Sunday, 4 May 2025
THE STATES TIMES TEAM

ผู้ช่วยผู้บัญชาการทหารเรือเป็นประธานการประชุมเพื่อพิจารณาบรรจุทายาททดแทนให้ครอบครัวของกำลังพลที่เสียชีวิตและสูญหายจากการปฏิบัติหน้าที่

วันที่ 21 ก.ค.66 พล.ร.อ.สุวิน  แจ้งยอดสุข ผู้ช่วยผู้บัญชาการทหารเรือและประธานคณะกรรมการพิจารณาได้รับสิทธิ์ในการบรรจุหรือแต่งตั้งทายาทของข้าราชการและทหารกองประจำการที่เสียชีวิต เนื่องจากการรบหรือการปฏิบัติหน้าที่ราชการ เป็นประธานการประชุมในการพิจารณาบรรจุทายาทฯ ครั้งที่ 3/2566 ณ ห้องประชุม ชั้น 5 กองบัญชาการกองทัพเรือ พื้นที่วังนันทอุทยาน เขตบางกอกน้อย กรุงเทพมหานคร

ในการนี้ผู้ช่วยผู้บัญชาการทหารเรือขอให้คณะกรรมการฯ ติดตามความก้าวหน้า รวมทั้งให้หน่วยต้นสังกัดในฐานะตัวแทนกองทัพเรือติดต่อสอบถามครอบครัวของกำลังพลที่เสียชีวิตและสูญหายอย่างใกล้ชิด ให้สมกับที่กำลังพลเหล่านั้นได้เสียสละปฏิบัติหน้าที่เพื่อกองทัพเรือ ซึ่งการประชุมครั้งนี้คณะกรรมการฯ ได้พิจารณาบรรจุทายาททดแทน

กรณี ร.อ.สุราษฎร์  แสงไชศรี สังกัดหน่วยบัญชาการสงครามพิเศษทางเรือ กองเรือยุทธการ เสียชีวิตเนื่องจากปฏิบัติราชการในเวลาปกติ ได้พิจารณาเสนอบรรจุทายาทเข้ารับราชการอัตราสัญญาบัตร (เพิ่งจบการศึกษา)

ในส่วนของการติดตามการดำเนินการในส่วนที่ได้พิจารณาเห็นชอบบรรจุทายาททดแทนไปแล้ว ประกอบด้วย

1 กรณีเรือหลวงสุโขทัยอับปาง
ทายาทกำลังพลที่เสียชีวิต จำนวน 24 ราย
- บรรจุแล้ว 10 ราย (สัญญาบัตร 5 ราย , ประทวน 5 ราย)
- อยู่ระหว่างรวบรวมหลักฐานขออนุมัติบรรจุ 2 ราย
- ได้รับสิทธิ์บรรจุเมื่อสำเร็จการศึกษา 9 ราย
- สละสิทธิ์ 3 ราย

ทายาทกำลังพลที่สูญหาย จำนวน 5 ราย
- บรรจุแล้ว 2 ราย (สัญญาบัตร 1 ราย , ประทวน 1 ราย)
- ได้รับสิทธิ์บรรจุเมื่อสำเร็จการศึกษา 2 ราย
- สละสิทธิ์ 1 ราย

2 กรณี น.อ.สุทธิศักดิ์  ช่วยเมืองปักษ์ ช่วยปฏิบัติราชการหน่วยบัญชาการนาวิกโยธิน เสียชีวิตเนื่องจากปฏิบัติราชการชายแดน อยู่ในระหว่างการรวบรวมหลักฐานอนุมัติบรรจุทายาทเข้ารับราชการอัตราสัญญาบัตรเป็นไปตามเจตนารมณ์ของผู้บัญชาการทหารเรือที่ต้องการดูแลกำลังพลของกองทัพเรือ และครอบครัว ที่ได้ปฏิบัติหน้าที่เพื่อกองทัพเรืออย่างดีที่สุด

EA จับมือ กรมการแพทย์ ลุยโปรเจค Green Hospital ต้นแบบ นำยานยนต์ไฟฟ้าขับเคลื่อนขนส่งและบริการทางการแพทย์ ครบวงจร

บมจ.พลังงานบริสุทธิ์ (EA) จรดปากกาเซ็นเอ็มโอยูร่วมกับ “กรมการแพทย์” ลุยโปรเจคพัฒนาโรงพยาบาลตามแนวทาง Green and Clean Hospital ต้นแบบ พร้อมเดินหน้าผลิตไฟฟ้าด้วยพลังงานสะอาด ยกระดับด้วยระบบกักเก็บพลังงานที่มีประสิทธิภาพ พร้อมขับเคลื่อนการขนส่งและบริการทางการแพทย์ ด้วยยานยนต์ไฟฟ้าและสถานนีชาร์จด้วยจุดบริการที่ครอบคลุม กว่า 500 สถานีชาร์จ เล็งขยายสถานีฯ ตอบโจทย์แผนยุทธศาสตร์ EV แห่งชาติ สร้างความยั่งยืน-เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมของประเทศ กรมการแพทย์ กระทรวงสาธารณสุข ร่วมกับ บริษัท พลังงานบริสุทธิ์ จำกัด (มหาชน) (EA) ลงนามบันทึกข้อตกลงความร่วมมือ “โครงการพัฒนาโรงพยาบาลตามแนวทางการดำเนินงาน Green and Clean Hospital ต้นแบบ” โดยมี นายแพทย์ธงชัย กีรติหัตถยากร อธิบดีกรมการแพทย์ กระทรวงสาธารณสุข, นายสมโภชน์ อาหุนัย ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร และนายอมร ทรัพย์ทวีกุล รองประธานเจ้าหน้าที่บริหาร ผู้แทนจาก บริษัท พลังงานบริสุทธิ์ จำกัด (มหาชน) (EA) ร่วมลงนาม

นายแพทย์ธงชัย กีรติหัตถยากร อธิบดีกรมการแพทย์ กล่าวว่า กรมการแพทย์ กระทรวงสาธารณสุข มีโรงพยาบาล/สถาบันในสังกัดให้บริการรักษาโรคที่ยุ่งยากซับซ้อนแก่ประชาชน และมีการมุ่งมั่นพัฒนาการบริการรักษา รวมถึงบริการด้านอื่นๆ จึงมีความประสงค์จะร่วมกับหน่วยงานต่างๆ ศึกษา และพัฒนาระบบบริหารจัดการพลังงานสะอาดแบบบูรณาการที่เหมาะสมตามแนวทางการดำเนินงาน Green and Clean hospital ซึ่งเป็นการยกระดับให้หน่วยงานสาธารณสุขภายใต้กรมการแพทย์บริหารจัดการสิ่งแวดล้อมในโรงพยาบาล ตามมติคณะรัฐมนตรี วันที่ 22 มีนาคม 2565 เห็นชอบแนวทางประหยัดพลังงานโดยให้หน่วยงานภาครัฐลดการใช้ไฟฟ้าและน้ำมันเชื้อเพลิงลงร้อยละ 20 และเร่งผลักดันให้นำมาตรการด้านพลังงาน โดยเฉพาะอย่างยิ่งให้หน่วยงานราชการเร่งดำเนินการติดตั้งระบบผลิตไฟฟ้าจากพลังงานแสงอาทิตย์ (solar rooftop) ในลักษณะร่วมมือกับภาคเอกชน เพื่อลดภาระการใช้จ่ายและเป็นแบบอย่างที่ดีให้แก่ภาคเอกชนและประชาชนต่อไป

กรมการแพทย์ กระทรวงสาธารณสุข พร้อมด้วยบริษัท พลังงานบริสุทธิ์ จำกัด ที่ให้ความร่วมมือในการที่จะคิดค้นและริเริ่ม ศึกษาพัฒนา สนับสนุน และแลกเปลี่ยนข้อมูลของโครงการฯ ทั้ง 3 ด้าน ดังนี้ ด้านที่ 1 ระบบผลิตไฟฟ้าด้วยเซลล์แสงอาทิตย์ (Solar) ด้านที่ 2 ระบบกักเก็บพลังงานเพื่อรองรับการใช้พลังงานไฟฟ้าของหน่วยงาน และด้านที่ 3 การพัฒนาดัดแปลงยานยนต์ไฟฟ้าสำหรับการให้บริการทางการแพทย์ในพื้นที่ต่างๆ โดยใช้หลักการความยั่งยืนและเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมได้อย่างมีประสิทธิภาพและไม่ส่งผลกระทบต่อชุมชนโดยรอบ รวมถึงเป็นแบบอย่างที่ดีให้แก่ผู้มาใช้บริการในการรณรงค์และขยายผลสู่สังคมต่อไป

นายสมโภชน์ อาหุนัย ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท พลังงานบริสุทธิ์ จำกัด (มหาชน) (EA) เปิดเผยว่า บริษัทฯและบริษัทย่อยในกลุ่มพลังงานบริสุทธิ์ วางกลยุทธ์ด้าน EA Eco System เป็นแนวทางหลักในการขยายธุรกิจ และสร้างความโตที่แข็งแกร่ง ด้วยการผลิตและจำหน่ายไฟฟ้าพลังงานสะอาดครบวงจร พัฒนาแบตเตอรี่และระบบกักเก็บพลังงานจากนวัตกรรม Amita Technology เชื่อมโยงสู่การให้บริการสถานีอัดประจุไฟฟ้า EA Anywhere รวมถึงพัฒนายานยนต์ไฟฟ้า ภายใต้แบรนด์ MINE Mobility ที่ตอบโจทย์ผู้ใช้งานที่หลากหลาย ตรงวัตถุประสงค์เป้าหมายของกลุ่มผู้ใช้งาน และมีระบบบริหารจัดการพลังงานที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมอย่างยั่งยืน

เพื่อเป็นการยกระดับให้หน่วยงานสาธารณสุขภายใต้กรมการแพทย์บริหารจัดการสิ่งแวดล้อมในโรงพยาบาล โดยใช้หลักการความยั่งยืนและเป็นมิตรกับส่งแวดล้อมได้อย่างมีประสิทธิภาพ และไม่ส่งผลกระทบต่อชุมชนโดยรอบ รวมถึงเป็นแบบอย่างที่ดีให้แก่ผู้มาใช้บริการในการรณรงค์และขยายผลสู่สังคมได้ต่อไป EA จึงได้ร่วมกับ กรมการแพทย์ ลงนามบันทึกข้อตกลง ในการร่วมกันศึกษาและพัฒนาระบบการบริหารจัดการพลังงานสะอาดแบบบูรณาการที่เหมาะสม ตามแนวทางการดำเนินงาน Green and Clean Hospital ด้วยโรดแมปดังนี้

1. Renewable Power การพัฒนาและติดตั้ง ระบบ Solar System มุ่งเน้นผลิตไฟฟ้า ด้วยพลังงานสะอาด
2. Energy Storage System เพิ่มความมั่นคงด้านพลังงานให้มีเสถียรภาพ ด้วยระบบกักเก็บพลังงาน เทคโนโลยีจาก Amita Technology
3. EV & Charging Station การยกระดับขนส่งและการให้บริการทางการแพทย์ ด้วยยานยนต์ไฟฟ้าที่ออกแบบพิเศษสำหรับการบริการด้านสาธารณสุข พร้อมขยายสถานีอัดประจุไฟฟ้า EA Anywhere ครบคลุมเส้นทางการให้บริการ “มั่นใจว่าการเซ็นเอ็มโอยูในครั้งนี้ระหว่าง EA กับกรมการแพทย์ จะมีส่วนสำคัญในการสนับสนุนให้กรมการแพทย์ กระทรวงสาธารณสุข ไปสู่เป้าหมาย Green and Clean Hospital ในอนาคต ช่วยลดต้นทุนค่าใช้จ่ายด้านพลังงาน ถือเป็นการมุ่งสู่พลังงานสะอาด ตอบโจทย์ความยั่งยืนเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม” นายสมโภชน์กล่าว

‘น้องนัท-น้องฮาบาส’ สุดยอด 2 เด็กไทย คว้าเหรียญเงิน จากการแข่งขันกระโดดเชือกคู่ผสม ใน ‘IJRU 2023 WC’ สำเร็จ

‘สมาคมกีฬาจัมพ์โร้ปไทย’ ขอแสดงความยินดีกับน้องนัท ด.ญ.พรกมล เอียดประดิษฐ์ และน้องฮาบาส ด.ช.วรเวช โลเกตุ ที่สามารถคว้าเหรียญเงิน🥈 ในการเเข่งขันในรายการ ‘Single Rope Double Unders Relay 2x30 seconds’ คู่ผสม ในรุ่น ‘Junior World Jump Rope Championship 2023’ ได้สำเร็จ

แค่ตั้งใจและมีความพยายาม ไม่ว่าอุปสรรคระหว่างทางจะมากมายขนาดไหน เราก็เอาชนะมันมาได้ น้องทั้ง 2 คนเก่งมาก!!

Congratulations for the ‘FIRST SILVER Medal’ of THAILAND TEAM
YOU DID IT‼️ @nut_ponkamon @loketworavet 
YOU MAKE COUNTRY PROUD OF YOU 🇹🇭

กองทัพเรือจัดงานวันคล้ายวันสวรรคตของสมเด็จพระศรีนครินทราบรมราชชนนี ครบรอบปีที่ 28

พลเรือเอก เชิงชาย  ชมเชิงแพทย์ ผู้บัญชาการทหารเรือเป็นประธานในงานวันคล้ายวันสวรรคตของสมเด็จพระศรีนครินทราบรมราชชนนี ครบรอบปีที่ 28 ณ อาคารกองบังคับการกรมอุทกศาสตร์ กองทัพเรือ เขตบางนา กรุงเทพมหานคร โดยพิธีประกอบด้วย พิธีวางพวงมาลัยข้อพระกร และพิธีบำเพ็ญกุศลเพื่ออุทิศถวายเป็นพระราชกุศล

วันที่ 18 กรกฎาคม ของทุกปี เป็นวันคล้ายวันสวรรคตของสมเด็จพระศรีนครินทราบรมราชชนนี หรือ “สมเด็จย่า” ของปวงชนชาวไทย สมเด็จพระศรีนครินทราบรมราชชนนี ทรงอภิเษกสมรสกับสมเด็จพระมหิตลาธิเบศร อดุลยเดชวิกรม พระบรมราชชนกมีพระราชโอรสและพระราชธิดาด้วยกัน 3 พระองค์ดังนี้
1.สมเด็จพระเจ้าพี่นางเธอ เจ้าฟ้ากัลยาณิวัฒนา กรมหลวงนราธิวาสราชนครินทร์
2.พระบาทสมเด็จพระปรเมนทรมหาอานันทมหิดล พระอัฐมรามาธิบดินทร
3.พระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร

สมเด็จพระศรีนครินทราบรมราชชนนีได้รับการยกย่องจากองค์การวิทยาศาสตร์และวัฒนธรรมแห่งสหประชาชาติ หรือ ยูเนสโก ให้ทรงเป็น “บุคคลสำคัญของโลก” เนื่องด้วยทรงมีพระมหากรุณาธิคุณแก่ปวงชนชาวไทยเป็นอเนกอนันต์ อันสามารถเห็นได้จากพระราชกรณีของพระองค์ เช่น การเสด็จพระราชดำเนินเยี่ยมราษฎรตามถิ่นทุรกันดาร และตามหัวเมืองชายทะเลของประเทศที่ประสบอัคคีภัย ภัยธรรมชาติทั้ง อุทกภัย วาตภัย โดยทรงมีน้ำพระทัยเมตตาต่อราษฎรที่ยากไร้ และทรงอุทิศพระวรกายโดยไม่ทรงเห็นแก่ความเหน็ดเหนื่อย 

ในการนี้ กองทัพเรือได้มีโอกาสรับใช้ใต้เบื้องพระยุคลบาทในการเสด็จประพาสทางเรือ 6 ครั้ง การเสด็จฯ ครั้งแรก สมเด็จพระศรีนครินทราบรมราชชนนี ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้กองทัพเรือจัดเรือหลวงจันทร (อ่านว่า จัน-ทะ-ระ) ซึ่งเป็นเรือพระที่นั่ง เพื่อเสด็จประพาสทางทะเลทอดพระเนตรการเปลี่ยนก๊าซกระโจมไฟของกรมอุทกศาสตร์ทหารเรือ รวมทั้งทรงเยี่ยมราษฎรทางฝั่งตะวันตกของอ่าวไทย 

ครั้งที่ 2 เสด็จฯ ทอดพระเนตรการสำรวจแผนที่และเปลี่ยนก๊าซกระโจมไฟของกรมอุทกศาสตร์ทหารเรือ รวมทั้งเสด็จฯ เยี่ยมราษฎรในท้องถิ่นต่างๆ ตามฝั่งทะเลอันดามัน  โดยมีเรือหลวงจันทร เป็นเรือพระที่นั่ง

ครั้งที่ 3 เสด็จฯ เยี่ยมราษฎรบริเวณอ่าวไทยฝั่งตะวันออก นับเป็นปีแรกที่หน่วยแพทย์อาสาสมัครสมเด็จพระราชชนีศรีสังวาลย์ (พอ.สว.) ได้ร่วมตามเสด็จฯ ในการเยี่ยมเยียนราษฎรด้วย โดยมีเรือหลวงจันทร เป็นเรือพระที่นั่ง 

ครั้งที่ 4 เสด็จฯ เยี่ยมราษฎรจังหวัดชายทะเลบริเวณอ่าวไทยฝั่งตะวันออก ประกอบด้วยจังหวัดฉะเชิงเทรา ชลบุรี ระยอง และตราด โดยมีเรือหลวงจันทร เป็นเรือพระที่นั่ง 

ครั้งที่ 5 เสด็จฯ ทรงเยี่ยมราษฎร ทหาร ตำรวจ และหน่วยแพทย์เคลื่อนที่ พอ.สว. ในจังหวัดภาคตะวันออก โดยมีเรือหลวงจันทร เป็นเรือพระที่นั่ง 

ครั้งที่ 6 เสด็จฯ พร้อมด้วย สมเด็จพระเจ้าพี่นางเธอ เจ้าฟ้ากัลยานิวัฒนา กรมหลวงนราธิวาสราชนครินทร์ ทรงเยี่ยมราษฎร ทหาร ตำรวจ และหน่วยแพทย์ พอ.สว. ในจังหวัดภาคตะวันออก โดยมีเรือหลวงศุกร์ เป็นเรือพระที่นั่ง

สมเด็จพระบรมราชชนนี ทรงพระประชวรโรคพระหทัย และเสด็จสวรรคต เมื่อวันอังคารที่ 18 กรกฎาคม 2538 สิริพระชนมายุ 94 พรรษา ต่อมากรมอุทกศาสตร์ กองทัพเรือ ซึ่งถือเป็นหน่วยงานต้นสังกัดของเรือหลวงจันทร และ เรือหลวงศุกร์ ที่มีโอกาสรับใช้พระองค์ท่านอย่างใกล้ชิด จึงได้จัดให้มีพิธีบำเพ็ญกุศลเพื่ออุทิศถวายเป็นพระราชกุศล เป็นประจำทุกปีนับตั้งแต่ปี 2539 เป็นต้นมา โดยระยะแรกได้จัดบนเรือหลวงจันทร และเรือหลวงศุกร์ เพื่อเป็นการน้อมรำลึกถึงพระเมตตาและพระมหากรุณาธิคุณของสมเด็จพระศรีนครินทราบรมราชชนนี ที่ทรงมีต่อข้าราชการกองทัพเรือ จนเมื่อกรมอุทกศาสตร์ ได้ย้ายที่ทำการจากกองบัญชาการกองทัพเรือ พระราชวังเดิม มาตั้งแห่งใหม่ที่บางนา จึงได้มีการย้ายสถานที่ประกอบพิธี มาเป็นอาคารกองบังคับการกรมอุทกศาสตร์ กองทัพเรือ จนถึงปัจจุบัน 

กองประชาสัมพันธ์
สำนักงานเลขานุการกองทัพเรือ

ผบ.ตร.พร้อมนายกสมาคมแม่บ้านตำรวจ ลงตรวจเยี่ยม มอบสิ่งของบำรุงขวัญตำรวจอำนาจเจริญ กำชับตำรวจต้องเป็นมืออาชีพ หมั่นตรวจเยี่ยมชาวบ้าน ยกระดับบริการประชาชน แก้ไขปัญหายาเสพติด คดีออนไลน์ สร้างวัคซีนไซเบอร์ ชื่นชมความสำเร็จชมชุมยั่งยืนบ้านนาป่าแซง

วันนี้ (20 ก.ค.66) พล.ต.อ.ดำรงศักดิ์ กิตติประภัสร์ ผบ.ตร. ได้เดินทางมาตรวจเยี่ยม ประชุมรับฟังการปฏิบัติหน้าที่ มอบสิ่งของบำรุงขวัญ ทุนการศึกษาให้แก่ข้าราชการตำรวจสังกัด ภ.จว.อำนาจเจริญ โดยมี คุณสุมนา กิตติประภัสร์ นายกสมาคมแม่บ้านตำรวจ , พล.ต.ท.สมประสงค์ เย็นท้วม ผบช.ภ.3 , พล.ต.ท.นพดล ศรสำราญ ผู้ทรงคุณวุฒิพิเศษ ตร. , พล.ต.ท.คีรีศักดิ์ ตันตินวะชัย ผบช.ประจำ สง.ผบ.ตร. , พล.ต.ท.อาชยน ไกรทอง ผบช.ประจำ สง.ผบ.ตร., พล.ต.ต.ฐากูร นัทธีศรี รอง ผบช.ภ.3 , พล.ต.ต.ระพีพงศ์ สุขไพบูลย์ รอง ผบช.ภ.3 , พล.ต.ต.สถาพร เอมโอษฐ์ ผบก.ภ.จว.อำนาจเจริญ และข้าราชการตำรวจในสังกัด ภ.จว.อำนาจเจริญ , พฐ.จว.อำนาจเจริญ , ตชด.22 , ตม.จว.อำนาจเจริญ , ทล.จว.อำนาจเจริญ ร่วมต้อนรับ ณ ภ.จว.อำนาจเจริญ

โดยก่อนการประชุม ผบ.ตร.พร้อมด้วย นายกสมาคมแม่บ้านตำรวจ ได้มอบทุนการศึกษาให้แก่ข้าราชการตำรวจสังกัด ภ.จว.อำนาจเจริญ จำนวน 275,000 บาท พร้อมมอบสิ่งของบำรุงขวัญแก่ตำรวจด้วย หลังจากนั้นได้มีการประชุมติดตามนโยบายสำคัญของ ตร. โดย พล.ต.ต.สถาพร เอมโอษฐ์ ผบก.ภ.จว.อำนาจเจริญ ได้นำเสนอสถานภาพกำลังพล ยุทโธปกรณ์ ยาพหานะ ผลงานดำเนินการการยกระดับการให้บริการสถานีตำรวจ งานป้องกันปราบปราม งานจราจร รายงานผลการแก้ไขปัญหายาเสพติดในพื้นที่ ตามโครงการชุมชนยั่งยืนฯ ดำเนินการเอ็กซเรย์พื้นที่ ประชากร 3,097 ราย พบผู้เสพและสมัครใจเข้ารับการบำบัด 169 ราย มีการบำบัดฟื้นฟูผู้ใช้ยาเสพติดโดยชุมชนเป็นผู้ดูแลการบำบัด (CBTx) พร้อมทั้งการฝึกอาชีพ โดย ชุมชนยั่งยืนฯ บ้านนาป่าแซง ของ สภ.ปทุมราชวงศา มีความโดดเด่นในการขับเคลื่อนชุมชนยั่งยืนฯ มีประชากร 898 ราย สามารถเอ็กซเรย์ค้นหาผู้เสพเข้ารับการบำบัดได้ 24 ราย ผ่านกระบวนการบำบัดทางการแพทย์ ฝึกวิชาชีพ ความเข้มแข็งของ 4 เสาหลัก ทั้ง อำเภอ ตำรวจ สาธารณสุข และชุมชน ทำให้การบำบัดผู้เสพทุกรายประสบความสำเร็จ นอกจากนี้มาตรการปราบปรามยังสามารถจับกุมผู้ค้าหลายราย บางรายถูกกดดันหลบหนีออกนอกพื้นที่ ทำให้สามารถส่งต่อความยั่งยืนให้ชุมชนได้ จนทุกฝ่ายเห็นพ้องต้องกันว่า ให้ขยายโครงการไปทุกหมู่บ้าน ครอบคลุมทั้งตำบล

ส่วนผลการขับเคลื่อนการป้องกันปราบปรามอาชญากรรมทางเทคโนโลยี จว.อำนาจเจริญ มีสถิติการถูกหลอกลวงแจ้งความ ตั้งแต่ 1 มีนาคม 2565 จำนวน 281 เคสไอดี ซึ่งส่วนใหญ่เป็นการหลอกซื้อขายออนไลน์ และ แอพพิเคชั่นเงินกู้  มีการสร้างภูมิคุ้มกันไซเบอร์วัคซีนตามโครงการ “ร่วมใจ ต้านภัยไซเบอร์ ไม่เชื่อ ไม่รีบ ไม่โอน รู้ทันกลโกง” ร่วมกับทุกภาคส่วน โดยเฉพาะการทำข้อสอบไซเบอร์วัคซีน 40 ข้อ ประชาชน และตำรวจในพื้นที่ มีการประชาสัมพันธ์ ดำเนินการต่อเนื่อง ซึ่งจากมาตรการการอบรม ประชาสัมพันธ์ไซเบอร์วัคซีนอย่างเข้มข้น ทำให้สถิติคดีอาชญากรรมทางเทคโนโลยีมีแนวโน้มลดลง นอกจากนี้ ยังมีการอบรมให้ความรู้ข้าราชการตำรวจตาม พ.ร.บ.ป้องกันและปราบปรามการทรมานและการกระทำให้บุคคลสูญหาย พ.ศ.2565 การจัดสรรอุปกรณ์จัดเก็บบันทึกข้อมูล การวางแผนก่อสร้างอาคารที่ทำการของ ภ.จว.อำนาจเจริญแห่งใหม่ ให้แล้วเสร็จภายในปีหน้า

พล.ต.อ.ดำรงศักดิ์ฯ กล่าวว่า “ได้สั่งการเน้นย้ำนโยบาย การขับเคลื่อนยกระดับการให้บริการประชาชนของสถานีตำรวจ ตำรวจต้องเป็นมืออาชีพให้ได้ หมั่นฝึกทบทวนการปฏิบัติทางยุทธวิธีให้พร้อมอยู่เสมอ ให้ผู้บังคับบัญชาและข้าราชการตำรวจ หมั่นลงตรวจเยี่ยมประชาชน เพื่อพบ สอบถามปัญหา ให้ได้ข้อมูล นำมาแก้ไขความเดือดร้อนสามารถช่วยเหลือประชาชนได้อย่างทันท่วงที 

ให้ความสำคัญกับการแก้ไขปัญหายาเสพติดซึ่งเป็นปัจจัยหลักของความเดือดร้อนของประชาชน เน้นการแก้ปัญหาที่ต้นตอคือ ผู้เสพ มีการเอ็กซเรย์ลงพื้นที่ ให้ได้ข้อมูล ข้อเท็จจริง จนนำไปสู่การจับกุมผู้ค้ารายย่อย กดดันจนไม่มีผู้ค้าในพื้นที่ จะทำให้ผู้เสพ ไม่กลับมาเสพอีก โดยร่วมมือกับชุมชน เกิดความยั่งยืน

สำหรับอาชญากรรมทางเทคโนโลยีที่สร้างปัญหาให้ชาวบ้านในปัจจุบันและต่อเนื่องไปยังอนาคต ต้องสร้างภูมิคุ้มกัน สร้างวัคซีนไซเบอร์ ขยายการอบรมครูไซเบอร์ให้ครอบคลุม แล้วออกให้ความรู้ ประชาสัมพันธ์ให้ครบทุกกลุ่มอาชีพ ให้ประชาชนทำข้อสอบวัคซีนให้ได้มากที่สุด มีการติดตามรูปแบบกลโกงต่างๆให้ทันต่อสถานการณ์  แล้วนำมาให้ความรู้ประชาชนในพื้นที่ เพื่อจะได้แก้ปัญหาได้ถูกจุด รวมทั้งมีการจับกุมบัญชีม้า ซิมม้า อย่างต่อเนื่อง 

วันนี้ ดีใจที่มีโอกาสมาตรวจเยี่ยมบำรุงขวัญตำรวจ ในสังกัด ภ.จว.อำนาจเจริญ ซึ่งเคยดำรงตำแหน่งเป็น ผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดคร้้งแรก ขอชื่นชมและขอบคุณข้าราชการตำรวจทุกนาย ที่ร่วมมือ ร่วมแรง ร่วมใจ ปฏิบัติหน้าที่ ขับเคลื่อนนโยบายด้านต่างๆของ ตร. ได้เป็นอย่างดี ทำให้เกิดความผาสุกแก่ประชาชน”

ต้อนรับทหารใหม่ หน่วยบัญชาการต่อสู้อากาศยานและรักษาฝั่ง ผลัดที่ 1/66

พลเรือตรี ศุภสิทธิ์ บูรณะโอสถ ผู้บัญชาการหน่วยบัญชาการต่อสู้อากาศยานและรักษาฝั่ง เป็นประธานในพิธีต้อนรับทหารใหม่หน่วยบัญชาการต่อสู้อากาศยานและรักษาฝั่ง ผลัดที่ 1/66 ณ ลานอเนกประสงค์ กองบัญชาการ หน่วยบัญชาการต่อสู้อากาศยานและรักษาฝั่ง ตำบลสัตหีบ อำเภอสัตหีบ จังหวัดชลบุรี โดยมีคณะผู้บังคับบัญชาของหน่วยบัญชาการต่อสู้อากาศยานและรักษาฝั่ง ร่วมให้การต้อนรับ  

ผู้บัญชาการหน่วยบัญชาการต่อสู้อากาศยานและรักษาฝั่ง ต้องการให้ทหารทุกนายอยู่ร่วมกัน รักกันเหมือนพี่เหมือนน้อง มีความสมัครสมานสามัคคี มีระเบียบวินัยที่ดี มีความเป็นอยู่อย่างพอเพียง ซึ่งเมื่อมาอยู่กับหน่วยบัญชาการต่อสู้และรักษาฝั่งแล้วจะได้รับการดูแลเอาใจใส่โดยใกล้ชิดจากผู้บังคับบัญชาทุกระดับชั้น ซึ่งเป็นไปตามนโยบายผู้บัญชาการทหารเรือ 

ทั้งนี้ การต้อนรับทหารใหม่ เปรียบเสมือนน้องคนเล็กสุดท้อง ที่ได้เข้ามาสู่รั้วหน่วยบัญชาการต่อสู้อากาศยานและรักษาฝั่ง และเป็นครอบครัวเดียวกันนั้น เพื่อให้น้องทหารใหม่ทุกนาย มีความภาคภูมิใจที่จะมาทำหน้าที่เป็นรั้วของชาติ ในการปฏิบัติหน้าที่กับ หน่วยบัญชาการต่อสู้อากาศยานและรักษาฝั่ง ซึ่งทหารใหม่ทุกนายจะได้รับการฝึกอบรม เพิ่มเติมความรู้ทักษะต่าง ๆ สามารถปฏิบัติหน้าที่เป็นทหารต่อสู้อากาศยานและรักษาฝั่ง ซึ่งภายหลังจากฝึกเสร็จจะแยกย้ายไปปฏิบัติหน้าที่รับใช้ชาติ กับหน่วยขึ้นตรงของหน่วยบัญชาการต่อสู้อากาศยานและรักษาฝั่ง ในภารกิจที่สำคัญต่าง ๆ ต่อไป

191 จิตอาสา ร่วมกับ กับโรงพยาบาลพญาไท 3 จัดอบรมการปฐมพยาบาลและช่วยชีวิตขั้นพื้นฐาน CPR เพื่อถวายเป็นพระราชกุศล รัชกาลที่ 10 เนื่องในโอกาสวันเฉลิมพระชนมพรรษาพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว

เมื่อวันที่ 20 กรกฎาคม 2566 พล.ต.ต.ภานพ วรธนัชชากุล ผบก.สปพ.เป็นประธานเปิดกิจกรรมกำลังพล จิตอาสา บก.สปพ. ฝึกอบรมการช่วยชีวิตขั้นพื้นฐาน CPR   เพื่อช่วยเหลือประชาชนเนื่องในโอกาส วันเฉลิมพระชนมพรรษา พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ที่จะถึงวันที่ 28 กรกฎาคม 2566 โดยในงานมี พ.ต.อ.พิทักษ์ สุทธิกุล รอง ผบก.สปพ. นพ.สรพล โล่ห์สิริวัฒน์ ผู้อำนวยการโรงพยาบาลพญาไท 3 ให้การต้อนรับกำลังพล สปพ. นพ.อภิชัย โตวณะบุตร ผู้ช่วยผู้อำนวยการแพทย์ คุณดวงพร แหล่งหล้า พยาบาลวิชาชีพ และวิทยากร จากโรงพยาบาลพญาไท 3 ตลอดจนข้าราชตำรวจในสังกัด กว่า 59 นายเข้าร่วมฝึกอบรม

พล.ต.ต.ภานพ กล่าวว่า กองบังคับการสายตรวจและปฎิบัติการพิเศษ มีภารกิจในการปฎิบัติงานป้องกัน และปราบปราม และรักษาความสงบเรียบร้อย ความปลอดภัย เข้าระงับยับยั้ง อาชญากรรม ในพื้นที่กรุงเทพมหานคร และมีความใกล้ชิดกับประชาชน

ดังนั้น การฝึกอมรมการปฐมพยาบาลและช่วยชีวิตขั้นพื้นฐาน จึงมีความสำคัญ และจำเป็นอย่างมาก เพราะข้าราชการตำรวจในสังกัดที่ออกไปปฎิบัติหน้าที่มีโอกาสประสพเหตุบ่อยครั้ง หากสามารถให้การช่วยเหลือในเบื้องต้น ก่อนส่งต่อผู้ป่วยหรือผู้บาดเจ็บไปยังสถานพยาบาลได้ทันท่วงที จะลดการสูญเสียชีวิตของผู้ ป่วยได้อย่างมาก

มูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง เดินหน้า “สร้างชีวิต” อย่างยั่งยืน” ลงพื้นที่จังหวัดกาฬสินธุ์ มอบอุปกรณ์ประกอบอาชีพให้แก่ครัวเรือนยากจน ในโครงการแก้ไขปัญหาความยากจนเชิงบูรณาการภาคอีสานร่วมกับกรมการพัฒนาชุมชน และนำหน่วยแพทย์เคลื่อนที่ออกบริการประชาชนฟรี

วานนี้ (วันพุธที่ 19 กรกฎาคม พ.ศ. 2566) มูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง นำโดย นายวิชิต ชินวงศ์วรกุล รองประธานกรรมการ  เป็นประธานในพิธี พร้อมด้วย นายสุรพงษ์ เตชะหรูวิจิตร กรรมการและรองเลขาธิการ นายชาญกิจ วิทยาวรากรณ์ กรรมการ  และนางศิริพร กระจ่างหล้า ผู้จัดการฝ่ายสังคมสงเคราะห์ ร่วมในพิธีมอบอุปกรณ์ประกอบอาชีพให้กับครัวเรือนยากจนในพื้นที่จังหวัดกาฬสินธุ์ (จังหวัดที่ 5 ของทางภาคตะวันออกเฉียงเหนือ) จำนวน 44 ครัวเรือน คิดเป็นมูลค่าทั้งสิ้น 934,930 บาท (เก้าแสนสามหมื่นสี่พันเก้าร้อยสามสิบบาทถ้วน) เพื่อส่งเสริมและสนับสนุนอาชีพแก่ครัวเรือนยากจนสามารถประกอบอาชีพเลี้ยงตนเองและครอบครัว ดำเนินชีวิตตามหลักปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง ภายใต้ ”บันทึกข้อตกลงความร่วมมือการแก้ไขปัญหาความยากจนเชิงบูรณาการ” ร่วมกับกรมการพัฒนาชุมชน กระทรวงมหาดไทย โดยมี นายสำเริง ม่วงสังข์ รองผู้ว่าราชการจังหวัดกาฬสินธุ์ และนายวิฑูรย์ นวลนุกูล รองอธิบดีกรมการพัฒนาชุมชน เป็นประธานร่วมในพิธี พร้อมด้วย ทีมแผนกส่งเสริมการศึกษาและอาชีพ ฝ่ายสังคมสงเคราะห์ มูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง นายวาทิต โสภา (วิน-วาทิต) อาสาสมัครศิลปิน  และคณะมูลนิธิคุณธรรมสงเคราะห์กาฬสินธุ์ ร่วมในพิธี ณ บริเวณวัดป่าพุทธมงคล ตำบลหลุบ อำเภอเมือง จังหวัดกาฬสินธุ์

พร้อมกันนี้ มูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง ได้จัดทีมหน่วยแพทย์สงเคราะห์ชุมชน ให้บริการประชาชนฟรี ประกอบด้วย บริการตรวจรักษาโรคทั่วไป จ่ายยา ตัดผม และ ตรวจวัดสายตาพร้อมแจกแว่น และบริการทันตกรรม โดยมีประชาชนให้ความสนใจเป็นจำนวนมาก 

โครงการแก้ไขปัญหาความยากจนเชิงบูรณาการ มูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง ได้สนับสนุนอุปกรณ์ประกอบอาชีพ ช่วยเหลือครัวเรือนยากจน ตามบันทึกข้อตกลงความร่วมมือแก้ไขปัญหาความยากจน  ระหว่างกรมการพัฒนาชุมชนและมูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง  ซึ่งมูลนิธิฯ ได้จัดงบประมาณดำเนินการเพื่อจัดหาวัสดุอุปกรณ์การประกอบอาชีพมอบให้แก่ครัวเรือนยากจน ให้สามารถประกอบอาชีพเลี้ยงตนเองและครอบครัว โดยในกลุ่มเป้าหมายแรกดำเนินการในพื้นที่ภาคกลาง 17 จังหวัด รวม 98 ครัวเรือน ต่อมา ได้ดำเนินการในพื้นที่จังหวัดทางภาคเหนือ 17 จังหวัด รวม 230 ครัวเรือน ซึ่งได้ดำเนินการเป็นที่เรียบร้อยแล้ว และในขณะได้พิจารณาพื้นที่ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ รวม 20 จังหวัด ประกอบด้วย จังหวัดบุรีรัมย์ สุรินทร์ กาฬสินธุ์ ชัยภูมิ นครราชสีมา อุดรธานี มุกดาหาร หนองบัวลำภู บึงกาฬ ยโสธร ศรีสะเกษ มหาสารคาม ขอนแก่น อุบลราชธานี ร้อยเอ็ด อำนาจเจริญ สกลนคร เลย หนองคาย และ นครพนม ซึ่งปัจจุบันทางมูลนิธิป่อเต็กตึ๊งได้ลงพื้นที่มอบไปแล้วรวมทั้งสิ้น 5 จังหวัด 120 ครัวเรือน คิดเป็นมูลค่าทั้งสิ้น 2,397,350 บาท (สองล้านสามแสนเก้าหมื่นเจ็ดพันสามร้อยห้าสิบบาทถ้วน)

ติดตามข่าวสาร และกิจกรรมงานสาธารณกุศลมูลนิธิป่อเต็กตึ๊งได้ที่ เว็บไซต์ www.pohtecktung.org และ เฟซบุ๊ก แฟนเพจ www.facebook.com/atpohtecktung 

พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ สั่งการกองปราบปรามขยายผลดำเนินคดีเครือข่ายเว็บพนัน FUN88 พบเป็นเว็บที่แอมและสามีเล่นจนเป็นสาเหตุในการก่อคดี

จากกรณีเมื่อวันที่ 25 เม.ย.66 เจ้าหน้าที่ตำรวจได้จับกุม นางสรารัตน์ฯ หรือแอม ดำเนินคดีในความผิดฐานฆ่าผู้อื่นฯ และได้ขยายผลดำเนินคดีเพิ่มเติมได้อีกรวมจำนวน 15 คดี จากการวางแผนฆ่าและพยายามฆ่าผู้เสียหาย เพื่อเป็นการล้างหนี้หรือประสงค์ต่อทรัพย์สิน โดยหนึ่งในสาเหตุที่ทำให้แอมก่อเหตุ เกิดจากการติดหนี้การพนันออนไลน์เป็นจำนวนมาก ตามที่นำเสนอไปแล้วนั้น กรณีดังกล่าว พล.ต.อ.ดำรงศักดิ์ กิตติประภัสร์ ผบ.ตร. ได้สั่งการให้ พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ หักพาล รอง ผบ.ตร. ขยายผลกรณีดังกล่าว พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ จึงได้สั่งการให้เจ้าหน้าที่กองปราบปราม สืบสวนขยายผลและดำเนินคดีกับเครือข่ายเว็บพนันออนไลน์ที่นางสรารัตน์ฯ และ พ.ต.ท.วิฑูรย์ฯ ผู้เป็นสามีได้เข้าเล่นจนติดหนี้จำนวนมากดังกล่าว

จากการสืบสวนทราบว่า เว็บไซต์การพนันออนไลน์ดังกล่าวคือ FUN88 ซึ่งนางแอมและสามีได้นำเงินเข้าเล่นในเว็บพนันออนไลน์ดังกล่าวหมุนเวียนกว่า 93 ล้านบาท จึงได้สืบสวนขยายผลถึงเครือข่ายผู้ที่เกี่ยวข้องกับเว็บไซต์ดังกล่าว และได้ขออนุมัติหมายจับดำเนินคดีกับผู้เกี่ยวข้องรวมมากถึง 21 คน สามารถติดตามจับกุมได้แล้ว 13 คน ถูกจำคุกในคดีอื่นจำนวน 2 คน และพบเสียชีวิตแล้ว 1 คน ยังเหลือหลบหนีอีกจำนวน 6 คน โดยดำเนินคดีในความผิดฐาน ร่วมกันจัดให้มีการเล่นหรือทำอุบายล่อ ช่วยประกาศโฆษณาหรือชักชวนโดยตรงหรือทางอ้อมให้ผู้อื่นเข้าเล่น หรือเข้าพนันในการเล่นทางสื่ออิเล็กทรอนิกส์โดยมิได้รับอนุญาตจากเจ้าพนักงาน และร่วมกันฟอกเงิน

นอกจากนี้ เมื่อวันที่ 19 ก.ค.66 ที่ผ่านมา เจ้าหน้าที่ตำรวจกองปราบปรามได้เปิดปฏิบัติการเข้าค้นเป้าหมายจำนวน 22 จุด ใน 11 จังหวัด ได้แก่ กรุงเทพฯ ปทุมธานี สมุทรปราการ ชลบุรี จันทบุรี เชียงใหม่ เชียงราย กาญจนบุรี สงขลา ตรัง และขอนแก่น ผลการปฏิบัติสามารถตรวจยึดของกลางได้รวมมูลค่ากว่า 15 ล้านบาท ประกอบไปด้วยรถยนต์หรู เครื่องประดับและนาฬิกา บัญชีธนาคาร กระเป๋าแบรนด์เนม และบัญชีคริปโตเคอเรนซี่ เป็นต้น จึงได้ทำการตรวจยึดเพื่อดำเนินการตามกฎหมายฟอกเงินต่อไป

พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ กล่าวว่า หลังจากที่ได้สรุปสำนวนดำเนินคดีกับนางสรารัตน์ฯ หรือแอม ไปแล้วจำนวน 15 คดี ซึ่งเป็นคดีประวัติศาสตร์ของไทยอีกหนึ่งคดี ซึ่งหนึ่งในสาเหตุของการก่อเหตุดังกล่าวมาจากการติดหนี้การพนันออนไลน์ จึงได้สั่งการให้กองปราบปรามดำเนินการขยายผลดำเนินคดีกับเครือข่ายเว็บไซต์การพนันออนไลน์ดังกล่าว ซึ่งสามารถดำเนินคดีกับเครือข่ายได้จำนวนถึง 21 คน จากนั้นได้เปิดปฏิบัติการเข้าตรวจค้นจุดเป้าหมายมากถึง 22 จุด ทำให้สามารถจับกุมผู้ต้องหาได้ 13 คน และตรวจยึดทรัพย์สินได้รวมมูลค่ามากกว่า 15 ล้านบาท ซึ่งทรัพย์สินเหล่านี้จะตรวจยึดตามมาตรการกฎหมายฟอกเงินต่อไป ส่วนผู้ต้องหาที่ยังหลบหนีอยู่ ก็จะติดตามจับกุมมาดำเนินคดีให้ครบทุกราย 

141 เสียงขุนพลพรรคเพื่อไทย 'ชัดเจน-ไม่แตกแถว' ยัน!! เสนอชื่อ ‘พิธา' เป็นนายกฯ ไม่ใช่การเสนอญัตติซ้ำ


(20 ก.ค.66) เพจพรรคเพื่อไทยได้โพสต์ข้อความหลังเสร็จสิ้นการประชุมรับสภาฯ วาระโหวตเลือกนายกฯ คนที่ 30 นั้น ไว้ว่า...

การประชุมร่วมกันของรัฐสภาเพื่อพิจารณาให้ความเห็นชอบบุคคลที่สมควรจะได้รับการแต่งตั้งเป็นนายกรัฐมนตรี ในวันที่ 19 กรกฎาคม 2566 พรรคเพื่อไทยและพรรคร่วมฝ่ายประชาธิปไตย ยืนยันความเห็นร่วมกันว่า การเสนอชื่อ ‘พิธา ลิ้มเจริญรัตน์’ เป็นนายกรัฐมนตรีนั้น ไม่ได้เป็นการเสนอญัตติซ้ำ แม้ที่ประชุมรัฐสภา จะลงมติว่าเป็นญัตติซ้ำ 395 เสียงต่อ 317 เสียง


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top