Saturday, 10 May 2025
NEWS FEED

'ศ.นพ.นิธิ' ชี้ ต้องจับตา Omicron อย่างใกล้ชิด อย่าตระหนกเกินเหตุ ย้ำ!! ต้องสวมหน้ากาก - ล้างมือ - เว้นระยะห่าง

เรียกได้ว่ากลายเป็นข่าวระทึกโลกส่งท้ายปี 2021 กันเลยก็ว่าได้ สำหรับข่าวการค้นพบโควิด-19 สายพันธุ์ ‘Omicron (B.1.1.529)’ ซึ่งพบในแอฟริกาใต้ และขยายวงพบเจอในหลายประเทศ เช่น สหราชอาณาจักร, เบลเยียม, เยอรมนี, อิตาลี, สาธารณรัฐเช็ก, ออสเตรเลีย, ฮ่องกง, เนเธอร์แลนด์, แคนาดา และล่าสุดกับสิงคโปร์ 

ปัจจุบันมีข้อมูลเพียงว่า โควิด-19 สายพันธุ์โอไมครอนนี้มีการกลายพันธุ์หลายตำแหน่งที่สุดเท่าที่เคยมีการค้นพบ แต่ยังไม่มีความชัดเจนในเรื่องของความรุนแรงของโรค ยังอยู่ระหว่างการศึกษา 

เกี่ยวกับเรื่องนี้ ศ.นพ.นิธิ มหานนท์ เลขาธิการราชวิทยาลัยจุฬาภรณ์ และอธิการบดีวิทยาลัย วิทยาศาสตร์การแพทย์เจ้าฟ้าจุฬาภรณ์ (ววจ.) ได้เผยถึงความเข้าใจต่อโควิดสายพันธุ์ Omicron กับ THE STATES TIMES ผ่านรายการ Click on Clear THE TOPIC EP.96 เมื่อวันที่ 29 พ.ย. 64 ไว้อย่างน่าสนใจ ว่า...

การแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิดในปัจจุบัน ภายใต้สถานการณ์ของวัคซีนที่ยังฉีดกันไม่ทั่วถึงทั้งโลก ก็จะยังคงมีการกลายพันธุ์ให้เห็นอยู่เรื่อย ๆ ซึ่งโควิดเองก็มีการกลายพันธุ์ซ้ำหลายหน เช่นเดียวกันกับสายพันธุ์ล่าสุดอย่าง Omicron ที่ในความเป็นจริงอาจจะเกิดขึ้นมานานแล้ว แต่เราเพิ่งจะรู้จักมันเท่านั้น

อย่างไรก็ตาม หากมองสายพันธุ์ Omicron ที่เป็นข่าวอยู่ตอนนี้ ก็ไม่ได้ระบาดทั่วทั้งโลก และเท่าที่ทราบ คือ ต้นตออย่าง ‘แอฟริกาใต้’ ผู้คนที่ติดเชื้อก็ยังมีอาการไม่หนักมากนัก ฉะนั้นอย่าพึ่งตื่นตระหนก!! เพียงแต่ต้องเฝ้าระวัง ซึ่งตอนนี้หลายๆ ประเทศก็มีการเฝ้าระวังดูแลอย่างใกล้ชิด เช่นเดียวกันกับในประเทศไทย 

ทั้งนี้ เริ่มมีคำถามว่า วัคซีนและยาจะยังมีประโยชน์หรือไม่? เพราะหลายคนกังวลว่าจะรับมือ Omicron ไม่ได้ดีเท่ากับไวรัสรุ่นแรก ๆ แต่อยากให้เชื่อมั่นว่าวัคซีนที่มีอยู่ในตลาดยังมีประสิทธิภาพในการป้องกันอาการป่วยหนักได้ดีอยู่ ขณะเดียวกันไวรัสส่วนใหญ่ มักจะอ่อนแอลงไปตามธรรมชาติ และวัคซีนมี่ผลิตออกมาก็ทำได้เพียงวิ่งตามการกลายพันธุ์ของไวรัส ดังนั้นวิธีที่ดีที่สุดคือการป้องกัน

ศ.นพ.นิธิ เผยอีกว่า ตอนนี้สิ่งที่คนไทยต้องตระหนัก คือ วัคซีนประจำตัว ได้แก่...
1.) การใส่หน้ากากอนามัยตลอดเวลา ช่วยให้ไม่แพร่เชื้อจากเราไปให้คนอื่นด้วยนอกจากที่จะรับเชื้อมา
2.) การอยู่ในที่ที่อากาศถ่ายเท และการรักษาระยะห่าง ควรมีความเคร่งครัดมากขึ้น และมีสติมากขึ้น
3.) ใครที่ยังไม่ได้รับวัคซีน หรือถึงเวลาได้รับเข็มกระตุ้นแล้ว ก็ควรเร่งเข้ารับวัคซีน

ดราม่า​ 'บวชจนรวย'​ สะท้อนความอคติสังคมไทย อย่าทำร้ายใครเพียงเพราะเห็นตรงกันข้าม

หลังจาก​ 'พระมหาไพรวัลย์'​ ได้เตรียมจ่อฟ้อง​ 'สื่อดัง'​ หลังถูกกล่าวหาบวชจนรวย​หมื่นล้าน มีเงินดั่งมหาเศรษฐีไปก่อนหน้านี้นั้น

ล่าสุด​ 'พระมหาไพรวัลย์'​ ได้โพสต์ข้อความลงเฟซบุ๊ก​ 'ไพรวัลย์​ วรรณบุตร'​ เกี่ยวกับเรื่องนี้​ ว่า... 

จะชอบจะชังอาตมาไม่ว่า แต่อย่าทำร้ายกันด้วยความเท็จที่ไม่จริงเลย อย่าเป็นเหยื่อของความเกลียดชัง อย่าเป็นเหยื่อของความอคติ อย่าทำร้ายใครเพียงเพราะเขาเห็นตรงกันข้ามกับเรา อาตมาจะรอการขอโทษอย่างเป็นทางการนะ แล้วอาตมาจะยุติการดำเนินคดี

'พระมหาสมปองฯ'​ กำหนดสึก​ 3​ พ.ย. 66 ตรงวันคล้ายวันเกิด 45 ปี

(29 พ.ย.64)​ พระมหาสมปอง ตาลปุตฺโต กล่าวถึงการลาสิกขาบทของตัวเองว่า... 

เตรียมลาสึกเช่นกัน โดยกำหนดมานานแล้ว แต่ได้เลื่อนไปก่อน เพราะต้องเรียน ทำงานและญาติโยมยังนิมนต์ 

ส่วนที่อาตมาต้องสึกส่วนหนึ่งต้องดูแลโยมแม่ และส่วนหนึ่งมาจากเรื่องท่านเจ้าคุณ แต่ไม่ร้อยเปอร์เซ็นต์เหมือนพระมหาไพรวัลย์ โดยอาตมายังมีพี่สาวช่วยดูแลโยมแม่อยู่ แต่พระมหาไพรวัลย์ไม่มีใครดูแลโยมแม่ ซึ่งก่อนหน้านี้เคยพูดและกำหนดไว้แล้ว จะสึกในวันที่ 3 พ.ย. 2566 ซึ่งเป็นวันเกิดของอาตมา อายุครบ 45 ปี 

"สุเทพ"  มั่นใจใช้ข้อเท็จจริงสู้คดีทุจริตโรงพัก 396 แห่ง มั่นใจ ทำตามมติ ครม.ยันไม่ได้ยุ่งการจัดซื้อจัดจ้าง ตั้งข้อสังเกตเหตุใด ป.ป.ช.ฟ้องเอง เพราะอัยการสั่งไม่ฟ้อง

ที่ศาลฎีกาแผนกคดีอาญาผู้ดำรงแหน่งทางการเมือง   นายสุเทพ เทือกสุบรรณ อดีตรองนายกรัฐมนตรี ได้เดินมาศาลฏีกาแผนกอาญาผู้ดำรงตำแหน่งการเมือง สนามหลวง ตามนัด ที่ป.ป.ช.ส่งตัวฟ้องศาล  กรณียื่นฟ้องในคดีทุจริตสร้างสถานีตำรวจ 396 แห่งทั่วประเทศ และแฟลตตำรวจ 163 หลัง  รวมมูลค่าความเสียหายกว่า 5,200 ล้านบาท 

โดยนายสุเทพยืนยันต่อสู้คดีด้วยข้อเท็จจริง และชี้ว่าถือเป็นโอกาสดีที่จะได้ชี้แจงข้อกล่าวหาการทุจริตโครงการก่อสร้างสถานีตำรวจ หลัง ป.ป.ช.สอบสวนคดีมานายนับ 10 ปี ส่งผลต่อชื่อเสียง ทั้งที่ได้ต่อสู้เรื่องต้านการทุจริตมาตลอด แต่มาถูกกล่าวหาการทุจริตเสียเอง  และยืนยันข้อต่อสู้คดีว่าไม่ได้กระทำการใดที่ผิดจากมติ ครม. 

และการสั่ง การและ พิจารณาต่างๆ อยู่บนพื้นฐานของข้อกฎหมายระเบียบปฏิบัติ ในฐานะที่กำกับดูแล สำนักงานตำรวจแห่งชาติ ได้ตัดสินใจในแง่ของนโยบาย การปฎิบัติตามอำนาจหน้าที่ และไม่ได้เข้าไปยุ่งเกี่ยวกับกระบวนการจัดซื้อจัดจ้าง โดยอนุมัติตามที่มีการเสนอได้ในราคาต่ำกว่าราคากลางกว่า 500 ล้านบาท ซึ่งเจ้าหน้าที่แต้งง่าผ่านการประมูลชอบตามกฎหมายแล้วจึงได้ลงนาม ซึ่งพิสูจน์ได้ว่าไม่ได้เอื้อประโยชน์อะไรกับบริษัท การสร้างสถานีตำรวจไม่แล้วเสร็จเป็นเรื่องของการบริหารจัดการของสำนักงานตำรวจแห่งชาติ

'ไบเดน' รับหวั่น!! Omicron​ แต่ยังไงก็ไม่ล็อกดาวน์ แนะ!! ปชช.สหรัฐฯ​ อย่าตื่นตระหนกเกินเหตุ 

ประธานาธิบดีโจ ไบเดน แห่งสหรัฐฯ เผย​ ตัวกลายพันธุ์ไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ Omicron​ เป็นบ่อเกิดแห่งความกังวล แต่แนะพลเมืองอเมริกาอย่าได้ตื่นตระหนก และเผยว่าอเมริกากำลังจัดทำแผนฉุกเฉินกับบริษัทยาทั้งหลายหากว่าวัคซีนใหม่มีความจำเป็น

ไบเดนระบุว่าสหรัฐฯ​ จะไม่กลับเข้าสู่มาตรการล็อกดาวน์เพื่อหยุดการแพร่ระบาดของ​ Omicron​ และจะเปิดตัวกรอบยุทธศาสตร์ในวันพฤหัสบดี​ (2 ธ.ค. 64) สำหรับต่อสู้กับโรคระบาดใหญ่ในช่วงฤดูหนาว พร้อมเรียกร้องประชาชนเข้ารับวัคซีน ฉีดเข็มกระตุ้นและสวมหน้ากาก

"ตัวกลายพันธุ์นี้เป็นบ่อเกิดแห่งความกังวล แต่ไม่ได้ก่อความตื่นตระหนก" ไบเดนกล่าวที่ทำเนียบขาว หลังประชุมร่วมกับคณะทำงานด้านโควิด-19 ของเขา "เรากำลังจะสู้และเอาชนะตัวกลายพันธุ์ใหม่นี้" ไบเดนระบุ

ทั้งนี้​ Omicron​ กำลังกระตุ้นให้ประเทศต่าง ๆ​ ทั่วโลก รวมถึงสหรัฐฯ จำกัดการเดินทางจากภูมิภาคทางใต้ของทวีปแอฟริกา หลังจากพบไวรัสตัวดังกล่าว ผนวกกับในวันจันทร์​ (29 พ.ย.) องค์การอนามัยโลกเตือนว่า​ Omicron​ มีความเสี่ยงสูงมากที่จะทำให้เกิดการติดเชื้อพุ่งพรวดขึ้นในหมู่นานาประเทศ แม้จนถึงตอนนี้จะยังไม่พบผู้เสียชีวิตที่เชื่อมโยงกับตัวกลายพันธุ์ล่าสุดของไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ดังกล่าวก็ตาม

ทั้งนี้ ประธานาธิบดีไบเดน​ ยอมรับว่า​ เป็นสิ่งที่หลีกเลี่ยงไม่ได้ที่เคสผู้ติดเชื้อ​ Omicron​ จะเกิดขึ้นในสหรัฐฯ แต่ เจน ซากี โฆษกทำเนียบขาวยืนยันว่าตัวกลายพันธุ์นี้ไม่ควรเป็นสาเหตุให้ชาวอเมริกันชนเปลี่ยนแผนการเดินทางช่วงวันหยุดยาว ตราบใดที่พวกเขาฉีดวัคซีนแล้วและสวมหน้ากาก

ไบเดนเชื่อว่าวัคซีนที่มีอยู่ในปัจจุบันจะยังคงปกป้องการติดเชื้ออาการรุนแรง แต่ระบุรัฐบาลของเขากำลังทำงานร่วมกับบรรดาผู้ผลิตวัคซีน ไม่ว่าจะเป็นไฟเซอร์, โมเดอร์นา​ และจอห์นสันแอนด์จอห์นสัน เพื่อร่างแผนฉุกเฉิน

"ในกรณีที่...ซึ่งหวังว่าจะไม่เป็นเช่นนั้น วัคซีนรุ่นอัปเดตหรือเข็มกระตุ้นมีความจำเป็นสำหรับตอบโต้ตัวกลายพันธุ์ใหม่นี้ เราจะเร่งพัฒนามันและใช้งานมันร่วมกับทุกเครื่องไม้เครื่องมือที่สามารถหยิบหาได้" เขากล่าว พร้อมระบุว่าเขาจะสั่งการไปยังสำนักงานอาหารและยาแห่งสหรัฐฯ​ (เอฟดีเอ) และศูนย์ควบคุมและป้องกันโรคแห่งชาติสหรัฐฯ​ (ซีดีซี) เพื่อให้วัคซีนเหล่านี้หยิบหาได้โดยเร็วที่สุด

“อลงกรณ์” เสนอยกระดับสถาบันอาหารเป็นองค์การอาหารแห่งชาติ (National Food Organization) ชี้ปี 2565 คือปีแห่งโอกาสของอุตสาหกรรมอาหาร หลังตัวเลขส่งออกสินค้าเกษตรโตต่อเนื่อง

นายอลงกรณ์ พลบุตร ที่ปรึกษารัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ร่วมเสวนาภายใน งาน NFI Talk ครั้งที่ 1 “เดินหน้าอุตสาหกรรมอาหารประเทศไทย ปี 2565” ในวาระครบรอบ25ปีของสถาบันอาหาร (National Food Institute)โดยมี ดร.พจน์ อร่ามวัฒนานนท์ รองประธานกรรมการหอการค้าไทย และประธานคณะกรรมการแรงงานและพัฒนาฝีมือแรงงาน  นางอนงค์ ไพจิตรประภาภรณ์ ผู้อำนวยการสถาบันอาหาร ตลอดจนแขกผู้มีเกียรติและทุกภาคส่วนที่มีส่วนเกี่ยวข้องเข้าร่วมในงานเสวนาผ่านระบบ ZOOM โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อทบทวนสถานการณ์ที่มีต่อประเด็นท้าทายใหม่ๆ ในการเดินหน้าอุตสาหกรรมอาหารประเทศไทยปี 2565 และในอนาคต และจุดประกายแนวคิดในดำเนินธุรกิจและปรับกลยุทธ์องค์กรพร้อมรับกับการเปลี่ยนแปลงสภาวะแวดล้อมทางธุรกิจในโลกยุค Next normal

โดยการเสวนามีประเด็นในหัวข้อการดำเนินงานเพื่อพัฒนาอุตสาหกรรมเกษตรและอาหารของประเทศไทยในช่วงที่ผ่านมา และบทบาทของภาครัฐต่อทิศทางและเป้าหมายในการขับเคลื่อนภาคเกษตรและอาหารของประเทศไทยในปี 2565 และระยะ 3-5 ปีข้างหน้า ปัญหาอุปสรรคในการดำเนินงานของภาคธุรกิจ กลยุทธ์การแข่งขันและการปรับตัวของภาคอุตสาหกรรมอาหารในโลกยุคหลังโควิด-19 และสภาวะแวดล้อมทางธุรกิจและแนวโน้มอุตสาหกรรมอาหารปี 2565 เทรนด์ธุรกิจโลกหลังยุคโควิด-19 และโอกาสผู้ประกอบการอุตสาหกรรมอาหารไทย ผลสำเร็จที่เป็นรูปธรรมจากการดำเนินงานของภาครัฐเพื่อพัฒนาอุตสาหกรรมเกษตรและอาหารของประเทศไทยในช่วงที่ผ่านมา และทิศทางและเป้าหมายในการขับเคลื่อนภาคเกษตรและเกษตรแปรรูปของประเทศไทยปี 2565

นายอลงกรณ์ กล่าวว่าแม้จะเผชิญกับปัญหาและอุปสรรคจากมาตรการปัองกันการแพร่ระบาดโควิด-19 ของประเทศคู่ค้าแต่ด้วยการขับเคลื่อนปฏิรูปภาคการเกษตรด้วยนโยบายเกษตรผลิตพาณิชย์ตลาดตามยุทธศาสตร์ตลาดนำการผลิตซึ่งเป็นการทำงานร่วมกันระหว่างกระทรวงเกษตรและสหกรณ์โดย ดร.เฉลิมชัย ศรีอ่อน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์และกระทรวงพาณิชย์ โดยนายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฎ์ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีพาณิชย์บนความร่วมมือกับทุกภาคส่วนโดยเฉพาะสถาบันอาหาร กระทรวงอุตสาหกรรม สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย หอการค้า สภาหอการค้าแห่งประเทศไทย สถาบันเกษตรกรและภาควิชาการเพื่อยกระดับขีดความสามารถในการแข่งขันของภาคการเกษตรไทยทำให้การส่งออกสินค้าเกษตรและเกษตรอุตสาหกรรมขยายตัวแบบต่อเนื่องและส่งแรงดันต่อไปถึงปีหน้าสะท้อนผลสำเร็จจากตัวเลขการส่งออกสินค้าเกษตร 10 เดือน (ม.ค.-ตุลาคม) มีมูลค่าถึง 677,955 ล้านบาท เติบโต24.5 %และเป็นการขยายตัวต่อเนื่อง 12 เดือนเฉพาะเดือนตุลาคมส่งออก66,048 ล้านบาทขยายตัว 22 %

ในขณะที่การส่งออกสินค้าเกษตรอุตสาหกรรม 10 เดือนมีมูลค่า494,220 ล้านบาท เพิ่มขึ้น3.8 %และขยายตัวต่อเนื่อง 8 เดือนติดต่อกันโดยเฉพาะเดือนตุลาคมส่งออก56,543 ล้านบาทขยายตัว13 % อันเป็นผลมาจากการบริหารจัดการในมิติใหม่ได้แก่

การปฏิรูปการบริหารราชการแผ่นดินและการบริการประชาชนของกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ การพัฒนาภาคเกษตรกรรมโดยการใช้เทคโนโลยีตลอดห่วงโซ่อุปทานและมูลค่า(Supply-Value Chain)ตั้งแต่การผลิตจนถึงการตลาด การบริหารเชิงรุกแบบบูรณาการกับทุกภาคส่วนและการส่งเสริมการแปรรูปสร้างมูลค่าเพิ่มสินค้าเกษตร รวมถึงการส่งเสริมการค้าแบบออนไลน์และออฟไลน์ การพัฒนาตลาดกลางสินค้าเกษตร การขับเคลื่อนระบบPre order ระบบประกันสินค้า ระบบตรวจสอบย้อนกลับ(Traceability)และการสร้างแบรนด์สินค้าเกษตร(Branding)ตลอดจนการพัฒนาคุณภาพและและมาตรฐานสินค้าเกษตร

และการสนับสนุนส่งเสริมสินค้าใหม่ๆและตลาดใหม่ๆที่มีศักยภาพเช่น อาหารแห่งอนาคต(Future food) อาหารฮาลาล(Halal food)และโปรตีนทางเลือกใหม่จากพืชและแมลง ประการสำคัญคือการพัฒนาโลจิสติกส์อย่างต่อเนื่องจนสามารถเปิดด่านการส่งออกผลไม้ระหว่างไทยกับจีนที่ผ่านประเทศที่ 3 ได้สำเร็จเพิ่มเป็น 16 ด่าน และการเตรียมความพร้อมในการใช้เส้นทางรถไฟจีน-ลาว-ไทยขนส่งสินค้าไปทุกมณฑลของจีนและเชื่อมโยงไปเอเซียกลาง เอเซียใต้ ตะวันออกกลางและ ยุโรป

 

คนสิทธิฯ ลุยมหาชัย ศึกษาคุณภาพชีวิตแรงงานข้ามชาติ ด้าน “ผอ.สมพงษ์” วอนคนไทยหยุด!แบ่งแยกเป็นพลเมืองชั้นรอง ให้ดูที่ศักยภาพ

นายณรงค์  รักร้อย ผู้ว่าราชการจังหวัดสมุทรสาคร ให้การต้อนรับนางประกายรัตน์ ต้นธีรวงศ์ อดีตกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ นางสาวรตญา กอบศิริกาญจน์ รองเลขาธิการคณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ นายณัฐพงศ์ รอดมี ผู้อำนวยการสำนักบริการวิชาการ สถาบันพระปกเกล้า และนักศึกษาหลักสูตร ประกาศนียบัตรสิทธิมนุษยชนสำหรับนักบริหารระดับสูง (ปสม) รุ่นที่ 2 ในการลงพื้นที่ศึกษาดูงาน ณ มูลนิธิเครือข่ายคุณภาพชีวิตแรงงาน(LPN) อ.เมือง จังหวัดสมุทรสาคร 

ทั้งนี้ มีเวทีเสวนาหัวข้อ “การยกระดับคุณภาพชีวิตแรงงานกับสิทธิมนุษยชนที่จับต้องได้” โดย นายวันชัย สาครมณีรัตน์ จัดหางานจังหวัดสมุทรสาคร นายสมพงษ์ สระแก้ว ผู้อำนวยการมูลนิธิเครือข่ายส่งเสริมคุณภาพชีวิตแรงงาน(LPN) คุณดาวเรือง เลขวรนันท์ ที่ปรึกษา บริษัท ซีแอลเอ็มวี สมาร์ท เวิร์คเกอร์ จำกัด และคุณ Ko Ko Naing ผู้แทนแรงงานต่างด้าวจังหวัดสมุทรสาคร ร่วมเสวนา 

นายสมพงษ์ สระแก้ว กล่าวว่า ทางมูลนิธิเครือข่ายคุณภาพชีวิตแรงงาน (LPN ) มีเป้าหมาย คือการพัฒนาคุณภาพชีวิตแรงงานข้ามชาติ ส่งเสริมการรับรู้และเข้าถึงสิทธิ์ที่พึงจะได้รับ แรงงานข้ามชาติและผู้ติดตามมีศักดิ์ศรีและคุณค่าความเป็นมนุษย์ทัดเทียมคนไทย จึงอยากให้คนไทยเปลี่ยนความคิด เปลี่ยนมุมมอง ที่ว่ากลุ่มแรงงานข้ามชาติเป็นพลเมืองชั้นรองของสังคม

 

‘จีน’ ยัน มาถูกทาง ตั้งการ์ดสูงคุมโควิด ชี้ หากรีบเปิดพรมแดน เสี่ยงติดเชื้อ 6 แสนคน/วัน

คิดถูกแล้วที่ยังไม่เปิดประเทศ จีนยันนโยบาย Zero-Covid มาถูกทางแล้ว หากรีบเปิดพรมแดนมีสิทธิ์เจอการระบาดระลอกใหญ่มากกว่า 6 แสนคนต่อวัน 

นักคณิตศาสตร์ แห่งมหาวิทยาลัยปักกิ่งเตือนว่า จีนยังไม่พร้อมที่จะเปิดประเทศในเวลานี้ หากฝืนเปิดพรมแดนอาจเสี่ยงที่จะเจอการระบาดระลอกยักษ์ ที่มีผู้ติดเชื้อสูงถึง 6.3 แสนคนต่อวันได้

ข้อสันนิษฐานนี้ มีการรับรองและตีพิมพ์ในวารสาร China CDC Weekly โดยกรมควบคุมโรคของจีน จากการศึกษาข้อมูลของทีมอาจารย์ภาควิชาคณิตศาสตร์แห่งมหาวิทยาลัยปักกิ่ง ที่ไม่เห็นด้วยกับการเริ่มผ่อนคลายมาตรการสกัดการระบาด Covid-19 ให้เป็นศูนย์ หรือ Zero-Covid Policy และพิจารณาแผนการเปิดเมือง เปิดประเทศตามชาติตะวันตก

หากจีนจะเปิดประเทศได้อีกครั้ง ต้องแน่ใจว่าฉีดวัคซีนครบโดส ครอบคลุมประชากรเป้าหมายเรียบร้อย และมีการเตรียมพร้อมด้านการแพทย์อย่างเหมาะสมแล้วเท่านั้น เพื่อรับมือหากเกิดคลื่นการระบาดระลอกใหม่หลังเปิดประเทศอย่างในสหรัฐอเมริกา อังกฤษ สเปน หรือฝรั่งเศส

เป็นเวลาเกือบ 2 ปีแล้ว ตั้งแต่จีนพบการระบาดของเชื้อ Covid-19 เป็นที่แรกของโลกที่เมืองอู่ฮั่น ก็ได้ใช้นโยบาย Zero-Covid Policy ปิดเมืองเข้มทุกที่ที่พบการระบาดมาตลอด จนสามารถสกัดการระบาดได้สำเร็จภายในระยะเวลาเพียงแค่ 3 เดือน ก็กลับมาเปิดเมืองได้อีกครั้ง และเชื่อมั่นว่าเป็นวิธีที่ได้ผลที่สุดในการสกัดการระบาดเพิ่มเป็นวงกว้างได้ 

แต่โมเดลการควบคุมโรคของจีน ไม่สามารถใช้ได้กับทุกที่ในโลก อย่างกลุ่มประเทศเสรีนิยมตะวันตก ที่การจำกัดการเดินทาง หรือกักบริเวณถือเป็นการลิดรอนสิทธิเสรีภาพขั้นพื้นฐานของมนุษย์ จึงมักพบข่าวการประท้วงอย่างรุนแรงเมื่อรัฐบาลใช้มาตรการล็อกดาวน์อยู่บ่อย ๆ

Apple ซุ่มเงียบ พัฒนารถยนต์ไร้คนขับ ตั้งเป้าเปิดตัวเต็มรูปแบบภายในปี 2025

สำนักข่าว Bloomberg รายงานว่า Apple นั้นกำลังเร่งมือกับโปรเจกต์รถยนต์อย่างเต็มที่ และเล็งไปที่ก้าวต่อไปอย่าง ยานยนต์ไร้คนขับ แบบเต็มรูปแบบ (Fully Autonomous Vehicle) โดยมีแผนจะเปิดตัว รถยนต์ไฟฟ้าอัตโนมัติ ภายในปี 2025

ก่อนหน้านี้ มีข่าวลือหนาหูมากว่า Apple ให้ความสนใจที่จะผลิต ยานยนต์ไร้คนขับ แบบจริงจัง โดยมีข้อมูลเป็นจำนวนมากที่ระบุว่า Apple ได้เริ่มเดินหน้าคุยกับทางผู้ผลิตรถยนต์หลายยี่ห้อ เพื่อที่จะนำเทคโนโลยีจากแบรนด์รถยนต์ต่าง ๆ มาพัฒนาและต่อยอด Project Titan และยานยนต์ของบริษัท

ปัจจุบัน Apple ได้แต่งตั้งและมอบหมายงานด้านยานยนต์และรถยนต์ไร้คนขับให้กับทาง Kevin Lynch ผู้บริหารด้านซอฟต์แวร์ของ Apple Watch เป็นผู้ดูแล โดยวางแผนว่าโปรเจกต์จะสำเร็จภายในเวลา 4 ปี

คอนเซปต์ยานยนต์ไร้คนขับที่ Apple ตั้งใจจะพัฒนานั้น มีประมาณนี้

เป็นรถที่ไม่มีพวงมาลัย

ไม่มีคันเร่ง

ภายในจะถูกออกแบบให้ผู้นั่งได้รับความสะดวกสบายมากที่สุด คล้ายกับรถของ Canoo Inc.

มาพร้อมแผงหน้าจอสัมผัส คล้ายกับมี iPad ขนาดใหญ่ อยู่ที่แผงคอนโซลของรถ ใช้แทนพวงมาลัยและคันเร่ง

ที่นั่งโค้ง นั่งสบายสไตร์รถลีมูซีน

มาพร้อมกับโหมดฉุกเฉิน ให้ผู้นั่งสามารถดึงการควบคุมคืนจาก AI ได้ในกรณีเกิดเหตุการณ์ที่ไม่คาดคิดขึ้น

ไทยรักษา แจงภาพ ‘ร้านราดหน้า’ ไม่รับสลิ่ม ยันภาพหลานเจ้าของร้าน โดนตัดแปะข้อความ

เพจ ‘ไทยรักษา’ ได้โพสต์ข้อความ ระบุว่า จากที่มีภาพข้อความ ของร้านราดหน้า ที่ศรีราชา ชลบุรี ประกาศว่าไม่รับลูกค้าสลิ่ม พร้อมกับชู "สามนิ้ว" ด่าสลิ่มอย่างหยาบคาย ที่ถูกแชร์อยู่ตามกลุ่มต่าง ๆ อยู่ในตอนนี้นั้น 

ตอนนี้เราได้ทราบแล้วว่า เป็นภาพของหลานเจ้าของร้านราดหน้านั้นเอง แต่อาศัยอยู่คนละบ้าน ซึ่งเจ้าของร้านเป็นคุณลุง มีอายุมากแล้ว และทางร้านไม่ได้เกี่ยวข้องกับข้อความในภาพ 

โดยทางเจ้าของร้าน ได้แจ้งกับไทยรักษาว่า ภาพที่มีการชู "สามนิ้ว" เป็นภาพของหลานเจ้าของร้านจริง แต่ข้อความที่ประกาศไม่รับลูกค้าสลิ่มนั้น เป็นข้อความตัดแปะ แล้วมีคนนำไปลงในกลุ่มเฟซบุ๊ก ทำให้ตอนนี้ร้านได้รับผลกระทบอย่างหนัก

ตอนนี้คุณลุงเครียดมาก เลยได้ไปแจ้งความไว้เป็นหลักฐาน เพราะในภาพตัดต่อมีข้อความพาดพิงถึงชื่อร้าน และถูกแชร์ให้เข้าใจผิดไปไกลแล้ว แม้แต่ลูกค้าประจำยังเข้าไปทักในเพจว่าจะแบนร้าน 

ขอออกตัวก่อนว่า โพสต์นี้ เราไม่ได้ต้องการมาแก้ตัวให้คนที่ชู "สามนิ้ว" ในภาพ เพราะเราไม่แคร์คนพวกนี้อยู่แล้ว ถึงจะเป็นการตัดต่อข้อความ แต่ภาพชูสามนิ้วก็คือภาพจริง 


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top