Monday, 19 May 2025
NEWS FEED

สตม.ทลายแก๊งพนันออนไลน์เวียดนามตั้งฐานเช่าบ้านหรูกลางเมือง

เมื่อวันที่ 5 มีนาคม 2567 กก.1 บก.สส.สตม. ได้นำหมายค้นเข้าตรวจค้นบ้านหรูแห่งหนึ่งย่านพระราม 9 เนื่องจากต้องสงสัยว่ามีแก๊งชาวต่างชาติใช้เป็นฐานเปิดบ่อนพนันออนไลน์ จนสามารถจับกุม น.ส.คิม (นามสมมติ) อายุ 21 ปี สัญชาติเวียดนาม พร้อมกับพวกรวม 18 คน (ชาย 10 คน หญิง 8 คน) โดยกล่าวหาว่า ร่วมกันจัดให้มีการเล่น หรือทำอุบายล่อ ช่วยประกาศโฆษณาหรือชักชวนโดยทางตรงหรือทางอ้อมให้ผู้อื่นเข้าเล่นหรือเข้าพนันในการเล่นทางสื่ออิเล็กทรอนิกส์โดยมิได้รับอนุญาตจากเจ้าพนักงาน พร้อมตรวจยึดอุปกรณ์คอมพิวเตอร์ของกลาง จำนวน 39 รายการ นำส่งพนักงานสอบสวน สน.หัวหมาก ดำเนินคดี ตามกฎหมาย สถานที่จับกุม บ้านพักแห่งหนึ่งหนึ่งย่านพระราม 9 แขวงสวนหลวง เขตสวนหลวง กรุงเทพฯ 

กก.1 บก.สส.สตม. ได้รับการร้องเรียนว่าที่บ้านพักแห่งหนึ่งย่านพระราม 9 แขวงสวนหลวง เขตสวนหลวง กรุงเทพฯ มีกลุ่มชาวต่างชาติมีพฤติกรรมน่าสงสัยรวมกลุ่มจำนวนหลายคนอยู่ภายในบ้านดังกล่าว ลักษณะมีการเปิดไฟทำงานกันตลอดทั้งวันทั้งคืน และคนในบ้านไม่ค่อยออกไปไหน กก.1 บก.สส.สตม. จึงได้ทำการตรวจสอบแล้วเชื่อว่าน่าจะเป็นแก๊งชาวต่างชาติลักลอบเปิดเว็บพนันออนไลน์ และได้ทำการสืบสวนเฝ้าสังเกตพฤติกรรมคนภายในบ้านจนทราบว่าเป็นกลุ่มชาวเวียดนามจำนวนไม่ต่ำกว่า 10 คน และพบพยานหลักฐานว่ามีการลักลอบจัดให้มีการเล่นการพนันออนไลน์จริง จึงได้ยื่นคำร้องขอหมายค้นบ้านหลังดังกล่าวต่อศาลอาญาพระโขนงและทำการตรวจค้น 

ผลการตรวจค้นพบว่าบ้านหลังดังกล่าวเป็นบ้านสองชั้น ชั้นที่ 1 จัดเป็นที่พักผ่อนและรับประทานอาหาร ชั้นที่ 2 เป็นห้องพัก ส่วนห้องโถง เป็นสถานที่ทำงานมีเครื่องคอมพิวเตอร์พร้อมอุปกรณ์ตั้งอยู่ จำนวน 10 ชุด มีพนักงานนั่งอยู่หน้าโต๊ะคอมพิวเตอร์ซึ่งมีการเข้าระบบเว็บพนันออนไลน์ b29./cafe, b69./cafe, Choang/club99, kingfun./247 และเข้าระบบโปรแกรมสื่อสังคมออนไลน์เพื่อสนทนา ประกาศ ชักชวนให้ผู้อื่นเข้าเล่นการพนันและติดต่อแก้ไขปัญหาในการเล่นการพนันออนไลน์ และพบไฟล์เอกสารตารางการทำงานและดูแลระบบเว็บพนันของพนักงานแต่ละคน จากการตรวจสอบกล้องวงจรปิดพบพนักงานทั้ง 18 คน ผลัดเปลี่ยนหมุนเวียนกันเข้ามาทำงานหน้าเครื่องคอมพิวเตอร์ และจากการสอบถามคนต่างด้าวทั้ง 18 คนให้การยอมรับว่าพวกตนทำงานเป็นแอดมินเติมเครดิตให้กับลูกค้าและชักชวนลูกค้าให้มาเล่นการพนันออนไลน์ โดยมีการแบ่งหน้าที่และช่วงเวลากันทำงานตลอด 24 ชั่วโมง มีนายทุนใหญ่เป็นชาวเวียดนาม ได้รับค่าจ้างเป็นรายเดือนๆ ละ 20,000 บาท และเงินส่วนแบ่งที่ได้จากการชักชวนลูกค้าที่มาเล่นการพนัน โดยเช่าบ้านหลังดังกล่าวเป็นฐานกระทำผิดมาตั้งแต่เดือน พฤศจิกายน 2566

สตม. ขอเรียนให้ท่านทราบว่า สตม. มีมาตรการในการตรวจสอบ กวดขัน และปราบปรามการกระทำความผิด ในด้านต่าง ๆ รวมถึงการเฝ้าระวังบุคคลทั้งสัญชาติไทยและสัญชาติอื่น ๆ ที่มีหมายจับ และการเดินทางเข้า-ออกประเทศไทย หากประชาชนท่านใดพบเห็นเบาะแสการกระทำความผิด กรุณาแจ้งมายัง สำนักงานตรวจคนเข้าเมือง อาคารเฉลิมพระเกียรติสมเด็จพระบรมโอรสาธิราชฯ สยามมกุฎราชกุมาร พระชนมพรรษา 60 พรรษา เลขที่ 904 หมู่ที่ 6 ต.บ้านใหม่ อ.ปากเกร็ด จว.นนทบุรี 11120 หรือติดต่อตรวจคนเข้าเมืองจังหวัดในพื้นที่ หรือที่ www.immigration.go.th จักขอบพระคุณเป็นอย่างยิ่ง

สตม.จับกุมผู้ต้องหาตามหมายจับ “ฟอกเงิน” พบมีเงินหมุนเวียนในบัญชีกว่า 70 ล้านบาท

ตม.จว.สมุทรสาคร ร่วมกับ สภ.ม่วงสามสิบ จับกุม นางสุด (นามสมมุติ) อายุ 30 ปี สัญชาติลาว ตามหมายจับศาลจังหวัดอุบลราชธานี ที่ 281/2566 ลงวันที่ 28 กันยายน 2566 ต้องหาว่ากระทำความผิดฐาน ร่วมกันจำหน่ายยาเสพติดให้โทษประเภท1 (ยาบ้าหรือเมทแอมเฟตามีน) เพื่อการค้าและการก่อให้เกิดการแพร่กระจายในกลุ่มประชาชน โดยไม่ได้รับอนุญาต, สนับสนุนหรือช่วยเหลือผู้กระทำความผิดก่อนหรือขณะกระทำความผิดจำหน่ายยาเสพติดให้โทษประเภท 1 (ยาบ้าหรือเมทแอมเฟตามีน) เพื่อการค้าและการก่อให้เกิดการแพร่กระจายในกลุ่มประชาชน โดยไม่ได้รับอนุญาต, รับเงิน ทรัพย์สิน หรือประโยชน์อื่นใดจากผู้กระทำความผิดเพื่อประโยชน์ หรือให้ความสะดวกแก่การกระทำความผิด หรือเพื่อมิให้ผู้กระทำความผิดถูกลงโทษ นำตัวส่งพนักงานสอบสวน สภ.ม่วงสามสิบ จว.อุบลราชธานี ดำเนินคดีตามกฎหมาย สถานที่จับกุม ตรวจคนเข้าเมืองจังหวัดสมุทรสาคร (สถานีย่อยกระทุ่มแบน) ต.อ้อมน้อย อ.กระทุ่มแบน จว.สมุทรสาคร ดำเนินคดีตามกฎหมาย

ช่วงต้นเดือน กุมภาพันธ์ 2567 ตม.จว.สมุทรสาคร ได้รับการประสานงานจากเจ้าหน้าที่ฝ่ายสืบสวน สภ.ม่วงสามสิบ ว่านางสุด (นามสมมุติ) ซึ่งผู้ต้องหาตามหมายจับของศาลจังหวัดอุบลราชธานีความผิดเกี่ยวกับจำหน่ายยาเสพติด และฟอกเงิน ได้หลบหนีหมายจับมาซ่อนตัวอยู่ในพื้นที่จังหวัดสมุทรสาคร จึงได้ร่วมกันได้ออกสืบสวนหาข่าวและติดตามตัวนางสุด จนกระทั่งสืบทราบว่านางสุด จะมาติดต่อธุระส่วนตัวบริเวณใกล้กับที่ทำการ ตม.จว.สมุทรสาคร จึงได้ไปตรวจสอบ จนกระทั่งพบบุคคลซึ่งมีตำหนิรูปพรรณตรงกับบุคคลตามหมายจับดังกล่าว จึงขอตรวจสอบหนังสือเดินทางหรือเอกสารใช้แทนหนังสือเดินทาง จากการตรวจสอบพบว่าคนต่างด้าวดังกล่าวคือนางสุดซึ่งเป็นบุคคลตามหมายจับ จึงได้แสดงหมายจับทำการจับกุม จากการสืบสวนทราบว่านางสุด ได้เปิดบัญชีธนาคารสำหรับรับโอนเงินกลับประเทศลาว โดยมีเงินหมุนเวียนในบัญชีกว่า 70 ล้านบาท ซึ่งจะได้ทำการสืบสวนขยายผลต่อไป  

‘ราชกิจจาฯ’ ประกาศเปลี่ยนชื่อ ‘ม.เมธารัถย์’ กลับมาเป็น ‘ม.ชินวัตร’ ชี้ มีผลตั้งแต่ 19 ก.พ.67

เมื่อวานนี้ (6 มี.ค.67) เว็บไซต์ราชกิจจานุเบกษา ได้เผยแพร่ ประกาศกระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม เรื่อง การเปลี่ยนชื่อสถาบันอุดมศึกษาเอกชน

อาศัยอำนาจตามความในมาตรา 14 แห่งพระราชบัญญัติสถาบันอุดมศึกษาเอกชน พ.ศ. 2546 รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม โดยคำแนะนำของคณะกรรมการการอุดมศึกษา ในการประชุมครั้งที่ 1/2567 เมื่อวันที่ 16 มกราคม 2567

อนุญาตให้มหาวิทยาลัยเมธารัถย์ (METHARATH UNIVERSITY) ตั้งอยู่เลขที่ 99 หมู่ที่ 10 ตำบลบางเตย อำเภอสามโคก จังหวัดปทุมธานี เปลี่ยนชื่อเป็น มหาวิทยาลัยชินวัตร (SHINAWATRA UNIVERSITY) ตั้งแต่วันที่ 19 กุมภาพันธ์ 2567 เป็นต้นไป
จึงประกาศให้ทราบโดยทั่วกัน

ประกาศ ณ วันที่ 19 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2567
ศุภมาส อิศรภักดี
รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม

สำหรับ มหาวิทยาลัยเมธารัถย์ มีจุดเริ่มต้นมาจากความคิดริเริ่มของนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ก่อตั้งขึ้นเมื่อปี 2542 และเปลี่ยนชื่อเป็นมหาวิทยาลัยเมธารัถย์ ในปี 2565 ก่อนจะได้รับอนุญาตให้เปลี่ยนกลับมาใช้ชื่อมหาวิทยาลัยชินวัตรอีกครั้งในปี 2567

ชื่นชม!! ‘พ่อค้าร้านบะหมี่’ วิ่งสับขาคืนเงิน ‘ลูกค้าชาวจีน’ หลังกดโอนผิดมา 3 แสนบาท พร้อมขอไม่รับสินน้ำใจ

เมื่อวานนี้ (6 มี.ค. 67) จากเฟซบุ๊ก ‘Jo Montanee’ ได้โพสต์ข้อความ ระบุว่า…

จากโพสต์พี่โจวันก่อน ที่เล่าเรื่องจริงว่าพี่โจลืมกระเป๋าเงินใส่มือถือพร้อมเงินสดนับ 10,000 บาท ไว้ในห้องน้ำห้างเซ็นทรัล แล้วมีน้องผู้หญิงเก็บได้ และไม่ยอมรับเงินสินน้ำใจจากพี่โจ
แล้วก็มีคอมเมนต์บอกว่าพี่โจโชคดีบ้าง หรือตัวเขาเองลืมแบบนี้แต่ไม่ได้คืนบ้าง

เพจริงไซด์การเมือง เพิ่งลงเรื่องจริงของคุณพี่เจ้าของร้านบะหมี่ ที่ลูกค้านักท่องเที่ยวชาวจีนสี่คนมาทานบะหมี่ที่ร้าน แล้วโอนเงินผ่านแอปฯ ด้วยจำนวนตัวเลขที่ผิด แทนที่จะโอน 210 บาทกลับโอนถึง 333,000 บาท!

คุณพี่เจ้าของร้านรีบวิ่งไปตามลูกค้าเพื่อจะคืนเงินให้ แม้ลูกค้าชาวจีนจะซาบซึ้งและต้องการมอบสินน้ำใจตอบแทน แต่คุณพี่เจ้าของร้านก็ไม่รับค่ะ คุณลูกค้าจึงวางเงิน 1,000 บาทให้แทน พร้อมกับนำความรู้สึกสำนึกคุณอย่างลึกซึ้งหอบกลับแดนมังกรไปด้วย

เรื่องจริงนี้พี่โจนำมาลงเพื่อจะบอกแฟนๆ สองเรื่อง

1. สังคมต้องการชูเรื่องแบบนี้เยอะๆ จนกลายเป็นกระแสหลักว่า...ใครที่ไหนก็ทำความดีแบบนี้ได้ทั้งนั้น ทุกที่ทุกคน เป็นเรื่องธรรมดาของคนไทย และ

2. จริงอยู่เมืองไทยคนไม่ดีมีอยู่ทุกที่แต่… คนดีก็มีอยู่ทุกที่เช่นกัน ในจำนวนมากกว่า
มันอยู่ที่ “เราเลือกเชื่อและปลูกฝังทัศนคติแบบไหน” หมาป่าดำหรือหมาป่าขาวค่ะ

'รทสช.' ยัน!! รัฐพร้อมแจงฝ่ายค้านทุกเรื่อง แม้จะยังไม่ได้ใช้งบฯ-ไร้ปมทุจริต ขอแค่อภิปรายอย่างสร้างสรรค์ ไม่หวังใช้เวทีตีกินทางการเมืองเป็นพอ 

(7 มี.ค.67) นายธนกร วังบุญคงชนะ สส.บัญชีรายชื่อ และรองหัวหน้าพรรครวมไทยสร้างชาติ (รทสช.) กล่าวถึงกรณีฝ่ายค้านมีมติยื่นญัตติขอเปิดอภิปรายทั่วไปแบบไม่ลงมติตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 152 เพื่อซักถามการทำงานของรัฐบาล ว่า ตนมั่นใจรัฐบาลพร้อมชี้แจงและตอบทุกคำถามของฝ่ายค้าน และถือเป็นโอกาสที่จะอธิบายการทำงานของรัฐบาลให้กับประชาชนได้เข้าใจ 

เมื่อถามว่า 6 เดือนของการทำงานรัฐบาล มองว่าเร็วไปหรือไม่ ที่ถูกอภิปรายฯ? นายธนกร กล่าวว่า ถือเป็นการใช้เวทีสภาซักถามการทำงานตามขั้นตอนถือเป็นความชอบธรรมตามกลไกรัฐสภา แม้ว่ารัฐบาลจะเพิ่งเริ่มเดินหน้าทำงานเข้าสู่เดือนที่ 6 ที่สำคัญร่างพระราชบัญญัติงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2567 ยังไม่ผ่านวาระ 2-3 ยังไม่ได้ใช้งบฯ และยังไม่มีข้อมูลการทุจริตเรื่องการใช้งบประมาณของรัฐบาลออกมา 

"ฝ่ายค้านสามารถยื่นอภิปรายรัฐบาลได้ทุกเมื่อ หากเห็นว่ามีความบกพร่อง แต่ผมมองว่าร่างพ.ร.บ.งบฯ ยังไม่ผ่านสภา รัฐบาลจึงยังไม่ได้ใช้งบประมาณ จึงคิดว่าฝ่ายค้านคงยังไม่มีข้อมูลหลักฐานเรื่องการทุจริต จึงขอให้ใช้เวทีสภาในการอภิปรายทั่วไปในครั้งนี้อย่างสร้างสรรค์ หวังว่าจะไม่ใช้โอกาสนี้ สร้างวาทกรรมเพื่อโจมตีทางการเมืองเช่นเดิม" นายธนกร กล่าว

ผลการศึกษาชี้ มีผู้สูบบุหรี่จำนวนมากขึ้นที่ประเมินความเสี่ยงจากการใช้บุหรี่ไฟฟ้าสูงเกินไป

ข้อมูลชี้ว่า ผู้สูบบุหรี่ในอังกฤษที่มองว่าการใช้บุหรี่ไฟฟ้าเป็นอันตรายน้อยกว่าการสูบบุหรี่มวนมีจำนวนลดลง แม้ว่าจะมีหลักฐานว่าการสูบบุหรี่มวนนั้นส่งผลกระทบทางลบต่อสุขภาพมากกว่า และบุหรี่ไฟฟ้าสามารถช่วยให้ผู้สูบบุหรี่เลิกได้

ผลการสำรวจในผู้สูบบุหรี่กว่า 28,000 รายในช่วงปี 2557 ถึง 2566 ชี้ว่า การรับรู้กําลังเปลี่ยนไป โดยผลการสำรวจรอบล่าสุดพบว่า 57% ของผู้สูบบุหรี่คิดว่าการใช้บุหรี่ไฟฟ้าเป็นอันตรายพอๆ กับการสูบบุหรี่หรือมากกว่านั้น

บริการสุขภาพแห่งชาติแห่งสหราชอาณาจักร หรือ National Health Service (NHS) กล่าวว่า ตามหลักการแล้ว ผู้คนไม่ควรสูบบุหรี่หรือใช้บุหรี่ไฟฟ้า

การใช้บุหรี่ไฟฟ้าทําให้ผู้ใช้ได้รับสารพิษในระดับที่ต่ำกว่าสารพิษที่ได้รับจากการสูบบุหรี่มวนมาก บุหรี่มวนปล่อยสารเคมีต่างๆ หลายพันชนิดเมื่อเผาไหม้ หลายชนิดมีพิษและกว่า 70 ชนิดเป็นสารก่อมะเร็ง นอกจากนี้ บุหรี่ยังทําให้เกิดโรคร้ายแรงอื่น ๆ รวมถึงโรคปอด โรคหัวใจ และโรคหลอดเลือดสมอง

สารเคมีที่เป็นอันตรายส่วนใหญ่ในควันบุหรี่ รวมถึงน้ํามันดินและคาร์บอนมอนอกไซด์ ไม่ได้อยู่ในละอองลอยจากบุหรี่ไฟฟ้า อย่างไรก็ตาม บุหรี่ไฟฟ้านั้นไม่ได้ปราศจากความเสี่ยงโดยสิ้นเชิง และ NHS ไม่แนะนําให้ผู้ไม่สูบบุหรี่รวมถึงคนหนุ่มสาวที่มีอายุต่ํากว่า 18 ปีเริ่มใช้บุหรี่ไฟฟ้า

ผลข้างเคียงที่พบบ่อยจากการใช้บุหรี่ไฟฟ้า ได้แก่:
• ไอ ปากและลําคอแห้ง
• การระคายเคืองที่ปากและลําคอ
• หายใจถี่
• ปวดหัว

ข้อมูลที่ตีพิมพ์ในวารสาร JAMA Network Open มาจากการสํารวจรายสัปดาห์ของ Cancer Research สนับสนุนโดยสหราชอาณาจักร ซึ่งดําเนินการตั้งแต่ปี 2549 เพื่อติดตามรูปแบบการสูบบุหรี่ในระดับประเทศและแจ้งนโยบายเลิกสูบบุหรี่ พบว่า

ในเดือนพฤศจิกายน 2014:
• 44% ของผู้สูบบุหรี่คิดว่าการใช้บุหรี่ไฟฟ้าเป็นอันตรายน้อยกว่าการสูบบุหรี่
• 11% คิดว่าบุหรี่ไฟฟ้าเป็นอันตรายกว่าการสูบบุหรี่
• 30% คิดว่าเป็นอันตรายเท่าเทียมกัน
• 15% ไม่ทราบ

แต่ภายในเดือนมิถุนายน 2023:
• มีเพียง 27% เท่านั้นที่คิดว่าการใช้บุหรี่ไฟฟ้าเป็นอันตรายน้อยกว่า
• 23% คิดว่าบุหรี่ไฟฟ้าเป็นอันตรายกว่าการสูบบุหรี่
• 34% คิดว่าเป็นอันตรายเท่าเทียมกัน
• 16% ไม่ทราบ

ยังไม่ชัดเจนว่าอะไรอยู่เบื้องหลังแนวโน้มดังกล่าว เนื่องจากการศึกษาไม่ได้มุ่งเน้นไปถึงเหตุผล แต่ผู้เชี่ยวชาญด้านการหยุดสูบบุหรี่มีความกังวล หนึ่งในนักวิจัย ดร.ซาร่าห์ แจ็คสัน จากมหาวิทยาลัยคอลเลจลอนดอน (UCL) กล่าวว่า “การค้นพบเหล่านี้มีความหมายที่สําคัญทางสาธารณสุข”

"ความเสี่ยงจากการใช้บุหรี่ไฟฟ้านั้นต่ํากว่าความเสี่ยงจากการสูบบุหรี่มาก – แต่ข้อมูลนี้กลับไม่ถูกสื่อสารออกไปสู่ผู้คนอย่างชัดเจน”

"ความเข้าใจผิดนี้เป็นความเสี่ยงต่อสุขภาพในตัวของมันเอง เนื่องจากความเข้าใจผิดนี้อาจกีดกันผู้สูบบุหรี่จากการลดอันตรายลงอย่างมหาศาลผ่านการเปลี่ยนมาใช้บุหรี่ไฟฟ้า”

"มันอาจสนับสนุนให้คนหนุ่มสาวบางคนที่ใช้บุหรี่ไฟฟ้าหันมาสูบบุหรี่เป็นครั้งแรก หากพวกเขาเข้าใจว่าอันตรายจากบุหรี่ไฟฟ้าและบุหรี่มวนนั้นนั้นไม่ต่างกัน”

"จําเป็นต้องมีการสื่อสารที่ดีขึ้นเกี่ยวกับความเสี่ยงต่อสุขภาพเพื่อให้ผู้ใหญ่ที่สูบบุหรี่สามารถพิจารณาเลือกผลิตภัณฑ์นิโคตินที่พวกเขาจะใช้ได้"

ศาสตราจารย์เจมี่ บราวน์ จาก UCL กล่าวว่า "บุหรี่ไฟฟ้านั้นเป็นสิ่งใหม่และได้รับความสนใจอย่างมากในสื่อ โดยบทความข่าวมักจะพูดเกินจริงถึงความเสี่ยงต่อสุขภาพเมื่อเทียบกับการสูบบุหรี่”
"มีรายงานค่อนข้างน้อยเกี่ยวกับการเสียชีวิตที่เกิดจากการสูบบุหรี่ แม้ว่าจะมีผู้เสียชีวิตในอังกฤษจากการสูบบุหรี่ถึงปีละ 75,000 คน”

"รัฐบาลวางแผนที่จะเสนอชุดอุปกรณ์บุหรี่ไฟฟ้าเริ่มต้นให้กับผู้สูบบุหรี่หนึ่งล้านคนควบคู่ไปกับการสนับสนุนด้านพฤติกรรมเพื่อช่วยให้พวกเขาเลิกบุหรี่”

"ความคิดริเริ่มนี้อาจไม่สำเร็จหากผู้สูบบุหรี่จํานวนมากไม่เต็มใจที่จะลองบุหรี่ไฟฟ้าเพราะพวกเขาเชื่ออย่างผิด ๆ ว่าบุหรี่ไฟฟ้านั้นเป็นอันตรายเท่ากับหรือมากกว่าบุหรี่ทวน"
ไซมอน คลาร์ก ผู้อํานวยการกลุ่มผู้สูบบุหรี่ Forest เห็นด้วยว่าต้องมีการสื่อสารที่ดีขึ้นเกี่ยวกับความเสี่ยงสัมพัทธ์ของผลิตภัณฑ์นิโคตินต่างๆ รวมถึงบุหรี่แบบเผาไหม้และบุหรี่ไฟฟ้า เขาเสริมว่า "รัฐบาลเป็นหนึ่งในตัวการที่ก่อให้เกิดความสับสน เพราะการแบนบุหรี่ไฟฟ้าแบบใช้แล้วทิ้งและขู่อย่างรุนแรงว่าจะจํากัดการแสดงสินค้ารวมถึงบรรจุภัณฑ์ของบุหรี่ไฟฟ้านั้นไม่ใช่วิธีที่ดีที่สุดในการส่งเสริมผลิตภัณฑ์ลดความเสี่ยงที่ช่วยให้ผู้สูบบุหรี่หลายล้านคนเลิกบุหรี่”

"ยิ่งไปกว่านั้น เป็นเรื่องน่าแปลกใจที่ผู้สูบบุหรี่สับสนเกี่ยวกับระดับความเสี่ยงจากการใช้บุหรี่ไฟฟ้า ข้อความที่มาจากรัฐบาลและหน่วยงานสาธารณสุขกล่าวว่าผู้ที่ควรใช้บุหรี่ไฟฟ้ามีเพียงผู้ใหญ่ที่ต้องการเลิกสูบบุหรี่เท่านั้น และไม่มีใครควรใช้บุหรี่ไฟฟ้าในระยะยาวหรือใช้เพื่อการพักผ่อนหย่อนใจ"
เดโบราห์ อาร์นอตต์ ผู้บริหารระดับสูงของ Action on Smoking and Health (Ash) กล่าวว่า "เรื่องน่ากลัว" เกี่ยวกับการใช้บุหรี่ไฟฟ้าในคนหนุ่มสาวอาจทําให้เกิดความเข้าใจผิดที่เพิ่มขึ้นในหมู่ผู้สูบบุหรี่ที่เป็นผู้ใหญ่ว่าการใช้บุหรี่ไฟฟ้ามีความเสี่ยงอย่างน้อยเท่ากับการสูบบุหรี่

“ดังนั้น อาจมีผู้สูบบุหรี่หลายล้านคนที่ไม่เคยใช้วิธีช่วยเลิกบุหรี่ที่มีประสิทธิภาพและเข้าถึงง่ายที่สุดอย่างบุหรี่ไฟฟ้า” เธอกล่าว

“โศกนาฏกรรมที่ตามมาคือผู้สูบบุหรี่จํานวนมากอาจสูบบุหรี่ต่อไปแม้ที่จริงแล้วพวกเขาจะสามารถเลิกบุหรี่ได้ ทําให้ตัวเองมีความเสี่ยงร้ายแรงต่อโรคมะเร็ง ระบบทางเดินหายใจ และโรคหัวใจ ตามด้วยการเสียชีวิตก่อนวัยอันควร”

‘BBC’ ชี้!! ปี 66 คนไทยกว่า 10 ล้านคน แห่รักษาอาการป่วย ผลพวงจาก ‘มลพิษทางอากาศ’ ที่ลุกลามอย่างกว้างขวาง


BBC รายงานว่า ในปี พ.ศ. 2566 มีคนไทย 10 ล้านคนเข้ารับการรักษาอาการป่วยที่เกี่ยวข้องกับมลพิษ

ทางการไทยระบุในปี พ.ศ. 2566 คนไทยมากกว่า 10 ล้านคนเข้ารับการรักษาโรคที่เกี่ยวข้องกับมลพิษทางอากาศ ข้อมูลจากสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สศช.) ออกมาในขณะที่คุณภาพอากาศของประเทศไทยแย่ลง การเผาป่าและไฟป่าที่ลุกลามอย่างกว้างขวาง โดยเฉพาะทางตอนเหนือของประเทศ มักก่อให้เกิดหมอกควันพิษในช่วงต้นปี 


ต้นปี พ.ศ. 2567 มีผู้ป่วยโรคที่เกี่ยวข้องกับมลภาวะเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วเมื่อเทียบกับปีก่อน จาก 1.3 ล้านคนในช่วง 9 สัปดาห์แรกของปี พ.ศ. 2566 จำนวนผู้ที่เข้ารับการรักษาอาการเจ็บป่วยที่เกี่ยวข้องกับมลพิษเพิ่มขึ้นเป็น 1.6 ล้านคนในต้นปี พ.ศ. 2567 AFP รายงานว่า ประเทศไทยมีประชากรประมาณ 72 ล้านคน กรณีรวมถึงผู้ที่มีโรคเรื้อรัง เช่น มะเร็งปอด หลอดลมอักเสบ หอบหืด และโรคหัวใจ


ประเทศไทยต้อง ‘จัดลำดับความสำคัญ... ผลกระทบของ PM2.5 ต่อสุขภาพของประชาชน’ สศช. ระบุ PM 2.5 หมายถึงระดับของอนุภาคอันตรายขนาดเล็กที่มีเส้นผ่านศูนย์กลาง 2.5 ไมโครเมตรหรือเล็กกว่า ที่สามารถเข้าสู่กระแสเลือดผ่านทางปอดได้ การสัมผัสกับมลพิษขนาดเล็กเหล่านี้อาจทำให้เกิดอาการแสบร้อนและคันในดวงตาและผิวหนัง รวมถึงอาการไอและแน่นหน้าอก อาการเหล่านี้อาจรุนแรงขึ้นในผู้ที่มีภาวะหัวใจหรือปอดอยู่แล้ว


จังหวัดทางภาคเหนือของประเทศไทยบางจังหวัดได้รับการกล่าวถึงว่าเป็นหนึ่งในเมืองที่มีมลพิษมากที่สุดในโลกจากเว็บไซต์ติดตามคุณภาพอากาศ เชียงใหม่ เชียงราย และลำปาง ได้รับการจัดอันดับ ‘ไม่ดีต่อสุขภาพ’ จาก Platform ติดตาม IQAir มลพิษทางอากาศของประเทศไทยเป็นปัญหาในช่วงฤดูแล้ง ซึ่งโดยปกติจะเริ่มตั้งแต่เดือนพฤศจิกายนถึงเดือนมีนาคม โดยมีสาเหตุหลักมาจากการเผาไร่อ้อยและนาข้าวตามฤดูกาลของเกษตรกร


เมื่อต้นปีที่ผ่านมา นายกรัฐมนตรี เศรษฐา ทวีสิน ให้คำมั่นที่จะปรับปรุงคุณภาพอากาศ ฝ่ายนิติบัญญัติยังเห็นชอบร่างกฎหมายที่มุ่งแก้ไขปัญหานี้ด้วย เมื่อสัปดาห์ที่แล้ว ไทยได้ประกาศแผนการจัดเตรียมเครื่องบิน 30 ลำทั่วประเทศเพื่อทำฝนเทียมบรรเทามลพิษ ในเดือนกุมภาพันธ์ หน่วยงานภาครัฐในกรุงเทพฯ เรียกร้องให้เจ้าหน้าที่ทำงานจากบ้านเป็นเวลาสองวัน เนื่องจากระดับมลพิษในเมืองหลวงและจังหวัดใกล้เคียงถึงระดับที่ไม่ดีต่อสุขภาพ

ในช่วงหลายปีที่ผ่านมา ผู้อยู่อาศัยและกลุ่มสิ่งแวดล้อมในประเทศไทยยังได้ยื่นฟ้องเพื่อเรียกร้องให้รัฐบาลดำเนินการต่อต้านมลพิษ เดือนกรกฎาคมที่ผ่านมา ประชาชนในจังหวัดเชียงใหม่ประมาณ 1,700 คน ได้ฟ้องร้องอดีตนายกรัฐมนตรี ประยุทธ์ จันทร์โอชา และหน่วยงานของรัฐ 2 แห่ง ที่ไม่ใช้อำนาจลดมลพิษในภาคเหนือ ซึ่งพวกเขากล่าวว่าทำให้ชีวิตแต่ละคนสั้นลงประมาณ 5 ปี ในเดือนมกราคมปีนี้ ศาลปกครองเชียงใหม่มีคำสั่งให้รัฐบาลจัดทำแผนฉุกเฉินเพื่อปรับปรุงคุณภาพอากาศภายใน 90 วัน

'ดร.อานนท์' แฉ!! เหตุ 'กัมพูชา' กล้าลากเส้นพาดเกาะกูด รู้ดีว่าขัดสัญญาหลัก แต่เพราะมีนักการเมืองปั้น MOU ยืนยันให้

(6 มี.ค.67) ผศ.ดร.อานนท์ ศักดิ์วรวิชญ์ อาจารย์สาขาวิชาพลเมืองวิทยาการข้อมูล สาขาวิชาสถิติศาสตร์สาขาวิชาวิทยาการประกันภัยและการบริหารความเสี่ยง คณะสถิติประยุกต์ สถาบันบัณฑิตพัฒนบริหารศาสตร์ ได้โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊ก ระบุเนื้อหาดังนี้...

ผมยังยืนยันตามคุณลุง ศาสตราจารย์ ดร. สมปอง สุจริตกุล ว่าสัญญาประธานคือ สนธิสัญญาระหว่างสยาม-อินโดจีนฝรั่งเศส ค.ศ. 1907 หรือ รัตนโกสินทร์ศก 125 เกาะกูดเป็นของไทยแน่นอนตามสัญญาประธานนี้

หลักคือ สัญญาอุปกรณ์จะขัดแย้งกับสัญญาประธานไม่ได้เลย ไม่ได้ต่างจากรัฐธรรมนูญเป็นกฎหมายสูงสุด กฎหมายใดๆ จะขัดแย้งกับรัฐธรรมนูญไม่ได้

สัญญาใดๆ ที่ตามหลังมาจาก ‘สัญญาประธาน’ เรียกว่า ‘สัญญาอุปกรณ์’ ไม่ว่าจะ Term of reference (TOR) MOU (Memorandum of Understanding) PA (Provisional Arrangement) หรือ JC (Joint Communique) ต่างก็เป็นสัญญาอุปกรณ์ จะขัดแย้งกับสัญญาประธานไม่ได้โดยเด็ดขาด

นายพลลอนนอล ในปี 2515 ประกาศเส้นเขตแดน ล้ำเข้ามาในไหล่ทวีปของไทย ผ่ากลางเกาะกูดไปอย่างประหลาดเหลือเชื่อ ขัดกับสัญญาประธาน ระหว่างสยามกับอินโดจีนฝรั่งเศส ร.ศ. 125 อย่างแน่นอน และไม่เป็นไปตามอนุสัญญาสหประชาชาติว่าด้วยกฎหมายทะเล ค.ศ. 1982 

ที่ประหลาดมากคือ ลากเส้นจากหลักเขตแดนบนบกหลักที่ 73 บ้านหาดเล็กพาดตรงไปบนยอดเขาที่สูงสุดบนเกาะกูด เฉือนเกาะกูดเป็นสองฝั่ง ได้ทะเลในอ่าวไทยไปมากมาย ที่เอาเคลมกันทีหลังว่าพื้นที่ทับซ้อนหรือพื้นที่พัฒนาร่วมกัน (JDA: Joint Development Area) อันไม่มีอยู่จริง

ที่ว่าขัดกฎหมายระหว่างประเทศคือ เอาขีดเส้นโดยใช้ equidistant line ตามหลักสากล ต้องไม่พาดผ่านเกาะกูด แล้วไทยต้องได้พื้นที่ทางทะเลรอบเกาะกูดไปกี่ไมล์ทะเล ก็อาจจะเจรจากันได้

จอมพลถนอม กิตติขจร กับ จอมพลประภาส จารุเสถียร ได้แก้ไขปัญหานี้ โดยพึ่งพระบารมีของในหลวงรัชกาลที่ 9 ให้ทรงมีประกาศพระบรมราชโองการเกี่ยวกับไหล่ทวีปของไทยในปี 2516 และจอมพลถนอมได้ให้กองทัพเรือไทยเข้าไปดูแลพื้นที่ในทะเลดังกล่าวไม่ให้กัมพูชามารุกรานอธิปไตยทางทะเลของไทย

MOU44 สมัยรัฐบาลทักษิณ ชินวัตร ก็เกิดขึ้น กลายเป็นไปยืนยันเส้นเขตแดนที่ผิดในปี 2515 ที่ลอนนอลประกาศ แต่ว่าก็รู้ดีว่า MOU44 เป็นสัญญาอุปกรณ์ ไม่ใช่สัญญาประธานจะขัดแย้งสัญญาประธานไม่ได้

กัมพูชาเลยเจรจาตาม MOU44 ในปี พ.ศ. 2545 ลากเส้นในแนวใกล้เคียงกับแนวเดิมที่นายพลลอนนอลเคยประกาศเอาไว้ในปี 2515 แต่ลากเส้นอ้อมเป็นวงกลมรอบเกาะกูด เพื่อให้เกิดพื้นที่ทับซ้อนมากที่สุด แต่เลี่ยงบาลีไม่ให้ขัดกับสัญญาประธานเพราะเกาะกูดเป็นของไทย

ที่ตลกคือ ลากเส้นปักปันเขตแดนเป็นเส้นโค้งรอบเกาะกูด หลบสัญญาประธาน แต่จะกินที่เข้าไปในอ่าวไทยให้มากที่สุดไม่ได้ยึดถือ equidistant line ระหว่างสองประเทศตามหลักสากลของอนุสัญญาทะเล 1982 หรือกฎหมายสากล

ผมได้แนบภาพแผนที่แสดงผลการเจรจาปักปันเขตแดนทางทะเลของไทยกับกัมพูชาในพ.ศ. 2545 ภาพนี้มาจาก powerpoint ประกอบการบรรยายของ พลเรือโทศิริชัย เนยทอง ซึ่งปัจจุบันเกษียณอายุราชการแล้ว แต่เคยรับราชการที่กรมอุทกศาสตร์ กองทัพเรือ ซึ่งมีภารกิจในการดูแลเขตแดนทางทะเลของไทยโดยตรงครับ

เห็นภาพแล้วผมก็ได้แต่หัวเราะว่า กัมพูชา พยายามเคลมมาก แต่เลี่ยงบาลีไม่ให้ขัดกับสัญญาประธาน ร.ศ. 125 

ยกเลิก MOU44. และ JC 44. เถิดครับ

อย่าให้ประเทศไทยต้องเสียดินแดนไปแม้แต่ตารางนิ้วเดียว

ถ้าไอ้อีนักการเมืองไหนจะขายชาติทำ MOU67 หรือ JC67 มันจะไม่มีแผ่นดินอยู่และต้องถูกประหารชีวิตตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 119

โปรดฟังอีกครั้งหนึ่ง!!!

'ไทยซัมมิทฯ' ชี้!! ทุนจีนที่ทำ EV ไม่ต่างจากทัวร์ศูนย์เหรียญ เข้ามาตั้งโรงงาน ดึง บ.ผลิตชิ้นส่วนเข้ามาเอง ไม่ซื้อของจาก บ.ไทย

(6 มี.ค.67) จากบทสัมภาษณ์ของ ดร.สาโรจน์ วสุวานิช รองประธานกิตติมศักดิ์ บมจ.ไทยซัมมิทกรุ๊ป และกรรมการและประธานกิตติมศักดิ์ บมจ.ไทยซัมมิท ฮาร์เนส ในฐานะประธานสภาอุตสาหกรรมภาคตะวันออก สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท) ได้เปิดเผยเกี่ยวกับทุนจีนที่เข้ามาตั้งโรงงานในประเทศไทย โดยได้ให้มุมมองไว้ว่า...

“รถยนต์ไฟฟ้า EV จากจีนที่เข้ามาทุกวันนี้ ก็ไม่ต่างอะไรกับทัวร์ศูนย์เหรียญเพราะจีนที่มาตั้งโรงงานเอาเครือข่ายที่ผลิตชิ้นส่วนเข้ามาทั้งหมด ไม่ซื้อกับคนไทยเลย ต่างกับบริษัทญี่ปุ่นที่ยังแบ่งให้คนไทยบ้าง แต่ว่าจีนไม่แบ่งเลย รวมถึงธุรกิจอื่นที่จีนเข้ามาเช่นเดียวกัน”

โอกาสจะทำการค้ากับบริษัทจีนยาก ตอนนี้รัฐบาลไทยลดอัตราอากรและยกเว้นอากรศุลกากรสำหรับรถยนต์ไฟฟ้าที่นำเข้ามาทั้งคัน และชิ้นส่วนไปอีก 1 ปี โดยจะสิ้นกำหนดในปี 2568 เท่ากับช่วงนี้รถยนต์ไฟฟ้ายี่ห้อต่าง ๆ ที่นำเข้ามาขายในประเทศไทยได้กี่แสนคันเท่ากับการกินส่วนแบ่งตลาดรถยนต์สันดาปค่ายญี่ปุ่นไป และตอนนี้ค่ายรถญี่ปุ่นปรับแผนลดการผลิตลงง ส่งผลกระทบให้ยอดขายชิ้นส่วนของคนไทยลดลงไปด้วย

ไม่เพียงแต่รถยนต์ EV แต่รวมถึงอุปกรณ์ไฟฟ้าแทบจะทุกประเภท เช่น ตู้เย็น ก็ได้รับผลกระทบเช่นกัน โดยไทยได้รับผลกระทบจากสินค้าจีนมาดัมพ์ราคาขายถูกกว่าสินค้าไทย 35-50% ทำให้ SMEs ไทยสู้ไม่ไหว แต่สินค้าจีนคุณภาพไม่ค่อยดี เสียหายเคลมไม่ได้ ทำให้ผู้ใช้งานบางคนยังยอมใช้สินค้าไทยบ้าง

'ตะวัน' อาการทรุด เลือดกำเดาพุ่ง ภาวะหัวใจเข้าขั้นล้มเหลว  ฟาก 'แฟรงค์' หนักสุด ชีพจรเต้นอ่อนลงเรื่อยๆ

เมื่อวานนี้ (5 มี.ค. 67) เฟซบุ๊ก ‘Tawan Tantawan’ ของนางสาวทานตะวัน ตัวตุลานนท์ หรือ ‘ตะวัน ทะลุวัง’ โพสต์ข้อความระบุว่า…

บันทึกเยี่ยมตะวัน ที่โรงพยาบาลธรรมศาสตร์ วันที่ 5 มีนาคม 2567 วันนี้ตะวันบอกว่า “เลือดกำเดาไหล” และหมอมาแจ้งว่า ค่าโพแทสเซียมอยู่ที่ 3.3 หมออยากให้กินยาโพเเทสเซียมเพื่อรักษาอาการโพเเทสเซียมใกล้จะต่ำ แต่ตะวันปฏิเสธไม่รับยาและปฏิเสธการรักษา การที่ระดับโพแทสเซียมเริ่มจะต่ำ อาจจะมีอาการกล้ามเนื้ออ่อนแรง ปวดเกร็ง เหน็บชา หากระดับโพแทสเซียมในเลือดต่ำลงมาก อาจจะมีอาการรุนแรงถึงขั้นมีภาวะหัวใจล้มเหลวได้ อาจมีภาวะหัวใจเต้นผิดจังหวะ

วันนี้ตะวันอ้วกออกมาเยอะมาก มันทรมานตรงที่รู้สึกพะอืดพะอมตลอดเวลา ระหว่างเยี่ยมก็เหมือนจะอ้วก พะอืดพะอม จามออกมา 2-3 ครั้ง หน้าแดงน้ำตาไหลออกมา ปากแห้งแตก ผิวแห้ง ผมร่วงเยอะ ค่าน้ำตาลในเลือดสวิง อยู่ที่ 60/80 ขาแขนอ่อนแรง ตาเหลืองขุ่น มีอาการมึนงง เวียนหัว พูดช้า ตอบโต้ได้ช้า ส่วนมากตะวันจะนอนอยู่เฉย ๆ นั่งฟังเพื่อนเล่าเหตุการณ์ข้างนอกให้ฟัง วันนี้ดูเซื่องซึมกว่าเมื่อวาน ดูโทรมมาก แววตาอ่อนล้า “คิดถึงทุก ๆ คน” เพื่อนได้เล่าให้ตะวันฟังว่าวันนี้ไปเยี่ยมเก็ทที่ศาลอาญา เก็ทฝากความเป็นห่วงถึงตะวันและแฟรงค์

ฝากขอบคุณเก็ทมาก ๆ นะ ตะวันบอก ตะวันยืนยัน จะไม่พิจารณาคดีลับหลังที่ศาลเยาวชน วันที่ 11 มีนาคม 2567 ที่จะถึงนี้ ก่อนกลับ แม่ได้พาตะวันไปทำความสะอาดร่างกายในห้องน้ำ ก่อนจะลุกจากเตียงตะวันตัดสินใจอยู่ครู่นึง เนื่องจากตนไม่มีแรง แต่ก็ลุกขึ้นสู้อีกครั้ง แม่พยุงตะวันให้จับวอล์คเกอร์เดินไปเข้าห้องน้ำ จากนั้นพากลับออกมาที่เตียงนอน เพื่อน ๆ ช่วยกันเช็ดตัวให้ตะวัน และหวีผมให้ จากนั้นแม่ก็หอมแก้มตะวันและกอดลา “เดี๋ยวพรุ่งนี้แม่มาหานะ อดทนเข้าไว้” ตะวันดูซึม ๆ น้ำตาคลอเบ้า แม่รีบตัดสินใจเดินออกจากห้อง กลัวทำใจไม่ได้ เพราะสายตาลูกมันฟ้องว่าทรมานเหลือเกิน

เมื่อเดินออกมาจากห้องเยี่ยมมา แม่เล่าให้ฟังว่า “แม่ทำใจไม่ได้จริง ๆ แม่ตกใจมาก ตัวตะวันมันบุ๋มลงไปเลย” แม่เห็นแต่ซี่โครงมันโผล่ออกมา สะโพกมันผายออกมามีเหลือแต่โครงกระดูก เหลือแต่หนังหุ้มกระดูกแล้ว

ขณะที่ บันทึกเยี่ยมแฟรงค์ ที่ โรงพยาบาลราชทัณฑ์ วันที่ 5 มีนาคม 2567 แฟรงค์น้ำหนักเหลือ 37.9 เมื่อเช้าเจาะเลือดชุดใหญ่ไป ข้อพับบวมช้ำ หาเส้นเลือดไม่เจอ กว่าจะเจอต้องเจาะถึง 2 รอบ ปากแห้งแตก ผิวซีดเหลือง พะอืดพะอมคลื่นไส้นิดหน่อย เรื่องเบลอกลายเป็นเรื่องปกติไปแล้ว ขนาดนอนก็รู้สึกจะเป็นลม หายใจเหนื่อยหอบ เมื่อคืนนอนอยู่ดี ๆ ก็สะดุ้ง รู้สึกใจหวิว ๆ ฉี่แทบจะไม่ออก ปวดเมื่อยกล้ามเนื้อมาก ๆ ระหว่างที่เพื่อน ๆ เล่าสถานการณ์ข้างนอกให้แฟรงค์ฟัง ระหว่างที่แฟรงค์นั่งฟังเพื่อนพูดแฟรงค์ก็หลับตาลง คิ้วขมวด ดมยาดมไปด้วย ดูเหนื่อย ๆ กว่าเมื่อวาน ตอบโต้ช้ามาก

เมื่อวานนี้สัญญาณชีพจรต่ำ และไม่ใส่เครื่องช่วยหายใจแล้ว วันนี้เพื่อนเล่าเรื่องเก็ทออกศาลอาญาให้ฟัง แฟรงค์ฝากขอบคุณเก็ท ที่เก็ทส่งของใช้และของกินเข้ามาให้ในวันแรก แต่แฟรงค์ เอาของให้กับคนอื่นจนหมด ฝากขอบคุณเก็ทอีกครั้งนะ “อยากกลับไปอุ้มหมาที่บ้านแล้ว”

จากนั้นเพื่อนให้แฟรงค์ไปพักผ่อน เพราะดูเหนื่อยมาก แฟรงค์โบกมือลา สายตาดูเศร้าเหลือเกิน..


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top