Sunday, 8 June 2025
Hard News Team

“อลงกรณ์-เอฟเคไอไอ.”เปิดเวทีวาระประเทศไทย “อนาคตพลังงานไทย : ปัญหาและโอกาส !!!“ ถกปมใครผูดขาดพลังงาน ? ทางแก้น้ำมันก๊าซไฟฟ้าแพง ?

(19 ต.ค. 67) ไฮไลท์เชิญ“หม่อมกร”ถอดรหัสประเด็นร้อนปัญหาMOU44 กับพื้นที่ทับซ้อนไทย-กัมพูชาและแหล่งน้ำมัน-ก๊าซใต้ทะเลมูลค่ากว่า10ล้านล้านบาท ใครได้ใครเสีย ?

สถาบันเอฟเคไอไอ. ไทยแลนด์(FKII Thailand และสถาบันทิวา(Transformation Valley จัดเสวนาโต๊ะกลมวาระประเทศไทยหัวข้อ “อนาคตพลังงานไทย:ปัญหาและโอกาส โดยวิทยากรชื่อดัง ดร.ม.ล.กรกสิวัฒน์ เกษมศรี นักวิชาการอิสระด้านพลังงานและนายอลงกรณ์ พลบุตร ประธานสถาบัน FKII Thailand รองประธานคณะกรรมการยุทธศาสตร์ ปชป.และอดีตรองประธานสภาขับเคลื่อนการปฏิรูปประเทศ มีนายชยดิฐ หุตานุวัชร์ ประธานสถาบันทิวา(TVA)เป็นผู้สรุปการเสวนา

โดยการเสวนาจะครอบคลุมประเด็นปัจจุบันและอนาคตความมั่นคงทางพลังงาน การพัฒนาพลังงานทดแทน การอนุรักษ์พลังงานและปมปัญหาที่สังคมข้องใจเช่นปัญหาการผูกขาดพลังงาน???คำถามและทางแก้ทำไมค่าไฟแพง น้ำมัน-ก๊าซแพง?รวมทั้งปัญหาMOU44กับพื้นที่ทับซ้อนไทย-กัมพูชาและแหล่งก๊าซ-น้ำมันใต้ทะเลมูลค่ากว่า 10 ล้านล้านบาท ใครได้ใครเสีย ?

โดยจัดในวันอังคารที่ 22 ตุลาคม 2567
เวลา 14.00 - 16.30 น.
ณ สวนเสียงไผ่ สถาบันทิวา ทาวน์อินทาวน์ กรุงเทพฯ.
https://maps.app.goo.gl/YxVYudCo6RNZuUbA9?g_st=il
สำรองที่นั่งด่วน รับจำนวนจำกัด
ที่ LineOA FKII Thailand: https://lin.ee/BgPCPvd
ติดต่อสอบถาม
คุณลิต้า 093-1252012
คุณวรวุฒิ 091-1805459
หมายเหตุ : สามารถจอดรถที่ Lotus's Go Fresh สาขา Town in Town (มีค่าใช้จ่ายตามเงื่อนไขของสถานที่)
https://maps.app.goo.gl/KpjJocYk9YgGET6P8

#FKIIThailand #FKII #FKIINationalAgenda
#ThinkTankRoundTable #การเสวนาวาระประเทศไทย#พลังงาน #อนาคตพลังงานไทยปัญหาและโอกาส
#TVA #สถาบันทิวา #สวนเสียงไผ่

ศบภ.ทร. โดย นบภ.นย. พร้อมให้การช่วยเหลือเมื่อเกิดภัย

เมื่อวันที่ (19 ต.ค. 97) ศูนย์บรรเทาสาธารณภัยกองทัพเรือ (ศบภ.ทร.) โดย หน่วยบรรเทาสาธารณภัยหน่วยบัญชาการนาวิกโยธิน (นบภ.นย.) กองพันทหารราบที่ 7 ฯ และกองพันซ่อมบำรุงฯ  (พัน.ร.7ฯ และ พัน.ซบร.ฯ) ดำเนินการสนธิกำลัง เตรียมความพร้อมในการช่วยเหลือพี่น้องประชาชน เมื่อเกิดเหตุการณ์น้ำท่วมฉับพลัน น้ำป่าไหลหลากในพื้นที่ ซึ่งจากการแจ้งเตือนของกรมอุตุนิยมวิทยา ในห้วงวันที่ 19 - 23 ต.ค.67 ประเทศไทย จะได้รับผลกระทบ จากลมมรสุมทะเลจีนใต้ โดยเฉพาะพื้นที่ จ.ชลบุรี จ.ระยอง จ.จันทบุรี และ จ.ตราด จึงขอให้พี่น้องประชาชนระมัดระวังอันตราย จากฝนฟ้าคะนอง ลมกรรโชกแรง และจะมีฝนตกหนักถึงหนักมากต่อเนื่องสะสม ทำให้เกิดน้ำท่วมฉับพลัน น้ำป่าไหลหลาก โดยเฉพาะพื้นที่ลาดเชิงเขาใกล้เส้นทางน้ำไหลผ่านและพื้นที่ลุ่ม ขอให้หลีกเลี่ยงการอยู่ในพื้นที่โล่งแจ้ง ใต้ต้นไม้ใหญ่ และป้ายโฆษณา รวมถึงการขนย้ายสิ่งของมีค่าขึ้นสู่ที่สูง ผูกมัดรัดตึงให้เกิดความแข็งแรง

หากต้องการความช่วยเหลือ สามารถติดต่อประสานงานหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง หรือหน่วยบรรเทาสาธารณภัยหน่วยบัญชาการนาวิกโยธิน พื้นที่ อ.สัตหีบ หมายเลข 0948464244 และ 0993339736 พื้นที่ จว.ระยอง หมายเลข 0817241893 และ 0833971800 ได้ตลอด 24 ชั่วโมง

นิราช/นันทพล ทิพย์ศรี ชลบุรี 0909535645

กรมทางหลวงเปิดมอเตอร์เวย์ M81 บางใหญ่-กาญจนบุรี วิ่งฟรีสุดสัปดาห์

(18 ต.ค. 67) นายอภิรัฐ ไชยวงศ์น้อย อธิบดีกรมทางหลวง กระทรวงคมนาคม เปิดเผยว่าตามที่ นายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม มีนโยบาย 'คมนาคมเพื่อโอกาสประเทศไทย' ที่มุ่งมั่นพัฒนาเศรษฐกิจและคุณภาพชีวิตของประชาชน รวมถึงสั่งการให้กรมทางหลวงดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องเพื่ออำนวยความสะดวกและปลอดภัยในการเดินทางให้แก่พี่น้องประชาชนนั้น

กรมทางหลวงจึงเดินหน้าสานต่อนโยบายดังกล่าวมาอย่างต่อเนื่อง โดยล่าสุด จะขยายช่วงเวลาเปิดวิ่งฟรี! ทางหลวงพิเศษระหว่างเมืองหมายเลข 81 สายบางใหญ่-กาญจนบุรี (M81) ช่วงด่านฯ นครปฐมฝั่งตะวันตก – ด่านฯ กาญจนบุรี ระยะทาง 51 กิโลเมตร ทุกวันศุกร์ถึงวันจันทร์ หลังจากที่ได้เปิดทดลองการให้บริการมาอย่างต่อเนื่อง ทุกสัปดาห์ ช่วงวันศุกร์ เวลา 15:00 น. ถึงวันอาทิตย์ เวลา 21:00 น. ซึ่งประชาชนให้การตอบรับเป็นอย่างดี โดยมียอดผู้ใช้บริการในช่วงวันหยุดสุดสัปดาห์ที่ผ่านมา (11-14 ตุลาคม 2567) สูงถึง 32,450 คัน

อธิบดีกรมทางหลวง กล่าวเพิ่มเติมว่า ทางหลวงพิเศษระหว่างเมืองหมายเลข 81 สายบางใหญ่-กาญจนบุรี (M81) หรือมอเตอร์เวย์สายบางใหญ่ – กาญจนบุรี ได้รับความนิยมและมีปริมาณการใช้บริการเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง สะท้อนให้เห็นถึงประสิทธิภาพของเส้นทางที่ช่วยร่นระยะเวลาเดินทาง เหลือเพียง 30 นาที จากเดิม 1 ชั่วโมง ส่งผลดีต่อการคมนาคมขนส่ง การค้า การลงทุน และการท่องเที่ยวในจังหวัดกาญจนบุรีและภาคตะวันตก 

กรมทางหลวงจึงขยายเวลาเปิดวิ่งฟรี ทุกวันศุกร์ ตั้งแต่เวลา 15.00 น. ถึง วันจันทร์ เวลา 12.00 น. โดยสามารถเข้า – ออกได้ เฉพาะที่ด่านฯ นครปฐมฝั่งตะวันตก และด่านฯ กาญจนบุรี เริ่มตั้งแต่วันนี้ (18 ตุลาคม 2567) เป็นต้นไป

บรรณาธิการดัง ชี้งานหนังสือ 67 คนแน่น หลายสำนักพิมพ์ทำยอดขายถล่มทลาย

(18 ต.ค. 67) เริงวุฒิ มิตรสุริยะ บรรณาธิการและนักเขียน เจ้าของหนังสือชื่อดัง เช่น บุพเพสันนิวาสในประวัติศาสตร์อยุธยา ได้โพสต์เฟซบุ๊กส่วนตัวบรรยายถึง บรรยากาศงานมหกรรมหนังสือระดับชาติ ครั้งที่ 29 ว่า

คำแรกที่พบกับเจ้าของบูธ หรือเจ้าของสำนักพิมพ์ที่ไปเปิดบูธ ผมจะถามว่า "เป็นงัยปีนี้ขายดีไหม?"

แน่นอนว่าหลายคนอาจจะนำข้อมูล หรือไม่อยากพูดมาก เพราะเกรงครหาหมั่นไส้ แต่ส่วนใหญ่ต่างพูดไปในทางเดียวกันว่า "ปีนี้ดีเลย" แม้แต่คุณเหม่ง แห่งบูธ สมาคมนักเขียน ให้ข้อมูลเพิ่มเติมว่า บูธสมาคมนักเขียน ไม่เคยมีประวัติเลยว่าจะมีคนมาต่อคิวเพื่อจ่ายเงินค่าหนังสือ ปีนี้มีให้เห็น

บางแห่งอย่างบูธ สำนักพิมพ์แสงดาว พบคุณจรัญ หอมเทียนทอง ที่ทำหน้าที่อยู่โยงเป็นกำลังใจทีมงาน ก็บอกว่าปีนี้แนวโน้มดี คนคึกคักทุกวัน บูธแสงดาวปีนี้ก็คึกคักขึ้นเพราะมีเลือดใหม่หลายคนเพิ่มเข้ามา ช่วยป้ายยากันครึกครื้น ลูกค้าคนไหนมาหาหนังสืออะไรเป็นบอกและแนะนำได้หมด

ไม่ต่างจากอีกหลายสำนักพิมพ์ แน่นอนว่ามีเพียงสำนักพิมพ์เพียงไม่กี่แห่งที่บอกว่า ยอดตก และเราเข้าใจได้ว่าที่ยอดตกก็เพราะ ในอดีตเคยเป็นดาวเด่นของงานปีหลัง ๆ ไม่มีหนังสือใหม่ เคยทำยอดเอาไว้สูง ปีนี้ที่ไม่มีอะไรโดดเด่น ขายแต่เล่มก่อนมีเล่มใหม่นิดหน่อย ยอดขายเลยตกลง แต่ไม่ได้เสียหายอะไร

หลายสำนักพิมพ์พนักงานขายเคยนั่งเหงา ๆ เบื่อ ๆ ปีนี้ก็คึกคักมีงานให้วุ่นวายเพิ่มขึ้นเพราะมีคนมาหยุดและจ้องหาหนังสืออยู่ตลอดเวลา

เศรษฐกิจไม่ดีอยู่หลายปี และงานหนังสือหาความนิ่งไม่ได้อยู่หลายวาระ บรรดาสำนักพิมพ์ที่ยังใช้โลกทัศน์เก่ามอง ปีนี้เลยพลาดอย่างมาก บางสำนักจากเคยมีสองสามบูธก็ลดจำนวนบูธจองเหลือ หนึ่งหรือสองล็อค ยอดขายแทนที่จะทำได้ดี เลยตกลงตามจำนวนพื้นที่การขาย บางเจ้าบอกหยุดก่อน แต่มาเดิน เห็นคนมางานนี้ และใช้จ่ายกับหนังสือ ถึงกับร้องว่าเสียดาย 

อยากฟันธงว่า งานหนังสือครั้งหน้า มีนาคมหรือเมษายน บรรดาสำนักพิมพ์ที่เคยเข็ด ๆ ขยาด ๆ จะกลับมา ปีนี้เราแทบไม่ได้ยินอีกแล้วว่า ราคาเช่าบูธแพง ต่างจากงวดที่แล้วอย่างชัดเจน ทั้งที่ค่าเช่ายังแพงอยู่เช่นเดิม เพิ่มเติมมาอีกนิดหน่อย

ผมไปเดินครั้งก่อนวันศุกร์ ไปแบบแว๊บ ๆ เหมือนไอ้แมงมุมโหนสลิงตัวเองลงจอดแว๊บเดียวแล้วชิ่งกลับมา วันนี้วันพฤหัสเลือกเวลาที่คิดว่าน่าจะเป็นวันที่คนน้อยที่สุด เพราะพรุ่งนี้เย็นวันศุกร์คนเลิกงานน่าจะมาที่นี่กันเยอะ ไม่ต้องพูดถึงเสาร์อาทิตย์ที่จะถึงซึ่งจะเป็นเสาร์อาทิตย์สุดท้ายที่คนเยอะแน่นอน

ปรากฏว่าไปถึง ตอนเที่ยงกว่า ๆ ดูเหมือนคนไม่เยอะมาก แต่เดินไปเดินมา เอะ คนเพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ นักเรียนนักศึกษาเดินกันให้ควั่ก คนทำงานคนวัยเบบี้บูมที่ว่างงานแล้วก็มาเดินชิว ๆ เลือกหยิบหนังสือกลับไปอ่านคนละสามสี่เล่ม ช่างเป็นเรื่องที่น่ายินดียิ่งนัก 

อดคิดไม่ได้ว่าทำไมจู่ ๆ ปีนี้ งานมหกรรมหนังสือถึงคึกคักขึ้นมาได้ คำตอบคงไม่ใช่เพราะตรีมงานเรื่องผีแน่ ๆ อาจจะมีผลบ้างแต่ยืนยันว่าไม่ใช่ แต่คิดไปว่าน่าจะมาจากสภาพทางการเงินทางเศรษฐกิจที่ดูผ่อนคลายขึ้น บรรยากาศทางการบ้านการเมืองที่ไม่บีบเค้น แม้ต้องผ่านพ้นช่วงน้ำท่วมไป แต่ภาวะงานที่เงินหมื่นไหลเข้ากระเป๋าคนจนก่อนหน้านี้ ก็ช่วยกระตุ้นเป็นบอมทางการเงินเล็ก ๆ ให้กระเป๋าตังค์คนทั่วไปพลอยคึกคักขึ้น อาจเป็นภาวะทางจิตวิทยาก็ว่าได้ หลังจากคนรัดเข็มขัดกันมาจนท้องกิ๋วก่อนหน้านี้ ตอนนี้ก็ผ่อนคลายลง

บรรยากาศทางสังคมที่ซ้ำ ๆ ซาก ๆ วนเวียนอยู่แต่เรื่องเดิม ๆ อวดรวย ขับรถหรู โชว์ของแพงและถูกจับกุม ประเทศที่ทนายหน้าหอสองสามคนออกทีวีแทบทุกช่องทางให้ได้เห็นและเริ่มเป็นผู้ทรงอิทธิพล กับมูลนิธิที่ช่วยเหลือประชาชนคนเสาะหาแหล่งช่วยเหลือทำหน้าที่แทนตำรวจ จนผู้คนเคยชิน ทำให้คนอยากกลับไปหาอะไรแปลกต่างหรือที่คุ้นเคยทำด้วยตัวเองมากขึ้น การเดินงานหนังสือ ซื้อหนังสือ เลยเป็นมุมกลับที่กระตุ้นให้บรรยากาศดีขึ้น

อ้อ...มีนิดหนึ่ง ไปงานหนังสือ ตอนเดินเข้างานผ่านประตูหมายเลขอะไรจำไม่ได้ เขาขึ้นปกหนังสือโชว์ หนังสือขายดีในงาน และหนังสือโดดเด่นของงานอะไรทำนองนั้น ผมไปยืนดู อดคิดไม่ได้ ใครเป็นคนเลือกหนังสือดีเด่นหรือหนังสือแนะนำอะไรพวกนี้หว่า....นี่คือหนังสือที่ชูหน้าชูตาคนไทยแล้วจริง ๆ เหรอ? 

มีเวลาอีกไม่กี่วัน ไปเดินงานหนังสือกันครับ ปีนี้บรรยากาศดีเลย ดีกว่าตามข่าว บอสเยอะเกินจำเป็นก็แล้วกัน ขอบอก

ทั้งนี้ผู้สื่อข่าวรายงานเพิ่มเติมว่า งานมหกรรมหนังสือระดับชาติ ครั้งที่ 29 จะจัดถึงวันที่ 20 ตุลาคม 2567นี้ ที่ฮอลล์ 5 - 7 ชั้น LG ศูนย์การประชุมแห่งชาติสิริกิติ์

DIPromCenter10 Boosts Product Development for Global Market Competitiveness in the Home Decor and Souvenir Sectors for 2024

DIPromCenter10, under the Department of Industrial Promotion, has enhanced its efforts to boost the competitiveness of local products in the global market, focusing on home decor, accessories, and souvenir sectors in Nakhon Si Thammarat province. As part of this initiative, three multifunctional products from local enterprises have been developed, each designed for versatile use as a multifunctional product.

One of the standout products is a multipurpose shoulder wrap developed by the 'Kiree Group'. This innovative product can also be used as a scarf and includes a convenient built-in pouch.

For inquiries, please contact:
Kiree Group
Moo 10, Ban Kiriwong, Kamlon Sub-district, Lan Saka District, Nakhon Si Thammarat Province  
Tel: 086-9467786

Another noteworthy enterprise is the 'Sufficiency Economy in Household Community Enterprise', which has developed a mosquito-repellent soy wax incense. This product not only repels mosquitoes but also promotes relaxation and concentration. Made from 100% soybean wax, the melted wax can be applied to the skin as a moisturizing agent.

For inquiries, please contact:
Sufficiency Economy in Household Community Enterprise
64/1 Moo 4, Khun Thale Sub-district Municipality, Lan Saka District, Nakhon Si Thammarat Province  
Tel: 061-1679335

Lastly, the 'Baan Ton Ma-Muang Agricultural Community Enterprise' has developed a mangosteen peel charcoal deodorizer, shaped like a traditional Manora dancer. This product is both functional and decorative, designed to eliminate odors and repel unwanted insects in cars, refrigerators, and living spaces.

For inquiries, please contact:
Baan Ton Ma-Muang Agricultural Community Enterprise
159 Moo 4, Lan Saka Sub-district, Lan Saka District, Nakhon Si Thammarat Province  
Tel: 088-7608209
 

ลูกจ้างผู้รับเหมาช่วงโรงกลั่น TOP ถูกลอยแพ จากเหตุผู้รับเหมาหลักเบี้ยวไม่จ่ายค่าแรง

(18 ต.ค. 67) จากกรณีที่สหพันธ์ผู้รับเหมาโรงกลั่น TOP โครงการพลังงานสะอาด CFP (Clean Fuel Project โรงกลั่นน้ำมันใน อ.ศรีราชา จ.ชลบุรี ที่เกิดจากการรวมตัวของ 24 บริษัทผู้รับเหมาช่วงไทย ได้ร่วมกันแถลงถึงผลกระทบที่เกิดจากการจ่ายเงินงวดของผู้รับเหมาหลัก ที่ล่าช้าต่อเนื่องนานกว่า 6 เดือน จนส่งผลกระทบ ต่อทั้งนายจ้างและแรงงานกว่า 2 หมื่นชีวิต พร้อมประกาศเดินเท้ายื่นหนังสือชี้แจงความเดือดร้อน 

รวมทั้ง ข้อเรียกร้องที่ต้องการให้เจ้าของโครงการฯ แสดงความชัดเจนในการเจรจากับบริษัทผู้รับเหมาหลัก เพื่อให้นำเงินที่ได้รับ ออกมาจ่ายค่างวดงานให้กับผู้รับเหมาไทย ก่อนที่สายป่านทางการเงินจะขาด จนต้องลอยแพแรงงานกว่า 20,000 คน

ล่าสุด เมื่อเวลา 09.00 น.วันนี้ ( 18 ต.ค.) นายธวัชชัย ศรีทอง ผู้ว่าราชการจังหวัดชลบุรี ได้มอบหมายให้นายชัยพร แพภิรมย์รัตน์ รองผู้ว่าราชการจังหวัด เดินทางมายังบริเวณโค้งด้านหน้าโรงเรียนบุญจิตวิทยา ซึ่งเป็นจุดนัดรวมตัวของตัวแทนนายจ้างและแรงงานจาก 24 บริษัทผู้รับเหมาช่วงไทย เพื่อร่วมเดินเท้าไปยื่นหนังสือต่อผู้บริหารโครงการพลังงานสะอาด ใน อ.ศรีราชา จ.ชลบุรี  

ขณะที่รูปแบบการเดินขบวนจะแบ่งเป็น 2 เส้นทางคือ ขบวนแรกได้ออกเดินจากประตู 1 โครงการพลังงานสะอาดฯ ไปยังป้ายสามเหลี่ยมด้านหน้าโครงการฯ

ส่วนขบวนที่ 2 เดินเท้าจากโรงเรียนบุญจิตวิทยา ไปยังป้ายสามเหลี่ยมหน้าโครงการฯ เพื่อร่วมบูม PAY PAY PAY เรียกร้องให้ผู้รับเหมาหลักจ่ายเงินงวด  

ทั้ง 2 ขบวน จะมีผู้ร่วมเดินเท้ามากกว่า 3,000 คน โดยจะมีทั้งผู้บริหารบริษัทรับเหมาช่วง และแรงงาน ที่พร้อมใจกันสวมใส่หมวก safety และเสื้อยูนิฟอร์มถือธงสัญลักษณ์ของแต่ละบริษัท รวมทั้งป้ายข้อความต่างๆ อาทิ คนจ่ายใจลอย คนคอยใจจะขาด , รอเงินจาก 10,000 บาทจากรัฐ ยังดูมีความหวังกว่ารอเงินจาก ...,  คนไทยตกงาน บริษัทต่างชาติไม่จ่ายเงิน หรือแม้แต่การระบุชื่อ 3 ผู้ร่วมทุนบริษัทรับเหมาหลักต่างชาติ พร้อมเรียกร้องให้จ่ายเงิน ฯลฯ  

ระหว่างเดินทางยังจัดทีมการ์ดของแต่ละบริษัทช่วยเคลียร์เส้นทาง ร่วมกับเจ้าหน้าที่ตำรวจในพื้นที่ ปิดท้ายขบวนด้วยทีมแม่บ้านที่จะช่วยทำความสะอาดจุดที่เดินผ่าน เพื่อลดความเดือดร้อนต่อประชาชนผู้ใช้รถใช้ถนน

ส่วนเนื้อหาบางตอนที่ระบุในจดหมายซึ่งยื่นต่อผู้ว่าราชการจังหวัดชลบุรี และผู้บริหารโครงการพลังงานสะอาด อ.ศรีราชา จ.ชลบุรี ระบุว่า

“ปัจจุบันผู้รับเหมาช่วงไทย กำลังประสบปัญหาอย่างหนักจากการที่ผู้รับเหมาหลักค้างชำระค่าจ้างก่อสร้าง แม้ว่าผู้รับเหมาช่วงได้ส่งมอบงานตามสัญญาเรียบร้อยแล้วซึ่งเป็นผลงานตั้งแต่เดือน กุมภาพันธ์ 2567 รวมมูลค่าหลายพันล้านบาท และได้ส่งผลกระทบรุนแรงต่อสภาพคล่องทางการเงินของบริษัทผู้รับเหมาช่วงกว่า 100 กว่าราย และแรงงานกว่า 10,000 คน

นอกจากนี้ ผู้รับเหมาช่วงบางรายยังจำเป็นต้องดำเนินงานต่อโดยไม่ได้รับค่าตอบแทน เพื่อหลีกเลี่ยงการถูกฟ้องร้องเรียกค่าเสียหาย จนทำให้เกิดภาวะขาดสภาพคล่องเป็นระยะเวลายาวนาน โดยยังไม่ได้รับการเยียวยาหรือความช่วยเหลือที่เพียงพอจากบุคคลที่เกี่ยวข้อง

ทั้งนี้การค้างชำระค่าจ้างก่อสร้างดังกล่าว ก่อให้เกิดผลกระทบร้ายแรงในวงกว้างทั้งความมั่นคงด้านพลังงานของประเทศ เนื่องจากโครงการก่อสร้างโรงกลั่นน้ำมัน เป็นโครงการสำคัญที่จะเสริมสร้างความมั่นคงด้านพลังงานของประเทศการล่าช้าหรือหยุดชะงักของโครงการจะส่งผลกระทบโดยตรงต่อแผนพัฒนาพลังงานในระยะยาว

และยังส่งผลกระทบรุนแรงต่อชีวิตความเป็นอยู่ของแรงงานกว่าหลายพันคนและครอบครัวที่ถูกเลิกจ้างและที่กำลังจะถูกเลิกจ้างสถานการณ์นี้อาจนำไปสู่ปัญหาสังคมที่รุนแรงในวงกว้าง เช่น การเพิ่มขึ้นของอาชญากรรม หรือปัญหาสุขภาพจิตในชุมชน รวมทั้งความเชื่อมั่นต่อเจ้าของโครงการในไทย ซึ่งจะส่งผลเสียอย่างร้ายแรงต่อภาพลักษณ์และความน่าเชื่อถือของเจ้าของโครงการขนาดใหญ่ระดับประเทศ ซึ่งมีกระทรวงการคลังถือหุ้นทางอ้อมในอันดับต้นๆ และอาจส่งผลกระทบระยะยาวในอนาคตฯลฯ ”

และยังได้มีการเรียกร้องให้ภาครัฐ และผู้ถือหุ้นทางอ้อมของเจ้าของโครงการ หาแนวทางที่มีประสิทธิภาพมากกว่านี้ในการบรรเทาความเดือดร้อนและรักษาผลประโยชน์ของทุกฝ่าย เพื่อประคองให้โครงการดำเนินต่อไปได้

รวมทั้งขอให้มีการตรวจสอบข้อเท็จจริงเกี่ยวกับสถานการณ์การค้างชำระค่าจ้างผู้รับเหมาช่วงในโครงการ และประเมินความเสี่ยงที่อาจเกิดขึ้นต่อความสำเร็จของโครงการ และจัดหามาตรการช่วยเหลือเร่งด่วน สำหรับกลุ่มบริษัทผู้รับเหมาช่วง รวมถึงแรงงานที่ได้รับผลกระทบ โดยเฉพาะการจัดตั้งกองทุนฉุกเฉิน เพื่อบรรเทาความเดือดร้อนของแรงงานและครอบครัว

ที่สำคัญยังขอให้มีการประสานงานกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เพื่อเร่งรัดกระบวนการจ่ายค่าตอบแทนที่ค้างชำระ โดยอาจพิจารณาใช้มาตรการช่วยเหลือทางกฎหมายหากจำเป็น

ศูนย์ส่งเสริมอุตสาหกรรม ภาคที่ 10 กรมส่งเสริมอุตสาหกรรม ได้เพิ่มศักยภาพในการพัฒนาในการแข่งขันในตลาดสากล กลุ่มสาขาของใช้ ของตกแต่ง ของที่ระลึก ปี 2024

ศูนย์ส่งเสริมอุตสาหกรรม ภาคที่ 10 กรมส่งเสริมอุตสาหกรรม ได้ดำเนินกิจกรรมเพิ่มศักยภาพด้านการพัฒนาผลิตภัณฑ์สินค้าชุมชน สาขาของใช้ ของตกแต่ง ของที่ระลึก ในจังหวัดนครศรีธรรมราช และได้สนับสนุนเพิ่มศักยภาพของกลุ่มวิสาหกิจ โดยพัฒนาผลิตภัณฑ์ใหม่ จำนวน 3 ผลิตภัณฑ์ ซึ่งแต่ละผลิตภัณฑ์สามารถใช้งานได้หลากหลาย (Multifunction Product) ดังนี้

1. กลุ่มคีรี Kiree  >> พัฒนาผลิตภัณฑ์คลุมไหล่ ที่ยังสามารถใช้งาน ผ้าพันคอ และกระเป๋าได้อีกด้วย
2. วิสาหกิจชุมชนเศรษฐกิจพอเพียงในครัวเรือน >> พัฒนาผลิตภัณฑ์เทียมหอมไล่ยุง สามารถจุดไล่ยุงได้ และช่วยในการผ่อนคลาย ช่วยในการฝึกสมาธิ และผลิตจากไขถั่วเหลือง 100% ที่ยังสามารถนำน้ำตาเทียน มาทาบนผิวหนังให้ชุ่มชื่น
3. วิสาหกิจเกษตรกรชาวสวนบ้านต้นมะม่วง >> พัฒนาผลิตภัณฑ์ถ่านดับกลิ่นจากเปลือกมังคุด เป็นรูปมโนราห์ จัดเป็นนาฏศิลป์พื้นถิ่น เพื่อขจัดกลิ่นและไล่แมลงที่ไม่พึงประสงค์ได้ ในรถ ตู้เย็น ในห้องพัก และยังสามารถวางตกแต่งเพื่อความสวยงาม

‘ศูนย์วิจัยกสิกร’ เปิดตัวเลข GDP ไตรมาส 3 จีนโต 4.6% คาดทั้งปีโต 4.8% หลุดเป้า เหตุจากการเมืองระหว่างประเทศ

(18 ต.ค. 67) ศูนย์วิจัยกสิกร หรือ KResearch รายงานว่า เศรษฐกิจจีนเติบโตชะลอลงอยู่ที่ 4.6%YoY ในไตรมาส 3/24 โดย 9 เดือนแรกของปี 2024 เศรษฐกิจจีนขยายตัวที่ 4.8%YoY โดยมีรายละเอียด ดังนี้

1.ภาคอสังหาริมทรัพย์ยังเป็นปัจจัยฉุดรั้งสำคัญ โดยการลงทุนในภาคอสังหาริมทรัพย์ 9 เดือนแรกของปี 2024 ยังหดตัวที่ -10.1%YoY

2.การบริโภคภายในประเทศยังอ่อนแอ รวมถึงความเสี่ยงจากเรื่องเงินฝืดยังมีอยู่ โดยดัชนีราคาผู้บริโภค และดัชนีราคาผู้บริโภคพื้นฐานเดือนก.ย.2024 ขยายตัวอยู่ในระดับต่ำที่ 0.4% และ 0.1% ตามลำดับ ทั้งนี้ ผลจากการเพิ่มเงินอุดหนุนในมาตรการ Trade in (ของเก่าแลกของใหม่) เดือนก.ค. 2024 ช่วยหนุนให้ยอดค้าปลีกในไตรมาส 3/24 เติบโตอยู่ที่ 2.7%YoY ทรงตัวจากไตรมาส 2/24 ที่ 2.6%YoY

3.การส่งออกเป็นแรงขับเคลื่อนที่สำคัญของเศรษฐกิจจีนในไตรมาสที่ 3/24 โดยขยายตัวอยู่ที่  6.0%YoY จาก 5.7%YoY ในไตรมาส 2/24 จากการเร่งส่งออกไปสหรัฐฯ และยุโรปจากความกังวลเกี่ยวกับการยกระดับสงครามการค้า และการกีดกันทางการค้าที่เพิ่มขึ้นก่อนจะมีการเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐฯ ในเดือนพ.ย.2024 อย่างไรก็ตาม ในระยะข้างหน้าการส่งออกจะเริ่มมีแนวโน้มส่งผลบวกต่อเศรษฐกิจชะลอลง หลังมีการเร่งส่งออกไปในช่วง 9 เดือนแรกของปี 2024

4.ด้านอุตสาหกรรม High-tech ที่ทางการจีนให้ความสำคัญยังเป็นอีกปัจจัยหนุนเศรษฐกิจในไตรมาส 3/24 โดยดัชนีการผลิตภาคอุตสาหกรรมในอุตสาหกรรม High-tech  และการลงทุนในอุตสาหกรรม High-tech ช่วง 9 เดือนแรกของปี 2024 เติบโตได้อยู่ที่ 9.1%YoY และ 10.0%YoY ตามลำดับ

ในไตรมาสสุดท้ายของปี 2024 เศรษฐกิจจีนมีแนวโน้มเร่งตัวขึ้นจากไตรมาส 3/24 จากมาตรการเศรษฐกิจที่ทางการจีนทยอยออกมา โดยคาดว่าจะมีมาตรการทางการคลังออกมาเพิ่มเติม ซึ่งขนาดของวงเงินและรายละเอียดของมาตรการน่าจะมีออกมาในช่วงสิ้นเดือนต.ค.2024 ถึงต้นเดือนพ.ย.2024 นอกจากนี้ ในฝั่งมาตรการทางการเงินคาดมีการปรับลดสัดส่วนการกันสำรองของธนาคารพาณิชย์เพิ่มเติมอีก 0.25-0.50% ตามที่ผู้ว่าการธนาคารกลางจีนได้ระบุไว้ อย่างไรก็ตาม เศรษฐกิจจีนยังเผชิญความเสี่ยงสำคัญหลายด้าน คือ

1.สถานการณ์การกีดกันทางการค้าที่มีแนวโน้มรุนแรงขึ้น หลังการเลือกตั้งสหรัฐฯ ในเดือนพ.ย. 2024 นี้ ศูนย์วิจัยกสิกรไทยมองว่าไม่ว่าจะเป็นพรรคใดที่ได้รับการเลือกตั้ง สหรัฐฯ จะเพิ่มการกีดกันการค้ากับจีน ขณะที่ปัญหากำลังการผลิตส่วนเกินในอุตสาหกรรม เช่น รถยนต์ จะยิ่งเพิ่มความเสี่ยงในการปรับเพิ่มภาษีจากประเทศอื่น ๆ

2.ภาคอสังหาริมทรัพย์จะยังเป็นปัจจัยกดดันการลงทุนในประเทศ ซึ่งการคลี่คลายปัญหายังต้องใช้เวลาอย่างน้อย 1-2 ปี แม้ทางการจะทยอยออกมาตรการต่าง ๆ เช่น ปรับลดเงินดาวน์ และผ่อนคลายกฎเกณฑ์ในการซื้ออสังหาริมทรัพย์ โดยล่าสุดมีการขยายวงเงินในมาตรการ whitelist ที่สนับสนุนสินเชื่อให้กับโครงการที่อยู่อาศัยที่ยังสร้างไม่เสร็จเพิ่มขึ้นเกือบ 2 เท่าเป็น 4 ล้านล้านหยวน อย่างไรก็ตาม ราคาที่อยู่อาศัย ยอดขายที่อยู่อาศัยรวมถึงการลงทุนในที่อยู่อาศัยยังมีแนวโน้มชะลอลง นอกจากนี้ ดัชนีความต้องการในการซื้อบ้านยังคงปรับลดลง

3.ความเชื่อมั่นผู้บริโภคที่ยังอยู่ในระดับต่ำจะยังกดดันการบริโภคในประเทศ แม้จะมีมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจและการผ่อนคลายในภาคการเงิน แต่ภาคอสังหาริมทรัพย์ที่ยังมีทิศทางชะลอตัวจะยังกดดันความเชื่อมั่นผู้บริโภคของจีน เนื่องจากครัวเรือนในจีนมีความมั่งคั่งประมาณ 70% อยู่ในภาคอสังหาริมทรัพย์

ดังนั้นศูนย์วิจัยกสิกรไทยจึงคาดการณ์ว่าเศรษฐกิจจีนปี 2024 มีแนวโน้มเติบโตที่ 4.8% ต่ำกว่าเป้าหมายทางการที่ 5.0%

‘ดิไอคอน’ จุดตั้งต้นบูรณาการความชั่วร้ายสามฝ่าย นักธุรกิจ-ข้าราชการ-นักการเมือง ร่วมเอี่ยว ‘สินบนเทวดา’

ดูขนาดธุรกิจธุรกรรม 'ขายตรง' ของ 'ดิไอคอนกรุ๊ป' กำลังเป็นข่าวดังข่าวร้อนในขณะนี้แล้วก็นับว่าจากปี 2561 ถึงปัจจุบันเติบใหญ่มาก ๆ จนเกิดการตั้งคำถามว่าขายของอย่างเดียวหรือมีลักษณะขายสมาชิก..แบบแชร์ลูกโซ่ด้วยหรือไม่ ?

ดูขนาดธุรกิจของ 'ดิไอคอนกรุ๊ป' หน่อย..มีสมาชิกในระดับต่าง ๆ กว่า 368,257 ราย แบ่งเป็น 
-'ร้านค้าปลีก' distributor (ลงทุน 2,500 บาท) จำนวน 285,833 ราย (714,582,500 บาท)
- 'หัวหน้าทีม' Supervisor (ลงทุน 25,000 บาท) 43,976 ราย (1,099,400,000 บาท) 
-'ตัวแทนจำหน่าย' Dealer (ลงทุน 250,000 บาท) 31,972 ราย (7,993,000,000 บาท) และ
- 'ตัวแทนจำหน่าย (เล็ก)' Mini Dealer : 6,476 ราย

ยอดผู้เสียหายที่ไปลงทุนร่วมงานด้วยตอนนี้ไปแจ้งความพันกว่าราย ความเสียหาย 4-500 ล้านบาท ตัวเลขจะเพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ เพราะทางตำรวจเปิดให้แจ้งความได้ทั่วประเทศ

งานนี้ดูเหมือนว่าทางตำรวจเอาจริงเอาจัง ภายใต้การนำของ ผบ.ตร.คนใหม่ 'บิ๊กต่าย' พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ พันธุ์เพ็ชร์ โดยมี พล.ต.ท.อัครเดช พิมลศรี 'บิ๊กอ้อ' ผช.ผบ.ตร.และพล.ต.ท.จิรภพ ภูริเดช 'บิ๊กก้อง' ผบช.ก.ว่าที่ผบ.ตร.ในอนาคต เป็นโต้โผดูแลคดี..

ภาวนาให้คดีนี้ไม่ถูกโอนไปให้กรมสอบสวนคดีพิเศษ(ดีเอสไอ) กระทรวงยุติธรรม ที่มี 'เทวดา' สิงสถิตอยู่หลายองค์..อยากให้ตำรวจภายใต้การนำของ 3 บิ๊กได้โชว์ฟอร์มทำคดีพิสูจน์น้ำยากู้ชื่อตำรวจ..เพราะดูแล้วขณะนี้การแทรกแซงจากการเมืองน่าจะน้อยกว่าการโอนคดีไปให้ดีเอสไอ..

นอกเหนือจากโจทย์การดำเนินการธุรกิจที่ผิดกฎหมายบิดเบี้ยวเกิดความเสียหายของดิไอคอนกรุ๊ป ซึ่งตำรวจจะต้องดำเนินการแล้ว ยังมีโจทย์ด้านอื่น ๆ ที่ผู้เกี่ยวข้องจะต้องดำเนินการหรือบูรณาการแก้ไขหรือชำระสะสาง

สำนักงานคณะกรรมการคุ้มครองผู้บริโภค (สคบ.) ที่ไม่สามารถปฏิเสธได้ถึงจุดเริ่มต้น  ความเป็นไปของธุรกิจขายตรงของดิไอคอนกรุ๊ป กระทั่งเกิดกรณี 'เทวดาสคบ.' ระดับน้อยใหญ่ ทั้งเจ้าหน้าที่และฝ่ายการเมือง ต้องสะสางกวาดบ้านตัวเองครั้งใหญ่

ภาพรวมการบริหารจัดการกรณีการขายตรง,แชร์ลูกโซ่,การคุ้มครองผู้บริโภค ที่กระจายบทบาทความรับผิดชอบไปอยู่ในหน่วยงานต่าง ๆ ถึงเวลาที่จะต้องทบทวนยกเครื่องกันอีกครั้งหรือไม่..?

กรณีดิ ไอคอน กรุ๊ป..ทุกฝ่ายได้แลเห็นกันอีกครั้งว่าการทุจริตคอร์รัปชัน การติดสินบน การรีดไถ..นั้นเกิดขึ้นจากการบูรณาการความชั่วร้ายสามฝ่าย..นักธุรกิจ-ข้าราชการ-นักการเมือง.. ซึ่งขณะนี้ฝ่ายนักการเมืองกำลังถูกลากไส้หนักกว่าฝ่ายอื่น โดยเฉพาะกรณี 'สินบนเทวดา'...

รูปเรื่องของเทวดาสคบ./สินบนเทวดา..สรุปได้สั้น ๆ เพียงว่า มีนักการเมืองที่มีความรู้เรื่องแชร์ลูกโซ่ผู้หนึ่งมีโอกาสได้เข้าถึงผู้มีอำนาจเมื่อปลายปี 2562 และมีตำแหน่งแห่งที่เป็นกึ่ง ๆ ข้าราชการการเมือง และได้มีปฏิสัมพันธ์กับ 'บอส' หนุ่มคนดัง จนต่อมาเกิดคลิปเสียงอย่างน้อย2คลิปเรื่องเม็ดเงินและการดูแล..

แต่ไฮไลต์จริง ๆ เหนือนักการเมืองผู้นี้ยังมีลูกพี่ที่เรืองอำนาจสุด ๆในขณะนั้น ซึ่งน่าจะเป็นคนเดียวกับที่คุณเอกภพ สายไหมต้องรอด ระบุว่าชอบรับสินบนเป็นเงินดิจิทัล ตระกูล USTD..ซึ่งข่าวไม่ระบุว่าเงินดิจิทัลนี้ใช้เล่นม้าออนไลน์ได้หรือไม่..??

แม้เมื่อ 15 ต.ค.ที่ผ่านมา 'บอสพอล' ได้โพสต์ข้อความกราบเท้าขอโทษขออภัยนักการเมืองชื่อส. ยืนยันว่าไม่เคยให้เงินกับนักการเมืองคนนี้แม้แต่บาทเดียว พร้อมเดตไลน์ขอให้สื่อลบคลิปดังกล่าว...แต่ดูเหมือนทุกอย่างจะไม่ทันการณ์...ทีมทนายอเวนเจอร์ได้ปฏิบัติการให้ 'ลุงป้อม' ตรวจสอบนักการเมืองชื่อส.ว่าเป็นบุคคลในคลิปลับหรือไม่...

งานนี้ปืนใหญ่ถล่มดิ ไอคอน กรุ๊ป...แต่สะเก็ดระเบิดโดนบ้านในป่าเบื้องต้นพบว่า..ออกอาการบาดเจ็บสาหัส..มากกว่าบอสพอล,บอสแซม,บอสกันต์,บอสมิน...

ยุคทอง TECH COMPANY ผ่านมา 10 ปี บริษัทเหล่านี้โตขึ้นเท่าไหร่?

ในช่วง 10 ปีที่ผ่านมา ถือว่าเป็นยุคทองของบริษัท เทคโนโลยี อย่างแท้จริง โดยเฉพาะในกลุ่ม Big Tech ที่เติบโตอย่างก้าวกระโดด 

บริษัทไหน เติบโตเท่าไหร่ ไปติดตามกัน


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top