Sunday, 11 May 2025
NEWS FEED

ลูกค้าสั่ง ‘ปลานิลทอดน้ำปลา’ พร้อมระบุ ‘ขอแบบไม่มีก้าง’ ทางร้านจัดให้ ตรงตามบรีฟ ทำเอาชาวเน็ต ถึงกับอ้าปากค้าง

(31 มี.ค.67) กลายเป็นภาพไวรัลไปทั่วโลกโซเชียล เมื่อทางเพจ Very Good Coffee ร้านอาหารชื่อดังใน จ.ขอนแก่น ออกมาแชร์เมนูอาหารที่ทำเอาชาวเน็ตถึงกับอ้าปากค้าง

โดยทางเพจระบุข้อความว่า “โอเค ปลาก้างห้ามมี เด็กน้อยกิน” พร้อมแนบภาพใบออเดอร์จากลูกค้าที่ระบุว่า “ปลานิลทอดน้ำปลา เปลี่ยนเป็นปลาที่ไม่มีก้างนะคะ เด็กทาน”

พร้อมเบื้องหลังเป็นภาพ จานอาหารจานใหญ่ที่ถูกตกแต่งมาอย่างดีตามสไตล์เมนูปลานิลทอดน้ำปลา มีผักเคียง และมีน้ำจิ้มพร้อม

ทว่าจะเด่นของจานอย่าง ปลานิล กลับมารูปร่างแปลกตา กลายเป็นเหมือนลูกชิ้นปลาตัวจิ๋ว หน้าตาเหมือน ปลาการ์ตูน หรือที่ชาวไทยนิยมเรียกกันว่าปลานีโม่ ถูกทอดจนดูกรอบ วางเรียงรายเป็นแถว

เมื่อโพสต์ดังกล่าวถูกเผยแพร่ออกไป ก็กลายเป็นไวรัลไปทั่วโลกโซเชียล มีชาวเน็ตเข้ามากดถูกใจ กดแชร์ และคอมเมนต์กันสนั่น อาทิ

ปลาทะเลกินแล้วมีโปรตีนสูง

ดีนะ ไม่เอาปลาปิก้ามาทอด

เอาปลาการ์ตูนมาทอด

ปลานีโม่ทอด

ตรงโจทย์ไม่ผิดเพี้ยน

สูวววว

เฮ็ดขึ้น สร้างขึ้น ความคิดดือ

‘ขนุน สิรภพ’ แนวร่วมม็อบ 3 นิ้ว เครียดจัด กินข้าวไม่ได้ หายใจไม่ออก เร่งให้ทนาย ยื่นประกันตัว ลั่น ‘ผมยอมหมด-ผมไม่อยากอยู่ที่นี่’ 

(31 มี.ค.67) ล่าสุด ทนายความเข้าเยี่ยม ขนุน สิรภพ ที่เรือนจำพิเศษกรุงเทพฯ เป็นครั้งแรก หลังศาลอาญากรุงเทพใต้พิพากษาคดีมาตรา 112 กรณีการปราศรัยในการชุมนุม 18พฤศจิกาไปราษฎรประสงค์ โดยศาลสั่งจำคุก 3 ปี ก่อนลดเหลือ 2 ปี โดยไม่รอลงอาญา และไม่อนุญาตให้ประกันตัวระหว่างอุทธรณ์

ทนายความถามสิรภพประโยคแรกว่า เป็นอย่างไรบ้าง สิรภพตอบว่า เครียด และปกติเป็นภูมิแพ้อยู่แล้ว พอต้องเข้ามาอยู่ในเรือนจำที่ค่อนข้างแออัด ทำให้เป็นผื่นตามตัว บางครั้งก็มีอาการหายใจไม่ค่อยออก

“ตอนแรกผมยังไม่ได้ตัดผม บอกกับทางเรือนจำว่า ให้รอก่อน 3 วัน แต่พอ 3 วัน ไม่มีข่าวเรื่องประกัน ผมก็รู้ว่าไม่ได้ออก เลยให้พี่เขามาช่วยตัดผม” “ผมกินข้าวไม่ค่อยได้ อยู่มา 5 วัน กินข้าวได้ 3 มื้อเอง ส่วนใหญ่ผมกินน้ำ ข้าวน้ำที่ซื้อเข้ามาให้ ผมก็แจกคนในห้อง นอนวันหนึ่งได้แค่ไม่กี่ชั่วโมง รู้สึกแย่ พอผ่านไปวันที่สามไม่ได้ออก พี่ๆ ในห้องก็ช่วยปลอบ ในห้องขังที่ผมอยู่ มีกันอยู่ 18 คน ทุกคนก็ดีกับผม มีพี่คนหนึ่ง และฝรั่งอีกคนที่คุยกับผมบ่อย ถ้าจะมีอะไรที่เป็นข้อดีสักอย่างในนี้ ก็คือมีเพื่อนฝรั่งที่ทำให้ได้ฝึกภาษาอังกฤษ”

“ผมยังไม่ได้เจอใครในนี้ มีพี่เก็ท โสภณ ฝากของมาให้ มีคนส่งข่าวว่า พี่เก็ทและพี่อานนท์ รู้แล้วว่าผมอยู่ในนี้ แต่ผมยังไม่ได้เจอ เพราะต้องกักตัว และไม่รู้ว่าจะได้อยู่แดนเดียวกันหรือเปล่า”

หลังศาลอาญากรุงเทพใต้พิพากษาว่า สิรภพมีความผิดในคดีมาตรา 112 ลงโทษจำคุก 2 ปี และส่งเรื่องการประกันตัวให้ศาลอุทธรณ์พิจารณา ศาลอุทธรณ์มีคำสั่ง “พิเคราะห์ความหนักเบาแห่งข้อหา และพฤติการณ์แห่งคดีแล้ว ข้อหามีอัตราโทษสูง ลักษณะการกระทำผิดของจำเลยที่ 1 นำมาซึ่งความเสื่อมเสียสู่สถาบันพระมหากษัตริย์ กระทบกระเทือนจิตใจของประชาชน ศาลชั้นต้นพิพากษาลงโทษจำคุก 2 ปี หากอนุญาตให้ปล่อยชั่วคราว มีเหตุอันควรเชื่อว่า จำเลยจะหลบหนี จึงไม่อนุญาตให้ปล่อยชั่วคราวจำเลย ในระหว่างอุทธรณ์ ให้ยกคำร้อง”

หลังทนายอ่านข้อความนี้ให้สิรภพฟัง สิรภพบอกว่า “โอเค งั้นยื่นขอติด EM อยู่ในบ้าน 24 ชั่วโมง ห้ามออกนอกประเทศก็ได้ ให้ผมไปรายงานตัว บำเพ็ญประโยชน์อะไรก็ได้ ผมยอมหมด ยื่นให้สุด ผมไม่อยากอยู่ที่นี่ ไม่มีคนรู้จัก มันไม่สมเหตุสมผล”

ทนายได้อธิบายสถานการณ์ว่า ในช่วงหลายเดือนที่ผ่านมา ไม่มีคดี 112 ที่ศูนย์ทนายฯ ให้ความช่วยเหลือ ที่ส่งศาลสูงพิจารณาคำร้องขอประกันแล้วได้ประกันเลย สิรภพเข้าใจ แต่ก็ยังคุยกันเรื่องการยื่นขอประกันอีกครั้ง

ทนายอ่านจดหมายจากเพื่อนๆ ให้ขนุนฟัง สิรภพยังถามถึงความเคลื่อนไหวด้านนอก ถามถึงการอดอาหารของตะวัน ความคืบหน้าคดีของคนอื่น ฝากข้อความถึงครอบครัวและคนรัก สิรภพอยากได้รับจดหมายทาง โดมิเมล์ แต่ต้องรอพ้นเวลากักตัว และสิ่งที่อยากสื่อสารต่อสาธารณะ สิรภพบอกเพียงสั้นๆ ว่า “ผมอยากเรียนต่อ” จนถึงปัจจุบันสิรภพ ถูกคุมขังระหว่างอุทธรณ์มาแล้ว 7 วัน

สำหรับเหตุการณ์ที่ทำให้สิรภพถูกดำเนินดี เกิดขึ้นเมื่อวันที่ 18 พ.ย. ปี 63 สิรภพและชูเกียรติได้เข้าร่วมการชุมนุม ที่บริเวณแยกราชประสงค์ ก่อนมีการเดินขบวนไปยังหน้าสำนักงานตำรวจแห่งชาติ การชุมนุมดังกล่าว จัดขึ้นภายหลังเจ้าหน้าที่เข้าสลายการชุมนุมของกลุ่มราษฎร ที่จะไปชุมนุมที่หน้ารัฐสภาในวันที่ 17 พ.ย. ปี 63

ในการชุมนุมดังกล่าว ผู้ชุมนุมผลัดเปลี่ยนกันขึ้นปราศรัย บนรถบรรทุกติดเครื่องขยายเสียง ระหว่างการเคลื่อนขบวน โดยสิรภพได้กล่าวถึงบทบาทของกษัตริย์ที่มีต่อระบอบประชาธิปไตยของไทย บทบาทที่เกี่ยวข้องกับการเมือง การโอนย้ายกองทัพเป็นของส่วนพระองค์ สถานะของประชาชนที่สัมพันธ์กับสถาบันกษัตริย์

เมื่อวันที่ 6 พ.ค. 2564 สิรภพและชูเกียรติ ได้ถูกพนักงานอัยการสั่งฟ้องทั้งสิ้น 3 ข้อกล่าวหา ได้แก่ ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 112, ฝ่าฝืน พ.ร.บ.ชุมนุมสาธารณะ พ.ศ. 2558 และ พ.ร.ก. ฉุกเฉินฯ

ภาพรวมการสืบพยาน สิรภพให้การปฏิเสธข้อหา 112 โดยระบุว่า ปราศรัยเกี่ยวกับบทบาทของกษัตริย์ ในระบอบประชาธิปไตย และมบูรณาญาสิทธิราชย์ ตามความรู้ที่ได้ร่ำเรียนมา ไม่ได้มีเจตนามุ่งร้าย และให้ความเคารพต่อสถาบันกษัตริย์ฯ เฉกเช่นบุคคลทั่วไป

'สืบนครบาล' โพสต์เฟซ ช่วยสาวคิดสั้น หลังเจอปัญหา เรื่องเครียดรุมเร้า  ตร.เข้าเกลี้ยกล่อม เตือนใจ ‘อย่าไปเสียเวลา ให้กับสิ่งที่ไม่ได้ ทำให้เราดีขึ้น’

เมื่อวานนี้ เฟซบุ๊กเพจ 'สืบนครบาล IDMB'โพสต์เล่าเหตุการณ์ช่วยสาวคิดสั้น ตั้งใจนั่งรถมาโดดสะพาน เพื่อจบชีวิตที่แม่น้ำเจ้าพระยา หลังเครียดเหตุเลิกแฟนหนุ่ม และเพื่อนยืมเงินไม่คืน โดยได้ระบุว่า ...

เมื่อวันที่ 30 มีนาคม 2567 เวลาประมาณ 07.00 น. ร.ต.ท บรรเจิด คงเจริญ รอง สวป. และ จ.ส.ต.มงคล อัปมะโน ผบ.หมู่ (ป.) สน.วัดพระยาไกร ได้รับแจ้งจากพนักงานวิทยุฯ ว่ามีหญิงคิดสั้นจะกระโดดสะพาน จึงได้รีบเดินทางไปตรวจสอบที่เกิดเหตุ พบหญิงคนดังกล่าวนั่งอยู่บริเวณริมแม่น้ำเจ้าพระยา ติดกับสวนสาธารณะใต้สะพานกรุงเทพ จึงได้เข้าไปเกลี้ยกล่อม ใช้เวลาประมาณ 10 นาที หญิงคนดังกล่าวจึงยอมขึ้นมากับเจ้าหน้าที่ตำรวจ 

จากการสอบถาม แจ้งว่าเพิ่งเลิกรากับแฟนหนุ่ม และพักอยู่ด้วยกันแถวคลองเตย บวกกับถูกเพื่อนสาวยืมเงินไปจำนวน 5,000 บาท และไม่ยอมคืน จึงเกิดความเครียด นั่งวินจักรยานยนต์จากคลองเตย มาที่สะพานกรุงเทพ ช่วงเวลาประมาณ 05.30 น. เพื่อจะก่อเหตุดังกล่าว 

ร.ต.ท.บรรเจิด จ.ส.ต.มงคลฯ จึงให้การทำช่วยเหลือจนปลอดภัยและไม่ได้รับบาดเจ็บแต่อย่างใด เจ้าหน้าที่ตำรวจจึงได้พาตัวน้องมาสงบสติอารมณ์ ที่ สน.วัดพระยาไกร และ น้องได้โทรติดต่อเพื่อน เพื่อจะไปขอพักอาศัยกับเพื่อนแถวประชาอุทิศต่อไป

โดยในตอนท้าย ยังได้ฝากข้อคิดเตือนใจไว้ด้วยว่า 

"อย่าไปเสียเวลา ให้กับสิ่งที่ไม่ได้ทำให้เราดีขึ้น"

‘บรูโน มาส์’ โชว์เปียโน เพลงพระราชนิพนธ์ สร้างความประทับใจ ให้กับแฟนเพลงชาวไทย 

(31 มี.ค.67) สำหรับคอนเสิร์ตศิลปินชื่อดัง บรูโน มาส์ ที่จัดขึ้นในประเทศไทย ในวันที่ 30 และ 31 มีนาคม 2567 ที่สนามราชมังคลากีฬาสถาน คอนเสิร์ตในครั้งนี้ มีการเล่นเพลงพระราชนิพนธ์ Still on my mind ของในหลวงรัชกาลที่ 9 สร้างความประทับใจให้กับแฟนเพลงชาวไทยเป็นอย่างมาก 

‘มิสแกรนด์นครราชสีมา’ แต่งเป็น ‘อนุสาวรีย์ย่าโม’ ชาวโซเชียลแห่ชม ‘บอสณวัฒน์’ ยกให้ สุดจริงทุกมิติ

(31 มี.ค.67) กำลังเป็นไวรัลถูกพูดถึงไปทั่วโลกโซเชียลขณะนี้ สำหรับเวทีการประกวด มิสแกรนด์ไทยแลนด์ 2024 ในรอบ ชุดประจำจังหวัด เพื่อค้นหาที่สุดแห่งชุดประจำชาติ (Miss Grand Thailand 2024 : National Costume Competition)

งานนี้สาวงามจากทั่วประเทศ ก็งัดของดีของเด็ด มาประชันกัน ซึ่งสาวงามที่ถูกจับตามองในค่ำคืนนี้ คือ พลอย-นันทิชา ยังวัฒนา มิสแกรนด์นครราชสีมา 2024 มาในชุด “ย่าโม”

งานนี้ก็ทำเอาโลกโซเชียลฮือฮา คอมเมนต์ชื่นชมกันยกใหญ่ อาทิ
• คิดว่ายกรูปปั้นอนุสาวรีย์มาจากโคราช ทำถึงมาก
• เราคนโคราชไม่ดราม่านะคะ คุณย่าใจดีไม่ใช่การล้อเลียนแต่เป็นการสื่อให้รู้ในสิ่งที่คนโคราชนับถือคู่บ้านเมืองค่ะ
• ขนลุกเลยค่ะ ทำถึงมาก จากใจคนโคราช
• คิดว่าย่ามาจริง
• สวยขลัง มีพลังความเป็นแม่ย่ามากค่ะ
• ชุดหน้าเหมือนมากค่ะ เป๊ะปังเวอร์ งดงาม ขนลุกเลยค่ะ
แถมงานนี้ไม่ธรรมดา เพราะความปังก็เตะตา บอส ณวัฒน์ อิสรไกรศีล สุด ๆ เจ้าตัวถึงขั้นเอ่ยปากชมผ่านเฟซบุ๊กส่วนตัว ระบุข้อความว่า “ชุดประจำชาติของจังหวัดนครราชสีมาเมื่อคืนนี้บอกได้คำเดียวว่าสุดจริงทุกมิติ”

‘นิด้าโพล’ เปิดมุมมอง สะท้อนความคิดเห็น ‘ขรก.-จนท.รัฐ’ เบื่อขั้นตอนมากมาย-เบื่อเจ้านาย แต่ ‘ไม่อยากย้าย-ไม่อยากออก’

(31 มี.ค.67) ศูนย์สำรวจความคิดเห็น “นิด้าโพล” สถาบันบัณฑิตพัฒนบริหารศาสตร์ (นิด้า) เปิดเผยผลการสำรวจของประชาชน เรื่อง “ข้าราชการ เจ้าหน้าที่รัฐ เบื่ออะไร?” ทำการสำรวจระหว่างวันที่ 14-18 มีนาคม 2567 จากข้าราชการ ลูกจ้าง พนักงานรัฐวิสาหกิจทั่วประเทศ รวมทั้งสิ้น จำนวน 1,310 หน่วยตัวอย่าง เกี่ยวกับความรู้สึกเบื่อของข้าราชการและเจ้าหน้าที่รัฐต่อระบบราชการไทย เก็บข้อมูลด้วยวิธีการสัมภาษณ์ทางโทรศัพท์ โดยกำหนดค่าความเชื่อมั่น ร้อยละ 97.0

เมื่อถามถึงความคิดเห็นของข้าราชการ ลูกจ้าง พนักงานรัฐวิสาหกิจเกี่ยวกับสาเหตุที่ทำให้รู้สึกเบื่อในระบบ หรืองานราชการ พบว่า ตัวอย่าง ร้อยละ 39.47 ระบุว่า ขั้นตอนการปฏิบัติราชการที่มากมายและยุ่งยากซับซ้อน , รองลงมา ร้อยละ 31.53 ระบุว่า ระบบอุปถัมภ์ในระบบราชการ , ร้อยละ 28.24 ระบุว่า เงินเดือนน้อย , ร้อยละ 22.44 ระบุว่า ตัวชี้วัดทั้งหลาย , ร้อยละ 20.38 ระบุว่า โครงสร้าง การปกครองหรือสั่งการตามลำดับชั้น

ร้อยละ 18.93 ระบุว่า การประสานงานที่ไม่เป็นระบบ , ร้อยละ 17.02 ระบุว่า การแข่งขันกันเพื่อแย่งชิง ความดีความชอบและตำแหน่งที่สำคัญ , ร้อยละ 16.49 ระบุว่า การคอร์รัปชันในระบบราชการ , ร้อยละ 16.18 ระบุว่า เจ้านาย , ร้อยละ 15.73 ระบุว่า ไม่เบื่ออะไรเลย , ร้อยละ 14.05 ระบุว่า เพื่อนร่วมงาน , ร้อยละ 11.07 ระบุว่า การทำงานแบบผักชีโรยหน้า , ร้อยละ 10.23 ระบุว่า การแทรกแซง ของนักการเมือง ผู้มีอิทธิพล , ร้อยละ 8.47 ระบุว่า ลูกน้อง , ร้อยละ 7.25 ระบุว่า งานที่มีความเสี่ยงจะผิดกฎระเบียบ และร้อยละ 6.41 ระบุว่า ประชาชนที่ไม่เข้าใจในระบบงาน กฎระเบียบของราชการ

ด้านความศรัทธาต่อระบบราชการไทย พบว่า ตัวอย่าง ร้อยละ 49.47 ระบุว่า ค่อนข้างศรัทธา , รองลงมา ร้อยละ 22.52 ระบุว่า ศรัทธามาก , ร้อยละ 21.53 ระบุว่า ไม่ค่อยศรัทธา , ร้อยละ 6.34 ระบุว่า ไม่ศรัทธาเลย และร้อยละ 0.14 ระบุว่า ไม่ทราบ/ไม่ตอบ/ไม่สนใจ

ท้ายที่สุดเมื่อถามความคิดเห็นเกี่ยวกับการลาออก หรือการย้ายไปอยู่หน่วยงานอื่นของรัฐ พบว่า ตัวอย่าง ร้อยละ 63.04 ระบุว่า ไม่อยากลาออกและไม่อยากย้ายหน่วยงาน , รองลงมา ร้อยละ 14.89 ระบุว่า อยากลาออกจากหน่วยงานของรัฐ , ร้อยละ 13.44 ระบุว่า อยากย้ายไปอยู่หน่วยงานอื่นของรัฐ , ร้อยละ 8.32 ระบุว่า ลาออกหรือย้ายหน่วยงานก็ได้ และร้อยละ 0.31 ระบุว่า ไม่ทราบ/ไม่ตอบ/ไม่สนใจ

นครพนม​ -ผู้บัญชาการทหารบก/ผู้บัญชาการศูนย์ปฏิบัติการกองทัพบก ลงพื้นที่ตรวจเยี่ยมการปฏิบัติภารกิจของกำลังป้องกันชายแดนไทย-ลาว 

เมื่อวันที่ 30 มีนาคม 2567 พลเอกเจริญชัย  หินเธาว์  ผู้บัญชาการทหารบก/ผู้บัญชาการศูนย์ปฏิบัติการกองทัพบก พร้อมคณะ  ด้วยพลโท อดุลย์ บุญธรรมเจริญ แม่ทัพภาคที่ 2/ผู้บัญชาการศูนย์ปฏิบัติการกองทัพภาคที่ 2 มอบหมายให้ พลโท บุญสิน   พาดกลาง   แม่ทัพน้อยที่ 2 /รองผู้บัญชาการศูนย์ปฏิบัติการกองทัพภาคที่ 2 เป็นผู้แทนพร้อมด้วย พลตรี พรชัย    มาหลิน  รองแม่ทัพภาคที่ 2, และพลตรี นรธิป  โพยนอก ผู้บัญชาการกองกำลังสุรศักดิ์มนตรี/ผู้อำนวยการรักษาความมั่นคงภายในภาค 2 ส่วนแยก 1 ลงพื้นที่ตรวจเยี่ยมการปฏิบัติภารกิจและให้กำลังใจหน่วยกองกำลังป้องกันชายแดน ไทย-ลาว ในพื้นที่จังหวัดนครพนม โดยได้รับฟังการบรรยายสรุปผลการดำเนินงานด้านยาเสพติด ของหน่วยบัญชาการสกัดกั้นและปราบปรามยาเสพติด สารตั้งตัน และเคมีภัณฑ์ชายแดนภาคตะวันออกเฉียงเหนือ (นบ.ยส.24) เพื่อรับทราบข้อมูล สถานการณ์ในพื้นที่ ปัญหาข้อขัดข้องต่างๆ ของหน่วย พร้อมทั้งได้มอบแนวทางการปฏิบัติ การแก้ไขปัญหายาเสพติด

โดยเน้นการบูรณาการขับเคลื่อนการดำเนินงาน ในการแก้ไขปัญหายาเสพติด ร่วมกับทุกภาคส่วนในพื้นที่เพื่อให้เกิดผลสัมฤทธิ์และเป็นรูปธรรม เพื่อสนองนโยบายของรัฐบาล ภายใต้การนำของนายเศรษฐา  ทวีสิน นายกรัฐมนตรี ที่ต้องการลดความเดือดร้อน จากปัญหายาเสพติดให้เห็นผลเป็นรูปธรรมภายใน 1 ปี จึงกำหนดปฏิบัติการ Quick Win ประกาศพื้นที่พิเศษที่มีความจำเป็นเร่งด่วน ตามประมวลกฎหมายยาเสพติด กำหนดให้จังหวัดนครพนม ในพื้นที่ 4 อำเภอชายแดน ได้แก่ อำเภอท่าอุเทน ธาตุพนม บ้านแพงและอำเภอเมืองนครพนม  เป็นพื้นที่พิเศษ เร่งด่วนในการแก้ไขปัญหายาเสพติด โดยมีการจัดตั้งหน่วยบัญชาการสกัดกั้นและปราบปรามยาเสพติด เคมีภัณฑ์และสารตั้งต้นชายแดนภาคตะวันออกเฉียงเหนือ เพื่อให้เกิดการดำเนินการสกัดกั้นและปราบปรามยาเสพติด เคมีภัณฑ์และสารตั้งต้นได้อย่างมีประสิทธิภาพ ที่บัญชาการสกัดกั้นและปราบปรามยาเสพติด สารตั้งตัน และเคมีภัณฑ์ชายแดนภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ค่ายพระยอดเมืองขวาง ตำบลกุรุคุ อำเภอเมือง จังหวัดนครพนม 

จากนั้น ผู้บัญชาการทหารบก/ผู้บัญชาการศูนย์ปฏิบัติการกองทัพบกและคณะ ได้เดินทางไปตรวจพื้นที่หาดบ้านหนาด ตำบลบ้านกลาง อำเภอเมือง จังหวัดนครพนม โดยรับฟังการบรรยายสรุปผลการปฏิบัติภารกิจในห้วงที่ผ่านมา ประกอบภูมิประเทศ ( Board walk ) จากหน่วยกองบังคับการควบคุมที่ 1 กองกำลังสุรศักดิ์มนตรี เพื่อรับทราบข้อมูลการปฏิบัติงาน ปัญหาข้อขัดข้องต่างๆ ของหน่วย พร้อมทั้งมอบนโยบาย ข้อเน้นย้ำ และมอบแนวทางการปฏิบัติภารกิจ ให้ยกระดับเข้มงวด เพิ่มการคุมเข้ม ช่องทางผ่านเข้า – ออกชายแดนแม่น้ำโขง เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการป้องกันชายแดน ในพื้นที่รับผิดชอบของหน่วย เช่น การกระทำผิดกฎหมาย การลักลอบนำเข้ายาเสพติด การหลบหนีเข้าออกนอกราชอาณาจักร เพิ่มมาตรการในการปฏิบัติจุดเฝ้าระวังช่องทางธรรมชาติ ตลอด 24 ชั่วโมง ทั้งทางบกและทางน้ำ
จากนั้นผู้บัญชาการทหารบก/ผู้บัญชาการศูนย์ปฏิบัติการกองทัพบก และคณะ ได้เดินทางไปตรวจพื้นที่อำเภอบ้านแพง จังหวัดนครพนม รับฟังการบรรยายสรุปผลการปฏิบัติภารกิจในห้วงที่ผ่านมา ประกอบภูมิประเทศ ( Board walk ) โดยพันเอก สุริวัชร์  อัครพรเดชาพงษ์  ผู้บังคับการกรมทหารพรานที่ 21/ผู้บังคับหน่วยเฉพาะกิจกรมทหารพรานที่ 21 มอบหมายให้ ร้อยโท วันชาติ  เหมือนปืน ผู้บังคับกองร้อยเฉพาะกิจทหารพรานที่ 2101 หน่วยเฉพาะกิจกรมทหารพรานที่ 21 บรรยายสรุปผลการปฏิบัติภารกิจในห้วงที่ผ่านมา จากนั้นผู้บัญชาการทหารบก/ผู้บัญชาการศูนย์ปฏิบัติการกองทัพบกและคณะ ได้พบปะให้โอวาท มอบนโยบาย ข้อเน้นย้ำ และมอบแนวทางการปฏิบัติภารกิจ ให้กับกำลังป้องกันชายแดนที่ปฏิบัติภารกิจในพื้นที่ชายแดนไทย - ลาว ตามลำแม่น้ำโขง ให้ยกระดับเข้มงวด เพิ่มการคุมเข้ม ช่องทางผ่านเข้า – ออกชายแดนแม่น้ำโขง เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการป้องกันชายแดน ในพื้นที่รับผิดชอบของหน่วย เช่น การกระทำผิดกฎหมาย การลักลอบนำเข้ายาเสพติด การหลบหนีเข้าออกนอกราชอาณาจักร เพิ่มมาตรการในการปฏิบัติจุดเฝ้าระวังช่องทางธรรมชาติ ตลอด 24 ชั่วโมง ทั้งทางบกและทางน้ำ และเน้นการบูรณาการด้านการข่าวร่วมกับทุกภาคส่วน ที่ฐานปฏิบัติการกองร้อยเฉพาะกิจทหารพรานที่ 2101 หน่วยเฉพาะกิจทหารพรานที่ 21 อำเภอบ้านแพง จังหวัดนครพนม  ซึ่งในห้วงที่ผ่านจังหวัดนครพนม ได้ประกาศพื้นที่พิเศษ ใน 4 อำเภอชายแดน เป็นพื้นที่พิเศษเร่งด่วนในการแก้ไขปัญหายาเสพติด

โดยมีการจัดตั้งหน่วยบัญชาการสกัดกั้นและปราบปรามยาเสพติด เคมีภัณฑ์และสารตั้งต้นชายแดนภาคตะวันออกเฉียงเหนือ โดยเป็นการบูรณาการกำลังทั้งทหาร ตำรวจภูธรจังหวัด สำนักงานป้องกันและปราบปรามยาเสพติด ภาค 4 และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องในพื้นที่จังหวัดนครพนม เสริมความเข้มแข็งตามแนวชายแดนมากยิ่งขึ้น ซึ่งตั้งแต่วันที่ 1 ตุลาคม 2566 จนถึงปัจจุบัน  ในโอกาสนี้ผู้บัญชาการทหารบก/ผู้บัญชาการศูนย์ปฏิบัติการกองทัพบก ได้มอบสิ่งของบำรุงขวัญ ให้กับกำลังป้องกันชายแดนที่ปฏิบัติภารกิจในพื้นที่ชายแดนรับผิดชอบของ กองกำลังสุรศักดิ์มนตรี เพื่อเป็นขวัญกำลังใจในการปฏิบัติหน้าที่ และกล่าวขอบคุณกำลังพลที่ปฏิบัติภารกิจสำคัญในการดูแลแนวชายแดนไทย- ลาว ซึ่งมีความทุ่มเท เสียสละ ปกป้องประเทศชาติจากภัยคุกคาม ยาเสพติด หรือสิ่งผิดกฎหมาย ซึ่งแสดงถึงการปฏิบัติหน้าที่อย่างเต็มกำลังความสามารถ รวมทั้งการช่วยเหลือพี่น้องประชาชนที่ได้รับความเดือนร้อน ตามแนวชายแดนไทย-ลาว ในทุกสถานการณ์ 

เดวิท​ โชคขัย​ รายงาน​092-5259777

นายจ้างเยียวยาให้ญาติผู้เสียชีวิต 7 ราย กรณีโรงงานหลอมเหล็กเครนถล่ม  ด้าน ตร.เร่งสอบต่อ ปมแอบฝังศพนับร้อย ด้านหลังโรงงานสะพัด

(31 มี.ค.67) จากกรณีโรงงานเครนถล่ม ตำรวจเตรียมตรวจสอบกรณีมีข้อมูลว่า มีการแอบฝังศพแรงงานต่างด้าวที่เสียชีวิตจากการทำงาน บริเวณเนินเขาหลังโรงงาน

แรงงานเมียนมา ลุกฮืออีกรอบ หลังยอมรับข้อเสนอการเยียวยาไปแล้ว แต่ยังไปพังรถนักข่าว ก่อนจะรวมตัวกดดันนายจ้างเพื่อขอความเป็นธรรมเรื่องหักเงินประกันสังคมแต่ไม่เข้ากองทุน โดยมีการปักหลักชุมนุมเรียกร้องกันภายในโรงงาน จนกระทั่ง รองผู้ว่าราชการจังหวัด ต้องเข้ามาร่วมรับฟังด้วย จนได้ข้อยุติ

เหตุการณ์สงบลง โดยแรงงานชาวเมียนมาหลายพันคน ยอมยุติการชุมชน หลังนายกำธร เวหน รองผู้ว่าราชการจังหวัดระยอง เปิดแถลงที่หน้าสำนักงาน ไซต์ก่อสร้าง โรงหลอมเหล็ก ซินเคอหยวน ต.ตาสิทธิ์ อ.ปลวกแดง จ.ระยอง

ต่อหน้าแรงงานเมียนมาที่ปักหลักชุมนุมมาตั้งแต่เช้า หลังได้ให้ตัวแทน แรงงานเมียนมา ฝ่ายนายจ้าง และภาครัฐที่เกี่ยวข้อง เข้าหารือร่วมกัน เพื่อหาข้อสรุปจากข้อเรียกร้องทั้งหมด โดยใช้เวลากว่า 3 ชั่วโมง

ได้ไปเจรจากับกลุ่มแรงงานชาวเมียนมาโรงงานหลอมเหล็กเครนถล่ม ที่ลุกฮือประท้วงรอบสอง   นานกว่า 3 ชั่วโมง จนได้รับความพอใจตามความประสงค์ ทั้ง 3 ฝ่าย คือ ฝ่ายผู้แทนบริษัท ฝ่ายหน่วยงาน และฝ่ายแรงงานญาติผู้เสียชีวิตโดยผลการหารือได้ข้อสรุป 8 ข้อ ดังนี้

1.เยียวยาให้ญาติผู้เสียชีวิต จำนวน 7 ราย รายละ 1.6 ล้านบาท โดยวันที่ 29 มีนาคม 2567 ได้มอบเงินสดให้กับญาติของผู้เสียชีวิตไปแล้วราย ๆ ละ 5 แสนบาท คงเหลือ 1,100,000 บาท

2.นายจ้าง รับผิดชอบค่าใช้จ่ายในการจัดการศพ ให้กับลูกจ้างผู้เสียชีวิตทั้ง 7 ราย

3. กรณีฝ่ายลูกจ้างมีข้อเรียกร้องว่าเงินสมทบประกันสังคมที่นายจ้างหักจากลูกจ้างแต่ไม่ได้นำส่งเข้ากองทุนประกันสังคมสำนักงานประกันสังคมจะติดตามให้เป็นรายบุคคลใน 2 สัปดาห์ 

4.กรณีฝ่ายลูกจ้างมีข้อเรียกร้องว่าลูกจ้างประสบอันตรายสูญเสียอวัยวะและยังไม่ได้รับการช่วยเหลือสำนักงานประกันสังคมจะติดตามให้นายจ้างนำส่งเอกสารเกี่ยวกับข้อเท็จจริงและรายละเอียดภายใน 2 สัปดาห์

5. กรณีฝ่ายลูกจ้างส่งเอกสารค่ารักษาพยาบาลเบิกกับนายจ้างแต่ยังไม่ได้รับการช่วยเหลือสำนักงานประกันสังคมจะดำเนินการตรวจสอบ ภายใน 2 สัปดาห์ 

6.กรณีหนังสือเดินทางของลูกจ้างทั้งสองฝ่ายประสงค์ตรงกันจะเก็บเอาไว้ที่บริษัทและจะถ่ายเอกสารให้กับลูกจ้าง แต่จะให้คือ เมื่อลาออก 

7. กรณีลูกจ้าง 3 คนซึ่งมีข้อสงสัยว่านายจ้างจะเลิกจ้างสำนักงานสวัสดิการแรงงานและคุ้มครองแรงงานจังหวัดระยองจะตรวจสอบให้ได้รับสิทธิประโยชน์ตามที่กฎหมายกำหนด 

8.นายจ้างรับว่าจะปฏิบัติต่อลูกจ้างชาวเมียนมาให้ได้รับสิทธิตามกฎหมายคุ้มครองแรงงาน

ทั้งนี้ หลังการแถลงข้อสรุป นายทูลิน เจ้าหน้าที่สหภาพแรงงานเมียนมา ได้สื่อสารภาษาเมียนมาในข้อสรุปทั้งหมด ต่อหน้าแรงงานที่ปักหลักชุมนุม หลังจากกล่าวจบ ทุกคนต่างปรบมือ และ พอใจกับข้อสรุป และ เลิกชุมนุม

ด้านเจ้าหน้าที่ตำรวจ เตรียมตรวจสอบกรณีที่มีข้อมูลว่ามีการแอบฝังศพแรงงานต่างด้าวที่เสียชีวิตจากการทำงาน บริเวณเนินเขาหลังโรงงาน โดยนายชินอ่อง แรงงานเมียนมาที่มาจาก กทม.เพื่อช่วยเพื่อนร่วมชาติ กล่าวถึงกรณีมีศพถูกฝังว่า ก็เคยได้ยินมาเหมือนกัน แต่ก็ยังไม่สามารถพิสูจน์ได้

ขณะที่นายอัง โก ลิน หนึ่งในตัวแทนแรงงานเมียนมา และเป็นล่าม ได้ยกมือไหว้ขอโทษเจ้าหน้าที่กู้ภัยและนักข่าวที่ถูกพังรถ 

สำหรับพิธีศพของผู้เสียชีวิตทั้ง7ราย เตรียมติดต่อรับศพหลังการชันสูตร ไปบำเพ็ญกุศลตามประเพณีที่วัดภายใน อ.ปลวกแดง ต่อไป

เสริมศักดิ์แถลงวธ.จัดยิ่งใหญ่ งานประเพณีสงกรานต์ปีใหม่ไทย “มรดกวัฒนธรรมที่จับต้องไม่ได้ของมนุษยชาติ” เชิญชวนชาวไทยเผยแพร่คุณค่าสาระประเพณีผ่านบทเพลงสงกรานต์ภาษานานาชาติ ให้ชาวต่างชาติ นักท่องเที่ยวเข้าร่วมกิจกรรมสงกรานต์ทั่วไทยอย่างสนุกสนานสร้างสรรค์ 

(29 มี.ค. 67) นายเสริมศักดิ์ พงษ์พานิช รัฐมนตรีว่าการกระทรวงวัฒนธรรม เป็นประธานงาน แถลงข่าว การจัดงานประเพณีสงกรานต์ปีใหม่ไทย (Songkran in Thailand, traditional Thai New Year festival) โดยนางยุพา ทวีวัฒนะกิจบวร ปลัดกระทรวงวัฒนธรรม นายโกวิท ผกามาศ อธิบดีกรมส่งเสริมวัฒนธรรม  โดยผู้ร่วมแถลงข่าวประกอบด้วย  นายวีรพงศ์ ฤทธิ์รอด รองผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงใหม่  นายศิริวัฒน์ พินิจพานิชย์ รองผู้ว่าราชการจังหวัดขอนแก่น  นายปราชญา อุ่นเพชรวรากร รองผู้ว่าราชการจังหวัดชลบุรี  นางจิระพร วชิรเขื่อนขันธ์ นายกเทศมนตรีเมืองพระประเเดง ผู้แทนจังหวัดสมุทรปราการ  นายพิชัยยุทธ สิงห์สหาย วัฒนธรรมจังหวัดภูเก็ต และ นายพลภูมิ วิภัติภูมิประเทศ ประธานสภาวัฒนธรรมกรุงเทพมหานคร พร้อมผู้บริหารกระทรวงวัฒนธรรม ร่วมงาน ณ หอประชุมเล็ก ศูนย์วัฒนธรรมแห่งประเทศไทย

นายเสริมศักดิ์ ประธานกล่าวว่า รัฐบาลมุ่งขับเคลื่อนซอฟต์พาวเวอร์ ด้านเฟสติวัล และด้านการท่องเที่ยวรองรับนโยบาย Thailand Creative Content Agency (THACCA) และนโยบายของกระทรวงวัฒนธรรม ในการสร้างเสน่ห์วิถีไทยครองใจคนทั้งโลก ด้วยการผลักดันให้ประเทศไทยเป็นหมุดหมายการท่องเที่ยวเชิงวัฒนธรรมของนักท่องเที่ยวทั่วโลก เพื่อช่วยสร้างงาน สร้างรายได้แก่ประชาชนและชุมชน และส่งเสริมเศรษฐกิจของประเทศ จากการที่ประเพณี “สงกรานต์ในประเทศไทย (Songkran in Thailand, traditional Thai New Year Festival)” ซึ่งได้รับการประกาศขึ้นทะเบียนในรายการตัวแทนมรดกวัฒนธรรมที่จับต้องไม่ได้ของมนุษยชาติ โดยองค์การการศึกษา วิทยาศาสตร์ และวัฒนธรรมแห่งสหประชาชาติ (ยูเนสโก) ในปีพุทธศักราช 2567 นี้ กระทรวงวัฒนธรรม โดยกรมส่งเสริมวัฒนธรรม ได้ดำเนินการจัดกิจกรรมสืบสานประเพณีสงกรานต์ พุทธศักราช 2567 เพื่อฉลองวาระสำคัญดังกล่าว ได้แก่ การจัดทำบทเพลงสงกรานต์ฉบับภาษาต่างประเทศ จำนวน 4 ภาษา ได้แก่ ภาษาไทย ภาษาอังกฤษ ภาษาจีน ภาษาฝรั่งเศส และกำลังดำเนินการจัดทำภาษาอื่น ๆ เพิ่มเติม คือ ภาษาเยอรมัน ภาษาสเปน ภาษาญี่ปุ่น ภาษาเกาหลี ภาษาอินเดีย ภาษาพม่า เป็นต้น เพื่อเผยแพร่ประชาสัมพันธ์ให้ประชาชนและนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติรับรู้ถึงคุณค่าสาระของประเพณีสงกรานต์ในประเทศไทยอย่างกว้างขวาง เป็นการสนับสนุนการสร้างพลังสร้างสรรค์ หรือ Soft Power เพื่อยกระดับและพัฒนาความรู้ ความสามารถ ความคิดสร้างสรรค์ของคนไทย ให้สร้างมูลค่าและสร้างรายได้ให้แก่ประเทศ

สำหรับการจัดกิจกรรมสืบสานประเพณีสงกรานต์ ในปีนี้ กรมส่งเสริมวัฒนธรรมได้มีการจัดทำปฏิทินการจัดกิจกรรมสงกรานต์ ประจำปีพุทธศักราช 2567 ในช่วงเดือนเมษายน ในพื้นที่ต่าง ๆ ทั้งส่วนกลางและส่วนภูมิภาค รวมถึงมีการสนับสนุนการจัดกิจกรรมในกรุงเทพมหานครและส่วนภูมิภาค 5 จังหวัด ได้แก่ จังหวัดเชียงใหม่ จังหวัดขอนแก่น จังหวัดสมุทรปราการ จังหวัดชลบุรี และจังหวัดภูเก็ต โดยเริ่ม Kick off ที่จังหวัดเชียงใหม่ ตั้งแต่วันที่ 1 เมษายน 2567 อาทิ กิจกรรมสรงน้ำพระเพื่อความเป็นสิริมงคล จึงขอเชิญชวนคนไทยและนักท่องเที่ยวร่วมงานดังกล่าว เพื่อเฉลิมฉลองในโอกาสที่สำคัญนี้ และร่วมสืบสาน รักษา ต่อยอดมรดกภูมิปัญญาประเพณีสงกรานต์ปีใหม่ไทย อันทรงคุณค่าของประเทศให้คงอยู่สืบไป

ภายในงานแถลงข่าวมีการแสดงทางวัฒนธรรมชุดพิเศษ “รำวงนางสาวไทย” โดย นางสาวไทย และรองนางสาวไทย ประจำปี 2567 ประกอบด้วย  นางสาวพนิดา เขื่อนจินดา (นางสาวไทย 2567)  นางสาวพรศิริกุล พั่วทา รองอันดับ 1  ร.ต.อ.หญิง อาทิติยา เบ็ญจะปัก รองอันดับ 2  นางสาวน้ำหนึ่ง แวน เดอ เวน รองอันดับ 4  นาวสาวกุลปรียา ค้อนทอง (รองชนะเลิศอันดับ 1 Miss Face Of Humanity 2024  การแสดงเริงรื่นชื่นสงกรานต์ โดยสถาบันบัณฑิตพัฒนศิลป์ และการแสดงนาฏศิลป์ประกอบบทเพลงสงกรานต์(ภาษานานาชาติ)  โดยสมาคมศิลปะเพื่อเยาวชน กรมส่งเสริมวัฒนธรรม ในส่วนกลาง กิจกรรมประเพณีสงกรานต์ปีใหม่ไทย กระทรวงวัฒนธรรม โดยกรมส่งเสริมวัฒนธรรม จัดให้ประชาชนมีส่วนร่วมสืบสานคุณค่าอัตลักษณ์ความงามของประเพณี ประกอบด้วย 
1. กิจกรรม งานรดน้ำขอพรศิลปินแห่งชาติ ผู้มีผลงานดีเด่นทางวัฒนธรรม และผู้บริหารงานวัฒนธรรม เนื่องในประเพณีสงกรานต์ พุทธศักราช 2567 ในวันที่ 10 เมษายน 2567 เวลา 10.00 – 12.00 น. ณ อาคารเอนกประสงค์ ศูนย์วัฒนธรรมแห่งประเทศไทย  

2. งาน นิทรรศการ “สงกรานต์ไทย มรดกภูมิปัญญาทางวัฒนธรรมของมนุษยชาติ” ระหว่าง 10 – 12  เมษายน 2567 เวลา 10.00 - 21.00 น. ณ ลานกลางแจ้ง หน้าหอศิลป์กรุงเทพมหานคร (BACC) ปทุมวัน 

3. กิจกรรม “งานประเพณีสงกรานต์ปีใหม่ไทย” (Songkran in Thailand, traditional Thai New Year festival) ระหว่าง 12-15 เมษายน 2567 เวลา 14.00-16.00 น. ณ วัดสุทัศนเทพวราราม กรุงเทพมหานคร (พิธีเปิด 13 เมษายน 67 เวลา 14.00 น. ณ พระวิหารหลวง) สรงน้ำพระพุทธรูปและสักการะสิ่งศักดิ์สิทธิ์ภายในวัด การแสดง "ตำนานนางสงกรานต์" โดยแอนโทเนีย โพซิ้ว มิสยูนิเวิร์สไทยแลนด์ 2023  ประกวดก่อพระเจดีย์ทราย การแสดงศิลปวัฒนธรรม การสาธิตทางวัฒนธรรม ซุ้มอาหารคาว-หวานมากมาย ฯลฯ และกรมส่งเสริมวัฒนธรรม ยังได้สนับสนุนงบประมาณให้กับสภาวัฒนธรรมกรุงเทพมหานคร  ร่วมกับเครือข่ายวัฒนธรรมกทม. จัดกิจกรรมสืบสานคุณค่าสาระของประเพณีสงกรานต์  ประกอบด้วย  
1) “สงกรานต์สยาม ผ้าขาวม้า อยู่เย็นเป็นสนุก” วันที่ 13-15 เมษายน 2567 ณ สยามสแควร์ เขตปทุมวัน กทม.   

2) “สงกรานต์ซัมเมอร์ อโลฮ่า ปาร์ตี้” ริมแม่น้ำเจ้าพระยา วันที่ 10-17 เมษายน 2567 ณ เทอมินอล 21 เขตวัฒนา กทม.  3) EDM Songkran BAZAAR music Festival 2024 กิจกรรมถนนสายน้ำ วันที่ 11-15 เมษายน 2567  ณ เดอะบาซาร์ รัชดา เขตจตุจักร กทม.  4) “สรวลเสเฮฮา มหาสงกรานต์สยาม” การละเล่นไทย ดนตรีและประเพณีร่วมสมัยในรูปแบบงานวัดจำลอง ณ สวนสยาม เขตคันนายาว กทม.  และ  5) “เพลิดพราว ดาวสงกรานต์ ความงามในตำนาน แห่งถนนสีลม” วันที่ 15-16 เมษายน 2567 ณ ถนนสีลม เขตบางรัก กทม. 
ส่วนกิจกรรมสงกรานต์ไฮไลท์ในส่วนภูมิภาคที่กระทรวงวัฒนธรรม โดยกรมส่งเสริมวัฒนธรรมร่วมกับจังหวัดและเครือข่ายวัฒนธรรม จังหวัดเชียงใหม่ ขอนแก่น ภูเก็ต สมุทรปราการ และชลบุรี ประกอบด้วยกิจกรรมสืบสานประเพณีวัฒนธรรมสื่อถึงอัตลักษณ์ของแต่ละภูมิภาค  อาทิ ขบวนแห่ประเพณีสงกรานต์  สักการะ-สรงน้ำพระพุทธรูปคู่บ้านคู่เมือง  ทำบุญสงฆ์น้ำพระ  นิทรรศการแสดงข้อมูลองค์ความรู้ประเพณีสงกรานต์  การแสดงศิลปวัฒนธรรม ตำนานนางสงกรานต์ (แสดงโดยนางสาวแอนโทเนีย โพซิ้ว รองนางงามจักรวาลอันดับ 1 ประจำปี 2023 ณ จังหวัดเชียงใหม่และขอนแก่น)  การแสดงของศิลปินแห่งชาติ  การแสดง-การละเล่นพื้นบ้านวิถีถิ่น ตลาดวัฒนธรรม 1 จังหวัด 1 เมนู เชิดชูอาหารถิ่น สะท้อนอัตลักษณ์ วิถีชีวิตวัฒนธรรมของท้องถิ่น มีกำหนดจัดงานดังนี้ จังหวัดเชียงใหม่ กิจกรรมทางวัฒนธรรมวิถีล้านนา ณ ข่วงเมืองต่าง ๆ ระหว่าง 4 - 21 เม.ย. 67 / กิจกรรม ณ วัดพระสิงห์วรมหาวิหาร 13 – 16 เม.ย. 67 ขบวนแห่พระพุทธสิหิงค์ (13 เม.ย.) สักการะพระพุทธสิหิงค์ ยามค่ำคืน / *เปิดตัวนางสงกรานต์ ขบวนแห่รอบคูเมืองเชียงใหม่ ในวันที่ 14 เม.ย. การแสดงการแสดงตำนานสงกรานต์ โดย แอนโทเนีย โพซิ้ว ณ สวนเฉลิมพระเกียรติ 700 ปี)  ยังมีกิจกรรมทางวัฒนธรรมหลากหลาย ณ ประตูท่าแพ เป็นต้น 

ขอนแก่น ประเพณีบุญสงกรานต์อีสานดั้งเดิมวัดไชยศรี ระหว่าง 13-15 เมษายน 67 / งานสืบสานประเพณีสงกรานต์วิถีไทบ้านขอนแก่น ณ หน้าศาลากลางจังหวัดขอนแก่น 11-15 เม.ย. 67 / งานประเพณีสุดยอดสงกรานต์อีสานเทศกาลดอกคูณเสียงแคนและถนนข้าวเหนียว พิธีเปิด 15 เม.ย. แอนโทเนีย โพซิ้ว แสดงตำนานนางสงกรานต์ กิจกรรมวันข้าวเหนียวครอบครัวเดียวกัน และคลื่นมนุษย์ (Human Wave) ณ ถนนข้าวเหนียว พลาดไม่ได้กับ อุโมงค์น้ำ “มนต์ธาราศรัทธาสายมู” ภูเก็ต งานภูเก็ตนครา มหาสงกรานต์ 2567 “อัตลักษณ์ วิถีชีวิตเพอรานากัน” ระหว่าง 13-15 เมษายน 67 (พิธีเปิด 14 เม.ย.)  ณ สวนเฉลิมพระเกียรติ 72 พรรษา มหาราชินี (ลานมังกร)  อำเภอเมือง  ภูเก็ต พบกิจกรรมนิทรรศการมีชีวิต 4 โซน ชมห้องตำนานสงกรานต์ วิจิตรา Digital Art ฯลฯ 

สมุทรปราการ งานสงกรานต์ “อัตลักษณ์ วิถีชีวิตชุมชนมอญ/รามัญ” ระหว่าง 18-20 เม.ย.67 ณ ป้อมแผลงไฟฟ้า อำเภอพระประแดง จังหวัดสมุทรปราการ การละเล่นและวิถีวัฒนธรรมสงกรานต์พระประแดง ขบวนแห่ทางวัฒนธรรม ขบวนแห่รถบุปผชาติ ขบวนแห่หงส์ธงตะขาบ กิจกรรมทางวัฒนธรรม การประกวดนางสงกรานต์พระประแดง / การประกวดหนุ่มลอยชาย และจังหวัดชลบุรี งานสงกรานต์ “สงกรานต์งามวิจิตร อัตลักษณ์วิถีชีวิต ชลบุรี” Pattaya Old Town ระหว่าง 19 – 21 เม.ย. 67  ณ ถนนเลียบหาดเมืองพัทยา วัดหนองใหญ่ พัทยา และวัดชัยมงคล (พระอารามหลวง) การแสดงตำนานนางสงกรานต์ การสาธิตการก่อเจดีย์ทรายใหญ่ที่สุด ขบวนแห่มหาสงกรานต์ ฯลฯ  

ทั้งนี้ เพื่อสร้างสีสันให้เทศกาลสงกรานต์ปีใหม่ไทย วธ.ขอเชิญสวมใส่เสื้อลายดอก ตลอดเดือนเมษายนนี้ และร่วมกันเพื่อแพร่คุณค่าสาระของประเพณี โดยเข้าไปดาวน์โหลดข้อมูลและติดตามรายละเอียดกิจกรรมสงกรานต์ ได้ทาง www.culture.go.th / เฟซบุ๊กแฟนเพจกรมส่งเสริมวัฒนธรรม / Line@วัฒนธรรม และสายด่วนวัฒนธรรม 1765

เจนกิจ นัดไธสง รายงาน

'เปอร์-โอลอฟ คินด์เกรน' มือกีตาร์คลาสสิก ผู้ชื่นชมเพลงพระราชนิพนธ์ ในหลวง ร.9 ขอตัดใจไม่เล่นเพลงพระราชนิพนธ์อีก เหตุเพราะถูกบางกลุ่ม 'ยัดเยียดความรัก'

(30 มี.ค.67) ผู้ใช้เฟซบุ๊ก 'ดำรงค์ นาวิกไพบูลย์' อินฟลูเอนเซอร์ทางการเมืองชื่อดัง ได้โพสต์ข้อความชวนคิด ระบุว่า...

เห็นภาพนี้แล้วคุณอาจจะงง ตาฝรั่งนี่ใครวะ

เขาคือ เปอร์-โอลอฟ คินด์เกรน (Per-Olov Kindgren) มือกีตาร์คลาสสิกชาวสวีเดน ที่มีชื่อเสียงมากในยูทูบยุคแรกเริ่ม และก็มีคนติดตามแกมากถึง 2.23 คนเลยทีเดียว

เมื่อ 16 ปีที่แล้ว แกเลือกหยิบเพลงพระราชนิพนธ์ H.M. Blue (ชะตาชีวิต) ของในหลวงรัชกาลที่ 9 มาบรรเลง ซึ่งเขาก็ให้เครดิตในหลวงในฐานะผู้พระราชนิพนธ์ และเมื่อเผยแพร่ออกไปแล้ว ก็มีฝรั่งหลายคนเขามาแสดงความชื่นชม ทั้งตัวเขาและบทเพลง

บางคนถึงกับอุทานว่า "กษัตริย์ไทยต้องเป็นกษัตริย์ที่เจ๋งที่สุดในโลกแน่ๆ"

เสียงตอบรับโคตรดีย์

ดี 

ดีมาก 

ดีสุด ๆ

จนกระทั่ง #มีสลิ่มมาปักเข่า

----

คือ คินด์เกรน เขาก็บอกนะฮะว่า เขานั้นไม่รู้จักในหลวงของเราเลย เพียงบังเอิญได้รับฟังเพลง HM Blue แล้วชอบ ถึงได้เพิ่งรู้ว่าผู้แต่งเป็นกษัตริย์

แต่เขานั้นเป็นนักดนตรี เขาสนใจเฉพาะดนตรี

แต่สลิ่ม ก็ยังคงความเป็นสลิ่ม คลั่งใคล้เจ้าแบบไม่ลืมหูลืมตา ไปพยายาม "ยัดเยียดความรัก" ในในหลวงให้คนต่างชาติที่ไม่ได้รู้เรื่อง หรือเกี่ยวข้องอะไรด้วยเลย

พูดกันแบบแฟร์ๆ ตา คินด์เกรน เขาเป็นคนสวีเดน ที่ประเทศของเขาก็มีสถาบันพระมหากษัตริย์ของเขา ซึ่งมันก็ไม่มีเหตุผลที่เขาจะมาจงรักภักดีกับกษัตริย์ชาติอื่น ที่ไม่ใช่ราชวงศ์สวีเดนอยู่แล้ว

แต่สิ่งที่เราทำได้ คือการให้ความรู้กับคนต่างชาติว่า ในหลวงของเรานั้น ทรงเป็นผู้ประเสริฐ เพียรพยายามให้ความช่วยเหลือพสกนิกรผู้ยากจนและทุกข์ยากของพระองค์ ให้สามารถลืมตาอ้าปาก นำมาซึ่งความผาสุขและความเจริญให้แก่ประชาชน ผู้คน และมวลมนุษยชาติมากเพียงไหน 

ซึ่งการเป็นคนดี สร้างคุณูประการให้แก่ผู้อื่น ให้แก่เพื่อนมนุษย์ เป็นสิ่งที่ผู้คนทุกผู้นาม ทุกเชื้อชาติ ต่างก็ให้การยอมรับโดยดุษฎี อยู่แล้ว

ผมเองเมื่อครั้งอยู่ที่ออสเตรเลีย เพื่อนจากหลายชาติที่ไม่มีสถาบันพระมหากษัตริย์ก็ชอบถามว่า “ทำไมคนไทยรักในหลวงของคุณจัง ?” ผมตอบว่า “ถ้ามีใครสักคนที่อุทิศตนทำงานเพื่อสังคมส่วนรวมมาตลอดระยะเวลากว่า 50 ปี คุณจะรักและเทิดทูนเค้ามั้ย? นั่นแหละเหตุผลว่าทำไมคนไทยรักในหลวงของพวกเรา”

คำตอบแบบนี้ ไม่ว่าใครก็ต่างให้การยอมรับ และเห็นว่าชอบด้วยเหตุผล

---

แต่สิ่งที่สลิ่มไปทำต่อ ตาคินด์เกรน นั้นไม่ใช่แบบผม 

พอเขาไม่รู้จักในหลวง ก็ไปด่าเค้าว่าทำไมคุณไม่รู้ - ไม่รู้ได้ไง – ทำไมคุณไม่รักในหลวง

มารุมถล่มเยอะๆ เข้า โดยที่ไม่มีการให้ความรู้อะไรกับเค้าเลย (เพราะสลิ่มไม่มีความรู้ ผิดกับคนรักสถาบันที่มีสติสัมปชัญญะ)

ตาคินด์เกรนเลยประกาศว่า “จากนี้ไปกูจะไม่เล่นเพลงพระราชนิพนธ์แล้ว (โว้ย)” ทั้ง ๆ ที่ก่อนหน้านี้เขาเขียนคอมเมนต์บอกแฟนคลับของเขา (ก่อนที่สลิ่มจะมา) ว่ายังมีเพลงพระราชนิพนธ์เจ๋ง ๆ อีกนะ เดี๋ยวจะทยอยเล่นให้ฟัง

Chief หายเลยทีนี้

และ 16 ปีนับจากนั้น คินด์เกรน ก็ไม่เล่นเพลงพระราชนิพนธ์อีกเลย (เนื่องจากรำคาญสลิ่ม)

----

นี่คือตัวอย่างของภัยร้ายจาก “#สันดานสลิ่ม” และเป็นเหตุผลว่าทำไมเราถึงควรจะแยกสลิ่มออกจากคนรักสถาบัน

ไม่ต้องกลัวเลยว่าจะแพ้ก้าวไกล เพราะยังไงสลิ่มก็ไม่มีทางชนะ

เด็กรุ่นใหม่ เป็นรุ่นที่เกิดมาไม่ทันเห็นในหลวงรัชกาลที่ 9 ทรงงานอย่างหนัก เพราะเวลานั้นทรงชราภาพมากแล้ว ดังนั้นเด็กรุ่นใหม่จะไม่อิน

แต่ถ้าได้รับการถ่ายทอดเรื่องราวที่ดีจากคนรักสถาบันที่มีความรู้ คนรุ่นใหม่ก็พร้อมจะเข้าใจ และรักในสถาบันและราชวงศ์จักรี

ในขณะที่ สันดานแบบสลิ่ม ไปบังคับขู่เข็ญให้เขารัก จะมีแต่ทำให้คนรุ่นใหม่นั้นถอยห่าง วิ่งเข้าไปหาก้าวไกล

สุดท้ายแล้ว กลุ่มคนที่จะเอาชนะกระแสพรรคก้าวไกลได้ ก็คือ กลุ่มคนรักสถาบัน ที่ไม่มีพวกสลิ่มไปปนอยู่ในนั้น และเราควรปล่อยให้พวกสลิ่มนั้น ตายไปพร้อมกับความแก่ชราของพวกเขาได้แล้ว


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top