วิกฤติ Evergrande ระบาดหนัก คาด!! ลาม 1 ใน 3 ธุรกิจอสังหาฯ จีน
ปัญหาหนี้ก้อนโตของ Evergrande บริษัทอสังหาริมทรัพย์ระดับประเทศของจีน กำลังจะกลายเป็นโรคระบาดครั้งใหญ่ในระบบธุรกิจการเงินของจีน ถึงแม้ว่าบริษัทจะสามารถระดมเงินชำระดอกเบี้ยเงินกู้ 44 ล้านได้ทันก่อนวันครบกำหนดชำระเมื่อช่วงปลายสัปดาห์ที่ผ่านมาแบบเส้นยาแดงผ่าแปด แต่ทั้งนี้ก็เป็นเพียงการช่วยต่อลมหายใจไปอีกแค่ช่วงเวลาสั้น ๆ เท่านั้น ซึ่งนักลงทุนยังต้องลุ้นกันเครียดเมื่อถึงวันครบกำหนดชำระดอกเบี้ยงวดต่อ ๆ ไป
S&P บริษัทจัดอันดับความน่าเชื่อถือชื่อดัง ได้ออกมาเตือนว่า Evergrande ยังเสี่ยงมากที่จะเข้าสู่ภาวะล้มละลาย และการล้มของ Evergrande จะลากเอาบริษัทอสังหารายอื่น ๆ ของจีนไม่ต่ำกว่า 1 ใน 3 ล้มตามไปด้วย
ที่เป็นเช่นนั้นเพราะ ไม่ใช่แค่ Evergrande ที่กำลังเจอวิกฤติปัญหาขาดสภาพคล่อง เพราะมีหนี้สินจากการลงทุนในอสังหาริมทรัพย์ทั้งในและต่างประเทศจำนวนมหาศาลกว่า 3 แสนล้านดอลลาร์ แต่บริษัทอสังหาอื่น ๆ ในจีนต่างก็เจอปัญหาแบบเดียวกับ Evergrande แทบทั้งสิ้น
Nomura บริษัทหลักทรัพย์ชื่อดังของญี่ปุ่นประเมินว่า หากนับรวมหนี้สินทั้งหมดที่บริษัทอสังหาริมทรัพย์ของจีนแบกอยู่ทั้งหมดตอนนี้ มีไม่น้อยกว่า 5 ล้านล้านดอลลาร์ ซึ่งมากเท่ากับ 1 ใน 3 ของ GDP ของจีนทั้งประเทศ และเทียบได้กับผลผลิตทางเศรษฐกิจทั้งหมดในแต่ละปีของญี่ปุ่น ซึ่งเป็นประเทศที่มีเศรษฐกิจใหญ่เป็นดับที่ 3 ของโลก
และในปี 2022 บริษัทอสังหาริมทรัพย์จีนต้องเร่งหาเงินมาชำระหนี้กองทุนเงินกู้ไม่น้อยกว่า 9.2 หมื่นล้านดอลลาร์ ซึ่งนับเป็นงานหินของบริษัทอสังหาจีนที่มีสินทรัพย์ที่ปล่อยไม่ออกจำนวนมาก
และยิ่งยากขึ้นไปอีก เมื่อสี จิ้นผิง ผู้นำจีนได้ประกาศมาตรการ 3 เส้นแดงออกมาในช่วงเดือนสิงหาคม 2020 เพื่อควบคุมหนี้เสียของบริษัทของจีน โดยจำกัดเพดานหนี้สินต่อสินทรัพย์ต้องไม่เกิน 70% ยิ่งทำให้ขยายวงเงินกู้ได้ยาก จึงมีเค้าว่าในปีหน้าอาจมีบริษัทอสังหาจีนอีกเป็นจำนวนมากที่มีโอกาสผิดนัดชำระหนี้ จนถูกลดเรทความน่าเชื่อถือให้เหลือแค่เรท B หรือต่ำกว่านั้น
เพราะหากประเมินจากมาตการ 3 เส้นแดง ที่จำกัดวงหนี้สินของบริษัทจีนก็พบว่า มากกว่าครึ่งของ 30 บริษัทยักษ์ใหญ่แห่งวงการอสังหาริมทรัพย์จีนมีสัดส่วนหนี้สินล้ำเส้นแดงที่รัฐบาลจีนกำหนดไว้แล้วทั้งนั้น
