Monday, 12 May 2025
THE STATES TIMES TEAM

นักท่องเที่ยวล้นทะลัก เชียงใหม่ไนท์ซาฟารี แห่ชมเน็ตไอดอลชื่อดัง “น้องบุ๋มบิ๋ม” ฮิปโปโปเตมัสแคระ แกล้งตายแกงคนดู

ในช่วงวันหยุดยาวนี้ นักท่องเที่ยวเข้ามาเที่ยวเชียงใหม่ไนท์ซาฟารีอย่างเนืองแน่น ส่วนใหญ่มารอชม “น้องบุ๋มบิ๋ม” ฮิปโปโปเตมัสแคระ เน็ตไอดอลที่กำลังโด่งดังอยู่ในขณะนี้ กับท่านอนหงายในน้ำที่สุดแสนจะชิล เป็นท่านอนประจำของน้องบุ๋มบิ๋มที่ชอบนอนเล่นน้ำท่านี้ในช่วงเย็น จนเป็นกระแสในโลกโซเชียล ชาวเน็ตต่างพูดกันว่า “น้องแกล้งตาย แกงคนดู" (คำว่า แกง เป็นศัพท์วัยรุ่นที่แปลว่า แกล้ง หรือหลอกให้เชื่อ) 
         

ธนาคารแห่งประเทศไทย แชร์โพสต์เตือนภัย ‘สลิปปลอมระบาดหนัก’ พร้อมแนะนำ 2 วิธีตรวจสอบยอดเงินเข้าบัญชี เพื่อนำไปเปรียบเทียบกับสลิป ป้องกันถูกมิจฉาชีพหลอกลวง

จากกรณีสื่อสังคมออนไลน์ส่งต่อโพสต์ของผู้ใช้เฟซบุ๊ก Sornphet Wutthikornchaisakul ซึ่งได้ออกมาเตือนภัยมิจฉาชีพ ระบุว่า ไปพบโพสต์ว่าปัจจุบันมีโปรแกรมปลอมสลิป ซึ่งสามารถเปลี่ยนได้ทั้งวันที่ เวลา รหัสอ้างอิง ชื่อบัญชี เลขบัญชี และจำนวนเงิน จึงต้องการเตือนภัยแม่ค้า พ่อค้า และลูกค้าที่ทำธุรกรรรมทางออนไลน์ 

ล่าสุด เฟซบุ๊ก ธนาคารแห่งประเทศไทย - Bank of Thailand ได้แชร์ต่อโพสต์ดังกล่าว พร้อมระบุข้อความเตือนภัย "สลิปปลอมระบาดหนัก" นอกจากนี้ ยังได้แนะนำ 2 วิธีตรวจสอบเงินเข้าบัญชี ดังนี้

"ผู้บัญชาการโอ๋" เผย "ผู้การฯราชบุรี" ตามรวบตัว ไอ้หื่น ผู้ต้องหา ข่มขืนเด็ก เจออาวุธสงคราม ปืนอาก้า  พร้อมกระสุนเพียบ

วันนี้ 30 กรกฎาคม 2565 ที่ บช.ภ.7 พล.ต.ท. ธนายุตม์ วุฒิจรัสธำงค์ ผบช.ภ.7  เปิดเผยว่า ได้รับรายงานว่าเมื่อวันที่ 29 ก.ค.ที่ผ่านมา  (เวลา 14.25 น)
พล.ต.ต.ปิติ นฤขัตรพิชัย ผบก.ภ.จว ราชบุรี พร้อมด้วย พ.ต.อ.ชัยรัตน์ บัวขม ผกก.สภ.ปากท่อ พ.ต.ท.วัชรินทร์ มีศรีผ่อง รอง ผกก.สส.สภ.ปากท่อ สั่งการให้ พ.ต.ต.ฉัตรชัย ศรีเมือง สว.สส.สภ.ปากท่อ พร้อมด้วยชุดสืบสวน สภ.ปากท่อ ได้ร่วมกันจับกุมตัว นายสมัคร หรือ(เอ) อายุ 46 ปี บ้านเลขที่ 92 ม.6 ต.หนองหญ้าปล้อง อ.หนองหญ้าปล้อง จ.เพชรบุรี
ตามหมายจับศาลจังหวัดราชบุรี ที่ จ..199/2565 ลง 29 กรกฎาคม 2565 

ซึ่งต้องหาว่ากระทำผิดฐานข่มขืนกระทำชำเราผู้อื่น โดยขู่เข็ญด้วยประการใดๆโดยใช้กำลังประทุษร้าย โดยผู้นั้นอยู่ในภาวะที่ไม่สามารถขัดขืนได้ กระทำชำเราเด็กอายุยังไม่เกินสิบสามปีซึ่งมิใช่ภรรยาตนโดยเด็กนั้นจะยินยอมหรือไม่ก็ตาม พรากเด็กอายุยังไม่เกินสิบห้าปีไปเสียจากบิดามารดาผู้ดูแลหรือผู้ดูแลเพื่อการอนาจาร พาเด็กอายุยังไม่เกินสิบห้าปีเพื่อการอนาจารแม้เด็กนั้นจะยินยอมหรือไม่ก็ตาม โดย นายสมัครฯ รับว่าเป็นบุคคลตามหมายจับนี้จริงและไม่เคยถูกจับตามหมายจับนี้มาก่อน จึงทำการจับกุมตัวนำส่งพนักงานสอบสวน สภ.ปากท่อ เพื่อดำเนินการต่อไป 

พล.ต.ท. ธนายุตม์ กล่าวว่า สำหรับคดีดังกล่าว เจ้าหน้าที่ชุดจับกุมได้ร่วมกันเดินทางไปตรวจสอบบุคคลตามหมายจับดังกล่าว เมื่อเดินทางไปถึงพบ นายสมัครฯ อยู่บริเวณบ้านเจ้าหน้าที่ตำรวจจึงได้แสดงตน และแสดงหมายจับให้ นายสมัครฯ ดูและอ่าน นายสมัครฯ ดูและอ่านจนเข้าใจดีแล้ว ยอมรับว่าเป็นบุคคลที่มีชื่อที่อยู่ ตรงตามหมายจับดังกล่าวจริงและไม่เคยถูกจับในคดีนี้มาก่อนแต่อย่างใด จึงได้ทำการจับกุมตัว นายสมัครฯ 

‘มะเดี่ยว ชูเกียรติ’ นับถือใจ ‘นก สินจัย’ ที่ยอมฝ่าแรงต้าน ร่วมแจมงานฉายหนังกลางแปลง ‘รักแห่งสยาม’ ท่ามกลางคนเห็นต่างอื้อ

จะเรียกว่าเป็นปรากฎการณ์ใหม่ของกรุงเทพฯ กับ ‘หนังกลางแปลง’ ที่นำหนังไทยเรื่องต่างๆ ออกโรดโชว์จัดฉายตามสถานที่ต่างๆ ที่หนังบางเรื่องก็จะมีเนื้อหาเกี่ยวกับสถานที่นั้น ซึ่งก็เดินทางมาถึงช่วงสุดท้ายของกิจกรรม หนึ่งในหนังที่ถูกจับตามองอย่าง ‘รักแห่งสยาม’ ที่กำกับโดย ‘มะเดี่ยว ชูเกียรติ ศักดิ์วีระกุล’ และเป็นการกำเนิดคู่จิ้นสายวายจะว่าเป็นคู่แรกของเมืองไทยเลยก็ได้อย่าง #โต้งมิว ที่รับบทโดย ‘มาริโอ้ เมาเร่อ’ กับ ‘พิช วิชญ์วิสิฐ หิรัญวงษ์กุล’ พร้อมสร้างปรากฎการณ์เพลงกันและกัน

และเมื่อวันที่ 28 ก.ค. ที่ผ่าน ก็ได้มีการจัดฉายหนังเรื่องนี้ขึ้นอีกครั้งกลางสยามแสควร์ โดยมีเหล่านักแสดงนำ ไม่ว่าจะเป็น ‘มาริโอ้, พิช’ รวมไปถึง ‘นก สินจัย เปล่าพานิช’ ที่รับบทเป็นแม่ของโต้งในเรื่อง แต่การมาของนักแสดงรุ่นใหญ่คนนี้ ทำให้ผู้กำกับอย่าง ‘มะเดี่ยว’ เกิดความกังวลใจเป็นอย่างมาก เพราะเป็นการรวมคนที่เห็นต่างมาอยู่ท่ามกลางบริเวณการจัดงาน แต่ทุกอย่างก็ผ่านพ้นไปด้วยดี จนเจ้าตัวเก็บความรู้สึกนี้ไม่ไหวต้องระบายผ่านเฟซบุ๊กส่วนตัว โดยระบุว่า

ก่อนจะจัดเสวนาคุยกันว่าควรชวนกันมาทั้งหมดไหม

เอาจริงๆ ไม่แน่ใจว่าจะเกิดอะไรขึ้นกับการปรากฏตัวของสินจัย ซึ่งเธอมีสิทธิ์จะได้รับเกียรติมาร่วมระลึกถึงผลงานที่เธอทุ่มเทชิ้นนี้ และเมื่อพี่นกแสดงความจำนงว่าจะมาร่วมงาน เรายินดีจะโอบกอดไมตรีจิตในครั้งนี้

มันเป็นงานที่ประหลาดมาก ด้านซ้ายเราคือน้องๆ กลุ่มไปม็อบ บางคนมาด้วยกำไล EM ที่ข้อเท้า ขวามือเราคือนักแสดงหญิงผู้ยึดมั่นในความเชื่อของตน และไม่รู้ว่าเธอต้องรวบรวมความกล้าแค่ไหนที่จะเดินเข้ามาในวงของผู้เห็นต่าง ที่ไม่รู้ว่าอะไรจะเกิดขึ้นตลอดเวลา ขณะที่พูดคุยมองไปข้างๆ ก็จะประสานสายตากับพี่หัวเกรียนที่เหมือนจะซึมซับทุกประโยคที่เราพูดเก็บไว้ในใจ จนวูบหนึ่งอยากได้พี่เขาเป็นแฟนเพราะอยากมีคนใส่ใจทุกคำพูดอย่างนี้มานานแล้ว ถึงแม้จะรู้ว่าถ้าเกิดปลุกระดมอะไรขึ้นมาก็น่าจะถูกชาร์จก็ตาม

ไม่ว่าใครจะมาด้วยวิถีใดก็ตามแต่ ทุกอย่างก็ผ่านไปด้วยดี เราเองกลับรู้สึกผิดด้วยซ้ำที่ประเมินวุฒิภาวะของน้องๆ คลาดเคลื่อนไป กลัวเขาจะโห่ใส่พี่เขา หรือกลัวพี่เขาจะลุกขึ้นมาทวงถามเพลงสรรเสริญ ระแวงว่าสันติบาลจะรวบคนจัดงานไป กรณีไปพูดอะไรไม่ถูกใจ ละนี่ก็ถึงขั้นเตรียมเพลงของขวัญเอย ต้นไม้เอย เผื่อมีใครขอขึ้นมา 😓 เอาจริงๆ เหมือนประสาทแดกเพราะไม่ได้สัมผัสการอยู่ท่ามกลางมนุษย์มากมายขนาดนี้มานานแล้ว

สายชิลล์ต้องลอง ‘นายกฯ’ ชวนชิมกาแฟ “โรบัสต้า สะบ้าย้อย” หอม กลมกล่อม ไม่เปรี้ยว ผลงานรัฐบาลส่งเสริมอาชีพชาวจังหวัดชายแดนใต้ เตรียมดันขึ้น GI

เมื่อวันที่ 30 ก.ค.น.ส.รัชดา ธนาดิเรก รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ในฐานะกรรมการผู้แทนพิเศษของรัฐบาลในการแก้ปัญหาจังหวัดชายแดนใต้ เปิดเผยว่า  ได้ลงพื้นที่จังหวัดชายแดนใต้เมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมาเพื่อติดตามการขับเคลื่อนนโยบายของพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี เรื่องการส่งเสริมเกษตรกรในพื้นที่ปลูกกาแฟ เนื่องจากเป็นอีกหนึ่งทางเลือกที่จะสามารถสร้างอาชีพ สร้างรายได้แก่ประชาชนเป็นอย่างดี ทั้งนี้ ศูนย์อำนวยการบริหารจังหวัดชายแดนภาคใต้ (ศอ.บต.) และกองกำลังทหารพัฒนา ได้ร่วมกันขับเคลื่อนและพัฒนากาแฟโรบัสต้า ที่ปัจจุบันถือเป็นพืชเศรษฐกิจชนิดหนึ่ง ที่เกษตรกรในพื้นที่นิยมปลูกกันมากขึ้น โดยเฉพาะในพื้นที่อำเภอเบตง อำเภอธารโต จังหวัดยะลา และอำเภอสะบ้าย้อย จังหวัดสงขลา 

น.ส.รัชดา กล่าวว่า จากการลงพื้นที่ อ.สะบ้าย้อย ได้พบกับนายจีรวัฒน์ นุ่นศรี ประธานกลุ่มวิสาหกิจชุมชนเกษตรผสมผสานรักบ้านเกิด ตำบลเขาแดง อ. สะบ้าย้อย ซึ่งเล่าว่า ประชาชนที่นี่มีความสุขและมีความหวังจากโครงการส่งเสริมการปลูกกาแฟเป็นอย่างมาก เพราะนอกจากจะมีรายได้เพิ่มขึ้นอย่างชัดเจนแล้ว ทุกคนยังรู้สึกภาคภูมิใจที่ได้เป็นส่วนหนึ่งของการเผยแพร่ความโดดเด่นของพื้นที่ 

พล.ต.ท.สุรเชษฐ์ หักพาล ผู้ช่วย ผบ.ตร. ลงพื้นที่ตรวจและติดตามโครงการ smart safety zone 4.0 ระยะที่ 2 สถานีตำรวจภูธรเมืองมุกดาหาร

เมื่อเวลา 15.30น.วันที่ 29 กรกฎาคม 2565 พล.ต.ท.สุรเชษฐ์ หักพาล ผู้ช่วยผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ประธานกรรมการ พร้อมคณะลงพื้นที่ประเมินโครงการ smart safety zone 4.0 ระยะที่ 2 พร้อมตรวจเยี่ยมสถานีตำรวจภูธรเมืองมุกดาหารโดยมี พล.ต.ต.ชัชชัย วงศ์สุนะ ผู้บังคับการตำรวจภูธร จ.มุกดาหาร และ พ.ต.อ.เกียรติภูมิ สุวรรณไตรย์  ผู้กำกับการสถานีตำรวจภูธรเมืองมุกดาหาร พร้อมเจ้าหน้าฝ่ายปกครอง เจ้าหน้าที่เทศบาลเมืองมุกดาหาร และภาคีเครือข่ายป้องกันอาชญากรรมในพื้นที่ตามโครงการ smart safety zone 4.0 ระยะที่ 2 ณ ห้องประชุมชั้น 2 สถานีตำรวจภูธรเมืองมุกดาหาร

โดย พ.ต.อ.เกียรติภูมิ สุวรรณไตรย์ กล่าวรายงานว่าตามแนวทางการสร้างเครือข่ายร่วมกับพันธมิตรหลักของชุมชนเพื่อขับเคลื่อนโครงการ smart safety zone 4.0 ระยะที่ 2 ความคืบหน้าในการดำเนินโครงการ ในพื้นที่พร้อมทั้งภาพรวมในการดำเนินงานด้านความปลอดภัยชีวิตและทรัพย์สินของประชาชนโดยการนำนวัตกรรมและเทคโนโลยีสารสนเทศเป็นการร่วมบูรณาการสื่อสารมาใช้ในการป้องกันอาชญากรรมแบบชิงรุกด้วยการสร้างเครือข่ายกล้อง CCTV ระบบ AI และแอพพลิเคชั่นต่างๆ ซึ่งติดตั้งระบบแจ้งเหตุฉุกเฉินไว้ตามจุดต่างๆ เจ้าหน้าที่ใช้เป็นเครื่องมือสื่อสารเพื่อตรวจสอบในพื้นที่ตลอดเวลา และยังใช้โดรนบินตรวจการเมื่อพบเป้าหมายระบบจะเชื่อมต่อมาต้นสังกัดเป็นการป้องกันอาชญากรรมแบบเชิงรุกโครงการดังกล่าวเป็นโครงการนำร่องระยะที่ 2 ดำเนินการในพื้นที่ สภ.เมืองมุกดาหารมีพื้นที่ 0.42 ตาราง กิโลเมตร

‘ไพศาล พืชมงคล’ ออกโรงถามหาคุณภาพนักวิชาการ ต่อ ‘ปริญญา เทวนฤมิตรกุล’ หลังเมินเฉยต่อเหตุสังหารผู้พิพากษาพม่า 6 คน แต่กลับทนไม่ได้ที่ฝ่ายต่อต้านรัฐบาลถูกประหารไป 4 คน

30 ก.ค.2565 - นายไพศาล พืชมงคล อดีตกรรมการผู้ช่วย รองนายกรัฐมนตรี (พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ) โพสต์เฟซบุ๊ก paisal puechmongkol ถึงนายปริญญา เทวานฤมิตรกุล อาจารย์ประจำภาควิชากฎหมายมหาชน คณะนิติศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ กรณีออกมากดดันให้ไทยเลิกคบเมียนมาจากมูลเหตุรัฐบาลทหารประหารชีวิตฝ่ายต่อต้านรัฐบาล โดยระบุว่า 

คุณภาพนักวิชาการ

ฝ่ายต่อต้านรัฐบาลพม่าลอบสังหารผู้พิพากษา 6 คนที่ตัดสินลงโทษฝ่ายต่อต้าน

นักวิชาการเงียบกริบหรืออาจจะสนับสนุนอยู่ในใจก็ได้

กลุ่มนักวิชาการ เข้าพบรองผู้ว่ากรุงเทพมหานคร ทวงคืนบึงรับน้ำคู้บอน – บางชัน ทำแก้มลิงให้คนกรุงเทพ หวังช่วยแก้ปัญหาน้ำท่วมฝั่งตะวันออก

เมื่อวันที่ 27 กรกฎาคมที่ผ่านมา ที่ศาลาว่าการ กทม. นายพงศ์พรหม ยามะรัต พร้อมด้วย สมาคมอนุรักษ์ศิลปกรรมและสิ่งแวดล้อม (Sconte) นำโดย นายฉัตรวิชัย พรหมทัตตเวที นายกสมาคม ดร. วีระพันธุ์ ชินวัตร อุปนายกสมาคม และ นางปองขวัญ ลาซูส อุปนายกสมาคม และตัวแทนจากเพจ ‘บึงรับน้ำคู้บอนเพื่อคนกรุงเทพ’ ได้แก่ นางสาวชวลักษณ์ เวียงวิเศษ , นางสาวพีรญา สว่างวงศ์ และนางอรชร ทานากะ เข้าพบ รศ. ดร. วิศณุ ทรัพย์สมพล รองผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร นายภิมุข สิมะโรจน์ เลขานุการผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานครเพื่อนำเสนอแนวทางแก้ปัญหาน้ำท่วมในระยะสั้น กลาง และยาว รวมทั้งเหตุผลความจำเป็นที่กรุงเทพฯ จะต้องมี โครงการบึงรับน้ำคลองคู้บอนและบางชัน ในฝั่งตะวันออก เพื่อให้มีพื้นที่พักน้ำหรือหน่วงน้ำไว้ในยามที่ปริมาณน้ำฝนเอ่อล้น ก่อนที่จะระบายสู่ระบบคูคลองหรืออุโมงค์ระบายน้ำในเวลาที่เหมาะสมต่อไป

ดร. วีระพันธุ์ ชินวัตร  อุปนายกสมาคม  ได้นำเสนอให้มีการจัดหาพื้นที่รับน้ำให้ได้มากที่สุดในกรุงเทพฯ  เพื่อหน่วงน้ำไว้ก่อนในช่วงเวลาที่ฝนตกหนักและน้ำไม่สามารถระบายผ่านระบบคูคลองและอุโมงค์ยักษ์ที่มีอยู่ในปัจจุบันได้ทัน  เช่น  การมีพื้นที่เก็บน้ำใต้ถนนในเขตศูนย์กลางชุมชนชานเมือง  การมีพื้นที่แก้มลิงหรือบึงรับน้ำในเขตกรุงเทพฯ ตอนเหนือและตะวันออก เช่น บางเขนและคู้บอน (ซึ่งเป็นพื้นที่แรกที่น้ำจะระบายลงสู่พื้นที่กทม.ชั้นในตอนล่าง) เพื่อช่วยหน่วงน้ำในช่วงฝนตกหนัก ไม่ให้ระบายมาสมทบกับปริมาณน้ำที่สะสมในเขตพื้นที่ชั้นใน ให้ท่วมน้อยลง ก่อนที่จะระบายสู่แม่น้ำเจ้าพระยา  

นอกจากนี้  ดร. วีระพันธุ์  ได้เสนอให้กรุงเทพมหานครจัดหาพื้นที่ช่องทางน้ำหลากหรือ Flood Way หรือที่เรียกว่า ช่องทางผันน้ำ หรือ Flood Diversion โดยสามารถทำร่วมกับโครงการวงแหวนรอบที่ 3 ที่กำลังอยู่ในระหว่างการดำเนินการ เพื่อ ผันน้ำจากแม่น้ำเจ้าพระยาตอนเหนือกทม. ให้น้ำสามารถไหลลงผ่านรอบนอกของกรุงเทพฯ ทั้งในฝั่งตะวันตกและตะวันออกของกรุงเทพฯ  ลงสู่อ่าวไทยโดยตรงโดยไม่ต้องผ่านแม่น้ำเจ้าพระยา  ซึ่งจำเป็นต้องรีบปรับแบบการก่อสร้างให้มีแนวคลองระบายน้ำคู่ขนานไปกับถนนวงแหวนด้วย  หากสามารถทำ Flood Way ได้ตามแนวถนนวงแหวนรอบที่ 3  จะสามารถระบายน้ำได้ไม่ต่ำกว่า 800 - 1,000 ลบ. เมตร/วินาที  ซึ่งจะช่วยระบายน้ำได้อย่างรวดเร็ว ก็จะช่วยลดปริมาณน้ำจากแม่น้ำเจ้าพระยาช่วงที่ผ่านกทม.ตอนบน ลงสู่ตอนล่างได้อย่างมีนัยะสำคัญ

กัมพูชา ส่ง 94 คนไทยกลับประเทศ หลังร่วมตำรวจไทยบุกทลายเครือข่ายแก๊งคอลเซ็นเตอร์ 4 จุดในกัมพูชา พบทั้งหมดเกี่ยวข้องกับการหลอกลวงคนไทยด้วยกันทำงานผิดกฎหมาย 

เย็นวานนี้ (29 ก.ค.) พล.ต.อ.ดำรงศักดิ์ กิตติประภัสร์ รอง ผบ.ตร. และ ผอ.ศปอส.ตร. (PCT) ได้มอบหมายให้ พล.ต.ต.พันธนะ นุชนารถ รอง ผบช.ภ.8 หน.ชุดปฏิบัติการที่ 1 PCT ร่วมกับ พล.ต.ต.ธีรเดช ธรรมสุธีร์ ผบก.สส.ภ.2 หน.ชุดปฏิบัติการ PCT ที่ 5 และ พ.ต.อ.จตุรภัทร สิงหัษฐิต ผกก.สส.ภ.จว.สระแก้ว ผู้แทนผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดสระแก้ว รับตัวคนไทยซึ่งมีส่วนเกี่ยวข้องกับแก๊งคอลเซ็นเตอร์หลอกลวงคนไทยด้วยกันไปทำงานในกัมพูชา

โดยทั้งหมดได้ถูกทางการกัมพูชาเนรเทศกลับไทยหลังดำเนินคดีตามกฎหมายในกัมพูชาแล้ว และได้นำตัวเดินทางออกจากกรุงพนมเปญ มาส่งคืนให้ทางการไทยบริเวณจุดด่านผ่านแดนถาวรบ้านคลองลึก อ.อรัญประเทศ จ.สระแก้วการจับกุมดังกล่าวเกิดขึ้นภายใต้ความร่วมมือระหว่างทางการไทยและฝ่ายความมั่นคงของกัมพูชา ในการบุกเข้าทลายแก๊งคอลเซ็นเตอร์ 4 จุดในประเทศกัมพูชา ประกอบด้วย จุดที่ 1 โรงแรมจิงเฉิง ถนนสองธนู เมืองพระสีหนุ จับกุมผู้ต้องหาตามหมายจับได้ 21 คน

ส่วนจุดที่ 2 อาคาร 5 ชั้น ถนน 104 เมืองพระสีหนุ จับกุมผู้ต้องหาตามหมายจับ 18 คน จุดที่ 3 อาคาร 8 ชั้น ถนน 702 เมืองพระสีหนุ จับกุมผู้ต้องหาตามหมายจับ 10 คน และจุดที่ 4 ตึก 3 ชั้น ใกล้ชายแดนไทย-กัมพูชา ต.ปอยเปต จ. บันทายมีชัย ประเทศกัมพูชา และหลังจากนี้จะเร่งขยายผลเพื่อดำเนินคดีผู้เกี่ยวข้องทั้งขบวนการต่อไป 

โดยในจำนวนนี้เป็นผู้ที่ถูกออกหมายจับว่ามีส่วนเกี่ยวข้องกับแก๊งคอลเซ็นเตอร์ จำนวน 74 หมายจับ ซึ่งจะถูกดำเนินคดีในประเทศไทย ส่วนอีก 20 คนเป็นบุคคลที่อยู่ในแก๊งคอลเซ็นเตอร์ซึ่งยังไม่มีหมายจับ แต่ทั้งหมดได้ถูกดำเนินคดีตามกฎหมายในประเทศกัมพูชาแล้ว

จากการสอบถามผู้ต้องหาทราบว่า กลุ่มบุคคลทั้ง 94 ราย มีส่วนเกี่ยวข้องกับแก๊งคอลเซ็นเตอร์ 4 แก๊ง โดยพบว่าหลายรายเป็นถึงหัวหน้าแก๊งที่ทำงานร่วมกับชาวไต้หวัน ซึ่ง ศปอส.ตร. จะได้ทำการขยายผลเพื่อดำเนินคดีผู้เกี่ยวข้องทั้งขบวนการต่อไป

'นายกฯ' ปลื้ม รายได้คงคลัง  9 เดือนแรกปีงบ 65 ทะลุ 1.8 ล้านล้านบาท เพิ่มขึ้น 7% ขณะที่ 3 กรมภาษี จัดเก็บได้กว่า 2 ล้านล้านบาท สูงกว่าช่วงเดียวกันของปีก่อน 191,122 ล้านบาท หรือ 10.5% รัฐวิสาหกิจนำส่งรายได้ 116,130 ล้านบาท เพิ่ม 10%

นายธนกร วังบุญคงชนะ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ติดตามคืบหน้า การแก้ไขปัญหาเศรษฐกิจที่ผ่านมา โดยล่าสุดกระทรวงการคลังได้รายงานฐานะการคลังของรัฐบาลตามระบบกระแสเงินสดในช่วง 9 เดือนแรกของปีงบประมาณ 2565 (ต.ค. 64-มิ.ย. 2565) รัฐบาลมีรายได้นำส่งคลังทั้งสิ้น 1,878,346 ล้านบาท สูงกว่าช่วงเดียวกันของปีก่อน 130,689 ล้านบาท หรือ 7.5% ขณะที่มีการเบิกจ่ายงบประมาณทั้งสิ้น 2,434,146 ล้านบาท สูงกว่าช่วงเดียวกันของปีก่อน 44,979 ล้านบาท หรือ 1.9% ซึ่งรัฐบาลได้กู้เงินเพื่อชดเชยการขาดดุล 621,075 ล้านบาท ส่งผลให้เงินคงคลัง ณ สิ้นเดือน มิ.ย. 2565 มีจำนวนทั้งสิ้น 587,915 ล้านบาท
 
โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวต่อไปว่า ในช่วง 9 เดือนแรกของปีงบประมาณ 2565 (ต.ค. 2564 - มิ.ย. 2565) รัฐบาลสามารถจัดเก็บรายได้สุทธิ จำนวน 1,857,524 ล้านบาท หรือ 6.4% และสูงกว่าช่วงเดียวกันของปีก่อน ประมาณ 6.4% โดยการจัดเก็บรายได้รวมของ 3 กรมภาษี (กรมสรรพากร, กรมสรรพาสามิต และกรมศุลกากร) ในช่วง 9 เดือนแรกของปีงบประมาณ 2565 อยู่ที่ 2,004,834 ล้านบาท สูงกว่าช่วงเดียวกันของปีก่อน 191,122 ล้านบาท หรือ 10.5% สำหรับรัฐวิสาหกิจ นำส่งรายได้ในช่วง 9 เดือนแรกของปีงบประมาณ 2565 อยู่ที่ 116,130 ล้านบาท สูงกว่าช่วงเดียวกันของปีก่อน 10,561 ล้านบาท หรือ 10% ส่วนหน่วยงานอื่น จัดเก็บรายได้รวม 109,710 ล้านบาท ต่ำกว่าช่วงเดียวกันของปีก่อน 14,495 ล้านบาท หรือ 11.7% 


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top