Sunday, 4 May 2025
THE STATES TIMES TEAM

การประชุมผู้บัญชาการเหล่าทัพ ครั้งที่ ๕ ประจำปีงบประมาณ พ.ศ.๒๕๖๖

วันอังคารที่ ๒๕ กรกฎาคม ๒๕๖๖ เวลา ๑๐.๑๕ นาฬิกา กองบัญชาการกองทัพไทย จัดการประชุมผู้บัญชาการเหล่าทัพ ครั้งที่ ๕ ประจำปีงบประมาณ พ.ศ.๒๕๖๖ โดยมี พลเอก เฉลิมพล  ศรีสวัสดิ์ ผู้บัญชาการทหารสูงสุด เป็นประธาน พร้อมด้วย ผู้บัญชาการทหารบก ผู้บัญชาการทหารเรือ ผู้บัญชาการทหารอากาศ และ ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ เข้าร่วมประชุม ณ ห้องศรียานนท์ ชั้น ๒ อาคาร ๑ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ 

ในโอกาสนี้ ผู้บัญชาการทหารสูงสุด ได้มอบนโยบายให้เหล่าทัพ และสำนักงานตำรวจแห่งชาติ จัดกิจกรรมเฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เนื่องในโอกาสวันเฉลิมพระชนมพรรษา ๒๘ กรกฎาคม ๒๕๖๖ อย่างเต็มขีดความสามารถและสมพระเกียรติ พร้อมทั้งปลูกฝังกำลังพลทุกนาย ให้มีความจงรักภักดี ปกป้อง พิทักษ์รักษา และเทิดทูนสถาบันพระมหากษัตริย์ ตลอดจนให้ทุกหน่วยบูรณาการการทำงานร่วมกับทุกภาคส่วน ในการเสริมสร้างความมั่นคง ความปลอดภัย และความสงบสุขให้กับประชาชนในประเทศ 

ในวันนี้ ที่ประชุมฯ ได้รับทราบผลการปฏิบัติงานที่สำคัญ และแนวทางการพัฒนาขีดความสามารถของกองทัพในด้านต่าง ๆ ดังนี้ 

กองบัญชาการกองทัพไทย ได้ชี้แจงแนวทางดำเนินการด้านการพัฒนาประเทศเพื่อความมั่นคงและช่วยเหลือประชาชนของกองทัพไทย โดยด้านการพัฒนาประเทศในปัจจุบัน ยึดถือตามนโยบายและแผนความมั่นคงที่ ๑๗ การเสริมสร้างความมั่นคงเชิงพื้นที่ของนโยบายและแผนระดับชาติว่าด้วยความมั่นคงแห่งชาติ พ.ศ.๒๕๖๖-๒๕๗๐ รวมถึงแนวทางการบริหารจัดการเพื่อเสริมสร้างความมั่นคงเชิงพื้นที่ พ.ศ.๒๕๖๖-๒๕๗๐ ของสำนักงานสภาความมั่นคงแห่งชาติ ซึ่งกองบัญชาการกองทัพไทย มีกลไกการดำเนินงานที่สำคัญ ได้แก่ กรมกิจการชายแดนทหาร รับผิดชอบงานด้านการจัดระบบป้องกันและการสื่อสาร เพื่อจัดระเบียบพื้นที่ชายแดน รวมถึงการรักษาความมั่นคงชายแดนไทยกับประเทศเพื่อนบ้าน และหน่วยบัญชาการทหารพัฒนา รับผิดชอบงานด้านการพัฒนาประเทศร่วมกับส่วนราชการที่เกี่ยวข้อง โดยเฉพาะในพื้นที่ชายแดน สำหรับการช่วยเหลือประชาชน เมื่อเกิดภัยพิบัติ มีศูนย์บรรเทาสาธารณภัยกระทรวงกลาโหม เป็นศูนย์กลางในการประสานงานกับทุกภาคส่วน โดยกองทัพไทย มีศูนย์บัญชาการทางทหาร ทำหน้าที่ศูนย์บรรเทาสาธารณภัยกองทัพไทย รับผิดชอบด้านการอำนวยการ ประสานงาน สั่งการ และกำกับดูแลการปฏิบัติของศูนย์บรรเทาสาธารณภัยกองบัญชาการกองทัพไทย และศูนย์บรรเทาสาธารณภัยเหล่าทัพ เพื่อให้การเตรียมการป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยในพื้นที่รับผิดชอบ เป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ ทันต่อสถานการณ์ 

กองทัพบก ได้ชี้แจงแนวทางการช่วยเหลือและบรรเทาความเดือดร้อนของประชาชนในสถานการณ์ภัยพิบัติ โดยได้เตรียมความพร้อมด้านโครงสร้างและแผนปฏิบัติการ ด้วยการปรับปรุงแผนบรรเทาสาธารณภัยกองทัพบก ให้มีความทันสมัย และสอดคล้องกับแผนป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยแห่งชาติ พ.ศ.๒๕๖๔-๒๕๗๐ รวมถึงแผนบรรเทาสาธารณภัย กระทรวงกลาโหม พ.ศ.๒๕๖๔ ตลอดจนเตรียมความพร้อมด้านกำลังพล โดยการให้ความรู้ พัฒนาขีดความสามารถกำลังพล รวมถึงสนับสนุนกำลังพลในการเข้ารับการซักซ้อมแผนเผชิญเหตุร่วมกับส่วนราชการที่เกี่ยวข้องในทุกระดับการเกิดภัย อาทิ การเตรียมความพร้อมชุดบรรเทาสาธารณภัยเคลื่อนที่เร็วและการฝึกแลกเปลี่ยนผู้เชี่ยวชาญด้านการดับไฟป่า (Bush Fire SMEE 2023) เป็นต้น นอกจากนี้ยังมีการเตรียมความพร้อมด้านยุทโธปกรณ์ โดยการจัดหายุทโธปกรณ์เพื่อเพิ่มความปลอดภัยของกำลังพลในการปฏิบัติงาน รวมถึงการจัดทำโครงการเสริมสร้างชุดบรรเทาสาธารณภัยเคลื่อนที่เร็ว ให้มีขีดความสามารถในการค้นหาและกู้ภัยเบื้องต้น เป็นมาตรฐานสากลสามารถปฏิบัติงานร่วมกับฝ่ายพลเรือนได้อย่างมีประสิทธิภาพ 

กองทัพเรือ ได้นำเสนอขีดความสามารถของเรือหลวงช้างในการบรรเทาภัยพิบัติและช่วยเหลือประชาชนซึ่งถือเป็นเรืออเนกประสงค์ยกพลขึ้นบกขนาดใหญ่ มีขีดความสามารถในการปฏิบัติการยุทธสะเทินน้ำสะเทินบก การขนส่งลำเลียง การเป็นเรือบัญชาการ การค้นหาและกู้ภัยทางทะเล รวมทั้งสนับสนุนการช่วยเหลือกู้ภัยเรือดำน้ำ มีความสามารถในการช่วยเหลือและบรรเทาสาธารณภัย การอพยพประชาชน สนับสนุนการป้องกันและต่อต้านการก่อการร้ายในทะเลและท่าเรือ โดยมีกำลังพลประจำเรือทั้งสิ้น ๑๙๖ นาย มีคุณลักษณะความยาวตลอดลำ ๒๑๓ เมตร ความกว้าง ๒๘ เมตร กินน้ำลึก ๗ เมตร ระวางขับน้ำสูงสุด ๒๐,๐๐๓ ตัน ทำความเร็ว ๒๓ นอต ทนแรงคลื่นสูงกว่า ๑๔ เมตร มีความเหมาะสมในภารกิจช่วยเหลือด้านมนุษยธรรมและบรรเทาภัยพิบัติ อาทิ การช่วยเหลือผู้ประสบภัยทางอากาศ การช่วยเหลือผู้ประสบภัยทางน้ำ การพักอาศัย การประกอบอาหาร และการช่วยเหลือทางการแพทย์ โดยมีห้องปฏิบัติการแพทย์ จำนวน ๑๑ ห้อง ห้องผู้ป่วย ๓ ห้อง ส่วนรักษา ๘ ห้อง แบ่งเป็นห้อง X-ray ห้องทันตกรรม ห้องศัลยกรรม ห้องตรวจโรค ห้องยา ห้อง LAB ห้องฆ่าเชื้อ และห้องผ่าตัด ซึ่งสามารถรองรับการจัดตั้งโรงพยาบาลสนามระดับ ๒ บนเรือได้ เรือหลวงช้างจึงเป็นกำลังสำคัญของกองทัพเรือในการป้องกันประเทศในยามสงครามและรักษาผลประโยชน์ของชาติทางทะเล ตลอดจนสนับสนุนการพัฒนาประเทศ และช่วยเหลือประชาชนในยามสงบได้อย่างสมบูรณ์ 

กองทัพอากาศ ได้ชี้แจงเรื่องการช่วยเหลือประชาชนของกองทัพอากาศ ซึ่งปัจจุบันกองทัพอากาศกำหนดทิศทางการพัฒนาอย่างเป็นรูปธรรมผ่านแผนปฏิบัติราชการซึ่งมีความสอดคล้องกับยุทธศาสตร์ชาติ พ.ศ.๒๕๖๑ ถึง พ.ศ.๒๕๘๐ ด้านการช่วยเหลือประชาชน และบรรเทาสาธารณภัย โดยบูรณาการความร่วมมือกับส่วนราชการ และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องในการป้องกันและลดผลกระทบจากภัยพิบัติต่าง ๆ รวมทั้งพัฒนาศักยภาพ และขีดความสามารถของกำลังพล เครื่องมือ และยุทโธปกรณ์ให้เป็นมาตรฐานสากล เพื่อให้การสนับสนุน การป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย และการช่วยเหลือประชาชนเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพและทันท่วงที ตลอดจนเสริมสร้างความร่วมมือกับมิตรประเทศและองค์การระหว่างประเทศในการช่วยเหลือด้านมนุษยธรรม และการบรรเทาภัยพิบัติทั้งในระดับทวิภาคีและพหุภาคี ได้แก่ การสนับสนุน การป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย และการช่วยเหลือประชาชนเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพและทันท่วงที ตลอดจนเสริมสร้างความร่วมมือกับมิตรประเทศและองค์การระหว่างประเทศในการช่วยเหลือด้านมนุษยธรรม และการบรรเทาภัยพิบัติทั้งในระดับทวิภาคีและพหุภาคี ได้แก่ การสนับสนุนอากาศยานปฏิบัติภารกิจฝนหลวง การสนับสนุนอากาศยานเพื่อปฏิบัติการควบคุมไฟป่า การสนับสนุนอากาศยานในการค้นหาอากาศยานและเรือที่ประสบภัย และการสนับสนุนอากาศยานในการลำเลียงผู้ป่วยทางอากาศ 

สำนักงานตำรวจแห่งชาติ ได้รายงานผลการปฏิบัติของ ตำรวจจราจรตามโครงการพระราชดำริ ในการช่วยเหลือประชาชนในด้านต่าง ๆ อาทิ การให้ความช่วยเหลือผู้ป่วย ผู้บาดเจ็บ ผู้ประสบอุบัติเหตุบนท้องถนนการนำส่งผู้ป่วย ผู้บาดเจ็บ หญิงใกล้คลอดส่งโรงพยาบาล ช่วยคลอดฉุกเฉิน แก้ปัญหาอุบัติเหตุบนท้องถนน รวมถึงการเป็นวิทยากรให้ความรู้ในการปฐมพยาบาลเบื้องต้น การกู้ชีพขั้นพื้นฐาน ความรู้จราจรเบื้องต้น ความปลอดภัยบนท้องถนน ให้แก่เยาวชนและประชาชน ตลอดจนการจัดชุดเฉพาะกิจเพื่อแก้ไขปัญหาการจราจรในสถานการณ์ฉุกเฉิน เหตุภัยพิบัติ และน้ำท่วมขังบนพื้นผิวจราจร โดยตำรวจจราจรตามโครงการพระราชดำริได้ทุ่มเทกำลง

ผบ.ตร.มอบรางวัลตำรวจ สน.ชนะสงครามช่วยเหลือผู้สูงอายุจากเหตุเพลิงไหม้ และชมรมไซเบอร์ รร.นรต.คว้าแชมป์สมัยที่ 4 แข่งขันทักษะไซเบอร์

วันนี้ (24 ก.ค.66) เวลา 12.00 น. ที่ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ  พล.ต.อ.ดำรงศักดิ์ กิตติประภัสร์ ผบ.ตร. ได้มอบเกียรติบัตรโครงการ “ทำดี มีรางวัล” ให้แก่ข้าราชการตำรวจ 6 นาย และนักเรียนนายร้อยตำรวจ 3 นาย จาก 2 เหตุการณ์ ดังนี้ 

เหตุการณ์แรก กรณี “ช่วยเหลือผู้สูงอายุจากเหตุเพลิงไหม้” โดยเมื่อวันที่ 17 ก.ค.66 เวลาประมาณ 23.40 น. สน.ชนะสงคราม ได้รับแจ้งเกิดเพลิงไหม้บริเวณ ซอยสามเสน 5 แขวงวัดพระยา เขตพระนคร กทม. เจ้าหน้าที่สายตรวจ สน.ชนะสงคราม ได้เดินทางไปตรวจสอบที่เกิดเหตุดังกล่าว พบเหตุเพลิงไหม้จริง มีผู้สูงอายุ และ ผู้ป่วยอยู่ในบ้าน ประตูรั้วถูกล๊อคไม่สามารถออกมาได้ ส.ต.ท.สถาพร สำราญ และส.ต.ต.กฤษณ์ วงศ์ลักขยานันท์จึงรีบให้ความช่วยเหลือปีนข้ามประตูเข้าไป เนื่องด้วยประตูปิดล็อค ส.ต.ท.สถาพร สำราญ จึงใช้ฆ้อนทุบกุญแจ จ.ส.ต.สราวุธ บาลจิตร์,ส.ต.ต.กฤษณ์ วงศ์ลักขยานันท์ ส.ต.ท.ภัทรดนัย รอดดารา,
ส.ต.ต.มนัญชย์ กันฤทธิ์,ส.ต.ต.กิตติกร ทองจำรัส จึงช่วยกันยกนำผู้สูงอายุที่ติดค้างอยู่ภายในตัวบ้านที่เกิดเหตุและตรวจสอบภายในตัวบ้านจนหมดไม่มีตกค้าง ประสานขอสนับสนุนรถดับเพลิงสนับสนุนเพื่อทำการดับเพลิงต่อไป

และเหตุการณ์ที่ 2 กรณี “นักเรียนนายร้อยตำรวจได้รับรางวัลแข่งทักษะทางไซเบอร์” โดยเมื่อวันที่ 12 ก.ค. 66 ทีมไซเบอร์ โรงเรียนนายร้อยตำรวจ ได้เข้าร่วมการแข่งขันทักษะทางไซเบอร์ระดับโรงเรียนทหาร-ตำรวจ และระดับอุดมศึกษา ประจำปีงบประมาณ พ.ศ.2566 โดยโรงเรียนนายร้อยตำรวจ ส่งทีมเข้าร่วมการแข่งขันจำนวน 4 ทีม โดยทีมที่ได้อันดับ 1 ได้แก่ ทีม SixthHUNTER ประกอบไปด้วย (1) นรต.ทัศไนย มานิตย์ ชั้นปีที่ 4 (2) นรต.วรรณกร นุ่นประดิษฐ์ ชั้นปีที่ 4 และ (3) นรต.สุดฤทธิ์ วงษ์สุวรรณ ชั้นปีที่ 3 โดยปีนี้โรงเรียนนายร้อยตำรวจได้ตำรวจรางวัลชนะเลิศติดต่อกันเป็นสมัยที่ 4

ผบ.ตร.กล่าวอีกว่า “ตนขอชื่นชมในความกล้าหาญ ที่ควบคุมสถานการณ์ได้อย่างรวดเร็ว และทันท่วงที รวมถึงขอชื่นชมในความคิดริเริ่มสร้างสรรค์ ผลักดันและพัฒนาหน่วยงานจนสามารถสร้างชื่อเสียงให้แก่องค์กร ตนจึงได้มอบใบประกาศเกียรติคุณและรางวัลตามโครงการ “ทำดี มีรางวัล” และเงินรางวัลรวมทั้งสิ้น 20,000 บาท เพื่อเป็นขวัญและกำลังใจเป็นแบบอย่างที่ดีแก่สังคม ซึ่งโครงการนี้เป็นโครงการที่จะมอบรางวัลให้กับข้าราชการตำรวจหรือประชาชนที่ปฏิบัติหน้าที่ดีเด่น ทำงานเชิงรุก เพื่อความสงบสุขของประชาชน ประกอบคุณงามความดี ช่วยเหลือประชาชน หรือทางราชการ ประพฤติตนดี คิดถึงประโยชน์ส่วนรวมและช่วยเหลือประชาชนจนเป็นที่ยอมรับต่อสังคม”

สำนักงานตำรวจแห่งชาติ เตือนภัยออนไลน์ 'ระวังคนร้ายอ้าง ThaID โหลดแอปดูดเงิน'

สำนักงานตำรวจแห่งชาติ โดย พล.ต.อ.ดำรงศักดิ์  กิตติประภัสร์ ผบ.ตร., พล.ต.อ.รอย อิงคไพโรจน์ รอง ผบ.ตร.  พล.ต.อ.สมพงษ์ ชิงดวง ที่ปรึกษาพิเศษ ตร./หัวหน้าคณะทำงานสร้างเสริมภูมิคุ้มกันต้านภัยอาชญากรรมทางเทคโนโลยี และ พล.ต.ท.ธัชชัย ปิตะนีละบุตร ผู้ช่วย ผบ.ตร. มีความห่วงใยพี่น้องประชาชนว่าได้รับข้อความสั้น (SMS) แอบอ้างแอปพลิเคชัน ThaID หลอกให้กดลิงก์ควบคุมโทรศัพท์ เพื่อโอนเงินออกไป 

พล.ต.ท.ธัชชัย ปิตะนีละบุตร ผู้ช่วย ผบ.ตร. พร้อมด้วยคณะทำงาน จึงขอแจ้งเตือนพี่น้องประชาชนว่า ให้ระวังกลุ่มคนร้ายอ้างเป็นเจ้าหน้าที่จากแอป ThaID (ไทยดี) ซึ่งเป็นแอปพลิเคชันของกรมการปกครองในการแสดงบัตรประชาชนและทะเบียนบ้านออนไลน์  โดยคนร้ายจะติดต่อผู้เสียหายหลายทาง มีทั้งการแอบอ้างทางโทรศัพท์เข้ามา อ้างว่าเป็นเจ้าหน้าที่กรมการปกครอง ให้ดาวน์โหลดแอปพลิเคชัน ThaiD ปลอม หรือส่ง SMS เข้าโทรศัพท์ผู้เสียหายในชื่อ ThaiD เพื่อให้ผู้เสียหายทำการอัพเดทให้ยืนยันตัวตน หรือ อ้างเหตุผลอื่นๆ  ผ่านลิงก์ wsc.fit/62 ซึ่งเป็น LINE Account  ชื่อ Thai ID ปลอม เมื่อพูดคุยผ่าน Line แล้วจะหลอกล่อให้ดาวน์โหลดแอพดูดเงิน ซึ่งจะทำให้โทรศัพท์มือถือไม่สามารถใช้งานได้ชั่วคราว และคนร้ายจะทำการดูดเงินออกจากโทรศัพท์ผู้เสียหายไปสำนักงานตำรวจแห่งชาติและกรมการปกครองจึงขอแจ้งเตือนพี่น้องประชาชนทราบ มิให้หลงเชื่อโดยเด็ดขาด

หากได้รับการติดต่อทางทางโทรศัพท์หรือ SMS ดังกล่าว อย่าดาวน์โหลด หรือมีข้อสงสัย ให้โทรแจ้งสายด่วน 1441 สำนักงานตำรวจแห่งชาติ หรือ 1548 กรมการปกครอง และหากเผลอติดตั้งแอปพลิเคชันปลอมแล้ว ให้รีบตัดสัญญาณอินเทอร์เน็ต ถอดซิมโทรศัพท์มือถือออก และแจ้งความตำรวจผ่านระบบ www.thaipoliceonline.com

นอกจากนั้น นายชลอ อินทพันธุ์ ผู้อำนวยการส่วนบูรณาการฐานข้อมูลกลางภาครัฐ สำนักบริหารการทะเบียน ผู้แทนกรมการปกครองได้ชี้แจงว่ากรมการปกครอง ไม่มีช่องทางไลน์ทางการ (LINE Official Account) ในการติดต่อกับประชาชน และไม่มีนโยบายในการส่งข้อความสั้น (SMS) ไปยังประชาชนแต่อย่างใด หากประชาชนต้องการดาวน์โหลด แอปพลิเคชัน “ThaID” (ไทยดี)  สามารถดาวน์โหลดหรือติดตั้งผ่าน App Store หรือ Play Store เท่านั้น และสามารถลงทะเบียนได้ด้วยตัวเอง หรือลงทะเบียนผ่านเจ้าหน้าที่  ณ สำนักงานเขต/ที่ว่าการอำเภอ 

ทั้งนี้ประชาชน สามารถติดตามข้อมูลการแจ้งเตือนภัยออนไลน์ได้จาก เว็บไซต์ www.เตือนภัยออนไลน์.com หรือโทรสายด่วน 1441 

พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ หักพาล เป็นประธานเปิดการอบรมเชิงปฎิบัติการสืบสวนเชิงนิติวิทยาศาสตร์ ทางคอมพิวเตอร์ของชุดปฏิบัติการปราบปรามการล่วงละเมิดทางเพศต่อเด็กทางอินเทอร์เน็ต สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (TICAC)

​วันนี้ (24 ก.ค.66) เวลา 09.00 น. พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ หักพาล รอง ผบ.ตร. ในฐานะผู้อำนวยการศูนย์พิทักษ์เด็ก สตรี ครอบครัว ป้องกันปราบปรามการค้ามนุษย์ และภาคประมง (ศพดส.ตร.) ได้เป็นประธานในการเปิดโครงการอบรมเชิงปฎิบัติการสืบสวนเชิงนิติวิทยาศาสตร์ทางคอมพิวเตอร์ของชุดปฎิบัติการปราบปรามการล่วงละเมิดทางเพศต่อเด็กทางอินเทอร์เน็ต สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (TICAC) ณ โรงแรมเซ็นจูรี่ พาร์ค กรุงเทพฯ โดยมีกำหนดการอบรมระหว่างวันที่ 23 - 27 ก.ค.66 ซึ่งในครั้งนี้มีผู้เข้ารับการฝึกอบรมจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้องตั้งแต่ระดับรองผู้บังคับการ จนถึงผู้บังคับหมู่ ในสังกัด สำนักงานตรวจคนเข้าเมือง, กองบังคับการปราบปรามการค้ามนุษย์, ชุดสืบสวน และชุดปฏิบัติการ ศพดส.ตร. บช.น./ภ.1-9 , ชุดสืบสวนดิจิทัล ศพดส.ตร.และ สำนักงานพิสูจน์หลักฐานตำรวจ รวมจำนวนกว่า 216 นาย

​โดยจุดประสงค์ของการจัดการฝึกอบรมในครั้งนี้ เพื่อพัฒนาความรู้ความเข้าใจในการสืบสวนทางเทคโนโลยีที่มีความจำเป็นในการปราบปรามอาชญากรรมเกี่ยวกับการล่วงละเมิดทางเพศต่อเด็กและเยาวชนทางอินเตอร์เน็ต  ซึ่งในปัจจุบันอาชญากรรมในรูปแบบดังกล่าวเกิดขึ้นอย่างกว้างขวางในหลายพื้นที่และทวีความรุนแรงเป็นจำนวนมาก โดยเฉพาะบนเครือข่ายอินเทอร์เน็ตและสื่อสังคมออนไลน์ ปัญหาดังกล่าวส่วนหนึ่งเกิดจากความซับซ้อนภายใต้การพัฒนาที่ก้าวกระโดดของเทคโนโลยีสารสนเทศ เนื่องจากสังคมยุคใหม่ได้ก้าวไปสู่ยุคข้อมูลดิจิทัลเต็มตัว จึงส่งผลให้คนร้ายพัฒนารูปแบบและวิธีการก่อเหตุโดยใช้ประโยชน์จากเทคโนโลยีสมัยใหม่เป็นเครื่องมือก่ออาชญากรรม ที่เป็นการล่อลวงและประทุษร้ายทางเพศต่อเด็กและเยาวชน สื่อสังคมออนไลน์หรือโซเชียลมีเดียเข้ามามีบทบาทสำคัญกับการใช้ชีวิตประจำวันของคนในสังคมมากขึ้นและการเข้าถึงอย่างง่ายดายบนแพลตฟอร์มที่หลากหลาย ทั้งทางโทรศัพท์มือถือและอุปกรณ์คอมพิวเตอร์ ซึ่งการกระทำผิดผ่านช่องทางอินเตอร์เน็ตนั้น การนำตัวผู้กระทำความผิดมารับโทษเป็นเรื่องที่ยากลำบากขึ้นเรื่อย ๆ เนื่องจากการสืบค้นหาตัวผู้กระทำผิดมีความสลับซับซ้อน ดังนั้น เจ้าหน้าที่ตำรวจจำเป็นอย่างยิ่งที่ต้องได้รับการเพิ่มพูนความรู้และทักษะด้านการสืบสวนเชิงนิติวิทยาศาสตร์ ทางคอมพิวเตอร์ (Computer Forensic Investigation) เพื่อนำมาประยุกต์ร่วมกับเทคนิคการสืบสวนพื้นฐาน ซึ่งจะก่อให้เกิดผลสัมฤทธิ์ต่อการควบคุมปัญหาอาชญากรรมที่เกิดขึ้นบนเครือข่ายออนไลน์ได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น รวมทั้งสามารถรักษาความน่าเชื่อถือของพยานหลักฐานที่นำไปพิสูจน์การกระทำความผิดในชั้นศาลได้

พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ กล่าวว่า การจัดการฝึกอบรมครั้งนี้ เพื่อเสริมสร้างทักษะการสืบสวนเชิงนิติวิทยาศาสตร์คอมพิวเตอร์ (Computer Forensic Investigation) โดยมุ่งเน้นการแสวงหาวัตถุพยานดิจิทัลและความเชื่อมโยงต่อการกระทำความผิดในคดีล่วงละเมิดทางเพศต่อเด็กทางอินเทอร์เน็ต และเพื่อพัฒนาต่อยอดความรู้ความสามารถให้กับข้าราชการตำรวจที่ปฏิบัติหน้าที่สายงานสืบสวนสอบสวนให้เกิดความเชี่ยวชาญในการประยุกต์ใช้เทคโนโลยีสารสนเทศมาสนับสนุนการแสวงหาพยานหลักฐานทางอิเล็กทรอนิกส์ (Digital Evidence and Online Investigation) โดยได้รับเกียรติจากวิทยากรผู้เชี่ยวชาญซึ่งทรงคุณวุฒิ อาทิ ท่านจตุพร แสงหิรัญ อธิบดีอัยการสำนักงานคดีค้ามนุษย์ ,ท่านอรรถการ ฟูเจริญ รองอธิบดีผู้พิพากษาศาลอาญา ,อาจารย์ปริญญา หอมเอนก ผู้เชี่ยวชาญ Cyber Security มาให้ความรู้เพื่อเป็นการพัฒนาศักยภาพและเพิ่มความรู้เกี่ยวกับการสืบสวนเชิงนิติ วิทยาศาตร์ทางคอมพิวเตอร์ การแสวงหาวัตถุพยานดิจิทัลและความเชื่อมโยงต่อการกระทำความผิดในคดีล่วงละเมิดทางเพศต่อเด็กทางอินเทอร์เน็ต เพื่อสร้างความรู้ ความเข้าใจ และยกระดับมาตรฐานแนวทางการปฎิบัติงาน ของข้าราชการตำรวจให้มีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น

ก.แรงงาน ติวเข้มเจ้าหน้าที่คัดแยกผู้เสียหายจากการค้ามนุษย์ ร่วมทีมสหวิชาชีพ มุ่งไทยสู่เทียร์ 1

วันที่ 24 กรกฎาคม 2566 เวลา 09.00 น. นายบุญชอบ สุทธมนัสวงษ์ ปลัดกระทรวงแรงงาน มอบหมายให้ นางดรุณี นิธิทวีกุล ผู้ตรวจราชการกระทรวงแรงงาน เป็นประธานในพิธีเปิดโครงการฝึกอบรมเพื่อพัฒนาทักษะการคัดแยกผู้เสียหายจากการค้ามนุษย์ร่วมกับทีมสหวิชาชีพ รุ่นที่ 6 และบรรยายหัวข้อ “นโยบายการป้องกันและแก้ไขการบังคับใช้แรงงานหรือการบริการและการค้ามนุษย์ด้านแรงงาน”ณ โรงแรม ดิ เอมเมอรัลด์ ถนนรัชดาภิเษก เขตดินแดง กรุงเทพมหานคร และอบรมทางไกลผ่านระบบ Zoom Meeting โดยมี นางสาวโสภณา บุญ – หลง ผู้อำนวยการสำนักงานเลขานุการศูนย์บัญชาการป้องกันการค้ามนุษย์ด้านแรงงาน กล่าวรายงานวัตถุประสงค์โครงการ

นางดรุณี กล่าวว่า ตามที่กระทรวงการต่างประเทศสหรัฐอเมริกาได้เผยแพร่รายงานสถานการณ์การค้ามนุษย์ ประจำปี 2566 (TIP Report 2023) เมื่อวันที่ 15 มิถุนายนที่ผ่านมา โดยประเทศไทยได้รับการจัดระดับให้อยู่ใน Tier 2 ติดต่อเป็นปีที่ 2 ซึ่งรายงานดังกล่าวยังคงมีข้อเสนอแนะให้มีการฝึกอบรมเจ้าหน้าที่ให้สามารถนำแนวปฏิบัติตามมาตรา 6/1 ของ พ.ร.บ.ป้องกันและปราบปรามการค้ามนุษย์ พ.ศ. 2551 และที่แก้ไขเพิ่มเติม ไปใช้ในการคัดแยกผู้เสียหายอย่างมีประสิทธิภาพ กำหนดให้ทีมสหวิชาชีพประกอบด้วยเจ้าหน้าที่ที่ผ่านการฝึกอบรมและมีประสบการณ์เพียงพอในการปฏิบัติงานด้านการค้ามนุษย์ เพื่อปรับปรุงประสิทธิภาพในการคัดแยกผู้เสียหาย และเสริมสร้างความตระหนักรู้ให้แก่เจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องให้เข้าใจข้อบ่งชี้ของการค้ามนุษย์ เช่น การบังคับทำงานใช้หนี้ การทำงานเกินเวลามากเกินจำเป็น การยึดเอกสารของลูกจ้างและการทำงานโดยไม่จ่ายผลตอบแทน

นางดรุณี กล่าวต่อไปว่า กระทรวงแรงงานเป็นหน่วยงานสำคัญและเป็นหน่วยงานหลักในการต่อต้านการค้ามนุษย์ ภายใต้ยุทธศาสตร์ 20 ปี ด้านความมั่นคง โดยรับผิดชอบเป็นเจ้าภาพหลักในการป้องกันการค้ามนุษย์ของประเทศไทย ซึ่งเป็นนโยบายสำคัญของรัฐบาลที่ได้กำหนดเป็นวาระแห่งชาติ ในการยกระดับมาตรฐานการคุ้มครองดูแลและป้องกันไม่ให้แรงงานไทยและแรงงานต่างด้าวตกเป็นผู้เสียหายจากการค้ามนุษย์

ในปีงบประมาณ พ.ศ. 2566 และท่านสุชาติ ชมกลิ่น รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน ได้มอบหมายให้หน่วยงานสังกัดกระทรวงแรงงานทั้งส่วนกลางและส่วนภูมิภาคนำมาตรฐานการปฏิบัติงาน (SOP) ในการคัดกรองผู้เสียหายจากการค้ามนุษย์ด้านแรงงานและการบังคับใช้แรงงาน และการนำแผนปฏิบัติการว่าด้วยกลไกการส่งต่อระดับชาติฯ (NRM) นำไปใช้เป็นแนวทางในการปฏิบัติงานด้านการป้องกันและแก้ไขปัญหาการบังคับใช้แรงงานหรือบริการและการค้ามนุษย์ด้านแรงงาน เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการคัดแยกผู้เสียหายจากการบังคับใช้แรงงานและการค้ามนุษย์ด้านแรงงานร่วมกับทีมสหวิชาชีพ ซึ่งเป็นการยกระดับการป้องกันและแก้ไขปัญหาการค้ามนุษย์ของประเทศไทยให้เทียบเท่ากับมาตรฐานขั้นต่ำในกฎหมายคุ้มครองผู้เสียหายจากการค้ามนุษย์ ค.ศ. 2000 (TVPA) ของประเทศสหรัฐอเมริกา

“กระทรวงแรงงาน พร้อมผนึกกำลังกับทุกภาคส่วน ไม่ว่าจะเป็นผู้เข้าร่วมการอบรมจากหน่วยงานทีมสหวิชาชีพจากส่วนกลาง ได้แก่ กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ กองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในราชอาณาจักร (กอ.รมน.) กรมการปกครอง และเจ้าหน้าที่สำนักงานแรงงานจังหวัด สำนักงานจัดหางานจังหวัด และสำนักงานสวัสดิการและคุ้มครองแรงงานจังหวัดทั้ง 19 จังหวัด รวมจำนวนทั้งสิ้น 64 คน อบรมระหว่างวันที่ 24 - 26 กรกฎาคม 2566 เพื่อให้ผู้อบรมมีความรู้ความเข้าใจเกี่ยวกับนโยบายการป้องกันและปราบปรามการค้ามนุษย์ การขับเคลื่อนการต่อต้านการค้ามนุษย์ ขจัดการบังคับใช้แรงงานและการค้ามนุษย์ในประเทศไทย เพื่อให้ประเทศไทยสามารถปฏิบัติตามมาตรฐานขั้นต่ำของสหรัฐฯ และได้รับการจัดอันดับในรายงานการค้ามนุษย์ให้อยู่ในระดับ Tier 1 ต่อไป”นางดรุณี กล่าวท้ายสุด

ตำรวจดีเดย์ บุกค้น 1,600 จุด ทั่วประเทศ จับกุมอาวุธปืนกว่า 900 กระบอก กระสุนเกือบ 50,000 นัด ตั้งเป้าลดความรุนแรงอาชญากรรม และการกระทำผิดกฎหมาย

เจ้าหน้าที่ตำรวจระดมกวาดล้างอาวุธปืนทั่วประเทศ นำหมายค้นเข้าตรวจค้นผู้มีพฤติกรรมเกี่ยวข้องกับการจำหน่าย ดัดแปลง ซื้อขาย และเกี่ยวข้องกับอาวุธปืน อาวุธสงคราม กว่า 1,600 จุด วิสามัญคนร้ายมีหมายจับข้อหาพยายามฆ่าเจ้าพนักงาน เสียชีวิต 1 ราย จับกุมผู้กระทำผิดเกือบ 1,000 คน และตรวจยึดอาวุธปืนเครื่องกระสุนปืนผิดกฎหมายจำนวนมาก ตั้งเป้าลดความรุนแรงของอาชญากรรมและการกระทำผิดกฎหมาย  

วันนี้ 22 กรกฎาคม 2566 ที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ พล.ต.อ.ต่อศักดิ์ สุขวิมล รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ เปิดเผยว่า ตามที่ พล.ต.อ.ดำรงศักดิ์ กิตติประภัสร์ ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ได้กำหนดมาตรการป้องกันปราบปรามอาชญากรรมและบังคับใช้กฎหมายว่าด้วยการจราจรทางบกและความผิดอื่นที่เกี่ยวกับรถหรือการใช้ทาง ระหว่างวันที่ 1 ก.ค.-30 ก.ย.66 นั้น

ในส่วนของมาตรการป้องกันปราบปราม พล.ต.อ.ต่อศักดิ์ สุขวิมล รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ดูแลงานป้องกันปราบปราม ได้กำหนดให้ทุกหน่วยเพิ่มความเข้มในการบังคับใช้กฎหมายห้วงไตรมาสสุดท้ายของปีงบประมาณ พ.ศ.2566 โดยมีเป้าหมาย เช่น ความผิดเกี่ยวกับผู้มีอิทธิพล มือปืนรับจ้าง ความผิดเกี่ยวกับอาวุธปืน อาวุธสงคราม เครื่องกระสุนปืน และการลักลอบจำหน่ายอาวุธปืนโดยผิดกฎหมาย และมอบหมายให้ พล.ต.ท.สำราญ นวลมา ผู้ช่วยผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ควบคุมการปฏิบัติในภาพรวม 
 
ซึ่ง พล.ต.ท.สำราญฯ ได้สั่งการให้มีการแลกเปลี่ยนข้อมูลเครือข่ายผู้มีพฤติกรรมเกี่ยวข้องกับอาวุธปืนผิดกฎหมายระหว่างหน่วยงานต่างๆ ประกอบด้วย กองบัญชาการตำรวจนครบาล ตำรวจภูธรภาค 1-9 กองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง กองบัญชาการตำรวจปราบปรามยาเสพติด กองบัญชาการตำรวจท่องเที่ยว สำนักงานตรวจคนเข้าเมือง กองบัญชาการตำรวจสืบสวนสอบสวนอาชญากรรมทางเทคโนโลยี กองบัญชาการตำรวจตระเวนชายแดน ฝ่ายปกครอง และภาคประชาชน ทำให้ได้ข้อมูลผู้กระทำผิดจำนวนมาก นอกจากนี้ กองบัญชาการตำรวจสืบสวนสอบสวนอาชญากรรมทางเทคโนโลยี ยังได้ส่งเป้าหมายการสืบสวนขยายผลผู้ลักลอบจำหน่ายอาวุธปืนออนไลน์ ส่งขายให้กับลูกค้าทั่วประเทศ เพื่อให้ทุกหน่วยเข้าตรวจค้นเพิ่มเติมอีกกว่า 300 จุด และกำหนดเข้าปฏิบัติการตรวจค้นเป้าหมาย พร้อมกันทั่วประเทศ จำนวน 1,658 จุด เมื่อวันที่ 21 กรกฎาคม 2566 ที่ผ่านมา

ผลการระดมกวาดล้าง
1. จับกุมผู้ต้องหา จำนวน 966 ราย 
2. ตรวจยึดของกลาง ประกอบด้วย
2.1 อาวุธปืนเถื่อน ไม่มีหมายเลขทะเบียน จำนวน 811 กระบอก 
2.2 อาวุธปืน มีหมายเลขทะเบียนซึ่งเป็นของบุคคลอื่น (ปืนผิดมือ) จำนวน 99 กระบอก
2.3 เครื่องกระสุนปืน จำนวน 44,540 นัด
2.4 วัตถุระเบิด จำนวน 2 ลูก 
2.5 ยาบ้า จำนวน 6,239 เม็ด
    
สำหรับในการตรวจค้นครั้งนี้ มีการจับกุมผู้ต้องหารายสำคัญเช่น

• ตำรวจภูธรภาค 8 โดย ฝ่ายสืบสวน สภ.เขาพนม , กก.สส.ภ.จว.กระบี่ และ บก.สส.ภ.8 ได้เข้าทำการปิดล้อมตรวจค้นบ้าน นายอนุชัย หรือบูม สงวนนามสกุล อายุ 28 ปี ผู้ต้องหาในคดียาเสพติดและพยายามฆ่า เจ้าพนักงาน โดยมีหมายจับติดตัวจำนวน 3 หมาย หลบหนีมาพักอาศัยอยู่ที่บ้านหลังหนึ่ง ใน ต.หน้าเขา อ.เขาพนม จ.กระบี่ ซึ่งขณะที่เจ้าหน้าที่ตำรวจนำกำลังเข้าตรวจค้นนั้น ผู้ต้องหารู้ตัวและได้ขี่รถจักรยานยนต์หลบหนีออกไปทางด้านหลังบ้านซึ่งเป็นป่าละเมาะ เจ้าหน้าที่จึงได้ติดตามไป ทันใดนั้นผู้ต้องหาวิ่งสวนออกมาจากที่ซ่อน และใช้อาวุธปืนยิงใส่เจ้าหน้าที่ เจ้าหน้าที่ตำรวจจึงยิงตอบโต้ถูกผู้ต้องหาเสียชีวิต ตรวจสอบที่ศพพบ อาวุธปืนพกสั้นยี่ห้อ Mauser ขนาด 9 มม. ตกอยู่ข้างตัว และ พบลูกระเบิดชนิดขว้าง M 67 จำนวน 1 ลูก และ ระเบิดควันจำนวน 2 ลูก อยู่ในกระเป๋าสะพายที่ผู้ต้องหาสะพายติดตัวอยู่ พนักงานสอบสวนจึงได้ร่วมกับ พนักงานอัยการ ฝ่ายปกครอง และแพทย์ ร่วมกันชันสูตรพลิกศพ และให้เจ้าหน้าที่พิสูจน์หลักฐาน ตรวจสถานที่เกิดเหตุไว้อีกส่วนหนึ่งแล้ว 
• ตำรวจภูธรภาค 4 โดย ภ.จว.อุดรธานี และ สภ.กุมภวาปี ได้เข้าทำการจับกุมผู้ต้องหา นายสมยศ หรือ เอ็ม ขอสงวนนามสกุล อายุ 42 ปี ที่บ้านพักใน ต.ห้วยเกิ้ง อ.กุมภวาปี จ.อุดรธานี ในความผิดฐาน “ทำประกอบ ซ่อมแซม เปลี่ยนลักษณะ สั่งนำเข้า มีหรือจำหน่ายซึ่งอาวุธปืน หรือเครื่องกระสุนปืน สำหรับการค้า ,  มีอาวุธปืนและเครื่องกระสุนปืนไว้ในครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาตจากนายทะเบียน , มีและเสพยาเสพติดให้โทษประเภท 1(ยาบ้า) โดยผิดกฎหมาย พร้อมตรวจยึดอาวุธปืนดัดแปลงแบบออโตเมติกและลูกโม่ ลำกล้องขนาด 9 มม. , .38  ละ .380 จำนวน 8 กระบอก แม็กกาซีน 17 อัน กระสุนปืนขนาดต่างๆ รวมกว่า 140 นัด ยาบ้าจำนวน 8 เม็ด และอุปกรณ์พร้อมเครื่องมือที่ใช้ผลิตหรือดัดแปลงอาวุธปืนจำนวนมาก ซึ่งขณะนี้อยู่ระหว่างขยายผลไปยังผู้เกี่ยวข้อง
    
พล.ต.อ.ต่อศักดิ์ฯ กล่าวว่า สำนักงานตำรวจแห่งชาติ ให้ความสำคัญในแก้ไขปัญหาอาชญากรรมอย่างจริงจังมาโดยตลอด โดยในห้วงที่ผ่านมามีการกระทำความผิดและใช้อาวุธปืนในการก่อเหตุอยู่บ่อยครั้ง ก่อให้เกิดความสูญเสียและความไม่ปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สินของประชาชน จึงได้มีการแลกเปลี่ยนข้อมูลกันของหน่วยต่างๆ เพื่อบูรณาการกวาดล้างผู้กระทำความผิดเกี่ยวกับอาวุธปืนพร้อมกันทั่วประเทศ สามารถจับกุมผู้กระทำความผิดได้เป็นจำนวนมาก เชื่อมั่นว่าจะทำให้ความรุนแรงของอาชญากรรมและการกระทำผิดกฎหมายลดลง
    
“การระดมกวาดล้างอาวุธปืนทั่วประเทศ จนสามารถจับกุมผู้ต้องหาและตรวจยึดอาวุธปืนจำนวนมากในครั้งนี้ นอกจากเจ้าหน้าที่ตำรวจที่ร่วมกันปฏิบัติหน้าที่ทุกนายแล้ว ขอขอบคุณไปยังฝ่ายปกครอง และเครือข่ายภาคประชาชน ที่แจ้งข้อมูลผู้มีพฤติกรรมเกี่ยวข้องกับอาวุธปืนผิดกฎหมายให้เจ้าหน้าที่ตำรวจทราบ ซึ่งขณะนี้เจ้าหน้าที่ตำรวจกำลังขยายผลไปยังผู้เกี่ยวข้อง ไม่ว่าจะเป็นผู้ผลิต ดัดแปลง จำหน่าย และซื้ออาวุธปืน เพื่อสืบสวนจับกุมทั้งหมด ขอฝากประชาสัมพันธ์กับพี่น้องประชาชน ซึ่งหากมีเบาะแส/เรื่องร้องเรียน เกี่ยวกับเรื่องอาชญากรรม หรือเรื่องอื่นๆ สามารถแจ้งได้ที่ สายด่วน 191 หรือ สายด่วน 1599 ได้ตลอด 24 ชั่วโมง ” พล.ต.อ.ต่อศักดิ์ฯ กล่าว 

ผบ.ตร.พร้อมนายกสมาคมแม่บ้านตำรวจ ลงตรวจเยี่ยมแม่บ้านตำรวจจังหวัดลำพูน จัดฝึกอบรมการปักผ้าให้ครอบครัวตำรวจ ชื่นชมความสำเร็จ สามารถนำไปต่อยอด สร้างอาชีพ สร้างรายได้เกิดความยั่งยืน

วันนี้ (22 ก.ค.66) พล.ต.อ.ดำรงศักดิ์ กิตติประภัสร์ ผบ.ตร. พร้อมด้วยคุณสุมนา กิตติประภัสร์ นายกสมาคมแม่บ้านตำรวจ เดินทางไปตรวจเยี่ยมโครงการฝึกอบรมการปักผ้าชมรมแม่บ้านตำรวจภูธรภาค 5  โดยมี พล.ต.ท.ปิยะ ต๊ะวิชัย ผบช.ภ.5 , พล.ต.ต.บุณยวัต เกิดกล่ำ ผบก.ภ.จว.ลำพูน , คุณพิยดา ต๊ะวิชัย ประธานชมรมแม่บ้านตำรวจภูธรภาค 5 , คุณรุ้งดารา เกิดกล่ำ ประธานแม่บ้านตำรวจภูธรจังหวัดลำพูน และแขกผู้เกียรติเข้าร่วม  ณ ห้องประชุมตำรวจภูธรจังหวัดลำพูน 

โครงการฝึกอบรมการปักผ้าชมรมแม่บ้านตำรวจภูธรภาค 5 เป็นการดำเนินการภายใต้แนวคิดของ คุณสุมนา กิตติประภัสร์ นายกสมาคมแม่บ้านตำรวจ ที่ขับเคลื่อนผ่านโครงการ “ปันรักษ์ ขวัญดาว” เพื่อส่งเสริมให้ข้าราชการตำรวจมีความรู้ สามารถนำไปต่อยอดฝึกอาชีพ เพิ่มพูนรายได้ให้ครอบครัว สามารถผลิตเป็นของใช้ภายในครัวเรือน สินค้าใช้เอง ทำเป็นของชำร่วย ของฝาก จำหน่ายได้ เพิ่มรายได้ให้ครอบครัวตำรวจ

การฝึกอบรมที่จัดขึ้นที่จังหวัดลำพูนครั้งนี้ เป็นครั้งที่ 4 ของโครงการแล้ว โดยมีคุณกัลยา ศรีกุดหว้า ข้าราชการครูชำนาญการพิเศษ โรงเรียนธาตุนารายณ์วิทยา จังหวัดสกลนคร และคุณรุจิอร ขันเงิน แม่บ้านตำรวจภูธรจังหวัดสกล เป็นวิทยากร สอนเทคนิคให้ความรู้ต่างๆ 

พล.ต.อ.ดำรงศักดิ์ และ คุณสุมนา กิตติประภัสร์ ได้ให้โอวาท พร้อมพูดคุย ทักทาย แม่บ้านตำรวจภูธรจังหวัดลำพูน ซึ่งบรรยายกาศการอบรมเต็มไปด้วยรอยยิ้ม ทุกรายที่เข้าอบรมต่างมีความตั้งใจอบรม จดจำเทคนิคการปักผ้าต่างๆ และขอบคุณ ผบ.ตร.นายกสมาคมแม่บ้านตำรวจ ผู้บังคับบัญชา ที่นำโอกาสดีๆ มามอบให้ เพื่อต่อยอดทางอาชีพ เป็นรายได้เสริมให้ครอบครัว 
    
ผบ.ตร.กล่าวว่า “ดีใจที่ได้มาตรวจเยี่ยมการดำเนินของแม่บ้านตำรวจภูธรภาค 5 และแม่บ้านตำรวจภูธรจังหวัดลำพูน ได้เห็นถึงความสำเร็จที่จะเกิดขึ้น ขอชื่นชมในความสำเร็จของชมรมแม่บ้านตำรวจภูธรภาค 5 ซึ่งจะเป็นการพัฒนาฝีมือและหารายได้ให้กับครอบครัว โดยการใช้เวลาว่างให้เป็นประโยชน์ และสร้างสรรค์สิ่งดีๆ ให้แก่สังคม และขอชื่นชมผู้บังคับการ และประธานชมรมแม่บ้านตำรวจภูธรจังหวัดลำพูน ซึ่งมีส่วนสนับสนุน และขอให้การดำเนินการของแม่บ้านตำรวจฯ ลำพูนประสบความสำเร็จ”

นายกสมาคมแม่บ้านตำรวจ กล่าวว่า “ ภ.5 เป็นตัวแทนของความสำเร็จของโครงการ ปันรัก ขวัญดาว การฝึกอบรมการปักผ้าฯ ในวันนี้ แสดงให้เห็นว่าถ้าเราตั้งใจจริง สามารถทำได้  โอกาสเล็กๆ ที่มี มันมีโอกาสใหญ่ๆ รออยู่ ถ้าเราหมั่นฝึกฝนและพัฒนาตนเอง วันหนึ่งเราจะประสบความสำเร็จ ได้กำชับให้รักษาสิ่งดีๆ และส่งต่อให้รุ่นต่อๆ ไป ไม่ใช่เพื่อใคร แต่เพื่อครอบครัวของตำรวจ และสังคม ทั้งหมดที่เห็นในวันนี้ แสดงถึงความเข้มแข็ง ความยั่งยืน ตอบสนองนโยบายของสำนักงานตำรวจแห่งชาติ และสมาคมแม่บ้านตำรวจ ที่ต้องการส่งเสริมอาชีพสร้างรายได้ให้ครอบครัวตำรวจอย่างยั่งยืน ไม่ใช่เพียงแค่การมอบสิ่งของ แต่เราได้มอบวิชาความรู้ เรามอบอาชีพ ให้ไปด้วย ขอบคุณที่เดินมาด้วยกันจนถึงวันนี้”

ทรภ.1 จัดกิจกรรมจิตอาสาพัฒนา บำเพ็ญสาธารณประโยชน์ เนื่องในวันคล้ายวันประสูติ พระเจ้าวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าโสมสวลี กรมหมื่นสุทธนารีนาถ

ทัพเรือภาคที่ 1 (ทรภ.1) จัดกำลังพลจิตอาสา ทัพเรือภาคที่ 1, กปก.ทรภ.1 (ร.ล.นเรศวร) , พัน.ซบร.กรม สน.พล.นย., พัน.รฝ.12 กรม รฝ.1 สอ.รฝ. จัดกิจกรรมจิตอาสาพัฒนา เนื่องในวันคล้ายวันประสูติ พระเจ้าวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าโสมสวลี กรมหมื่นสุทธนารีนาถ (วันที่ 13 กรกฎาคม 2566) ณ โรงเรียนบ้านเขาชีจรรย์ ต.บางเสร่ อ.สัตหีบ จ.ชลบุรี

โดยมีกิจกรรมประกอบด้วย ตัดหญ้า เก็บขยะ ปรับปรุงภูมิทัศน์โดยรอบ เพื่อเป็นการแสดงออกถึงความจงรักภักดี เทิดทูนสถาบันพระมหากษัตริย์ และยังเป็นการสร้างจิตสำนึกให้กำลังพลในสังกัดทัพเรือภาคที่ 1 ให้ร่วมกันทำความดีเพื่อชาติ ศาสน์ กษัตริย์ อีกด้วย

ทัพเรือภาคที่ 1 ส่งเสริมสนับสนุน การเรียน การสอนและการกีฬา ให้กับเยาวชนในพื้นที่รับผิดชอบ อย่างต่อเนื่อง

สำหรับในครั้งนี้ จัดกิจกรรมที่ โรงเรียนวัดสลักเพชร อำเภอเกาะช้าง จังหวัดตราด ทำกิจกรรม มอบอุปกรณ์การเรียน อุปกรณ์กีฬา ยาและเวชภัณฑ์ กิจกรรมดังกล่าว มีวัตถุประสงค์เพื่อ ส่งเสริม สนับสนุน การเรียน การสอน และการกีฬา ให้กับเยาวชนในพื้นที่รับผิดชอบ อีกทั้งยังเป็นการ ปฏิบัติการจิตวิทยา  และประชาสัมพันธ์หน่วย สร้างภาพลักษณ์ที่ดี เพื่อให้เยาวชน รวมถึง ประชาชน ในพื้นที่รับผิดชอบ มีทัศนคติที่ดี ต่อกองทัพเรือในภาพรวม

โดยมี นาวาเอก อโศก ศรีสวัสดิ์ รองเสนาธิการ ทัพเรือภาคที่ 1 เป็น ประธานในพิธี และ ผอ.นันทิยา บัวตรี ผู้อำนวยการโรงเรียนวัดสลักเพชร อำเภอเกาะช้าง จังหวัดตราด และ คณะครู ได้นำนักเรียน ในการต้อนรับ เข้าร่วมกิจกรรม และรับมอบ อุปกรณ์การเรียน อุปกรณ์กีฬา ยาและเวชภัณฑ์ ดังกล่าว

พม. จัดงานบุญ พิธีกราบลาอุปสมบทและปลงผมนาคราษฎรบนพื้นที่สูง 2566 เฉลิมพระเกียรติในหลวง ร.10

เมื่อวันที่ 21 ก.ค. 66 เวลา 17.00 น. "พระธรรมวชิราธิบดี" เจ้าอาวาสวัดเบญจมบพิตรดุสิตวนาราม  เป็นประธานฝ่ายสงฆ์ และ "นายอนุกูล ปีดแก้ว" ปลัดกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ (ปลัด พม.) เป็นประธานฆราวาสในพิธีกราบลาอุปสมบทราษฎรบนพื้นที่สูง และพิธีปลงผมนาคราษฎรบนพื้นที่สูง ประจำปี 2566 เพื่อถวายเป็นพระราชกุศลเนื่องในโอกาสวันเฉลิมพระชนมพรรษาพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 10 พร้อมให้โอวาทแก่นาคที่เข้าพิธี โดยมี "นางจตุพร โรจนพานิช" อธิบดีกรมพัฒนาสังคมและสวัสดิการ พร้อมด้วยคณะผู้บริหารหัวหน้าหน่วยงาน และเจ้าหน้าที่กระทรวง พม. และผู้ปกครอง ร่วมปลงผมนาคฯ ณ วัดเบญจมบพิตรดุสิตวนาราม กรุงเทพมหานคร

นายอนุกูล กล่าวว่า กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ (พม.) โดยกรมพัฒนาสังคมและสวัสดิการ (พส.) ร่วมกับมูลนิธิเผยแพร่พระพุทธศาสนาแก่ชนถิ่นกันดาร ในพระราชูปถัมภ์ สมเด็จพระศรีนครินทราบรมราชชนนี จัดพิธีบรรพชาอุปสมบทราษฎรบนพื้นที่สูง ประจำปี 2566 เป็นปีที่ 58 เพื่อเป็นการสนับสนุนให้ราษฎรบนพื้นที่สูงเกิดความเลื่อมใสศรัทธาในพระพุทธศาสนา ซึ่งจะนำมาสู่การพัฒนาคุณภาพชีวิตตามแนววิถีพุทธ ปัจจุบันมีผู้เข้ารับการบรรพชาอุปสมบทแล้วจำนวนทั้งสิ้น 12,504 รูป สำหรับปี 2566 มีผู้ขอบรรพชาอุปสมบทจำนวนทั้งสิ้น 205 รูป แบ่งเป็น บรรพชา (สามเณร) 75 รูป และ อุปสมบท (พระนวกะ) 130 รูป ซึ่งเป็นกลุ่มเป้าหมาย 10 ชาติพันธุ์ ของศูนย์พัฒนาราษฎรบนพื้นที่สูง 10 จังหวัด 

นายอนุกูล กล่าวต่อไปว่า นอกจากนี้ มีการจัดพิธีสำคัญตามหลักพระพุทธศาสนา ได้แก่ วันเสาร์ที่ 22 กรกฎาคม 2566 ตั้งแต่เวลา 08.30 น. เป็นต้นไป มีพิธีมอบผ้าไตรและพิธีปฏิญาณตนเป็นพุทธมามกะ ณ วิหารคดและพระอุโบสถ และวันอาทิตย์ที่ 23 กรกฎาคม 2566 ตั้งแต่เวลา 08.00 น. เป็นต้นไป มีพิธีกล่าวถวายพระพรต่อพระบรมฉายาลักษณ์พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และพิธีบรรพชาอุปสมบทราษฎรบนพื้นที่สูง โดย นายจุติ ไกรฤกษ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวง พม. เป็นประธานในพิธี หลังจากนั้น วันจันทร์ที่ 24 กรกฎาคม 2566 พระนวกะและสามเณร จะเดินทางไปประกอบพิธีอุปสมบทราษฎรบนพื้นที่สูงต่อ ณ วัดศรีโสดา พระอารามหลวง จังหวัดเชียงใหม่

นายอนุกูล กล่าวเพิ่มเติมว่า กระทรวง พม. ขอเชิญผู้มีจิตศรัทธาและศาสนิกชน ร่วมเป็นเจ้าภาพในพิธีมอบผ้าไตรและเครื่องอัฐบริขาร ระหว่างวันที่ 22 - 23 กรกฎาคม 2566 ตั้งแต่เวลา 08.30 น. เป็นต้นไป และขอเชิญชวนร่วมพิธีบรรพชาอุปสมบทราษฎรบนพื้นที่สูง ประจำปี 2566 ณ วัดเบญจมบพิตรดุสิตวนาราม กรุงเทพมหานคร หรือร่วมทำกุศลบุญได้ที่บัญชีธนาคาร “มูลนิธิเผยแพร่พระพุทธศาสนาแก่ชนถิ่นกันดาร” ดังนี้ ธนาคารกรุงไทย บัญชีเลขที่ 021-1-22540-1 ธนาคารกรุงเทพ บัญชีเลขที่ 201-0-59714-0 ธนาคารทหารไทยธนชาต บัญชีเลขที่ 810-2-01347-4 ร้านสะดวกซื้อที่ให้บริการเคาน์เตอร์เซอร์วิส และธนาณัติสั่งจ่ายในนาม “มูลนิธิเผยแพร่พระพุทธศาสนาแก่ชนถิ่นกันดารฯ” (ที่ทำการไปรษณีย์ พลับพลาไชย) ทั้งนี้ สามารถสอบถามรายละเอียดและแจ้งหลักฐานการโอนเงินบริจาคได้ที่ Line : @thammahighland หรือติดต่อสอบถามเพิ่มเติมได้ที่ 02-659-6242


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top