Sunday, 4 May 2025
THE STATES TIMES TEAM

ตำรวจไซเบอร์เปิดปฏิบัติการทลายเครือข่ายเว็บพนันออนไลน์ ตรวจยึดและอายัดทรัพย์สิน มูลค่าร่วมกว่า 30 ล้านบาท

กองบัญชาการตำรวจสืบสวนสอบสวนอาชญากรรมทางเทคโนโลยี ภายใต้การอำนวยการของ พล.ต.ท.วรวัฒน์  วัฒน์นครบัญชา  ผบช.สอท. ได้สั่งการให้มีการตรวจสอบและดำเนินการจับกุม การกระทำความผิดที่เกี่ยวข้องกับการพนันออนไลน์ในทุกรูปแบบ ซึ่งได้สร้างความเดือดร้อนให้กับพี่น้องประชาชนเป็นจำนวนมาก

เจ้าหน้าที่ตำรวจ กก.4 บก.สอท.3 ได้รับคำสั่งจากผู้บังคับบัญชาให้ทำการสืบสวน ตรวจสอบข้อเท็จจริงตามที่ประชาชนแจ้งการกระทำผิดกฎหมาย กรณีกรณีมีเว็บไซต์พนัน https://www.richawinvip.com/ซึ่งได้เปิดให้มีการเล่นการพนันผ่านสื่ออิเล็กทรอนิกส์  เจ้าหน้าที่ตำรวจ จึงได้เข้าตรวจสอบเว็บไซต์ดังกล่าวปรากฏว่าเว็บดังกล่าว ได้มีการเปิดให้เล่นพนันออนไลน์จริง จึงได้ส่งสายลับเข้าไปทำการไปเล่นการพนันในเว็บดังกล่าวจนได้ทราบถึงข้อมูล บัญชีที่ใช้ในการ ฝาก-ถอน ของเว็บพนันออนไลน์ดังกล่าว จากการรวบรวมพยานหลักฐาน พนักงานสอบสวน กก.4 บก.สอท.3  จึงได้ขออนุมัติศาลจังหวัดขอนแก่น ออกหมายจับผู้ต้องหาจำนวนหลายราย รวมทั้งได้สืบสวนหาข่าว เพื่อจับกุมบุคคลในขบวนการและผู้เกี่ยวข้อง โดยในปฏิบัติการครั้งนี้ สามารถจับกุมผู้ต้องหาได้ทั้งหมด 4 ราย ดังนี้

1.นายดนุพงษ์ อายุ 41 ปี ชาวตำบลพลูตาหลวง อำเภอสัตหีบ จังหวัดชลบุรี
2.นายสถาพร อายุ 33 ปี ชาวตำบลโคกสูง อำเภอหนองกี่ จังหวัดบุรีรัมย์
3.น.ส.ขจีวรรณ อายุ 32 ปี ชาวตำบลแม่กลอง อำเภอเมืองสมุทรสงคราม จังหวัดสมุทรสงคราม
4.น.ส.บุษกร อายุ 27 ปี ชาวตำบลหนองแวง อำเภอสมเด็จ จังหวัดกาฬสินธุ์

โดยเมื่อวันที่ 12 ก.ค.66 เจ้าหน้าที่ตำรวจชุดจับกุมได้สืบทราบว่า ผู้ต้องหาที่ 1 ได้มาพักอาศัย
ในพื้นที่ หมู่บ้านพฤกษานารา ต.สามเรือน อ.บางปะอิน จ.พระนครศรีอยุธยา จึงได้นำหมายค้นของศาลอาญา เข้าตรวจค้นบ้านหลังดังกล่าว ปรากฏว่าพบ ผู้ต้องหาที่ 1 ซึ่งเป็นผู้ต้องหาตามหมายจับศาลจังหวัดขอนแก่น และบุคคลภายในบ้านอีก 2 คน คือ ผู้ต้องหาที่ 2 และผู้ต้องหาที่ 3 กำลังนั่งทำงานอยู่ภายในบ้าน จากการตรวจสอบหลักฐานต่างๆ ในบ้านหลังดังกล่าว พบว่าผู้ต้องหาที่ 2 ทำหน้าที่เป็นแอดมิน คอยตอบคำถามทางแอบพลิเคชันไลน์ และ ผู้ต้องหาที่ 3 ทำหน้าที่เป็นผู้ตรวจสอบบัญชีการเงิน และจากการสอบถามผู้ต้องหาที่ 1 ยอมรับว่าเป็นบุคคลตามหมายจับจริงและไม่เคยถูกจับตามหมายจับนี้มาก่อน จึงได้แจ้งให้ผู้ถูกจับทั้ง 3 คน ทราบว่าการกระทำดังกล่าวเป็นความผิดฐาน “ร่วมกันจัดให้มีการเล่นการพนันทางสื่ออิเล็กทรอนิกส์ โดยไม่ได้รับอนุญาต” , “ ร่วมกันหรือสมคบกันตั้งแต่สองคนขึ้นไปช่วยเหลือหรือสนับสนุน ในการกระทำความผิดอันเป็นการฟอกเงิน”

และในวันเดียวกัน เวลาประมาณ 16.00 น. เจ้าหน้าที่ตำรวจชุดจับกุมได้สืบทราบว่า ผู้ต้องหาที่ 4  
ซึ่งเป็นผู้ต้องหาตามหมายจับ ศาลจังหวัดขอนแก่น เลขที่ 238/2566  ลงวันที่ 27 เม.ย.66 ซึ่งเป็นผู้ต้องหาในคดีเดียวกันกับผู้ต้องหาข้างต้น มาปรากฏตัวที่บริเวณริมถนนสาธารณะหน้าธนาคารธนาคารทหารไทยธนชาต ต.ในเมือง อ.เมืองขอนแก่น จ.ขอนแก่น จึงได้เดินทางมาตรวจสอบ พบผู้ต้องหาอยู่บริเวณดังกล่าว จึงได้แสดงตัวเป็นเจ้าหน้าที่ตำรวจพร้อมแสดงบัตรข้าราชการและได้แสดงหมายจับพร้อมอ่านข้อความในหมายจับ รวมทั้งได้ให้ผู้ต้องหาตรวจสอบหมายจับและอ่านหมายจับเอง ซึ่งผู้ต้องหายอมรับว่าเป็นบุคคลตามหมายจับจริงและไม่เคยถูกจับตามหมายจับนี้มาก่อน จึงได้แจ้งให้ผู้ถูกจับทราบว่าการกระทำดังกล่าวเป็นความผิดฐาน “ร่วมกันจัดให้มีการเล่นการพนันทางสื่ออิเล็กทรอนิกส์ โดยไม่ได้รับอนุญาต” , “ร่วมกันหรือสมคบกันตั้งแต่สองคนขึ้นไปช่วยเหลือหรือสนับสนุน ในการกระทำความผิดอันเป็นการฟอกเงิน” จากนั้นเจ้าหน้าที่ตำรวจชุดจับกุมจึงได้นำตัวผู้ต้องหาส่ง พนักงานสอบสวน บก.สอท.3 (ส่วนภูมิภาคขอนแก่น) เพื่อดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป

จากการปฏิบัติการครั้งนี้สามารถตรวจยึดและอายัดทรัพย์สินที่ต้องสงสัยว่าได้มาจากการกระทำความผิด อาทิเช่น เงินสด,ทองคำ,โฉนดที่ดิน,บัญชีธนาคาร,บ้าน,ยานพาหนะ มูลค่ารวมกว่า 30 ล้านบาท จึงได้ทำการตรวจยึดและนำส่งพนักงานสอบสวน กก.4 บก.สอท.3 เพื่อตรวจสอบและดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป

พ.ต.อ.ธีระ เชื้อสุวรรณ ผกก.4 บก.สอท.3 ได้ฝากเตือนพี่น้องประชาชนกลุ่มผู้เล่นการพนัน นอกจากจะมีความผิดตามกฎหมายแล้ว ยังเสี่ยงที่จะถูกเข้าถึงข้อมูล Privacy Data (ข้อมูลส่วนตัว) ที่ให้กับเว็บไซต์การพนันซึ่งอาจถูกนำไปใช้ในการก่ออาชญากรรม และถูกโกงเงินไม่สามารถถอนเงินคืนจากเว็บไซต์พนันได้

ผลการปฏิบัติภายใต้การอำนวยการของ พล.ต.ท.วรวัฒน์วัฒน์นครบัญชา ผบช.สอท., พล.ต.ต.อำนาจ ไตรพจน์ รอง ผบช.สอท.,พล.ต.ต.สถิตย์ พรมอุทัย ผบก.สอท.3, พ.ต.อ.ธีระ เชื้อสุวรรณ ผกก.4 บก.สอท.3 ได้สั่งการให้ พ.ต.ท.วริศพันธ์ เขมสิริเมธีกุล รอง ผกก4 บก.สอท.3 พ.ต.ท.ภูวสิษฐ์  เจริญธนะฐิตฺโชติธเนตร สว.กก.4 บก.สอท.3 พร้อมชุดสืบสวนดำเนินการจับกุม

ตำรวจไซเบอร์จับเจ้าของบัญชีหลอกลงทุน exchange อ้างแค่ให้เพื่อนยืม ทำเหยื่อสูญกว่า 1.2 ล้าน

กองบัญชาการตำรวจสืบสวนสอบสวนอาชญากรรมทางเทคโนโลยีภายใต้การอำนวยการของ พล.ต.ท.วรวัฒน์ วัฒน์นครบัญชา ผบช.สอท. ได้สั่งการให้มีตรวจสอบการกระทำความผิดตามสื่อสังคมออนไลน์ ระดมกวาดล้างอาชญากรรมทางเทคโนโลยี ที่สร้างความเดือดร้อนให้พี่น้องประชาชนเป็นจำนวนมาก

พล.ต.ต.ชัชปัณฑกาณฑ์ คล้ายคลึง ผบก.สอท.1  เปิดเผยว่า เจ้าหน้าที่ตำรวจชุดจับกุม กก.วิเคราะห์ข่าวและเครื่องมือพิเศษ บก.สอท.1 ภายใต้การอำนวยการของ  พ.ต.อ.ศุภรฐโชติ จำหงส์  ผกก.วิเคราะห์ข่าวฯ บก.สอท.1  ชุดจับกุมนำโดย  พ.ต.ท.สุรพล เห็มไธสง  สว.กก.วิเคราะห์ข่าวฯ บก.สอท.1 ได้ร่วมกันจับกุม น.ส.สมฤทัย อายุ 26 ปี  ผู้ต้องหา ในข้อหา “ร่วมกันฉ้อโกงโดยแสดงตนเป็นบุคคลอื่น โดยทุจริตหรือโดยหลอกลวง นำเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ซึ่งข้อมูลคอมพิวเตอร์ที่บิดเบือน หรือปลอมไม่ว่าทั้งหมดหรือบางส่วน หรือข้อมูลคอมพิวเตอร์อันเป็นเท็จ โดยประการที่น่าจะเกิดความเสียหายแก่ประชาชน” ตามหมายจับ ศาลอาญาธนบุรี

สืบเนื่องจากพฤติกรรมของคนร้ายรายนี้จะใช้บัญชีเฟสบุ๊ก สร้างโปรไฟล์ให้มีความน่าเชื่อถือ ติดต่อเข้าคุยกับผู้เสียหาย โดยจะชักชวนให้ผู้เสียหายร่วมลงทุน เทรดอัตราแลกเปลี่ยนเงินตราต่างประเทศ ผ่านทางแพลตฟอร์มชื่อ C.P.GROUP (https://www.cp-group.cc) อ้างว่าได้กำไรดี และเพื่อที่จะติดต่อส่งข้อมูลกันได้สะดวกขึ้น และต่อมาคนร้ายได้เปลี่ยนช่องทางการสื่อสารไปผ่านทางแอปพลิเคชันไลน์ ซึ่งผู้เสียหายเห็นว่ามีความน่าสนใจ จึงหลงเชื่อและร่วมลงทุนเทรดอัตราแลกเปลี่ยนเงินตราต่างประเทศผ่านแพลตฟอร์มดังกล่าว โดยโอนเงินไปร่วมลงทุน เข้าบัญชีคนร้าย จำนวน 4 ครั้ง รวมเป็นเงินทั้งหมด จำนวน 1,196,999 บาท แต่ภายหลังไม่สามารถถอนเงินออกจากระบบได้ จึงเชื่อว่าถูกหลอกลองทำให้ได้รับความเสียหาย จึงเข้าพบพนักงานสอบสวนร้องทุกข์ดำเนินคดีคนร้ายให้ได้รับโทษตามกฎหมาย

ต่อมาตำรวจไซเบอร์ กก.วิเคราะห์ข่าวและเครื่องมือพิเศษ บก.สอท.1 สืบสวนทราบว่าคนร้าย คือ  น.ส.สมฤทัย ได้หลบหนีไปพักอาศัยอยู่ อพาร์ทเม้นท์ ในเขตพื้นที่บางบอน กรุงเทพมหานคร จึงสั่งการให้  พ.ต.ท.สุรพล เห็มไธสง  สว.กก.วิเคราะห์ข่าวฯ บก.สอท.1 และเจ้าหน้าที่ตำรวจชุดสืบสวน ติดตามไปจับกุมตัว โดยชุดสืบสวนได้ประสานให้บิดาของ น.ส.สมฤทัยฯ นำ น.ส.สมฤทัยฯ เข้ามามอบตัวที่ กก.วิเคราะห์ข่าวและเครื่องมือพิเศษ บก.สอท.1 ศูนย์ราชการฯ แจ้งวัฒนะ (อาคารบี) แขวงทุ่งสองห้อง เขตหลักสี่ กรุงเทพมหานคร เมื่อวันที่ 13 ก.ค. 66 เวลาประมาณ 10.00 น. และนำตัวผู้ต้องหาส่งพนักงานสอบสวน กก.4 บก.สอท.1 เพื่อดำเนินการตามกฎหมายต่อไป

ด้าน  พ.ต.อ.ศุภรฐโชติ จำหงส์  ผกก.วิเคราะห์ข่าวฯ บก.สอท.1  เปิดเผยว่า จากการตรวจสอบพบว่า น.ส.สมฤทัย มีหมายจับติดตัวค้างเก่า ที่ยังมีผลบังคับใช้อีกจำนวน ๒ หมายจับ คือ หมายจับ  ศาลจังหวัดระนอง ซึ่งต้องหาว่ากระทำผิดฐาน “สนับสนุนผู้อื่นให้ฉ้อโกงประชาชน และสนับสนุนผู้อื่นให้นำเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ ซึ่งข้อมูลคอมพิวเตอร์อันเป็นเท็จโดยประการที่่น่าจะเกิดความเสียหายแก่ผู้อื่นหรือประชาชน” และ หมายจับ ศาลจังหวัดระนอง ลงวันที่ ๑๖ พฤษภาคม ๒๕๖๖ ซึ่งต้องหาว่ากระทำผิดฐาน “เป็นผู้สนับสนุนฉ้อโกง” รวมทั้งหมดเป็น 3 หมายจับ และเมื่อนำชื่อ น.ส.สมฤทัย บุคคลตามหมายจับ มาตรวจสอบในระบบ Blacklistseller.com (https://www.blacklistseller.com/) ซึ่งเป็นเว็บไซต์ตรวจสอบคนโกง เช็คบัญชีมิจฉาชีพ รู้ทันกลโกง พบว่า น.ส.สมฤทัย มีชื่อเป็นบุคคลเฝ้าระวัง เป็นมิจฉาชีพ เป็นผู้ที่หลอกขายสินค้า หลอกให้โอนเงิน โกงเงิน โกงการส่งสินค้า หลายรายการ และได้ตรวจสอบในระบบแจ้งความออนไลน์ของสำนักงานตำรวจแห่งชาติ (https://thaipoliceonline.com/) ยังพบอีกว่า มีความเชื่อมโยงในระบบแจ้งความออนไลน์ 9 CaseID จากการตรวจสอบพบมีผู้เสียหายจำนวนมาก

พร้อมกันนี้ พ.ต.อ.ศุภรฐโชติฯ กล่าวว่า ขอฝากเตือนไปยังพี่น้องประชาชนระมัดระวังการตกเป็นเหยื่อของมิจฉาชีพลักษณะดังกล่าว ขอความร่วมมือผู้พบเห็นข้อความชักชวนลงทุนต่าง ๆ ไม่ส่งหรือแชร์ข้อมูลดังกล่าวต่อในช่องทางสื่อสังคมออนไลน์ต่าง ๆ พร้อมเตือนบุคคลที่สนใจการลงทุน ให้รู้เท่าทันกลลวงในโลกออนไลน์ โดยเฉพาะการอ้างผลการลงทุนได้ค่าตอบแทนที่สูงเกินจริง และข้อสำคัญเพื่อป้องการตกเป็นเหยื่อของกลุ่มมิจฉาชีพ ต้องไม่เร่งรีบตัดสินใจเชื่อเมื่อพบเห็นข้อมูลเชิญชวนต่าง ๆ ในโซเชียลมีเดีย ขอให้ตรวจสอบตัวตนผู้มาเชิญชวนก่อนตัดสินใจลงทุนทุกครั้ง และต้องมีความรอบคอบและระมัดระวังในการโอนเงิน ตามหลักการ “ไม่เชื่อ ไม่รีบ ไม่โอน” ของ พล.ต.อ.ดำรงศักดิ์ กิตติประภัสร์ ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ เพื่อไม่ให้ตกเป็นเหยื่อของโจรออนไลน์ทุกรูปแบบ

เปิดหน้า 13 ส.ว. โหวตให้ 'พิธา'

เมื่อวานนี้ (13 ก.ค.66) ที่รัฐสภา ผู้สื่อข่าวรายงานว่า หลังผลการลงคะแนนไม่เห็นชอบ ให้นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ หัวหน้าพรรคก้าวไกล เป็นนายกฯ ด้วยคะแนนเห็นชอบ 324 เสียง ไม่เห็นชอบ 182 เสียง งดออกเสียง 199 เสียง ซึ่งถือว่าไม่ถึงกึ่งหนึ่งนั้น ปรากฏว่า ส.ว.ที่เห็นชอบจำนวน 13 คน ได้แก่ 

1. นายไกรสิทธิ์ ตันติศิรินทร์ 
2. พ.ต.อ.จรุงวิทย์ ภุมมา 
3. นายเฉลา คงมาลัย 
4. นายซากีย์ พิทักษ์คุมพล 
5. พล.ต.ท.ณัฏฐวัฒก์ รอดบางยาง 
6. นายพิศาล มาณวพัฒน์ 
7. นายพีระศักดิ์ พอจิต 
8. นายมณเทียร บุญตัน 
9. นายวันชัย สอนศิริ 
10. นายวุฒิพันธุ์ วิชัยรัตน์ 
11. นายสุรเดช จิรัฐิติเจริญ 
12. นพ.อำพล จินดาวัฒนะ 
13. นางประภาศรี สุฉันทบุตร          

ขณะที่ นายนพดล มาตรศรี ส.ส.สุพรรณบุรี พรรคชาติไทยพัฒนา ลงมติเห็นชอบ ตอนหลังเมื่อการลงมติเสร็จสิ้น ประธานรัฐสภา ได้เปิดโอกาสให้สมาชิกที่ยังไม่ได้ลงมติ ได้ลงมติ โดยนายพดล ได้ขอเปลี่ยนมติจากเห็นชอบ เป็นงดออกเสียง 

ทำให้นายจุลพันธ์ อมรวิวัฒน์ ส.ส.เชียงใหม่ พรรคเพื่อไทย ทักท้วงว่า เรื่องการเปลี่ยนมติ ตนเข้าใจว่าประธานฯ อาจจะใช้เหตุผลว่ายังไม่ได้ปิดการลงคะแนนซึ่งถูกต้อง แต่ด้วยกระบวนการสิ่งที่เราทำกันคือการลงมติ ได้ลงมติไปแล้ว และขานผลของตัวเองไปแล้วเป็นเวลาเกือบ 2 ชั่วโมง แต่มากลับมติ น่าจะทำให้ประเพณีปฏิบัติที่เราทำมาให้เกิดปัญหาได้ ซึ่งไม่เคยทำ และเราก็รู้กันอยู่ว่าการลงมติสำคัญเช่นนี้ มีกลไก วิธีการ การกดดัน อะไรอีกมากมายแล้วมาเปลี่ยนในตอนท้าย ทำให้เราเกิดความสงสัยว่า เหตุใดจึงเปลี่ยนการลงมติ อยากถามประธานฯ ว่าจะเดินเส้นทางนี้ตลอดไปหรือเป็นประเพณีที่เราจะต้องดำเนินต่อไปใน 4 ปีข้างหน้าหรือไม่ และไม่มีข้อบังคับไหนบอกให้เปลี่ยนมติของตนได้ ซึ่งในข้อบังคับข้อที่ 59 ระบุว่าสมาชิกรัฐสภาซึ่งเข้ามาในที่ประชุม ระหว่างการออกเสียงลงคะแนน ออกเสียงลงคะแนนได้ หมายความถึงคนที่ยังไม่ใช้สิทธิ์ ไม่ได้หมายความว่าคนใช้สิทธิ์ไปแล้วอยากจะเปลี่ยนการลงมติของตน อย่างนี้ถ้าคะแนนปริ่มกัน 1-2 คะแนน แล้วมาเปลี่ยนอย่างนี้ ถ้าเป็นเรื่องใหญ่ เราเดินต่อไม่ได้

ใช้วัยเด็กให้คุ้ม!! ‘ลิเดีย-แมทธิว’ เล่าวิถีชีวิต ‘บ้านดีน’ และการรับงานให้ลูก ยัน!! จะไม่ยัดเยียดอะไรให้ลูก เพื่อให้เด็กยังเป็นเด็ก

(14 ก.ค. 66) เผลอแป๊บๆ ตอนนี้ลูกๆ ของ ‘แมทธิว ดีน’ และ ‘ลิเดีย ศรัณรัชต์’ ก็โตพอจะออกงานอีเวนต์ได้แล้ว โดยลิเดียบอกว่า ตอนนี้เริ่มพาดีแลนกับเดมี่มาทำงานด้วยได้ ทั้งยังบอกหัวเราะๆ ว่า “นี่ยังนึกไม่ออกว่าถ้ากระเตง 3 คน จะเป็นยังไง”

เมื่อถามถึงเรื่องงาน แมทธิวตอบว่า ได้รับการติดต่อมาพอสมควร ซึ่งถ้าเป็นในส่วนงานโฆษณาก็จะเลือกโปรดักต์ที่เหมาะสมและสมาชิกในครอบครัวใช้จริง

“ก็ให้เด็กไปเจอประสบการณ์กับสิ่งที่เราเคยทำมาเป็น 10 ปีแล้ว” แมทธิว กล่าว

ไม่เห็นชอบ!! 'คอร์ดแบดอุตรดิตถ์' แสดงจุดยืน แบน 'ส.ว.-กกต.' เชือด 'พิธา' ส่วน 'ส.ส.-ส.ว.' หนุน 'พิธา' นั่งนายกฯ เล่นฟรีตลอดชีพ

(14 ก.ค.66) เพจ 'สนามแบดมินตัน Panda Arena อุตรดิตถ์' ได้โพสต์จุดยืนชัด ระบุว่า...

สนามเราไม่อนุญาตให้ ส.ว. และ กกต. รวมไปถึงลูกหลานของพวกเขาทุกคน ห้ามเข้ามาใช้บริการ เสนียดมากค่ะ ขอบคุณค่ะ

ความจริงใจ สำคัญ!! ‘หวังอี้’ กระตุ้นสหรัฐฯ ดำเนินการอย่างเป็นรูปธรรม  พาสัมพันธ์ ‘จีน-สหรัฐฯ’ กลับเส้นทางที่ถูกต้อง

เมื่อวันที่ 13 ก.ค. 66 ‘หวังอี้’ นักการทูตอาวุโสของจีน กล่าวว่าสหรัฐฯ ควรดำเนินการอันเป็นรูปธรรม เพื่อนำพาความสัมพันธ์จีน-สหรัฐฯ กลับสู่เส้นทางที่ถูกต้อง

‘หวัง’ ผู้อำนวยการสำนักงานคณะกรรมาธิการกิจการต่างประเทศส่วนกลางของจีน ซึ่งพบปะกับแอนโทนี บลิงเคน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศของสหรัฐฯ ณ การประชุมนอกรอบของการประชุมคณะรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศอาเซียน กล่าวว่าทั้งสองฝ่ายได้บรรลุฉันทมติผ่านการสื่อสารเชิงลึกและตรงไปตรงมาระหว่างการเยือนจีนของบลิงเคนเมื่อเดือนก่อน

หวังกล่าวว่า ฉันทมติสำคัญที่สุดคือ การกลับสู่วาระที่ผู้นำรัฐทั้งสองกำหนดไว้ในบาหลีของอินโดนีเซีย และการก้าวเดินหน้าสู่การกำหนดทิศทางที่ถูกต้องของความสัมพันธ์จีน-สหรัฐฯ

ฝ่ายสหรัฐฯ ควรพิจารณาปมปัญหาที่นำสู่ความยุ่งยากของความสัมพันธ์จีน-สหรัฐฯ ทำให้ฉันทมติที่บรรลุโดยประธานาธิบดีจีนและประธานาธิบดีสหรัฐฯ ณ การประชุมในบาหลีสู่การดำเนินการอันเป็นรูปธรรม และทำตามคำมั่นสัญญาต่างๆ ที่ ‘โจ ไบเดน’ ประธานาธิบดีสหรัฐฯ เคยให้ไว้

การดำเนินการอันเป็นรูปธรรมจำเป็นต่อการขจัดอุปสรรค ทั้งที่คาดถึงและคาดไม่ถึง เพื่อสั่งสมแรงขับเคลื่อนความสัมพันธ์จีน-สหรัฐฯ ที่มีเสถียรภาพ

หวังเรียกร้องให้สหรัฐฯ ปรับใช้ทัศนคติอันสมเหตุสมผลและสอดคล้องกับความเป็นจริง ตลอดจนทำงานร่วมกับจีนในทิศทางเดียวกัน เพื่อเดินหน้าการปรึกษาหารือหลักการชี้นำความสัมพันธ์จีน-สหรัฐฯ ขยับขยายช่องทางการสื่อสารทางการทูตและความมั่นคง ยกระดับประสิทธิภาพของการสื่อสาร และเกื้อหนุนการแลกเปลี่ยนระหว่างประชาชน

ผบ.ทบ.ลงพื้นที่จังหวัดแม่ฮ่องสอนตรวจเยี่ยมการให้ความช่วยเหลือผู้หนีภัยความไม่สงบชาวเมียนมาในพื้นที่ปลอดภัยบ้านเสาหิน อ.แม่สะเรียง

พล.อ.ณรงค์พันธ์  จิตต์แก้วแท้ ผู้บัญชาการทหารบก และคณะ เดินทางโดยเฮลิคอปเตอร์ทหาร (ฮ.ท.06 ) ตรวจเยี่ยมการดำเนินการให้ความช่วยเหลือผู้หนีภัยความไม่สงบชาวเมียนมาในพื้นที่ปลอดภัยชั่วคราว ที่กองร้อยทหารพราน 3601 หน่วยเฉพาะกิจกรมทหารพรานที่ 36 ฐานปฏิบัติการบ้านเสาหิน ต.เสาหิน อ.แม่สะเรียง จ.แม่ฮ่องสอน โดยมีนายประเสริฐ  จิตต์พลีชีพ รองผู้ว่าราชการจังหวัดแม่ฮ่องสอน ,พันเอก วันชัย มณีวรรณ ผู้บังคับหน่วยเฉพาะกิจสิงหนาท ( ฉก.ร.17) และ ผู้บังคับหน่วยเฉพาะกิจกรมทหารพรานที่ 36  ภายหลังรับฟังบรรยายสรุปภารกิจการช่วยเหลือดูแลผู้ลี้ภัยสงครามความไม่สงบชาวเมียนมา ผู้บัญชาการทหารบกได้มอบสิ่งของเครื่องใช้ให้กับกำลังพลทหารพรานและฝ่ายปกครองเพื่อเป็นขวัญกำลังใจในการปฏิบัติหน้าที่ดูแลทุกข์สุขความเดือดร้อนของผู้ลี้ภัยตามหลักมนุษยธรรม พร้อมกันนี้ผู้บัญชาการทหารได้เดินไปเยี่ยมดูสภาพความเป็นอยู่ของผู้ลี้ภัยภายในพื้นที่พักพิงชั่วคราวบ้านเสาหิน จากนั้นผู้บัญชาการทหารบก ได้เดินทางโดยเฮลิคอปเตอร์ทหารจากฐานปฏิบัติการกองร้อยทหารพราน 3601 บ้านเสาหิน อ.แม่สะเรียง ไปตรวจเยี่ยมให้กำลังใจทหารกองร้อยทหารราบที่ 713 ฐานนาป่าแปก บ้านรักไทย ต.หมอกจำแป่ อ.เมือง จ.แม่ฮ่องสอน

ปัจจุบัน มีผู้หนีภัยความไม่สงบชาวเมียนมา (ผภสม) เดินทางเข้ามายังฝั่งไทย จำนวน 8,504 คน ในพื้นที่ปลอดภัยชั่วคราว จำนวน 5 แห่ง ได้แก่ พื้นที่ชั่วคราวบ้านเสาหิน หมู่ที่ 1 ตำบลเสาหิน อำเภอแม่สะเรียง จังหวัดแม่ฮ่องสอนยอดเดิม 3,530 คน ไม่มียอดเดินทางเข้าเพิ่มเติม พื้นที่ปลอดภัยชั่วคราว บ้านพะแข่ หมู่ที่ 3 ตำบลแม่กิ๊ อำเภอขุนยวม จังหวัดแม่ฮ่องสอน จำนวน 826 คน เดินทางเข้ามาเพิ่มอีก  6 คน พื้นที่ปลอดภัยชั่วคราว บ้านอุน หมู่ที่ 4 ตำบลแม่คง อำเภอแม่สะเรียง จังหวัดแม่ฮ่องสอน จำนวน 316 คน และพื้นที่ปลอดภัยชั่วคราว บ้านจอปร่าคี หมู่ที่ 9 ตำบลแม่คง อำเภอแม่สะเรียง จังหวัดแม่ฮ่องสอน จำนวน 501 คน และพื้นที่ปลอดภัยชั่วคราวบ้านในสอย หมู่ 4 ต.ปางหมู อ.เมือง จ.แม่ฮ่องสอน จำนวน 3,331 คน ซึ่งเดินทางเข้ามาในเขตไทยเมื่อวันที่ 12 ก.ค.66 ที่ผ่านมา หลังจากมีการสู้รบการเกิดขึ้นระหว่างทหารเมียนมากับกอง

โดย กองกำลังนเรศวร และฝ่ายปกครองจังหวัดแม่ฮ่องสอน ติดตามสถานการณ์ ในฝั่งประเทศเมียนมาอย่างต่อเนื่อง เพื่อเตรียมความพร้อมในการรองรับสถานการณ์ที่อาจส่งผลกระทบต่อความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สินของประชาชนไทย กองทัพอากาศ เฝ้าตรวจทางอากาศ และติดตามสถานการณ์อย่างต่อเนื่อง พร้อมขึ้นบินลาดตระเวนรบ หากอากาศยานมีแนวโน้มจะลุกล้ำน่านฟ้าไทย ศูนย์สั่งการชายแดนไทยกับประเทศเพื่อนบ้านด้านเมียนมา จังหวัดแม่ฮ่องสอน ได้บูรณาการร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ในการดูแลความปลอดภัย และการให้ความช่วยเหลือตามหลักมนุษยธรรม 

ที่มาของ ‘ส.ว.’ โหวต ‘นายกรัฐมนตรี’

วันชัย สอนศิริ สมาชิกวุฒิสภา (ส.ว.) ผู้ลงคะแนนเสียง ‘เห็นชอบ’ นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ ดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรี ครั้งที่ 1 เมื่อวันที่ 13 ก.ค. 66 ที่ผ่านมา เคยกล่าวไว้ว่า

เป็นเพื่อนกับแฟนเก่าได้!! เคลียร์ชัด!! ‘แกรนด์ เดอะสตาร์’ เปิดใจหลังเลิกแฟนหนุ่ม ‘เด่นคุณ’ ยัน สาเหตุไม่ใช่เรื่องแต่งงาน เผย แม้เลิกกันแล้วก็ยังเป็นเพื่อนกันได้

เป็นเพื่อนกับแฟนเก่าได้ แม้จะเลิกรากันไป แต่ยังเป็นเพื่อนกับแฟนเก่าได้ นักร้องสาว ‘แกรนด์ กรณ์ภัสสร’ เปิดใจครั้งแรก หลังลดสถานะพระเอกหนุ่ม ‘เด่นคุณ งามเนตร’ ฝ่ายชายดูซูบผอมลงไปมาก พร้อมเผยสาเหตุที่ต้องยุติความสัมพันธ์ รวมทั้งยังเคลียร์ชัดประเด็นที่หลายคนเชื่อมโยงเข้าใจผิดคิดว่าเป็นเพราะตนไม่อยากแต่งงาน

ล่าสุด เมื่อวันที่ 13 ก.ค. 66 มีโอกาสเจอ ‘แกรนด์ กรณ์ภัสสร’ ที่ควงคู่มากับพี่สาว ‘เกรซ กาญจน์เกล้า ด้วยเศียรเกล้า’ ในงาน ‘Disney+ Hotstar Open House’ ณ ลานพาร์ค พารากอน ได้ให้สัมภาษณ์กับสื่อมวลชนเป็นครั้งแรก หลังเลิกรากับ ‘เด่นคุณ’ มากว่า 5 เดือนแล้ว สภาพจิตใจดีขึ้นเกือบร้อยเปอร์เซ็นต์ ยังสามารถเป็นเพื่อนกับอดีตแฟนหนุ่มได้ พูดคุยถามไถ่เป็นห่วงกัน งานนี้ทำเอาพี่สาวอย่าง เกรซ ถึงกับงง แต่ก็ให้กำลังใจ ปลอบใจน้องสาวมาโดยตลอด

นานๆ คู่พี่น้องจะได้ออกงานด้วยกัน ช่วงหลังออกงานด้วยกันบ่อย?
เกรซ : “Money”
แกรนด์ : “เงินเท่านั้นที่ knock everything”
เกรซ : “ไม่ใช่ มันก็นานๆ ทีจะมีงานที่ได้แสดงออกถึงความเป็นคู่พี่น้องที่รักกัน”
แกรนด์ : “รักกันแบบกาสะลอง ซ้องปีบ”

ตอนนี้สามารถดึงน้องออกจากบ้านมาทำงานได้?
เกรซ : “ที่ผ่านมาเขาจะแอบซุ่มทำเพลง เดี๋ยวเดือนหน้าเขาจะปล่อยเพลงแล้ว เราก็รู้สึกว่าอยากให้เขาออกมาเจอพี่ๆ สื่อ ออกมาทำงานร่วมกัน ไหนๆ ก็โสดแล้ว”
แกรนด์ : “เปิดประเด็นเลยเหรอ”

ตอนนี้แกรนด์ออกมาเจอคนเยอะขึ้น?
แกรนด์ : “ใช่ค่ะ ก็ตั้งแต่ตัวคนเดียวเนอะ”
เกรซ : “อุ้ย ดึงเศร้าเลย”
แกรนด์ : “(หัวเราะ) ไม่ได้ดึงเศร้า คือตั้งแต่เราโสด ก็ได้มีโอกาสออกไปเจอเพื่อนมากขึ้น จากแต่ก่อนอาจจะไม่ค่อยได้เจอ”

ตอนนี้จิตใจโอเคขึ้นแล้วใช่ไหม?
แกรนด์ : “โอเคนะ โอเคขึ้นเยอะค่ะ ตอนนี้เกือบร้อยเปอร์เซ็นต์แล้วค่ะ ถามว่าอะไรที่ช่วยฮีลใจเรา คนรอบข้างค่ะ อย่างพี่สาว หรือเพื่อน และก็ครอบครัวค่ะ (พี่เกรซช่วยเราได้เยอะเลย?) ได้บ้างค่ะ ได้อยู่”
เกรซ : “หรืออาจจะไม่ช่วยเลย อาจจะทำให้รำคาญให้หมดๆ วันไปอะไรแบบนี้”

เรื่องความรัก เราดูแลให้คำแนะนำช่วยเหลือกันยังไงบ้าง?
เกรซ : “คือเรื่องความรัก เกรซจะปล่อยให้ความรักของเขานำทาง ใช้หัวใจนำทางไปก่อน ไม่ดี เดี๋ยวค่อยกลับมาร้องไห้กันเอง ไม่เป็นไร ก็มีการปลอบใจกัน ก็เข้าใจถึงเรื่องความเป็นจริง ทิศทางที่มันอาจจะเปลี่ยนไปไม่เหมือนเดิม”

ใครเซนซิทีฟมากกว่ากันกับเรื่องความรัก?
แกรนด์ : “น่าจะแกรนด์นะ แกรนด์เป็นคนเซนซิทีฟกับทุกเรื่องอยู่แล้วค่ะ ไม่ฟูมฟายนะ แต่ว่ามันก็ตกใจบ้าง แต่ก็โอเค ตอนนี้ผ่านมา 5 เดือนกว่าแล้ว”

ตอนตัดสินใจคุยกันว่าจะจบความสัมพันธ์ ลำบากใจไหม?
แกรนด์ : “ก็ไม่ได้ลำบากใจอะไรนะคะ เพราะว่ามันเป็นการคุยกัน ปรึกษากัน ในช่วงแรกเราก็ยังรู้สึกว่าลองห่างกันไปดูก่อน แต่ว่าหลังจากนั้นเราก็รู้สึกว่าตัดสินใจแล้ว ว่าลองเปลี่ยนสถานะไปเลย”

ปัญหาจริงๆ มันคืออะไร?
แกรนด์ : “มันคือตัวตนของแต่ละคนที่เริ่มเปลี่ยนไปค่ะ บวกด้วยไลฟ์สไตล์ด้วย จริงๆ แกรนด์กับเด่นอย่างที่บอกมีอะไรที่เหมือนกันค่อนข้างเยอะ แต่ว่าก็มีแตกต่างกันเยอะเหมือนกันในเรื่องของไลฟ์สไตล์ที่เราพยายามปรับแล้ว เรารู้สึกว่าวันหนึ่งความสุขของแต่ละคนมันหายไป แล้วตัวตนของแต่ละคนเปลี่ยนไป ความคิดเปลี่ยนไปจากตอนแรก”

อนุโมทนาบุญ ‘นุ่น วรนุช’ แชร์คลิปนำอาหารใส่บาตร ‘พระเจมส์’ แฟนๆ ละครนึกถึง ‘แม่ลำยอง-วันเฉลิม’ ในทองเนื้อเก้า

ทำเอาแฟน ๆ แห่ร่วมอนุโมทนาบุญกันอย่างท่วมท้น เมื่อล่าสุดนางเอกมากฝีมือ ‘นุ่น วรนุช ภิรมย์ภักดี’ ตื่นแต่เช้าไปใส่บาตร ‘พระเจมส์ จิรายุ ตั้งศรีสุข’ ที่บวชและจำวัดปฏิบัติกิจของสงฆ์ ณ วัดบวรนิเวศวิหาร

โดย ‘นุ่น วรนุช’ ได้แชร์คลิปผ่านสตอรี่อินสตาแกรม @nuneworanuch เผยให้เห็นโมเมนต์ที่เจ้าตัวนำอาหารมาใส่บาตร ‘พระเจมส์’ ด้วยสีหน้าอิ่มบุญมีความสุข
 


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top