'Metaverse' มีชื่อเรียกภาษาไทยแล้วนะ
ราชบัณฑิตยสภา มีมติบัญญัติคำ ‘Metaverse’ ภาษาไทยว่า ‘จักรวาลนฤมิต’
เขียนทับศัพท์ว่า ‘เมตาเวิร์ส’
ที่มา : ในการประชุม คณะกรรมการจัดทำพจนานุกรมศัพท์นิเทศศาสตร์ร่วมสมัย ราชบัณฑิตยสภา วันที่ 2 ธ.ค. 64 มี

ราชบัณฑิตยสภา มีมติบัญญัติคำ ‘Metaverse’ ภาษาไทยว่า ‘จักรวาลนฤมิต’
เขียนทับศัพท์ว่า ‘เมตาเวิร์ส’
ที่มา : ในการประชุม คณะกรรมการจัดทำพจนานุกรมศัพท์นิเทศศาสตร์ร่วมสมัย ราชบัณฑิตยสภา วันที่ 2 ธ.ค. 64 มี
นายชัยวุฒิ ธนาคมานุสรณ์ รมว.ดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม (ดีอีเอส) เปิดเผยว่า รัฐบาลได้หาทางส่งเสริมการประมูลคลื่นความถี่ 5G ครอบคลุมเกือบทั้งประเทศ และสนับสนุนการประยุกต์ใช้ประโยชน์จากเทคโนโลยี 5G ให้นำไช้ในอุตสาหกรรมต่าง ๆ โดยประเมินว่า ในอนาคตข้างหน้า ประในช่วงประมาณปี 2570 จะยิ่งมีความต้องการใช้ 5G จะเพิ่มสูงขึ้น โดยมีผู้ใช้ในไทยจะมีไม่ต่ำกว่า 70 ล้านราย และอีก 10 ปี จะนำเทคโนโลยีสื่อสารไร้สายเข้ามาอย่างเต็มรูปเเบบ สามารถเพิ่มมูลค่าทางเศรษฐกิจ 6.5 แสนล้านบาท
ขณะเดียวกันยังประเมินด้วยว่า เทคโนโลยี 5G ยังสามารถเพิ่มมูลค่าผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (จีดีพี) ให้กับประเทศไทย ได้ไม่ต่ำกว่า 5.5 เท่าภายในปี 2578 สามารถสร้างการจ้างงานใหม่ด้านดิจิทัลกว่า 130,000 ตำแหน่ง และยังสนับสนุนด้านการลงทุนภาคอุตสาหกรรม โดยเฉพาะในพื้นที่เขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก (อีอีซี) เช่นเดียวกับในพื้นที่ต่าง ๆ ด้วย
นายสุทธิพล ทวีชัยการ เลขาธิการคณะกรรมการกำกับและส่งเสริมการประกอบธุรกิจประกันภัย (คปภ.) เปิดเผยว่า ที่ประชุมคณะกรรมการ คปภ.ด้มีมติเห็นชอบให้บริษัท เดอะ วัน ประกันภัย จำกัด (มหาชน) หยุดรับประกันวินาศภัยเป็นการชั่วคราว ตั้งแต่วันที่ 1 ธ.ค. 2564 เป็นต้นไป หลังปรากฏพฤติการณ์และหลักฐานต่อนายทะเบียนว่า บริษัทมีฐานะการเงินไม่มั่นคง โดยมีหนี้สินเกินกว่าทรัพย์สิน จัดสรรสินทรัพย์หนุนหลัง ไม่เพียงพอตามที่กฎหมายกำหนด มีสินทรัพย์สภาพคล่องไม่เพียงพอสำหรับการเรียกร้องค่าสินไหมทดแทน และปรากฏว่าอัตราส่วนความเพียงพอของเงินกองทุนต่ำกว่าเกณฑ์ที่กฎหมายกำหนด
รวมทั้งปรากฏหลักฐานว่าบริษัทไม่มีเจตนาที่จะแก้ไขฐานะการเงินของบริษัท ทำให้ไม่สามารถมั่นใจได้ว่าบริษัทมีความสามารถในการชำระหนี้ตามภาระผูกพันที่มีต่อผู้เอาประกันภัยหรือประชาชนได้ มีการจ่ายค่าสินไหมทดแทนล่าช้า อันเข้าข่ายเป็นการฝ่าฝืนหรือไม่ปฏิบัติตามประกาศกระทรวงพาณิชย์ว่าด้วยหลักเกณฑ์ วิธีการ และระยะเวลาที่ถือว่าเป็นการประวิงการจ่ายค่าสินไหมทดแทนหรือประวิงการคืนเบี้ยประกันภัยของบริษัทประกันวินาศภัย และยังคงมีจำนวนค่าสินไหมทดแทนคงค้างจำนวนมากจนส่งผลกระทบต่อฐานะและการดำเนินการของบริษัท
นอกจากนี้ยังมีการกระทำการอันเข้าข่ายเป็นการฝ่าฝืนกฎหมายโดยประกาศปิดทำการ โดยไม่ได้แจ้งเหตุผล ส่งผลให้เกิดความตื่นตระหนกต่อผู้เอาประกันภัยและประชาชนจำนวนมาก เนื่องจากเข้าไปติดต่อ ณ ที่ทำการบริษัท แต่ไม่ได้รับการบริการใด ๆ จากบริษัท
ทั้งนี้คณะกรรมการฯ จึงได้มีคำสั่งให้บริษัทดำเนินการ ดังต่อไปนี้ 1. หยุดรับประกันวินาศภัยเป็นการชั่วคราว 2. แก้ไขฐานะการเงินให้เพียงพอต่อภาระผูกพัน และให้มีอัตราส่วนความเพียงพอของเงินกองทุนเพียงพอตามที่กฎหมายกำหนดภายใน 15 วัน นับแต่วันได้รับคำสั่ง 3. ให้บริษัทเปิดทำการติดต่อกับประชาชนทุกวันตามประกาศ คปภ. ว่าด้วยการกำหนดให้บริษัทประกันวินาศภัยเปิดทำการติดต่อกับประชาชนฯ
นายอลงกรณ์ พลบุตร ที่ปรึกษารัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ เปิดเผยวันนี้ (2ธ.ค.)ว่าจากการประชุมหารือกับนายสุวิทย์ รัตนจินดา ประธานสมาพันธ์ผู้ให้บริการโลจิสติกส์และคณะที่กระทรวงเกษตรฯและการประชุมหารือเฉพาะกิจ (Focus Group)ของคณะทำงานฟรุ้มบอร์ดเฉพาะกิจครั้งที่ 5 เพื่อปรับกลยุทธ์การบริหารจัดการผลไม้ในระดับพื้นที่ (Area Base) ตามนโยบาย ดร. เฉลิมชัย ศรีอ่อน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ในฐานะประธานคณะกรรมการพัฒนาและบริหารจัดการผลไม้ (Fruit Broad) ซึ่งเป็นการ Focus Group ในพื้นที่ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ พร้อมด้วยผู้แทนคณะกรรมการเพื่อแก้ไขปัญหาเกษตรกรอันเนื่องมาจากผลผลิตการเกษตรระดับจังหวัด (คพจ.)โดยได้มอบนโยบายเป็นแนวทางการประชุมหารือ และการวิเคราะห์ ปัญหา อุปสรรค รับ-ส่ง การรักษาคุณภาพผลไม้ เชิงพื้นที่ของภาคตะวันออกเฉียงเหนือ
ในฐานะที่เป็นส่วนหนึ่งของคณะอนุกรรมการพัฒนาและบริหารจัดการผลไม้ภาคเหนือและภาคตะวันออกเฉียงเหนือ พร้อมกับการกำหนดยุทธศาสตร์อีสานเกตเวย์ เชื่อมอีสานเชื่อมโลกด้วยเส้นทางขนส่งทางรถไฟจากไทยผ่านลาวไปจีนทุกมณฑล-เอเซียตะวันออก-เอเซียกลาง-ตะวันออกกลางและยุโรปซึ่งเป็นการเปลี่ยน logistics landscape สร้างโอกาสใหม่ให้ประเทศไทยโดยเฉพาะสินค้าเกษตรและผลไม้โดยมีอีสานเป็นประตูการค้าการขนส่งและเป็นฐานการแปรรูปสร้างมูลค่าเพิ่มรายได้เกษตรกรอย่างยั่งยืนภายใต้โครงการ 1 กลุ่มจังหวัด 1 นิคมอุตสาหกรรมเกษตรอาหารหรือศูนย์แปรรูปผลไม้และสินค้าเกษรรซึ่งเป็นความร่วมมือระหว่างกระทรวงเกษตรและสหกรณ์กับสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย(กรกอ.) รวมทั้งการทำงานร่วมกันอย่างใกล้ชิดกับสมาพันธ์ผู้ให้บริการโลจิสติกส์ได้เตรียมความพร้อมในการเปิดบริการใช้ประโยชน์บนเส้นทางรถไฟสายประวัติศาสตร์ซึ่งมีพิธีเปิดเป็นทางการในวันที่3ธ.ค.ที่เวียงจันทร์ นครหลวงของลาวและมีพิธีเปิดสถานีขนส่งท่านาแล้งในวันที่ 4 ธ.ค. ที่จะถึงนี้
สำหรับเส้นทางรถไฟจีน - ลาว มีระยะทางประมาณ 420 กิโลเมตร 31 สถานีเริ่มต้นที่นครคุนหมิง มณฑลยูนนานของจีนเชื่อมต่อที่เมืองบ่อเต็นของลาวมีปลายทางที่นครหลวงเวียงจันทน์ซึ่งอยู่ติดกับจังหวัดหนองคายโดยมีการทำMOUบันทึกความร่วมมือ3ประเทศระหว่างไทย-ลาว-จีนในปี 2560 เพื่อเชื่อมต่อการเดินทางและการขนส่งสินค้าข้ามแดนเพื่อพัฒนาระบบโลจิสติกส์ผ่านการขนส่งทั้งทางราง ทางถนน ทางอากาศและทางเรือเพื่อสร้างโอกาสและการเติบโตของการส่งออกการนำเข้าของประเทศไทยต่อไปในอนาคตโดยมีอีสานเป็นระเบียงเศรษฐกิจใหม่ (Esan New Economic Corridor)
“การเปิดศักราชใหม่ของระเบียงเศรษฐกิจอีสานเป็นผลมาจากการเดินทางเยือนจีนในเดือนพฤศจิกายนปี 2562 ของดร.เฉลิมชัย ศรีอ่อน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์จนนำมาซึ่งการลงนามในพิธีสารเปิดด่านนำเข้าส่งออกระหว่างไทย-จีนเพิ่มเป็น 16 ด่านรวมทั้งด่านรถไฟโมฮ่านด่านรถไฟผิงเสียงด่านรถไฟเหอโขว่พร้อมกับจัดตั้งคณะกรรมการพัฒนาโลจิสติกส์เกษตรโดยมีนายนราพัฒน์ แก้วทอง ผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำกระทรวงเกษตรและสหกรณ์เป็นประธานทำงานร่วมมือกับกระทรวงพาณิชย์ กระทรวงคมนาคม หน่วยงานรัฐอื่นๆ ภาคเกษตรกรและภาคเอกชนทำให้การเตรียมความพร้อมในการขนส่งทางรถและทางรถไฟปกติไปยังสถานีขนส่งท่านาแล้งพร้อมเปิดดำเนินการโดยเฉพาะการส่งออกสินค้าเกษตรเช่นข้าว มันสำปะหลัง ยาง และผลไม้เป็นต้นซึ่งจะช่วยลดต้นทุนโลจิสติกส์และเวลาในการขนส่งเป็นการเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันของสินค้าเกษตรและเปิดโอกาสทางการตลาดต่างประเทศครั้งใหญ่ที่สุดครั้งหนึ่งของประเทศไทย ทางสมาพันธ์ผู้ให้บริการโลจิสติกส์รายงานล่าสุดว่าขณะนี้ทางลาวได้กำหนดอัตราค่าโดยสารและค่าระวางขนส่งสินค้าแบบเทกองแล้ว ส่วนอัตราการขนส่งตู้คอนเทนเนอร์ยังไม่ได้กำหนด” นายอลงกรณ์กล่าวในที่สุด
ก่อนหน้านี้กระทรวงคมนาคมรายงานว่าการเชื่อมทางรถไฟความเร็วสูงในส่วนของไทยยังอยู่ระหว่างดำเนินการเช่นการก่อสร้างรถไฟความเร็วสูง ระยะที่ 1 ช่วง กรุงเทพฯ-นครราชสีมา มีระยะทาง 253 กม. กำหนดเปิดให้บริการ ปี 2569 สำหรับระยะที่ 2 นครราชสีมา-หนองคาย มีระยะทาง 356 กิโลเมตร ปัจจุบันได้ออกแบบรายละเอียดโดยมีกำหนดเปิดให้บริการ ปี 2571
กระทรวงสาธารณสุข ห้ามผู้เดินทางจาก 8 ประเทศในทวีปแอฟริกาเข้าไทย หลังองค์การอนามัยโลก พบเชื้อโควิดสายพันธุ์ใหม่ ‘โอไมครอน’
สำหรับมาตรการควบคุมโรคในไทยต่อสายพันธุ์โอไมครอนนั้น ไม่อนุญาตให้ผู้ที่เดินทางจาก 8 ประเทศเสี่ยงในทวีปแอฟริกา ได้แก่ บอตสวานา เอสวาตีนี เลโซโท มาลาวี โมซัมบิก นามิเบีย ซิมบับเวย์ แอฟริกาใต้ เดินทางเข้าประเทศไทย นับตั้งแต่ 1 ธ.ค. นี้ เป็นต้นไป
จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ วุฒิสภา และมูลนิธินักศึกษาสถาบันพระปกเกล้าเพื่อสังคม ร่วมกันจัดกิจกรรม “หัวหินบ้านของพ่อ” วันที่ 5 ธ.ค. นี้ ณ อุทยานราชภักดิ์ เพื่อเป็นการเทิดทูนและน้อมรำลึกถึงพระมหากรุณาธิคุณในหลวง ร.๙ ในวันคล้ายวันพระราชสมภพ
พ.อ.วันชนะ สวัสดี รองโฆษกกระทรวงกลาโหม เชิญชวนพสกนิกรร่วมจุดเทียนน้อมรำลึก พระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร “ในหลวง ร.9” ในงาน “หัวหินบ้านของพ่อ” ในวันคล้ายวันพระราชสมภพ 5 ธ.ค. นี้ ที่ อุทยานราชภักดิ์ อ.หัวหิน จ.ประจวบคีรีขันธ์
โครงการ “หัวหินบ้านของพ่อ” จัดโดย จ.ประจวบคีรีขันธ์ ร่วมกับคณะกรรมาธิการวิสามัญการพิทักษ์และเทิดทูนสถาบันพระมหากษัตริย์ วุฒิสภา คณะอนุกรรมาธิการศึกษาและเสนอแนะแนวทางด้านการสื่อสารในการพิทักษ์และเทิดทูนสถาบันพระมหากษัตริย์ และมูลนิธินักศึกษาสถาบันพระปกเกล้าเพื่อสังคม มีวัตถุประสงค์เพื่อเป็นการเทิดทูนและน้อมรำลึกถึงพระมหากรุณาธิคุณ ตลอดจนเผยแพร่พระเกียรติคุณของพระบาทสมเด็จพระปรมินทร มหาภูมิพลอดุลยเดช และยังเป็นการปลูกฝังค่านิยมที่ดีงาม แสดงถึงความรัก ความกตัญญูกตเวที ให้ประชาชนและเยาวชนได้สำนึกพระคุณของพระบาทสมเด็จพระปรมินทร มหาภูมิพลอดุลยเดช ทั้งยังเป็นการรักษาไว้ซึ่งวัฒนธรรมและประเพณีอันดีงามของสถาบันหลักของชาติไทยให้คงอยู่ตลอดไป
กองบัญชาการกองทัพไทย (บก.ทท.) โดย กรมกิจการพลเรือนทหาร ได้จัดโครงการประชาสัมพันธ์สนับสนุนการจัดระเบียบชายแดนในพื้นที่จ.ประจวบคีรีขันธ์ เยี่ยมชมการปฏิบัติหน้าที่ในการป้องกันประเทศตามแนวชายแดน อันเป็นภารกิจหลักของกองทัพไทยในการรักษาความมั่นคงของชาติ ก่อให้เกิดความเชื่อมั่น ศรัทธาต่อกองทัพ นำไปสู่ความร่วมมืออันดีระหว่างทหารกับประชาชน
โดยได้เข้าเยี่ยมชมการปฏิบัติงานของหน่วยทหาร ที่หน่วยเฉพาะกิจจงอางศึก กองกำลังสุรสีห์ จ. ประจวบคีรีขันธ์ พ.อ.อัษฎาวุธ ปันยารชุน ผู้บังคับหน่วยเฉพาะกิจจงอางศึก ได้กล่าวบรรยายถึงการสกัดแรงงานผิดกฎหมายชายแดนไทย-เมียนมา ด้านจังหวัดประจวบคีรีขันธ์ ว่า ในพื้นที่ความรับผิดชอบ 283 กิโลเมตร โดยในช่วง 2 เดือนที่ผ่านมา ระหว่างเดือนตุลาคมถึงพฤศจิกายน 2564 สามารถจับกุมได้ 36 ครั้ง ยอด 933 คน ซึ่งส่วนใหญ่ลักลอบเข้ามาบริเวณตอนกลางของจังหวัดประจวบคีรีขันธ์ จากชายแดนประเทศเพื่อนบ้านเข้ามาถึงพื้นที่ชั้นใน ทั้งนี้หน่วยเฉพาะกิจจงอางศึก ได้ร่วมกับหน่วยงานต่างๆในจังหวัดประจวบคีรีขันธ์ ทั้ง ตำรวจตระเวนชายแดน (ตชด.) ทหารพราน ตำรวจตรวจคนเข้าเมือง (ตม.) กรมศุลกากร และฝ่ายปกครอง ทำให้สามารถจับกุมสกัดกั้นได้เป็นจำนวนมาก
ทั้งนี้แนวทางที่ผู้บังคับบัญชา ได้เน้นย้ำคือจะตัองแก้ปัญหาแรงงานผิดกฎหมายทุกขั้นตอนให้ครอบคลุม ตั้งแต่ต้นทางไปจนถึงปลายทาง โดยจะมีการซักถามผู้ที่ลักลอบเข้าเมืองอย่างละเอียดเพื่อเป็นข้อมูลขยายผลจับกุม
นอกจากนี้ยังต้องมีประสานความร่วมมือกับประเทศเพื่อนบ้านผ่านช่องทางต่างๆ ซึ่งถือเป็นพันธกิจหนึ่งของศูนย์ปฏิบัติการกองทัพบก จึงมั่นใจว่าจะได้รับความร่วมมือ กับประเทศเพื่อนบ้านในการแก้ปัญหาแรงงานผิดกฎหมาย ซึ่งทางการเมียนมาก็มีมาตรการเข้มงวดในเรื่องนี้เช่นกัน
ทั้งนี้เชื่อว่า การจัดทำบันทึกข้อตกลง หรือ MOU เปิดทางให้แรงงานจากเมียนมา กัมพูชาและลาว เข้ามาในประเทศไทย เพราะเชื่อว่าจะทำให้สถานการณ์ลักลอบเข้าเมืองโดยผิดกฎหมายเบาลง แต่ทางนี้ก็ต้องรอการประเมินอีกครั้งตั้งแต่ 1 ธันวาคม เป็นต้นไป
สำหรับการสกัดกั้นการกระทำผิดกฎหมาย ตามที่ทาง สภาความมั่นคงแห่งชาติ ได้กำหนดการ สกัดกั้น 3 แนวทาง กล่าวคือ แนวที่ 1 บริเวณแนวชายแดน (พื้นที่ต้นน้ำ) , แนวที่ 2 พื้นที่หมู่บ้านชายแดน (พื้นที่กลางน้ำ) และ แนวที่ 3 พื้นที่ตอนใน (พื้นที่ปลายน้ำ)
แนวที่ 1 บริเวณแนวชายแดน หรือ พื้นที่ต้นน้ำ ฉก.จงอางศึก และ ตชด. เป็นหน่วยรับผิดชอบหลัก
โดยมีการดำเนินการ คือ 1.จัดตั้งจุดตรวจ แบบประจาที่ ตลอด 24 ชั่วโมง จำนวน 15 จุด และ จุดเฝ้าตรวจแบบไม่ประจำ และ 2.วางเครื่องกีดขวางปิดกั้น เช่น รั้วลวดหนาม, ประตูเหล็ก, ไม้ไผ่ (ขวาก) ทั้งในช่องทางหลัก จานวน 34 ช่องทาง และช่องทางธรรมชาติ จำนวน 8 ช่องทาง ที่ได้ร่วมบูรณาการจัดสร้างขึ้น ตั้งแต่เมื่อปี 2563
นายอานนท์ แสนน่าน ผู้ริเริ่มก่อตั้งหมู่บ้านเสื้อแดง และ อดีตประธานหมู่บ้านเสื้อแดงแห่งประเทศไทย เปิดเผยว่า พวกเราชาวอดีตหมู่บ้านเสื้อแดง 20 จังหวัดภาคอีสาน และ ประชาชนชาวจังหวัดอุดรธานี ปลื้มใจและดีใจเป็นอย่างยิ่งที่ทาง พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา หรือ “ลุงตู่” นายกรัฐมนตรี และ พล.อ.ประวิตร วงศ์สุวรรณ หรือ “ลุงป้อม” รองนายกรัฐมนตรี ที่เดินทางมาตรวจราชการในพื้นที่ของ “จังหวัดอุดรธานี” เปรียบเสมือน “ช้างเหยียบนา พญาเหยียบเมือง” ที่จะนำเอางบประมาณและความเจริญมาสู่จังหวัดอุดรธานี และ จังหวัดใกล้เคียง เพื่อพัฒนาชีวิตและความเป็นอยู่ของประชาชนให้ดีขึ้น เพราะที่ผ่านมาอุดรธานีต้องการพัฒนาในด้านต่าง ๆ หลายด้าน
โดยฉพาะแหล่งท่องเที่ยวทางธรรมะที่มีนักท่องเที่ยวทั้งชาวไทยและชาวต่างประเทศมาเยี่ยมชมกราบไหว้ขอพรกันเป็นจำนวนมาก เมื่อนายกรัฐมนตรีและคณะรัฐมนตรีได้เดินทางลงพื้นที่ก็จะทำให้ทราบถึงความต้องการในการพัฒนาด้านต่าง ๆ ได้เป็นอย่างดี และที่สำคัญการลงพื้นที่ทั้ง 3 จุดของนายกรัฐมนตรีฯ ในครั้งนี้ทำให้ประชาชนที่เดินทางมาต้อนรับดีใจมากที่ท่านนายกฯเป็นกันเองพูดคุย ทักทาย จับมือ ถ่ายรูป และ ให้ชาวบ้านผูกผ้าขาวม้ากอดเอวได้ เป็นภาพที่น่ารักของท่านนายกฯ จึงทำให้หลายๆ คน “รักนายกฯลุงตู่มากขึ้นกว่าเดิม” นอกจากนั้นแล้วทางท่าน พล.อ.ประวิตร วงศ์สุวรรณ หรือ “ลุงป้อม” รองนายกรัฐมนตรี ก็กันเองกับประชาชนที่เดินทางมาต้อนรับเดินมาทักทาย พูดคุย และ ขอบคุณประชาชนแทน “ลุงตู่”
นายอานนท์ กล่าวอีกว่า และสำคัญคนที่เชิญ “ลุงตู่” และ “ลุงป้อม” 2 ป ลงพื้นที่ตรวจราชการจังหวัดอุดรธานีในครั้งนี้ ตนต้องยกความดีและขอขอบคุณ ดร.เสกสกล อัตถาวงศ์ ผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำนายกฯ (พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา) ที่ประสานงานและเลือกจังหวัดอุดรธานีเป็นจุดลงตรวจงานของนายกฯพร้อมคณะ ที่อยากจะให้มาพบกับกลุ่มวิสาหกิจชุมชนที่เคยเป็นอดีตหมู่บ้านเสื้อแดง และเปลี่ยนมาเป็นหมู่บ้านวิสาหกิจชุมชน จนสร้างงาน สร้างอาชีพภายในกลุ่มได้เป็นอย่างดี และตนหวังอย่างยิ่งว่าอยากจะให้จังหวัดอุดรธานีเป็นโมเดลในการสลายสีเสื้อ ไม่ต้องมีสีแดง สีเหลือง หรือ สีอื่น ๆ แต่พวกเราต้องการที่จะให้มีอย่างเดียวคือ การรักชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์ ตามปณิธานและความต้องการของ “นายกลุงตู่” เพราะท่านเป็นชายชาติทหารมีความจงรักภักดีต่อสถาบันพระมหากษัตริย์ ไม่เคยคิดคดทรยศ หรือ โก่งกินบ้านเมืองแต่อย่างใด
นายธนกร วังบุญคงชนะ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม พอใจภาพรวมการฉีดวัคซีนป้องกันโควิด-19 โดยยอดรวมการให้บริการวัคซีนสะสมอยู่ที่ 93,929,601 โดส เข็มที่ 1 สะสม 48,594,537 โดส เข็มที่ 2 สะสม 41,827,020 โดส เข็มที่ 3 สะสม 3,490,779 โดส และเข็มที่ 4 สะสม 17,265 โดส ซึ่งเป็นการดำเนินการตั้งแต่วันที่ 28 กุมภาพันธ์ – 1 ธันวาคม 2564 ซึ่งเข้าใกล้เป้าหมายของรัฐบาลที่วางไว้ให้มีการฉีดวัคซีน 100 ล้านโดส ภายในปี 2564 นี้ ขณะเดียวกัน ความคืบหน้าในการฉีดวัคซีนป้องกันโควิด-19 ให้แก่กลุ่มนักเรียน นักศึกษา ที่มีอายุ 12 – 18 ปี ตั้งแต่วันที่ 4 ตุลาคม – 30 พฤศจิกายน 2564 แล้ว กว่า 5,836,791 โดส มากกว่าจำนวนที่เคยได้แจ้งความสมัครใจไว้
โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า นายกรัฐมนตรียังได้เตรียมจัดหาวัคซีนเพิ่มเติมสำหรับปี 2565 โดยมอบหมายให้กระทรวงสาธารณสุข ติดตามการพัฒนาวัคซีนเพื่อเจรจาเพิ่มเติมกับบริษัทผู้ผลิตวัคซีนเพื่อให้ไทยสามารถเปลี่ยนสูตรวัคซีนและนำเข้าเป็นวัคซีน Gen ใหม่ ได้ ควบคู่ไปกับการพันาและผลิตวัคซีนเองภายในประเทศ อาทิ วัคซีน ChulaCov19 และ วัคซีนใบยา (Baiya) เพื่อให้มีประสิทธิภาพในการป้องกันไวรัสโควิด-19 สายพันธุ์ใหม่ๆ ที่มีการกลายพันธุ์ ได้รวมทั้ง โอไมครอน
พ.ต.อ.หญิง วิชญ์ชยากร ณิชาบวร รองโฆษกสำนักงานตำรวจแห่งชาติ เปิดเผยว่า
ตามที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ ได้จัดโครงการ “อุปสมบทหมู่เฉลิมพระเกียรติ เพื่อน้อมเกล้าน้อมกระหม่อมอุทิศถวายเป็นพระราชกุศลแด่พระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร รัชกาลที่ 9 เนื่องในโอกาสวันคล้ายวันพระบรมราชสมภพและวันพ่อแห่งชาติ 5 ธันวาคม 2564” ณ วัดเทพศิรินทราวาส ระหว่างวันที่ 26 พ.ย.ถึง 15 ธ.ค.64 นั้น
วันพุธที่ 1 ธ.ค.64 พล.ต.อ.ปิยะ อุทาโย รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ เป็นประธาน
ในพิธีอุปสมบทหมู่เฉลิมพระเกียรติฯ ณ วัดเทพศิรินทราวาส เขตป้อมปราบศัตรูพ่าย กรุงเทพมหานคร
โดยมีผู้บังคับบัญชาของสำนักงานตำรวจแห่งชาติ และข้าราชการตำรวจเข้าร่วมพิธีฯ ซึ่งมีกำหนดการ ดังนี้...
• เวลา 16.30 น. พิธีถวายราชสักการะและเจริญพระพุทธมนต์สมโภชนาค ณ มณฑลพิธีลานพระศรีมหาโพธิ์ วัดเทพศิรินทราวาส
• เวลา 17.30 น. - พิธีมอบบาตรและผ้าไตร ณ มณฑลพิธีลานพระศรีมหาโพธิ์ วัดเทพศิรินทราวาส
• เวลา 18.00 น. - พิธีบรรพชาและอุปสมบท ณ พระอุโบสถวัดเทพศิริน
ทราวาส