Saturday, 3 May 2025
THE STATES TIMES TEAM

กองทัพเรือ เปิดอาคาร เครื่องฝึกจำลองสถานการณ์ในเรือ Naval Mission Training Center เพิ่มขีดความในการปฏิบัติงานของกำลังพลหน่วยเรือ

พลเรือเอก เชิงชาย  ชมเชิงแพทย์ ผู้บัญชาการทหารเรือ เป็นประธาน ในพิธีเปิดอาคาร เครื่องฝึกจำลองสถานการณ์ในเรือ Naval Mission Training Center ณ กองการฝึก กองเรือยุทธการ  อำเภอสัตหีบ จังหวัดชลบุรี โดยมี นายทหารชั้นผู้ใหญ่ ข้าราชการกองทัพเรือ เข้าร่วมพิธี

​พลเรือเอก เชิงชาย  ชมเชิงแพทย์ ผู้บัญชาการทหารเรือ เปิดเผยว่า สำหรับ อาคารเครื่องฝึกจำลองสถานการณ์ในเรือ Naval Mission Training Center เป็นอาคารที่ก่อสร้างและติดตั้ง เครื่องช่วยจำลองสถานการณ์ การปฏิบัติงานสาขาต่าง ๆ ในเรือ เพื่อใช้ฝึกกำลังพลของกองทัพเรือที่จะต้องปฏิบัติงานในเรือให้มีความรู้ ทักษะ และความคุ้นเคย ในการปฏิบัติงานในเรือในสถานการณ์ต่าง ๆ  โดยได้รับการอนุมัติงบประมาณ จากกระทรวงกลาโหม ให้ดำเนินการจัดซื้อเครื่องฝึกจำลองสถานการณ์ในเรือ เมื่อวันที่ 31 มีนาคม 2564 จากบริษัท Rheinmetaill Electronics GmbH สหพันธ์สาธารณรัฐเยอรมนี และได้รับมอบ เมื่อวันที่ 4 สิงหาคม 2566 คุณสมบัติและขีดความสามารถของเครื่องฝึก เครื่องฝึกจำลองสถานการณ์ในเรือ (Naval Mission Training Center) ของกองการฝึก กองเรือยุทธการ มีขีดความสามารถในการจำลองการฝึกและช่วยประเมินผลการฝึกปฏิบัติงานภายในเรือสาขาต่าง ๆ ได้เสมือนจริง ตั้งแต่ในระดับผู้ปฏิบัติงานไปจนถึงระดับทีมปฏิบัติงานภายในเรือ ซึ่งประกอบด้วย 1. การฝึกจำลองการเดินเรือ (Ship Handling Simulator, SHS) เครื่องฝึกจำลองการเดินเรือนี้สามารถจำลองคุณลักษณะต่าง ๆ ของเรือในกองทัพเรือได้อย่างสมจริง ได้แก่ เรือหลวงจักรีนฤเบศร เรือหลวง ภูมิพลอดุลยเดช เรือฟริเกตชุดเรือหลวงนเรศวร เรือฟริเกตชุดเรือหลวงเจ้าพระยา เรือคอร์เวตชุดเรือหลวง รัตนโกสินทร์ และ เรือหลวงอ่างทอง ซึ่งเครื่องฝึกจำลองการเดินเรือนี้สามารถสร้างสถานการณ์และออกแบบการฝึกได้อย่างหลากหลาย เพื่อให้เหมาะสมกับระดับผู้รับการฝึกตามหัวข้อและวัตถุประสงค์ของการฝึกที่กำหนด โดยสามารถกำหนดพื้นที่การฝึก ท่าเรือที่สำคัญต่าง ๆ ทั้งน่านน้ำในประเทศไทยและต่างประเทศ ซึ่งอ้างอิงมาจากแผนที่อิเล็กทรอนิกส์ ระวางต่าง ๆ ตลอดจนสามารถกำหนดสภาพแวดล้อมสำหรับการฝึกได้อย่างครบถ้วน 2. การฝึกจำลองการปฏิบัติงานด้านศูนย์ยุทธการในเรือ ( CIC Trainer, CIC) เครื่องฝึกสามารถจำลองปฏิบัติงานในห้องศูนย์ยุทธการสาขาต่าง ๆ ด้วยการจำลองอุปกรณ์ต่าง ๆ ของระบบอำนวยการรบ ระบบอาวุธ และระบบสื่อสารทั้งภายในและภายนอกเรือได้ในลักษณะเดียวกับที่ปฏิบัติงานจริงบนเรือตามหลักปฏิบัติของกองเรือยุทธการ  

3. การฝึกจำลองการปฏิบัติงานด้านการช่างกลในเรือ ( Ship Engines Simulator, SES) สามารถใช้จำลองเพื่อการฝึกปฏิบัติงานกับเครื่องจักรใหญ่ เครื่องจักรช่วย การไฟฟ้าในเรือ รวมทั้งการฝึกปฏิบัติหน้าที่ยามพรรคกลินเรือเดินตำแหน่งต่าง ๆ โดยสามารถสร้างโจทย์สถานการณ์ด้านการช่างกล เพื่อฝึกการวิเคราะห์การทำงาน และแก้ไขข้อขัดข้องของระบบเครื่องจักรต่าง ๆ ภายในเรือ และ 4. การฝึกจำลองการปฏิบัติตามหลักการและขั้นตอนการป้องกันความเสียหายภายในเรือ (Damage Control Trainer) สามารถจำลองสถานการณ์ความเสียหายต่าง ๆ ที่เกิดขึ้นภายในเรือเพื่อฝึกการวิเคราะห์ และ ประเมินค่าความเสียหาย การติดตามสถานการณ์ การสั่งการและการปฏิบัติในการแก้ไข การซ่อมทำ การกู้คืน เพื่อควบคุมความเสียหายตามขั้นตอน ทั้งในระดับศูนย์ควบคุมความเสียหาย และระดับหน่วยซ่อม นอกจากเครื่องฝึกจำลองสถานการณ์ในเรือทั้งสี่สาขาจะสามารถฝึกการปฏิบัติตามแต่ละสาขาในเรือแล้ว เครื่องฝึกเหล่านี้ยังสามารถเชื่อมข้อมูลการฝึกต่อกันเพื่อฝึกการปฏิบัติงานร่วมกันระหว่างสาขาต่าง ๆ ในเรือเสมือนเป็นเรือรบหนึ่งลำได้อย่างสมบูรณ์ ซึ่งจะเป็นการเพิ่มขีดความสามารถในการปฏิบัติงานเป็นทีมของกำลังพลหน่วยเรือ ภายใต้ข้อจำกัดทางด้านงบประมาณได้อย่างมีประสิทธิภาพ โดยกำลังพลจะมีความรู้ มีความเข้าใจ มีทักษะในการปฏิบัติงานภายในเรือสาขาต่าง ๆ ทั้งในระดับผู้ปฏิบัติงานและทีมปฏิบัติงาน จนเกิดความชำนาญมีความมั่นใจในการปฏิบัติงานในสภาวะฉุกเฉินต่าง ๆ สามารถปฏิบัติงานทดแทนกันได้อย่างมีประสิทธิภาพ มีความปลอดภัยลดความเสี่ยงและความเสียหายที่อาจเกิดขึ้น สามารถทำการฝึกได้อย่างไม่มีข้อจำกัด ประหยัดงบประมาณในการฝึก กำลังทางเรือเพื่อการป้องกันประเทศและรักษาผลประโยชน์ของชาติทางทะเล ทั้งในยามปกติและยามสงครามสามารถตอบสนองต่อภารกิจของกองทัพเรือได้อย่างมีประสิทธิภาพต่อไป

ตร.ไซเบอร์จับอดีต รปภ. ผันตัวรับบท ผกก.เมืองเชียงราย โทรหลอกคุณหมอโอนเงินกว่า 101 ล้าน

สืบเนื่องจากกรณีอดีตแพทย์อายุรกรรม และ อดีต ผอ.ศูนย์แพทยศาสตร์ศึกษาเกษียณราชการได้ถูกหลอกโอนเงินจากแก๊งคอลเซ็นเตอร์ ซึ่งสร้างความเสียหายกว่า 101 ล้านบาท โดยมิจฉาชีพหลอกว่ามีพัสดุผิดกฎหมายแล้วปลอมตัวเป็น ผกก.สภ.เมืองเชียงราย สนทนาเพื่อให้ผู้เสียหายเกิดความกลัว จนสามารถหลอกให้โอนเงินไปทั้งสิ้น 101,871,381 บาท โดยเหตุการณ์เกิดขึ้นเมื่อประมาณ เดือน ก.ย.65 ที่ผ่านมา

พล.ต.ท.วรวัฒน์  วัฒน์นครบัญชา ผบช.สอท. ได้สั่งการให้เจ้าหน้าที่ตำรวจไซเบอร์ออกสืบสวนเพื่อรวบรวมพยานหลักฐานกลุ่มขบวนการที่เกี่ยวข้อง จนสามารถออกหมายจับและจับกุมไปได้แล้วหลายราย

ต่อมา เจ้าหน้าที่ชุดสืบสวน กก.วิเคราะห์ข่าวและเครื่องมือพิเศษ บก.สอท.3 ลงพื้นที่สืบสวนหาข้อมูลจนทราบว่ามีผู้ต้องหาสำคัญในขบวนการดังกล่าวและยังเป็นบุคคลตามประกาศสืบจับของสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ประจำปีงบประมาณ พ.ศ.2566 (ลำดับที่ 249) มาหลบซ่อนตัวอยู่ที่บ้านหลังหนึ่ง ในพื้นที่ ม.5 ต.ท่าด้วง อ.หนองไผ่ จ.เพชรบูรณ์ จึงวางแผนเข้าจับกุมและสามารถจับกุมตัว นายชลวิชา อายุ 33 ปี ชาวสมุทรสาคร ในข้อหา “ร่วมกันฉ้อโกงประชาชนโดยการแสดงเป็นคนอื่น, ร่วมกันเป็นอั้งยี่, ร่วมกันเป็นซ่องโจร, ร่วมกันมีส่วนร่วมในองค์กรอาชญากรรมข้ามชาติ, ร่วมกันโดยทุจริตหรือโดยหลอกลวง นำเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ซึ่งข้อมูลคอมพิวเตอร์ที่บิดเบือนหรือปลอมไม่ว่าทั้งหมด หรือบางส่วน หรือข้อมูลคอมพิวเตอร์อันเป็นเท็จโดยประการที่น่าจะเกิดความเสียหายแก่ผู้อื่นหรือ และร่วมกันฟอกเงิน”

โดยผู้ต้องหาให้ข้อมูลว่า เดิมเคยประกอบอาชีพเป็น รปภ. แต่มีปัญหาทางการเงินจึงสมัครงานผ่านเพจหางานคาสิโนในเฟชบุ๊ก โดยแอดมินเพจแจ้งเพียงว่ามีลักษณะการทำงานเป็นแอดมินตอบโต้ลูกค้า จึงเดินทางข้ามชายแดนทางพื้นที่ อ.อรัญประเทศ จ.สระแก้ว แล้วมีคนมารับข้ามไปยังประเทศกัมพูชา

เมื่อไปถึงกลับพบว่าเป็นการทำงานในแก๊งคอลเซ็นเตอร์เพื่อหลอกลวงเหยื่อโอนเงิน โดยจะมีคนสอนให้พูดตามสคริปต์ให้รับบทเป็น ผกก.สภ.เมืองเชียงราย มีสัญญาการทำงาน 6 เดือน มีค่าตอบแทน 30,000 บาทต่อเดือน และจะได้รับค่าคอมมิสชั่นเพิ่มหากทำงานถึงยอดตามเป้า เมื่อครบกำหนด 6 เดือน จึงเดินทางกลับมาประเทศไทยและถูกจับกุมในที่สุด    

ผลการปฏิบัติภายใต้การอำนวยการของ พล.ต.ต.สถิตย์ พรมอุทัย ผบก.สอท.3 และ พ.ต.อ.พงศ์นริทร์ 
เหล่าเขตกิจ ผกก.วิเคราะห์ข่าวและเครื่องมือพิเศษ บก.สอท.3, ได้สั่งการให้ พ.ต.ท.ภาคภูมิ บุญเจริญพานิช รอง ผกก.วิเคราะห์ข่าวฯ บก.สอท.3, พ.ต.ท.นฤภัทร เทียนชัยทัศน์, พ.ต.ท.เลอศักดิ์ พิเชษฐไพบูลย์, 
พ.ต.ต.รุ่งเรือง มีสติ สว.กก.วิเคราะห์ข่าวฯ และ พ.ต.ต.ธวัช ทุเครือ สว.กก.วิเคราะห์ข่าวฯ พร้อมชุดสืบสวนดำเนินการจับกุม

สืบนครบาล และสืบ111 รวบ 'ไบร์ทบางโพ' นักย่องเบากลางคืนขโมยน้ำกระท่อม 50 ขวด

ตามนโยบายของ พล.ต.อ.ดำรงศักดิ์ กิตติประภัสร์ ผบ.ตร. เร่งรัดปราบปรามแก๊งโจรกรรมลักทรัพย์ประชาชนบริเวณที่พักอาศัยและแหล่งชุมชนในพื้นที่กรุงเทพฯ และปริมณฑลอย่างหนัก สร้างความเดือดร้อนและกระทบการดำรงชีวิตของประชาชนอย่างรุนแรงเป็นวงกว้าง โดยชุดลาดตระเวนออนไลน์ สืบนครบาล IDMB และ นักเรียนสืบสวน111 ได้รับแจ้งเรื่องร้องเรียนจากภาคประชาชนในพื้นที่ กรุงเทพฯ ว่ามีโจรย่องเบาร้านขายกระท่อมลักเงินสดประมาณ 5,000 บาท นํ้ากระท่อมบรรจุขวด ปริมาณ 1.5 ลิตร จำนวน 50 ขวด รวมความเสียหายเป็นเงิน 7,520 บาท

เมื่อวันที่ 17 ส.ค. 2566 พล.ต.ท.ธิติ แสงสว่าง ผบช.น. , พล.ต.ต.นพศิลป์ พูลสวัสดิ์ รอง ผบช.น. พล.ต.ต.ธีรเดช ธรรมสุธีร์ ผบก.สส.บช.น , พ.ต.อ.เกียรติศักดิ์ สระทองออย , พ.ต.อ.ธัญญพัทธ์ บุญสุข  ผกก.สส.2 บก.สส.บช.น. , พ.ต.ท ณัฐวุฒิ สีเสมอ , พ.ต.ท.นิติกรณ์ ระวัง รอง ผกก.สส.2 บก.สส.บช.น สั่งการให้ชุดจับกุม นำโดย  พ.ต.ท.มาโนชย์  ทองแก้ว , พ.ต.ท.วุฒิพันธ์  ผอบทอง , พ.ต.ต.สมพร คำเกตุ , พ.ต.ต.กิติพัฒน์ ใจอารีรอบ สว.กก.สส.2 บก.สส.บช.น. พร้อม นักเรียนสืบสวนคดีอาญา รุ่น 111 ทำการจับกุมตัว นาย ฐิติวัฒน์ หรือไบร์ท ทองอยู่ อายุ 23 ปี ที่อยู่บ้านเลขที่ 9 เชิงสะพานพิบูล (ฝั่งซ้าย) แขวงบางชื่อ เขตบางชื่อ กรุงเทพมหานคร ซึ่งเป็นผู้ต้องหาตามหมายจับศาลอาญา ที่ จ 2519/2566 ลง 8 สิงหาคม 2566 ข้อหา ลักทรัพย์ในเวลากลางคืน โดยทำอันตรายสิ่งกีดกั้นสำหรับคุ้มครองบุคคลหรือทรัพย์ หรือโดยผ่านสิ่งเช่นว่านั้นเข้าไปด้วยประการใด ๆ

โดยพฤติการณ์ในการกระทำความผิดคือ ผู้เสียหายได้มาเช่าร้านค้า ซึ่งตั้งอยู่ ภายในซอยรัชดาภิเษก 36 แขวงจันทรเกษม เขตจตุจักร กรุงเทพฯ เพื่อใช้สำหรับเปิดร้านขายกระท่อม และผู้เสียหายได้ขายกระท่อมเรื่อยมา ต่อมาวันที่ 16 มีนาคม 2566 เวลาประมาณ 03.15 น. ผู้กล่าวหาได้ทำการปิดร้านค้า เพื่อกลับไปพักผ่อนที่พักอาศัยอยู่ที่คอนโด ต่อมาเวลาประมาณ 12.00 น. (ของวันเดียวกัน) ผู้เสียหายได้มาเปิดร้านค้าเพื่อขายกระท่อม ปรากฎว่าเมื่อเข้าไปภายในร้านค้าพบว่า ทรัพย์สินภายในร้านค้าได้หายไป ประกอบด้วย  เงินสดประมาณ 5,000 บาท นํ้ากระท่อมบรรจุขวด ปริมาณ 1.5 ลิตร จำนวน 50 ขวด ราคาประมาณ 2,500 บาท ใบกระท่อมสด 1 ถุง ราคา 20 บาท รวมทรัพย์สินที่หายไปจำนวน 3 รายการ รวมความเสียหายเป็นเงิน 7,520 บาท และตรวจพบว่าปลั๊กกล้องวงจรปิดได้ถูกดึงออก จากนั้นผู้เสียหายจึงได้ตรวจสอบกล้องวงจรปิดที่เชื่อมไว้กับโทรศัพท์ของผู้เสียหาย จากการตรวจสอบพบว่าเมื่อวันที่ 16 มีนาคม 2566 เวลาประมาณ 03.57 น. มีผู้ชาย สวมเสื้อแจ๊คเก็ต สวมกางเกงขายาว  และสวมรองเท้าผ้าใบ โดยผู้ก่อเหตุทราบชื่อ นายฐิติวัฒน์ ซึ่งเป็นลูกค้าที่เคยมาซื้อกระท่อมกับทางร้าน โดยเข้ามาภายในร้านและทำการรื้อค้นทรัพย์สินภายในร้าน และลักทรัพย์ของผู้เสียหายไป ซึ่งการกระทำดังกล่าวเป็นเหตุให้ผู้เสียหายได้รับความเสียหายจึงมาแจ้งความร้องทุกข์ต่อพนักงานสอบสวน สน.พหลโยธิน ให้ดำเนินคดีกับผู้ก่อเหตุตามกฎหมายจนกว่าคดีถึงที่สุด

จากการตรวจสอบประวัติคดีอาญา พบมีประวัติ ดังนี้ 
1.ปี 2558 มีคดีข้อหา พาอาวุธปืนไปในเมืองฯ
2.ปี 2561 มีคดีข้อหา เสพยาเสพติดให้โทษประเภท 5
3.ปี 2564 มีคดีข้อหา ครอบครองยาเสพติดประเภท 5
4.ปี 2566 ลักทรัพย์ในเวลากลางคืน

พล.ต.ต.ธีรเดช ธรรมสุธีร์ ผู้บังคับการสืบสวนสอบสวน กองบัญชาการตำรวจนครบาล เปิดเผยว่า นโยบายของ พล.ต.อ.ดำรงศักดิ์ กิตติประภัสร์ ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ และ พล.ต.ท.ธิติ แสงสว่าง ผู้บัญชาการตำรวจนครบาล ให้จัดชุดลาดตระเวนออนไลน์สืบสวนติดตามจับกุมคนร้ายที่เป็นภัยต่อสังคม สร้างความเดือดร้อนให้กับประชาชนทุกประเภท ซึ่งมีผลกระทบกับการดำเนินชีวิตปกติของประชาชน

ก.แรงงาน จัดกิจกรรมจิตอาสา รณรงค์เผยแพร่ความรู้และการป้องกันโรคระบาดจากยุงลาย

วันที่ 17 สิงหาคม 2566 นายบุญชอบ สุทธมนัสวงษ์ ปลัดกระทรวงแรงงาน เป็นประธานเดินรณรงค์กิจกรรม “จิตอาสากระทรวงแรงงานเผยแพร่ความรู้และการป้องกันโรคระบาดจากยุงลาย” โดยมี เรือเอก สาโรจน์ คมคาย ที่ปรึกษากฎหมาย นางสาวกรจิรัฏฐ์ พงจันทร์ศธร ผู้ช่วยปลัดกระทรวงแรงงาน ผู้บริหารระดับสูง ข้าราชการ และเจ้าหน้าที่หน่วยงานในสังกัดกระทรวงแรงงาน และประชาชนโดยรอบกระทรวงแรงงานร่วมกิจกรรมดังกล่าวด้วย ณ บริเวณภายในกระทรวงแรงงานและชุมชนแฟลตดินแดงโดยรอบกระทรวงแรงงาน

นายบุญชอบ กล่าวว่า สำหรับกิจกรรมในครั้งนี้ ศูนย์อำนวยการใหญ่จิตอาสาพระราชทาน (ศอญ.)เชิญชวนหน่วยงานภาครัฐ องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น วัด ศาสนสถาน สถานศึกษา กำนัน ผู้ใหญ่บ้าน ร่วมกันรณรงค์จัดกิจกรรมทำลายแหล่งเพาะพันธุ์ยุงลาย กิจกรรมให้ความรู้และการป้องกันโรคไข้เลือดออก เนื่องจากในห้วงเดือนกรกฎาคมถึงกันยายน 2566 เป็นช่วงฤดูฝน เพื่อเป็นการป้องกันโรคระบาดที่มาจากยุงลาย 

ในส่วนของกระทรวงแรงงานจึงจัดกิจกรรมดังกล่าวขึ้น เพื่อเพิ่มความรู้ให้กับประชาชนเกี่ยวกับโรคระบาดที่สามารถแพร่ระบาดจากยุงลายรวมถึงอาการและภาวะที่เกิดขึ้นเมื่อติดเชื้อโรค เพื่อสอนวิธีการป้องกันและควบคุมโรคที่สามารถแพร่ระบาดจากยุงลาย ตั้งแต่การใช้ยากันยุง การใส่เสื้อผ้าที่ป้องกันยุง การใช้ที่กันยุงในบ้าน การล้างทำความสะอาดสิ่งแวดล้อม เป็นต้น ตลอดจนเพื่อเสริมสร้างความร่วมมือในการป้องกันโรคระบาดจากยุงลายระหว่างกระทรวงแรงงานและชุมชน รวมทั้งเพื่อสร้างการตระหนักให้กับประชาชนเกี่ยวกับความสำคัญของการทำความสะอาดและกำจัดแหล่งเพาะพันธุ์ยุงลาย เพื่อลดโอกาสในการเพิ่มชึ้นของการระบาด และเพื่อสร้างความสัมพันธ์อันดีระหว่างกระทรวงแรงงานกับประชาชน และเครือข่ายภาคประชาสังคม ก่อให้เกิดความร่วมมือในการดำเนินงานของกระทรวงแรงงานเพื่อตอบสนองนโยบายของรัฐบาลและสอดคล้องกับความต้องการของประชาชนอย่างแท้จริงอีกด้วย

“กิจกรรมเผยแพร่ความรู้และการป้องกันโรคระบาดจากยุงลายบริเวณภายในกระทรวงแรงงานและชุมชนแฟลตดินแดงโดยรอบกระทรวงแรงงานในครั้งนี้ เป็นกิจกรรมจิตอาสากระทรวงแรงงานที่ได้แสดงออกถึงความจงรักภักดีและสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณต่อสถาบันพระมหากษัตริย์และพระบรมวงศานุวงษ์ ตลอดจนการสร้างจิตสำนึกให้คนไทยรู้จักการให้ แบ่งปัน มีจิตอาสา มีความเสียสละ อุทิศตนเพื่อประโยชน์ส่วนรวมมีความกตัญญูตอบแทนบุญคุณแผ่นดิน ร่วมทำความดีโดยไม่หวังผลตอบแทน และไม่เห็นต่อประโยชน์ส่วนตน” นายบุญชอบ กล่าวท้ายสุด

แยบยลจัด!!! สืบนครบาลรวบนายรณ หัวหิน หัวใส หลอกสั่งซื้อโทรศัพท์รุ่นใหม่ตามออนไลน์ อ้างเป็นบัญชีม้าของเพจชื่อลูก น้ำจร้า

วิธีการแยบยล คนร้ายเข้ามาสั่งซื้อโทรศัพท์มือถือยี่ห้อ iPhone 11 สีขาวบน Facebook ราคา 14,800 บาท ชื่อ “ชื่อลูก น้ำจร้า” และขอให้ผู้เสียหายส่งโทรศัพท์ไปให้ที่ร้านโทรศัพท์จะขอเช็คเครื่องโทรศัพท์ก่อน ต่อมาผู้เสียหายได้จ้างขนส่ง Grab เพื่อฝากส่งโทรศัพท์มือถือเครื่องดังกล่าวไปยังร้านแล้วแต่ไม่ได้รับการโอนเงิน จึงโทรไปสอบถามเจ้าของร้านพบว่า ร้านโทรศัพท์ได้รับซื้อโทรศัพท์มือถือดังกล่าวและได้มีการโอนเงินค่าโทรศัพท์ให้กับคนร้าย สืบนครบาลจึงได้เร่งรัดสืบสวนจับกุมตามนโยบายของ พล.ต.อ.ดำรงศักดิ์ กิตติประภัสร์ ผบ.ตร.ให้ปราบปรามกลุ่มองค์กรอาชญากรรมที่กระทำความผิดในโลกออนไลน์

เมื่อวันที่  15 ส.ค.66 พล.ต.ต.ธีรเดช ธรรมสุธีร์ ผบก.สส.บช.น.,พ.ต.อ.นิวัฒน์ พึ่งอุทัยศรี รอง ผบก.สส.บช.น., พ.ต.อ.ธนากร อ่อนทองคำ ผกก.สส.4 บก.สส.บช.น., พ.ต.ท.รัฐนันท์ สมวงศ์ รอง ผกก.สส.4 บก.สส.บช.น.ได้สั่งการให้ พ.ต.ต.นิทัสน์ มีทอง สว.กก.สส.4ฯ, ร.ต.อ.วีระพงษ์ คุณสมิตปัญญา รอง สว.กก.สส.4ฯ, ด.ต.ชาญฤทธิ์ นิลทการ, ด.ต.ธีรพันธ์ โพยนอก, จ.ส.ต.สรายุทธ ยศสกุล,  ส.ต.อ.กานต์ สรรพกิจจำนง ผบ.หมู่ กก.สส.4ฯได้ร่วมกันจับกุมตัว​

นายรณรงค์  ทองรักษา อายุ 28 ปี ที่อยู่ 16/3 ซ.หมู่บ้านตะเกียบ ต.หนองแก อ.หัวหิน จ.ประจวบคีรีขันธ์ ผู้ต้องหาตามหมายจับศาลอาญามีนบุรีที่ จ.480/2566 ลงวันที่ 3 พฤษภาคม 2566 

ซึ่งต้องหาว่ากระทำความผิดฐาน “ ฉ้อโกง และโดยทุจริตหรือโดยหลอกลวง นำเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ซึ่งข้อมูลปลอมไม่ว่าทั้งหมดหรือบางส่วน หรือข้อมูลคอมพิวเตอร์อันเป็นเท็จ โดยประการที่น่าจะก่อให้เกิดความเสียหายต่อบุคคลใดบุคคลหนึ่ง”

สถานที่จับกุมบริเวณหน้าบ้านเลขที่ 16/3 ซ.ตะเกียบ 5 ต.หนองแก อ.หัวหิน จ.ประจวบคีรีขันธ์ พฤติการณ์แห่งคดี เมื่อประมาณปลายเดือนกุมภาพันธ์ 2565 ผู้เสียหายได้ทำการโพสต์ขายโทรศัพท์มือถือยี่ห้อ iPhone 11 สีขาวบน Facebook เพื่อขายให้ผู้ที่สนใจในราคา 14,800 บาทต่อมาได้มีบัญชี Facebook ชื่อ “ชื่อลูก น้ำจร้า” ได้ทักมาหาผู้เสียหายว่าสนใจโทรศัพท์ดังกล่าวและขอให้ผู้เสียหายส่งโทรศัพท์ไปให้ก่อน แล้วจะโอนเงินให้ทีหลังโดยอ้างว่าจะจะขอเช็คเครื่องโทรศัพท์ก่อนโดยบัญชี Facebook ดังกล่าวให้ผู้เสียหายส่งโทรศัพท์ไปที่ร้านวีณา ช็อป 15/6 ซอยเปรมสมบัติ แยก2 แขวงดินแดง เขตดินแดงกรุงเทพ ซึ่งเป็นร้านขายโทรศัพท์ ต่อมาผู้เสียหายได้ติดต่อรถรับจ้างขนส่ง Grab เพื่อฝากส่งโทรศัพท์มือถือเครื่องดังกล่าวไปยังร้านวีณา ช็อป เมื่อผู้เสียหายส่งโทรศัพท์ดังกล่าวไปแล้ว ไม่ได้รับการโอนเงินตามราคาที่ตกลงกันไว้ ผู้เสียหายจึงโทรไปสอบถามร้านวีณา ช็อป 

จึงได้ทราบจากนางสาววีณาฯ เจ้าของร้านว่า รับซื้อโทรศัพท์มือถือของผู้เสียหายมาจากบัญชี Facebook ชื่อ “ชื่อลูก น้ำจร้า” ดังกล่าวอีกทีนึงและได้มีการโอนเงินค่าโทรศัพท์มือถือดังกล่าวไปยังบัญชีธนาคารซีไอเอ็มบีไทย เลขบัญชี 7012334682 ชื่อบัญชีนายรณรงค์ ทองรักษา ซึ่งการกระทำดังกล่าวทำให้ผู้เสียหายได้รับความเสียหายจึงมาร้องทุกข์ต่อพนักงานสอบสวนดำเนินคดีกับผู้กระทำความผิดจนกว่าคดีจะถึงที่สุดทรัพย์ที่ถูกประทุษร้าย รวมเป็นเงินสดจำนวนกว่า 14,800 บาท

ชั้นจับกุมผู้ต้องหา ให้การรับสารภาพตลอดข้อกล่าวหาโดยรับว่า  ได้อ้างว่าเป็นบัญชีม้ารับจ้างเปิดบัญชีธนาคารแห่งหนึ่ง โดยได้รับเงินค่าจ้างจำนวน 500 บาท  ทั้งนี้จากการตรวจสอบข้อมูล นายรณรงค์ ทองรักษา ผ่าน www.blacklistseller.com พบว่าเป็นบุคคลที่มีการขึ้นบัญชีในการหลอกขายสินค้าหลายรายการ

จากการตรวจสอบพบหมายจับในระบบ CRIMES อีกจำนวน 1  หมายจับ  
1.หมายจับศาลจังหวัดกาฬสินธุ์ ที่ จ.39/2566 ลงวันที่ 10 กุมภาพันธ์ 2566 ข้อหา “ร่วมกันฉ้อโกง และนำเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ซึ่งข้อมูลคอมพิวเตอร์ปลอมไม่ว่าทั้งหมดหรือบางส่วนหรือข้อมูลคอมพิวเตอร์อันเท็จโดยประการที่น่าจะเกิดความเสียหายแก่ผู้อื่นหรือประชาชน”หน่วยงานที่รับผิดชอบ สภ.นากุง และเคยมีประวัติคดี คดีอาญาที่ 1110/2553 สภ.หาดใหญ่ ข้อหา มียาเสพติดให้โทษประเภท 1 ไว้ในครอบครอง คดีอาญาที่ 880/2556 สภ.หัวหิน ข้อหา  มียาเสพติดให้โทษประเภท 1 ไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่าย คดีอาญาที่ 2171/2560 สภ.หาดใหญ่ ข้อหา เสพยาเสพติดให้โทษประเภท 1 นำตัวผู้ต้องหาส่ง พนักงานสอบสวน สน.คันนายาว ดำเนินคดีต่อไป

ผู้บัญชาการทหารบก มอบโล่ประกาศเกียรติคุณ

พลเอก ณรงค์พันธ์ จิตต์แก้วแท้ ผู้บัญชาการทหารบก มอบโล่ประกาศเกียรติคุณ ให้กับผู้ผลิตรายการคุณภาพ ที่สนับสนุนกิจกรรมเพื่อสาธารณะประโยชน์ของคนในสังคม  ผ่านสถานีโทรทัศน์สีกองทัพบกช่อง 5  ในโครงการ “สานฝันผู้ยากไร้” ทางรายการ The Diary ที่ บริษัท มังกี้ อีที จำกัด ได้ดำเนินการผลิตขึ้นมานานกว่า 16 ปี  โดยให้การสนับสนุนงบประมาณในการสร้างบ้านพักอาศัย   มอบทุนการศึกษา และสิ่งของเครื่องใช้ที่จำเป็นกับคนในชุมชน โดยผู้บัญชาการทหารบกได้มอบหมายให้แม่ทัพภาคที่ 1 เป็นผู้แทนในการมอบโล่ประกาศเกียรติคุณครั้งนี้ 

วันนี้ที่ห้องพระบารมีปกเกล้า ภายในกองบัญชาการกองทัพภาคที่ 1 ถนนราชดำเนินนอก เขตดุสิต กรุงเทพมหานคร พลโท พนา แคล้วปลอดทุกข์ แม่ทัพภาคที่ 1 เป็นประธานในพิธีมอบโล่ประกาศเกียรติคุณให้กับ ดร.พัดชา รักตะกนิษฐ  กรรมการผู้จัดการ บริษัท มังกี้ อีที จำกัด ผู้ผลิตรายการ The Diary ทางสถานีโทรทัศน์สีกองทัพบกช่อง 5 ในโครงการ “สานฝันผู้ยากไร้” ซึ่งเป็นโครงการที่ให้การสนับสนุน ส่งเสริม กิจกรรมเพื่อสาธารณะประโยชน์ของคนในสังคม โดยมอบงบประมาณสนับสนุนการสร้างบ้านพักอาศัยให้แก่ทหารกองประจำการ มอบทุนการศึกษาให้เด็กนักเรียนในชุมชน และมอบสิ่งของเครื่องใช้ที่จำเป็นให้กับผู้สูงอายุและผู้ที่มีรายได้น้อยภายในชุมชนต่างๆ ทั่วประเทศ ซึ่งได้ดำเนินการมาอย่างต่อกว่า 16 ปี  และได้ให้การสนับสนุนงบประมาณในการสร้างบ้านพักอาศัยไปแล้วกว่า 37 ครั้ง ในพื้นที่ของกองทัพภาคที่ 1 โดยในส่วนของกองพลทหารราบที่ 11 ค่ายสมเด็จพระนั่งเกล้า จังหวัดฉะเชิงเทรา ได้ดำเนินการไปแล้วทั้งสิ้น 9 ครั้ง  เป็นเงินกว่า 450,000 บาท 

ในโอกาสนี้ พลเอก ณรงค์พันธ์  จิตต์แก้วแท้  ผู้บัญชาการทหารบก จึงได้มอบโล่ประกาศเกียรติคุณ เพื่อเป็นการขอบคุณ  ดร.พัดชา รักตะกนิษฐ กรรมการผู้จัดการ บริษัท มังกี้ อีที จำกัด  ที่ให้การสนับสนุนกิจกรรมช่วยเหลือสังคม ผ่านโครงการ “สานฝันผู้ยากไร้”  ในการสนับสนุนซ่อมแซมบ้านพักให้แก่ทหารกองประจำการ  โดยมี พลตรี นิธิ อิงคสุวรรณ  เสนาธิการกองทัพภาคที่ 1  ,  พลตรี เอกอนันต์ เหมะบุตร  ผู้บัญชาการกองพลทหารราบที่ 11 , พันเอก ธีรยุทธฑ์ เส้งรอด  รองผู้บัญชาการกองพลทหารราบที่ 11  ,  พันเอก อภิชัย จูสนิท ผู้บังคับการกรมทหารราบที่ 111 , พันเอก ศรัณยนิษฐ์ สุทธิวัจน์ชินเดช   ผู้บังคับการกรมทหารราบที่ 112 , พันเอก นรินทร์ภัทร์ ศิริวรรณ ผู้บังคับการกรมสนับสนุนกองพลทหารราบที่ 11 , และ คุณ รสิตารัชธ์  กรีวงษ์  ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท รสิตา ซีฟู้ดส์ จำกัด  ตลอดจนคณะนายทหารและส่วนที่เกี่ยวข้องร่วมแสดงความยินดีในพิธีมอบโล่ประกาศเกียรติคุณในครั้งนี้

ตร. จับมือ นิติศาสตร์ ธรรมศาสตร์ เปิดโครงการ “ห้องปฏิบัติการกฎหมาย” (Special Law Lab//YLPE : Young Lawyers-Police Engagement) สานต่อ สร้างนักกฎหมายรุ่นใหม่ ร่วมกันแลกเปลี่ยน เรียนรู้งานตำรวจตั้งแต่ต้นทาง สร้างแนวร่วมป้องกันภัยทางออนไลน์และการสืบสวนยุคใหม่

วันนี้ (16 ส.ค.66) เวลา 10.00 น. พล.ต.อ.ดำรงศักดิ์ กิตติประภัสร์ ผบ.ตร., พล.ต.ท.จิรภพ ภูริเดช ผบช.ก., พล.ต.ท.อาชยน ไกรทอง โฆษก ตร. พร้อมด้วย รศ.ดร.ปกป้อง ศรีสนิท คณบดีคณะนิติศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ และ รศ.ดร.ณภัทร สรอัฑฒ์ รองคณบดีฯ (ฝ่ายบริหาร) และนิสิตคณะนิติศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ชั้นปีที่ 1-4 ที่เข้าร่วมโครงการ จำนวน 24 คน เข้าร่วมพิธี เปิดโครงการ “ห้องปฏิบัติการกฎหมาย” (Special Law Lab//YLPE : Young Lawyers-Police Engagement) ณ ห้องสารสิน อาคาร 1 สำนักงานตำรวจแห่งชาติ

โดยโครงการห้องปฏิบัติการกฎหมาย (Special Law Lab) ที่จัดขึ้นในห้วงวันที่ 16 – 25 ส.ค.66 นั้นสำนักงานตำรวจแห่งชาติได้ร่วมกับคณะนิติศาสตร์ธรรมศาสตร์ จัดโครงการฯ ดังกล่าวขึ้น เพื่อให้นิสิตได้เรียนรู้การปฏิบัติงานของเจ้าหน้าที่ตำรวจจริงในพื้นที่จริง ตั้งแต่ต้นทางของกระบวนการยุติธรรม การตรวจค้น การจับกุม การสอบสวนปากคำ ฯลฯ ได้รับทราบ เรียนรู้ ทำความเข้าใจข้อกฎหมายนำไปสู่การปฏิบัติ โดยลงพื้นที่ร่วมกับตำรวจสืบสวน สอบสวน ป้องกันปราบปราม จราจร พื้นที่ สน.ห้วยขวาง ลุมพินี พญาไท พระโขนง และกองบังคับการสืบสวนสอบสวน ตลอดจนศึกษา ดูงาน ศูนย์ควบคุม สั่งการฯ CCOC กองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง, กองบัญชาการตำรวจนครบาล, สำนักงานนิติเวชวิทยา , สำนักงานพิสูจน์หลักฐานตำรวจ (สพฐ.ตร.), ยุทธวิธีและการยิงปืนขั้นพื้นฐาน การรับแจ้งเหตุและการควบคุม สั่งการ อำนวยความสะดวกด้านการจราจร เป็นต้น

ทั้งนี้ ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติได้กล่าวเปิดพิธีฯ และบรรยายพิเศษ โดยกล่าวว่า แต่เดิม โครงการห้องปฏิบัติการกฎหมาย (Special Law LAB) ที่ได้รับความร่วมกับจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัยได้ประสบความสำเร็จอย่างดียิ่ง นิสิตที่เข้าร่วมโครงการให้ความสนใจเรียนรู้การปฏิบัติงานของเจ้าหน้าที่ตำรวจเป็นอย่างดี จึงได้มีการขยายผล สานต่อความร่วมมือกับ คณะนิติศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์  จึงถือเป็นอีกหนึ่งผลสำเร็จ ในความร่วมมือที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติภาคภูมิใจ และจะได้ขยายผลต่อยอดไปยังมหาวิทยาลัยอื่น ในจังหวัดขอนแก่น เชียงใหม่ (ห้วงเดือน ส.ค.- ก.ย.) และจังหวัดต่างๆ ต่อไป

DSI จับมือกรมส่งเสริมสหกรณ์เร่งดำเนินคดีทุจริตชุมนุมสหกรณ์ชาวสวนปาล์มน้ำมันกระบี่ และเอาผิดผู้บุกรุกครอบครองที่ดินสหกรณ์นิคมคลองท่อมและนิคมอ่าวลึกโดยมิชอบ

วานนี้ (วันอังคารที่ 15 สิงหาคม 2566) ร้อยตำรวจเอก ปิยะ  รักสกุล รองอธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ ร่วมกับ นายประวัติ  แดงบรรจง รองอธิบดีกรมส่งเสริมสหกรณ์ ได้ลงพื้นที่จังหวัดกระบี่เพื่อตรวจเยี่ยมและติดตามการดำเนินการคดีพิเศษที่ 56/2566 กรณี ทุจริตชุมนุมสหกรณ์ชาวสวนปาล์มน้ำมันกระบี่ ขณะที่ร้อยตำรวจเอก ชาญณรงค์  ทับสาร รองผู้อำนวยการกองปฏิบัติการคดีพิเศษภาค กรมสอบสวนคดีพิเศษ หัวหน้าคณะพนักงานสอบสวนคดีพิเศษและคณะ กำลังสอบสวนบันทึกปากคำพยานปากสำคัญ ณ กองร้อยตำรวจตระเวนชายแดนที่ 426 อำเภอเมือง จังหวัดกระบี่  

อีกทั้งยังได้เดินทางไปรับทราบข้อมูล ประชุมหารือแนวทางในการดำเนินคดีร่วมกัน ซึ่งขณะนี้มีจำนวน 3 คดีด้วยกัน ได้แก่

1. คดีทุจริตชุมนุมสหกรณ์ชาวสวนปาล์มน้ำมันกระบี่ ซึ่งขณะนี้มีความคืบหน้ามากแล้ว  
2. คดีทุจริตที่ดินในนิคมคลองท่อม ขณะนี้ซึ่งอยู่ระหว่างรวบรวมพยานหลักฐานเกี่ยวกับการรับรองเอกสารมิชอบเพื่อออกโฉนดที่ดินในนิคมคลองท่อม จำนวน 313 แปลง
3. คดีบุกรุกครอบครองพื้นที่นิคมสหกรณ์อ่าวลึก 796 ไร่ ขณะนี้อยู่ระหว่างรวบรวมพยานหลักฐานการอนุญาตให้ใช้ที่ดินที่ได้สิ้นสุดแล้วแต่ผู้รับอนุญาตเดิมยังคงครอบครองทำประโยชน์ และมีผู้เข้าครอบครองใหม่ 35 ราย เข้าทำการแย่งสิทธิต่อกัน โดยกรมสอบสวนคดีพิเศษจะสืบสวนสอบสวนเอาผิดกับผู้กระทำความผิดทุกรายอย่างเป็นธรรม หลังจากที่ดำเนินคดีแล้วจะส่งคืนพื้นที่ให้กับกรมส่งเสริมสหกรณ์นำไปบริหารจัดการตามหน้าที่และอำนาจของกรมส่งเสริมสหกรณ์ต่อไป

นราธิวาส-ผู้แทน เลขาธิการศอ.บต. รุดเยี่ยมครอบครัวผู้ได้รับผลกระทบจากเหตุการณ์ความไม่สงบในพื้นที่ จชต. เพื่อเยียวยาจิตใจให้เข้มแข็ง

ผู้แทนเลขาธิการศูนย์อำนวยการบริหารจังหวัดชายแดนภาคใต้ (ศอ.บต.) นำโดย นางสาวเยาวภา อินชะนะ ผู้ช่วยเลขาธิการ ศอ.บต. และเจ้าหน้าที่เยียวยา ศอ.บต. เข้าเยี่ยมครอบครัวผู้ได้รับผลกระทบในพื้นที่ โดยในช่วงเช้า ได้เข้าเยี่ยมครอบครัวพลทหาร รีฟวัน เจะแล ผู้เสียชีวิตจากเหตุการณ์ความไม่สงบ ณ หมู่ที่ 1 ต.สุวารี อ.รือเสาะ จ.นราธิวาส โดยได้พูดคุยให้กำลังใจ พร้อมมอบเครื่องอุปโภคบริโภคจำเป็น เพื่อเป็นขวัญกำลังใจแก่ครอบครัวผู้ได้รับผลกระทบฯ 

พลทหาร รีฟวัน เจะแล เสียชีวิตจากเหตุการณ์ เมื่อวันที่ 7 สิงหาคม 2566 เวลา 00.10 น. คนร้ายใช้อาวุธปืนและขว้างลูกระเบิดไม่ทราบชนิดใส่ เจ้าหน้าที่ทหารชุดจรยุทธ ขณะกำลังซุ่มนอกฐานที่ตั้ง เหตุเกิดบริเวณโกดังริมแม่น้ำ บ้านศรีพงัน หมู่ที่ 3 ต.เกาะสะท้อน อ.ตากใบ จ.นราธิวาส 

จากนั้นคณะได้เดินทางเยี่ยมครอบครัวสิบตำรวจเอก ไซฟูดีน เจ๊ะซอ หมู่ที่ 4 ต.เจ๊ะเห อ.ตากใบ จ.นราธิวาส เสียชีวิตจากเหตุการณ์ถูกคนร้ายลอบยิงขณะออกทำการสืบสวนหาข่าวในพื้นที่โดยใช้รถจักรยานยนต์ เมื่อวันที่ 2 สิงหาคม 2566 ที่ผ่านมา โดยคณะได้พูดคุยให้กำลังใจและมอบเครื่องอุปโภคบริโภคจำเป็น เพื่อเป็นขวัญกำลังใจด้วยเช่นกัน

อย่างไรก็ตาม นอกจากการช่วยเหลือเยียวยาตามระเบียบการให้ความช่วยเหลือเยียวยาผู้ได้รับผลกระทบแล้ว ศอ.บต.ยังตระหนักถึงการเยียวยาจิตใจของผู้ได้รับผลกระทบ โดยได้เดินทางเยี่ยมครอบครัวผู้สูญเสียทุกครอบครัว เพื่อให้มีกำลังใจ กลับมาใช้ชีวิตได้อย่างปกติสุขโดยเร็ว 

ความคืบหน้าครอบครัวหัวร้อน ตั้งวงเหล้าเสียงดังด่าตำรวจหยาบ ล่าสุดขอเลื่อนเข้ารับทราบข้อกล่าวหา ถูกตำรวจออกหมายเรียกพร้อมแจ้ง 6 ข้อกล่าวหา

วันที่ 15 สิงหาคม 2566 ความคืบหน้ากรณีที่มีคลิปตำรวจสายตรวจ สภ.เมืองสมุทรปราการ บันทึกคลิปวีดีโอระหว่างเข้าระงับเหตุวงสุราเปิดเพลงเสียงดัง สร้างความเดือดร้อนรำคาญ ให้กับชาวบ้านในซอย จึงมีการโทรไปร้องเรียนที่ 191 แต่เมื่อสายตรวจไปถึง พบกับครอบครัวหัวร้อนกร่างใส่ ท้าตำรวจต่อยตัวต่อตัว อ้างบอกเป็นครอบครัวนายตำรวจ รู้จักคนใหญ่คนโต ถ้าไม่กลับไปเดี๋ยวเจอดี และยังบอกว่าสงสัยเป็นตำรวจใหม่ ไม่รู้จักคนในบ้านหลังนี้ ที่มีพี่น้องและคนครอบครัวเป็นนายตำรวจใหญ่ ส่วนตำรวจสายตรวจก็พยายามขอให้ปฏิบัติตามกฎหมาย พร้อมถอยออกจากบ้านที่เกิดเหตุ แต่ก็ยังถูกว่ากล่าวทำนองดูหมิ่นการทำหน้าที่ ซึ่งคลิปดังกล่าวถูกโพสต์ลง ในโซเชียล มีคนเข้ามาแสดงความคิดเห็นจำนวนมาก 

ล่าสุดทางด้าน พลตํารวจตรี พัลลภ แอร่มหล้า ผู้บังคับการตํารวจภูธรจังหวัดสมุทรปราการ กล่าวว่า จากที่ได้รับแจ้งจาก พันตํารวจเอกนพดล ช่างเรือน ผู้กํากับการสถานีตํารวจภูธรเมืองสมุทรปราการ กรณีมีคลิปการระงับเหตุ ของเจ้าหน้าที่ตํารวจในสื่อมวลชนต่างๆ เหตุเกิดเมื่อวันเสาร์ที่ 12 สิงหาคม 2566 เวลาประมาณ 22.26 น. ศูนย์วิทยุ 191 สมุทรปราการ แจ้งมายังศูนย์วิทยุสถานีตํารวจภูธรเมืองสมุทรปราการ ว่ามี ประชาชนแจ้งเหตุ เปิดเพลงส่งเสียงดัง บริเวณร้านอาหารใกล้สถานีรถไฟฟ้าบีทีเอส ศรีนครินทร์ จึงแจ้ง ให้เจ้าหน้าที่ตํารวจเดินทางตรวจสอบเหตุดังกล่าว โดยมีสิบตํารวจตรีสุรวีร์ วีระชาติผู้บังคับหมู่งาน ป้องกันปราบปราม สถานีตํารวจภูธรเมืองสมุทรปราการ ปฏิบัติหน้าที่สายตรวจทรัพย์บุญชัย เดินทาง ตรวจสอบบริเวณดังกล่าว 

เมื่อเดินทางถึงบริเวณสถานที่รับแจ้งเหตุดังกล่าว พบว่าเป็นร้านอาหารมีการเปิดเพลงส่งเสียงดัง จริง จึงได้ประชาสัมพันธ์กับกลุ่มประชาชนที่เปิดเพลงส่งเสียงดังให้ลดเสียงลง และเลิกการกระทําที่ก่อ ความเดือดร้อนให้กับผู้อื่น ซึ่งบริเวณดังกล่าวอยู่ภายในชุมชนที่มีประชาชนอาศัยอยู่ เป็นจํานวนมาก 

ต่อมา กลุ่มประชาชนดังกล่าว ได้เข้ามาขัดขวางการปฏิบัติหน้าที่ของเจ้าหน้าที่ตํารวจ ใช้คําพูดใน ลักษณะดูหมิ่น ใช้กําลังผลัก และตะโกนไล่เจ้าหน้าที่ตํารวจให้ออกไปจากสถานที่เกิดเหตุ ต่อมาหลังจากที่เจ้าหน้าที่ตํารวจที่เข้าระงับเหตุ ได้เดินทางออกมาจากที่เกิดเหตุแล้ว ได้รวบรวม หลักฐานคลิปวิดีโอ ขณะปฏิบัติหน้าที่ในการตรวจสอบเหตุดังกล่าว แจ้งให้กับผู้บังคับบัญชาทราบ เพื่อ ดําเนินคดีกับกลุ่มผู้ก่อเหตุ ตามคลิปดังกล่าวรวม 6 คน โดยแจ้งดําเนินคดีต่อพนักงานสอบสวนสถานี ตํารวจภูธรเมืองสมุทรปราการ จํานวน 6 ข้อหา ดังนี้ 1.ร่วมกันข่มขืนใจเจ้าพนักงานให้ปฏิบัติการอันมิชอบด้วยหน้าที่หรือให้ละเว้นการปฏิบัติ ตามหน้าที่โดยใช้กําลังประทุษร้าย โดยร่วมกระทําความผิดด้วยกัน ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 83 ,139 และมาตรา 140 ตั้งแต่สามคนข้ึนไป ผู้กระทําต้องระวางโทษ จําคุกไม่เกิน 5 ปี หรือปรับไม่เกิน 100,000 บาท หรือทั้งจําทั้งปรับ 2.ร่วมกันต่อสู้หรือขัดขวางเจ้าพนักงานในขณะปฏิบัติการตามหน้าที่ โดยใช้กําลัง ประทุษร้ายหรือขู่เข็ญว่าจะใช้กําลังประทุษร้าย โดยร่วมกระทําความผิดด้วยกันตั้งแต่สาม คนข้ึนไป ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 83 ,138 วรรค 2 และมาตรา 140 3.ร่วมกันดูหมิ่นเจ้าพนักงานซึ่งกระทําการตามหน้าที่หรือเพราะได้กระทําการตามหน้าท่ี ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 83 ,136 โทษจําคุกไม่เกิน 1 ปี หรือปรับไม่เกิน 20,000 บาท หรือทั้งจําทั้งปรับ 4.ร่วมกันทําร้ายร่างกายผู้อื่นไม่เป็นเหตุให้ได้รับอันตรายแก่กายหรือจิตใจ ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 83 ,391 โทษจําคุกไม่เกิน 1 เดือน หรือปรับไม่เกิน 1,000 บาทหรือทั้งจําทั้งปรับ 5.ร่วมกันเปิดเพลงเสียงดัง ทําให้เกิดเสียงหรือเกิดความอื้ออึงโดยไม่มีเหตุอันสมควร จน ทําให้ประชาชนตกใจหรือเดือดร้อนด้วยการเปิดเพลงเสียงดังในสถานท่ีเกิดเหตุ ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 83 ,370 โทษปรับไม่เกิน 1,000 บาท 6.ร่วมกันกระทําประการใดๆต่อผู้อื่นอันเป็นการข่มเหง คุกคาม หรือกระทําให้ได้รับความ อับอายหรือเดือดร้อนรําคาญ ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 83 ,397 โทษปรับไม่เกิน 5,000 บาท กรณีกระทํา ในที่สาธารณะ โทษจําคุกไม่เกิน 1 เดือนหรือปรับไม่เกิน 10,000 บาท หรือทั้งจําทั้งปรับ 

และได้ออกหมายเรียกกลุ่มผู้ต้องหาให้มาพบพนักงานสอบสวนไปแล้วเมื่อวันจันทร์ที่ 14 สิงหาคม 2566 โดยกลุ่มผู้ต้องหาแจ้งจะเดินทางมาพบพนักงานสอบสวนในวันพฤหัสบดีที่ 17 สิงหาคม 2566 เพื่อรับทราบข้อกล่าวหา จากเหตุการณ์ท่ีเกิดขึ้น ในส่วนของการปฏิบัติหน้าที่ของเจ้าหน้าที่ตํารวจ ในการเข้าระงับเหตุครั้ง ที่เจ้าหน้าที่ตํารวจได้กระทําการตามหลักกฎหมายและหลักยุทธวิธี ในการเดินทางตรวจสอบเหตุ รวมทั้ง ประเมินสถานการณ์เหตุการณ์ และยับยั้งไม่ให้เกิดเหตุรุนแรงมากขึ้น จากเหตุที่เกิดขึ้นเจ้าหน้าที่ตํารวจ ได้ปฏิบัติหน้าที่ด้วยความอดทน อดกลั้น อย่างถึงที่สุดและปฏิบัติตามขั้นตอนและหลักยุทธวิธี ในการใช้ กําลัง เพื่อไม่ให้เกิดที่รุนแรงมากขึ้น ในส่วนของประชาชน เจ้าหน้าที่ตํารวจมีความห่วงใย จึงขอฝากประชาสัมพันธ์ผู้กระทําความผิด ให้ตระหนักถึงกรอบของกฎหมาย หากมีการกระทําความผิดจะต้องรับโทษตามที่กฎหมายกําหนด 

พันตํารวจเอกนพดล ช่างเรือน ผู้กํากับการสถานีตํารวจภูธรเมืองสมุทรปราการ กล่าวเพิ่มเติมว่า ถ้าอีกฝ่ายผู้ต้องหาเห็นว่าไม่ได้รับความเป็นธรรมก็ขอให้ใช้สิทธ์ตามกฎหมายได้ ส่วนทางเจ้าหน้าที่ตำรวจยืนยันว่าทำหน้าที่ด้วยความอดทนอดกลั้นอย่างถึงที่สุดแล้ว ส่วนสิบตํารวจตรีสุรวีร์ ยืนยันว่าไม่เคยรู้จักหรือโกรธเคืองกับกลุ่มผู้เสียหายมาก่อนแต่อย่างใด ทั้งนี้ ทางผู้บังคับบัญชาระดับ ตร. และ ผบ.ตร. ก็กล่าวชื่มชมในการทำงานมาด้วย ส่วนการทำงานของ สิบตํารวจตรีสุรวีร์ ที่ผ่านมาก็เป็นคนที่ทำงานดีและขยันอดทนมาตลอด 


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top