบียนเป็นกรรมการบริษัท โดยในระหว่างปี 2562-2566 รายได้รวมของบริษัทฯ สูงถึง 10,613,171,867 บาท

อย่างไรก็ตาม การดำเนินธุรกิจของบริษัทเริ่มถูกตั้งข้อสงสัยในปี 2567 ว่าอาจเข้าข่ายแชร์ลูกโซ่ หลังจากกลุ่มผู้เสียหายที่เปิดบิลแล้วไม่สามารถขายสินค้าได้ เริ่มออกมาร้องเรียนในเพจต่างๆ กระทั่งกลายเป็นประเด็นร้อนแรงเมื่อ 'กบ ไมโคร' หรือ นายไกรภพ จันทร์ดี นักร้องรุ่นใหญ่ โพสต์เฟซบุ๊กแฉว่าเขาลงทุน 2 ล้านบาทกับบริษัทแห่งนี้ แต่สุดท้ายต้องเลิกลงทุน พร้อมกับกล่าวหาว่ามีผู้สูงอายุหลายคนลงทุนจนแทบสูญเสียทุกอย่าง และเรียกร้องให้หยุดธุรกิจที่อันตรายกว่าธุรกิจ 18 มงกุฎ

จากนั้น ผู้เสียหายเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ และหลายเพจเฟซบุ๊กดังเริ่มเปิดเผยข้อมูลไม่พอใจในการดำเนินธุรกิจของบริษัท ดิไอคอนกรุ๊ป ซึ่งวิธีการธุรกิจที่มีการเชิญชวนให้เข้าร่วมอบรม-สัมมนาก่อนชวนเปิดบิลขายสินค้าหรือเป็นดีลเลอร์ นั้นถูกมองว่าเหมือนการทำแชร์ลูกโซ่ แม้ว่าจะมีการขายสินค้า แต่สินค้าหลายรายการกลับไม่ได้รับความนิยมตามที่โฆษณาไว้

เมื่อประเด็นร้อนเริ่มขยายตัว 'บอสพอล' วรัตน์พล วรัทย์วรกุล ซีอีโอของดิไอคอนกรุ๊ป ได้โพสต์ผ่านเฟซบุ๊กยืนยันว่า ตลอดระยะเวลา 6 ปีที่ทำธุรกิจ ผ่านระบบตัวแทนของบริษัทฯ เขาเชื่อมั่นว่าได้ดำเนินธุรกิจอย่างโปร่งใสและไม่ผิดกฎหมาย พร้อมยืนยันว่าเขาเป็นผู้บริสุทธิ์

ในขณะเดียวกัน ข้อมูลของบรรดา 'บอสดิไอคอน' ที่มีชื่อเสียงเริ่มถูกขุดคุ้ยออกมาเผยแพร่ ซึ่งประกอบด้วย 'บอสกันต์' กันต์ กันตถาวร (CMO), 'บอสแซม' ยุรนันท์ ภมรมนตรี (CRO), และ 'บอสมีน' พีชญา วัฒนามนตรี (CCO) ทำให้บริษัทดิไอคอนกรุ๊ปต้องออกแถลงการณ์ชี้แจงว่า บุคคลเหล่านี้ไม่ได้เป็นผู้ถือหุ้นบริษัท แต่เป็นเพียงผู้ช่วยในการทำการตลาด

หลังจากที่ผู้เสียหายออกมาแจ้งความร้องทุกข์เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง ตำรวจได้ออกหมายจับผู้บริหารและบอสใหญ่ของบริษัทดิไอคอนกรุ๊ป 18 คน ในข้อหาฉ้อโกงประชาชนและความผิดตาม พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ รวมถึงข้อหาฉ้อโกงประชาชนเกี่ยวกับแชร์ลูกโซ่ ตาม พ.ร.ก.กู้ยืมเงินที่เป็นการฉ้อโกง

รายชื่อผู้ถูกจับรวมถึง 'บอสพอล' และบอสจากวงการบันเทิงอีกหลายคน ทั้ง 'บอสกันต์' กันต์ กันตถาวร, 'บอสแซม' ยุรนันท์ ภมรมนตรี, และ 'บอสมีน' พีชญา วัฒนามนตรี

ในขณะที่กลุ่มบอสดิไอคอนยังคงยืนยันว่า ธุรกิจของบริษัทไม่ได้เป็นแชร์ลูกโซ่หรือการฉ้อโกงประชาชน แต่ทางคดีได้มีการขุดข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับการจ่ายเงินสินบนและความเชื่อมโยงกับผู้ใหญ่ในรัฐบาลที่ถูกเปิดเผยโดย 'เอกภพ เหลืองประเสริฐ' ผู้ก่อตั้งเพจสายไหมต้องรอด โดยอ้างว่ามีการใช้เงินสดฟอกแปลงเป็นสกุลเงินดิจิทัลและจ่ายสินบนในรูปแบบต่างๆ โดยมีการเซ่นไหว้ 'เทวดา' เพื่อขอความคุ้มครอง

เรื่องราวนี้ยังคงเป็นที่จับตามองในสังคม และยังคงมีการขยายผลสืบสวนอย่างต่อเนื่อง

โค้ชเช ชัชชัย เช ผู้สร้างประวัติศาสตร์เทควันโดไทย

ตลอดหลายปีที่ผ่านมา ในการแข่งขันกีฬาเทควันโดรายการใหญ่ ๆ เรามักจะเห็นชายคนหนึ่งที่ทำทั้งหน้าที่โค้ช และทำหน้าที่ประท้วงกรรมการเพื่อรักษาผลประโยชน์ให้กับนักกีฬาไทย ชายเกาหลีหัวใจไทย คนนั้นก็คือ โคชเช ชัชชัย เช หรือ ชื่อเดิม ชเว ย็อง-ซ็อก หัวหน้าผู้ฝึกสอนเทควันโดไทย นั่นเอง

สำหรับโค้ชเช คือผู้สร้างประวัติศาสตร์ให้กับเทควันโดของไทยอย่างแท้จริง ภายใต้การฝึกสอนของเขานั้น สามารถพา น้องเทนนิส - พาณิภัค วงศ์พัฒนกิจ คว้าเหรียญทองโอลิมปิกมาได้ 2 สมัยติด และในฐานะผู้ฝึกสอนชาวไทย ยังได้พานักกีฬาไปแข่งโอลิมปิกมาแล้วถึง 5 สมัย

ตลอดระยะเวลาในการทำงานเป็นผู้ฝึกสอนเทควันโดทีมชาติไทย โค้ชเช ได้ช่วยพัฒนานักกีฬาเทควันโดไทย จากที่เป็นอันดับท้ายๆของโลกก้าวมาสู่ 1-10 ของโลก พร้อมกับผลงานสำคัญบนเวทีโลก ทั้งในระดับโอลิมปิกเกมส์ เอเชียนเกมส์ และรายการชิงแชมป์โลก และสามารถกวดเหรียญรางวัลมาได้อย่างมากมาย 

โค้ชเชได้เข้ามาเป็นโค้ชให้นักกีฬาเทควันโดทีมชาติไทย ตั้งแต่วันที่ 1 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2545 จวบถึงปัจจุบัน ได้สร้างผลงานโดดเด่น ได้แก่
- พาณิภัค วงศ์พัฒนกิจ เหรียญทองโอลิมปิก 2020 ที่ญี่ปุ่น, โอลิมปิก 2024 ที่ฝรั่งเศส และเหรียญทองแดงโอลิมปิก 2016 ที่บราซิล
- บุตรี เผือดผ่อง เหรียญเงินโอลิมปิก 2008 ที่จีน
- เทวินทร์ หาญปราบ เหรียญเงินโอลิมปิก 2016 ที่บราซิล
- เยาวภา บุรพลชัย เหรียญทองแดงโอลิมปิก 2004 ที่กรีซ
- ชนาธิป ซ้อนขำ เหรียญทองแดงโอลิมปิก 2012 ที่สหราชอาณาจักร และเหรียญทองเอเชียนเกมส์ 2010 ที่กว่างโจว ประเทศจีน
- สริตา ผ่องศรี และ ชัชวาล ขาวละออ เหรียญทองเอเชียนเกมส์ 2010 ที่กว่างโจว ประเทศจีน

ผลงานยอดเยี่ยมด้วยการทำให้นักกีฬาเทควันโดทีมชาติไทยประสบความสำเร็จและเป็นแชมป์โลกได้ถึง 4 คน ได้แก่
- รังสิญา นิสัยสม แชมป์เทควันโดโลก รุ่นไม่เกิน 62 กก.หญิง ในปี 2011 ที่ประเทศเกาหลีใต้
- ชัชวาล ขาวละออ แชมป์เทควันโดโลก รุ่นไม่เกิน 54 กก.ชาย ในปี 2011 ที่ประเทศเกาหลีใต้
- ชนาธิป ซ้อนขำ แชมป์เทควันโดโลก รุ่นไม่เกิน 49 กก.หญิง ในปี 2013 ที่ประเทศเม็กซิโก
- พาณิภัค วงศ์พัฒนกิจ แชมป์เทควันโดโลก รุ่นไม่เกิน 46 กก.หญิง ในปี 2015 ที่ประเทศรัสเซีย

สำหรับ ชื่อ ชัชชัย เช ซึ่งแปลว่า "ชัยชนะที่มั่นคง" ได้รับการตั้งจาก สมเด็จพระมหารัชมงคลมุนี (ธงชัย ธมฺมธโช) กระทั่งเมื่อวันที่ 19 ตุลาคม พ.ศ. 2565 พระบาทสมเด็จพระวชิรเกล้าเจ้าอยู่หัวทรงพระกรุณาโปรดเกล้าโปรดกระหม่อมพระราชทานพระบรมราชานุญาตให้แปลงสัญชาติเป็นสัญชาติไทย จากเดิมที่มีหัวใจไทยก็กลายเป็นคนไทยอย่างเต็มตัว

THE STATES TIMES ไม่อาจกล้าหยิบยกคำใดมาเชิดชู แค่อยากให้รู้ว่า “เราภูมิใจในตัวคุณ”

เอเลี่ยนสปีชีส์ตัวร้าย แพร่กระจายทำลายระบบนิเวศท้องถิ่น

ประเทศไทยกำลังเผชิญการแพร่ระบาดของ ปลาหมอคางดำ (Blackchin Tilapia) หรือที่เรียกกันว่า ปลาหมอสีคางดำ ในหลายพื้นที่ สร้างความเสียหายร้ายแรงต่อเกษตรกรและส่งผลกระทบต่อระบบนิเวศทางน้ำ โดยปลาชนิดนี้ถูกจัดให้เป็น เอเลียนสปีชีส์ ที่ต้องเฝ้าระวังอย่างเข้มงวด  

ปลาหมอคางดำมีถิ่นกำเนิดในแอฟริกา และแพร่กระจายจากแอฟริกาตะวันตกเฉียงเหนือไปยังชายฝั่งในประเทศอย่างไนจีเรีย เซเนกัล และกานา โดยถูกนำเข้ามาในประเทศไทยครั้งแรกในปี พ.ศ. 2553 เพื่อทดลองเลี้ยงในเชิงพาณิชย์ อย่างไรก็ตาม การทดลองล้มเหลวและปลาชนิดนี้เริ่มหลุดรอดออกมาสู่ธรรมชาติ  

ปลาหมอคางดำมีลักษณะเด่นคือ ขนาดตัวที่ยาวถึง 8 นิ้ว ตัวผู้มีสีดำเด่นบริเวณหัวและแผ่นปิดเหงือกเมื่อโตเต็มวัย มีความสามารถปรับตัวสูง สามารถอาศัยอยู่ได้ทั้งในน้ำจืด น้ำกร่อย และน้ำเค็ม และทนต่อการเปลี่ยนแปลงของความเค็มได้อย่างรวดเร็ว  

ในด้านพฤติกรรม ปลาหมอคางดำมีอัตราการขยายพันธุ์สูง ตัวเมียสามารถวางไข่ได้ 150-300 ฟองต่อรอบ โดยตัวผู้จะช่วยฟักไข่ในปากได้นาน 2-3 สัปดาห์ นอกจากนี้ยังมีระบบย่อยอาหารที่มีประสิทธิภาพสูง ทำให้ต้องการอาหารตลอดเวลา และมีพฤติกรรมการกินที่หลากหลาย ตั้งแต่แพลงก์ตอน ลูกหอย ลูกกุ้ง ไปจนถึงซากสิ่งมีชีวิต  

ปลาหมอคางดำเป็นภัยคุกคามต่อความหลากหลายทางชีวภาพของสัตว์น้ำพื้นถิ่น ทำให้สัตว์น้ำบางชนิดเสี่ยงต่อการสูญพันธุ์ และส่งผลกระทบต่อความสมดุลของระบบนิเวศ นอกจากนี้ ยังสร้างความเสียหายต่ออุตสาหกรรมประมง โดยเฉพาะการเลี้ยงกุ้ง เช่น กุ้งกุลาดำและกุ้งขาว  

ในปี พ.ศ. 2566 ปลาหมอคางดำถูกประกาศเป็นสัตว์น้ำต้องห้ามนำเข้าประเทศ แต่การแพร่ระบาดยังคงขยายวงกว้าง โดยพบการแพร่กระจายในจังหวัดสมุทรสาคร สมุทรสงคราม สมุทรปราการ รวมถึงพื้นที่ชานเมืองและใจกลางกรุงเทพมหานคร  

รัฐบาลได้ประกาศให้การจัดการกับปลาหมอคางดำเป็นวาระแห่งชาติในปี พ.ศ. 2567 และกำลังดำเนินมาตรการควบคุมประชากรปลาด้วยวิธีต่าง ๆ เช่น การปล่อยปลานักล่า เช่น ปลากะพงขาว ลงสู่แหล่งน้ำธรรมชาติเพื่อลดจำนวนประชากรปลาหมอคางดำ  

การแก้ไขวิกฤตปลาหมอคางดำในประเทศไทยต้องอาศัยความร่วมมือจากทุกภาคส่วน ทั้งเกษตรกร นักวิทยาศาสตร์ และหน่วยงานภาครัฐ เพื่อปกป้องระบบนิเวศและความหลากหลายทางชีวภาพในประเทศจากการคุกคามของสายพันธุ์รุกรานชนิดนี้

วิว กุลวุฒิ วิทิตศานต์ เจ้าของเหรียญเงินโอลิมปิกประวัติศาสตร์แบดมินตันไทย

แม้ว่าจะได้เพียงเหรียญเงิน ในการแข่งขันกีฬาโอลิมปิก 2024 ที่ผ่านมา สำหรับ ‘วิว  กุลวุฒิ วิทิตศานต์’ นักแบดมินตันชายเดี่ยว ทีมชาติไทย แต่ก็ว่าเป็นประวัติศาสตร์ของแบดมินตันไทยที่ได้เหรียญโอลิมปิกเป็นครั้งแรก

และยังถือเป็นปีทองของวิว กุลวุฒิ อย่างแท้จริง หลังจากก่อนหน้านี้เจ้าตัวสามารถคว้าแชมป์โลกมาได้เมื่อปี 2023 ก่อนจะผ่านเข้าสู่โอลิมปิกเกมส์ ปารีส 2024 เพื่อสร้างผลงานต่อ และก็เริ่มต้นได้อย่างยอดเยี่ยม ผ่านรอบแรกไปได้แบบฉลุย แม้ว่าในรอบน็อกเอาต์ จะต้องเจอด่านหินทั้ง นิชิโมโตะ จากญี่ปุ่น รวมถึง รอบก่อนรอง ยังปราบเอาชนะ ฉี ยู่ ฉี มือวางอันดับ 1 ของโลก จากจีนไปแบบทำเอาแฟนชาวไทยเฮกันสุดเสียง 2-0 เกม และรอบรองฯ เอาชนะ ลี ซี เจี่ย จากมาแลซีย 2-0 เกม

ถึงแม้รอบชิงชนะเลิศ วิว กุลวุฒิ จะพ่ายให้กับ วิคเตอร์ อเซลเว่น แชมป์เก่าจากเดนมาร์ก 0-2 เกม ไม่สามารถคว้าเหรียญทองได้ตามที่ตั้งใจ แต่ก็นับได้ว่าเป็นผลงานที่สุดยอดอย่างยิ่ง และทำให้กลายเป็นนักแบดมินตันชายเดี่ยวคนแรกของไทยที่คว้าเหรียญได้ นับตั้งแต่กีฬาบรรจุมาครั้งแรกในปี 1992

THE STATES TIMES ไม่อาจกล้าหยิบยกคำใดมาเชิดชู แค่อยากให้รู้ว่า “เราภูมิใจในตัวคุณ”

โตโน่ ภาคิน คำวิลัยศักดิ์ ดาราที่มุ่งมั่นทำดีฝ่าทุกกระแสดรามา

นับตั้งแต่ก้าวย่างเข้าสู่วงการบันเทิงผ่านการแข่งขันรายการเดอะสตาร์ 6 ‘โตโน่ – ภาคิน คำวิลัยศักดิ์’ เป็นหนึ่งในนักร้องนักแสดง ที่มีดรามามาโดยตลอด ไม่ว่าจะเป็นในเรื่องความรัก หรือการทำงาน

จะว่าไปแล้ว โตโน่ ซึ่งปัจจุบันมีหลายบทบาท ทั้งเป็นนักร้อง นักแสดง นักฟุตบอล และ ปัจจุบันเป็นรักษาการประธานสโมสรเกษตรศาสตร์ ไม่ว่าจะก้าวย่างหรือทำอะไร มักจะถูกหยิบยกขึ้นมาเป็นประเด็นดรามาอยู่บ่อยครั้ง แต่ก็ต้องยอมรับว่า เจ้าตัวนั้น เป็นคนที่มีจิตใจเข้มแข็งเป็นอย่างยิ่ง และหากตั้งใจจะทำสิ่งใดแล้วมักจะเดินหน้าไม่ถอย

ยกตัวอย่าง เมื่อครั้งที่โตโน่ จัดกิจกรรมที่ชื่อว่า ONE MAN AND THE RIVER หนึ่งคนว่าย หลายคนให้ ว่ายน้ำตามลำน้ำโขง ข้ามไปยังฝั่งประเทศลาว เพื่อระดมทุนจัดหาอุปกรณ์การแพทย์ให้โรงพยาบาลนครพนม ประเทศไทย และโรงพยาบาลแขวงคำม่วน สปป.ลาว ก็มีกระแสดราม่าถาโถมเข้ามารบกวนมากมาย แต่สุดท้ายก็ปฏิบัติภารกิจสำเร็จอย่างงดงาม พร้อมกับเงินบริจาคให้กับโรงพยาบาลทั้ง 2 แห่ง 

จากผลความดีในครั้งนั้น ทางท่านทองลุน สีสุลิด ประธานประเทศ สปป.ลาว ได้มอบเหรียญชัย ชั้นที่1 เหรียญเชิดชูเกียรติสูงสุดของ สปป.ลาว ให้กับโตโน่ เมื่อต้นเดือนธันวาคม 2567 ที่ผ่านมานี่เอง ซึ่งเป็นการตอบแทนคุณความดีในการระดมเงินทุนช่วยเหลืออุปกรณ์การแพทย์ให้กับโรงพยาบาลแขวงคำม่วน และการมอบเหรียญเชิดชูเกียรติประดับชัยชั้นหนึ่งในครั้งนี้ เพื่อเป็นการยกย่องเชิดชูผู้ทำคุณประโยชน์สูงสุด และเป็นแบบอย่างที่ดีต่อสังคม

และล่าสุดในบทบาท รักษาการประธานสโมสรฟุตบอลเกษตรศาสตร์ เอฟซี ทีมในศึกเมืองไทยลีก (ไทยลีก 2) ที่โตโน่ ต้องเข้ามารับเผือกร้อนแบบไม่ทันตั้งตัว และในช่วงที่โตโน่ เข้ามารับตำแหน่งนั้น ทางสโมสรมีปัญหาทางการเงินอย่างหนัก ติดค้างเงินดือนนักเตะหลายเดือน จนเกือบจะต้องยุบทีม

แต่ทว่า โตโน่ คือ ผู้ที่อาสาที่จะหาเงินและนำพาสโมสรสู้ต่อ ทำให้จากเดิมมีเงินติดบัญชีหลักร้อย ก็มีเงินสนับสนุนจากสปอนเซอร์ และแฟนบอลเข้ามาอย่างต่อเนื่อง กระทั่งสามารถจ่ายเงินเดือนให้กับนักเตะได้ ไม่เพียงเท่านั้นผลงานในสนามของทีมเกษตรศาสตร์ยังกระเตื้องขึ้นอย่างมาก จนขยับขึ้นมาอยู่ในโซนหัวตารางและยังคงมีลุ้นขึ้นชั้นสู่ไทยลีก 1 อีกด้วย

ซึ่งทั้งหมดนี้ส่วนหนึ่งต้องยกความดีความชอบให้กับ โตโน่ ผู้ที่ไม่ยอมแพ้และในวันที่สโมสรต้องการคนเข้ามากอบกู้ ‘เขา’ ก็พร้อมที่สู้ไปกับทุกคน โดยไม่ทิ้งไปไน

THE STATES TIMES ไม่อาจกล้าหยิบยกคำใดมาเชิดชู แค่อยากให้รู้ว่า “เราภูมิใจในตัวคุณ”

วิกฤตอุทกภัยในรอบ 30 ปี สะท้อนพลังน้ำใจคนไทย

ปีนี้ ประเทศไทยเผชิญกับอุทกภัยรุนแรงที่สุดในรอบหลายสิบปี อันเนื่องมาจากพายุไต้ฝุ่นยางิและซูลิก ส่งผลกระทบต่อ 19 จังหวัด โดยเฉพาะพื้นที่ภาคเหนือ มีผู้เสียชีวิตจำนวนมาก และประชาชนกว่า 43,000 ครัวเรือนได้รับผลกระทบ

วันที่ 14 สิงหาคมที่ผ่านมา ฝนที่ตกต่อเนื่องจากร่องมรสุมและมรสุมตะวันตกเฉียงใต้ ทำให้หลายพื้นที่โดยเฉพาะภาคเหนือเกิดน้ำป่าไหลหลาก น้ำท่วม และเส้นทางคมนาคมถูกตัดขาด ในจังหวัดเชียงราย น้ำป่าจากฝนหนักทำให้บริเวณมหาวิทยาลัยราชภัฏเชียงรายและถนนพหลโยธินจมน้ำ สร้างความลำบากในการสัญจร โดยบางพื้นที่รถเล็กไม่สามารถผ่านได้

วันที่ 17 สิงหาคม อุทกภัยฉับพลันใน 9 อำเภอของเชียงราย ส่งผลกระทบต่อ 1,665 ครัวเรือน แม้ว่าจะไม่มีรายงานผู้เสียชีวิต แต่อำเภอเชียงแสนและขุนตาลได้รับความเสียหายอย่างหนักจากน้ำในแม่น้ำที่ระบายลงสู่แม่น้ำโขงไม่ทัน ต่อมาในวันที่ 18 สิงหาคม จังหวัดพะเยาและแม่ฮ่องสอนต่างได้รับผลกระทบ ขณะที่จังหวัดเพชรบูรณ์ในวันที่ 19 สิงหาคมเผชิญน้ำป่าไหลหลากในอำเภอหนองไผ่และหล่มสัก กระทบประชาชนกว่า 650 ครัวเรือน

วันที่ 23 สิงหาคม จังหวัดน่านเผชิญน้ำท่วมสูงถึง 3 เมตรในหลายพื้นที่ เช่น วัดภูมินทร์และชุมชนบ้านท่าลี่ ขณะที่จังหวัดแพร่ น้ำจากแม่น้ำยมท่วมพื้นที่เศรษฐกิจและศูนย์ราชการ โรงเรียนต้องหยุดการเรียนการสอนชั่วคราว

ระดับน้ำในแม่น้ำโขงที่เพิ่มสูงในเดือนกันยายน ทำให้จังหวัดเลย หนองคาย และนครพนมได้รับผลกระทบ โดยเฉพาะในหนองคาย น้ำท่วมตัวเมืองสูงถึง 50 เซนติเมตร กระทบการดำเนินชีวิตของประชาชน

ในยามวิกฤต คนไทยทั่วประเทศได้แสดงความสามัคคีและน้ำใจ ด้วยการบริจาคสิ่งของและเงินทุนช่วยเหลือผู้ประสบภัย มูลนิธิอาสาเพื่อนพึ่ง (ภาฯ) ยามยาก และสภากาชาดไทยได้จัดตั้งศูนย์รับบริจาค ขณะที่สมเด็จพระสังฆราช สกลมหาสังฆปริณายก มอบกัปปิยภัณฑ์ 100,000 บาท สนับสนุนการทำโรงทานช่วยเหลือผู้ประสบภัยในเชียงราย ภาครัฐ เช่น กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย ได้ระดมเจ้าหน้าที่เข้าช่วยเหลือประชาชน พร้อมติดตั้งเครื่องสูบน้ำเพื่อเร่งระบายน้ำในพื้นที่

นางสาวแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี โพสต์ผ่านเฟซบุ๊กแสดงความห่วงใยต่อสถานการณ์น้ำท่วม พร้อมส่งกำลังใจถึงผู้ประสบภัยทุกครัวเรือนและเจ้าหน้าที่ที่ปฏิบัติหน้าที่อย่างเต็มที่

สถานการณ์น้ำท่วมครั้งนี้เป็นบทพิสูจน์ความสามัคคีของคนไทยที่ร่วมมือกันช่วยเหลือผู้เดือดร้อน พร้อมสร้างความหวังให้ผู้ประสบภัยสามารถฟื้นฟูชีวิตกลับสู่ภาวะปกติได้ในเร็ววัน

สวนนงนุชพัทยา จัดใหญ่พระ 9 วัด 19 รูป และช้าง 9 เชือก ทำบุญตักบาตรวันขึ้นปีใหม่ ตามขนบธรรมเนียมประเพณี เพื่อความเป็นสิริมงคล

วันที่ (1 ม.ค. 68) เวลา 7.00 น. นายกัมพล ตันสัจจา ประธานสวนนงนุชพัทยา นางสาวนันทนา ตันสัจจา กรรมการบริหาร พร้อมคณะผู้บริหาร พนักงาน นักท่องเที่ยว และช้างแสนรู้ จำนวน 9 เชือก ร่วมกันทำบุญตักบาตร ตามขนบธรรมเนียมประเพณีเนื่องในโอกาสวันขึ้นปีใหม่ประจำปี 2568

สวนนงนุชพัทยาจัดพิธีทำบุญตักบาตร ในวันขึ้นปีใหม่เป็นประจำต่อเนื่องทุกปี ในการเข้าสู่วันแรกของปีทำการตักบาตร พระสงฆ์จำนวน 19 รูป จาก 9 วัด จากนั้นพระสงฆ์ได้ประพรมน้ำพระพุทธมนต์  ให้แก่ผู้ที่มาร่วมทำบุญตักบาตร ร่วมถึงน้องช้างทั้ง 9 เชือกเพื่อเป็นสิริมงคลของตัวเองและครอบครัวอีกด้วย

ในครั้งนี้ ภายในสวนนงนุชพัทยายังมีสิ่งที่น่าสนใจสำหรับนักท่องเที่ยวเช่น ไหว้พระ9วัด  ไหว้พระประจำวันเกิด  ไหว้พระพรหม ไหว้พระพิฆเนศ ไหว้เจ้าแม่กวนอิม ไหว้พระสังกัจจายน์ และชมพิพิธภัณฑ์พระเก่าแก่หลายร้อยปี เพื่อให้ผู้ที่เดินทางมายังสวนนงนุชพัทยาได้รับสิ่งดีๆในวันเริ่มต้นของปีต้อนรับวันปีใหม่ หรือในช่วงเทศกาลวันหยุดยาวตลอดทั้งปี   โดยเปิดให้บริการทุกวันตั้งแต่เวลา 8.00-17.30 น.

โกมล จึงรุ่งเรืองกิจ เศรษฐีใจบุญกับการให้ที่ไม่หวังสิ่งตอบแทน

ประเทศไทย ได้ชื่อว่าเป็นประเทศที่มีน้ำใจ มีความเอื้อเฟื้อเผื่อแผ่ ตลอดระยะเวลาที่ผ่านมาเราจึงเห็นภาพการบริจาคสิ่งของเงินทองเพื่อช่วยเหลือผู้ที่ได้รับความทุกข์ยากในสถานการณ์ต่างๆ แต่หากจะกล่าวถึงผู้ใหญ่ใจดี หรือ เศรษฐีใจบุญ ในรอบ 3-4 ปีที่ผ่านมา ต้องมีชื่อของ ‘โกมล จึงรุ่งเรืองกิจ’ ประธานกรรมการบริษัท ซัมมิทฟุตแวร์ จำกัด ผู้ผลิตและจำหน่ายรองเท้าแอโร่ซอฟต์ (Aerosoft) ติดอยู่ในทำเนียบนี้อย่างแน่นอน

สำหรับ โกมล จึงรุ่งเรืองกิจ เป็นนักธุรกิจที่คอนข้างโลว์โปรไฟล์ไม่ค่อยจะเป็นข่าวในหน้าสื่อมากนัก แต่หากใครที่ติดตามข่าวสารบ้านเมืองมาตลอดก็จะทราบว่า คุณโกมล เป็นพี่ชายของ ‘สุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ’ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม และยังเป็นอาแท้ ๆ ของนักการเมืองฝีปากกล้า ‘ธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ’ ประธานคณะก้าวหน้า อีกด้วย 

แม้ว่าตลอดระยะเวลาที่ผ่านมา คุณโกมล ได้บริจาคเงินและสิ่งของช่วยเหลือสังคมมาโดยตลอด แต่ได้เริ่มปรากฏชื่อผ่านสื่อเป็นครั้งแรก เมื่อปี 2564 โดยได้บริจาคเงินจำนวน 100 ล้านบาท พร้อมด้วยอุปกรณ์ทางการแพทย์ที่จำเป็น ประกอบด้วย อุปกรณ์ป้องกันใบหน้าและตา (Face Shield) จำนวน 3,000 ชิ้น และเครื่องช่วยหายใจไฮโฟลว์ (Airvo 2) จำนวน 10 ชิ้น ให้แก่มูลนิธิโรงพยาบาลศิริราช เพื่อสนับสนุนการดูแลรักษาผู้ป่วยโควิด-19 และจัดหาอุปกรณ์ทางการแพทย์ใช้ในการรักษา ในช่วงที่โควิด-19 ระบาดอย่างหนักในประเทศไทย

ต่อมาในปีเดียวกันนั้น คุณโกมล ได้ทุ่มเงินราว 300 ล้านบาท เพื่อซื้อลิขสิทธิ์ฟุตบอลชิงแชมป์แห่งชาติยุโรป หรือ ยูโร 2020 เพื่อมาให้คนไทยได้ดูฟรี ๆ ในช่วงวิกฤตโควิด และคนไทยบางส่วนต้องเก็บตัวอยู่บ้าน ไม่เพียงเท่านั้นในช่วงพักครึ่งการแข่งขัน ยังเปิดโอกาสให้ผู้ประกอบการเอสเอ็มอี เจ้าของธุรกิจรายย่อย ๆ นำสินค้าของตนเองมาโปรโมทแบบฟรี ๆ อีกด้วย

และเมื่อช่วงต้นปี 2567 ที่ผ่านมา คุณโกมล ได้มอบทุนการศึกษาให้แก่นักเรียน จำนวนกว่า 4,000 โรงเรียน มูลค่ากว่า  103 ล้านบาท ในโครงการ “Aerosoft Give Scholarships มอบทุน 100 ล้าน สานฝันให้เด็กไทย” เพื่อสร้างโอกาสทางการศึกษา ลคความเหลื่อมล้ำทางการศึกษาของเด็กไทย ซึ่งคุณโกมล มองว่า เด็กนักเรียนอนาคตของประเทศไทย และต้องการให้เด็กนักเรียนที่ได้รับทุนการศึกษาไปนั้น จะนำไปต่อยอดและเพิ่มทักษะการเรียนรู้ด้านต่างๆ ที่เป็นประโยชน์ต่อตนเอง ครอบครัว และสังคมต่อไป

และล่าสุด คุณโกมล ยังได้ซื้อลิขสิทธิ์ฟุตบอลยูโร 2024 มาให้คนไทยได้ดูฟรี ๆ อีกครั้ง ถึงแม้ว่าในครั้งนี้ จะไม่เปิดเผยยอดเงินในการซื้อลิขสิทธิ์ดังกล่าว แต่ก็คาดว่าจะเป็นเม็ดเงินจำนวนไม่น้อย และที่สำคัญคือการได้สร้างความสุขให้กับคนไทยได้อีกครั้งนั่นเอง

THE STATES TIMES ไม่อาจกล้าหยิบยกคำใดมาเชิดชู แค่อยากให้รู้ว่า “เราภูมิใจในตัวคุณ”

โศกนาฏกรรมกลางวิภาวดี คร่าชีวิตนักเรียน 23 ราย

เมื่อวันที่ 1 ตุลาคม 2567 รถบัสนักเรียนจากโรงเรียนวัดเขาพระยาสังฆาราม จังหวัดอุทัยธานี เกิดเพลิงไหม้ขณะเดินทางกลับจากทัศนศึกษา บริเวณถนนวิภาวดีรังสิต หน้าศูนย์การค้าเซียร์รังสิต เหตุการณ์ครั้งนี้ทำให้มีผู้เสียชีวิต 23 ราย และบาดเจ็บอีกหลายราย โดยส่วนใหญ่เป็นเด็กนักเรียน  

คณะครูและนักเรียนจำนวน 44 คน เดินทางด้วยรถบัสเพื่อเยี่ยมชมอุทยานประวัติศาสตร์พระนครศรีอยุธยาและศูนย์การเรียนรู้ กฟผ. ระหว่างเดินทางกลับ รถเกิดอุบัติเหตุยางหน้าซ้ายระเบิด ส่งผลให้รถเสียหลักชนแบริเออร์กลางถนน เกิดประกายไฟลุกไหม้อย่างรวดเร็ว  

ผู้โดยสาร 20 คนสามารถหนีออกมาได้อย่างปลอดภัย ขณะที่อีก 23 ชีวิตติดอยู่ในรถท่ามกลางเพลิงที่โหมกระหน่ำ เจ้าหน้าที่กู้ภัยพยายามเข้าช่วยเหลือ แต่ไม่สามารถเข้าถึงตัวรถได้ทันเวลา  

นายสมาน คนขับรถ อ้างว่าพยายามหาถังดับเพลิงจากรถคันอื่น แต่เกิดความตกใจจนหลบหนี ก่อนถูกจับกุมในเวลาต่อมา เจ้าหน้าที่แจ้งข้อหาทั้งหมด 4 ข้อหา รวมถึงขับรถโดยประมาทเป็นเหตุให้มีผู้เสียชีวิต  

เหตุการณ์นี้นำไปสู่คำถามใหญ่เกี่ยวกับมาตรฐานความปลอดภัยของรถโดยสารและการจัดการทัศนศึกษาของโรงเรียน กระทรวงศึกษาธิการประกาศตรวจสอบมาตรฐานการเดินทางของนักเรียนทั่วประเทศ ขณะเดียวกัน ประชาชนเรียกร้องให้รัฐเพิ่มความเข้มงวดในการตรวจสอบสภาพรถโดยสารและบังคับใช้มาตรการความปลอดภัยอย่างจริงจัง  เหตุโศกนาฏกรรมนี้เป็นการย้ำเตือนถึงความสำคัญของมาตรการความปลอดภัยบนท้องถนน พร้อมถอดบทเรียนเพื่อไม่ให้เกิดเหตุการณ์สูญเสียเช่นนี้อีกในอนาคต

🎉 HAPPY NEW YEAR 2025 🎉

เริ่มต้นปีมะเส็ง 2568 ด้วยความสุข ความหวัง และโอกาสใหม่ ๆ ที่รออยู่ข้างหน้า 🐍✨

ขอให้ทุกก้าวเดินเต็มไปด้วยความสำเร็จ สุขภาพแข็งแรง และเปี่ยมไปด้วยพลังใจ!

คงกระพัน อินทรแจ้ง ซีอีโอคนที่ 11 ปตท. กับภารกิจมุ่งสู่ความยั่งยืน

เมื่อต้นปี 2567 ที่ผ่านมา บอร์ด ปตท. ได้อนุมัติแต่งตั้ง ‘คงกระพัน อินทรแจ้ง’ ซึ่งดำรงตำแหน่งประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท พีทีที โกลบอล เคมิคอล จำกัด (มหาชน) หรือ GC และประธานกรรมการ บริษัท โกลบอลกรีนเคมิคอล จำกัด (มหาชน) ขึ้นรับตำแหน่งซีอีโอ บมจ.ปตท. นับเป็นซีอีโอ คนที่ 11 ของปตท. ต่อจาก อรรถพล ฤกษ์พิบูลย์ ที่ครบวาระดำรงตำแหน่ง 4 ปี ไปเมื่อเดือน พฤษภาคม 2567 ที่ผ่านมา

สำหรับ ปตท. คือกลุ่มบริษัทด้านพลังงานที่ใหญ่ที่สุดของประเทศไทย และเป็นอันดับต้น ๆ ในภูมิภาคอาเซียน แน่นอนว่า โจทย์ใหญ่ที่ท้าทาย ‘คงกระพัน’ คือการสร้างการเติบโตให้กับองค์กรอย่างยั่งยืน ภายใต้บริบทของอุตสาหกรรมพลังงานที่ผันผวน จากสถานการณ์เศรษฐกิจและความขัดแย้งด้านภูมิรัฐศาสตร์ของโลก

แต่ถึงกระนั้น ปตท. ภายใต้การนำของ ‘คงกระพัน’ ก็ยังสามารถสร้างการเติบโตได้อย่างโดดเด่น อีกทั้งยังได้รับคะแนนการประเมินด้านความยั่งยืน (Corporate Sustainability Assessment : CSA) ณ วันที่ 23 ธันวาคม 2567 เป็นอันดับที่ 1 ของโลก ในกลุ่มอุตสาหกรรม Oil & Gas Upstream & Integrated (OGX) และได้รับคัดเลือกเป็นสมาชิกในกลุ่มดัชนีโลก (World Index) และดัชนีตลาดเกิดใหม่ (Emerging Market Index) ต่อเนื่องเป็นปีที่ 13 

สะท้อนให้เห็นถึงความมุ่งมั่นในการดำเนินงานตามวิสัยทัศน์ “ปตท. แข็งแรงร่วมกับสังคมไทยและเติบโตในระดับโลกอย่างยั่งยืน” ดำเนินธุรกิจบนหลักการ “ยั่งยืนอย่างสมดุล” ทั้งด้านเศรษฐกิจ สังคม และสิ่งแวดล้อม โดยมีพันธกิจในการสร้างความมั่นคงทางพลังงานให้กับประเทศไทย สร้างการเติบโตควบคู่กับการบรรลุเป้าหมายลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก

นอกจากนี้ บริษัทในกลุ่ม ได้แก่ บริษัท ปตท.สำรวจและผลิตปิโตรเลียม จำกัด (มหาชน) บริษัท ไทยออยล์ จำกัด (มหาชน) บริษัท ไออาร์พีซี จำกัด (มหาชน) บริษัท พีทีที โกลบอล เคมิคอล จำกัด (มหาชน) บริษัท โกลบอล เพาเวอร์ ซินเนอร์ยี่ จำกัด (มหาชน) และบริษัท ปตท. นํ้ามัน และการค้าปลีก จำกัด (มหาชน) ยังได้รับคัดเลือกให้เป็นสมาชิก DJSI อีกด้วย

Dow Jones Sustainability Indices (DJSI) เป็นดัชนีหลักทรัพย์ของบริษัทชั้นนำระดับสากลกว่า 3,500 บริษัททั่วโลก ที่ผ่านการประเมินความยั่งยืนขององค์กร (Corporate Sustainability Assessment: CSA) และคัดกรองโดย S&P Global ถือเป็นดัชนีที่ใช้ประเมินการดำเนินธุรกิจตามแนวทางการพัฒนาอย่างยั่งยืนของบริษัทที่ได้รับการยอมรับในระดับสากลจาก ผู้ลงทุนสถาบันและกองทุนต่าง ๆ ทั่วโลก

สำหรับ คงกระพัน อินทรแจ้ง จบการศึกษาวิศวกรรมศาสตรบัณฑิต (วิศวกรรมเคมี) (เกียรตินิยมอันดับสอง) จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย และศึกษาต่อจนจบ Doctor of Philosophy (Ph.D.) in Chemical Engineering, University of Houston, U.S.A. และมีประสบการณ์มากกว่า 25 ปี ในการบริหารบริษัทในกลุ่มอุตสาหกรรมปิโตรเคมี และการกลั่นปิโตรเลียมแบบครบวงจร รวมถึงมีความเชี่ยวชาญในด้านการกำหนดกลยุทธ์องค์กร การพัฒนาธุรกิจ การเงินและนักลงทุนสัมพันธ์ การวิจัยและพัฒนา (R&D) การพัฒนาโครงการลงทุนที่สำคัญ การควบรวมกิจการระหว่างประเทศ และการบริหารจัดการกิจการร่วมค้า อีกด้วย

THE STATES TIMES ไม่อาจกล้าหยิบยกคำใดมาเชิดชู แค่อยากให้รู้ว่า “เราภูมิใจในตัวคุณ”

ทัพนักกีฬาไทยคว้า 6 เหรียญ 1 ทอง 3 เงิน 2 ทองแดง

การแข่งขันโอลิมปิกครั้งที่ 33 หรือ 'ปารีสเกมส์ 2024' ที่กรุงปารีส ประเทศฝรั่งเศส ระหว่างเดือนกรกฎาคมถึงสิงหาคม 2567 ทัพนักกีฬาไทยสร้างผลงานโดดเด่นด้วยการคว้า 1 เหรียญทอง 3 เหรียญเงิน และ 2 เหรียญทองแดง รวม 6 เหรียญรางวัล โดย 1 หรียญทอง มาจาก 'เทนนิส' พาณิภัค วงศ์พัฒนกิจ ที่คว้าเหรียญทองได้ จากเทควันโด รุ่น 49 กก.หญิง หลังเอาชนะ ฉิง กั๋ว จากจีน

อีก 3 เหรียญเงิน จาก 'วิว' กุลวุฒิ วิทิตศานต์ ในกีฬาแบดมินตันชายเดี่ยว ซึ่งก็นับเป็นเหรียญรางวัลเหรียญแรกในประวัติศาสตร์ของทีมแบดมินตันไทย ตั้งแต่ส่งเข้าร่วมการแข่งขันในปี 1992 ตามด้วย 'ฟ่าง' ธีรพงศ์ ศิลาชัย ยังคว้าเหรียญเงิน ยกน้ำหนักรุ่น 61 กก.ชาย และ 'เวฟ' วีรพล วิชุมา จะคว้าเหรียญเงิน ในรุ่น 73 กก.ชาย ได้สำเร็จด้วย

ส่วน 2 เหรียญทองแดง ได้จาก 'ออย' สุรจนา คำเบ้าจาก ยกน้ำหนัก ที่ทำได้ในรุ่น 49 กก.หญิง ส่วนอีกเหรียญทองแดงมาจาก 'บี' จันทร์แจ่ม สุวรรณเพ็ง ในมวยสากลหญิง รุ่น 66 กก.

ทักษิณ ชินวัตร ผู้ช่วยหาเสียงแห่งปี ชื่อนี้ยังขายได้

ภายหลังจากพ้นโทษอย่างเป็นทางการ เมื่อวันที่ 17 สิงหาคม 2567 ‘ทักษิณ ชินวัตร’ อดีตนายกรัฐมนตรี คนที่ 23 บิดาของนายกฯ คนปัจจุบัน ก็กลับมาโลดแล่นในฐานะผู้นำทางจิตวิญญาณของคนพรรคเพื่อไทยอย่างเต็มตัวอีกครั้ง ด้วยบทบาทที่แตกต่างออกไปจากเดิม นั่นคือการเป็นผู้ช่วยหาเสียงให้กับตัวแทนพรรคเพื่อไทย ที่ลงชิงตำแหน่งเก้าอี้นายกองค์การบริหารส่วนจังหวัด (อบจ.)

ทั้งนี้ นับตั้งแต่วันที่ 13 พ.ย. 2567 ซึ่งเป็นครั้งแรกที่ ทักษิณ ชินวัตร หวนคืนสู่สนามการเมืองอย่างเต็มตัว ในการไปช่วยหาเสียงให้ตัวแทนของพรรคเพื่อไทย ที่ลงสมัครชิงเก้าอี้นายกองค์การบริหารส่วนจังหวัด (อบจ.) อุดรธานี  ถัดจากนั้น ในวันที่ 11 ธ.ค. 2567 ก็ได้ขึ้นปราศรัยช่วยผู้สมัคร นายก อบจ. ตัวแทนจากพรรคเพื่อไทยอีกครั้งที่ จ.อุบลราชธานี

และแน่นอนว่า ทั้ง 2 สนามเลือกตั้งระดับท้องถิ่น ตัวแทนของพรรคเพื่อไทย สามารถคว้าเก้าอี้ไว้ได้ทั้ง 2 จังหวัด

จากนั้น เมื่อวันที่ วันที่ 23-24 ธ.ค. 2567 ได้เดินสายช่วยผู้สมัคร นายก อบจ. เชียงใหม่ หาเสียงอีกครั้ง และต้องมาลุ้นกันต่อไปว่า ทักษิณ จะไปช่วยหาเสียงที่จังหวัดใดต่อไป และผลการเลือกตั้งจะชนะเหมือนกับ 2 จังหวัดที่ผ่านมาหรือไม่

แต่ถึงอย่างไรก็ตาม ต้องยอมรับว่า การได้รับเชิญให้ไปบรรยาย รวมถึงในการปราศรัยทุกเวทีของ ทักษิณ นั้น เริ่มเป็นที่ชัดเจนขึ้นเรื่อย ๆ ว่า ตัวเขานั้นยังคงเป็นผู้นำทางความคิดของพรรคเพื่อไทยและกลุ่มแฟนคลับของพรรคอย่างคนเสื้อแดงอย่างปฏิเสธไม่ได้ 

THE STATES TIMES ไม่อาจกล้าหยิบยกคำใดมาเชิดชู แค่อยากให้รู้ว่า “เราภูมิใจในตัวคุณ”


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top