Saturday, 3 May 2025
THE STATES TIMES TEAM

บิ๊กโจ๊ก สั่งเซ็ทซีโร่เกาะหลีเป๊ะใหม่ หลังแผนที่ดาวเทียมทางทหารชี้ชัดบุกรุก 42 แปลงเตรียมเพิกถอน

พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ หักพาล รองผู้บัญชาการสำนักงานตำรวจแห่งชาติ (รอง ผบ.ตร.) ในฐานะประธานคณะกรรมการ ตรวจสอบข้อมูลและข้อเท็จจริงกรณีปัญหาข้อพิพาทในที่ดินที่เกี่ยวข้องกับชุมชนชาวเล เกาะหลีเป๊ะ จังหวัดสตูล ลงพื้นที่ประชุมตรวจติดตามความคืบหน้าการบังคับใช้กฎหมายและแก้ไขข้อพิพาทในที่ดินที่เกี่ยวข้องในชุมชนชาวเลเกาะหลีเป๊ะ และติดตามความคืบหน้าการบังคับใช้กฎหมายกรณีบุกรุกที่อุทยานฯ รุกล้ำที่ราชพัสดุ และความผิด พรบ.โรงแรมและ พรบ.ควบคุมอาคาร โดยมีนายชาตรี ณ ถลาง รองผู้ว่าราชการจังหวัดสตูล พร้อมด้วยหัวหน้าส่วนราชการ คณะกรรมการและเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องเข้าร่วมในครั้งนี้ ซึ่งความคืบหน้า ประธานคณะกรรมการ ตรวจสอบข้อมูลและข้อเท็จจริงกรณีปัญหาข้อพิพาทในที่ดินที่เกี่ยวข้องกับชุมชนชาวเล เกาะหลีเป๊ะ จังหวัดสตูล กล่าวว่า ขณะนี้การดำเนินคดีโรงแรมทั้งหมด 103 คดีเป็นโรงแรมทั้งหมดในพื้นที่ 100 กว่าโรงแรม ได้แจ้งดำเนินคดีแจ้งข้อกล่าวหาไปหมดแล้ว ยกเว้นโรงแรมที่ เป็นไปตามคำสั่งคสช. ซึ่งส่วนนี้ต้องให้ความเป็นธรรมเขา จำนวนสามสิบกว่าโรงแรมในส่วนของสำนวนทั้งหมดประมาณ 103 สำนวนจะดำเนินการสั่งคดีให้เสร็จสิ้นภายในสิ้นเดือนนี้

ส่วนของการบุกรุกตั้งแต่เรื่องการบุกรุกที่ดินของโรงแรม การก่อสร้างโรงแรมไม่ได้รับอนุญาต การต่อเติมสร้างอาคารต่าง ๆ โดยผิดกฎหมายไม่ได้รับอนุญาต เพราะฉะนั้นวันนี้การดำเนินการของที่ดินบนเกาะหลีเป๊ะหลักการต้องดำเนินตามกฎหมายเพราะว่าการใช้กฎหมายฉบับเดียวกัน จะสร้างความเป็นธรรมให้กับทุกคนบนเกาะหลีเป๊ะเพราะว่าทุกคนต้องอยู่ภายใต้กฎหมายฉบับเดียวกันและจากนี้ไปก็เป็นเรื่องการเพิกถอน ที่ต้องใช้เวลา โดยอธิบดีกรมที่ดินได้ตั้งคณะกรรมการฯ มาพิจารณายกเลิกเพิกถอนกรณีมีการออกเอกสารสิทธิ์โดยไม่ชอบ โดยอาศัยหลักฐานทั้งเอกสาร ดีเอสไอ และเอกสารจากกรมอุทยานแห่งชาติ 

ซึ่งวันนี้อยู่ในขั้นตอนการพิจารณา โดยวันนี้มาเพื่อเร่งกระบวนการต่าง ๆ ให้เร็วขึ้น และในส่วนของหลักฐานก็เพิ่มความชัดเจนให้มากขึ้น คือภาพถ่ายแผนที่ทางอากาศขณะนี้กรมแผนที่ทหารโดยเจ้ากรมแผนที่ทหารรับรองแล้ว ว่าภาพถ่ายทางอากาศมีการรับรองโดยเอกสารราชการโดยถูกต้อง ต้องกลับไปใช้พ.ศ. 2493 ถึง 2494 เพราะฉะนั้นมันจะชัดเจนว่าอันไหนควรเพิกถอน อันไหนไม่ควรเพิกถอน เพราะฉะนั้นในเอกสารทั้งหมดที่ทำรายงานทั้งหมดประมาณ 10,000 กว่าแผ่น พิจารณาให้เพิกถอนทั้งหมด 42 แปลง หมดทั้งเกาะ ในส่วนนี้ก็จะเซ็ทซีโร่ใหม่ ในส่วนของชาวบ้านที่จะทำกินก็ให้ดำเนินการไป ในส่วนของเอกชนที่จะเข้ามาเพื่อสร้างให้เกาะหลีเป๊ะมีความเจริญเป็นแหล่งท่องเที่ยวเอารายได้เค้าขอหลีเป๊ะก็ต้องว่าไปก็จะได้จัดสรรปันส่วนโดยส่วนนี้ก็จะเป็นของกรมอุทยานแห่งชาติในฐานะเจ้าของพื้นที่จากที่มีการ เพิกถอนหมดทั้งเกาะแล้วอันนี้ยึดหลักกฎหมาย

พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ หักพาล กล่าวเพิ่มเติมว่า ส่วนปัญหาทางเดินโรงเรียนและลงชายหาดที่เป็นข้อพิพาทนั้น แม้ขณะนี้ยังไม่เปิดเส้นทาง โดยในวันอังคารหน้านี้ตนจะลงพบเอกชน และติดตามปัญหาทางเดินสารธารณะพร้อมกับ กรมที่ดิน กรมอุทยาน กรมธนารักษ์ และในส่วนของนายอำเภอ ลงไปชี้แนวเขตทั้งหมด เพื่อให้จบและได้ออกเอกสารสิทธิ์ คือวันนี้ถามว่าทำไมมันสั่งสมมานาน อย่าลืมนะว่าผู้ว่าราชการจังหวัด ก็หนักใจต่างคนต่างอยู่ กรมอุทยานก็กรมนึง กรมที่ดินก็กรมนึง กรมธนารักษ์ก็กรมหนึ่ง เมื่อกรมธนารักษ์พร้อมแต่กรมที่ดินไม่พร้อม ด้วยเหตุนี้ทางนายกจึงได้ตั้งคณะกรรมการกลางขึ้นมาเพื่อเอาทุกกรม ไปดำเนินการได้มันจะได้เส็จ

นักแสดงหนุ่มรุ่นใหญ่!! 'บิณฑ์ บรรลือฤทธิ์' ชวนดารานักแสดงช่อง 7 และพุทธศาสนิกชน เข้าวัดทำบุญขอพร 'พระครูแจ้' ในวันอาสาฬหบูชา

ที่วัดบางพลีใหญ่กลาง ต.บางพลีใหญ่ อ.บางพลี จ.สมุทรปราการ นายบิณฑ์ บรรลือฤทธิ์ ดารานักแสดงชื่อดังและนักสังคมสงเคราะห์ พร้อมด้วย นายชนะพล สัตยา ดารานักแสดง ช่อง 7 สี และเหล่าเพื่อนดารานักแสดงร่วมในพิธีทำบุญตักบาตร ถวายเป็นพุทธบูชา เนื่องในวันอาสาฬหบูชาและเข้าพรรษา ประจำปี 2566 ณ วัดบางพลีใหญ่กลาง ต.บางพลีใหญ่ อ.บางพลี จ.สมุทรปราการ

โดยได้รับความเมตตา จากท่านพระครูปลัดสุวัฒนศีลคุณ (พระครูแจ้) เจ้าอาวาสวัดบางพลีใหญ่กลาง ประธานสงฆ์ พร้อมนำคณะสงฆ์วัดบางพลีใหญ่กลาง รับบิณฑบาตข้าวสาร อาหารแห้ง จากพุทธศาสนิกชน จากนั้น ท่านพระครูปลัดสุวัฒนศีลคุณ เจ้าอาวาสวัดบางพลีใหญ่กลาง ได้แสดงพระธรรมเทศนาเนื่องในวันอาสาฬหบูชา ต่อมานำคณะสงฆ์วัดบางพลีใหญ่กลาง ประกอบพิธีเจริญชัยมงคลคาถา 

โดยมี นายฉะโอด รุ่งเรือง อดีตนายก อบต.บางพลีใหญ่ และไวยาวัจกร นายโสภณ มหาบุญ รองนายก อบต.บางพลีใหญ่ นายภูมินันท์ ขวัญเมือง อดีตรอง ผอ.สพป.เขต 2 สมุทรปราการ พ.ต.อ.กรวัฒน์ หันประดิษฐ์ อดีตรอง ผบก.ชลบุรี ดร.วีร์สุดา รุ่งเรือง นายก อบต.บางพลีใหญ่ ข้าราชการตำรวจ สภ.บางพลี และข้าราชการพลเรือน ตลอดจนพุทธศาสนิกชนชาวจังหวัดสมุทรปราการ ร่วมในพิธี

และสำหรับในช่วงบ่าย เวลาประมาณ 14.00 น. คณะสงฆ์วัดบางพลีใหญ่กลาง ร่วมประกอบพิธีเจริญชัยมงคลคาถาสวดปาติโมกข์ เนื่องในวันอาสาฬหบูชา จากนั้น ในช่วงเวลา 17.00 น. คณะสงฆ์วัดบางพลีใหญ่กลาง พร้อมด้วยพุทธศาสนิกชนและเหล่าดารานักแสดง ร่วมประกอบพิธีเวียนเทียนรอบพระอุโบสถ เนื่องในวันอาสาฬหบูชา อีกทั้ง เพื่อความเป็นสิริมงคลแก่ตนเองและครอบครัวอีกด้วย

'พล.ต.อ.รอยฯ /ผอ.ศจร.ตร.' กำชับตำรวจจราจรทั่วประเทศเตรียมพร้อมดูแลประชาชน ที่เริ่มทยอยเดินทางกลับ อำนวยความสะดวกจราจร ขอ ปปช.ให้ความร่วมมือ ขับขี่ด้วยความไม่ประมาท และให้ใช้ความระมัดระวังในการขับขี่เป็นพิเศษเนื่องจากในห้วงนี้ มีฝนตกหนักและถนนเปียกลื่น

วันนี้ (1 ส.ค.66) พล.ต.อ.รอย อิงคไพโรจน์ รอง ผบ.ตร. ในฐานะผู้อำนวยการศูนย์บริหารงานจราจร สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ศจร.ตร.) เปิดเผยว่า พล.ต.อ.ดำรงศักดิ์ กิตติประภัสร์ ผบ.ตร. ได้สั่งการกำชับให้ดูแลอำนวยความสะดวกด้านการจราจรแก่พี่น้องประชาชนที่ใช้เส้นทางการจราจรในการเดินทางกลับหลังจากวันหยุดต่อเนื่อง โดยวันนี้เป็นวันหยุดวันที่ 5 แล้ว ทั้งประชาชนที่เดินทางกลับภูมิลำเนา และที่เดินทางออกไปท่องเที่ยวตามต่างจังหวัด ต่างเริ่มทยอยเดินทางกลับที่พัก ทำให้การจราจรมีปริมาณรถหนาแน่น สภาพการจราจรโดยรวมบนถนนสายหลักในหลายพื้นที่ติดขัดเป็นบางช่วง จึงกำชับตำรวจจราจรทั่วประเทศ พร้อมอำนวยความสะดวกจราจร ป้องกัน เเละลดอุบัติเหตุทางถนนของประชาชนในพื้นที่ ขอให้ประชาชนตรวจสอบความพร้อมของร่างกาย สภาพรถและตรวจสอบเส้นทางก่อนออกเดินทางเพื่อความปลอดภัย ประกอบกับมีประกาศเตือนของ กรมอุตุนิยมวิทยา เรื่อง ฝนตกหนักถึงหนักมาก ซึ่งวันที่ 1 – 2 ส.ค.2566 นี้มีฝนตกหนักเกือบทั้งประเทศ ซึ่งอาจจะทำเป็นปัจจัยเสี่ยงที่จะเกิดอุบัติเหตุทางถนนได้ เนื่องจากทัศนวิสัยในการขับขี่จะลดลงเนื่องจากสภาพอากาศที่มีฝนตกหนัก ถนนมีสภาพเปียกลื่น ขอให้พี่น้องประชาชนใช้ความระมัดระวังในการขับขี่เป็นพิเศษด้วย หากต้องขับขี่ยานพาหนะขณะที่เกิดฝนตกหนักดังกล่าวตามที่กรมอุตุนิยมวิทยาแจ้งเตือน  ทั้งนี้เจ้าหน้าที่ตำรวจยังคงเน้นในการจับกุมเพื่อป้องกันการเกิดอุบัติเหตุใน 10 ข้อหาหลัก ได้แก่ 
1. ขับรถเร็วเกินกว่ากฎหมายกำหนด
2. ฝ่าฝืนสัญญาณไฟจราจร
3. ขับรถย้อนศร
4. ไม่พกพาใบขับขี่
5. ไม่คาดเข็มขัดนิรภัย
6. แซงในที่คับขัน
7. ขับขี่รถขณะเมาสุรา
8. ไม่สวมหมวกกันน็อก
9. ใช้รถมอเตอร์ไซค์ที่ไม่ปลอดภัย
10. ใช้โทรศัพท์มือถือขณะขับรถ

ด้าน พล.ต.ท.นิธิธร จินตกานนท์ ผู้บัญชาการประจำสำนักงานผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ในฐานะหัวหน้าคณะทำงานเสริมสร้างภาพลักษณ์ตำรวจจราจร ศจร.ตร. กล่าวว่า ตามที่ ผบ.ตร. ได้ออกข้อบังคับหัวหน้าเจ้าพนักงานจราจรทั่วราชอาณาจักร เพื่อกำหนดให้เจ้าหน้าที่ตำรวจทางหลวงใช้ในการเปิดช่องทางพิเศษ เร่งระบายรถให้กับพี่น้องประชาชนในการเดินทางในห้วงวันหยุดยาว (28 ก.ค. – 2 ส.ค.66) นั้น เบื้องต้นกองบังคับการตำรวจทางหลวง มีความพร้อมในการปฏิบัติตามข้อบังคับดังกล่าว และหากในถนนมิตรภาพ ถนนพหลโยธิน และถนนสายเอเชีย มีปริมาณรถมากในช่วงใด เจ้าหน้าที่ตำรวจทางหลวง ก็จะดำเนินการเปิดช่องทางพิเศษ เพื่อเร่งระบายรถให้พี่น้องประชาชนได้รับความสะดวกมากขึ้นในการเดินทาง 

นอกจากนี้ข้อมูลสถิติจากศูนย์ข้อมูลอุบัติเหตุทางถนน (https://www.thairsc.com/) พบว่าในห้วงวันหยุดที่ผ่านมานั้นตั้งแต่วันที่ 27 – 31 ก.ค.66 มียอดผู้เสียชีวิตสะสมแล้วถึง 153 ราย และเมื่อวาน (31 ก.ค.66) วันเดียว มียอดผู้เสียชีวิตถึง 45 ราย บาดเจ็บ 2,173 ราย สาเหตุหลักของการเกิดอุบัติเหตุก็คือ ขับรถเร็ว หลับใน ขับรถตัดหน้า/เปลี่ยนช่องทางเดินรถ(เลน)ในระยะกระชั้นชิด และเมาแล้วขับ ในส่วนการจับกุมของเจ้าหน้าที่ตำรวจในความผิดฐานเมาแล้วขับ ตั้งแต่วันที่ 27 – 31 ก.ค.66 มียอดจับกุมสะสม 958 ราย ขอแจ้งเตือนประชาชนว่าหากท่านขับขี่รถในขณะเมาสุราและเป็นสาเหตุที่ทำให้เกิดอุบัติเหตุแล้วมีผู้บาดเจ็บหรือเสียชีวิตนั้น จะมีความผิดต้องระวางโทษจำคุกสูงสุดถึง 10 ปี ปรับ 200,000 บาท และจะต้องถูกเพิกถอนใบอนุญาตขับรถในทันทีอีกด้วย  

ทั้งนี้หากเกิดอุบัติเหตุ หรือเหตุฉุกเฉินต้องการความช่วยเหลือ ประชาชนสามารถสอบถาม แจ้งขอความช่วยเหลือ และแจ้งเหตุขัดข้องด้านการจราจร ได้ตลอด 24 ชั่วโมง ที่
โทร. 191 จราจรทุก สน./สภ.
โทร. 1197 สายด่วนตำรวจจราจรในเขตกรุงเทพฯ และปริมณฑล
โทร. 1193 ตำรวจทางหลวงทั่วประเทศ

ในห้วงหยุดยาวนี้ ขอให้ประชาชนทุกท่านขับขี่ด้วยความระมัดระวัง เคารพกฎจราจร มีน้ำใจกับเพื่อนร่วมทาง เดินทางท่องเที่ยว และกลับภูมิลำเนาโดยสวัสดิภาพ ด้วยความห่วงใยจาก ศูนย์บริหารงานจราจร สำนักงานตำรวจแห่งชาติ

ผบ.ฉก.นราธิวาส นำกำลังพล พร้อมทั้ง เครื่องมือ ยุทธโทปกรณ์ทางทหาร บูรณาการปฎิบัติร่วมกับทุกภาคส่วน เร่งให้การช่วยเหลือพี่น้องประชาชน

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า พลตรี เฉลิมพร  ขำเขียว ผู้บัญชาการกองพลทหารราบที่ 15 / ผู้บังคับหน่วยเฉพาะกิจนราธิวาส พร้อมกับ คุณสมฤดี ขำเขียว ประธานสมาคมแม่บ้านทหารบก สาขากองพลทหารราบที่ 15 และกำลังพลจิตอาสา รุดเดินทางลงพื้นที่เกิดเหตุโกดังเก็บประทัด และดอกไม้ไฟ ระเบิด ในพื้นที่ ตำบลมูโนะ อำเภอสุไหงโก-ลก จังหวัดนราธิวาส จากกรณี เกิดเหตุระเบิดที่โกดังเก็บประทัดและดอกไม้ไฟระเบิด เมื่อวันที่ 29 กรกฎาคม 2566 เวลา 15.10 น. ที่ผ่านมา แรงระเบิดกระจายรัศมีเป็นวงกว้าง ทำให้มีผู้เสียชีวิต และได้รับบาดเจ็บหลายราย บ้านเรือน ทรัพย์สิน และรถยนต์พังเสียหายจำนวนมาก จากเหตุการณ์ดังกล่าว พร้อมสั่งการหน่วยทหารในพื้นที่ เร่งให้ความช่วยเหลือ  บูรณาการร่วมกับทุกภาคส่วน เน้นย้ำกำลังพล และเครื่องมือยุทโธปกรณ์ ต้องมีความพร้อม ในการประสานการปฏิบัติตลอด 24 ชั่วโมง โดยข้อมูลล่าสุดนั้น มีผู้เสียชีวิต 9 ราย รอพิสูจน์ฯ  2 ราย และได้รับบาดเจ็บ 111 ราย 

ทั้งนี้ พลตรี เฉลิมพร ขำเขียว กล่าวว่า จากเหตุโกดังเก็บประทัด และดอกไม้ไฟ ระเบิด ในพื้นที่ ตำบลมูโนะ อำเภอสุไหงโก-ลก จังหวัดนราธิวาส นั้น ได้สั่งการจัดกำลังพล และเครื่องยุทโธปกรณ์ทางทหาร มีความพร้อมในการให้ความช่วยเหลือพี่น้องประชาชนที่ได้รับความเดือดร้อน เพื่อให้เกิดประโยชน์สูงสุด ตลอด 24 ชั่วโมง โดยการบรูณาการปฎิบัติร่วมกับทุกภาคส่วน ซึ่งอยู่ภายใต้การดำเนินการดูแลของ นายสนั่น พงษ์อักษร ผู้ว่าราชการจังหวัดนราธิวาส โดย ศูนย์บรรเทาสาธารณภัย กรมทหารราบที่ 151 ได้ปฎิบัติตามนโยบาย ของพลเอก ณรงค์พันธ์ จิตต์แก้วแท้ ผู้บัญชาการทหารบก และ พลโท ศานติ ศกุนตนาค แม่ทัพภาคที่ 4/ ผู้อำนวยการรักษาความมั่นคงภายในภาค 4 ในเน้นย้ำให้หน่วยทหารทุกหน่วย ได้เตรียมความพร้อม ในการให้ความช่วยเหลือ บรรเทาสาธารณภัย ให้แก่ผู้ประสบภัยในทุกรูป ซึ่ง ศูนย์บรรเทาสาธารณภัย กรมทหารราบที่ 151 จัดรถครัวสนามพระราชทาน จำนวน 1 คัน ประกอบเลี้ยงอาหารให้แก่ผู้ประสบภัย ,รถยนต์  FTS จำนวน 3 คัน 

ซึ่งเป็นรถยนต์ขนาดใหญ่เข้าช่วยเหลือพี่น้องประชาชนที่ได้รับความเดือดร้อน ขนย้ายประชาชน พร้อมทั้งทรัพย์สิน อพยพเข้ามายังศูนย์พักพิง , จัดกำลังพล ชุดปฎิบัติการจิตอาสาฯ  จากกรมทหารราบที่ 151 และ หน่วยขึ้นตรง จำนวน 50 นาย  ทำหน้าที่อำนวยการความสะดวก และให้การช่วยเหลือกับพี่น้องประชาชนที่ได้รับความเดือดร้อนในพื้นที่เกิดเหตุ และศูนย์พักพิง (ศูนย์กีฬาองค์การบริหารส่วนตำบลมูโนะ ), รถบรรทุกน้ำ จำนวน 1 คัน ให้บริการน้ำแก่ผู้ประสบภัย ,ชุดทหารช่าง จำนวน 5 ชุดปฎิบัติการ พร้อมเครื่องยุทโธปกรณ์ในการวางแผน รื้อถอน ซากสิ่งก่อสร้างต่าง ๆ ก่อนจะพร้อมทำการเร่งปลูกสร้างที่อยู่อาศัยใหม่ให้กับผู้ประสบภัย  พร้อมทั้ง ได้เน้นย้ำให้พี่น้องประชาชนให้ดูแลตัวเอง หากต้องการความช่วยเหลือสามารถแจ้ง หรือร้องขอความช่วยเหลือไปยังเจ้าหน้าที่ได้ตลอด 24 ชั่วโมง ตลอดจนได้ให้กำลังใจเจ้าหน้าที่ และกำลังพลที่ปฎิบัติหน้าที่ ช่วยเหลือประชาชน โดยกล่าวว่า “ พวกเราคือ ครอบครัวเดียวกัน เราจะไม่ทิ้งกัน” ในสถานการณ์ที่พี่น้องประชาชนได้รับความเดือดร้อน เช่นนี้ “ทหารเป็นต้องที่พึ่งให้กับประชาชนในทุกโอกาส”

DSI จับกุม 2 ผู้ต้องหาคดีแชร์ลูกโซ่ DCHL

กรมสอบสวนคดีพิเศษ โดย ชุดปฏิบัติการที่ 2 ศูนย์สืบสวนสะกดรอยและการข่าว จับกุม นางธิดาพร หรือ ลำพึง แก้วพันยู และนายอริย์ธัช หรือศักดาวุธ แก้วพันยู สามีภรรยา ผู้ต้องหาคดีแชร์ลูกโซ่ของบริษัทดิจิตอล คราวน์ โฮลดิ้ง จำกัด (DCHL) ได้ที่บริเวณตลาดสายบ้านครัว ต.หน้าพระลาน อ.เฉลิมพระเกียรติ จ.สระบุรี 
และบริเวณร้านจำหน่ายสลากกินแบ่งรัฐบาลนำโชค ตรงข้ามร้านสะดวกซื้อ ถ.สมบูรณ์กุล ต.หน้าเมือง อ.เมืองราชบุรี จ.ราชบุรี เมื่อค่ำวันพฤหัสบดีที่ 27 กรกฎาคม 2566 โดยผู้ต้องหาทั้งสองรายต่างต้องหาว่ากระทำความผิดฐานร่วมกันกู้ยืมเงินที่เป็นการฉ้อโกงประชาชน

ในเรื่องนี้ สืบเนื่องจากมีผู้เสียหายกว่าหมื่นราย ได้ร้องทุกข์บริษัทดิจิตอล คราวน์ โฮลดิ้ง จำกัด หรือ DCHL ซึ่งมีนายวาเลอรี่ ริยนฮ์ หรือ กิมฮวง สัญชาติฝรั่งเศส และนายสรวีย์ รวยฟูพันธ์ เป็นกรรมการบริษัท ประกอบกิจการขายตรงประเภทน้ำหอม โดยในช่วงปี พ.ศ. 2552 - พ.ศ. 2555 ได้ชักชวนให้ประชาชนทั่วไป
เข้าสมัครเป็นสมาชิกในลักษณะแชร์ลูกโซ่ เป็นจำนวนเงินคนละประมาณ 192,000 บาท และจะได้รับเงินคืนจากการลงทุนครั้งแรกประมาณ 42,000 บาท เป็นการตอบแทน หลังจากนั้นสมาชิกจะต้องหาสมาชิกใหม่ให้ได้จำนวน 5 - 6 ราย 

เพื่อเข้าร่วมเป็นเครือข่ายและทำให้ตนเองได้อยู่ในระดับตำแหน่งที่สูงขึ้น รวมทั้งได้รับเงินหรือผลประโยชน์ตอบแทนจากการหาสมาชิกรายละ 21,000 บาท โดยกรมสอบสวนคดีพิเศษ ได้รับเป็นคดีพิเศษเมื่อปี พ.ศ. 2555 โดยได้มีความเห็นควรสั่งฟ้องผู้ต้องหาแล้ว และสำนักงาน ป.ป.ง. ได้อายัดเงินในบัญชีไว้กว่า 75 ล้านบาท ต่อมาในเดือนมิถุนายน พ.ศ. 2558 กรมสอบสวนคดีพิเศษได้แต่งตั้ง พันตำรวจตรี สุริยา สิงหกมล เป็นผู้บัญชาการสำนักคดีอาญาพิเศษ 1 (ตำแหน่งในขณะนั้น) และได้แต่งตั้งคณะพนักงานสอบสวนคดีพิเศษชุดใหม่เข้าดำเนินการสืบสวนสอบสวน รวบรวมพยานหลักฐานจนสามารถติดตามยึดอายัดทรัพย์สินไว้ได้ดังกล่าว รวมมูลค่ากว่า 400 ล้านบาท จากมูลค่าความเสียหายประมาณ 900 ล้านบาท

ตำรวจไซเบอร์จับแก๊งหลอกทำงานออนไลน์อ้างแพลตฟอร์มดัง พบเหยื่อเพียบกว่า 50 ราย เสียหายกว่า 20 ล้าน

กองบัญชาการตำรวจสืบสวนสอบสวนอาชญากรรมทางเทคโนโลยี ภายใต้การอำนวยการของ พล.ต.ท.วรวัฒน์ วัฒน์นครบัญชา ผบช.สอท. ได้สั่งการให้มีการกวาดล้างอาชญากรรมทางเทคโนโลยี
บนสื่อสังคมออนไลน์อย่างต่อเนื่อง

สืบเนื่องจากผู้เสียหายจำนวนมาก ได้รับข้อความชักชวนร่วมลงทุนทำธุรกิจหารายได้เสริมที่บ้าน โดยมีคนร้ายซึ่งเป็นแอดมินชวนให้ร่วมลงทุนต่างๆ ผ่านแอปพลิเคชันไลน์ เช่น การอ่านโฆษณาของแบรนด์สินค้า ผ่านแอปพลิเคชันชื่อดัง และต้องโอนเงินตามแพกเกจ จากนั้นภายใน 10 นาที จะให้ผลตอบแทนกลับไป
10-20% โดยในช่วงแรกๆ จะได้กำไรจริง แต่เมื่อลงเป็นจำนวนมากแล้ว จะไม่สามารถถอนเงินออกมาได้ ซึ่งคนร้ายจะหลอกให้ผู้เสียหายโอนเงินเพิ่มเข้าบัญชีธนาคารต่างๆ ซึ่งเจ้าหน้าที่ตำรวจสืบสวนจนทราบว่าคนร้ายรับซื้อบัญชีมาจากที่ต่างๆ กว่า 127 บัญชี หลายธนาคาร และรวบรวมพยานหลักฐานจนสามารถออกหมายจับคนร้ายในขบวนการได้เพิ่มเติม ซึ่งพบว่ามีการกระทำในลักษณะนี้ในแอปพลิเคชันอื่นด้วย โดยคดีนี้มีผู้เสียหายกว่า 50 ราย มูลค่าความเสียหายรวม 20 ล้านบาท

ต่อมาเจ้าหน้าที่ตำรวจได้สืบสวนว่า นายมาวิน อายุ 23 ปี บุคคลตามหมายจับ พักอาศัยในพื้นที่กรุงเทพฯ จึงได้รายงานให้ผู้บังคับบัญชาทราบ ต่อมาวันที่ 25 กรกฎาคม 2566 เจ้าหน้าที่ตำรวจได้รับแจ้งจากสายลับว่าพบชายที่มีลักษณะรูปพรรณสัณฐานตรงกับนายมาวิน อยู่บริเวณชั้น 3 อาคารศูนย์การค้าแห่งหนึ่ง ย่านรัชดาภิเษก เจ้าหน้าที่ตำรวจจึงได้เดินทางไปตรวจสอบ พร้อมทั้งแสดงตัวเป็นเจ้าหน้าที่ตำรวจ และแจ้งนายมาวิน ให้ทราบว่ากระทำความผิดฐาน “ร่วมกันฉ้อโกงประชาชนโดยการแสดงตนเป็นคนอื่น นำเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ซึ่งข้อมูลคอมพิวเตอร์ที่บิดเบือนหรือปลอมไม่ว่าทั้งหมดหรือบางส่วนหรือข้อมูลคอมพิวเตอร์อันเป็นเท็จโดยประการที่น่าจะเกิดความเสียหายแก่ผู้อื่นหรือประชาชน” โดยนายมาวินให้การรับสารภาพตลอดข้อกล่าวหา และรับว่าตนได้ขายบัญชีให้กับกลุ่มคนร้ายจริง จำนวน 2 บัญชี ได้ค่าตอบแทนบัญชีละ 3,000 บาท เจ้าหน้าที่ตำรวจจึงนำตัวส่งพนักงานสอบสวน บก.สอท.5 เพื่อดำเนินคดีตามกฏหมายต่อไป

ผลการปฏิบัติภายใต้การอำนวยการของ พล.ต.ต.ชรินทร์ โกพัฒน์ตา ผบก.สอท.5, พ.ต.อ.ศุภกร ธัญญกรรม ผกก.1 บก.สอท.5, พ.ต.ท.ประชา หงส์พูนพิพัฒน์ , พ.ต.ท.วีระ หอมเย็น รอง ผกก.1 บก.สอท.5 ได้สั่งการ พ.ต.ท.ปริพล นาคลำภา, พ.ต.ต.สุธี บุดดีคำ สว.ฯ กก.1 บก.สอท.5 พร้อมชุดสืบสวนดำเนินการจับกุม

#ตำรวจไซเบอร์ #สอท #CyberPolice #จับกุม #หลอกทำงานออนไลน์ #ฉ้อโกง

สวนนงนุชพัทยา จัดกิจกรรมขบวนแห่เเฉลิมพระเกียรติ เนื่องในโอกาสวันเฉลิมพระชนมพรรษาพระบาทสมเด็จพระวชิรเกล้าเจ้าอยู่หัว 28 กรกฎาคม

วันนี้  28 ก.ค.66  นายกัมพล ตันสัจจา ประธานสวนนงนุชพัทยา นำคณะผู้บริหาร พนักงานสวนนงนุชพัทยา ประชาชน  นักท่องเที่ยว และช้างแสนรู้  ร่วมขบวนเทิดพระเกียรติ ในพิธีถวายราชสดุดีเฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระปรเมนทรรามาธิบดีศรีสินทรมหาวชิราลงกรณ  พระวชิรเกล้าเจ้าอยู่หัว เนื่องในวโรกาสเฉลิมพระชนมพรรษาครบ 71 พรรษา วันที่ 28 กรกฎาคม 2566 ที่บริเวณลานกิจกรรมหน้าอาคารวิวัฒน์  สวนนงนุชพัทยา อำเภอสัตหีบ จังหวัดชลบุรี

ภายในงานมีขบวนแห่เฉลิมพระเกียรติ “เฉลิมพระชนน์พรรษา พระบาทสมเด็จพระวชิรเกล้าเจ้าอยู่หัวที่ยิ่งใหญ่ตระการตาจากนั้น นายกัมพล ตันสัจจา ประธานสวนนงนุชพัทยา เป็นประธานวางพุ่มทอง และ พุ่มเงิน เปิดกรวยถวายสักการะ นำกล่าวสดุดีถวายพระพร และร้องเพลงสรรเสริญพระบารมี เพลงสดุดีจอมราชา พร้อมกล่าวทรงพระเจริญดังกึกก้องไปทั่วบริเวณพิธี ต่อหน้าพระบรมฉายาลักษณ์พระบาทสมเด็จพระปรเมนทรรามาธิบดีศรีสินทรมหาวชิราลงกรณ พระวชิรเกล้าเจ้าอยู่หัว  

จากนั้น ชมการแสดงถวายพระพร ชุด “อศิรวาทพระราชธิบดีจักรกรีวงค์ ”จบ น้องช้างแสนรู้ จำนวน  2 เชือกถวายพวงมาลัย เบื้องหน้าพระบรมฉายาลักษณ์ฯ โดยมีนักท่องเที่ยวทั้งชาวไทยและต่างชาติ ให้ความสนใจในกิจกรรมถวายราชสดุดี พระบาทสมเด็จพระปรเมนทรรามาธิบดีศรีสินทรมหาวชิราลงกรณ พระวชิรเกล้าเจ้าอยู่หัว เพื่อแสดงออกถึงความจงรักภักดี ต่อสถาบันพระมหากษัตริย์ ในโอกาสมหามงคลนี้ เป็นจำนวนมาก

“เทศบาลตำบลเทพารักษ์” ร่วมเทิดพระเกียรติทำบุญตักบาตรถวายเป็นพระราชกุศล เนื่องในโอกาสวันเฉลิมพระชนมพรรษา

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ภายในโดมสวนสาธารณะเทศบาลตำบลเทพารักษ์ อ.เมือง จ.สมุทรปราการ นายวชิรเชษฐ์ รุ่งธวัฒน์วงศ์ นายกเทศมนตรีตำบลเทพารักษ์ ประธานในพิธี นำคณะผู้บริหาร สมาชิกสภาเทศบาล หัวหน้าส่วนราชการ เจ้าหน้าที่ฝ่ายปกครอง จัดพิธีทำบุญตักบาตรเพื่อน้อมถวายเป็นพระราชกุศลแด่ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวมหาวชิราลงกรณ บดินทรเทพยวรางกูร  เนื่องในโอกาสวันเฉลิมพระชนมพรรษา 

โดยมี นายชาตรี อยู่วัฒนะ รองนายกเทศมนตรี นายนันทสิทธิ์ พรหมฤทธิ์ รองนายกเทศมนตรี นางสาวปราณี นาคคำ ปลัดเทศบาล และหัวหน้าส่วนราชการ เจ้าหน้าที่ฝ่ายปกครอง ตลอดจนพี่น้องประชาชนร่วมในพิธี โดยได้รับความเมตตาจากท่าน พระครูวิทูรกิจจาทร รักษาการเจ้าอาวาสวัดหนามแดง ประธานฝ่ายสงฆ์ นำคณะสงฆ์จำนวน 10 รูป ประกอบพิธีเจริญชัยมงคลคาถาและเจริญพระพุทธมนต์เพื่อความเป็นสิริมงคล ก่อนจะนำพระสงฆ์เดินรับบิณฑบาตข้าวสาร อาหารแห้ง 

จากนั้น นายสมศักดิ์ แก้วเสนา นายอำเภอเมือง สมุทรปราการ เดินทางมาเป็นประธานในพิธีเปิดโครงการจิตอาสา เราทำความดี ด้วยหัวใจ นำคณะผู้บริหารท้องถิ่น หัวหน้าส่วนราชการ เจ้าหน้าที่ฝ่ายปกครอง ข้าราชการตำรวจ สภ.เมืองสมุทรปราการ สภ.สำโรงเหนือ สภ.บางปู คณะแม่บ้านมหาดไทย และประชาชนจิตอาสา จำนวนกว่า 300 คน ร่วมในพิธีเปิดโครงการจิตอาสา เราทำความดี ด้วยหัวใจ โดยการทำความสะอาดกวาดพื้นและพัฒนาบริเวณพื้นที่โดยรอบภายในเขตพื้นที่เพื่อน้อมถวายเป็นพระราชกุศล 

จากนั้น นายสมศักดิ์ แก้วเสนา นายอำเภอเมืองสมุทรปราการ พร้อมด้วย นายวชิรเชษฐ์ รุ่งธวัฒน์วงศ์ นายกเทศมนตรีตำบลเทพารักษ์ นายชาตรี อยู่วัฒนะ รองนายกเทศมนตรี พ.ต.อ.อาทิตย์ ซิ้มเจริญ ผกก.สภ.สำโรงเหนือ และคณะเจ้าหน้าที่ ร่วมปลูกต้นไม้เพื่อเฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เนื่องในโอกาสวันเฉลิมพระชนมพรรษา 28 กรกฏาคม 2566 อีกทั้ง ยังเป็นการสร้างพื้นที่สีเขียวและร่วมปลูกจิตสำนึกให้ประชาชนเห็นความสำคัญของการอนุรักษ์ และฟื้นฟูทรัพยากรป่าไม้ ลดปัญหาสภาวะโลกร้อนได้อีกด้วย

คิว-ข่าวสมุทรปราการ รายงาน

สวนนงนุชพัทยา จัดกิจกรรมขบวนแห่เเฉลิมพระเกียรติ เนื่องในโอกาสวันเฉลิมพระชนมพรรษาพระบาทสมเด็จพระวชิรเกล้าเจ้าอยู่หัว 28 กรกฎาคม

วันนี้  28 ก.ค.66 นายกัมพล ตันสัจจา ประธานสวนนงนุชพัทยา นำคณะผู้บริหาร พนักงานสวนนงนุชพัทยา ประชาชน นักท่องเที่ยว และช้างแสนรู้ ร่วมขบวนเทิดพระเกียรติ ในพิธีถวายราชสดุดีเฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระปรเมนทรรามาธิบดีศรีสินทรมหาวชิราลงกรณ พระวชิรเกล้าเจ้าอยู่หัว เนื่องในวโรกาสเฉลิมพระชนมพรรษาครบ 71 พรรษา วันที่ 28 กรกฎาคม 2566 ที่บริเวณลานกิจกรรมหน้าอาคารวิวัฒน์ สวนนงนุชพัทยา อำเภอสัตหีบ จังหวัดชลบุรี     

ภายในงานมีขบวนแห่เฉลิมพระเกียรติ “เฉลิมพระชนน์พรรษา พระบาทสมเด็จพระวชิรเกล้าเจ้าอยู่หัวที่ยิ่งใหญ่ตระการตาจากนั้น นายกัมพล ตันสัจจา ประธานสวนนงนุชพัทยา เป็นประธานวางพุ่มทอง และ พุ่มเงิน เปิดกรวยถวายสักการะ นำกล่าวสดุดีถวายพระพร และร้องเพลงสรรเสริญพระบารมี เพลงสดุดีจอมราชา พร้อมกล่าวทรงพระเจริญดังกึกก้องไปทั่วบริเวณพิธี ต่อหน้าพระบรมฉายาลักษณ์พระบาทสมเด็จพระปรเมนทรรามาธิบดีศรีสินทรมหาวชิราลงกรณ พระวชิรเกล้าเจ้าอยู่หัว    

จากนั้น ชมการแสดงถวายพระพร ชุด “อศิรวาทพระราชธิบดีจักรกรีวงค์ ”จบ น้องช้างแสนรู้ จำนวน  2 เชือกถวายพวงมาลัย เบื้องหน้าพระบรมฉายาลักษณ์ฯ โดยมีนักท่องเที่ยวทั้งชาวไทยและต่างชาติ ให้ความสนใจในกิจกรรมถวายราชสดุดี พระบาทสมเด็จพระปรเมนทรรามาธิบดีศรีสินทรมหาวชิราลงกรณ พระวชิรเกล้าเจ้าอยู่หัว เพื่อแสดงออกถึงความจงรักภักดี ต่อสถาบันพระมหากษัตริย์ ในโอกาสมหามงคลนี้ เป็นจำนวนมาก

เลขาฯ ศอ.บต. นำคณะทูตกลุ่มประเทศมุสลิม 10 ประเทศเยี่ยมชมพิพิธภัณฑ์มรดกวัฒนธรรมอิสลามและศูนย์การเรียนรู้คัมภีร์อัล-กุรอาน สร้างความเข้าใจด้านการสนับสนุนของรัฐบาลต่อการอนุรักษ์มรดกทางวัฒนธรรมอิสลามในพื้นที่ จชต.

ที่ พิพิธภัณฑ์มรดกวัฒนธรรมอิสลามและศูนย์การเรียนรู้อัล-กุรอาน ม.6 ต.ละหาร อ.ยี่งอ จ.นราธิวาส พลเรือตรี สมเกียรติ ผลประยูร เลขาธิการศูนย์อำนวยการบริหารจังหวัดชายแดนภาคใต้ (ศอ.บต.) นำคณะเอกอัครราชทูต และอุปทูต 10 ประเทศ  ซึ่งเดินทางลงพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้เพื่อร่วมกิจกรรมการทูตเชิงรุก และสร้างความเข้าใจ การรับรู้อันดีเกี่ยวกับพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้แก่นานาชาติ โดยมีเอกอัครราชทูตจากประเทศมาเลเซีย คูเวต โอมาน อียิปต์ อินโดนีเซีย ตุรกี โมร็อกโก ซาอุดีอาระเบีย อุปทูตจากสถานเอกอัครราชทูตกาตาร์ และปากีสถาน เยี่ยมชมพิพิธภัณฑ์มรดกวัฒนธรรมอิสลามและศูนย์การเรียนรู้คัมภีร์อัล-กุรอาน เพื่อให้คณะทูตได้รับทราบถึงความเข้มแข็งของชุมชนและการสนับสนุนของรัฐบาลต่อการอนุรักษ์มรดกทางวัฒนธรรมอิสลามในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้และถ่ายทอดองค์ความรู้ทางวัฒนธรรมต่อเยาวชนรุ่นใหม่และการพัฒนาไปสู่การเป็นแหล่งท่องเที่ยวในจังหวัดชายแดนภาคใต้ โดยมี นายสนั่น พงษ์อักษร ผู้ว่าราชการจังหวัดนราธิวาส นายกูเซ็ง ยาวอหะซัน นายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดนราธิวาส ตลอดจนหัวหน้าส่วนราชการ เยาวชนนักเรียนและประชาชนในพื้นที่ร่วมให้การต้อนรับ

ในการนี้ คณะทูตได้รับฟังบรรยายถึงการขับเคลื่อนพิพิธภัณฑ์มรดกวัฒนธรรมอิสลามและศูนย์การเรียนรู้อัล-กุรอาน พร้อมเยี่ยมชมห้องพิพิธภัณฑ์อาคารใหม่ และชมคัมภีร์อัล-กุรอานโบราณ สำหรับพิพิธภัณฑ์มรดกวัฒนธรรมอิสลามและศูนย์การเรียนรู้อัล-กุรอาน ตั้งอยู่ที่โรงเรียนสมานมิตรวิทยา ชุมชนบ้านศาลาลูกไก่ ม.6 ต.ละหาร อ.ยี่งอ จ.นราธิวาส เริ่มดำเนินการมาตั้งแต่ปี 2553 โดยมีการรวบรวมประเภทคัมภีร์อัล-กุรอานโบราณที่คัดด้วยลายมือที่เป็นมรดกทางศิลปะวัฒนธรรมอิสลามที่ตกทอดมาจากอดีตจนถึงปัจจุบัน โดยพิพิธภัณฑ์ได้รวบรวมคัมภีร์อัล-กุรอาน จำนวน 79 เล่ม คัมภีร์ดังกล่าวส่วนมากได้มาจากคาบสมุทร แหลมมลายูนูซันตาราและบางประเทศในโลกมุสลิมที่เคยมาติดต่อกับประเทศไทยในอดีต 

ซึ่งเริ่มชำรุดจากสภาพอากาศที่มีความชื้นและไม่ได้ดูแลอย่างถูกต้องตามหลักวิชาการ จึงจำเป็นที่จะต้องส่งไปดำเนินการซ่อมแซมที่หอสมุด สุไลมานียะห์ นครอิสตันบูล ประเทศตุรกี โดยได้รับการสนับสนุนจากกรมศิลปากร กระทรวงวัฒนธรรม ของประเทศไทยในการช่วยดำเนินการซ่อมแซมโดยใช้กระบวนการวิทยาศาสตร์เชิงอนุรักษ์ นอกจากประเภทคัมภีร์อัล-กุรอานแล้ว ทางพิพิธภัณฑ์ได้รวบรวมประเภทเอกสารและอุปกรณ์โบราณ ภาพเขียนโบราณ เรือกอและจำลอง และภาพการแสดงการทำเรือกอและ ภาพบุคคลสำคัญในศาสนาอิสลาม รวมถึงหุ่นจำลองของมัสยิด 300 ปี อย่างไรก็ตามทางกรมศิลปากรได้ทำการต่อยอด เข้ามาขึ้นทะเบียนคัมภีร์และเอกสารโบราณเหล่านี้ พร้อมๆกับเข้ามาช่วยทางโรงเรียนในการเก็บรักษา บูรณะ ซ่อมแซม ตามหลักวิชาการที่ถูกต้อง นอกจากนี้ทางภาครัฐยังอนุมัติงบประมาณให้กรมศิลป์ ดำเนินการจัดสร้าง "พิพิธภัณฑ์มรดกทางศิลปวัฒนธรรมและศูนย์การเรียนรู้อัล-กุรอาน" ขึ้นใหม่ ณ บริเวณด้านหน้าโรงเรียนสมานมิตรวิทยา งบประมาณทั้งสิ้น 220 ล้านบาท ปัจจุบันตัวอาคารสร้างเสร็จแล้ว เหลือแค่การปรับปรุงภูมิทัศน์ โดยกำหนดเปิดต้นปี 2567

อย่างไรก็ตาม "พิพิธภัณฑ์มรดกทางศิลปวัฒนธรรมและศูนย์การเรียนรู้อัล-กุรอาน" แห่งนี้จะเป็นแหล่งเรียนรู้ทางศิลปวัฒนธรรมของชาติ ในการศึกษาค้นคว้าเกี่ยวกับคัมภีร์อัล-กุรอาน และมรดกวัฒนธรรมอิสลาม และเสริมสร้างจิตสำนึกให้คนท้องถิ่นในจังหวัดชายแดนภาคใต้ เห็นคุณค่าความสำคัญ เกิดความรู้สึกหวงแหน ภาคภูมิใจในมรดกทางศิลปวัฒนธรรมอิสลามที่มีอยู่ในท้องถิ่นของตน รวมทั้งทำให้เกิดผลดีทางด้านเศรษฐกิจและสังคม จากการท่องเที่ยวเชิงวัฒนธรรมโดยนักท่องเที่ยวจากทั้งในและทั่วโลก สอดคล้องกับนโยบายชุมชนท่องเที่ยว OTOP นวัตวิถี ซึ่งจะช่วยส่งเสริมอาชีพและรายได้ให้กับประชาชนในพื้นที่ สร้างเศรษฐกิจชุมชนที่เข้มแข็งได้อย่างยั่งยืนต่อไป

ข่าว.แวดาโอ๊ะ หะไร  จ.นราธิวาส


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top