Saturday, 3 May 2025
THE STATES TIMES TEAM

มูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง ห่วงใยชาวกรุงเทพฯ มอบศาลาที่พักผู้โดยสาร จำนวน 20 หลัง ผ่าน นายชัชชาติ สิทธิพันธุ์ ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร เพื่อเป็นสาธารณประโยชน์แก่ประชาชน

วานนี้ (วันที่ 8 สิงหาคม 2566) มูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง นำโดย  นายวิชิต ชินวงศ์วรกุล รองประธานกรรมการ  พร้อมด้วย  นายนิพนธ์ ลีละศิธร กรรมการ นายนิพนธ์ โชคภิรมย์วงศา กรรมการปฏิคม และนายอรัณย์ โตทวด ผู้จัดการใหญ่มูลนิธิฯ มอบศาลาที่พักผู้โดยสาร เพื่อเป็นสาธารณประโยชน์แก่ผู้ใช้รถใช้ถนน และเพื่อเป็นที่หลบแดดหลบฝนแก่ประชาชนในพื้นที่กรุงเทพมหานคร จำนวน 20 หลัง รวมงบประมาณการก่อสร้างเป็นเงินทั้งสิ้น 4,494,000 บาท (สี่ล้านสี่แสนเก้าหมื่นสี่พันบาทถ้วน) โดยมี นายชัชชาติ สิทธิพันธุ์  ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร เป็นประธานในพิธีรับมอบศาลาที่พักผู้โดยสาร พร้อมด้วยคณะผู้บริหารมูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง คณะผู้บริหารกรุงเทพมหานคร และคณะผู้บริหารสำนักการจราจรและขนส่ง ร่วมในพิธี ณ ศาลาที่พักผู้โดยสารรถประจำทาง บริเวณหน้าห้างบิ๊กซี สาขาสะพานใหม่ ถนนพหลโยธิน 50 เขตบางเขน กรุงเทพฯ

โครงการสร้างศาลาที่พักผู้โดยสาร มีวัตถุประสงค์ เพื่อให้ประชาชนมีที่หลบแดด หลบฝน ซึ่งโครงการนี้เริ่มต้นตั้งแต่ปี พ.ศ. 2549  และได้ขยายการดำเนินงานไปทั่วทุกภาคของประเทศ ส่วน ในพื้นที่กรุงเทพมหานครนั้น ทางมูลนิธิป่อเต็กตึ๊งได้เริ่มต้นโครงการตั้งแต่ปี พ.ศ. 2560 บัดนี้ การดำเนินงานก่อสร้างศาลาที่พักผู้โดยสารได้แล้วเสร็จเป็นที่เรียบร้อยแล้วรวมจำนวน 50 จุด โดยทางมูลนิธิฯ ได้รับอนุญาตจากสำนักจราจร ซึ่งทางมูลนิธิฯ ได้ก่อสร้างตามเงื่อนไขในบันทึกข้อตกลงทุกประการ และ ปฏิบัติตามกฎหมายอื่นๆที่เกี่ยวข้องอย่างเคร่งครัด

กว่า 113 ปี ที่มูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง ได้ขยายขอบข่ายโครงการต่าง ๆ ออกไปอย่างกว้างขวาง ไม่เพียงแต่บำบัดทุกข์ บำรุงสุข แก่ผู้ตกทุกข์ได้ยากโดยไม่จำกัดเชื้อชาติ ศาสนา เท่านั้น แต่ยังได้พัฒนาคุณภาพชีวิตอีกในหลาย ๆ ทาง เพื่อเป็นองค์กรสาธารณกุศลที่ช่วยเหลือประชาชนครบวงจรในทุกๆ ด้าน ดังปณิธาน มูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง ช่วยชีวิต รักษาชีวิต สร้างชีวิต ต่อไป ติดตามข่าวสารกิจกรรม การช่วยเหลือของมูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง ได้ที่เฟซบุ๊ก แฟนเพจ www.facebook.com/atpohtecktung

#มูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง ช่วยชีวิต รักษาชีวิต สร้างชีวิต
#แอปพลิเคชัน #สายด่วนป่อเต็กตึ๊ง1418
#ช่วยจริงอุ่นใจแม้ในนาทีฉุกเฉิน

ผบ.ตร. มอบรางวัลแก่นักเรียนโรงเรียนนายร้อยตำรวจ ที่ได้รับรางวัลรองชนะเลิศในการแข่งขันการประนอมข้อพิพาทในระดับนานาชาติ

วันนี้ (9 ส.ค.66) เวลา 15.00 น. ที่ โรงเรียนนายร้อยตำรวจ พล.ต.อ.ดำรงศักดิ์ กิตติประภัสร์ ผบ.ตร. ได้มอบเกียรติบัตรโครงการ 'ทำดี มีรางวัล' แก่นักเรียนโรงเรียนนายร้อยตำรวจ จำนวน 4 นาย

พล.ต.อ.ดำรงศักดิ์ฯ กล่าวว่า สำหรับโครงการ 'ทำดี มีรางวัล' นั้นเป็นโครงการที่มีวัตถุประสงค์เพื่อสร้างขวัญและกำลังใจให้กับข้าราชการตำรวจและประชาชนที่ประกอบคุณงานความดี มีจิตสาธารณะจนเป็นที่ยอมรับของสังคม สร้างชื่อเสียงให้กับหน่วยงาน และกรณีนี้ก็เป็นการมอบรางวัลให้แก่นักเรียนนายร้อยตำรวจจำนวน 4 นาย ที่ได้รับรางวัลรองชนะเลิศจากการแข่งขันการประนอมข้อพิพาทระดับนานาชาติ 

โดย ระหว่างวันที่ 19-21 ก.ค.66 ที่ผ่านมา สถาบันอนุญาโตตุลาการ ได้จัดการแข่งขันการประนอมข้อพิพาทระดับนานาชาติ ซึ่งเป็นการแข่งขันเจรจาข้อพิพาทในสถานการณ์จำลองเชิงพาณิชย์ โรงเรียนนายร้อยตำรวจได้ส่งทีม THAC RPCA ซึ่งประกอบด้วยนักเรียนนายร้อยตำรวจจำนวน 4 นาย ได้แก่ 
1. นรต.ณัฏฐกิตติ์ โตทัพ
2. นรต.ประวันวิทย์ จำปีทอง
3. นรต.ธีรพัฒน์ บูชารัมย์
4. นรต.กรธน ชิงดวง

เข้าร่วมการแข่งขันเป็นครั้งแรกในระดับนานาชาติ ซึ่งจากการแข่งขันทุกครั้งที่ผ่านมาไม่มีทีมจากประเทศไทยเข้าถึงรอบชิงชนะเลิศ ซึ่งผลการแข่งขันครั้งนี้ปรากฏว่า ทีม THAC RPCA  ได้รับรางวัลรองชนะเลิศ และได้รับคำชื่นชมจากคณะกรรมการ  คณะผู้จัดการแข่งขัน ตลอดจนผู้เข้าร่วมการแข่งขันจากชาติอื่นเป็นอย่างมาก สร้างชื่อเสียงให้กับโรงเรียนนายร้อยตำรวจ และสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ทั้งในระดับประเทศ และในระดับนานาชาติ

สำนักงานตำรวจแห่งชาติ พิจารณาแล้วเห็นว่า นักเรียนนายร้อยตำรวจ ทั้ง 4 นาย สมควรได้รับการเชิดชูเกียรติ ยกย่องสรรเสริญตามโครงการ “ทำดีมีรางวัล” เพื่อเป็นแบบอย่างที่ดีแก่สังคมสืบไป 

ผบ.ตร.กล่าวอีกว่า “ตนขอชื่นชมในความรู้ความสามารถที่นำไปต่อยอดจนสามารถสร้างชื่อเสียงให้แก่องค์กรได้ ตนจึงได้มอบใบประกาศเกียรติคุณและรางวัลตามโครงการ “ทำดี มีรางวัล” และเงินรางวัล 10,000 บาท เพื่อเป็นขวัญและกำลังใจเป็นแบบอย่างที่ดีแก่สังคม ซึ่งโครงการนี้เป็นโครงการที่จะมอบรางวัลให้กับข้าราชการตำรวจหรือประชาชนที่ปฏิบัติหน้าที่ดีเด่น ทำงานเชิงรุก เพื่อความสงบสุขของประชาชน ประกอบคุณงามความดี ช่วยเหลือประชาชน หรือทางราชการ ประพฤติตนดี คิดถึงประโยชน์ส่วนรวมและช่วยเหลือประชาชนจนเป็นที่ยอมรับต่อสังคม”

น.1 สั่งสืบทั่วกรุงไล่ล่ากว่า 14 วัน…รวบแจ๊คนักอนาจาร ลวนลามเด็กนักเรียนกว่า 7 ราย

หวาดผวาทั่วกรุงเทพฯแก่นักเรียนหญิง ครู และ ผู้ปกครองของเด็กเมื่อได้เกิดเหตุ “ไอ้หื่น” ไล่ตระเวน อนาจาร ลวงลามเหล่าเด็กหญิงที่อยู่ตามถนนสาธารณะโดยแผนประทุษกรรมของคนร้ายรายนี้จะคัดเลือกเหยื่อที่ “สวมชุดนักเรียน” และกำลังเดินทางไปโรงเรียน ก่อนทำทีถามทางเมื่อเหยื่อหยุดคุยเฟสทูเฟส จะทำทีเข้าใกล้แล้วใช้มือ “จ้วง” เข้าไปที่บริเวณอวัยวะเพศของเหยื่อ  พบก่อเหตุพื้นที่ นางเลิ้ง บางรัก  สำราญราษฏร์ และปทุมวัน พล.ต.ท.ธิติ  แสงสว่าง ผบช.น. สั่ง พล.ต.ต.ธีรเดช ธรรมสุธีร์ ผบก.สส.บช.น.นำทัพ สืบนครบาล , สืบ บก น 1 , สืบ บก น.6 ไล่ล่าพลิกแผ่นดิน จนรวบนายแจ๊ค คนชาวนครปฐม อ้างทนต่อการสัมผัสเสียงและกลิ่นตัวของเด็กสาวในชุดนักเรียนไม่ไหว

เมื่อวันที่ 8 สิงหาคม 2566 พล.ต.ท.ธิติ แสงสว่าง ผบช.น. , พล.ต.ต.นพศิลป์ พูลสวัสดิ์ รอง ผบช.น. สั่งให้ พล.ต.ต.ธีรเดช ธรรมสุธีร์ ผบก.สส.บช.น. , พล.ต.ต.อัฎพร วงศ์ศิริปรีดา ผบก.น.1 , พ.ต.อ.เกียรติศักดิ์ สระทองออย รอง ผบก.สส.บช.น. , พ.ต.อ.ศักยะ แสงวรรณ รอง ผบก.น.1 , พ.ต.อ.สมบูรณ์ สุขศรีดาวเดือน ผกก.สส.3 บก.สส.บช.น. , พ.ต.อ.วิชัย สนสกุล ผกก.สส.บก.น.1 , พ.ต.อ.เชิดศักดิ์ รอดเข็ม ผกก.สส.บก.น.6  พ.ต.ท.นิธิ ปิยะพันธุ์ สว.กก.สส.3 บก.สส.บช.น. , พ.ต.ต.เอกยุทธ อดิสร สว.กก.สส.บก.น.1  บูรณาการกันสืบสวนติดตามจับกุมตัว นายจิรายุส  หรือแจ๊ค อายุ 35 ปี ที่อยู่ บ้านเลขที่ 38 หมู่ 5 ต.วังเย็น อ.เมืองนครปฐม จ.นครปฐม ผู้ต้องหา

โดยกล่าวหาว่ากระทำความผิดฐาน "กระทำอนาจารแก่เด็กอายุไม่เกินสิบห้าปี โดยเด็กนั้นจะยินยอมหรือไม่ก็ตาม"

ตามหมายจับดังนี้

1.หมายจับศาลอาญาที่ 2435/2566 ลงวันที่ 31 ก.ค.2566  โดยกล่าวหาว่ากระทำความผิดฐาน "กระทำอนาจารแก่เด็กอายุไม่เกินสิบห้าปี โดยเด็กนั้นจะยินยอมหรือไม่ก็ตาม"
2.หมายจับศาลอาญา ที่ 2436/2566 ลงวันที่ 31 ก.ค.2566  โดยกล่าวหาว่ากระทำความผิดฐาน "กระทำอนาจารแก่เด็กอายุไม่เกินสิบห้าปี โดยเด็กนั้นจะยินยอมหรือไม่ก็ตาม"
3.หมายจับศาลอาญากรุงเทพใต้ ที่ 706/2566 ลงวันที่ 7 ส.ค.2566 โดยกล่าวหาว่ากระทำความผิดฐาน "กระทำอนาจารแก่บุคคลกว่าสิบห้าปีโดยขู่เข็ญด้วยประการใดๆ โดยใช้กำลังประทุษร้าย หรือโดยบุคคลนั้นอยู่ในภาวะที่ไม่สามารถขัดขืนได้"
4.หมายจับศาลแขวงพระนครศรีอยุธยา ที่ จ.77/2564 ลงวันที่ 30 มิ.ย.64 โดยกล่าวหาว่ากระทำความผิดฐาน "ยักยอกทรัพย์"
โดยจับกุมตัวได้ที่ หน้าบ้านเลขที่ 122 หมู่ 8 ต.หนองดินแดง อ.เมืองนครปฐม จ.นครปฐม

พบประวัติก่อเหตุอนาจารลักษณะเดียวกัน เบื้องต้น 7 ครั้ง คือ

1.พื้นที่ สน.สำราญราษฎร์ วันที่ 6 ก.ค เวลา 06.25 น. บริเวณหลังสวนรมย์มณีนาท
2.พื้นที่ สน.บางรัก วันที่ 6 ก.ค.66 เวลา 06.45 บริเวณถนนนครไท
3.พื้นที่ สน.บางรัก วันที่ 6 ก.ค.66 เวลา 06.50 น. บริเวณถนนนครไท
4.พื้นที่ สน.นางเลิ้ง วันที่ 18 ก.ค เวลา 07.20 น. บริเวณแยกวันชาติ หน้าร้านแพต คาเฟ่โบราณ
5.พื้นที่ สน.นางเลิ้ง วันที่ 26 ก.ค. เวลา 07.41น. บริเวณแยกวันชาติ หน้าป้ายรถเมล์
6.พื้นที่ สน.ปทุมวัน วันที่ 26 ก.ค. เวลา 09.15 น. บริเวณประตู รร.เตรียมอุดม
7.พื้นที่ สน.นางเลิ้ง 
 
พฤติการณ์กล่าวคือ เป็นที่ “หวาดผวา” ให้กับเหล่าผู้ปกครองของเด็กนักเรียนหญิงในเมืองกรุง เมื่อได้เกิดเหตุ “ไอ้หื่น” ไล่ตระเวนอนาจาร และลวงลามเหล่าเด็กนักเรียนหญิงที่อยู่ตามท้องถนน โดยแผนประทุษกรรมของคนร้ายรายนี้จะคัดเลือกเหยื่อที่ “สวมชุดนักเรียน” และกำลังเดินทางไปโรงเรียน ก่อนทำทีถามทางเมื่อได้ เฟสทูเฟส จะทำทีเข้าใกล้เพื่อสัมผัสเสียงและกลิ่นตัวของเด็กสาว ก่อนใช้มือ “จ้วง” เข้าไปที่บริเวณอวัยวะเพศของเหล่าเด็กหญิงสาวที่ตกเป็นเหยื่อ ก่อนใส่เกียร์หมาวิ่งหนีหายไป ทิ้งให้เหยื่อยืนอึ้งกับการกระทำสุดอุบาทว์ของคนร้ายรายนี้ ซึ่งจากข้อมูลในเบื้องต้นในห้วงเดือน ก.ค. 66 ที่ผ่านมา ไอหื่นรายนี้ออกอาละวาดก่อเหตุไปแล้วไม่ต่ำกว่า “7 คดี” ในพื้นที่ จ.กรุงเทพฯ ซึ่งยังมีเด็กสาวอีกหลายรายที่ตกเป็นเหยื่อ แต่ไม่กล้าแจ้งความดำเนินคดีเพราะอับอาย ซึ่งต่อมาวีรกรรมระยำใจของไอหื่นรายนี้ได้มีการส่งต่อในโลกโซเชี่ยล ซึ่งก็ได้ถึงหูของ พล.ต.ท.ธิติ แสงสว่าง ผบช.น. ไม่รอช้าเร่งส่งชุด “สืบนครบาล” และ “สืบ1” สืบ 6 และ สืบ สน.นางเลิ้ง  สนธิกำลังสืบสวนหาตัวไอหื่นรายนี้ ซึ่งใช้เวลากว่า 2 สัปดาห์ พล.ต.ต.ธีรเดช ธรรมสุธีร์ ผบก.สส.บช.น.  ส่ง พ.ต.อ.สมบูรณ์ สุขศรีดาวเดือน ผกก.สส.3 บก.สส.บช.น.  พ.ต.อ.วิชัย สนสกุล ผกก.สส.บก.น.1 ,พ.ต.อ.เชิดศักดิ์ รอดเข็ม ผกก.สส.บก.น.6 และทีมสืบสวนได้ทราบว่าคนร้ายคือ นายจิรายุส  ผมหอม อายุ 35 ปี ซึ่งมีภูมิลำเนาอยู่ที่ จ.นครปฐม ซึ่งข้อมูลทางการสืบสวนทำให้เจ้าหน้าที่ชุดสืบสวนถึงกับอึ้ง เพราะที่พักของคนร้ายอยู่ที่ จ.นครปฐม แต่เจ้าตัวจะ “ดั้นด้น” มาที่ จ.กรุงเทพฯ ในทุกเช้าด้วยความหื่นกระหาย เพื่อมาก่อเหตุล้วงอนาจารเด็กนักเรียนหญิงลักษณะนี้เป็นประจำ ต่อมาชุดไล่ล่าตามรอยเท้าเบาะแสไปจนกระทั่งไปจับกุมตัวได้ที่ บ้านเลขที่ 122 หมู่ 8 ต.หนองดินแดง อ.เมืองนครปฐม จ.นครปฐม

ในชั้นจับกุม นายจิรายุส ผมหอม ผู้ต้องหา ให้การรับสารภาพตลอดข้อกล่าวหา โดยให้การว่า “ตนเองยอมรับว่าเกิดอารมณ์เวลาที่ขึ้นรถเมล์แล้วได้เบียดเสียดกับเหล่าเด็กนักเรียนหญิง และยิ่งชุดนักเรียนมีลักษณะรัดแน่นแนบเนื้อยิ่งเพิ่มความหื่นกระหายให้ตัวเอง โดยเมื่อได้สนทนากับเด็กหญิงนักเรียน ร่างกายใกล้กันสัมผัสถึงกลิ่นเด็กสาวยิ่งทำให้อารมณ์ถึงขีดสุด จึงลงมือล้วงไปที่อวัยวะเพศของเหล่าเด็กหญิงก่อนจะวิ่งหนี โดยอ้างว่าที่ตนทำไปนั้นเพราะป่วยทางจิตและไม่ได้รับการรักษา” หลังการจับกุมได้นำตัวนำส่ง พนักงานสอบสวน สน.นางเลิ้ง ดำเนินคดีตามกฎหมาย

โดยในวันที่ 9 สิงหาคม 2566 เวลา 10.30 น. พล.ต.ท.ธิติ แสงสว่าง ผบช.น. จะร่วมซักถามผู้ต้องหา และสังเกตการณ์กรณีนักเรียนหญิงผู้เสียหายจำนวนหลายคนชี้ยืนยันตัวคนร้าย ณ. สถานีตำรวจนครบาลนางเลิ้ง 

ตำรวจ ปส. ลุยล้าง 5 เครือข่ายยาเสพติดก่อนลงใต้ ยึดยาบ้า 13.7 ล้านเม็ด ไอซ์ 520 กก. และคีตามีน 850 กก. เร่งตามล่าผู้ร่วมขบวนการ

เมื่อวันที่ 9 ส.ค.66 เวลาประมาณ 10.00 น. พล.ต.อ.ชินภัทร สารสิน รอง ผบ.ตร./ผอ.ศอ.ปส.ตร.,       พล.ต.ท.ประจวบ วงศ์สุข ผู้ช่วย ผบ.ตร./รอง ผอ.ศอ.ปส.ตร., พล.ต.ท.สรายุทธ สงวนโภคัย ผบช.ปส.,พล.ต.ต.พลัฏฐ์ วิเศษสิงห์ ผบก.สกส., พล.ต.ต.สมกิตพุ่มวารี ผบก.ขส., พล.ต.ต.พรศักดิ์  สุรสิทธิ์ ผบก.ปส.4 และ พล.ต.ต.ธนรัชน์ สอนกล้า ผบก.ปส.2 พร้อมด้วยนายปิยะศิริ วัฒนวรางกูร รองเลขาธิการ ป.ป.ส. และ กอ.รมน. ร่วมแถลงผลการจับกุมเครือข่ายยาเสพติดตามนโยบายของ พล.ต.อ.ดำรงศักดิ์ กิตติประภัสร์ ผบ.ตร. ให้กวาดล้างจับกุมเครือข่ายยาเสพติดรายใหญ่และรายย่อยให้หมดสิ้นโดยเร็ว ล่าสุดตำรวจ ปส.(NSB) ได้จับกุมขบวนการค้ายาเสพติด 5 เครือข่าย ผู้ต้องหา 8 คน พร้อมของกลาง ยาบ้า 13.7 ล้านเม็ด, ไอซ์ 520 กก. และคีตามีน 850 กก.

รายแรก ตำรวจ บก.สกส. ได้สืบสวนทราบว่า นายไพโรจน์ กับพวก มีพฤติการณ์ในการลักลอบลำเลียงยาเสพติดจากพื้นที่ทางภาคเหนือ และจะนำไปส่งมอบให้กับลูกค้าทางพื้นที่ภาคกลาง และพื้นที่ใกล้เคียง โดยมีนายทุนผู้ค้ายาเสพติดชาวเมียนมาร์ เป็นผู้ว่าจ้าง จึงได้เฝ้าติดตามพฤติการณ์ของกลุ่มเป้าหมายอย่างต่อเนื่อง จนกระทั่งวันที่ 27 ก.ค.66 ได้ร่วมกันกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง จับกุมตัวนายไพโรจน์ พร้อมของกลางยาบ้า จำนวนประมาณ 400,000 เม็ด ซุกซ่อนอยู่ในช่องตู้ลำโพงแบบดัดแปลงด้านหลังเบาะนั่งผู้โดยสารตอนหลัง และซุกซ่อน  ในช่องตัวถังรถในส่วนช่องเก็บสัมภาระท้ายรถยนต์ทะเบียน ขอ 41XX เชียงใหม่ ในพื้นที่ อ.คลองหลวง จ.ปทุมธานี ตำรวจชุดจับกุมได้ตรวจยึดของกลางทั้งหมด ส่งพนักงานสอบสวนดำเนินคดีตามกฎหมายและขยายผลดำเนินคดี และออกหมายจับบุคคลในเครือข่าย ตามประมวลกฎหมายยาเสพติด พ.ศ.2564 ต่อไป

รายที่ 2 ตำรวจ ปส.2 ได้สืบสวนขยายผลจับกุมนายธนพัฒน์ หรือเฟส พร้อมยาเสพติดไอซ์ น้ำหนักประมาณ 120 กก. ที่ จ.ชัยภูมิ พบความเคลื่อนไหวของ น.ส.นิติยา ซึ่งเป็นกลุ่มเครือข่ายเดียวกัน จะมีการลักลอบลำเลียงยาเสพติด จากพื้นที่แนวชายแดนภาคตะวันออกเฉียงเหนือเข้าสู่พื้นที่ตอนใน โดยใช้รถยนต์กระบะ ทะเบียน กต-2xxx เลย เป็นยานพาหนะในการลำเลียงยาเสพติด จึงได้ร่วมกันวางแผนการจับกุมตามเส้นทางที่ น.ส.นิติยา ใช้เป็นเส้นทางในการลำเลียงยาเสพติด จนกระทั่ง เวลาประมาณ 22.00 น. พบรถยนต์ทะเบียน กต-2xxx เลย ในเขตพื้นที่ อ.บุ่งคล้า จ.บึงกาฬ ขับมุ่งหน้าไป จ.สกลนคร เมื่อรถยนต์ขับมาถึงสะพานแม่น้ำยาม ต.อากาศ อ.อากาศอำนวย จ.สกลนคร ตำรวจ ปส.2 จึงได้แสดงตัวเข้าทำการตรวจสอบ พบ น.ส.นิติยา เป็นคนขับ ตรวจสอบภายในรถยนต์คันดังกล่าว พบยาบ้าจำนวน 3 กระสอบ ประมาณ 1,300,000 เม็ด ซุกซ่อนอยู่ในที่นั่งด้านหลังรถยนต์คันดังกล่าว จึงยึดไว้เป็นของกลาง จากนั้นได้จับกุมผู้ต้องหาพร้อมของกลาง ส่ง พงส.บก.ปส.2 เพื่อดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป

รายที่ 3 ตำรวจ ปส. โดยตำรวจ ปส.4 ได้ทำการสืบสวนขยายผลเครือข่ายยาเสพติดในพื้นที่ภาคใต้ จนทราบว่า กลุ่มผู้ค้ายาเสพติดเครือข่าย จะลำเลียงยาเสพติด จากพื้นที่ จ.ระนอง ไปส่งที่ อ.หัวไทร จ.นครศรีธรรมราช จึงได้เฝ้าติดตามพฤติการณ์ จนกระทั่งวันที่ 3 ส.ค.66 พบรถยนต์ทะเบียน 3 ฒฌ 6xxx กทม. มีนายมูสเล็ม เป็นผู้ขับขี่ และรถยนต์ ยี่ห้อมิตซูบิชิ ทะเบียนสงขลา ทำหน้าที่ขับนำทางสำรวจเส้นทาง ขับมุ่งหน้าขาออก สายเอเชีย 41 ผ่าน จ.สุราษฎร์ธานี เข้าพื้นที่ อ.หัวไทร จ.นครศรีธรรมราช ตำรวจ ปส. จึงได้สกัดจับกุม ผลการตรวจค้นพบ คีตามีน จำนวน 850 ถุง น้ำหนักประมาณ 850 กิโลกรัม ซุกซ่อนอยู่ในกระสอบท้ายรถยนต์กระบะดังกล่าว จากการสอบถามนายมูสเล็ม ผู้ขับขี่ รับว่าขนยาเสพติดมาจาก จ.ระนอง เพื่อนำไปส่งที่ อ.หัวไทร จ.นครศรีธรรมราช จึงควบคุมตัวผู้ต้องหาพร้อมของกลางส่ง พงส.บก.ปส.4 ดำเนินคดี เพื่อสืบสวนขยายผลจับกุมผู้ร่วมขบวนการต่อไป

รายที่ 4 ตำรวจ ปส.4 ได้สืบสวนทราบว่าจะมีกลุ่มผู้ลักลอบลำเลียงยาเสพติดจากพื้นที่ภาคใต้เดินทางขึ้นไปรับยาเสพติดในพื้นที่ภาคกลาง เพื่อนำมาส่งมอบให้กับเครือข่ายนักค้ายาเสพติดในพื้นที่จังหวัดทางภาคใต้ ตำรวจชุดจับกุมจึงได้เฝ้าติดตามพฤติการณ์ จนกระทั่งเมื่อวันที่ 4 ส.ค.66 เวลาประมาณ 13.45 น. พบรถยนต์กลุ่มเป้าหมาย รถยนต์ทะเบียน 3ฒม 3xxx กทม. เป็นรถบรรทุกขนาดเล็กมีลักษณะเป็นตู้ทึบสำหรับบรรทุกสินค้า มีนายโสมนัส เป็นผู้ขับขี่, รถยนต์ทะเบียน 3 ขผ 3xxx กทม. ทำหน้าที่คุ้มกัน/สำรวจเส้นทาง (คันที่ 1)  มีนายยงยุทธ เป็นผู้ขับขี่ และรถยนต์หมายเลขทะเบียน  กย 4xxx กาญจนบุรี  ทำหน้าที่คุ้มกัน/สำรวจเส้นทาง(คันที่2) มีนายอำนาจ เป็นผู้ขับขี่, นายอาลียัส นั่งคู่คนขับ วิ่งผ่านถนนพระราม 2 มุ่งหน้าลงใต้ เข้าเขตพื้นที่ จ.ประจวบคีรีขันธ์ ต่อมารถยนต์ทั้งสามคันทยอยเข้ามาจอด ที่หน้าร้านอาหารแห่งหนึ่ง ต.ไชยราช อ.บางสะพานน้อย จ.ประจวบคีรีขันธ์ ตำรวจจึงได้จับกุม ตรวจค้นพบของกลางยาบ้า จำนวน 12 ล้านเม็ด, ไอซ์ น้ำหนักประมาณ 320 กิโลกรัม จากการค้นตัวนายอำนาจ และนายอาลียัส พบอาวุธปืนพกสั้น แบบลูกโม่ ขนาด .38 จำนวน 2 กระบอก และกระสุนขนาด .38 จำนวน 28 นัดจึงควบคุมตัวผู้ต้องหาพร้อมของกลางส่ง พงส.บก.ปส.4  เพื่อสืบสวนสอบสวนขยายผลต่อไป

รายที่ 5 ตำรวจ สกส. ได้สืบสวนทราบว่าขบวนการขนยาเสพติดของ นายวีระเดช ซึ่งลักลอบขนยาเสพติดจากพื้นที่ทางภาคเหนือ จะนำไปส่งให้ลูกค้าใน จ.พระนครศรีอยุธยา จึงวางแผนจับกุม ต่อมาวันที่ 8 ส.ค.66 เวลาประมาณ 23.40 น. ได้พบรถกระบะ MITSUBISHI TRITON สีดำ หมายเลขทะเบียน ฒฐ 28XX กรุงเทพมหานคร, รถกระบะ TOYOTA HILUX REVO สีขาว หมายเลขทะเบียน บพ 39XX พะเยา และรถกระบะ TOYOTA Hilux Revo สีขาวหมายเลขทะเบียน บบ 87XX พะเยา ขับขี่ไปติดไฟแดง บริเวณ ต.สมอแข อ.เมือง จ.พิษณุโลก จึงแสดงตัวเข้าทำการตรวจค้น พบยาเสพติดไอซ์ จำนวน 10 กระสอบ น้ำหนักประมาณ 200 กิโลกรัม ซุกซ่อนอยู่ในกองผักท้ายกระบะรถ หมายเลขทะเบียน บพ 3983 พะเยา มีนายวีระเดช เป็นผู้ขับขี่ จึงยึดเป็นของกลาง  ตำรวจ ปส.จึงจับกุมตัวนายวีระเดช พร้อมของกลางนำส่ง พงส. บช.ปส.ดำเนินคดี และขยายผลถึงผู้ร่วมขบวนการต่อไป

สำหรับเดือน ก.ค.66 ตำรวจ ปส. สามารถจับกุมยาเสพติดรายสำคัญ 20 คดี  ผู้ต้องหา 36 คน ของกลาง ยาบ้า 18.5 ล้านเม็ด, ไอซ์ 310 กก. และ เฮโรอีน 14 กก.

ตำรวจไซเบอร์ ตัดวงจรค้ากามเด็กผันตัวจากผู้ขายเป็นนายหน้า นำเด็ก ๑๔ ค้าบริการ ผ่านทวิตเตอร์

กองบัญชาการตำรวจสืบสวนสอบสวนอาชญากรรมทางเทคโนโลยี ภายใต้การอำนวยการของ พล.ต.ท.วรวัฒน์ วัฒน์นครบัญชา ผบช.สอท. ได้สั่งการให้มีตรวจสอบการกระทำความผิดตามสื่อสังคมออนไลน์ ต่าง ๆ ที่สร้างความเดือดร้อนแก่พี่น้องประชาชนให้ถึงต้นตอของขบวนการอย่างจริงจัง

สืบเนื่องจากกลุ่มงานต่อต้านการล่วงละเมิดทางเพศต่อเด็กทางอินเทอร์เน็ต บก.ตอท. ได้รับแจ้งจาก 
มูลนิธิพิทักษ์สตรี (Alliance Anti Trafic หรือ AAT) กรณีพบการโพสต์ลักษณะเชิญชวนให้ซื้อบริการทางเพศ ในพื้นที่ อำเภอเมือง จังหวัดกำแพงเพชร โพสต์โดยผู้ใช้บัญชีทวิตเตอร์ที่มีชื่อว่า you @you๐๙๖๕๔๓ โดยให้ QR Code สำหรับเพิ่มเพื่อนไว้เป็นช่องทางสำหรับติดต่อ เจ้าหน้าที่ตำรวจได้ให้สายลับสแกน QR Code จากทวิตเตอร์ เพื่อใช้ในการติดต่อผ่านทางแอปพลิเคชันไลน์ จากนั้นจึงได้รับข้อมูลจากนายหน้าว่ามีหญิงสำหรับขายบริการ ในราคา ๑,๑๐๐ บาท และมีการส่งภาพหญิงขายบริการดังกล่าวมาให้จำนวน ๔ ภาพ โดยเงื่อนไขต้องมีการโอนมัดจำก่อนใช้บริการจำนวน ๒๐๐ บาท โดยโอนเงินไปยังบัญชีธนาคารออมสินของ น.ส.เอ (นามสมมติ) ส่วนอีก ๙๐๐ บาท นัดจ่ายหลังจากส่งหญิงขายบริการที่โรงแรม โดยได้ข้อมูลจากหญิงขายบริการว่าได้รับส่วนแบ่ง ๖๐๐ บาทต่อครั้ง จากนายหน้าหรือผู้เป็นธุระจัดหา

ต่อมาวันที่ ๕ สิงหาคม ๒๕๖๖ พ.ต.ท.วิสุทธิ์  ขุนพิลึก สว.กลุ่มงานต่อต้านการล่วงละเมิดทางเพศต่อเด็กทางอินเทอร์เน็ต บก.ตอท., พ.ต.ท.วิเชียร  คำชุมภู สว.ฯ, พ.ต.ท.ธนพงศ์ธัช  อ่อนชูเหมรัต สว.ฯ, พ.ต.ต.เขมอธิษฐ์  ทองคำ สว.ฯ, ว่าที่ ร.ต.ท.ชัยวัฒน์  ตั้งใจเพียร รอง สว.ฯ  พร้อมชุดสืบสวน ร่วมกับ ศพดส. ภ.๖, กก.สส.ภ.จว.พิษณุโลก, กก.สส.ภ.จว.กำแพงเพชร และ สภ.เมืองกำแพงเพชร เข้าดำเนินการจับกุม โดยเมื่อเวลา ๐๙.๒๗ น. สายลับตกลงใช้บริการและได้โอนเงินมัดจำเป็นจำนวนเงิน ๔๐๐ บาท เข้าบัญชีผู้ต้องหา จากนั้นเวลา ๑๓.๐๐ น. จึงนัดหมายส่งตัวหญิงสาวผู้ขายบริการที่โรงแรมแห่งหนึ่ง ในตำบลนครชุม จังหวัดกำแพงเพชร และส่งมอบเงินส่วนที่เหลือจำนวน ๔,๐๐๐ บาท

ต่อมาเวลาประมาณ ๑๔.๐๐ น. น.ส.เอ (นามสมมติ) ขับ รถจักรยานยนต์ Honda Wave I สีน้ำเงินดำพาหญิงสาวผู้ขายบริการที่นัดหมายไว้มาส่งให้กับสายลับเข้ามาภายในโรงแรม ที่ห้องพักหมายเลข ๐๑, ๐๒, ๐๓ และ ๐๔ สายลับจึงได้ชำระเงินส่วนที่เหลือให้กับ น.ส.เอ (นามสมมติ) ภายในห้องพักหมายเลข ๐๑ เป็นเงินจำนวน ๔,๐๐๐ บาท เมื่อ น.ส.เอ (นามสมมติ) รับเงินจำนวนดังกล่าวแล้ว จึงออกมาจากห้องหมายเลข ๐๑ เดินออกมาบริเวณถนนหน้าห้องเตรียมที่จะขี่รถจักรยานยนต์กลับไป เจ้าพนักงานตำรวจจึงได้แสดงตัวและเชิญตัว น.ส.เอ (นามสมมติ) และหญิงสาวผู้ขายบริการทางเพศมาตรวจสอบข้อมูลบุคคลที่ สภ.เมืองกำแพงเพชร

จากการตรวจสอบข้อมูลบุคคลหญิงสาวผู้ขายบริการทางเพศ ทราบชื่อ ด.ญ.บี (นามสมมติ) อายุ ๑๔ ปี, ด.ญ.ซี(นามสมมติ) อายุ ๑๕ ปี และ น.ส.ดี (นามสมมติ) อายุ ๑๖ ปี จึงได้ประสาน เจ้าหน้าที่ พม. เข้าร่วมคุ้มครองคัดแยกผู้เสียหายจากการค้ามนุษย์ โดยทีมสหวิชาชีพ ได้ร่วมกันสัมภาษณ์เด็กหญิงผู้ขายบริการทางเพศและมีการประชุมร่วมกันระหว่าง เจ้าหน้าที่ พม., พนักงานสอบสวน และเจ้าพนักงานตำรวจชุดจับกุม ผลการประชุมมีความเห็นว่าผู้ให้สัมภาษณ์ ราย ด.ญ.บี , ด.ญ.ซี และ น.ส.ดี เป็นผู้เสียหายจากการค้ามนุษย์ 

จึงได้แจ้งข้อกล่าวหาและร่วมกันจับกุม น.ส.เอ (นามสมมติ) อายุ ๑๖ ปี อาศัยอยู่ ต.ในเมือง อ.เมืองกำแพงเพชร จ.กำแพงเพชร ความผิดฐาน “กระทำการค้ามนุษย์โดยการแสวงหาประโยชน์โดยมิชอบจากการค้าประเวณี, เป็นธุระจัดหาล่อไปหรือชักพาไปซึ่งบุคคลใด เพื่อให้บุคคลนั้นกระทำการค้าประเวณี แม้บุคคลนั้นจะยินยอมก็ตาม, เพื่อสนองความใคร่ของผู้อื่น เป็นธุระจัดหา ล่อไป หรือพาไปเพื่อการอนาจารซึ่งชายหรือหญิง แม้ผู้นั้นจะยินยอมก็ตาม, ชักจูง ส่งเสริม หรือยินยอมให้เด็กประพฤติตนไม่สมควร หรือน่าจะทำให้เด็กมีความประพฤติเสี่ยงต่อการกระทำผิด”

ผลการปฏิบัติภายใต้การอำนวยการของ พล.ต.ต.ชูศักดิ์ ขนาดนิด ผบก.ตอท., พ.ต.อ.รุ่งเลิศ คันธจันทร์ ผกก.กลุ่มงานต่อต้านการล่วงละเมิดทางเพศต่อเด็กทาง อินเทอร์เน็ต บก.ตอท. สั่งการ พ.ต.ท.วิสุทธิ์ ขุนพิลึก สว.ฯ, พ.ต.ท.วิเชียร คําชุมภู สว.ฯ, พ.ต.ท.ธนพงศ์ธัช อ่อนชูเหมรัต สว.ฯ, พ.ต.ต.เขมอธิษฐ์  ทองคำ สว.ฯ พร้อมทีมสืบสวนดำเนินการจับกุม

สำนักงานตำรวจแห่งชาติ แจกรางวัล ผู้โชคดี!!! ได้ความรู้วัคซีนไซเบอร์และได้รับ iPhone 14 จำนวน 20 เครื่อง

เมื่อวันที่ 8 ส.ค.2566 เวลา 10.00 น. พล.ต.อ.ดำรงศักดิ์ กิตติประภัสร์ ผบ.ตร. พร้อมด้วย พล.ต.อ.สมพงษ์ ชิงดวง ที่ปรึกษาพิเศษ ตร. พล.ต.ท.ธัชชัย ปิตะนีละบุตร ผู้ช่วย ผบ.ตร. และคณะทำงานร่วมพิธีจับรางวัลผู้โชคดีจากการทำแบบทดสอบวัคซีนไซเบอร์ สำหรับประชาชน จำนวน 40 ข้อ ชิงรางวัล iPhone 14 ประจำเดือน กรกฏาคม 2566 จำนวน 20 เครื่อง ณ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ

ผบ.ตร. กล่าวว่า เมื่อช่วงต้นเดือน กรกฎาคม 2566 ได้ประชาสัมพันธ์เชิญชวนให้ประชาชนได้ทำแบบทดสอบวัคซีนไซเบอร์สำหรับประชาชน จำนวน 40 ข้อ เพื่อให้มีภูมิคุ้มกันภัยไซเบอร์ โดยเริ่มทำแบบทดสอบได้ตั้งแต่วันที่ 11 ก.ค.2566 จนถึง วันที่ 30 กันยายน 2566 หากทำแบบทดสอบครบ 40 ข้อแล้ว  จะได้รับ Whoscall Premium Gift Code ฟรี ซึ่งสามารถใช้บริการ Whoscall Premium Feature ได้ฟรี เป็นระยะเวลา 1 ปี หากทำแบบทดสอบได้คะแนนตั้งแต่ 35 ข้อ  ขึ้นไป จะมีสิทธิ์ลุ้นรับรางวัล  iPhone 14  เดือนละ 20 รางวัล  เป็นเวลา 3 เดือน  รวม 60 รางวัล  เริ่มจับรางวัลผู้โชคดีในเดือนสิงหาคม 2566  โดยประชาชนสามารถทำแบบทดสอบได้ไม่จำกัดจำนวนครั้ง  แต่จะได้รับสิทธิ Whoscall Premium และสิทธิลุ้น iPhone 14 เพียง 1 สิทธิ เท่านั้น

ในห้วงวันที่ 11 – 31 ก.ค.2566 มีประชาชนเข้ามาทำแบบทดสอบวัคซีนไซเบอร์ สำหรับประชาชน จำนวน 40 ข้อ  และได้รับสิทธิ Whoscall Premium Gift Code ฟรี ซึ่งสามารถใช้บริการฟีเจอร์เสริมต่างๆ จาก Whoscall Premium ได้ฟรีเป็นระยะเวลา 1 ปี จำนวน 78,083 คน  ในจำนวนนี้มีประชาชน ทำแบบทดสอบได้คะแนนตั้งแต่ 35 ข้อ  ขึ้นไป และได้รับสิทธิ์ลุ้นรับรางวัล iPhone 14 จำนวน 70,846 คน สำหรับวันนี้เป็นการจับรางวัลหาผู้โชคดี จำนวน 20 คนแรก  ที่จะได้รับรางวัล iPhone 14  จำนวน  20 รางวัลๆละ 1 เครื่อง สำหรับวิธีการจับรางวัลผู้โชคดี จำนวน 20 ท่าน ใช้วิธีกดสุ่มเลือกผู้โชคดีทีละรางวัลจากรายชื่อทั้งหมด โดยข้าราชการตำรวจหรือข้าราชการอื่นที่เข้าไปทำแบบทดสอบ สำหรับประชาชน จำนวน 40 ข้อนี้ ทุกคนมีสิทธิ์ลุ้นรับรางวัลทั้งหมด และวันนี้ผู้ที่โชคดีได้รับรางวัล iPhone 14  จำนวน 20 รางวัลๆ ละ 1 เครื่อง รายชื่อแนบท้ายใบแถลงข่าวนี้ ผบ.ตร.กล่าวเพิ่มเติมว่า วันนี้ได้จับรางวัลหาผู้โชคดีรับ iPhone 14 จำนวน 20 คนแรก ครบถ้วนแล้ว และสำหรับเดือนสิงหาคม 2566  มีผู้ที่ได้รับรางวัลในการแนะนำให้ประชาชนทำแบบทดสอบมากที่สุด จำนวน 2 รางวัล ได้แก่

1. ตำรวจผู้แนะนำมากที่สุด คือ พ.ต.อ.ชัยณรงค์  บุญด้วง รอง ผบก.ภ.จว.สระแก้ว แนะนำ จำนวน 1,805 ราย 
2. ประชาชนผู้แนะนำมากที่สุดคือ น.ส.นัฐจิตต์ กุลดิลก แนะนำ จำนวน 164 ราย

สำหรับผู้ที่ทำแบบทดสอบไปแล้ว แต่ไม่ได้รับรางวัลประจำเดือน กรกฎาคม 2566  ยังมีสิทธิ์ลุ้นรางวัลประจำเดือน สิงหาคม และ กันยายน 2566 ได้โดยไม่ต้องทำแบบทดสอบใหม่ ส่วนผู้แนะนำที่จะได้รับรางวัล ต้องเริ่มนับใหม่ในเดือนถัดไป และต้องไม่ซ้ำคนเดิม ส่วนแบบทดสอบยังใช้แบบทดสอบเดิมบนระบบเดิม จึงขอฝากให้พี่น้องสื่อมวลชนได้ประชาสัมพันธ์ให้ผู้โชคดีได้รับทราบทั่วกัน สำหรับผู้โชคดีสามารถตรวจสอบรายชื่อได้ช่องทาง www.เตือนภัยออนไลน์.com  ในการรับรางวัล  จะมีเจ้าหน้าที่ตำรวจติดต่อไปยังผู้ที่โชคดี จากนั้นเจ้าหน้าที่ตำรวจที่ได้รับมอบหมายจะนำส่งรางวัลถึงบ้านหรือที่อยู่ของผู้โชคดีกับมือท่านเอง  สำหรับการจับรางวัลหาผู้โชคดีได้รับรางวัล iPhone 14 ประจำเดือน สิงหาคม และ กันยายน 2566 เดือนละ 20 รางวัล รวม 40 รางวัล จะมีขึ้นในวันที่เท่าใด ขอให้ติดตามรายละเอียดได้ในช่องทาง  www.เตือนภัยออนไลน์.com จึงขอประชาสัมพันธ์ให้พี่น้องประชาชนได้เข้าทำแบบทดสอบเพื่อจะได้มีภูมิคุ้มกันภัยไซเบอร์และได้ลุ้นรางวัล iPhone 14 ได้ใน 3 ช่องทาง ดังนี้ 1) สแกนคิวอาร์โค้ด 2) เข้าเว็ปไซต์ไซเบอร์วัคซีน และ ๓) ทำแบบทดสอบเมื่อครูไซเบอร์ไปให้ความรู้ในพื้นที่ โดยเป็นการเข้าแบบทดสอบผ่าน Google Form สำหรับทำแบบทดสอบ  ( หากไม่ชิงรางวัล สามารถทำแบบทดสอบได้เลย ) และจะสามารถดูเฉลยได้เมื่อทำข้อสอบเสร็จ กด "ดูคะแนน" 
กรณีต้องการรับสิทธิเพื่อชิงรางวัลต้องดำเนินการ ดังนี้

1. กดลิงก์ "เข้าเว็บไซต์ไซเบอร์วัคซีน" จาก Google form  หรือ เข้าผ่านเว็บไซต์  www.เตือนภัยออนไลน์.com   
และสมัครใช้งานและเข้าสู่ระบบไซเบอร์วัคซีนผ่านเว็บไซต์ดังกล่าว (เข้าสู่ระบบผ่านไลน์) 
2. ทำการยืนยันตัวตนด้วยบัตรประชาชน  หรือแอปพลิเคชัน THaID 
3. หน้าแรกของระบบไซเบอร์วัคซีน จะมีปุ่ม "ทดสอบ 40 คำถามสำหรับประชาชน"  ให้กดเพื่อทำแบบทดสอบ
4. เลือกยืนยันความสมัครใจรับการทดสอบ และ กรอกอีเมล  กรณีต้องการทราบผลคะแนนทางอีเมล
เพื่อให้พี่น้องประชาชนได้รู้เท่าทันภัยออนไลน์อย่างต่อเนื่อง จึงขอประชาสัมพันธ์ให้ทำแบบทดสอบ วัคซีนไซเบอร์ จำนวน 40 ข้อ และขอให้แชร์แบบทดสอบไปให้กับญาติหรือผู้เป็นที่รักเพื่อให้พี่น้องประชาชนที่ทำแบบทดสอบมีความรู้เท่าทันกลโกงของคนร้ายบนโลกออนไลน์และไม่ตกเป็นเหยื่อ 

ทั้งนี้สามารถติดตามข้อมูลการแจ้งเตือนภัยออนไลน์ได้ผ่านทาง www.เตือนภัยออนไลน์.com Facebook https://www.facebook.com/เตือนภัยออนไลน์ หมายเลขโทรศัพท์ 081-866-3000 หรือโทรศัพท์สายด่วน 1441 กรณีถูกคนร้ายหลอกลวงแจ้งความตำรวจผ่านระบบ www.thaipoliceonline.com  

( QR CODE ข้อสอบ 40 ข้อ สำหรับประชาชน)

ศรชล. นำเรือรับชาวกัมพูชา ติดเชื้อในกระแสเลือดจากเกาะกูดส่ง รพ.ตราด อย่างเร่งด่วน

น.อ.สุรศักดิ์ ภาแก้ว รอง ผอ.ศูนย์อำนวยการรักษาผลประโยชน์ของชาติทางทะเล จังหวัดตราด (รอง ผอ.ศรชล.จว.ตราด) มอบหมายให้ น.อ.ยุทธนา วงศ์ช่าง หน.ศูนย์ควบคุมความมั่นคงท่าเรือ จังหวัดตราด (หน.ศคท.จว.ตร.) พร้อม จนท.ฯ ร่วมให้การช่วยเหลือชาวกัมพูชาอย่างเร่งด่วน คาดว่าอาจติดเชื้อในกระแสเลือดจาก รพ.เกาะกูด ส่ง รพ.ตราด 

จากกรณี เมื่อเวลา 19.30 น.วันที่ 3 ส.ค.66 ศรชล.จว.ตราด ได้รับการประสานจาก ร.พ.ตราด ขอรับการสนับสนุนเรือ เพื่อทำการเคลื่อนย้ายผู้ป่วยจาก รพ.เกาะกูด มารักษาต่อยัง รพ.ตราด อ.เมือง จ.ตราด ทราบชื่อ นาย ซัน อิง ชาวกัมพูชา อายุ 62 ปี ที่มีอาการไข้สูง ไอมีเสมหะปนเลือด เหนื่อย หายใจเร็ว ซึม คาดว่าอาจติดเชื้อในกระแสเลือด โดยแพทย์ได้ใส่เครื่องช่วยหายใจ และต้องการนำตัวส่งวินิจฉัยอาการและรักษาตัว ณ รพ.ตราด

โดยใน เวลา 20.30 น. ศรชล.จว.ตราด ได้ประสาน ศรชล.ภาค 1 เพื่อขอรับการสนับสนุนเรือจาก มชด./1 พร้อมประสานกับ รพ.เกาะกูด และ รพ.ตราด สำหรับนำทีมแพทย์ช่วยเหลือผู้ป่วยและเส้นทางการส่งสายการแพทย์ และประสานกู้ภัยสว่างบุญช่วยเหลือตราด ในการเคลื่อนย้ายผู้ป่วยเส้นทางบกส่ง รพ.ตราด

ต่อมา เวลา 21.00 น. เรือ ต.263 จาก มชด./1 เดินทางจากท่าเทียบเรือเอนกประสงค์คลองใหญ่ จ.ตราด รับผู้ป่วยที่ รพ.เกาะกูด โดยมีพยาบาล รพ.เกาะกูด 2 คน ที่ให้การดูแลรักษา พร้อมญาติผู้ป่วย 2 คน โดยสารมากับเรือฯ  เดินทางถึงท่าเทียบเรือคลองใหญ่ เมื่อเวลา 21.30 น. โดยมีกู้ภัยสว่างฯ นำรถ 2 คัน พร้อม จนท.ฯ ดำเนินการเคลื่อนย้ายผู้ป่วย นำส่งสายการแพทย์ถึง รพ.ตราด เมื่อเวลา 23.45 น. เพื่อทำการวินิจฉัยและให้การรักษาพยาบาล ต่อไป

การประชุมเชื่อมความสัมพันธ์ระหว่างกวางตรี-ไทย ณ ประเทศเวียดนาม

เมื่อวันที่ 3 สิงหาคม 2566 นายนิกรเดช พลางกูร เอกอัครราชฑูต ณ กรุงฮานอย นำทีมประเทศไทย ประกอบด้วย นายวรญาณ บุญณราช ผู้ว่าราชการจังหวัดมุกดาหาร นางอัญชลี กัลมาพิจิตร นายกเหล่ากาชาดจังหวัดมุกดาหาร  กงสุลใหญ่ ณ นครโฮจิมินท์ พร้อมด้วยนักธุรกิจของไทย อาทิ บมจ. อมตะ เซนทรัล ซีพี SCG และบริษัทผู้ผลิตพลังงาน พลังงานทดแทน  เข้าเยี่ยมคาราวะนายเล กวาง ตุ่ง( Mr.Le Quang Tung ) เลขาธิการพรรคคอมมิวนิสต์จังหวัดกวางตรี  ณ โรงแรมไซ่ง่อน ดองฮา ประเทศเวียดนาม

ทางจังหวัดกวางตรีได้เชิญชวนผู้ประกอบการร่วมลงทุนพร้อมยินดีอำนวยความสะดวกแก่นักลงทุนไทย ทั้งรายใหญ่ ขนาดกลางและขนาดเล็กพร้อมทั้งยินดีพัฒนาความร่วมมือและความสัมพันธ์ให้ก้าวหน้ายิ่งขึ้น      

จากนั้นมีประชุมเชื่อมความสัมพันธ์ระหว่างกวางตรี-ไทย โดยมีผู้เข้าร่วมประชุมจากภาครัฐ ภาคเอกชน ทั้งไทยและเวียดนาม คณะผู้บริหารของจังหวัดในเวียดนาม จาก 15 จังหวัด รวมทั้งผู้ว่าราชการจังหวัดมุกดาหารและคณะด้วย 
     
ทั้งนี้สถานเอกอัครราชทูตได้จัดเลี้ยงรับรอง โดยมีการแสดงศิลปวัฒนธรรมไทยจากครูและนักเรียน โรงเรียนมุกดาหาร จังหวัดมุกดาหารอีกด้วย

ศปน.ตร.ระดมกวาดล้างเครือข่ายแอปเงินกู้นอกระบบและแก๊งรับจำนำรถในพื้นที่ภาค 1 และ 2 ปูพรมตรวจค้นพื้นที่ รวมดำเนินคดี ผู้ต้องหา 23 ราย ยึดของกลางอีกหลายรายการ

ศูนย์ป้องกันปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับหนี้นอกระบบ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ ได้รับเรื่องร้องเรียนจากผู้เสียหายที่ได้รับความเดือดร้อนจากเงินกู้นอกระบบในหลายรูปแบบ เช่น แอปพลิเคชันเงินกู้  ผิดกฎหมาย , แก๊งหมวกกันน็อค , การรับจำนำรถ เป็นต้น ศูนย์ป้องกันปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับหนี้นอกระบบ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ศปน.ตร.) นำโดย พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ หักพาล รอง ผบ.ตร./  ผอ.ศปน.ตร., พล.ต.อ.สมพงษ์ ชิงดวง ที่ปรึกษาพิเศษ ตร./รอง ผอ.ศปน.ตร. พล.ต.ท.สราวุฒิ การพานิช ผู้ช่วย ผบ.ตร./รอง ผอ.ศปน.ตร. ได้สั่งการให้ ชุดปฏิบัติการสืบสวนส่วนกลาง ศปน.ตร. เร่งรัดปราบปรามกลุ่มเงินกู้นอกระบบที่เอารัดเอาเปรียบประชาชน เรียกเก็บดอกเบี้ยเกินอัตรากว่าที่กฎหมายกำหนด และมีการสร้างความเดือดร้อนให้แก่ลูกหนี้ โดยให้ดำเนินการสืบสวนหาเครือข่ายผู้กระทำความผิดดังกล่าวมาดำเนินคดีตามกฎหมาย ซึ่งศูนย์ป้องกันปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับหนี้นอกระบบ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ โดยชุดปฏิบัติการสืบสวนส่วนกลาง มีผลการดำเนินการ ดังนี้

1. ชุดปฏิบัติการสืบสวนส่วนกลาง ศปน.ตร. ชุดที่ 1 จับกุมแก๊งแอปเงินกู้นอกระบบ
พล.ต.ท.จิรพัฒน์ ภูมิจิตร ผบช.ภ.1 , พล.ต.ต.นราเดช ทิพย์รักษ์ รอง ผบช.ภ.1 ได้สั่งการให้ เจ้าหน้าที่ ชป.ส่วนกลาง 1 ดำเนินการสืบสวนรวบรวมพยานหลักฐาน ในความผิดเกี่ยวกับแอปพลิเคชันเงินกู้ผิดกฎหมาย ชื่อแอพ“กู้ให้ดีดี” ซึ่งมีรูปแบบการให้กู้ยืมผ่านแอปพลิเคชัน ระยะเวลาในการกู้ยืมเงิน 7 วัน โดยจะหักดอกเบี้ยเงินกู้ร้อยละ 40 ต่อ 7 วัน ต้องชำระเงินคืนเต็มจำนวน เมื่อคิดเป็นอัตราดอกเบี้ยต่อปีจะพบว่า มีอัตราดอกเบี้ยสูงถึง 2085% ต่อปี หากไม่สามารถหาเงินมาชำระได้ทัน ผู้กู้ก็จะถูกโทรศัพท์มาข่มขู่ และโพสต์รูปประจานบนสื่อสังคมออนไลน์ 

จากการสืบสวนพบว่า เครือข่ายเงินกู้นอกระบบแอปพลิเคชัน “กู้ให้ดีดี” มีเส้นทางการเงินของเครือข่ายนี้ แบ่งออกเป็น 3 กลุ่ม มีรายละเอียด ดังนี้

- กลุ่มบัญชีโอนเงินให้ผู้กู้ (บัญชีธนาคารขาเข้า) และเชื่อได้ว่าเป็นกลุ่มบัญชีธนาคารที่ใช้เพื่อหลบเลี่ยงการตรวจสอบ (บัญชีม้าสำหรับโอนเงินกู้ให้ผู้กู้)
- กลุ่มเจ้าของบัญชีรับชำระเงินต้น/ดอกเบี้ย (บัญชีธนาคารขาออกชั้นที่ 1) และเชื่อว่าเป็นกลุ่มบัญชีธนาคารที่ใช้เพื่อหลบเลี่ยงการตรวจสอบ (บัญชีม้าสำหรับรับโอนชำระหนี้เงินกู้)
- กลุ่มเจ้าของบัญชี สำหรับพัก/ยักย้าย/รวบรวมทรัพย์สิน (บัญชีธนาคารขาออกชั้นที่ 2) โดยการรับโอนจากบัญชีธนาคารกลุ่มเจ้าของบัญชีรับชำระเงินต้น/ดอกเบี้ย และพบว่าบางส่วนโอนแจกจ่ายต่อไปยังบัญชีธนาคารกลุ่มโอนเงินให้ผู้กู้ จึงเชื่อว่าเป็นกลุ่มบัญชีนายทุนเงินกู้ และผู้รับผลประโยชน์จากดอกเบี้ยเงินกู้ 

จากพยานหลักฐานที่เจ้าหน้าที่ตำรวจรวบรวมได้ จึงได้ร้องขออนุมัติหมายจับศาลจังหวัดสมุทรปราการ เจ้าของบัญชีธนาคารที่เกี่ยวข้องในเครือข่ายลักลอบปล่อยเงินกู้ แอพพลิเคชั่น “กู้ให้ดีดี” จำนวน 14 ราย ในข้อหา "ร่วมกันให้บุคคลอื่นกู้ยืมเงินหรือกระทำการใด ๆ อันมีลักษณะเป็นการอำพรางการให้กู้ยืมเงิน โดยมีลักษณะเรียกดอกเบี้ยเกินอัตราที่กฎหมายกำหนดและโดยกำหนดข้อความอันเป็นเท็จในเรื่องจำนวนเงินกู้หรือเรื่องอื่นๆไว้ในหลักฐานการกู้ยืม หรือตราสารที่เปลี่ยนมือได้ เพื่อปิดบังการเรียกดอกเบี้ยเกินอัตราที่กฎหมายกำหนดและร่วมกันเป็นผู้ประกอบธุรกิจสินเชื่อส่วนบุคคลภายใต้การกำกับในทางการค้าปกติโดยไม่ได้รับอนุญาต"  โดยมีเงินหมุนเวียนประมาณ 160 ล้านบาท ต่อมาวันที่ 3 ส.ค.66 พล.ต.ต.อภิชาติ วรรณภักดิ์ ผบก.บก.สส.ภ.1 , พล.ต.ต.วรพงศ์  คำลือ  ผบก.สส.ภ.๕  , พล.ต.ต.พัลลภแอร่มหล้า ผบก.ภ.จว.สมุทรปราการ , พล.ต.ต.ดุลเดชา อาชวะสมิตระกูล ผบก.ภจว.เชียงราย , พ.ต.อ.โชติวัฒน์ เหลืองวิลัย รอง ผบก.ภ.จว.สมุทรปราการ , พ.ต.อ.พีรศักดิ์  รอดบน  รอง ผบก.สส.ภ.1 / หน.ชป.ส่วนกลาง ศปน.ตร. ชุดที่ 1 และ พ.ต.อ.กฤษดา พันธ์เกษม รอง ผบก.ภ.จว.เชียงใหม่ / หน.ชป.ส่วนกลาง ศปน.ตร.ชุดที่ 5 พร้อมด้วยชุดปฏิบัติการ ศปน.ตร.ภ.1 และ ภ.5  เข้าทำการ   ปิดล้อมตรวจค้นเป้าหมายจำนวน 9 จุด ในพื้นที่ 3 จังหวัด ได้แก่ กรุงเทพมหานคร นนทบุรี และ เชียงราย ผลการดำเนินการสามารถจับกุมผู้ต้องหาตามหมายจับได้ทั้งหมด 9 ราย หลบหนี 5 ราย ประกอบด้วย

1. น.ส.พรทิพย์ (สงวนนามสกุล) ตามหมายจับของศาลจังหวัดสมุทรปราการที่ 476/2566 ลง 20 ก.ค.66
2. นายรังสิมันต์ (สงวนนามสกุล) ตามหมายจับของศาลจังหวัดสมุทรปราการที่ 477/2566 ลง 20 ก.ค.66
3. น.ส.ศุจิกานต์ (สงวนนามสกุล) ตามหมายจับของศาลจังหวัดสมุทรปราการที่ 478/2566 ลง 20 ก.ค.66
4. นายกิตติพันธ์ (สงวนนามสกุล) ตามหมายจับของศาลจังหวัดสมุทรปราการที่ 480/2566 ลง 20 ก.ค.66
5. นายนที (สงวนนามสกุล) ตามหมายจับของศาลจังหวัดสมุทรปราการที่ 484/2566 ลง 20 ก.ค.66
6. นายสิษธินันท์ (สงวนนามสกุล) ตามหมายจับของศาลจังหวัดสมุทรปราการที่ 485/2566 ลง 20 ก.ค.66
7. นายสุทธินัน (สงวนนามสกุล) ตามหมายจับของศาลจังหวัดสมุทรปราการที่ 486/2566 ลง 20 ก.ค.66
8. นางอรศิริ (สงวนนามสกุล) ตามหมายจับของศาลจังหวัดสมุทรปราการที่ 488/2566 ลง 20 ก.ค.66
9. น.ส.มณีพรรณ (สงวนนามสกุล) ตามหมายจับของศาลจังหวัดสมุทรปราการที่ 489/2566 ลง 20 ก.ค.66
นำส่งพนักงานสอบสวน สภ.บางแก้ว ภ.จว.สมุทรปราการ เพื่อดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป

2. ชุดปฏิบัติการสืบสวนส่วนกลาง ศปน.ตร. ชุดที่ 2 จับกุมแก๊งเสี่ยไอซ์ จำนำรถ
ด้วยเมื่อวันที่ 31 ม.ค.66 เจ้าหน้าที่ตำรวจ ศปน.ภ.2  ได้ทำการจับกุม นายณัฐพงษ์ หรือโจ้ (สงวนนามสกุล) อายุ 36 ปี โดยขออนุมัติหมายค้นศาลจังหวัดพัทยา ที่ 12/2566 ลง 31 ม.ค. 2566 เข้าทำการตรวจค้นบ้าน 299/22 ม.4 ต.บางละมุง อ.บางละมุง จว.ชลบุรี โดยมีนายณัฐพงษ์ หรือโจ้ (สงวนนามสกุล) แสดงตัวเป็นเจ้าของบ้านหลังดังกล่าว และนำเจ้าหน้าที่ตำรวจชุดปฏิบัติการส่วนกลาง ศปน.ตร.ภ.2 เข้าตรวจค้นภายในบ้านหลังดังกล่าวและบริเวณใกล้เคียง 
จากการตรวจค้นได้ตรวจยึดจับกุม 
1. รถจักรยานยนต์ จำนวน 37 คัน
2. รถยนต์ จำนวน 69 คัน
3. โทรศัพท์เคลื่อนที่ฯ  จำนวน 1 เครื่อง
4. สมุดจดบันทึกรายการบัญชีเงินกู้ของลูกค้าและรายการรับจำนำรถ จำนวน 1 เล่ม

รวมของกลางทั้งสิ้น จำนวน 108 รายการ เจ้าหน้าที่ตำรวจจึงได้ทำการจับกุม และแจ้งข้อกล่าวหาผู้ถูกจับในความผิดฐาน “ ประกอบธุรกิจ สินเชื่อส่วนบุคคลโดยไม่ได้ขออนุญาต , และจัดตั้งโรงรับจำนำโดยไม่ได้รับอนุญาต” รวมของกลาง จำนวน 108 รายการดังกล่าวข้างต้น จากนั้นนำตัวผู้ถูกจับพร้อมของกลางส่งพนักงานสอบสวน สภ.บางละมุง จว.ชลบุรี   เพื่อดำเนินคดีตามกฎหมาย

พล.ต.ท. อิทธิพล  อิทธิสารรณชัย ผบช.ภ.2 , พล.ต.ต.ชัยต์พจน  สูวรรณรักษ์  รอง ผบช.ภ.2 / รอง ผอ.ศปน.ภ.2 ได้สั่งการเจ้าหน้าที่ ชป.ส่วนกลาง 2 ให้ดำเนินการสืบสวนขยายผลเพิ่มเติม เพื่อรวบรวมพยานหลักฐานในการดำเนินคดีกับบุคคลอื่นที่ร่วมอยู่ในขบวนการ ต่อมาสามารถขออนุมัติศาลจังหวัดพัทยา ออกหมายจับบุคคลผู้เกี่ยวข้องได้เพิ่มเติม จำนวน 2 ราย ได้แก่

1. นายกฤตภาส (สงวนนามสกุล) ตามหมายจับศาลจังหวัดพัทยา ที่ จ.359/2566 ลง 13 ก.ค. 66 (จับกุม)
2. นายฐณะวัฒน์ หรือ เสี่ยไอซ์  (สงวนนามสกุล) ตามหมายจับศาลจังหวัดพัทยา ที่ จ.360/2566 ลง 13 ก.ค. 66 (หลบหนี)
ในความผิดฐาน “ร่วมกันประกอบธุรกิจให้สินเชื่อส่วนบุคคลภายใต้การกำกับในทางการค้าปกติ โดยไม่ได้รับอนุญาตจากรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง และร่วมกันให้กู้ยืมเงินโดยคิดดอกเบี้ยเกินอัตราที่กฎหมายกำหนด และร่วมกันจัดตั้งโรงรับจำนำโดยไม่ได้รับอนุญาต”

จากการดำเนินการดังกล่าว ต่อมาวันที่ 3 ส.ค. 66 พ.ต.อ.ชาตรี  สุขศิริ รอง ผบก.ภ.จว.ชลบุรี / หน.ชป.ส่วนกลาง ศปน.ตร. ชุดที่ 2 และ พ.ต.อ.อรรฆพงษ์  สุนทรวิภาต รอง ผบก.ภ.จว.จันทบุรี /หน.ชป. ศปน.ภ.2 พร้อมด้วยชุดปฏิบัติการ ศปน.ตร.ภ.2 , ภ.1 , ภ.7 , สตม. และ บช.ทท. เข้าทำการปิดล้อมตรวจค้นเป้าหมายจำนวน 14 จุด ในพื้นที่ 4 จังหวัด ได้แก่ ชลบุรี , ระยอง , พิษณุโลก และ กาญจนบุรี เพื่อค้นหาผู้ต้องหาตามหมายจับ รวมทั้งบุคคลอื่นที่เกี่ยวข้อง และตรวจยึดทรัพย์สิน ผลการดำเนินการสามารถจับกุมผู้ต้องหาได้สิ้น 7 ราย ประกอบด้วย
พื้นที่ จ.ระยอง

1. น.ส.จันทิมา (สงวนนามสกุล) ตามหมายจับศาลจังหวัดจันทบุรี ที่ 153/2564 ลง 2 ส.ค.64 ในข้อหา ฉ้อโกง และ แจ้งข้อกล่าวหา ประกอบสินเชื่อส่วนบุคคลโดยไม่ได้รับอนุญาต และจัดตั้งโรงรับจำนำโดยไม่ได้รับอนุญาต
2. นายนรงค์ฤทธิ์ (สงวนนามสกุล) ตามหมายจับศาลจังหวัดชลบุรี ที่ 150/2566 ลง 31 ม.ค.66 ในข้อหา ยักยอกทรัพย์
3. น.ส.มณิสรา (สงวนนามสกุล) ในข้อหา ประกอบธุรกิจสินเชื่อส่วนบุคคลโดยไม่ได้ขออนุญาต และ จัดตั้งโรงรับจำนำโดยไม่ได้รับอนุญาต
พื้นที่ จ.ชลบุรี

1.นายพิมพ์พันธ์ (สงวนนามสกุล) ในข้อหา มีอาวุธปืนไว้ในความครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาต
2.นายทศพนธ์ (สงวนนามสกุล) ในข้อหา ประกอบธุรกิจสินเชื่อส่วนบุคคลโดยไม่ได้รับอนุญาตฯ และ
ให้กู้ยืมเงินโดยเรียกดอกเบี้ยเกินอัตราที่กฎหมายกำหนด
พื้นที่ จ.กาญจนบุรี

1.นายกฤตภาส (สงวนนามสกุล) ตามหมายจับศาลจังหวัดพัทยา ที่ 359/2566 ลง 13 ก.ค. 66 ใน
ข้อหา ร่วมกันประกอบธุรกิจให้สินเชื่อส่วนบุคคลภายใต้การกำกับในทางการค้าปกติ โดยไม่ได้รับอนุญาตจากรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง และร่วมกันให้กู้ยืมเงินโดยคิดดอกเบี้ยเกินอัตราที่กฎหมายกำหนด และร่วมกันจัดตั้งโรงรับจำนำโดยไม่ได้รับอนุญาต
2.นายภาคภูมิ (สงวนนามสกุล) ในข้อหา ประกอบธุรกิจสินเชื่อส่วนบุคคลโดยไม่ได้ขออนุญาต และ 
จัดตั้งโรงรับจำนำโดยไม่ได้รับอนุญาต
ซึ่งในปฏิบัติการปิดล้อมตรวจค้นครั้งนี้ มีของกลางที่ตรวจยึดได้ ดังนี้

1.รถยนต์  29 คัน
2.รถจักรยานยนต์ 10 คัน
3.กุญแจรถยนต์ 12 ดอก
4.สมุดบัญชีเงินฝาก 10 เล่ม
5.บัตรเอทีเอ็ม  3 ใบ
6.สมุดจดรายการ 5 เล่ม
7.อาวุธปืน  1 กระบอก
8.โทรศัพท์มือถือ 7 เครื่อง
9.โน๊ตบุค  3 เครื่อง

ซึ่งเครือข่ายรับจำนำรถของเสี่ยไอซ์ มีเงินหมุนเวียน ประมาณ 100 ล้านบาท
พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ หักพาล รอง ผบ.ตร./ผอ.ศปน.ตร. กล่าวว่า ในวันนี้ ศปน.ตร. มีหน้าที่ในการปราบปรามแก๊งเงินกู้นอกระบบ ซึ่งปัจจุบันมีการกระทำผิดในหลายรูปแบบ ปฏิบัติการครั้งนี้เป็นการจับกุม     แอปพลิเคชันเงินกู้นอกระบบผิดกฎหมายที่เอารัดเอาเปรียบประชาชน และเป็นการตัดวงจรกลุ่มบัญชีม้าซึ่งเป็นต้นทางของการนำไปก่ออาชญากรรมในหลากหลายรูปแบบ หลังจากจับกุมกลุ่มดังกล่าวแล้ว จะให้สืบสวนขยายผลหาผู้เกี่ยวข้องเพิ่มเติมต่อไป เนื่องจากปัจจุบันพบว่ากลุ่มคนร้ายได้ใช้การแปลงเงินตราให้เป็นเงินสกุลดิจิทัลเพื่อให้ยากแก่การติดตาม อย่างไรก็ตาม ศปน.ตร.จะดำเนินการทุกวิถีทางเพื่อตัดท่อน้ำเลี้ยงของกลุ่มผู้กระทำผิดให้สิ้นซาก 

นอกจากนี้ในส่วนของการปราบปรามแก๊งรับจำนำรถโดยผิดกฎหมายนั้น ก็เป็นปัญหาหนี้นอกระบบในอีกรูปแบบหนึ่งที่สร้างความเดือดร้อนแก่พี่น้องประชาชนเป็นอย่างมาก เพราะนอกจากจะต้องแบกรับภาระดอกเบี้ยที่สูงมาก ยังมีความเสี่ยงที่ผู้รับจำนำรถจะเอารถยนต์ที่มาจำนำไว้ไปจำหน่ายต่อ ในบางรายที่รถยนต์ยังอยู่ระหว่างเช่าซื้อ ทางผู้ประกอบการลีสซิ่งก็อาจจะฟ้องร้องในข้อหายักยอกทรัพย์ได้ จึงได้สั่งการให้เข้าตรวจยึดทรัพย์สินเหล่านี้ เพื่อเป็นการปราบปรามกลุ่มแก๊งรับจำนำรถ ไม่ให้สามารถดำเนินการผิดกฎหมายได้อีก

สุดท้ายนี้ ศูนย์ป้องกันปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับหนี้นอกระบบ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ   ขอฝากเตือนภัยถึงประชาชน อย่าหลงเชื่อในการกู้เงินจากแหล่งเงินกู้นอกระบบ ซึ่งไม่มีความน่าเชื่อถือและไม่ได้รับอนุญาต รวมทั้งยังเรียกดอกเบี้ยเกินกว่าที่กฎหมายกำหนด หากต้องการตรวจสอบแหล่งเงินกู้ที่ถูกต้องตามกฎหมาย สามารถตรวจสอบใบอนุญาตการปล่อยสินเชื่อได้ที่ช่องทางดังต่อไปนี้  
- ธนาคารแห่งประเทศไทย เว็บไซต์ https://www.bot.or.th/app/BotLicenseChec

'บิ๊กลภ' ผู้การสมุทรปราการ จับมือ กต.ตร.จัดประชุม กต.ตร.สัญจร ​กระชับสัมพันธไมตรี ส่งเสริมพัฒนาข้าราชการตำรวจ

พล.ต.ต.ดร.พัลลภ แอร่มหล้า ผบก.ภ.จว.สมุทรปราการ ในฐานะรองประธานคณะกรรมการ (กต.ตร.) จังหวัดสมุทรปราการ จัดประชุม กต.ตร.สัญจร เพื่อกระชับความสัมพันธไมตรีระหว่าง กต.ตร.แต่ละ สภ.และเพื่อส่งเสริมพัฒนาข้าราชการตำรวจในสังกัดตำรวจภูธรจังหวัดสมุทรปราการ ประจำปี 2566 ณ ร้านอาหาร ลา คาแนล คาเฟ่ ถนนเทพารักษ์ อ.เมือง สมุทรปราการ

โดยมี นายสุดใจ จิรยาภากร ประธานที่ปรึกษา กต.ตร.จังหวัดสมุทรปราการ ร่วมเป็นประธานกล่าวเปิดงาน การประชุม กต.ตร.สัญจร พร้อมด้วย คณะกรรมการ (กต.ตร.) ในสังกัดตำรวจภูธรจังหวัดสมุทรปราการ ทั้ง 15 สถานี คณะแม่บ้านตำรวจ ตลอดจนนักธุรกิจ ผู้ประกอบการ และผู้กำกับการแต่ละ สภ. ร่วมในงานครั้งนี้ อีกทั้ง ยังได้รับการต้อนรับและเอื้อเฟื้อสถานที่จัดงาน โดยนาย ทรงพล  ทองวิจิตร กต.ตร.สำโรงเหนือ และ กรรมการผู้จัดการร้าน ลา คาแนล คาเฟ่ ที่เอื้อเฟื้อสถานที่ พร้อมด้วยอาหาร ไทย จีน ญี่ปุ่น และเครื่องดื่ม รวมทั้ง การแสดงจินตลีลา จากน้องๆ โรงเรียนนาฎศิลป์ไทย 

โดย พล.ต.ต.ดร.พัลลภ แอร่มหล้า ผบก.ภ.จว.สมุทรปราการ กล่าวว่า การประชุม กต.ตร.สัญจรในครั้งนี้ ถือเป็นการพบปะสังสรรค์ และแลกเปลี่ยนความคิดเห็น ทำความเข้าใจแนวทางการทำงานในยุคของการเปลี่ยนแปลง พร้อมยกระดับบริการประชาชน สร้างความปลอดภัยและลดอาชญากรรม สนับสนุน และส่งเสริมการทำงานของข้าราชการตำรวจในสังกัดให้เกิดประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น ซึ่งมีหน้าที่บำบัดทุกข์ บำรุงสุขให้แก่พี่น้องประชาชนชาวสมุทรปราการ อีกทั้ง หน่วยงาน กต.ตร.เป็นอีกหน่วยงานหนึ่งที่มีบทบาทสำคัญ ที่ช่วยสนับสนุน ส่งเสริมการทำงานของข้าราชการตำรวจให้มีประสิทธิภาพอย่างสูงสุดต่อไป

ภายในงานการประชุม กต.ตร.สัญจร ได้นำเสนอและรับชม VTR การเสนอผลงานที่ผ่านมาของ คณะ กต.ตร.สภ.สำโรงเหนือ จากนั้น พล.ต.ต.ดร.พัลลภ แอร่มหล้า ผบก.ภ.จว.สมุทรปราการ รองประธานคณะกรรมการ (กต.ตร.) จังหวัดสมุทรปราการ ได้มอบใบประกาศเกียรติคุณให้กับทางคณะกรรมการ (กต.ตร.) สภ.สำโรงเหนือ นำโดย นายสมจิตร เพชรบดี ประธาน กต.ตร.สภ.สำโรงเหนือ และคณะกรรมการ (กต.ตร.) สภ.สำโรงเหนือ ด้วยเช่นกัน

โดยบรรยากาศภายในงานเต็มไปด้วยความอบอุ่น อีกทั้ง ยังได้พบกับศิลปินชื่อดัง “พลพล” นักร้องจากจีนี่ เรคคอร์ค เครือ GMM แกรมมี่ นักร้องก้อปปี้โชว์ เสก โลโซ นักร้องก้อปปี้โชว์ อี๊ด วงฟลาย และนักร้องก้อปปี้โชว์ พี สะเดิด ร่วมสร้างสีสันภายในงาน โดยมี ร.ต.ต.หญิงพวงผกา สุขศรี  ข้าราชการบำนาญ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ พร้อมด้วย นายนรา ฟองเมือง โฆษก กต.ตร.สภ.สำโรงเหนือ มาร่วมเป็นพิธีกรภายในงานครั้งนี้ อย่างไรก็ตาม สำหรับร้าน ลา คาแนล คาเฟ่ เปิดให้บริการตั้งแต่เวลา 10.00 น.- 22.00 น.ทุกวัน และมีดนตรีสดเพราะๆ ให้ฟังชิวๆ ทุกวันศุกร์ เสาร์ และอาทิตย์  


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top