Friday, 9 May 2025
NEWS FEED

“ปิดล้อมกว่า 6 ชั่วโมงจับกุมหนุ่มคลั่งไล่ยิงตำรวจสายตรวจ ขณะออกตรวจพื้นที่ สุดท้ายจนมุม”

ขณะที่ ด.ต ณรงค์ ลงสุวรรณ ผบ.หมู่ (ป.) สภ.บางน้ำเปรี้ยว และ ส.ต.ต.นัฐพล ธรรมปัต ผบ.หมู่ (ป.) สภ.บางน้ำเปรี้ยว กำลังปฏิบัติหน้าที่เป็นเจ้าหน้าที่สายตรวจ ระหว่างออกตรวจพื้นระงับเหตุทะลาะวิวาทเสร็จโดยขณะเดินทางกลับที่ได้มีคนร้ายทราบชื่อภายหลังว่า นายณัฐวิทย์ วิกิจคำมี ได้ใช้อาวุธปืนยิงใส่รถยนต์ตำรวจสายตรวจทำให้ ด.ต.ณรงค์ ลงสุวรรณ ถูกกระสุนยิงที่ต้นขาขวาได้รับบาดเจ็บ ถูกนำส่ง โรงพยาบาล   และต.ต.นัฐพล ธรรมปัต ถูกยิงบริเวณสะโพก แต่กระสุนได้ถูกซองอาวุธปืนทำให้ไม่ได้รับบาดเจ็บ    ส่วนคนร้ายได้หลบหนีไปพร้อมอาวุธปืนที่ใช้ก่อเหตุ

หลังเกิดเหตุ พล.ต.ท.ธิติ แสงสว่าง ผบช.ภ.2 ได้สั่งการให้ พล.ต.ต.นันทวุฒิ สุวรรณละออง ผบก.ภ.จว.ฉะเชิงเทรา  บูรณาการกำลังกับ พล.ต.ต.ธีรเดช ธรรมสุธีร์ ผบก.สส.ภ.2 , พ.ต.อ.นเรวิช สุคนธวิท รอง ผบก.ภ.จว.ฉะเชิงเทรา, พ.ต.อ.ชาตรี สุขศิริ รอง ผบก.ภ.จว.ฉะเชิงเทรา , พ.ต.อ.สหัส ใจเย็น รอง ผบก.สส.บช.ภ.2 , พ.ต.อ.ธนเสฏฐ์ ประชาชัยศรี ผกก.สืบสวน 3 บก.สส.ภ.2  พ.ต.อ.ประสาทพร ศรีสุขโข ผกก.สภ.บางน้ำเปรี้ยว เจ้าหน้าที่ตำรวจฝ่ายสืบสวน สภ.บางน้ำเปรี้ยว , เจ้าหน้าที่ตำรวจฝ่ายสืบสวน กก.สส.ภ.จว.ฉะเชิงเทรา และ บก.สส.ภ.2 พร้อมชุดปฏิบัติการพิเศษ บูรพา 914 ได้ร่วมปิดล้อมบ้านที่คนร้ายได้หลบหนีไปซ่อนตัวอยู่ คือบ้านเลขที่ 6/12 หมู่ที่ 8 ต.ศาลาแดง อ.บางน้ำเปรี้ยว จ.ฉะเชิงเทรา

เจ้าหน้าที่ตำรวจจึงได้ปิดล้อม ปากซอยถนนศาลาแดง 11 ซอย 8 ไว้และใช้เวลาเจรจากับญาติของคนร้ายเป็นเวลากว่า 6 ชั่วโมง คนร้ายยังไม่ยอมออกมามอบตัวกับเจ้าหน้าที่ตำรวจ จนกระทั่งวันที่ 7 ธ.ค. 64 เวลา 03.00 น. พล.ต.ต.นันทวุฒิ สุวรรณละออง ผบก.ภ.จว.ฉะเชิงเทรา ซึ่งเป็น ผบ.เหตุการณ์ จึงมอบหมายให้ พล.ต.ต.ธีรเดช ธรรมสุธีร์ ผบก.สส.ภ.2 เป็นผู้เจรจากับญาติคนร้ายว่ามีอาวุธก่อเหตุ เกรงว่าจะเกิดอันตรายแก่บุคคลอื่นจนเป็นที่เข้าใจ

จึงนำกำลังเจ้าหน้าที่ชุดปฏิบัติการพิเศษ กก.ปพ.บก.สส.ภ.2  (บูรพา 914 ) และ นปพ.ภ.จว.ฉะเชิงเทราเข้าปฏิบัติการบุกจับตัวคนร้ายในบ้านพัก และสามารถจับกุมตัว นายณัฐวิทย์ วิกิจคำมี ผู้ต้องหา อายุ 28 ปี อยู่ที่ บ้านเลขที่ 1 หมู่ที่ 2 ตำบลสัมพันตา อำเภอนาดี จังหวัดปราจีนบุรีได้พร้อมของกลาง
1.อาวุธปืนพกสั้น ขนาด 9 มม. จำนวน 1 กระบอก ยี่ห้อ MAUSER โดยปืนมีการขึ้นลำไว้พร้อมใช้งาน 
2.เครื่องกระสุนปืนขนาด 9 มม. จำนวน    16 นัด   พบอยู่ในรังเพลิงของอาวุธปืนของกลางลำดับที่  1 จำนวน 1 นัด 
3.กางเกงขาสั้นสีเทา  จำนวน  1 ตัว  
4. เสื้อยืดคอกลมสีน้ำเงินจำนวน  1 ตัว 
5. รถยนต์กระบะแบบสี่ประตูสีดำ ยี่ห้อ อีซุซุ  จำนวน  1 คัน
6. ซองบรรจุกรรสุนปืน จำนวน   1 อัน
7. กระสุนปืนขนาด 9 มม. จำนวน   1 ลูก
8. ปลอกกระสุนปืนขนาด  9 มม. สีดำ จำนวน   2 ปลอก
9. ปลอกกระสุนปืนขนาด  9 มม. สีเงิน จำนวน  1  ปลอก
10. ซองพกหนังสีน้ำตาล จำนวน  1 ซอง

โดยกล่าวว่า “พยายามฆ่าเจ้าพนักงานซึ่งปฏิบัติการตามหน้าที่ , พกพาอาวุธปืนไปในเมือง หมู่บ้าน ทางสาธารณะโดยไม่มีเหตุจำเป็นเร่งด่วนฯ ,ยิงปืนในเมือง หมู่บ้าน โดยไม่มีเหตุอันควร ,เป็นผู้ขับขี่รถในขณะมีสารเสพติดให้โทษประเภทที่ ๑(เมทเอมเฟตามีนในร่างกายโดยฝ่าฝืนกฎหมาย และ เสพยาเสพติดให้โทษประเภทที่ ๑(เมทแอมเฟตามีน)โดยผิดกฎหมาย”

"สาธิต" เผย​ พบ 1ใน17 จากกลุ่มเสี่ยงสูง เคส​ นนท.สหรัฐฯ​ มีผลเป็นบวก​ 1​ ราย​ รอผลตรวจเชิงลึก 3-4วัน รู้ว่าใช่ 'โอไมครอน' หรือไม่

ที่ทำเนียบรัฐบาล นายสาธิต​ ปิตุเตชะ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงสาธารณสุข กล่าวถึงกรณีตรวจพบเชื้อโอไมครอนในนักท่องเที่ยวชาวสหรัฐอเมริกา​ 1​ ราย​ และมีผู้เสี่ยงสูง 17 ราย ว่า สถานการณ์ล่าสุดยังเป็นข้อมูลเดิม คือพบผู้ติดเชื้อเพียง 1 ราย​ ต้องติดตามสถานการณ์ต่อเนื่อง โดยจากการสอบสวนโรคมีผู้เสี่ยงสูงทั้งหมด 17 ราย และจากการตรวจหาเชื้อโควิด-19​ มีผลเป็นลบ 16 ราย และมีผลเป็นบวก 1 ราย ซึ่ง​ 1​ รายที่มีผลเป็นบวก​เป็นเจ้าหน้าที่โรงแรม ที่เป็นผู้ส่งอาหารให้นักท่องเที่ยวชาวสหรัฐฯคนดังกล่าว โดยได้มีการดำเนินการสอบสวนโรคกับเจ้าหน้าที่โรงแรมรายนี้แล้ว​

พร้อมกับนำผลบวกนั้นไปตรวจสอบว่าเป็นเชื้อโอไมครอนหรือไม่ อย่างไรก็ตาม​ ได้ให้เจ้าหน้าที่โรงแรมรายดังกล่าวเข้ารักษาตัวที่สถาบันบําราศนราดูรแล้ว​ ทั้งนี้ ในส่วนการสอบสวนโรคจะต้องแยกเป็น 2 ประเด็นคือ ดูว่าเขาติดเชื้อโควิดจากการเดินทางกลับต่างจังหวัด ที่​ จ.อุบลราชธานีหรือไม่ หรือติดเชื้อโควิดมาจากนักท่องเที่ยวชาวสหรัฐฯ โดยต้องรอผลการตรวจเชื้อว่าเป็นโอไมครอนหรือไม่ประมาณ 3-4 วัน

นายสาธิต​ กล่าวว่า​ การเดินทางเข้าประเทศไทยยังคงต้องให้เข้มมาตรการป้องกัน แต่อย่างไรก็ตาม​ การพบโรคโควิด-19 กับการพบเชื้อกลายพันธุ์นั้นถือเป็นเรื่องธรรมชาติ เพราะโรคระบาดเราไม่สามารถปิดกั้นได้ ซึ่งขณะนี้ตามข้อมูลยังไม่พบว่าเชื้อโอไมครอนมีอาการรุนแรง และตามมาตรการของสาธารณสุขไทย หากผู้ติดเชื้อมีอาการไม่รุนแรง 80% เราสามารถใช้วิธี โฮมไอโซลูชั่นได้ เราเชื่อว่าศักยภาพของระบบสาธารณสุขไทยดูแลได้ 

กรมทางหลวง เตรียมจุดเช็คอินรับปีใหม่ ทำถนน-ต้นไม้สวย 

น.ส.ไตรศุลี ไตรสรณกุล รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและ รมว.กลาโหม ชื่นชมโครงการเตรียมความพร้อมจุดเช็คอินรองรับการเดินทางท่องเที่ยวของประชาชนในช่วงเทศกาลปีใหม่ 2565 ของกรมทางหลวง กระทรวงคมนาคม ตามนโยบาย “คมนาคมสีสัน สร้างสรรค์ประเทศไทย” ที่ได้ให้หน่วยงานในสังกัดพิจารณาพื้นที่เพื่อพัฒนาเป็นจุดพักรถและให้เป็นสถานที่ท่องเที่ยว ตามนโยบายของรัฐบาล ในการส่งเสริมการท่องเที่ยวปลายปี อำนวยความสะดวกการเดินทางของประชาชน ส่งเสริมทัศนียภาพระหว่างการเดินทาง กระตุ้นเศรษฐกิจท้องถิ่น

ปัจจุบันกรมทางหลวง ได้เริ่มตกแต่ง ปรับปรุงป้ายและจัดเตรียมจุดเช็คอินให้อยู่ในสภาพสมบูรณ์เพื่อรองรับการเดินทางท่องเที่ยวของประชาชนในช่วงฤดูหนาวและเทศกาลปีใหม่ 2565 แล้ว 11 จังหวัด จำนวน 11 จุด เช่น ดอยอินทนนท์ จ.เชียงใหม่ บนทางหลวงหมายเลข 1009 ตอน จอมทอง – ดอยอินทนนท์ บริเวณ กม.ที่ 30 – 31 , แยกไดโนเสาร์ จ.ขอนแก่น บนทางหลวงหมายเลข 12 ตอน ขอนแก่น – พรหมนิมิตร บริเวณ กม.ที่ 562 , จุดพักสูดอากาศบริสุทธ์เขาช้างสี จ.นครศรีธรรมราช บนทางหลวงหมายเลข 4238 ตอน ลานสกา – ไม้หลา บริเวณ กม.ที่ 10 เป็นต้น

'รมว.เฮ้ง' สลด 'สาวก่อสร้าง' พลัดตกอาคารเสียชีวิต แสดงความเสียใจส่งเจ้าหน้าที่รุดช่วยเหลือตรวจสอบ

นายสุชาติ ชมกลิ่น รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน เปิดเผยว่า ขอแสดงความเสียใจกับญาติผู้เสียชีวิต กรณีคนงานก่อสร้างหญิงพลัดตกจากที่สูงซึ่งเป็นอาคารที่อยู่ระหว่างการก่อสร้างบริษัทแห่งหนึ่ง ถนนเลียบคลองภาษีเจริญฝั่งใต้ แขวงหนองแขม เขตหนองแขม กรุงเทพฯ จากรายงานในเบื้องตนพบว่าผู้เสียชีวิตชื่อนางสาวบุญออน ทาสีฟู อายุ 40 ปี ภูมิลำเนาอยู่ที่จังหวัดปทุมธานี ก่อนเสียชีวิตปฏิบัติหน้าที่ผูกเหล็ก ซึ่งการก่อสร้างอยู่ระหว่างการเทคานด้านบน

ช่วงเวลาเกิดเหตุเป็นเวลาที่คนงานส่วนใหญ่เลิกงานแล้ว แต่จะมีบางคนยังทำงานล่วงเวลา ผู้เสียชีวิตกำลังเดินลงจากอาคารเพื่อจะกลับที่พัก ได้เดินเหยียบแผ่นไม้ที่วางแบบไว้ด้านบนและพลัดตกลงมาถูกเหล็กเสียบที่ลำคอ และตามลำตัว 5 แห่ง เสียชีวิตในที่เกิดเหตุ  ตนเองรู้สึกกังวลใจและห่วงใยจึงได้สั่งการให้สำนักงานประกันสังคม เข้าตรวจสอบดูแลให้ความช่วยเหลือด้านสิทธิประโยชน์ที่ญาติผู้เสียชีวิตพึงได้กรณีเสียชีวิตเนื่องจากการทำงาน จากกองทุนเงินทดแทนอย่างเต็มที่ อันได้แก่ เงินทดแทนกรณีเสียชีวิต ค่าทำศพ 50,000 บาท และเงินบำเหน็จชราภาพ พร้อมทั้งมอบให้กรมสวัสดิการและคุ้มครองแรงงานเข้าตรวจสอบการดำเนินงานตามกฎหมายความปลอดภัย อาชีวอนามัยและสภาพแวดล้อมในการทำงาน ว่านายจ้างปฏิบัติถูกต้องหรือไม่อย่างไร

 

สมุทรปราการ-“อำนวย บุญริ้ว”นายกเทศมนตรีเมืองแพรกษาใหม่” รวมพลังประชาชนน้อมรำลึก ทำความดีเพื่อพ่อ ถวายในหลวงรัชกาลที่ 9 

นายอำนวย บุญริ้ว นายกเทศมนตรีเทศบาลเมืองแพรกษาใหม่  พร้อมด้วย นางสาวศิริพร ทับคล้าย รองนายกเทศมนตรี นายไพรัตน์ จั่นมุ้ย รองประธานสภา สมาชิกสภา เจ้าหน้าที่เทศบาลเมืองแพรกษาใหม่ ตลอดจนพี่น้องประชาชนร่วมลงพื้นที่ทำความสะอาดภายในซอยศรีสัมพันธ์ หมู่ที่ 6 ต.แพรกษาใหม่ อ.เมือง จ.สมุทรปราการ  เพื่อร่วมทำกิจกรรมจิตอาสา น้อมรำลึกในพระมหากรุณาธิคุณเนื่องในวันคล้ายวันพระบรมราชสมภพ 5 ธันวาคม วันชาติ และวันพ่อแห่งชาติ

ด้าน นายอำนวย บุญริ้ว นายกเทศมนตรีเทศบาลเมืองแพรกษาใหม่ กล่าวว่า ในวันนี้ทางเทศบาลเมืองแพรกษาใหม่ ได้นำรถบรรทุกน้ำฉีดพ่นล้างทำความสะอาด โดยได้ร่วมกับพี่น้องประชาชน หมู่ที่ 6 จัดกิจกรรมจิตอาสา ทำความดีเพื่อพ่อ เนื่องในวันคล้ายวันพระบรมราชสมภพ พระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร อีกทั้ง ยังเป็นวันชาติ และวันพ่อแห่งชาติ จึงได้ร่วมกันจัดกิจกรรมพัฒนาล้างทำความสะอาดภายในซอยศรีสัมพันธ์ เพื่อน้อมรำลึกถึงพระมหากรุณาธิคุณในหลวงรัชกาลที่ 9 

มูลนิธิ มิราเคิล ออฟไลฟ์ฯ ร่วม สวนนงนุชพัทยา ถวายต้นพระศรีมหาโพธิ์ จากอินเดีย 999 ต้น ปลูกเป็นพุทธบูชา ทุกวัดทั่วแผ่นดิน

ดร.มนัส โนนุช ประธานมูลนิธิ มิราเคิล ออฟไลฟ์ ฯพร้อมด้วย นายกัมพล ตันสัจจา ประธานสวนนงนุชพัทยา ได้นำต้นพระศรีมหาโพธิ์ จากประเทศอินเดีย ในโครงการ “หนึ่งใจ..ให้ธรรมะ” ปลูกต้นพระศรีมหาโพธิ์ เป็นพุทธบูชาทุกวัดทั่วแผ่นดิน 999 ต้น ขึ้นถวายเจ้าพระคุณ สมเด็จพระอริยวงศาคตญาณ สมเด็จพระสังฆราช สกลมหาสังฆปริณายก เพื่อน้อมถวายเป็นพระราชกุศลแด่ พระบาทสมเด็จพระปรเมนทรรามาธิบดีศรีสินทรมหาวชิราลงกรณ พระวชิรเกล้าเจ้าอยู่หัว ณ ตำหนักอรุณ วัดราชบพิชสถิตมหาสีมาราม เขตพระนคร กรุงเทพมหานคร

ตามที่มูลนิธิ มิราเคิล ออฟไลฟ์ฯ  ร่วมกับ สวนนงนุชพัทยา และองค์กรภาคีเครือข่ายขอประทานพระอนุญาตถวายเสนอ โครงการ “หนึ่งใจ..ให้ธรรมะ” ถวายต้นพระศรีมหาโพธิ์ 999 ต้น ปลูกเป็นพุทธบูชาทุกวัดทั่วแผ่นดิน ซึ่งสวนนงนุชพัทยา ได้ทำการขยายพันธุ์จากต้นพระศรีมหาโพธิ์ ณ สถานที่ตรัสรู้ องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ณ พุทธคยา ประเทศอินเดีย เพื่อน้อมเกล้าถวายเป็นพระราชกุศล พระบาทสมเด็จพระปรเมนทรรามาธิบดีศรีสินทรมหาวชิราลงกรณ พระวชิรเกล้าเจ้าอยู่หัว และพระบรมวงศานุวงศ์ทุกพระองค์ อีกทั้ง เป็นการขับเคลื่อนโครงการ “หนึ่งใจ..ให้ธรรมะ” ให้เกิดผลสัมฤทธิ์ทั่วประเทศไทย เป็นไปตามวัตถุประสงค์ของโครงการ ดังกล่าว 

สำนักงานเลขานุการใน "หม่อมเจ้าอุทัยกัญญา ภาณุพันธุ์ " ร่วมพิธีถวายพานพุ่มเนื่องในวันคล้ายวันพระราชสมภพ ในหลวงรัชกาลที่ ๙ และ วันชาติ วันพ่อแห่งชาติ ประจำปี ๒๕๖๔

ณ โรงเรียนเทศบาลเมืองท่าโขลง 1 ตำบลคลองหนึ่ง อำเภอคลองหลวง จังหวัดปทุมธานี "นายุทธพงษ์ เอี้ยงอ้าย" เลขานุการในหม่อมเจ้าอุทัยกัญญา ภาณุพันธุ์ พระราชปนัดดาในพระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว (รัชกาลที่ ๔) / นายชีวานนท์ พรรัตน์ธนิกกุล ผู้ช่วยเลขานุการฯ / นางสาวอรอนงค์ สุดใจ ผู้ช่วยเลขานุการในฯ / นายมนตรี สังข์วิสิทธิ์ เจ้าหน้าที่สำนักงานเลขานุการฯ พร้อมคณะ เข้าร่วมกิจกรรมเนื่องในวันคล้ายวันพระบรมราชสมภพ พระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศรมหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร วันชาติ และวันพ่อแห่งชาติ

โดยกิจกรรมในช่วงเช้า เวลา 07.00 น. ได้จัดกิจกรรมทำบุญตักบาตร พระภิกษุสงฆ์ และสามเณรจำนวน 89 รูป เพื่อบำเพ็ญถวายเป็นพระราชกุศล จากนั้นใน เวลา 09.00 น. "นายนิติชัย วิริยานนท์ " นายอำเภอคลองหลวง จังหวัดปทุมธานี เป็นประธานในพิธีฯ วางพานพุ่มดอกไม้หน้าพระบรมฉายาลักษณ์ พระบาทสมเด็จ พระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราชบรมนาถบพิตร  

โพลชี้นักธุรกิจชั้นนำเชียร์​ ‘จุรินทร์’ นั่งนายกฯ พร้อมเลือกผู้สมัครปชป.เป็นผู้ว่าฯกทม. ปลื้ม​ ”ประชาธิปัตย์” ซื่อสัตย์สุจริต-มีจุดยืนแก้รธน.ให้เป็นประชาธิปไตย 

เมื่อวันที่ 3 ธ.ค. อินไซท์เอเชีย รีเสิร์ช กรุ๊ป (ประเทศไทย) ร่วมกับ สถาบันบัณฑิตพัฒนบริหารศาสตร์ (นิด้า) ได้สำรวจความคิดเห็นกลุ่มนักธุรกิจชั้นนำในประเทศไทย จำนวน 444 ราย ที่มีต่อรัฐบาลและพรรคร่วมรัฐบาลในกรณีถ้าต้องมีการเปลี่ยนแปลงนายกรัฐมนตรี ตามระบบรัฐสภาในระบอบประชาธิปไตย และมุมมองต่อการขับเคลื่อนนโยบายของพรรคร่วมรัฐบาลในปัจจุบัน ซึ่งคำถามที่ว่าพรรคร่วมรัฐบาลพรรคใดมีจุดยืนในการแก้ไขรัฐธรรมนูญให้เป็นประชาธิปไตยมากที่สุด ซึ่งผลสำรวจชี้ชัดว่านักธุรกิจชั้นนำเลือกพรรคประชาธิปัตย์ คิดเป็น 47.7 เปอร์เซ็นต์ มากสุดในบรรดาพรรคร่วมรัฐบาลทั้งหมด และเมื่อถามว่าพรรคร่วมรัฐบาลใดมีความซื่อสัตย์สุจริตมากที่สุด พบว่านักธุรกิจชั้นนำ 40.6 เปอร์เซ็นต์ ไม่มีความคิดเห็น หรือไม่ทราบ ขณะที่ 35.1 เปอร์เซ็นต์ ระบุว่าเป็นพรรคประชาธิปัตย์

ต่อคำถามว่าพรรคร่วมรัฐบาลพรรคใดมีความน่าเชื่อมั่นต่อการบริหารงานที่รับผิดชอบมากที่สุด พบว่านักธุรกิจชั้นนำ 38.8 เปอร์เซ็นต์ ไม่เชื่อมั่นพรรคใด แต่ 27 เปอร์เซ็นต์ ระบุว่าพรรคประชาธิปัตย์มีความน่าเชื่อมั่นมากที่สุด เมื่อถามว่าพรรคร่วมรัฐบาลใด สามารถทำตามนโยบายหาเสียงได้มากที่สุด พบว่านักธุรกิจชั้นนำ 34.4 เปอร์เซ็นต์ ระบุว่าไม่มีความเห็นและไม่ทราบ ขณะที่ 20.7 เปอร์เซ็นต์ เลือกพรรคประชาธิปัตย์ และโพลนี้สอบถามว่าถ้าสามารถเลือกหัวหน้าพรรคร่วมรัฐบาลเป็นนายกรัฐมนตรีได้ คิดว่าหัวหน้าพรรคใดควรเป็นนายกฯ ซึ่งนักธุรกิจชั้นนำ 45.05 เปอร์เซ็นต์ ยังไม่ตัดสินใจหรือไม่เลือกใคร แต่ 27.48 เปอร์เซ็นต์ เลือกนายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์  ตามด้วย 15.32 เปอร์เซ็นต์ เลือกนายอนุทิน ชาญวีรกูล หัวหน้าพรรคภูมิใจไทย และเมื่อสอบถามเพิ่มเติมถึงสาเหตุ พบว่านักธุรกิจชั้นนำ 22.17 เปอร์เซ็นต์ เลือกเพราะเล็งเห็นถึงความสามารถในการแก้ไขปัญหาเศรษฐกิจและปากท้องของประชาชน

'โบว์ ณัฏฐา' ลั่น 'Cancel Culture' ไม่ต่างจากการล่าแม่มด ย้ำ บ่อยครั้งเหยื่อเป็นผู้บริสุทธิ์ แนะ ควรสร้างสังคมที่เป็นเหตุเป็นผล

จากกระแสดราม่า ‘น้องลูกหนัง ศีตลา’ ลูกสาวคนเล็กของนักแสดง ‘ตั้ว ศรัณยู’ กับ ‘เปิ้ล หัทยา วงษ์กระจ่าง’ ที่เกิดดราม่าในโลกโซเชียลแห่คว่ำบาตร ไม่สนับสนุน พร้อมใจติด #SITALA เนื่องจากอดีตเคยเข้าร่วมชุมนุมทางการเมืองพร้อมกับครอบครัว

จากกรณีดังกล่าว ‘คุณโบว์ ณัฏฐา มหัทธนา’ นักเคลื่อนไหวทางการเมือง ได้ให้สัมภาษณ์กับทาง THE STATES TIMES ในรายการ Click On Clear THE TOPIC ถึงเรื่องนี้ว่า เรื่องนี้เป็นเรื่องที่ละเอียดอ่อน โดยตลอด 20 ปีที่ผ่านมาบริบททางการเมืองกลายมาเป็นกระแสที่มีการแบ่งขั้วทางการเมืองอย่างรุนแรง 

จึงทำให้เกิดการละเมิดพื้นหลังทางครอบครัว หรือไซเบอร์บุลลี โดยเฉพาะในประเด็นของ ‘Cancel Culture’ และการรุมแบนให้ออกมา ‘Call Out’ จนสังคมเกิดความเคยชินและมองว่าสิ่งนี้เป็นเรื่องปกติที่สามารถทำได้

อย่างในกรณี ‘น้องลูกหนัง’ เป็นประเด็นที่ค่อนข้างรุนแรง ซึ่งเหตุการณ์ลักษณะนี้ก็ไม่ใช่ครั้งแรกที่ลูกหลานนักการเมือง นักเคลื่อนไหว หรือบุคคลที่มีชื่อเสียงต้องรับแรงกดดันจากการกระทำของพ่อ-แม่ ไม่ว่าจะผิดหรือจะถูก ถ้าทุกคนพูดได้หรือยอมรับให้เกิดขึ้นได้ เพราะฉะนั้นแล้วสังคมจะเป็นยังไง นี่คือสิ่งที่เรากังวล 

ถ้าหากถามว่าการโดน ‘Cancel Culture’ ครั้งนี้ คือราคาที่ต้องจ่าย เปรียบเทียบกับศาลที่ต้องดูว่าความได้ส่วนกับเหตุ เหมือนกับศาลตัดสินแล้วลงโทษก็ต้องดูความได้ส่วนกับเหตุ ถ้าเกิดว่าลงโทษหนักกว่าเหตุ นี่คือความไม่ยุติธรรม

เช่นกันกับในโลกออนไลน์เมื่อคุณจะทำตัวเป็นผู้พิพากษาตัดสินใคร ก็อยากให้พิจารณาความได้ส่วนกับเหตุนั้น ถ้าคนคนหนึ่งจะมีแอ็กชันทางการเมืองที่คุณไม่เห็นด้วย คุณก็พูดในประเด็นนั้นดีไหมว่ามันเลวร้ายยังไง  

มาเลเซีย พบผู้ติดเชื้อ Omicron รายแรก เผยเดินทางมาจากแอฟริกาใต้ 2 สัปดาห์ก่อน

กัวลาลัมเปอร์ 3 ธ.ค. - มาเลเซียพบผู้ป่วยติดเชื้อโควิดสายพันธุ์โอไมครอนรายแรกเป็นนักเรียนต่างชาติที่เดินทางมาจากแอฟริกาใต้เมื่อสองสัปดาห์ก่อน และออกจากสถานที่กักตัวเพื่อดูอาการเมื่อวันที่ 29 พฤศจิกายนหลังกักตัวครบ 10 วัน

นายไครี จามาลุดดิน รัฐมนตรีกระทรวงสาธารณสุขมาเลเซีย เผยวันนี้ว่า เจ้าหน้าที่มาเลเซียได้ทำการตรวจหาเชื้อโควิดซ้ำอีกครั้งในกลุ่มผู้ป่วยติดเชื้อช่วงก่อนหน้านี้ หลังองค์การอนามัยโลกประกาศให้เชื้อโควิดสายพันธุ์โอไมครอนเป็นสายพันธุ์ที่น่าวิตกกังวลเมื่อวันที่ 24 พฤศจิกายน 

นายจามาลุดดินระบุว่า ผู้ป่วยติดเชื้อโควิดสายพันธุ์โอไมครอนรายแรกของมาเลเซียเป็นนักเรียนหญิงวัย 19 ปีที่เดินทางมาจากแอฟริกาใต้ เป็นผู้ป่วยติดเชื้อโควิดที่ไม่แสดงอาการ และได้รับการฉีดวัคซีนโควิดครบสองโดส โดยมีผลตรวจหาเชื้อโควิดเป็นบวกเมื่อเดินทางถึงมาเลเซียในวันที่ 19 พฤศจิกายน หลังแวะเปลี่ยนเครื่องที่สิงคโปร์ จากนั้น นักเรียนคนดังกล่าวได้เข้าสู่มาตรการกักตัวเป็นเวลา 10 วัน และครบกำหนดเมื่อวันที่ 29 พฤศจิกายน


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top