Sunday, 27 April 2025
NEWS FEED

นทท. ต่างชาติ ฝ่าแนวเขตพื้นที่ฟื้นฟูปะการัง แถมโวยวายหยาบคายใส่เจ้าหน้าที่ไทยที่เข้ามาเตือน

(27 ก.พ. 68) กลายเป็นประเด็นร้อนในโซเชียล เมื่อนักท่องเที่ยวต่างชาติมาดำน้ำที่ทะเลกระบี่บริเวณเขตพื้นที่ปิดเพื่อฟื้นฟูปะการัง ซึ่งอยู่ห่างจากชายฝั่งราว 750 เมตร โดยที่ไม่มีเรือไกด์ดูแล

และเมื่อทางเจ้าหน้าที่เข้าไปสอบถามและตักเตือน นักท่องเที่ยวต่างชาติกลับตีมึน พร้อมมีท่าทางและคำพูดที่ไม่น่ารักแสดงต่อเจ้าหน้าที่ไทย แถมยังโวยวายว่านี่จะเป็นครั้งสุดท้ายที่จะมาเที่ยวเมืองไทย!

โดยทางเฟซบุ๊กเพจ “ทราย - merman ψ” นักว่ายน้ำและนักอนุรักษ์ทะเลภาคใต้ ได้โพสต์คลิปวิดีโอและให้ข้อมูลว่า

ดูถูกประเทศเรา!! Is this appropriate behavior when visiting Thailand? Ignoring park rangers- disrespecting our people? Absolutely not… someone come collect your disgruntled Italian grandpa because Thailand is NOT your playground. 

ขอบคุณทีมเจ้าหน้าที่และอาสาสมัครที่ช่วยควบคุม นทท ต่างชาติสองคนนี้... แต่ทำไมเจ้าหน้าที่เราต้องมารับมือกับ นทท คุณภาพต่ำแบบนี้? ไทยกลายเป็นที่ ๆ นทท คิดว่าจ่ายเงินแล้วทำอะไรก็ได้หรอครับ?ทำตามใจไม่ได้จะไม่มาอีกแล้ว!!? #ฟรีวีซ่า

เหตุการณ์: เราได้ตักเตือน นทท. สองคนนี้เรื่องการว่ายน้ำในเขตที่ปิดเพื่อรักษาปะการังเพราะ zone นั้นปะการังตายไปจำนวนมหาศาลจากการฟอกขาวปีที่แล้ว + นทท.ผิดอีกกรณี ที่ว่ายน้ำในพื้นที่แบบเสี่ยงเพราะไม่มีเรือบริษัททัวร์หรือไกด์อยู่ใกล้ๆคอยจับตาดูแล (เขาห่างออกจากหาด 750 เมตร)...

นทท. สองคนนี้ไม่ยอมฟังคำตักเตือนจนทำต่อและฝ่าฝืนคำสั่งรวมถึงใช้ภาษาและแสดงกิริยามารยาทที่แสดงให้เห็นถึงมุมมองที่ดูถูกประเทศไทย นิสัยแปรปรวนที่จาก นทท บุคคลนี้เป็นอันตรายต่อทั้งตัวเขาและเจ้าหน้าที่บนเรือ - เราจึงจำเป็นต้องควบคุมและพากลับฝั่งและไม่อนุญาตให้ว่ายต่อ

สมุทรปราการ-ศูนย์อนามัยที่ 3 นครสวรรค์จัดประชุมขับเคลื่อนงานส่งเสริมสุขภาพด้วยหลักเวชศาสตร์วิถีชีวิต ณ ศูนย์สุขภาพเวลเนส วีแคร์ 

ศูนย์อนามัยที่ 3 นครสวรรค์ จัดประชุมเชิงปฏิบัติการขับเคลื่อนงานส่งเสริมสุขภาพด้วยหลักเวชศาสตร์วิถีชีวิต (Lifestyle Medicine) และการดูแลสุขภาพแบบองค์รวม ภายใต้โครงการ 'วัยทำงานมีสุขภาพและสุขภาวะที่ดีด้วยเวชศาสตร์วิถีชีวิต เขตสุขภาพที่ 3 ปี 2568' ณ ศูนย์สุขภาพเวลเนส วีแคร์ อำเภอมวกเหล็ก จังหวัดสระบุรี 

การประชุมครั้งนี้มุ่งเน้นการขับเคลื่อนนโยบาย NCDs Remission ด้วยหลักการแพทย์เวชศาสตร์วิถีชีวิต 6 เสาหลัก (6 Pillars) ซึ่งได้รับมอบหมายจากแพทย์หญิงศรินนา แสงอรุณ ผู้อำนวยการศูนย์อนามัยที่ 3 นครสวรรค์ โดยนางนาฎสินี ชัยแก้ว รักษาการนักวิชาการสาธารณสุขเชี่ยวชาญ (ด้านสาธารณสุข) หัวหน้ากลุ่มพัฒนาการส่งเสริมสุขภาพวัยทำงานและวัยสูงอายุ พร้อมทีมคลินิกเวชศาสตร์วิถีชีวิต 

ผู้เข้าร่วมประชุมจำนวน 37 คน ประกอบด้วยบุคลากรจากทีมคลินิกเวชศาสตร์วิถีชีวิต ศูนย์อนามัยที่ 3 โรงพยาบาลสวรรค์ประชารักษ์ เครือข่ายศูนย์วิชาการ และหน่วยบริการในเขตสุขภาพที่ 3 ได้ร่วมเรียนรู้ผ่านกิจกรรมภาคทฤษฎีและปฏิบัติที่หลากหลาย ไฮไลท์ของการประชุมครั้งนี้คือหลักสูตร 'Good Health by Yourself' ที่จัดโดยศูนย์สุขภาพเวลเนส วีแคร์ ซึ่งเน้นการสร้างสมดุลสุขภาพทั้งกายและใจ ผู้เข้าร่วมได้เรียนรู้และฝึกปฏิบัติในหลายด้าน ได้แก่ : 

• ด้านโภชนาการ: เรียนรู้หลักการรับประทานอาหารแบบ Plant-Based, Whole Food, Low Fat พร้อมเวิร์กช็อปการทำอาหารสุขภาพและการเลือกซื้อวัตถุดิบที่เหมาะสม (Food Shopping & Cooking Class) 

• ด้านกิจกรรมทางกาย: ฝึกปฏิบัติการออกกำลังกายเพื่อเสริมสร้างสมดุลและความยืดหยุ่น (Functional Balance and Flexibility Exercise) รวมถึงโยคะและไทชิยามเช้า 
• ด้านการผ่อนคลายอารมณ์: เรียนรู้เทคนิคการแพทย์ทางเลือก เช่น ไทชิบำบัด (Tai Chi Therapy), การฝึกสติ (Mindfulness) และการบำบัดด้วยเสียง (Sound Healing) 
• ด้านอื่นๆ: ครอบคลุมการเลี่ยงสารเสพติด การนอนหลับที่มีคุณภาพ และการสร้างความสัมพันธ์ทางสังคม 

นอกจากนี้ ยังมีการแลกเปลี่ยนเรียนรู้เกี่ยวกับแนวทางการขับเคลื่อนนโยบาย NCDs Remission ด้วยการแพทย์เวชศาสตร์วิถีชีวิตในเขตสุขภาพที่ 3 โดยนายแพทย์สุริยะ คูหะรัตน์ สาธารณสุขนิเทศ เขตสุขภาพที่ 3 โครงการนี้มุ่งเน้นให้เกิดการมีสุขภาพที่ดีอย่างยั่งยืน ลดปัจจัยเสี่ยงทางสุขภาพ และสนับสนุนการดูแลสุขภาพด้วยเวชศาสตร์วิถีชีวิต เพื่อเป็นแนวทางในการขับเคลื่อนการส่งเสริมสุขภาพ โดยมุ่งหวังให้ผู้เข้าร่วมสามารถนำความรู้และทักษะในการดูแลตนเองไปปรับใช้ในชีวิตประจำวัน เพื่อปรับเปลี่ยนพฤติกรรมที่เป็นสาเหตุของปัญหาสุขภาพอย่างแท้จริง 

ให้คำปรึกษาผู้สนใจขอรับทุนในปี 2568 เสริมสร้างความรู้ความเข้าใจตามยุทธศาสตร์แผนดีอี เตรียมปั้นโครงการใหม่ ๆ เพิ่มมูลค่าเศรษฐกิจดิจิทัลของไทย และประโยชน์ของสาธารณะ

เมื่อวานนี้ (26 ก.พ. 68) นายเวทางค์ พ่วงทรัพย์ เลขาธิการคณะกรรมการดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (BDE) เป็นประธานเปิดกิจกรรมคลินิกกองทุน เพื่อเสริมสร้างความรู้ความเข้าใจเกี่ยวกับกองทุนพัฒนาดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม (กองทุนดีอี : DEF) ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2568 สำนักงานคณะกรรมการดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ โดยมีผู้สนใจเข้าร่วมงาน จำนวน 100 คน ณ ห้องประชุมวายุภักษ์ 5 ชั้น 5 โรงแรมเซ็นทารา ไลฟ์ ศูนย์ราชการ และคอนเวนชันเซ็นเตอร์ แจ้งวัฒนะ กรุงเทพฯ รวมถึงมีผู้เข้าร่วมผ่านระบบออนไลน์กว่า 100 คน

สำหรับกิจกรรมดังกล่าว มีวัตถุประสงค์เพื่อให้ความรู้ ความเข้าใจในการใช้จ่ายเกี่ยวกับการพัฒนาดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม ซึ่งเป็นไปตามนโยบายและแผนระดับชาติว่าด้วยการพัฒนาดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม (แผนดีอี) และแผนยุทธศาสตร์การส่งเสริมเศรษฐกิจดิจิทัล ซึ่งมีการจัดสรรทุนตามยุทธศาสตร์ 6 ยุทธศาสตร์ ประกอบด้วย ยุทธศาสตร์ที่ 1 พัฒนาโครงสร้างพื้นฐานดิจิทัลประสิทธิภาพสูงให้ครอบคลุมทั่วประเทศ ยุทธศาสตร์ที่ 2 ขับเคลื่อนเศรษฐกิจด้วยเทคโนโลยีดิจิทัล ยุทธศาสตร์ที่ 3 สร้างสังคมคุณภาพด้วยเทคโนโลยีดิจิทัล ยุทธศาสตร์ที่ 4 ปรับเปลี่ยนภาครัฐสู่การเป็นรัฐบาลดิจิทัล ยุทธศาสตร์ที่ 5 พัฒนากำลังคนให้พร้อมเข้าสู่ยุคเศรษฐกิจและสังคมดิจิทัล และยุทธศาสตร์ที่ 6 สร้างความเชื่อมั่นในการใช้เทคโนโลยีดิจิทัล โดยมีเป้าหมายเพื่อเพิ่มมูลค่าของเศรษฐกิจดิจิทัลมีสัดส่วนต่อผลิตภัณฑ์มวลรวมในประเทศ (Digital Contribution to GDP) ในปี พ.ศ. 2570 ไม่น้อยกว่าร้อยละ 30 รวมทั้งมีขีดความสามารถในการแข่งขันของประเทศ ใน World Digital Competitiveness Ranking ในปี พ.ศ. 2570 อยู่ใน 30 อันดับแรกของโลก หรืออยู่ใน 3 อันดับแรกของอาเซียน และสถานภาพการเข้าใจดิจิทัล (Digital Literacy: DL) ของประชาชนคนไทย ในปี พ.ศ. 2570 มีคะแนนมากกว่าร้อยละ 80 ปัจจุบันมีการคาดการณ์ว่า Digital Contribution to GDP ของปี 2567 จะอยู่ที่ร้อยละ 23.9 ขีดความสามารถในการแข่งขันทางด้านดิจิทัล หรือ WDCR ประเทศไทยอยู่ในอันดับที่ 37 จาก 193 ประเทศ และสถานภาพการเข้าใจดิจิทัล หรือ digital literacy ของไทยในปี 2566 อยู่ที่ 74.4 คะแนน (ปัจจุบันอยู่ระหว่างการสำรวจสถานภาพการเข้าใจดิจิทัลของปี 2568)

นายเวทางค์ พ่วงทรัพย์ เลขาธิการคณะกรรมการดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติได้กล่าวว่า การจัดสรรทุนของกองทุนดีอี หรือ DEF เป็นการให้ทุนเพื่อสนับสนุนให้เกิดการวิจัยและพัฒนาดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม อันเป็นประโยชน์ต่อการให้บริการสาธารณะและไม่เป็นการแสวงหากำไร โดยหวังว่าโครงการที่ได้รับการสนับสนุนจะผลักดันให้เกิดการขับเคลื่อนการพัฒนาของประเทศให้เป็นไปตามเป้าหมายของการพัฒนาดิจิทัลตามนโยบายและแผนระดับชาติว่าด้วยการพัฒนาดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม ซึ่งปัจจุบันอยู่ในการดำเนินการระยะที่ 3 ที่กำหนดเป้าหมายให้ประเทศไทยก้าวสู่ยุคดิจิทัลไทยแลนด์ที่ขับเคลื่อนและใช้ประโยชน์จากนวัตกรรมดิจิทัลได้อย่างเต็มศักยภาพ โดยบรรยากาศในการจัดกิจกรรมครั้งนี้ เต็มไปด้วยผู้ที่สนใจเข้ารับคำปรึกษาในการเขียนข้อเสนอโครงการเป็นจำนวนมาก โดยมีเจ้าหน้าที่กองบริหารกองทุนพัฒนาดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม ให้คำปรึกษาและให้ข้อมูลอย่างใกล้ชิด ซึ่งคาดว่าในปีนี้จะเปิดโอกาสให้โครงการใหม่ ๆ ที่น่าสนใจและได้รับการจัดสรรเงินทุน เพื่อพัฒนาแนวคิดเศรษฐกิจและสังคมดิจิทัลของไทยให้มีศักยภาพเพิ่มมากขึ้น พร้อมเข้าสู่ตลาดโลกในการแข่งขันทางเศรษฐกิจต่อไป ทั้งนี้ ผู้ที่สนใจขอรับทุนสามารถศึกษาข้อมูลเพิ่มเติมได้ผ่านช่องทาง https://ondeptwebsite.emskynet.com/th/page/item/index/id/9

สำนักงานตำรวจแห่งชาติจัดพิธีใหญ่ สมโภชศาลพระภูมิ และสถานที่สักการะสิ่งศักดิ์สิทธิ์ประจำสำนักงานตำรวจแห่งชาติ (แห่งใหม่) เพื่อเป็นขวัญกําลังใจและเป็นสิริมงคลแก่ข้าราชการตํารวจ

(27 ก.พ.68) เวลา 13.30 น. พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ พันธุ์เพ็ชร์ ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (ผบ.ตร.) เป็นประธานพิธีสมโภชศาลพระภูมิ และสถานที่สักการะสิ่งศักดิ์สิทธิ์ประจำสำนักงานตำรวจแห่งชาติ (แห่งใหม่) โดยมี รอง ผบ.ตร. , จเรตำรวจแห่งชาติ , ผู้ช่วย ผบ.ตร. , คุณกนกวรรณ พันธุ์เพ็ชร์ นายกสมาคมแม่บ้านตำรวจ และ คณะ พร้อมด้วยข้าราชการตำรวจ ร่วมพิธี ณ สถานที่สักการะสิ่งศักดิ์สิทธิ์ประจำสำนักงานตำรวจแห่งชาติ (แห่งใหม่) บริเวณลานหอพระนิรันตราย สำนักงานตำรวจแห่งชาติ โดยมีพิธีสงฆ์ พิธีพราหมณ์ และพิธีสักการะศาลพระนารายณ์ 

สํานักงานตํารวจแห่งชาติได้ปรับปรุงภูมิทัศน์และสิ่งแวดล้อมบริเวณลานพระบรมราชานุสาวรีย์ พระบาทสมเด็จพระปรเมนทรรามาธิบดีศรีสินทรมหามงกุฎ พระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว พระสยามเทวมหามกุฏวิทยมหาราช (รัชกาลที่ 4) และทําการอัญเชิญสิ่งศักดิ์สิทธิ์ที่ตั้งอยู่ภายในบริเวณของสํานักงานตำรวจแห่งชาติ ที่ข้าราชการตํารวจให้ความเคารพนับถือและศรัทธามาอย่างยาวนาน ได้แก่ ศาลพระชัยมงคล ศาลพระภูมิ ศาลพระวิสุทธิเทพ (ในอนันตะจักรวาฬ ไตรโลกธาตุ) และศาลตายาย มารวมไว้ยังสถานที่สักการะสิ่งศักดิ์สิทธิ์ประจำสำนักงานตำรวจแห่งชาติ (แห่งใหม่) บริเวณลานหอพระนิรันตราย พร้อมทั้งปรับปรุงภูมิทัศน์และสิ่งแวดล้อมโดยรอบ ให้มีความเหมาะสม เรียบร้อย สง่างาม รวมถึงสร้างความสะดวกต่อการเข้าสักการะของข้าราชการตํารวจและประชาชนทั่วไป 

สำหรับรูปแบบของศาลใหม่นั้นมีลักษณะเป็นศาลไม้ ทําจากไม้สัก ตั้งบนแท่นปูน ปั้นบัวถอดพิมพ์ โดยศาลพระชัยมงคล ศาลพระภูมิ และศาลพระวิสุทธิเทพ (ในอนันตะจักรวาฬ ไตรโลกธาตุ) มีลักษณะเป็นเรือนไทยแบบเรือนเครื่องสับ ทรงจตุรมุข แท่นปูนทรงทึบ ให้เป็นเสาต้นเดียวตามคติพราหมณ์ ส่วนศาลตายาย เป็นเรือนไทยเครื่องสับทรงผืนผ้า การประดับลวดลายน้อยกว่าศาลเทวดา ส่วนแท่นรับเป็นสี่เสา พื้นตัวเรือนมีสองระดับ คือ ระดับเรือนภายใน สําหรับตั้งรูปตายาย และระดับระเบียงด้านหน้า สําหรบตั้งรูปบริวาร ลักษณะศาลมีพื้นลดระดับนี้ เรียกว่า "เสือหมอบ" เป็นคติการทําศาลตายาย นอกจากนี้ สำนักงานตำรวจแห่งชาติยังได้ปรับปรุงภูมิทัศน์ศาลพระนารายณ์ ปางประทับยืนเหนือพญาอนันตนาคราช ลักษณะเป็นองค์สีดําประดิษฐานอยู่กลางสระนํ้าที่รายล้อมไปด้วยตนไม้นานาชนิด

ทั้งนี้ พิธีสมโภชศาลพระภูมิ และสถานที่สักการะสิ่งศักดิ์สิทธิ์ประจำสำนักงานตำรวจแห่งชาติ (แห่งใหม่) เป็นพิธีที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติจัดขึ้นอย่างยิ่งใหญ่ และเป็นพิธีมงคลครั้งสำคัญ เพื่อเป็นขวัญกําลังใจและเป็นสิริมงคลแก่ข้าราชการตํารวจ และประชาชนที่เข้ามาสักการะด้วยความเคารพศรัทธาสืบไป 

กรมสมเด็จพระเทพฯ เสด็จฯ ‘บ้านหมีเนย’ ทอดพระเนตร 'โลกแห่งบัตเตอร์แบร์' เป็นการส่วนพระองค์

(27 ก.พ.68) สมเด็จพระกนิษฐาธิราชเจ้า กรมสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี เสด็จพระราชดำเนินเป็นการส่วนพระองค์ ไปยังงาน 'Buttery World Presented by 7-11' ซึ่งจัดขึ้นที่ศูนย์การค้าสยามพารากอน  

ในการนี้ ธนวรรณ วงศ์เจริญรัตน์ และ ธนาภา ปางพุฒิพงศ์ ผู้ก่อตั้งร้าน Butterbear รวมถึง ณัฐธยาน์ ปางพุฒิพงศ์ ผู้ก่อตั้งร้าน COFFEE BEANS by Dao ได้เข้าเฝ้าฯ รับเสด็จ  

งานดังกล่าวนำเสนอประสบการณ์สุดพิเศษในธีม 'A Magical Journey to Our Buttery World' โดยมีไฮไลต์เป็น 'บ้านหมีเนย' ที่ตกแต่งอย่างอลังการผ่าน 7 ห้องธีมพิเศษ พร้อมสวนดอกไม้ที่ผสมผสานเทคนิคสุดสร้างสรรค์ สร้างบรรยากาศที่เต็มไปด้วยความอบอุ่นและมหัศจรรย์

‘ชาวสงขลา’ วอนเร่งสร้างสะพาน ช่วยยกระดับการเดินทาง หลังแพขนานยนต์เหลือแค่ 1 ลำ ทำชาวบ้านสัญจรลำบาก

(27 ก.พ. 68) สถานการณ์ที่เกิดขึ้นกับแพขนานยนต์เหลือเพียง 1 ลำ จากเดิมที่มีถึง 5 ลำ ทำให้ชาวสงขลาต้องเผชิญกับวิกฤตที่ไม่อาจหลีกเลี่ยงได้ การเดินทางที่เคยสะดวกสบายและรวดเร็วกลับกลายเป็นเรื่องยากลำบากที่ทุกคนต้องรับภาระ

หลายคนเริ่มตั้งคำถามว่า "ทำไมไม่สร้างสะพานใหม่?" เมื่อแพขนานยนต์ที่ให้บริการแก่ประชาชนได้ลดจำนวนลงอย่างมาก แต่การเดินทางที่ยังคงต้องพึ่งพาแพขนานยนต์นั้นไม่สามารถตอบโจทย์ความต้องการของประชาชนในพื้นที่ได้อีกต่อไป การขาดแคลนบริการนี้ ไม่เพียงแต่สร้างความลำบากให้กับชาวบ้าน แต่ยังสะท้อนถึงความจำเป็นที่ต้องคิดถึงโครงสร้างพื้นฐานใหม่ที่ยั่งยืนและมีประสิทธิภาพมากกว่าการพึ่งพาแพขนานยนต์ที่ไม่สามารถรองรับการเติบโตของประชากรและการเดินทางที่เพิ่มขึ้นได้

คำถามที่ชาวสงขลาอยากได้คำตอบคือ "อีกนานแค่ไหนเราจะต้องทนกับสถานการณ์นี้?" ชาวบ้านส่วนใหญ่เห็นว่า "สะพาน" เป็นตัวเลือกที่ดีกว่าเพื่ออนาคตที่ยั่งยืน หากต้องรอให้สถานการณ์กลับไปดีขึ้นอีกกี่ปี ความทุกข์ที่พวกเขาต้องเผชิญวันนี้คงไม่สามารถทนไหวอีกต่อไป!

ถึงเวลาแล้วที่ต้องทบทวน และดำเนินการอย่างจริงจังกับโครงการสร้างสะพานที่ทันสมัยและปลอดภัย เพื่อยกระดับการคมนาคมในพื้นที่สงขลา!

สวนนงนุชพัทยา จัดโปรโมชั่นเข้าสวนฟรีทั้งเดือนสำหรับใครที่เกิดเดือนมีนาคม

(27 ก.พ.68) สวนนนงนุชพัทยา โดยนายกัมพล ตันสัจจา ประธานสวนนงนุชพัทยา ได้จัดโปรโมชั่นสำหรับผู้ที่มีวันเกิดเดือน มีนาคม รับบัตรผ่านประตูเข้าชมสวนสวยฟรี ตลอดทั้งเดือนส่วนในเดือนที่ผ่านมามีนักท่องเที่ยวชาวไทยให้ความสนใจที่มาใช้บริการเป็นจำนวนมาก เพียงแสดงบัตรประชาชนแล้วรับสิทธิได้เลยไม่จำกัดจำนวน ระยะเวลาตั้งแต่วันที่ 1 ถึง 31มีนาคม 2568

ส่วนโปรโมชั่นที่ทางสวนนงนุชพัทยาจัดให้อย่างต่อเนื่องสำหรับเด็กที่มีความสูงไม่เกิน140 ซม.(ที่มากับครอบครัว) และผู้พิการเข้าฟรีทุกวัน ผู้สูงอายุ (มีอายุตั้งแต่ 60 ปีขึ้นไป)เข้าชมสวนฟรีทุกวันศุกร์ ท่านที่สนใจชมการแสดงนงนุชโชว์ และการแสดงของน้องช้างแสนรู้ มีการแสดงวันละ 4 รอบ ณ โรงละครสกาลานงนุชพัทยา 

สวนนงนุชพัทยาเป็นสถานที่ ที่มีความพิเศษในการท่องเที่ยวแบบครอบครัว ผู้สูงอายุจะได้รับความสะดวกสบายในสิ่งอำนวยความสะดวก เช่น ทางลาด,รถชมสวน,ลิฟต์ในสวนลอยฟ้า,ห้องน้ำสำหรับวิวแชร์ และชมสวนที่ติดหนึ่งในสิบสวนที่สวยที่สุดในโลกมากกว่า 60 สวน ในส่วนของเด็กจะได้ชมความยิ่งใหญ่ของไดโนเสาร์ ขนาดเท่าตัวจริงมากกว่า 1,700 ตัว โดยเปิดบริการทุกวัน ตั้งแต่ 08.00 น.- 18.00น.สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ www.nongnoochpattaya.com

‘หมอเหรียญทอง’ ยกเคส ‘ผู้ป่วย’ ปลื้มใช้บัตรทองแพลตตินั่ม ชูความคุ้มค่าในราคา รพ.รัฐบาล แต่ได้มาตรฐานเอกชน

(27 ก.พ. 68) พลตรี นายแพทย์ เหรียญทอง แน่นหนา ได้โพสต์เฟซบุ๊กส่วนตัว โดยได้ระบุถึงผู้ใช้ชื่อเฟซบุ๊กชื่อว่า 'หมอปันปัน ค่ะ' ซึ่ง เป็นอายุรแพทย์สาขาโลหิตวิทยา รพ.มงกุฎวัฒนะ เป็นแพทย์เฉพาะทางเกี่ยวกับโรคมะเร็งเม็ดเลือด โรคมะเร็งต่อมน้ำเหลือง และโรคเลือดต่างๆ ได้โพสต์ในช่องแสดงความเห็นเกี่ยวกับโครงการ 'บัตรทองแพลตตินั่ม' เมื่อคืนวันพุธที่ 26 ก.พ.68 เวลา 21.38 น.ว่า

"คนไข้แฮปปี้มากค่ะ รวมค่าบริการและค่ายา 3 เดือน 550 บาท คนไข้ฝากขอบคุณพี่ด้วยค่ะ ที่มีโครงการช่วยเหลือผู้ป่วย"

นี่คืออีกกรณีหนึ่งที่ผู้ป่วยบัตรทองแพลตตินั่ม รพ.มงกุฎวัฒนะ พึ่งตนเอง จ่ายเงินเอง ราคา รพ.รัฐ ไม่ต้องขอใบส่งตัวจากคลินิก ไม่ต้องเดินทางไป รพ.ที่รับการส่งต่อใหม่ตามที่ สปสช. จัดให้ด้วยความยากลำบาก 

ทั้ง รพ.ที่รับการส่งต่อใหม่ ยังอาจจะขาดแคลนแพทย์เฉพาะทาง เช่น อายุรแพทย์สาขาโลหิตวิทยาที่หายาก ดังเช่นคุณ 'หมอปันปัน ค่ะ' อีกด้วย

คิดง่ายๆ นะครับ ผู้ป่วยบัตรทองแพลตตินั่มของคุณ 'หมอปันปัน ค่ะ' น่าจะมีบ้านอยู่ทางกรุงเทพฯเหนือ อาจจะหลักสี่-ดอนเมือง-บางเขน-จตุจักร ก็แล้วแต่ 

เมื่อมารักษาด้วยโครงการบัตรทองแพลตตินั่มด้วยการจ่ายเงินค่าบริการและค่ายา 3 เดือน 550 บาท ก็ยังถูกกว่าค่ารถแท๊กซี่เดินทางไป-กลับ รพ.ที่รับส่งต่อใหม่ที่อยู่ห่างไกล การจราจรติดขัด เสียค่ารถไป-กลับ น่าจะเกือบ 1,000 บาทแล้ว ยังไม่รวมเสียเวลาจากการจราจรติดขัดอีก

มิหนำซ้ำผู้ป่วยบัตรทองยังจะต้องไปที่คลินิกปฐมภูมิล่วงหน้าหลายวันเพื่อทำเรื่องขอใบส่งตัวก่อน หลังจากนั้นอีกหลายวันเมื่อคลินิกอนุมัติใบส่งตัวแล้ว ผู้ป่วยก็ต้องเดินทางไปคลินิกอีกครั้งเพื่อรับใบส่งตัว 

แต่ละครั้งที่ไปคลินิก ผู้ป่วยก็ต้องไปรอคอย มีผู้ป่วยบัตรทองรายหนึ่งบอกผมโดยตรงว่า "เหมือนขอทานเลยค่ะ แค่ไปขอแค่ใบส่งตัวเท่านั้น ยังต้องมีขั้นตอนให้ยุ่งยากลำบากเพื่อจะได้ไม่อยากขอใบส่งตัว"

เมื่อได้ใบส่งตัวแล้ว ผู้ป่วยบัตรทองจึงจะเดินทางไป รพ.ที่รับส่งต่อใหม่ตามที่ สปสช. จัดให้ที่ห่างไกล ต้องเสียค่ารถไป-กลับ น่าจะเกือบ 1,000 บาทอีก 

ยังไม่นับรวมกับปัญหาการเริ่มต้นตรวจรักษากับแพทย์เฉพาะทางขั้นสูงในระดับอายุรศาสตร์สาขาโลหิตวิทยา 

หาก รพ.รับส่งต่อใหม่ ไม่มีแพทย์เฉพาะทางสาขานี้ ก็จะต้องส่งต่อไปยังคณะแพทยศาสตร์ ซึ่ง รพ.รับส่งต่อใหม่ จะส่งต่อผู้ป่วยเองไม่ได้นะครับต้องมีหนังสือแจ้งคลินิกให้ผู้ป่วยนำกลับไปคลินิกเพื่อขอใบส่งตัวไปยังคณะแพทยศาสตร์เสียก่อน ผู้ป่วยบัตรทองจึงจะไปคณะแพทยศาสตร์ได้ 

ทุกขั้นตอนผู้ป่วยต้องเสียเวลาประสบปัญหาความแออัด ทั้งการจะใช้บริการแต่ละครั้งก็ต้องวนเวียน กลับไป-กลับมา ผู้ป่วยเสียโอกาสมากสุดๆ ขาดความต่อเนื่องในการรักษา เสียทั้งโอกาส เสียทั้งเวลา เสียทั้งค่าใช้จ่ายไปๆ มาๆ ที่สำคัญสุ่มเสี่ยงต่อการเสียสุขภาพและชีวิตจากการขาดความต่อเนื่องในการรักษา...เพียงแค่ต้องการรักษาฟรี ไม่ต้องจ่ายเงินให้ รพ.เท่านั้น ขอพูดตรงๆ ว่า คิดอย่างไรก็ไม่คุ้มค่าเลยนะครับ

ตามที่คุณ 'หมอปันปัน ค่ะ' โพสต์ในช่องแสดงความเห็นเมื่อคืนนี้ว่า "คนไข้แฮปปี้มากค่ะ รวมค่าบริการและค่ายา 3 เดือน 550 บาท คนไข้ฝากขอบคุณพี่ด้วยค่ะ ที่มีโครงการช่วยเหลือผู้ป่วย"

คุณพี่ที่คนไข้ฝากขอบคุณนั้นจะเป็นใครก็แล้วแต่ได้ฝากผมให้บอกคุณ 'หมอปันปัน ค่ะ' ว่า "คุณพี่คนนั้นขอฝากบอกผู้ป่วยบัตรทองแพลตตินั่มว่าขอขอบคุณมากครับ"

หมายเหตุ 

มีผู้ป่วยบัตรทองแพลตตินั่มรายหนึ่งแจ้งผมว่า แม้แต่คลินิกปฐมภูมิ และสายด่วน สปสช 1330 ก็ยังเชียร์โครงการ 'บัตรทองแพลตตินั่ม' เลย โดยแอบแนะนำให้มาสมัครเป็นสมาชิกบัตรทองแพลตตินั่มแล้วจะได้ไม่ต้องขอใบส่งตัวจากคลินิก ไม่ต้องเดินทางไกลไป รพ.ใหม่ ตามที่ สปสช จัดให้

ขนาดคลินิกปฐมภูมิที่ รพ.ยกเลิกการเป็นแม่ข่ายแท้ๆ ยังเชียร์โครงการบัตรทองแพลตตินั่ม ที่สำคัญ สายด่วน สปสช 1330 ก็ยังแอบเชียร์อีกด้วย

ถ้าโครงการบัตรทองแพลตตินั่ม ไม่ดีจริง ไม่เจ๋งจริง เชิญไปด่า 'ไอ้เฮี่ยตาแป๊ะหลักสี่ ไอ้ตี๋หัวลำโพง' อดีตเสนาธิการฝ่ายยุทธการ กรมแพทย์ทหารบก จอมเผด็จการล้างระบบส่งต่อผู้ป่วยนอก OP refer เฮงซวย ได้ที่ รพ.มงกุฎวัฒนะกันเลยนะครับ

เผยภาพ ‘สมเด็จพระมหาวชิรมังคลาจารย์’ เจ้าคณะใหญ่หนใต้ พระผู้ปฏิบัติชอบ ขณะนั่งรอรถไฟเข้า กทม. ปฏิบัติศาสนกิจ

เผยภาพ สมเด็จพระมหาวชิรมังคลาจารย์ เจ้าคณะใหญ่หนใต้ วัดกะพังสุรินทร์ พระอารามหลวง จ.ตรัง นั่งรอรถไฟที่สถานีพัทลุง เพื่อเดินทางเข้าปฏิบัติศาสนกิจที่วัดสามพระยา กทม. ท่ามกลางความคิดเห็นที่ว่าเป็นแบบอย่างให้กับพระสงฆ์ได้เห็นวัตรปฏิบัติที่เรียบง่าย สมถะ... 

เมื่อวันที่ (26 ก.พ. 68) เฟซบุ๊ก ที่ใช้ชื่อว่า มหาศักดิ์ ป่าวัดใหม่ ได้โพสต์รูป สมเด็จพระมหาวชิรมังคลาจารย์  เจ้าคณะใหญ่หนใต้ วัดกะพังสุรินทร์ พระอารามหลวง จ.ตรัง ขณะกำลังนั่งรอรถไฟที่สถานีพัทลุง เพื่อเดินทางเข้าปฏิบัติศาสนกิจที่กรุงเทพฯ 

พร้อมข้อความ ระบุว่า พระผู้เป็นดั่งร่มโพธิ์ใหญ่ร่มไทรกว้างแห่งดินแดนด้ามขวานทอง สมถะ เรียบง่าย เข้าถึงง่าย กราบได้สนิทใจ เจ้าประคุณสมเด็จพระมหาวชิรมังคลาจารย์ เจ้าคณะใหญ่หนใต้ วัดกะพังสุรินทร์ พระอารามหลวง จ.ตรัง ขณะนั่งรอรถไฟ ข.32 สถานีรถไฟพัทลุง เดินทางเข้า กทม. เพื่อปฏิบัติศาสนกิจ งานอบรมสอบความรู้พระอุปัชฌาย์รุ่นที่ 58 ณ วัดสามพระยา กทม.

โดยหลังจากมีการเผยแพร่ภาพดังกล่าวออกไป ก็ได้มีการแชร์ภาพต่อกันไปเป็นจำนวนมาก เพื่อเป็นแบบอย่างให้กับพระสงฆ์ได้เห็นวัตรปฏิบัติที่เรียบง่าย สมถะ ของสมเด็จพระมหาวชิรมังคลาจารย์

เปิดประวัติ 'พระชินวงศวชิรเวที' วัดราชบพิธฯ พระราชาคณะชั้นสามัญที่อายุน้อย จบฮาร์วาร์ด-เปรียญ 7

เมื่อวันที่ (26 ก.พ.68) เว็บไซต์ราชกิจจานุเบกษาได้เผยแพร่ประกาศที่สำคัญ พระบาทสมเด็จพระวชิรเกล้าเจ้าอยู่หัวทรงพระบรมราชโองการโปรดพระราชทานสัญญาบัตรตั้งสมณศักดิ์ 'พระครูสุตตาภิรม เตชินท์' จากวัดราชบพิธสถิตมหาสีมาราม ราชวรวิหาร พระอารามหลวง กรุงเทพมหานคร เป็น พระราชาคณะชั้นสามัญ มีนามว่า 'พระชินวงศวชิรเวที'

ล่าสุด, เพจเฟซบุ๊ก 'ข่าวสารงานพระพุทธศาสนา' ได้เผยแพร่บทความเกี่ยวกับพระชินวงศวชิรเวทีในฐานะพระราชาคณะชั้นสามัญที่มีพรรษาน้อยที่สุดในสังฆมลฑล โดยพระชินวงศวชิรเวที (นามเดิม เตชินท์ จุลเทศ) เกิดเมื่อวันอาทิตย์ที่ 3 มิถุนายน พ.ศ.2533 เป็นบุตรของนายเลอศักดิ์ จุลเทศ อดีตผู้อำนวยการธนาคารออมสิน และนางศิริพร จุลเทศ นับเป็นพระสงฆ์ที่อายุน้อยที่สุดในกลุ่มพระราชาคณะชั้นสามัญ โดยมีอายุเพียง 34 ปี และพรรษาเพียง 7 พรรษา

พระชินวงศวชิรเวทีมีการศึกษาที่โดดเด่น ตั้งแต่สมัยเยาว์วัย สำเร็จการศึกษาชั้นประถมศึกษาและมัธยมศึกษาตอนต้น จากโรงเรียนสาธิตแห่งมหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ สำเร็จการศึกษาชั้นมัธยมศึกษาตอนปลายจากโรงเรียนเตรียมอุดมศึกษา รุ่นที่ 68 ขณะศึกษาชั้นมัธยมศึกษาตอนปลาย มีความสนใจด้านคณิตศาสตร์และวิทยาศาสตร์ ได้เป็นผู้แทนประเทศไทยไปแข่งขันเคมีโอลิมปิกระหว่างประเทศ ประจำปี พ.ศ.2550 ณ สหพันธรัฐรัสเซีย และประจำปี พ.ศ.2551 ณ ประเทศฮังการี ได้รับรางวัลเหรียญเงิน

จนกระทั่งสำเร็จการศึกษาระดับอุดมศึกษาที่มหาวิทยาลัยฮาร์วาร์ด สหรัฐอเมริกา โดยเขาได้รับปริญญาตรี (A.B.) สาขาเศรษฐศาสตร์และสถิติ และปริญญาโท (S.M.) สาขาคณิตศาสตร์ประยุกต์และเศรษฐศาสตร์ในปี พ.ศ. 2556 หลังจากนั้นได้ทำงานในภาคเอกชนระหว่างปี พ.ศ. 2556-2560 ก่อนที่เขาจะตัดสินใจอุปสมบทเมื่ออายุ 27 ปี

ในด้านการศึกษาพระปริยัติธรรม, พระชินวงศวชิรเวทีสอบได้เปรียญธรรม 7 ประโยคในปี 2567 และได้รับพระอนุญาตให้แสดงพระปาฏิโมกข์ตั้งแต่ปี 2562

พระชินวงศวชิรเวทีดำรงตำแหน่งสำคัญในหลายสถาบัน รวมถึง รองอธิการบดีด้านแผนพัฒนาและพันธกิจสากล ที่มหาวิทยาลัยมหามกุฏราชวิทยาลัย และยังได้รับมอบหมายให้ทำงานเกี่ยวกับการต่างประเทศในโอกาสต่าง ๆ รวมถึงบทบาทสำคัญในสำนักงานเลขานุการสมเด็จพระสังฆราช

พระชินวงศวชิรเวทีได้รับการโปรดเกล้าฯ ให้เป็นพระครูฐานานุกรมชั้นเอก เมื่อวันที่ 22 มกราคม 2568 และในวันที่ 25 กุมภาพันธ์ 2568 ได้รับพระราชทานสมณศักดิ์เป็น พระราชาคณะชั้นสามัญ ตามพระบรมราชโองการ


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top