Saturday, 3 May 2025
THE STATES TIMES TEAM

วปอ. รวมพลัง สถาบันพระปกเกล้า บอก ”รักเมืองไทย“ กระหึ่มสนามศุภฯ ผ่านการแสดงสะท้อนสังคม รักความเป็นชาติไทย

วันที่ 26 สิงหาคม ที่ สนามศุภชลาศัย พลเอก เฉลิมพล ศรีสวัสดิ์ ผู้บัญชาการทหารสูงสุด เป็นประธาน เปิดการแข่งขันฟุตบอลประเพณี วปอ.-สถาบันพระปกเกล้า ภายใต้แนวคิด “รักเมืองไทย” ชิงถ้วยรางวัลสภากาชาดไทย และ ชิงถ้วยรางวัลจาก พลเอกสุรยุทธ์ จุลานนท์  ปีนี้จัดขึ้นเป็นปีแรก 

บรรยากาศเป็นไปอย่างคึกคัก ทั้ง คณาจารย์ ศิษย์เก่า และศิษย์ปัจจุบันของ วปอ. และ สถาบันพระปกเกล้า ประกอบด้วย หลักสูตรการเมืองการปกครองในระบอบประชาธิปไตยสําหรับนักบริหารระดับสูง (ปปร.) หลักสูตรการเสริมสร้างสังคมสันติสุข (4 ส.) หลักสูตรการบริหารงานภาครัฐและกฎหมายมหาชน (ปรม.) หลักสูตรการบริหารเศรษฐกิจสาธารณะสําหรับนักบริหารระดับสูง (ปศส.) เข้าร่วมกิจกรรมกันอย่างล้นหลาม

ทั้งนี้ได้รับเกียรติจาก พล.ท.ชาติชาย ชัยเกษม ผู้อํานวยการวิทยาลัยป้องกันราชอาณาจักร พล.อ.เฉลิมชัย สิทธิสาท องคมนตรี นายถิรชัย วุฒิธรรม ประธานมูลนิธิเพื่อนักกีฬาไทย พล.อ.ราชรักษ์ เรียนพืชน์ อดีตกรรมการผู้จัดการใหญ่ สถานีวิทยุโทรทัศน์ ททบ.5 พล.อ.วิชัย ชูเชิด ผู้บัญชาการสถาบันวิชาการป้องกันประเทศ พล.อ.อ.คงศักดิ์ จันทรโสภา รองผู้บัญชาการทหารสูงสุด นายวิทวัส ชัยภาคภูมิ เลขาธิการสถาบันพระปกเกล้า  ดร.ถวิลวดี บุรีกุล รองเลขาธิการ สถาบันพระปกเกล้า ดร.ธิติมา หล่อพิพัฒน์ นายกสมาคมแห่งสถาบันพระปกเกล้า พล.อ.มารุต ปัชโชตะสิงห์ สมาชิกวุฒิสภา ร่วมงาน

โดยกิจกรรมเริ่มขึ้นด้วยการแสดงวงดุริยางค์ ของกองบัญชาการกองทัพไทย จากนั้นเป็นการร่วมแสดงของศิษย์ทั้งสองสถาบัน โดยเนื้อหาแสดงถึงความเสียสละ ความรัก ความสามัคคี นำมาซึ่งการรักษาความเป็นไทย มาถึงปัจจุบัน ต่อด้วยขบวนพาเหรด 

สิ่งที่น่าสนใจต้องยกให้การเดินขบวนพาเหรดที่ทั้ง 2 สถาบันได้สะท้อนสังคม รักความเป็นชาติไทย ที่ทั้งสองฝั่ง วปอ.-สถาบันพระปกเกล้า ทำออกมาได้รับเสียงปรบมือสนั่นสเตเดียมเลยทีเดียว รวมไปถึงการเชียร์ของทั้งสองทีม แบบจัดเต็มจัดหนัก เสียงดังสนั่นทั่วทั้งสนามศุภชลาศัย 

ไฮไลต์เป็นการแสดงชุด "รักเมืองไทย" ด้วยการใช้โทนสีแดง ขาว น้ำเงิน ที่แสดงถึง ชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์ ฉากแรกเริ่มต้น การแสดงกล่าวถึงความเสียสละของคนไทยสมัยก่อน ที่ร่วมกันปกป้องผืนแผ่นดินไทย

ฉากที่สองกล่าวถึงความหลากหลายของศาสนาในประเทศไทย ถึงแม้จะมีความแตกต่างกัน แต่ก็สามารถอยู่ร่วมกันได้ 

ฉากที่สามกล่าวถึงสถาบันกษัตริย์ ความสามัคคีของคนไทย ไม่ว่าจะอยู่ภาคไหนของไทย ก็ร่วมกันสามัคคี เพื่อถวายแด่พ่อหลวงของปวงไทยทั้งในอดีตและปัจจุบัน

ฉากที่สี่กล่าวถึงประเพณีสี่ภาค การแสดง ศิลปะและประเพณีของแต่ละภาค เริ่มต้นจากภาคเหนือ ภาคอีสาน ภาคใต้ ภาคกลาง 

ฉากที่ห้ากล่าวถึงความแตกต่างของเอกลักษณ์และประเพณีของแต่ละภาค ถึงแม้จะแตกต่างกันแต่ทุกความแตกต่างล้วนแสดงถึงความเป็นไทยอย่างลงตัว

ส่วนขบวนพาเหรด "ผสานใจ รักษ์เมืองไทยยั่งยืน" ได้สื่อถึงความสมานฉันท์ของคนไทยที่มีความเทิดทูนจงรักภักดีต่อสถาบันชาติ ศาสนา และพระมหากษัตริย์ ผ่านการแสดงพลังของศิษย์เก่าและศิษย์ปัจจุบันของทั้ง 2 สถาบัน กว่า 200 คน ร่วมขบวนพาเหรดเชิญถ้วยรางวัล และแสดงถึงพลังแห่งความสามัคคี ปรองดอง และความเป็นน้ำหนึ่งใจเดียวกัน

ต่อด้วยการแข่งขันฟุตบอลคู่แรก ประเภท JUNIOR  ผลการแข่งขันสถาบันพระปกเกล้า ชนะไป 2:0 

ส่วนคู่สองประเภท SENIOR ผลการแข่งขัน วปอ.ชนะไป 1:0 โดยมีนักเตะกิตติมศักดิ์ร่วมแข่งขันด้วย อาทิ นพ.ชลน่าน ศรีแก้ว นายธนกร วังบุญคงชนะ 

ดร.วิกร ภูวพัชร์ ประธานฝ่ายจัดการแข่งขัน สถาบันพระปกเกล้า กล่าวถึงการ ”รักเมืองไทย” ว่า ประเทศเหมือนครอบครัว การรวมพลังของคนในชาติเหมือนสมาชิกในครอบครัวร่วมกันสร้างครอบครัว หากมีครอบครัวที่อบอุ่นทุกคนในครอบครัวก็มีแต่เติบโตแข็งแรงไปพร้อมกัน ส่วนการแข่งขันฟุตบอลครั้งนี้ เกมส์ฟุตบอลในสนามแพ้ชนะไม่ใช่สิ่งสำคัญ กิจกรรมและความร่วมมือสร้างความสัมพันธ์มิตรภาพและความเสียสละเอื้อเฟื้อซึ่งกันและกัน จะเป็นภาพที่งดงามและประทับใจมากกว่า หากทุกท่านเข้าใจและเสียสละในทรัพยากรที่ตัวเองมี บางท่านลงเงิน บางท่านลงแรงตามกำลังที่จะทำได้ ร่วมกันคิด ร่วมกันทำ ด้วยความรักและเข้าใจ มิตรภาพก็จะยั่งยืน

ด้านพันเอก ณัฎฐ์ ศรีอินทร์ ประธานฝ่ายกีฬา วปอ.65 กล่าวว่า ความรัก ทำให้เราสามารถเสียสละและทำทุกอย่างให้ได้ เรามีคนรัก เราสามารถเสียสละทุกอย่างและทำทุกอย่างให้คนรักได้ เรามีครอบครัว เราก็สามารถเสียสละและทำทุกอย่างเพื่อครอบครัวได้ ดังนั้นเมื่อเราเกิดและอาศัยในผืนแผ่นดินไทย เราจึงต้อง “รักเมืองไทย” เสียสละทุกอย่างและทำทุกอย่างเพื่อผืนแผ่นดินไทยของเรา ศิษย์ วปอ. และ สถาบันพระปกเกล้าทุกคน “รักเมืองไทย” จึงขอเชิญชวนทุกคนมารักเมืองไทยด้วยกัน

สืบนครบาลรวบ “บอย-ส้ม คู่รักกุนขแมร์” ตระเวนก่อเหตุล้วงกระเป๋าทั่วเมืองกรุง

ตามนโยบายของ พล.ต.อ.ดำรงศักดิ์ กิตติประภัสร์ ผบ.ตร. พล.ต.ท.ธิติ แสงสว่าง ผบช.น. ให้ปราบปรามจับกุมอาชญากรรมที่กระทำความผิดทุกรูปแบบ ตลอดจนอาชญากรที่สร้างความเดือนร้อนให้กับประชาชนผู้สุจริต โดยเจ้าหน้าที่ตำรวจสืบนครบาล (IDMB) ได้รับทราบถึงกลุ่มคนร้ายออกตระเวนล้วงกระเป๋าตามห้างสรรพสินค้า และแหล่งชุมชนที่มีนักท่องเที่ยวและผู้คนสัญจรเป็นจำนวนมาก ทั่วกรุงเทพฯ โดยมีวิธีการก่อเหตุคือจะมีการแบ่งหน้าที่กันทำแบบชัดเจน โดยคนหนึ่งจะทำการประชิดตัวผู้เสียหายเพื่อทำการเบี่ยงเบนความสนใจ ก่อนที่อีกคนหนึ่งจะทำการล้วงกระเป๋าเอาทรัพย์สินไปก่อนจะหลบหนี  

โดย  พล.ต.ต.ธีรเดช ธรรมสุธีร์ ผบก.สส.บช.น. ผู้การจ๋อส่งทีมนักสืบ บช.น. นักสืบ 111 แกะรอยสืบสวน “กลุ่มแก๊งมิจฉาชีพออกลาดตระเวนล้วงกระเป๋า” พบมีการทำหน้าที่กันเป็นรูปแบบ และมีการแบ่งหน้าที่กันอย่างเป็นระบบ โดยล่าสุด พ.ต.อ.วิชิต ถิรขจรวงศ์ ผกก.สส.1 บก.สส.บช.น. จับกุมตัว นายบูย ยางฮา สัญชาติกัมพูชา และ นางสาวแมรี่ จีน สัญชาติกัมพูชา คู่รักมือฉมังตระเวนล้วงกระเป๋าทั่วเมืองกรุง พร้อมดำเนินการเร่งติดตามตัวมาดำเนินคดีตามกฎหมาย ทั้งขบวนการ

เมื่อวันที่ 26  สิงหาคม  2566  พล.ต.ท.ธิติ แสงสว่าง ผบช.น., พล.ต.ต.นพศิลป์  พูลสวัสดิ์ รอง ผบช.น.  พล.ต.ต.ธีรเดช ธรรมสุธีร์ ผบก.สส.บช.น. พ.ต.อ.เกียรติศักดิ์ สระรองออย รอง ผบก.สส.บช.น. , พ.ต.อ.วรพจน์ รุ่งกระจ่าง รอง ผบก.สส.บช.น. , พ.ต.อ.วิชิต ถิรขจรวงศ์ ผกก.สส.1 บก.สส.บช.น. , พ.ต.ท.พีรบูรณ์ แก้วดู รอง ผกก.สส.1 บช.น. , พ.ต.ท.เอกศิษฐ์ วรกิตติ์ฐากรณ์ รอง ผกก.สส.1 บช.น. , พ.ต.ท.พัฒน์พงษ์ กื้อมะโน สว.กก.สส.1 บก.สส.บช.น. , พ.ต.ต.คณิตนนท์ ถนอมศรี สว.กก.สส.1 บก.สส.บช.น. และเจ้าหน้าที่ชุดสืบสวนนครบาล (บก.สส.บช.น.) นำกำลังสืบสวนติดตามจับกุมตัว

1. นายบูย หรือบอย ยางฮา อายุ 31 ปี สัญชาติกัมพูชา 
2.  นางสาวแมรี่ หรือส้ม จีน อายุ 27 ปี สัญชาติกัมพูชา 

ในข้อหา “เป็นบุคคลต่างด้าวเดินทางเข้ามาและอยู่ในราชอาณาจักรโดยไม่ได้รับอนุญาต” พร้อมของกลางโทรศัพท์มือถือที่ลักทรัพย์มา และชุดที่ใช้ในการก่อเหตุรวมกว่า 36 รายการ โดยจับกุมตัวได้ที่บริเวณหน้าห้องพักเลขที่ 310 อพาร์ทเม้นทรัพย์เอเชีย ซอยสุขุมวิท 111 ตำบลสำโรงเหนือ อำเภอเมืองสมุทรปราการ จังหวัดสมุทรปราการ พร้อมของกลางโทรศัพท์มือถือที่ลักทรัพย์มา และชุดที่ใช้ในการก่อเหตุรวมกว่า 36 รายการ

พฤติการณ์กล่าวคือ สืบเนื่องจากปัญหาการก่ออาชญากรรมของกลุ่มมิจฉาชีพที่ตระเวนก่อเหตุลักทรัพย์สินของชาวบ้านในปัจจุบัน พล.ต.ต.ธีรเดช ธรรมสุธีร์ ผบก.สส.บช.น. จึงได้วางแนวทางการป้องกันและปราบปราม พร้อมอีกทั้งได้ให้ เจ้าหน้าที่ตำรวจของ บก.สส.บช.น. เร่งช่วยเหลือประชาชนที่ได้รับความเดือดร้อนจากกลุ่มมิจฉาชีพดังกล่าว ซึ่งต่อมาได้สืบสวนจนพบกลุ่มแก๊งมิจฉาชีพออกลาดตระเวนวิ่งราวทรัพย์ล้วงกระเป๋า จึงได้สั่งการให้ พ.ต.อ.วิชิต ถิรขจรวงศ์ ผกก.สส.1 บก.สส.บช.น. ทำการสืบสวน จนทราบแผนประทุษกรรมของแก๊งนี้คือ ผู้ก่อเหตุจะออกตระเวนก่อเหตุล้วงกระเป๋าตามห้างสรรพสินค้า และแหล่งชุมชนที่มีนักท่องเที่ยวและผู้คนสัญจรเป็นจำนวนมาก ทั่วกรุงเทพฯ โดยมีวิธีการก่อเหตุคือจะมีการแบ่งหน้าที่กันทำแบบชัดเจน โดยคนหนึ่งจะทำการประชิดตัวผู้เสียหายเพื่อทำการเบี่ยงเบนความสนใจ ก่อนที่อีกคนหนึ่งจะทำการล้วงกระเป๋าเอาทรัพย์สินไปก่อนจะหลบหนี  เจ้าหน้าที่ตำรวจจึงได้ทำการสืบสวนอย่างต่อเนื่อง จนสามารถพบได้ว่ากลุ่มของผู้ก่อเหตุได้โดยสารรถประจำทางมาจากบริเวณห้างอิมพีเรียล สำโรง ตำบลสำโรงเหนือ อำเภอเมืองสมุทรปราการ จังหวัดสมุทรปราการ ต่อมาวันที่ 26 ส.ค. 66 พล.ต.ต.ธีรเดช ธรรมสุธีร์ ผบก.สส.บช.น. จึงได้นำกำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจสืบสวนนครบาล ลงพื้นที่สืบสวนจนทราบว่า กลุ่มมิจฉาชีพดังกล่าวได้พักอาศัยที่ อพาร์ทเม้นทรัพย์เอเชีย ซอยสุขุมวิท 111 ตำบลสำโรงเหนือ อำเภอเมืองสมุทรปราการ จังหวัดสมุทรปราการ ทราบชื่อภายหลังคือ นายบูย หรือบอย ยางฮา อายุ 31 ปี สัญชาติกัมพูชา และ นางสาวแมรี่ หรือส้ม จีน อายุ 27 ปี สัญชาติกัมพูชา โดยระหว่างสืบสวนได้พบว่าทั้งสองคนนั้นได้เดินเข้า-ออกบริเวณห้องพักของตนจำนวนหลายครั้ง อีกทั้งมีการเก็บเสื้อผ้าคล้ายจะเตรียมทำการหลบหนี เจ้าหน้าที่ตำรวจจึงได้รีบแสดงตัวเป็นเจ้าหน้าที่ตำรวจเข้าจับกุมผู้ต้องหาทั้งสอง โดยจับกุมได้ที่ บริเวณหน้าห้องพักเลขที่ 310 อพาร์ทเม้นทรัพย์เอเชีย ซอยสุขุมวิท 111 ตำบลสำโรงเหนือ อำเภอเมืองสมุทรปราการ จังหวัดสมุทรปราการ

 ในชั้นจับกุม นายบูยฯ และนางสาวแมรี่ฯ ให้การรับสารภาพตลอดข้อกล่าวหา โดยให้การว่า “เมื่อประมาณต้นปี พ.ศ.2565 ตนทั้งสองได้ลักลอบเข้าประเทศไทย ผ่านช่องทางธรรมชาติบริเวณ จ.สระแก้ว โดยเมื่อเข้ามาในประเทศไทย ไม่มีงานทำเป็นหลักแหล่ง จึงได้วางแผนร่วมกันก่อเหตุล้วงประเป๋า โดยได้มีการซักซ้อมกันจนชำนาญ ก่อนที่จะออกก่อเหตุตามบริเวณห้างสรรพสินค้า และแหล่งชุมชนที่มีนักท่องเที่ยวและผู้คนสัญจรเป็นจำนวนมากในจังหวัดกรุงเทพมหานคร เพื่อนำทรัพย์สินที่ได้ไปขายเพื่อนำมาใช้ในชีวิตประจำวัน โดยได้ก่อเหตุรวมมากกว่า 100 ครั้ง หลังการจับกุม เจ้าหน้าที่ตำรวจสืบสวนนครบาล จึงได้นำตัว นายบูยฯ และนางสาวแมรี่ฯ 

ส่งพนักงานสอบสวน สภ.สำโรงเหนือ เพื่อดำเนินคดีตามกฎหมาย ต่อไป พล.ต.ต.ธีรเดช ธรรมสุธีร์ ผบก.สส.บช.น. กล่าวว่า “การเดินทางระหว่างประเทศเพื่อนบ้านนั้น เป็นสิ่งที่กระทำได้ง่ายมากขึ้น ซึ่งเป็นผลดีต่อการร่วมกันพัฒนาเศรษฐกิจในแต่ละประเทศ แต่เมื่อเข้ามาในประเทศของผู้อื่นแล้ว ก็ต้องเคารพซึ่งกฎหมายของแต่ละประเทศเช่นกัน โดยขอฝากเตือนไปยังกลุ่มผู้เข้ามาภายในประเทศไทยโดยที่คิดสร้างความเดือดร้อนให้แก่ประชาชนนั้น ให้คิดเลิกทำ แต่ถ้ายังไม่เลิกทำ เราจะติดตามท่าน จนไปถึงหน้าประตูแม้อยู่นอกกรุงเทพ”

สวนนงนุชพัทยา รับขวัญช้างมหัศจรรย์ถุงน้ำคล้ำแตกแล้วยังอยู่ในท้องแม่อีกสองวัน

ที่ปางช้างสวนนงนุชพัทยา จ.ชลบุรี  นายกัมพล  ตันสัจจา ประธานสวนนงนุชพัทยา พร้อมด้วยพระครูเกษมกิตติโสภณ(อาจารย์จ่อย)  เจ้าอาวาสวัดสามัคคีบรรพต  ร่วมเป็นประธาน พิธีเสริมสิริมงคล คล้องพวงมาลัยรับขวัญลูกช้างสมาชิกใหม่ล่าสุดที่เกิดจากแม่ช้าง  พังสาหร่าย  อายุ 22 ปี และพ่อช้างพลายหนิงหน่อง อายุ 27ปีเป็นช้างเชือกที่4ของปีและเป็นช้างที่คลอดที่สวนนงนุชพัทยาลำดับที่ 108  

โดยนายกัมพล  ตันสัจจา ประธานสวนนงนุชพัทยา ได้ตั้งชื่อว่าพลายบุญมาก  เนื่องจากในวันที่18 สิงหาคม 2566 นั้นแม่ช้างพังสาหร่าย เกิดถุงน้ำคล้ำแตกไหลออกมาพร้อมที่จะคลอดตามธรรมชาติ แต่ปรากฏว่าผ่านไปสองวันลูกช้างพลายบุญมากยังไม่มีวี่แววคลอดออกมาเลยทำให้ทางสัตวแพทย์เป็นกังวลเนื่องจากถุงน้ำคล้ำแตกและสายสะดือขาดแล้วทำให้ลูกช้างมีโอกาสเสียชีวิตในท้องสูง เมื่อวันที่ 20 สิงหาคม 2566 เวลา 00.50 น. โดยมีควาญช้างและเจ้าหน้าที่สวนคอยดูแลอย่างใกล้ชิด โดยลูกช้างก็คลอดออกมาแล้วนอนนิ่งทางเจ้าหน้าที่ที่เฝ้าดูอาการเร่งเข้าไปช่วยพยุงและเช็ดตัวให้น้องช้างยืนขึ้น เร่งตรวจสอบความสมบูรณ์แข็งแรงของร่างกาย เบื้องต้นลูกช้างและแม่ช้างมีสุขภาพแข็งแรงดี หลังตกลูกเป็นปกติ

พร้อมกันนี้ สวนนงนุชพัทยา ยังได้จัดขบวนนางรำและโขลงช้างกว่า 50 เชือกเข้าร่วมในพิธีรับขวัญช้างน้อย ซึ่งพิธีรับขวัญช้างที่กำเนิดใหม่ของปางช้างสวนนงนุชพัทยา ถือเป็นประเพณีที่ดีงามที่ต้องจัดขึ้นเมื่อมีช้างคลอดใหม่ทุกเชือก ช้างถือได้ว่าเป็นสัตว์คู่บ้าน คู่เมือง ของไทย เบื้องต้นทางสวนนงนุชพัทยาได้จัดทีมสัตว์แพทย์และควาญช้างดูแลอย่างดี  ปางช้างสวนนงนุชพัทยา ยังได้รับหนังสือรับรองมาตรฐานการปฏิบัติที่ดีสำหรับปางช้าง จากกรมปศุสัตว์และสำนักงานมาตรฐานสินค้าเกษตรและอาหารแห่งชาติ เป็นแห่งแรกของประเทศไทย

ซักด่วน !!! ใช้ผ้าขนหนูเกิน 3 วัน เหมือนเช็ดตัวด้วยโถส้วม !!! | Y WORLD EP.75

Y WORLD ตอนนี้ แค่หัวข้อก็อึ้งกันแล้วค่ะ แค่ไม่ได้ซักผ้าขนหนู 3 วัน ก็สกปรกขนาดนี้เลยหรอ ? ส่งผลอย่างไรบ้าง และควรแก้ยังไง คลิปนี้มีคำตอบค่ะ 

‘Roman Charity’ ภาพวาดที่ไม่ได้ลามก แต่คือความกตัญญู | Y WORLD EP.74

Y WORLD ตอนนี้พาคุณไปชมภาพวาดหญิงสาวกำลังป้อน ‘นม’ ของตัวเองให้ชายชรา ที่บอกเลยว่า 'เห็นครั้งแรก ก็คิดดีไม่ได้จริงๆ' แต่แท้จริงแล้ว ภาพนี้ไม่ได้เป็นสื่อลามกอนาจาร แต่คือการแสดงความกตัญญู เรื่องราวจะเป็นอย่างไรนั้น ไปติดตามชมกันได้เลยค่ะ

ปลิดชีพ "ชาย" ขู่ฆ่า "โจ ไบเดน" แม้ไม่มี112 | Y WORLD EP.73

Y WORLD ตอนนี้จะพาคุณไปฟังเรื่องราวการ "ปกป้องผู้นำ" ของตนขั้นสุดแบบสหรัฐอเมริกา ในกรณีที่ FBI ปลิดชีพ 'ชาย’ ขู่ฆ่า 'โจ ไบเดน' แม้สหรัฐอเมริกาจะไม่มีกฎหมายมาตรา 112 แบบประเทศไทย แต่ก็ต้องยอมรับว่า หากใครมาหมิ่นหรือคิดร้ายผู้นำในประเทศของเขา โดนดีทันที เรื่องราวจะเป็นอย่างไร ไปรับชมกันเลย

อดีตนักเรียนไทยในญี่ปุ่น ฉายภาพ 'มารยาท' ในพื้นที่สาธารณะ | Y WORLD EP.72

เจริญได้ด้วยจารีต!! วิเคราะห์ความจริงเรื่อง 'มารยาท' ในพื้นที่สาธารณะของคนญี่ปุ่น 'การปลูกฝัง-ส่งต่อสิ่งดีๆ' รุ่นสู่รุ่น ช่วยสร้างวินัย-พัฒนาชาติเจริญ

ตอบคำถาม!! เว้นที่นั่งในโรงหนังให้ 'เจ้าที่' หรือ 'เจ้าหน้าที่' กันแน่!! | Y WORLD EP.71

Y WORLD ตอนนี้ จะมาตอบคำถามที่หลายๆคนสงสัย 'ที่ว่างในโรงหนัง' ว่า เอ๊...ที่นั่งก็ว่างแต่ทำไมมีคนจองไปแล้ว ? เขาเว้นทำไม แล้วเว้นไว้ให้ใครกันนะ ? คลิปนี้มีคำตอบ

สายลับ เจมส์ บอนด์ ลุยเดี่ยวเคลียร์จบ มีจริงหรือ? | Y WORLD EP.70

Y WORLD ตอนนี้ พาคุณไปพบกับ 'เจมส์ บอนด์' มาดูกันว่าหนังสายลับชื่อดังเรื่องนี้ อิงความจริงหน่วยข่าวกรองลับ MI6 หรือ Secret Intelligence Service ของอังกฤษ มากแค่ไหน ?


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top