Wednesday, 14 May 2025
NEWS FEED

พล.ต.ท.สมพงษ์ ชิงดวง ผบช.สตม. ตัวแทน สำนักงานตำรวจแห่งชาติ จัดสร้าง “อาคารเอนกประสงค์ สาธารณะประโยชน์ บ.ย.ส.25” ส่งมอบให้กับตำรวจภูธรจังหวัดแม่ฮ่องสอน เพื่อสาธารณประโยชน์แก่ทุกภาคส่วน

คณะผู้อบรมหลักสูตร ผู้บริหารกระบวนการยุติธรรมชั้นสูง รุ่นที่ 25 (บ.ย.ส.25) นำโดย นายภัทรศักดิ์ วรรณแสง ประธานรุ่นฯ พร้อมคณะ ได้แก่ นางสาวปรมา ชันซื่อ เลขานุการฯ, นางอภิศราวรรณ วัชรินทร์พร, นายมนตรี ฐิรโฆไท และนางฎารณีย์ มาตย์ชาวนา ร่วมกับ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ นำโดย พล.ต.ท.สมพงษ์ ชิงดวง ผบช.สตม. พล.ต.ต.อนุชา อ่วมเจริญ ผบก.ภ.จว.แม่ฮ่องสอน  พล.ต.ต.เดชา กัลยาวุฒิพงศ์ ผบก.ตม.5 และ พ.ต.อ.เอกกร บุษบาบดินทร์ รอง ผบก.ตม.5 ร่วมรับส่งมอบอาคารเอนกประสงค์สาธารณะประโยชน์ ภายใต้ชื่อ “อาคารเอนกประสงค์ บ.ย.ส.25” ซึ่งอาคารดังกล่าวมีมูลค่ากว่า 1 ล้านบาท โดยส่งมอบให้กับ ตำรวจภูธรจังหวัดแม่ฮ่องสอน ณ ที่ทำการ ตำรวจภูธรจังหวัด แม่ฮ่องสอน อำเภอเมือง จังหวัดแม่ฮ่องสอน เพื่อเป็นสาธารณประโยชน์แก่ข้าราชการทุกหน่วยงานและภาคประชาชน ในการใช้จัดกิจกรรมต่าง ๆ เพื่อประโยชน์ส่วนรวมต่อไป

พล.ต.ท.สมพงษ์ กล่าวว่า อาคารดังกล่าวที่ถูกจัดสร้างขึ้นนั้นเป็นอาคารเอนกประสงค์ โดยเป็นความร่วมมือร่วมใจสนับสนุนของคณะผู้อบรมหลักสูตร ผู้บริหารกระบวนการยุติธรรมชั้นสูง รุ่นที่ 25 (บ.ย.ส.25) ร่วมกับ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ และภาคเอกชนได้ร่วมกันจัดสร้างขึ้นโดยมีวัตถุประสงค์ในการจัดสร้างเพื่อใช้ประโยชน์ในด้านต่าง ๆ  นอกเหนือจากการใช้รองรับนโยบาย และภารกิจของสำนักงานตรวจแห่งชาติแล้ว คณะผู้จัดสร้างยังเล็งเห็นถึงความสำคัญของการมีส่วนร่วมกับประชาชนในพื้นที่ รวมถึงสามารถใช้เป็นสถานที่ทำกิจกรรมเพื่อส่วนรวมในทุกภาคส่วน สามารถมาใช้ประโยชน์จากอาคารดังกล่าวได้ ซึ่งอาคารเอนกประสงค์ฯ ภาคประชาชนในพื้นที่สามารถเข้ามาใช้จัดกิจกรรมชุมชน ได้ใช้ประโยชน์ในด้านสันนทนาการ หรือกิจกรรมประชุมอบรมในด้านต่าง ๆ  รวมถึงยังสามารถใช้เป็นสถานที่ในการสร้างความสัมพันธ์อันดีระหว่างหน่วยงานกับประชาชนในพื้นที่อีกด้วย

ทั้ง ยังได้จัดกิจกรรม “ตำรวจห่วงใย ใส่ใจประชาชน” ตาม นโยบายของ พล.ต.อ.สุวัฒน์ แจ้งยอดสุข ผบ.ตร. และ พล.ต.อ.ดำรงศักดิ์ กิตติประภัสร์ รอง ผบ.ตร. โดยเป็นการ มอบสิ่งของ อาทิ ถุงยังชีพ 300 ชุด หน้ากากอนามัย เจลแอลกอฮอล์ ยาสามัญประจำบ้าน รวมถึงเสื้อกันหนาว อีกกว่า 300 ผืน ให้แก่พี่น้องประชาชน เจ้าหน้าที่ตำรวจ  และหน่วยงานในพื้นที่ ที่ได้รับผลกระทบจากการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19

ร้านบุฟเฟต์ดัง เอือมพฤติกรรมรีวิวขอกินฟรี ชี้ !! คนขู่กินฟรี ดีกรีเป็นถึง ดร. มหาวิทยาลัยดัง

ร้านบุฟเฟต์ ดัง แจง หลังโดนนักรีวิวเบ่งขอกินฟรี ถ้าไม่ให้ขู่แบนในกลุ่มที่ตัวเองเป็นแอดมิน พร้อมอ้าง “รีวิวคือการมาทานแล้วคนทานไม่เสียเงิน” ขณะที่ม.เกษตรฯ เร่งสอบข้อเท็จจริง อ.อ๊อด พร้อมรับข้อมูลเพิ่ม ส่วนเพจต้นเรื่อง ปลิว-ถูกลบจากแอดมินเพจรีวิวบุฟเฟต์

วันที่ 14 ก.ย. ผู้สื่อข่าวรายงานว่า แฟนเพจเฟซบุ๊ก Wisdom International Buffet โพสต์แชตข้อความเกี่ยวกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นระหว่างแอดมินของร้านกับผู้ใช้เฟซบุ๊กรายหนึ่ง ระบุว่า “ประกาศชี้แจงจากร้าน Wisdom กรณีโดนข่มขู่ว่าจะ “แบนร้านออกจากกลุ่ม Facebook Group ที่มีฐานสมาชิกระดับต้น ๆ ในประเทศไทย เกี่ยวกับผู้ชื่นชอบการรับประทานบุฟเฟต์”

สืบเนื่องจากเมื่อวันที่ 13 กันยายนที่ผ่านมา ได้มีผู้ใช้งาน Facebook ท่านหนึ่ง ติดต่อเข้ามาทาง Inbox Facebook Fanpage Wisdom International โดยผู้ใช้งานท่านนั้น ได้มีการแจ้งว่า “ตนเป็นหนึ่งในผู้ก่อตั้งกลุ่ม Facebook Group ที่มีฐานสมาชิกระดับต้น ๆ ในประเทศไทย เกี่ยวกับผู้ชื่นชอบการรับประทานบุฟเฟต์”

โดยผู้ใช้งานท่านนี้ได้มีการแจ้งว่า ตนได้รับคูปองรับประทานอาหารจากทางร้าน Wisdom มาจำนวน 2 ใบ จากผู้ร่วมก่อตั้งท่านอื่น โดยจะพาสมาชิกมารับประทานจำนวน 4 คน และสอบถามเงื่อนไขการใช้บริการ

ทาง Wisdom International Buffet ยินดีต้อนรับลูกค้าทุกท่านที่มาใช้บริการ จะด้วยการชำระเงินสด, ชำระผ่านบัตรเครดิต หรือการใช้ Gift Voucher ทั้งนี้ผู้ใช้งาน Facebook ท่านนี้ ได้มีการแจ้งเข้ามาว่า จะขอถ่ายรีวิวสินค้าและบริการของทางร้านด้วย ซึ่งทางร้านก็ไม่ได้ปฏิเสธการถ่ายภาพผลิตภัณฑ์ สินค้า และบริการ จากผู้มาใช้บริการ ตราบใดที่ยังอยู่ภายใต้เงื่อนไขการเว้นระยะห่างทางสังคม

หากแต่ ผู้ใช้งาน Facebook ดังกล่าว ไม่พึงพอใจในกรณีดังกล่าว เนื่องจาก จำนวนคูปองรับประทานอาหารมีจำนวน 2 ใบ แต่ผู้ใช้งาน Facebook ดังกล่าว นำทีมงานมา 4 ท่าน ทำให้ต้องมีการชำระค่าบริการเพิ่มเติมจำนวนอีก 2 ท่าน จนมีการข่มขู่เรื่องการแบนสินค้าในเครือ และผลิตภัณฑ์จากทางแบรนด์

ทางกลุ่ม Wisdom Buffet และร้านทุกร้านในเครือไม่ได้นิ่งนอนใจในเรื่องที่เกิดขึ้น และยังยืนยันว่า “การกระทำการถ่ายรีวิวสินค้าและบริการ เป็นสิ่งที่สามารถกระทำได้ ตราบใดที่ไม่เป็นการรบกวนการใช้บริการของลูกค้าท่านอื่น รวมถึงไม่ดำเนินการถ่ายรีวิวด้วยวิธีการที่อาจก่อให้เกิดความสุ่มเสี่ยงต่อมาตรการเว้นระยะห่างทางสังคมภายใต้สถานการณ์แพร่ระบาดต่อโรค Covid-19”

หากแต่เงื่อนไขของการเข้าใช้บริการภายใต้การถ่ายรีวิวสินค้าจากทางแบรนด์ ทางแบรนด์ยังขอเป็นผู้มีอำนาจสูงสุดในการตัดสินใจในการกระทำการ “ชำระค่าใช้บริการ แทนผู้ใช้บริการ” จึงเรียนมาเพื่อทราบ และขอบพระคุณผู้ใช้บริการทุกท่านที่ไว้วางใจเราเสมอมา

ทั้งนี้ หลังจากที่โพสต์ดังกล่าว ถูกเผยแพร่ออกไป ทำให้มีผู้เข้ามาแสดงความคิดวิพากษ์วิจารณ์เกี่ยวกับพฤติกรรมของผู้ใช้เฟซบุ๊กรายนี้กันอย่างกว้างขวาง

ล่าสุด ทางเพจมหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ โดย “Department of Botany, Kasetsart University” ได้โพสต์ข้อความว่า ทางภาควิชาฯ ได้รับทราบเรื่องที่ทุกท่านได้เข้ามาให้ความเห็นเกี่ยวกับศิษย์เก่าของภาควิชาแล้ว และจะได้ดำเนินการสืบสวนข้อเท็จจริงต่อไปครับ ขอขอบคุณทุกความเห็นที่ท่านได้ส่งมาให้ภาควิชาฯ ด้วยครับ

ขณะที่แอ็กเคานต์ Weerachai Phutdhawong ของ รศ.ดร.วีรชัย พุทธวงศ์ อาจารย์และนักวิชาการสาขาเคมีอินทรีย์ มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ ได้เข้าไปตอบที่เพจของ Wisdom International Buffet ด้วยข้อความระบุว่า ใจเย็น ๆ นะครับ อาจารย์อ๊อดในฐานะบุคลากรมหาลัยเกษตรศาสตร์และเป็นผู้บริหารมหาวิทยาลัยด้วยไม่ได้นิ่งนอนใจครับ ตอนนี้กำลังสืบสาวราวเรื่อง ส่งข้อมูลเข้ามาได้ที่คอมเมนต์อาจารย์อ๊อด หรือ Message ครับ

ทั้งนี้ล่าสุดได้สเตตัสของร้าน Wisdom International Buffet มีการแคปภาพมาแชร์พร้อมระบุว่าเพจที่เป็นต้นทางของหนุ่มที่เข้าไปข่มร้านบุฟเฟต์ดังกล่าว ได้ปิดเพจหนีแล้ว ขณะที่โซเชียลต่างขุดประวัติของหนุ่มรายดังกล่าว โดยระบุว่าเป็นนิสิตจบปริญญาเอกของม.เกษตรฯ ที่ได้ทุนไปเรียนต่อต่างประเทศ บ้างก็ระบุว่าได้ทุนเรียนฟรีด้วย โดยมีการแซะประมาณว่า “กินฟรี เรียนฟรี ทุกอย่างฟรีหมด”

นอกจากนี้ยังมีเสิร์ชข้อมูลเพิ่มเติมพบว่าเพจของหนุ่มดังกล่าว ถูกลบออกจากการเป็นแอดมินดูแลกลุ่มเพจรีวิวบุฟเฟต์แล้ว


ที่มา : https://www.matichon.co.th/social/news_2938611
https://www.facebook.com/101259681966070/posts/229022589189778/
https://www.facebook.com/BOTANY.KU/

เปิดประวัติ ผู้อำนวยการ 'เผด็จ อุทุมสกุลรัตน์' โรงเรียนดอนเมืองทหารอากาศบำรุง กรุงเทพฯ ผอ. ควักเงินประกันลูกศิษย์บุกชิงทอง 

เปิดประวัติ ผู้อำนวยการ 'เผด็จ อุทุมสกุลรัตน์' โรงเรียนดอนเมืองทหารอากาศบำรุง กรุงเทพฯ ผอ. ควักเงินประกันลูกศิษย์บุกชิงทอง 

คติธรรมประจำใจ 
“ถ้าวันนี้ถูก ไม่ต้องกลัวพรุ่งนี้” ท่านพุทธทาสภิกขุ

ประวัติ ผอ.เผด็จ อุทุมสกุลรัตน์ ผู้อำนวยการโรงเรียนดอนเมืองทหารอากาศบำรุง
.
ภูมิลำเนาบ้านเกิด อำเภอพะงัน จังหวัดสุราษฎร์ธานี

ประวัติการศึกษา
พ.ศ.2538 ครุศาสตรบัณฑิต วิชาเอกวิทยาศาสตร์ทั่วไป คณิตศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย 
พ.ศ.2546 ครุศาสตรมหาบัณฑิต สาขาการบริหารการศึกษา จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย

ประสบการณ์การทำงาน 
พ.ศ.2542 อาจารย์หนึ่งระดับ 3 โรงเรียนบัวปากท่าวิทยา จ.นครปฐม
พ.ศ.2547 ครูโรงเรียนพุทธจักรวิทยา กรุงเทพฯ
พ.ศ.2553 รองผู้อำนวยการชำนาญการ โรงเรียนกุนนทีรุทธารามวิทยาคม กรุงเทพฯ
พ.ศ.2556 รองผู้อำนวยการชำนาญการพิเศษ โรงเรียนเตรียมอุดมศึกษาพัฒนาการ รัชดา กรุงเทพฯ
พ.ศ.2558 ผู้อำนวยการชำนาญการพิเศษ โรงเรียนสุขุมนวพันธ์อุปถัมภ์ กรุงเทพฯ

ผลการปฏิบัติงาน
รางวัลหนึ่งแสนครูดี 
ผู้อำนวยการสถานศึกษาดีเด่น ประจำปี พ.ศ.2560 จากสมาคมผู้บริหารมัธยมศึกษาแห่งประเทศไทย
อุปนายกสมาคมผู้ปกครองและครูดีเด่น ประจำปี พ.ศ.2560 จากสภาผู้ปกครองและครูแห่งประเทศไทย 
บุคคลผู้เสียสละตนทางการศึกษา ประจำปี พ.ศ.2562 จาก สํานักงานศึกษาธิการจังหวัดกรุงเทพฯ
ผู้จัดการทีมกีฬาฟุตซอลได้รับรางวัลชนะเลิศ ฟุตซอลระหว่างโรงเรียน ประจำปี พ.ศ.2562 รุ่น 14 ปี ประเภท ก กรมพลศึกษา 


ที่มา : ประวัติผู้อำนวยการโรงเรียนดอนเมืองทหารอากาศบำรุง ท่านเผด็จ อุทุมสกุลรัตน์
https://www.youtube.com/watch?v=PJNirRV460o

รพ.ทหารผ่านศึก วอนม็อบดินแดง ยึดแนวทางสันติ ลดรุนแรง ย้ำไม่เกี่ยวการเมือง ขอผู้ชุมนุมเปิดทางให้ผู้ป่วยฉุกเฉินและผู้ป่วยประจำได้สัญจรผ่านโรงพยาบาล ตามปกติ

วันที่ 14 ก.ย. 64 ที่โรงพยาบาลทหารผ่านศึก นพ.กำพล เมืองแสน ผอ.รพ.ทหารผ่านศึก พร้อมด้วย นายสหรัฐ คล้ายเพชร หัวหน้ารักษาความปลอดภัย รพ.ทหารผ่านศึก และ น.ส.ศศิรินทร์ ชวพรธนานนท์ ผอ.กองการพยาบาล รพ. ทหารผ่านศึก ร่วมแถลงข่าวกรณี โรงพยาบาลผ่านศึก ได้รับผลกระทบจากการชุมนุมบริเวณดินแดง ว่า ขอวิงวอนผู้ชุมนุมยึดแนวทางสันติ ไม่ใช้ความรุนแรง

เนื่องจากคนไข้ที่เข้ารับการรักษาที่โรงพยาบาลเมื่อรักษาเสร็จสิ้น จำเป็นต้องเดินทางกลับที่พัก รวมถึงเจ้าหน้าที่ของโรงพยาบาลที่ปฏิบัติหน้าที่เข้าเวรดูแลผู้ป่วยก็ไม่สามารถเดินทางออกจากโรงพยาบาลได้เพราะมีการชุมนุมบริเวณโดยรอบ ทั้งนี้ขอให้ผู้ชุมนุมเปิดทางให้ผู้ป่วยฉุกเฉินและผู้ป่วยประจำได้สัญจรผ่านโรงพยาบาล ตามปกติ อีกทั้งโรงพยาบาลยังตั้งระหว่างกลางพื้นที่การชุมนุม จำเป็นต้องรับมือกับสถานการณ์อยู่ตลอดเวลา

ส่วนด้านการรักษาความปลอดภัยอยากเรียกร้องให้ผู้ชุมนุมอย่าเข้ามาในโรงพยาบาลเพราะเป็นสถานที่ทางราชการ เป็นสถานที่ที่ใช้รักษาผู้ป่วยไม่เกี่ยวข้องกับการเมืองแต่อย่างใดที่ผ่านมาต้องขอขอบคุณทุกภาคส่วนที่ไม่ได้เข้ามาภายในโรงพยาบาล ทำให้ไม่มีผลกระทบทางด้านความรุนแรงกับโรงพยาบาลแต่อย่างใด

เมื่อถามว่า กังวลหรือไม่ว่ารพ.ทหารผ่านศึก จะได้รับผลกระทบจากการแถลงข่าวในวันนี้ เพราะชื่อโรงพยาบาล นพ.กำพล กล่าวว่า แม้จะชื่อโรงพยาบาลทหารผ่านศึก แต่เป็นโรงพยาบาลรัฐ ไม่ใช่ของเหล่าทัพ และเชื่อว่าผู้ชุมนุมเข้าใจในส่วนนี้

ด้าน นายสหรัฐ กล่าวว่า ที่ผ่านมาเมื่อมีการชุมนุมจะมีสิ่งไม่พึงประสงค์หลุดเข้ามาในโรงพยาบาลบ้าง แต่ยังไม่มีระเบิด ทั้งนี้ประชาชนที่อาศัยอยู่ในกรมดุริยางค์ทหารบก ขอให้ผู้ชุมนุมลดความรุนแรง เพราะทำให้ผู้อยู่อาศัยบริเวณที่ชุมนุมเดือดร้อนอย่างมาก

ก.แรงงาน ถกร่วม JETRO Bangkok สร้างความเชื่อมั่นทางธุรกิจ บ.ญี่ปุ่น ในไทย

กระทรวงแรงงาน หารือร่วม JETRO Bangkok เชื่อมภารกิจกระทรวงฯ เดินหน้าสร้างความเชื่อมั่นทางธุรกิจของบริษัทญี่ปุ่นในประเทศไทย นายสุชาติ ชมกลิ่น รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน มอบหมายให้ นายสุรชัย ชัยตระกูลทอง ผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำกระทรวงแรงงาน ต้อนรับนาย TAKETANI Atsushi ประธาน Japan External Trade Organization, Bangkok (JETRO Bangkok) และผู้แทนจากหอการค้าญี่ปุ่นประจำกรุงเทพฯ เนื่องในโอกาสเข้าเยี่ยมคาราวะรัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน เพื่อรายงานผลการสำรวจความเชื่อมั่นทางธุรกิจของบริษัทญี่ปุ่นในประเทศไทย ในช่วงครึ่งปีแรกของปี 2564 โดยมีพลอากาศตรีเฟื่องศักดิ์ เรืองกล ที่ปรึกษารัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน ดร.ทองอยู่ คงขันธ์ ที่ปรึกษารัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน และผู้บริหารกระทรวงแรงงาน ร่วมให้การต้อนรับ ณ ห้องประชุมประสงค์ รณะนันท์ ชั้น 5 อาคารกระทรวงแรงงาน

นายสุรชัย กล่าวว่า การหารือร่วมกับ JETRO Bangkok ในวันนี้มีประเด็นที่เกี่ยวข้องกับภารกิจของกระทรวงแรงงาน ประกอบด้วย ปัญหาด้านการบริหารองค์กรของบริษัทญี่ปุ่นในประเทศไทย ได้แก่ การแข่งขันกับบริษัทอื่นรุนแรงขึ้น ราคาวัตถุดิบเพิ่มสูงขึ้น ค่าใช้จ่ายด้านบุคลากรเพิ่มสูงขึ้น และการขาดแคลนวิศวกร ในส่วนข้อเรียกร้องต่อรัฐบาลไทย พบว่า บริษัทส่วนใหญ่ได้ความสำคัญต่อการดำเนินการตามมาการรองรับผลกระทบจากโควิด-19 การส่งเสริมมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจ โดยมีประเด็นที่เกี่ยวข้องด้านแรงงาน ได้แก่ การปรับปรุงความสะดวกในการขอใบอนุญาตทำงานและวีซ่า

นอกจากนี้ยังได้คาดการณ์ผลกระทบจากโควิด-19 ที่มีต่อกิจกรรมทางธุรกิจในอนาคต ซึ่งบริษัทส่วนใหญ่จะยังคงประกอบกิจการต่อไปหรือขยายขนาด โดยสนับสนุนให้พนักงานเข้ารับการฉีดวัคซีน แต่ยังคงมีข้อกังวลเกี่ยวกับความรับผิดชอบในกรณีที่บริษัทกำหนดให้พนักงานต้องฉีดวัคซีนหรือสนับสนุนให้พนักงานฉีดวัคซีนแล้วเกิดผลข้างเคียง ทาง JETRO Bangkok จึงขอให้รัฐบาลไทยได้มีการให้ข้อมูลเกี่ยวกับวัคซีนอย่างรวดเร็ว ทันต่อเหตุการณ์ เช่น ประสิทธิภาพ ความปลอดภัย ผลข้างเคียง ความเสี่ยงต่อสุขภาพ แผนการฉีดวัคซีน ความก้าวหน้าในการฉีดวัคซีน เป็นต้น

“ขอบคุณประธาน JETRO Bangkok และคณะ ที่ได้ร่วมหารือและแบ่งปันข้อมูลในวันนี้ ซึ่งจะเป็นประโยชน์ต่อการดำเนินภารกิจที่เกี่ยวข้องกับกระทรวงแรงงาน เพื่อนำไปสู่การสร้างความเชื่อมั่นทางธุรกิจของผู้ประกอบการญี่ปุ่นในประเทศไทยต่อไป” นายสุรชัย กล่าวทิ้งท้าย

สรุปวันโอนเงินเยียวยาประกันสังคมทุกมาตรา

✅วันที่ 20 - 21 กันยายน 2564   
โอนเงินเยียวยาให้ผู้ประกันตน มาตรา 40 ในพื้นที่ 16 จังหวัดสีแดงเข้ม ประกอบด้วย นครราชสีมา ระยอง ราชบุรี สระบุรี สุพรรณบุรี กาญจนบุรี ลพบุรี เพชรบูรณ์ ประจวบคีรีขันธ์ ปราจีนบุรี เพชรบุรี ตาก อ่างทอง นครนายก สมุทรสงคราม และสิงห์บุรี กลุ่มที่สมัครขึ้นทะเบียนเป็นผู้ประกันตนมาตรา 40 ระหว่างวันที่ 4 - 24 สิงหาคม 2564

✅วันที่ 21 กันยายน 2564  
โอนเงินเยียวยา มาตรา 39 รอบ 2 ให้ผู้ประกันตนมาตรา 39 ในพื้นที่ 13 จังหวัดสีแดงเข้ม ประกอบด้วย กรุงเทพมหานคร นครปฐม นนทบุรี ปทุมธานี สมุทรปราการ สมุทรสาคร ปัตตานี ยะลา นราธิวาส สงขลา ชลบุรี ฉะเชิงเทรา และพระนครศรีอยุธยา

✅วันที่ 22 - 23 กันยายน 2564  
โอนเงินเยียวยา มาตรา 40 รอบ 2 ให้ผู้ประกันตนมาตรา 40 ในพื้นที่ 13 จังหวัดสีแดงเข้ม ประกอบด้วย กรุงเทพมหานคร นครปฐม นนทบุรี ปทุมธานี สมุทรปราการ สมุทรสาคร ปัตตานี ยะลา นราธิวาส สงขลา ชลบุรี ฉะเชิงเทรา และพระนครศรีอยุธยา

✅วันที่ 27 - 28 กันยายน 2564  
เริ่มโอนเงินเยียวยา มาตรา 33 รอบ 2 ให้ผู้ประกันตน มาตรา 33 ใน 9 กลุ่มกิจการ ในพื้นที่ 13 จังหวัดสีแดงเข้ม ประกอบด้วย กรุงเทพมหานคร นครปฐม นนทบุรี ปทุมธานี สมุทรปราการ สมุทรสาคร ปัตตานี ยะลา นราธิวาส สงขลา ชลบุรี ฉะเชิงเทรา และพระนครศรีอยุธยา

✅วันที่ 28 กันยายน 2564  
โอนเงินเยียวยา มาตรา 40 ให้ผู้ประกันตนมาตรา 40 ในพื้นที่ 3 จังหวัด คือ ชลบุรี ฉะเชิงเทรา และพระนครศรีอยุธยา ที่ขึ้นทะเบียนเป็นผู้ประกันตนมาตรา 40 รายใหม่ ในช่วงวันที่ 4 - 24 สิงหาคม 2564 ที่ผ่านมา จำนวน 3.4 แสนคน กลุ่มนี้ ได้สิทธิเยียวยา 2 เดือน เดือนละ 5,000 บาท รวม 10,000 บาท


ที่มา : https://www.facebook.com/100750911731504/photos/a.100754921731103/348472363626023/

ปิดทำเนียบฯ 14 วัน อีกครั้ง หลังพบผู้สื่อข่าวผลตรวจ ATK เป็นบวก

เมื่อเวลา 11.40 น. ที่ทำเนียบรัฐบาล น.ส.นัทรียา ทวีวงศ์ ผู้อำนวยการสำนักโฆษกสำนักเลขาธิการนายกรัฐมนตรี และที่ปรึกษานายกรัฐมนตรี ฝ่ายข้าราชการประจำด้านประสานกิจการภายในประเทศ ให้สัมภาษณ์ กรณีขอความร่วมมือสื่อมวลชนออกจากทำเนียบ เนื่องจากมีผู้สื่อข่าวติดเชื้อโควิด ว่า ขอความร่วมมือสื่อมวลชนออกจากทำเนียบรัฐบาล เพื่อให้เจ้าหน้าที่ได้เข้ามาดำเนินการทำความสะอาด พ่นยาฆ่าเชื้อ จะได้มั่นใจว่าปลอดเชื้อ เบื้องต้นขอเวลา 7 วัน นับจากวันนี้ไปถึงวันที่ 24 กันยายน และจะให้สื่อมวลชนกลับเข้ามาปฏิบัติหน้าที่ในทำเนียบรัฐบาลตามปกติ ได้ในวันที่ 27 กันยายน แต่อย่างไรก็ตามขอให้ทุกคนนำผลตรวจเอทีเคมาแสดงด้วย ทั้งนี้ให้เป็นไปตามมาตรการที่เข้มข้น เนื่องจากผู้บริหารในทำเนียบฯ ส่วนใหญ่เป็นผู้สูงอายุ และหลีกเลี่ยงไม่ได้ว่าการปฏิบัติหน้าที่ของเราต้องมีความใกล้ชิดกัน 

น.ส.นัทรียา กล่าวว่า ส่วนกรณีที่นายกรัฐมนตรี จะมีภารกิจลงพื้นที่ในต่างจังหวัด ได้แก่ จ.ชัยนาท จ.ชลบุรี สื่อมวลชนก็ไม่ต้องเป็นห่วง ทางสำนักโฆษกสำนักนายก รัฐมนตรี จะทำหน้าที่แทน โดยทำข่าวพูลให้ ทั้งนี้ที่เราใช้มาตรการเช่นนี้เนื่องจากมีความเป็นห่วงร่วมกันทุกคน เพราะเราไม่รู้ว่า ใครมีอาการแล้วไม่แสดงอาการหรือไม่ และไม่ทราบว่าจะมีใครติดเชื้อมาจากข้างนอกหรือไม่ ขอให้ทุกคนระมัดระวังและกลับไปในที่ตั้งก่อน และขอให้สื่อไปตรวจคัดกรอง ก่อนกลับมาติดบัตรหน้าที่ร่วมกันอีกครั้ง อย่างไรก็ตามขอให้ทุกคนสบายใจว่า การทำข่าวในช่วงนี้ไม่ต้องเป็นห่วง ผู้ใหญ่ทุกคนรับทราบแล้วจึงจะยังไม่มีการให้สัมภาษณ์ หรือตอบคำถามใด ๆ กับทุกคน ทุกคนสบายใจได้ว่าไม่มีการตกข่าว 

ผลวิจัย ชี้ ‘วัคซีนโควิดเข็ม 3’ ไม่จำเป็น ยัน แค่ 2 เข็ม เพียงพอช่วยลดอาการทรุดหนัก

วารสารการแพทย์แลนเซตตีพิมพ์ผลการศึกษาเกี่ยวกับการฉีดวัคซีนต้านโควิด-19 ก่อนจะสรุปว่า การฉีดวัคซีนต้านโควิด-19 เพียง 2 เข็มมีประสิทธิภาพเพียงพอในการป้องกันไม่ให้ผู้ติดเชื้อมีอาการทรุดหนัก และไม่จำเป็นที่คนทั่วไปจะต้องฉีดวัคซีนกระตุ้นเข็ม 3

ในบางประเทศเริ่มมีการฉีดวัคซีนเข็มกระตุ้นให้กับประชากรในประเทศ เพราะความหวั่นวิตกเกี่ยวกับไวรัสกลายพันธุ์เดลตาที่แพร่ระบาดได้รวดเร็วขึ้น ทำให้องค์การอนามัยโลกต้องออกมาร้องขอให้ประเทศต่าง ๆ ยุติการฉีดวัคซีนเข็ม 3 ไว้ก่อน เนื่องจากยังมีคนหลายล้านคนทั่วโลกโดยเฉพาะในประเทศที่ยากจนที่ยังไม่ได้รับการฉีดวัคซีนแม้แต่เข็มเดียว

ผลการศึกษาที่ถูกตีพิมพ์ดังกล่าวมาจากนักวิทยาศาสตร์หลายคน ซึ่งรวมถึงนักวิทยาศาสตร์จากองค์การอนามัยโลกและองค์การอาหารและยา (เอฟดีเอ) ของสหรัฐฯ สรุปว่า แม้จะมีภัยคุกคามจากไวรัสกลายพันธุ์เดลตา แต่การฉีดวัคซีนเข็มกระตุ้นให้กับคนทั่วไปไม่ใช่เรื่องเหมาะสมภายใต้สถานการณ์แพร่ระบาดในขณะนี้

ผู้เขียนซึ่งทบทวนผลการศึกษาเชิงสังเกตและผลการทดลองทางคลินิกพบว่า วัคซีนยังคงมีประสิทธิภาพสูงในการป้องกันไม่ให้มีอาการเจ็บป่วยรุนแรงในไวรัสโควิด-19 แทบจะทุกสายพันธุ์ซึ่งรวมถึงเดลตา แม้จะมีประสิทธิภาพต่ำในการป้องกันผู้ติดเชื้อที่ไม่แสดงอาการก็ตาม

หนึ่งในผู้เขียนหลักจากองค์การอนามัยโลกระบุว่า หากดูในภาพรวมแล้ว วัคซีนที่มีอยู่ควรจัดลำดับความสำคัญไปที่คนทั่วโลกที่ยังไม่ได้เข้ารับการฉีดวัคซีน แต่หากมีการกระจายวัคซีนไปยังที่ที่ทำให้เกิดประโยชน์สูงสุด ก็จะช่วยเร่งให้การแพร่ระบาดยุติลงเร็วขึ้นด้วยการยับยั้งการกลายพันธุ์ของไวรัส


ที่มา : https://www.matichon.co.th/foreign/news_2938333

'นิวยอร์ก' เปิดโรงเรียนครั้งแรกในรอบ 1 ปี หลังต้องเรียนออนไลน์หนีโควิด-19

14 กันยายน 2564 สำนักข่าวต่างประเทศรายงาน โรงเรียนของรัฐในนครนิวยอร์ก เปิดเทอมให้นักเรียนกลับเข้าชั้นเรียนเป็นครั้งแรกในรอบ 1 ปี หลังปิดไปตั้งแต่เดือนมี.ค.ปีที่แล้ว ตามมาตรการควบคุมโรคระบาดโควิด-19 ซึ่งส่งผลให้นักเรียนต้องเรียนออนไลน์เป็นเวลานาน 

สำหรับโรงเรียนรัฐในนครนิวยอร์ก ถือเป็นระบบการศึกษาของรัฐขนาดใหญ่ที่สุดในอเมริกา โดยมีนักเรียนอยู่ในระบบประมาณ 1 ล้านคน

ในวันเดียวกัน เจ้าหน้าที่รัฐสังกัดเทศบาลนครนิวยอร์กเกือบทั้งหมดจากจำนวนประมาณ 300,000 คน ได้รับคำสั่งให้กลับเข้ามาปฏิบัติหน้าที่อย่างเต็มรูปแบบในสำนักงานด้วย ภายใต้เงื่อนไขที่ว่า ต้องฉีดวัคซีนครบแล้ว หรือมิเช่นนั้นต้องผ่านการตรวจคัดกรองทุกสัปดาห์


ที่มา : https://www.naewna.com/inter/601988

ตร. แจง ไร้สัญญาณบ่งชี้การก่อการร้าย แม้ญี่ปุ่นเตือนเหตุ ‘ก่อการร้ายในอาเซียนและไทย'

รัฐบาลญี่ปุ่นส่งเอกสารให้กับพลเมืองของตนเอง เฝ้าระวังการก่อการร้ายในอาเซียน รวมถึงไทย ด้านตำรวจ - สันติบาล ชี้แจง ไม่มีอะไรน่ากังวล แจ้งเตือนตามวงรอบ ขณะที่กต.ระบุ เป็นคำสั่งจากกระทรวงการต่างประเทศญี่ปุ่น ยังไม่สามารถให้รายละเอียดเพิ่มเติมได้ และในเอกสารไม่เจาะจงเฉพาะไทย 

พ.ต.อ.กฤษณะ พัฒนะเจริญ รองโฆษกตร. กล่าวถึงกรณีที่สถานทูตญี่ปุ่นแจ้งเตือนเหตุก่อการร้ายนั้น ว่า จากข้อมูลจากกองบัญชาการตำรวจสันติบาล (บช.ส.) พบว่ามีการแจ้งเตือนจากสถานทูตญี่ปุ่น ทั้งเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ไม่ใช่แค่ประเทศไทย ซึ่งเป็นการแจ้งเตือนตามวงรอบ ไม่มีสิ่งบอกเหตุว่าจะมีการก่อการร้าย ขณะนี้ยังไม่มีการเฝ้าระวังสิ่งใดเป็นพิเศษ และทางเจ้าหน้าที่เฝ้าติดตามสถานการณ์พร้อมการประสานงานกับหน่วยที่เกี่ยวข้องอย่างใกล้ชิดอยู่แล้ว อย่างไรก็ตามขอให้ประชาชนอย่าได้วิตกกังวลและใช้ชีวิตตามปกติ

รองโฆษก ตร.ย้ำว่าทางไทยมีการเฝ้าระวังอยู่แล้ว โดยเฉพาะการประสานงานด้านการข่าวฝ่ายความมั่นคงทั้งในและต่างประเทศอยู่แล้ว ทั้งด้านข่าวกรองและการต่อต้านข่าวกรอง ในส่วนของการรักษาความปลอดภัยสถานที่ตั้งของสถานทูตรวมถึงสถานที่พำนักของเอกอัครราชทูตหรือเจ้าหน้าที่ทางการทูตในประเทศไทยมีการประสานงานกับตำรวจท้องที่ โดยเฉพาะตำรวจ 191 อยู่แล้วก็ดำเนินการควบคู่กันไป 

รวมถึงมีการแลกเปลี่ยนด้านข่าวกรองตลอดเวลา และขณะนี้ไม่ได้ห่วงที่ใดเป็นพิเศษ เนื่องจากการรักษาสถานที่สำคัญและบุคคลสำคัญในประเทศก็เป็นหน้าที่ของตำรวจสันติบาลร่วมกับตำรวจนครบาลหรือหากมีสถานกงสุล หรือสถานทูตตั้งอยู่ต่างจังหวัดก็มีการประสานกับตำรวจท้องที่อยู่แล้วเช่นกันตรงนี้ไม่เป็นห่วง และพร้อมให้การสนับสนุนทันทีหากมีการร้องขอขึ้นมา

ด้านนายธานี แสงรัตน์ อธิบดีกรมสารนิเทศ โฆษกกระทรวงการต่างประเทศ กล่าวถึงกรณีที่กระทรวงการต่างประเทศของญี่ปุ่น ส่งหนังสือเตือนถึงพลเมืองชาวญี่ปุ่นที่อาศัยอยู่ในอาเซียนรวมถึงไทย ให้ระมัดระวังการก่อการร้าย โดยระบุว่า

จากการตรวจสอบและสอบถามไปยังสถานทูตญี่ปุ่น ระบุว่า อีเมลนี้กระทรวงการต่างประเทศญี่ปุ่นเป็นผู้ส่งให้ชาวญี่ปุ่นที่อาศัยอยู่ในแถบเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ โดยไม่ได้ระบุเฉพาะเจาะจงว่าเป็นประเทศไทย และไม่ได้ระบุที่มาของข้อมูลดังกล่าว ทำให้ยังไม่สามารถให้ข้อมูลหรือรายละเอียดเพิ่มเติมได้

อย่างไรก็ตาม เนื้อหาใจความสำคัญของอีเมลฉบับดังกล่าวระบุว่า ขอให้ชาวญี่ปุ่นระมัดระวังการโจมตีหรือการก่อการร้าย โดยเฉพาะการระเบิดพลีชีพตนเองในสถานที่ที่มีคนรวมตัวจำนวนมาก จึงขอให้ดำเนินการตามมาตรการ ดังนี้ 

1.) ติดตามข้อมูลข่าวสารอย่างใกล้ชิด

2.) ปฏิบัติตามคำแนะนำและมาตรการของทางการท้องถิ่น หากเกิดเหตุขึ้น

3.) เมื่อต้องไปอยู่ในสถานที่ที่มีคนจำนวนมาก ให้สังเกตสถานการณ์รอบ ๆ ตัว หรือใช้เวลาอยู่สถานที่เหล่านั้นให้สั้นที่สุด หากพบว่ามีความน่าสงสัยให้รีบออกจากสถานที่ดังกล่าวโดยสถานที่ที่ควรระมัดระวัง เช่น วัด โบสถ์ มัสยิด เป็นต้น 

อย่างไรก็ตาม สามารถติดต่อหรือแจ้งข้อมูลได้ที่ สถานเอกอัครราชทูตญี่ปุ่นประจำประเทศไทย โทรศัพท์: (66-2) 207-8500, 696-3000 โทรสาร: (66-2) 207-8511


https://www.pptvhd36.com/news/ต่างประเทศ/156231


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top