Saturday, 7 June 2025
Hard News Team

ลูกจ้างผู้รับเหมาช่วงโรงกลั่น TOP ถูกลอยแพ จากเหตุผู้รับเหมาหลักเบี้ยวไม่จ่ายค่าแรง

(18 ต.ค. 67) จากกรณีที่สหพันธ์ผู้รับเหมาโรงกลั่น TOP โครงการพลังงานสะอาด CFP (Clean Fuel Project โรงกลั่นน้ำมันใน อ.ศรีราชา จ.ชลบุรี ที่เกิดจากการรวมตัวของ 24 บริษัทผู้รับเหมาช่วงไทย ได้ร่วมกันแถลงถึงผลกระทบที่เกิดจากการจ่ายเงินงวดของผู้รับเหมาหลัก ที่ล่าช้าต่อเนื่องนานกว่า 6 เดือน จนส่งผลกระทบ ต่อทั้งนายจ้างและแรงงานกว่า 2 หมื่นชีวิต พร้อมประกาศเดินเท้ายื่นหนังสือชี้แจงความเดือดร้อน 

รวมทั้ง ข้อเรียกร้องที่ต้องการให้เจ้าของโครงการฯ แสดงความชัดเจนในการเจรจากับบริษัทผู้รับเหมาหลัก เพื่อให้นำเงินที่ได้รับ ออกมาจ่ายค่างวดงานให้กับผู้รับเหมาไทย ก่อนที่สายป่านทางการเงินจะขาด จนต้องลอยแพแรงงานกว่า 20,000 คน

ล่าสุด เมื่อเวลา 09.00 น.วันนี้ ( 18 ต.ค.) นายธวัชชัย ศรีทอง ผู้ว่าราชการจังหวัดชลบุรี ได้มอบหมายให้นายชัยพร แพภิรมย์รัตน์ รองผู้ว่าราชการจังหวัด เดินทางมายังบริเวณโค้งด้านหน้าโรงเรียนบุญจิตวิทยา ซึ่งเป็นจุดนัดรวมตัวของตัวแทนนายจ้างและแรงงานจาก 24 บริษัทผู้รับเหมาช่วงไทย เพื่อร่วมเดินเท้าไปยื่นหนังสือต่อผู้บริหารโครงการพลังงานสะอาด ใน อ.ศรีราชา จ.ชลบุรี  

ขณะที่รูปแบบการเดินขบวนจะแบ่งเป็น 2 เส้นทางคือ ขบวนแรกได้ออกเดินจากประตู 1 โครงการพลังงานสะอาดฯ ไปยังป้ายสามเหลี่ยมด้านหน้าโครงการฯ

ส่วนขบวนที่ 2 เดินเท้าจากโรงเรียนบุญจิตวิทยา ไปยังป้ายสามเหลี่ยมหน้าโครงการฯ เพื่อร่วมบูม PAY PAY PAY เรียกร้องให้ผู้รับเหมาหลักจ่ายเงินงวด  

ทั้ง 2 ขบวน จะมีผู้ร่วมเดินเท้ามากกว่า 3,000 คน โดยจะมีทั้งผู้บริหารบริษัทรับเหมาช่วง และแรงงาน ที่พร้อมใจกันสวมใส่หมวก safety และเสื้อยูนิฟอร์มถือธงสัญลักษณ์ของแต่ละบริษัท รวมทั้งป้ายข้อความต่างๆ อาทิ คนจ่ายใจลอย คนคอยใจจะขาด , รอเงินจาก 10,000 บาทจากรัฐ ยังดูมีความหวังกว่ารอเงินจาก ...,  คนไทยตกงาน บริษัทต่างชาติไม่จ่ายเงิน หรือแม้แต่การระบุชื่อ 3 ผู้ร่วมทุนบริษัทรับเหมาหลักต่างชาติ พร้อมเรียกร้องให้จ่ายเงิน ฯลฯ  

ระหว่างเดินทางยังจัดทีมการ์ดของแต่ละบริษัทช่วยเคลียร์เส้นทาง ร่วมกับเจ้าหน้าที่ตำรวจในพื้นที่ ปิดท้ายขบวนด้วยทีมแม่บ้านที่จะช่วยทำความสะอาดจุดที่เดินผ่าน เพื่อลดความเดือดร้อนต่อประชาชนผู้ใช้รถใช้ถนน

ส่วนเนื้อหาบางตอนที่ระบุในจดหมายซึ่งยื่นต่อผู้ว่าราชการจังหวัดชลบุรี และผู้บริหารโครงการพลังงานสะอาด อ.ศรีราชา จ.ชลบุรี ระบุว่า

“ปัจจุบันผู้รับเหมาช่วงไทย กำลังประสบปัญหาอย่างหนักจากการที่ผู้รับเหมาหลักค้างชำระค่าจ้างก่อสร้าง แม้ว่าผู้รับเหมาช่วงได้ส่งมอบงานตามสัญญาเรียบร้อยแล้วซึ่งเป็นผลงานตั้งแต่เดือน กุมภาพันธ์ 2567 รวมมูลค่าหลายพันล้านบาท และได้ส่งผลกระทบรุนแรงต่อสภาพคล่องทางการเงินของบริษัทผู้รับเหมาช่วงกว่า 100 กว่าราย และแรงงานกว่า 10,000 คน

นอกจากนี้ ผู้รับเหมาช่วงบางรายยังจำเป็นต้องดำเนินงานต่อโดยไม่ได้รับค่าตอบแทน เพื่อหลีกเลี่ยงการถูกฟ้องร้องเรียกค่าเสียหาย จนทำให้เกิดภาวะขาดสภาพคล่องเป็นระยะเวลายาวนาน โดยยังไม่ได้รับการเยียวยาหรือความช่วยเหลือที่เพียงพอจากบุคคลที่เกี่ยวข้อง

ทั้งนี้การค้างชำระค่าจ้างก่อสร้างดังกล่าว ก่อให้เกิดผลกระทบร้ายแรงในวงกว้างทั้งความมั่นคงด้านพลังงานของประเทศ เนื่องจากโครงการก่อสร้างโรงกลั่นน้ำมัน เป็นโครงการสำคัญที่จะเสริมสร้างความมั่นคงด้านพลังงานของประเทศการล่าช้าหรือหยุดชะงักของโครงการจะส่งผลกระทบโดยตรงต่อแผนพัฒนาพลังงานในระยะยาว

และยังส่งผลกระทบรุนแรงต่อชีวิตความเป็นอยู่ของแรงงานกว่าหลายพันคนและครอบครัวที่ถูกเลิกจ้างและที่กำลังจะถูกเลิกจ้างสถานการณ์นี้อาจนำไปสู่ปัญหาสังคมที่รุนแรงในวงกว้าง เช่น การเพิ่มขึ้นของอาชญากรรม หรือปัญหาสุขภาพจิตในชุมชน รวมทั้งความเชื่อมั่นต่อเจ้าของโครงการในไทย ซึ่งจะส่งผลเสียอย่างร้ายแรงต่อภาพลักษณ์และความน่าเชื่อถือของเจ้าของโครงการขนาดใหญ่ระดับประเทศ ซึ่งมีกระทรวงการคลังถือหุ้นทางอ้อมในอันดับต้นๆ และอาจส่งผลกระทบระยะยาวในอนาคตฯลฯ ”

และยังได้มีการเรียกร้องให้ภาครัฐ และผู้ถือหุ้นทางอ้อมของเจ้าของโครงการ หาแนวทางที่มีประสิทธิภาพมากกว่านี้ในการบรรเทาความเดือดร้อนและรักษาผลประโยชน์ของทุกฝ่าย เพื่อประคองให้โครงการดำเนินต่อไปได้

รวมทั้งขอให้มีการตรวจสอบข้อเท็จจริงเกี่ยวกับสถานการณ์การค้างชำระค่าจ้างผู้รับเหมาช่วงในโครงการ และประเมินความเสี่ยงที่อาจเกิดขึ้นต่อความสำเร็จของโครงการ และจัดหามาตรการช่วยเหลือเร่งด่วน สำหรับกลุ่มบริษัทผู้รับเหมาช่วง รวมถึงแรงงานที่ได้รับผลกระทบ โดยเฉพาะการจัดตั้งกองทุนฉุกเฉิน เพื่อบรรเทาความเดือดร้อนของแรงงานและครอบครัว

ที่สำคัญยังขอให้มีการประสานงานกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เพื่อเร่งรัดกระบวนการจ่ายค่าตอบแทนที่ค้างชำระ โดยอาจพิจารณาใช้มาตรการช่วยเหลือทางกฎหมายหากจำเป็น

ศูนย์ส่งเสริมอุตสาหกรรม ภาคที่ 10 กรมส่งเสริมอุตสาหกรรม ได้เพิ่มศักยภาพในการพัฒนาในการแข่งขันในตลาดสากล กลุ่มสาขาของใช้ ของตกแต่ง ของที่ระลึก ปี 2024

ศูนย์ส่งเสริมอุตสาหกรรม ภาคที่ 10 กรมส่งเสริมอุตสาหกรรม ได้ดำเนินกิจกรรมเพิ่มศักยภาพด้านการพัฒนาผลิตภัณฑ์สินค้าชุมชน สาขาของใช้ ของตกแต่ง ของที่ระลึก ในจังหวัดนครศรีธรรมราช และได้สนับสนุนเพิ่มศักยภาพของกลุ่มวิสาหกิจ โดยพัฒนาผลิตภัณฑ์ใหม่ จำนวน 3 ผลิตภัณฑ์ ซึ่งแต่ละผลิตภัณฑ์สามารถใช้งานได้หลากหลาย (Multifunction Product) ดังนี้

1. กลุ่มคีรี Kiree  >> พัฒนาผลิตภัณฑ์คลุมไหล่ ที่ยังสามารถใช้งาน ผ้าพันคอ และกระเป๋าได้อีกด้วย
2. วิสาหกิจชุมชนเศรษฐกิจพอเพียงในครัวเรือน >> พัฒนาผลิตภัณฑ์เทียมหอมไล่ยุง สามารถจุดไล่ยุงได้ และช่วยในการผ่อนคลาย ช่วยในการฝึกสมาธิ และผลิตจากไขถั่วเหลือง 100% ที่ยังสามารถนำน้ำตาเทียน มาทาบนผิวหนังให้ชุ่มชื่น
3. วิสาหกิจเกษตรกรชาวสวนบ้านต้นมะม่วง >> พัฒนาผลิตภัณฑ์ถ่านดับกลิ่นจากเปลือกมังคุด เป็นรูปมโนราห์ จัดเป็นนาฏศิลป์พื้นถิ่น เพื่อขจัดกลิ่นและไล่แมลงที่ไม่พึงประสงค์ได้ ในรถ ตู้เย็น ในห้องพัก และยังสามารถวางตกแต่งเพื่อความสวยงาม

‘ศูนย์วิจัยกสิกร’ เปิดตัวเลข GDP ไตรมาส 3 จีนโต 4.6% คาดทั้งปีโต 4.8% หลุดเป้า เหตุจากการเมืองระหว่างประเทศ

(18 ต.ค. 67) ศูนย์วิจัยกสิกร หรือ KResearch รายงานว่า เศรษฐกิจจีนเติบโตชะลอลงอยู่ที่ 4.6%YoY ในไตรมาส 3/24 โดย 9 เดือนแรกของปี 2024 เศรษฐกิจจีนขยายตัวที่ 4.8%YoY โดยมีรายละเอียด ดังนี้

1.ภาคอสังหาริมทรัพย์ยังเป็นปัจจัยฉุดรั้งสำคัญ โดยการลงทุนในภาคอสังหาริมทรัพย์ 9 เดือนแรกของปี 2024 ยังหดตัวที่ -10.1%YoY

2.การบริโภคภายในประเทศยังอ่อนแอ รวมถึงความเสี่ยงจากเรื่องเงินฝืดยังมีอยู่ โดยดัชนีราคาผู้บริโภค และดัชนีราคาผู้บริโภคพื้นฐานเดือนก.ย.2024 ขยายตัวอยู่ในระดับต่ำที่ 0.4% และ 0.1% ตามลำดับ ทั้งนี้ ผลจากการเพิ่มเงินอุดหนุนในมาตรการ Trade in (ของเก่าแลกของใหม่) เดือนก.ค. 2024 ช่วยหนุนให้ยอดค้าปลีกในไตรมาส 3/24 เติบโตอยู่ที่ 2.7%YoY ทรงตัวจากไตรมาส 2/24 ที่ 2.6%YoY

3.การส่งออกเป็นแรงขับเคลื่อนที่สำคัญของเศรษฐกิจจีนในไตรมาสที่ 3/24 โดยขยายตัวอยู่ที่  6.0%YoY จาก 5.7%YoY ในไตรมาส 2/24 จากการเร่งส่งออกไปสหรัฐฯ และยุโรปจากความกังวลเกี่ยวกับการยกระดับสงครามการค้า และการกีดกันทางการค้าที่เพิ่มขึ้นก่อนจะมีการเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐฯ ในเดือนพ.ย.2024 อย่างไรก็ตาม ในระยะข้างหน้าการส่งออกจะเริ่มมีแนวโน้มส่งผลบวกต่อเศรษฐกิจชะลอลง หลังมีการเร่งส่งออกไปในช่วง 9 เดือนแรกของปี 2024

4.ด้านอุตสาหกรรม High-tech ที่ทางการจีนให้ความสำคัญยังเป็นอีกปัจจัยหนุนเศรษฐกิจในไตรมาส 3/24 โดยดัชนีการผลิตภาคอุตสาหกรรมในอุตสาหกรรม High-tech  และการลงทุนในอุตสาหกรรม High-tech ช่วง 9 เดือนแรกของปี 2024 เติบโตได้อยู่ที่ 9.1%YoY และ 10.0%YoY ตามลำดับ

ในไตรมาสสุดท้ายของปี 2024 เศรษฐกิจจีนมีแนวโน้มเร่งตัวขึ้นจากไตรมาส 3/24 จากมาตรการเศรษฐกิจที่ทางการจีนทยอยออกมา โดยคาดว่าจะมีมาตรการทางการคลังออกมาเพิ่มเติม ซึ่งขนาดของวงเงินและรายละเอียดของมาตรการน่าจะมีออกมาในช่วงสิ้นเดือนต.ค.2024 ถึงต้นเดือนพ.ย.2024 นอกจากนี้ ในฝั่งมาตรการทางการเงินคาดมีการปรับลดสัดส่วนการกันสำรองของธนาคารพาณิชย์เพิ่มเติมอีก 0.25-0.50% ตามที่ผู้ว่าการธนาคารกลางจีนได้ระบุไว้ อย่างไรก็ตาม เศรษฐกิจจีนยังเผชิญความเสี่ยงสำคัญหลายด้าน คือ

1.สถานการณ์การกีดกันทางการค้าที่มีแนวโน้มรุนแรงขึ้น หลังการเลือกตั้งสหรัฐฯ ในเดือนพ.ย. 2024 นี้ ศูนย์วิจัยกสิกรไทยมองว่าไม่ว่าจะเป็นพรรคใดที่ได้รับการเลือกตั้ง สหรัฐฯ จะเพิ่มการกีดกันการค้ากับจีน ขณะที่ปัญหากำลังการผลิตส่วนเกินในอุตสาหกรรม เช่น รถยนต์ จะยิ่งเพิ่มความเสี่ยงในการปรับเพิ่มภาษีจากประเทศอื่น ๆ

2.ภาคอสังหาริมทรัพย์จะยังเป็นปัจจัยกดดันการลงทุนในประเทศ ซึ่งการคลี่คลายปัญหายังต้องใช้เวลาอย่างน้อย 1-2 ปี แม้ทางการจะทยอยออกมาตรการต่าง ๆ เช่น ปรับลดเงินดาวน์ และผ่อนคลายกฎเกณฑ์ในการซื้ออสังหาริมทรัพย์ โดยล่าสุดมีการขยายวงเงินในมาตรการ whitelist ที่สนับสนุนสินเชื่อให้กับโครงการที่อยู่อาศัยที่ยังสร้างไม่เสร็จเพิ่มขึ้นเกือบ 2 เท่าเป็น 4 ล้านล้านหยวน อย่างไรก็ตาม ราคาที่อยู่อาศัย ยอดขายที่อยู่อาศัยรวมถึงการลงทุนในที่อยู่อาศัยยังมีแนวโน้มชะลอลง นอกจากนี้ ดัชนีความต้องการในการซื้อบ้านยังคงปรับลดลง

3.ความเชื่อมั่นผู้บริโภคที่ยังอยู่ในระดับต่ำจะยังกดดันการบริโภคในประเทศ แม้จะมีมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจและการผ่อนคลายในภาคการเงิน แต่ภาคอสังหาริมทรัพย์ที่ยังมีทิศทางชะลอตัวจะยังกดดันความเชื่อมั่นผู้บริโภคของจีน เนื่องจากครัวเรือนในจีนมีความมั่งคั่งประมาณ 70% อยู่ในภาคอสังหาริมทรัพย์

ดังนั้นศูนย์วิจัยกสิกรไทยจึงคาดการณ์ว่าเศรษฐกิจจีนปี 2024 มีแนวโน้มเติบโตที่ 4.8% ต่ำกว่าเป้าหมายทางการที่ 5.0%

‘ดิไอคอน’ จุดตั้งต้นบูรณาการความชั่วร้ายสามฝ่าย นักธุรกิจ-ข้าราชการ-นักการเมือง ร่วมเอี่ยว ‘สินบนเทวดา’

ดูขนาดธุรกิจธุรกรรม 'ขายตรง' ของ 'ดิไอคอนกรุ๊ป' กำลังเป็นข่าวดังข่าวร้อนในขณะนี้แล้วก็นับว่าจากปี 2561 ถึงปัจจุบันเติบใหญ่มาก ๆ จนเกิดการตั้งคำถามว่าขายของอย่างเดียวหรือมีลักษณะขายสมาชิก..แบบแชร์ลูกโซ่ด้วยหรือไม่ ?

ดูขนาดธุรกิจของ 'ดิไอคอนกรุ๊ป' หน่อย..มีสมาชิกในระดับต่าง ๆ กว่า 368,257 ราย แบ่งเป็น 
-'ร้านค้าปลีก' distributor (ลงทุน 2,500 บาท) จำนวน 285,833 ราย (714,582,500 บาท)
- 'หัวหน้าทีม' Supervisor (ลงทุน 25,000 บาท) 43,976 ราย (1,099,400,000 บาท) 
-'ตัวแทนจำหน่าย' Dealer (ลงทุน 250,000 บาท) 31,972 ราย (7,993,000,000 บาท) และ
- 'ตัวแทนจำหน่าย (เล็ก)' Mini Dealer : 6,476 ราย

ยอดผู้เสียหายที่ไปลงทุนร่วมงานด้วยตอนนี้ไปแจ้งความพันกว่าราย ความเสียหาย 4-500 ล้านบาท ตัวเลขจะเพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ เพราะทางตำรวจเปิดให้แจ้งความได้ทั่วประเทศ

งานนี้ดูเหมือนว่าทางตำรวจเอาจริงเอาจัง ภายใต้การนำของ ผบ.ตร.คนใหม่ 'บิ๊กต่าย' พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ พันธุ์เพ็ชร์ โดยมี พล.ต.ท.อัครเดช พิมลศรี 'บิ๊กอ้อ' ผช.ผบ.ตร.และพล.ต.ท.จิรภพ ภูริเดช 'บิ๊กก้อง' ผบช.ก.ว่าที่ผบ.ตร.ในอนาคต เป็นโต้โผดูแลคดี..

ภาวนาให้คดีนี้ไม่ถูกโอนไปให้กรมสอบสวนคดีพิเศษ(ดีเอสไอ) กระทรวงยุติธรรม ที่มี 'เทวดา' สิงสถิตอยู่หลายองค์..อยากให้ตำรวจภายใต้การนำของ 3 บิ๊กได้โชว์ฟอร์มทำคดีพิสูจน์น้ำยากู้ชื่อตำรวจ..เพราะดูแล้วขณะนี้การแทรกแซงจากการเมืองน่าจะน้อยกว่าการโอนคดีไปให้ดีเอสไอ..

นอกเหนือจากโจทย์การดำเนินการธุรกิจที่ผิดกฎหมายบิดเบี้ยวเกิดความเสียหายของดิไอคอนกรุ๊ป ซึ่งตำรวจจะต้องดำเนินการแล้ว ยังมีโจทย์ด้านอื่น ๆ ที่ผู้เกี่ยวข้องจะต้องดำเนินการหรือบูรณาการแก้ไขหรือชำระสะสาง

สำนักงานคณะกรรมการคุ้มครองผู้บริโภค (สคบ.) ที่ไม่สามารถปฏิเสธได้ถึงจุดเริ่มต้น  ความเป็นไปของธุรกิจขายตรงของดิไอคอนกรุ๊ป กระทั่งเกิดกรณี 'เทวดาสคบ.' ระดับน้อยใหญ่ ทั้งเจ้าหน้าที่และฝ่ายการเมือง ต้องสะสางกวาดบ้านตัวเองครั้งใหญ่

ภาพรวมการบริหารจัดการกรณีการขายตรง,แชร์ลูกโซ่,การคุ้มครองผู้บริโภค ที่กระจายบทบาทความรับผิดชอบไปอยู่ในหน่วยงานต่าง ๆ ถึงเวลาที่จะต้องทบทวนยกเครื่องกันอีกครั้งหรือไม่..?

กรณีดิ ไอคอน กรุ๊ป..ทุกฝ่ายได้แลเห็นกันอีกครั้งว่าการทุจริตคอร์รัปชัน การติดสินบน การรีดไถ..นั้นเกิดขึ้นจากการบูรณาการความชั่วร้ายสามฝ่าย..นักธุรกิจ-ข้าราชการ-นักการเมือง.. ซึ่งขณะนี้ฝ่ายนักการเมืองกำลังถูกลากไส้หนักกว่าฝ่ายอื่น โดยเฉพาะกรณี 'สินบนเทวดา'...

รูปเรื่องของเทวดาสคบ./สินบนเทวดา..สรุปได้สั้น ๆ เพียงว่า มีนักการเมืองที่มีความรู้เรื่องแชร์ลูกโซ่ผู้หนึ่งมีโอกาสได้เข้าถึงผู้มีอำนาจเมื่อปลายปี 2562 และมีตำแหน่งแห่งที่เป็นกึ่ง ๆ ข้าราชการการเมือง และได้มีปฏิสัมพันธ์กับ 'บอส' หนุ่มคนดัง จนต่อมาเกิดคลิปเสียงอย่างน้อย2คลิปเรื่องเม็ดเงินและการดูแล..

แต่ไฮไลต์จริง ๆ เหนือนักการเมืองผู้นี้ยังมีลูกพี่ที่เรืองอำนาจสุด ๆในขณะนั้น ซึ่งน่าจะเป็นคนเดียวกับที่คุณเอกภพ สายไหมต้องรอด ระบุว่าชอบรับสินบนเป็นเงินดิจิทัล ตระกูล USTD..ซึ่งข่าวไม่ระบุว่าเงินดิจิทัลนี้ใช้เล่นม้าออนไลน์ได้หรือไม่..??

แม้เมื่อ 15 ต.ค.ที่ผ่านมา 'บอสพอล' ได้โพสต์ข้อความกราบเท้าขอโทษขออภัยนักการเมืองชื่อส. ยืนยันว่าไม่เคยให้เงินกับนักการเมืองคนนี้แม้แต่บาทเดียว พร้อมเดตไลน์ขอให้สื่อลบคลิปดังกล่าว...แต่ดูเหมือนทุกอย่างจะไม่ทันการณ์...ทีมทนายอเวนเจอร์ได้ปฏิบัติการให้ 'ลุงป้อม' ตรวจสอบนักการเมืองชื่อส.ว่าเป็นบุคคลในคลิปลับหรือไม่...

งานนี้ปืนใหญ่ถล่มดิ ไอคอน กรุ๊ป...แต่สะเก็ดระเบิดโดนบ้านในป่าเบื้องต้นพบว่า..ออกอาการบาดเจ็บสาหัส..มากกว่าบอสพอล,บอสแซม,บอสกันต์,บอสมิน...

ยุคทอง TECH COMPANY ผ่านมา 10 ปี บริษัทเหล่านี้โตขึ้นเท่าไหร่?

ในช่วง 10 ปีที่ผ่านมา ถือว่าเป็นยุคทองของบริษัท เทคโนโลยี อย่างแท้จริง โดยเฉพาะในกลุ่ม Big Tech ที่เติบโตอย่างก้าวกระโดด 

บริษัทไหน เติบโตเท่าไหร่ ไปติดตามกัน

ย้อนที่เป็นมาตำนานประเพณี ‘ชักพระ’ สุราษฎร์ธานี หนึ่งในสองประเพณีที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในพื้นที่ภาคใต้

(18 ต.ค. 67) หากนับตามปฏิทินจันทรคติวันนี้คือวันขึ้น 1 ค่ำ เดือน 11 วันอาสาฬหบูชาตามความสำคัญในศาสนาพุทธ ที่มีการตักบาตรเทโวโรหณะ ตามคติว่าเป็นวันที่พระพุทธเจ้าเสด็จจากสวรรค์ชั้นดาวดึงส์ ที่ท่านทรงแสดงธรรมเทศนาโปรดพระมารดา ในการเสด็จลงจากสวรรค์ชั้นดาวดึงส์นั้นได้มีพุทธศาสนิกชนสมัยพุทธกาลเป็นจำนวนมากได้รอใส่บาตรเพื่อเป็นกุศลแก่ชีวิต 

จากคติที่ว่ามานี้ได้นำมาสู่อีกหนึ่งประเพณีที่มีงดงามของประเทศไทย โดยเฉพาะพื้นที่ภาคใต้ คือประเพณีชักพระ ที่จะจัดขึ้นทุก ๆ วันขึ้น 1 ค่ำเดือน 11 ของทุก ๆ ปี

การชักพระในพื้นที่ภาคใต้ของไทยนั้นมีอยู่ด้วยกัน 2 รูปแบบ คือ

การชักพระทางบก คือการอัญเชิญพระพุทธรูปปางอุ้มบาตรขึ้นประดิษฐาน บนนบพระ หรือบุษบก แล้วแห่แหน ใช้เชือกแบ่งผูกเป็น 2 สาย เป็นสายผู้หญิงและสายผู้ชาย ใช้โพน ฆ้อง ระฆัง เป็นเครื่องตีให้จังหวะในการลากพระ คนลากจะเบียดเสียดกันสนุกสนานและประสานเสียงร้องบทลากพระเพื่อผ่อนแรง วัดส่วนใหญ่ ที่ดำเนินการประเพณีลากพระวิธีนี้ มักตั้งอยู่ในที่ไกลแม่น้ำลำคลอง

การชักพระทางน้ำ เป็นการอัญเชิญพระพุทธรูปปางอุ้มบาตรขึ้นประดิษฐาน บนบุษบก ในเรือ แล้วแห่แหนโดยการลากไปทางน้ำ ประเพณีลากพระ ที่มักกระทำด้วยวิธีนี้ เป็นของวัดที่ส่วนใหญ่อยู่ใกล้แม่น้ำลำคลองการลากพระทางน้ำจะสนุกกว่าการลากพระทางบก เพราะสภาพการเอื้ออำนวยต่อกิจกรรมอื่น ๆ เช่น สะดวกในการลากพระ ง่ายแก่การรวมกลุ่มกันจัดเรือพาย

ไม่ว่าจะเป็นการชักพระทางบกหรือทางน้ำล้วนแต่มีการตกแต่งที่ประดิษฐานของพระพุทธรูปอย่างวิจิตร เป็นที่ตื่นตาของทั้งชาวไทยและชาวต่างชาติ เป็นงานบุญครั้งสำคัญที่มีผู้เข้าร่วมเป็นจำนวนมากในทุก ๆ ปี 

สำหรับงานพิธีทางศาสนาที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในพื้นที่ภาคใต้ประกอบไปด้วย 2 พิธี ได้แก่ พิธีสารทเดือนสิบ และพิธีชักพระ

‘งานสารทเดือนสิบ’ ที่เป็นงานบุญที่รวบรวมบรรดาลูกหลานไม่ว่าอยู่ในพื้นที่ไหนก็ต้องกลับบ้าน เป็นงานพิธีเชิงสัญลักษณ์ที่ผูกร้อยให้เกิดความเชื่อมโยงกันในครอบครัว วงศาคณาญาติ ที่ยิ่งใหญ่ที่สุดคงหนีไม่พ้นงานที่จังหวัดนครศรีธรรมราช 

และหากกล่าวถึงประเพณีชักพระแล้วเป็นไปไม่ได้เลยที่จะละเลยการกล่าวถึง ‘สุราษฎร์ธานี’ ที่ประเพณีนี้มีความยิ่งใหญ่ที่สุด จนมีชื่อเสียงระดับประเทศ ทั้งจากประชาชนที่เข้าร่วมงานเป็นจำนวนมาก พร้อมทั้งความวิจิตรของขบวนชักพระ นอกจากนี้ในจังหวัดสุราษฎร์ธานียังได้ผนวกอีกหลายประเพณีรวมกันเป็น ‘งานประเพณีชักพระ ทอดผ้าป่า และแข่งเรือยาวฯ’

ซึ่งในปีนี้นายพีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน ได้เป็นประธานในพิธีเปิดงาน พร้อมยกทีมอันประกอบด้วยนายเอกนัฏ พร้อมพันธุ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรของพรรครวมไทยสร้างชาติ 

เป็นการตอกย้ำความเป็นพื้นที่ยุทธศาสตร์ของพรรครวมไทยสร้างชาติที่สามารถคว้าเก้าอี้ สส. ได้มากที่สุดของพรรค และเน้นย้ำถึงการให้ความสำคัญของพื้นที่ภาคใต้เป็นอย่างยิ่ง ผ่านการมีการมีส่วนร่วมไม่ว่าจะยามทุกข์หรือยามสุข

ราคาทองคำเอเชียพุ่งกระฉูดทำ All Time High รับสถานการณ์สงครามตะวันออกกลางกำลังตึงเครียด

(18 ต.ค. 67) สำนักข่าวเอเอฟพีรายงาน ราคาทองคำตลาดเอเชียเมื่อช่วงเช้าวันศุกร์ (18 ต.ค.) ซื้อขายในราคาสูงสุดเป็นประวัติการณ์ที่ 2,704.89 ดอลลาร์ เพิ่มขึ้นต่อเนื่องจากราคาสูงสุดเมื่อวันพฤหัสบดี (17 ต.ค.) ที่ 2,688.83 ดอลลาร์

ตลาดกำลังจับตาวิกฤติในตะวันออกกลาง ขณะที่อิสราเอลกำลังถล่มฮามาสในกาซา และฮิซบอลเลาะห์ทางตอนใต้ของเลบานอน ด้วยความกังวลว่าสงครามอาจขยายวงไปถึงอิหร่าน

ทั้งนี้ ราคาทองคำขึ้นมาโดยตลอด ตั้งแต่ต้นปีขึ้นมาแล้วราว 30% ในช่วงที่ธนาคารกลางทยอยลดอัตราดอกเบี้ย ทำให้ทองคำน่าสนใจมากขึ้นสำหรับนักลงทุน ยิ่งผนวกกับความไม่แน่นอนของสงครามรวมถึงสงครามในยูเครน นักลงทุนยิ่งต้องการสินทรัพย์ปลอดภัย

รู้จักตัวตึง พปชร. ‘สามารถ เจนชัยจิตรวนิช’ อดีต ‘ผู้ช่วย รมว. ยุติธรรม’ แต่ ‘กลุ่มสามมิตร’ ไม่ให้ไปต่อ

(18 ต.ค.67) ในช่วงไม่กี่เดือนที่ผ่านมา ชื่อของ ‘สามารถ เจนชัยจิตรวนิช’ ปรากฏบนหน้าสื่ออยู่บ่อยครั้ง หลังจากหวนกลับมาร่วมชายคา พรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) อีกรอบ

ซึ่งการกลับมาในครั้งนี้ถือว่ามีบทบาทที่ไม่ธรรมดาว่ากันว่าเขา คือหนึ่งในชนวนเหตุ ที่ทำให้เกิดการแตกหักภายในพรรคพลังประชารัฐ ระหว่าง ‘ลุงป้อม‘ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ กับ ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า จากอดีตคนเคยรักกลับกลายมาต้องแตกหักเป็น 2 ขั้ว กระทั่งสุดท้าย พรรคพลังประชารัฐ ต้องสลับขั้วมาเป็นพรรคฝ่ายค้านอยู่ในขณะนี้ 

ล่าสุดเมื่อไม่กี่วันที่ผ่านมา ‘สามารถ’ กลับมาอยู่ในความสนใจของสังคมอีกครั้ง หลังจากมีคลิปไวรัลที่หลุดออกมาในช่วงคดี ‘ดิไอคอนกรุ๊ป’ กําลังเป็นประเด็นร้อนแรง ซึ่งเป็นบทสนทนาระหว่าง ‘บอสพอล - วรัตน์พล วรัทย์วรกุล’ แห่งดิไอคอนกรุ๊ป กับนักการเมืองคนหนึ่งที่อ้างว่ามีเส้นสายสามารถเคลียร์กรรมาธิการในสภาได้ พร้อมกับเรียกเงินจากบอสพอล หลัก 30 ล้านบาทและรายเดือนอีกเดือนละ 100,000 บาท เพื่อแลกกับหลักประกันว่าดีไอคอนจะปลอดภัยภายใต้การดูแลของสำนักงานคณะกรรมการคุ้มครองผู้บริโภค (สคบ.) หลังจากนั้น บอสพอล ได้ไปออกรายการโหนกระแสของ หนุ่ม กรรชัย และได้ยอมรับว่าเสียงในคลิปนั้นเป็นเสียงตนเองจริง

อีกทั้ง บอสพอล ยังยอมรับว่า ได้จ่ายเงินเดือนละ 100,000 บาท แต่ไม่ได้จ่ายเงิน 30 ล้าน และไม่ยอมบอกว่าคู่สนทนาที่มาตบทรัพย์นั้นเป็นใคร แต่คนที่ติดตามข่าวการเมืองเป็นประจำ ต่างฟันธงตรงกันว่า เสียงที่อยู่ในคลิปนั้น เป็นเสียงของนักการเมืองที่มีชื่อย่อ ส. อย่างแน่นอน

หลังจากเป็นกระแสร้อนแรงขึ้นมา ทาง ‘สามารถ เจนชัยจิตรวนิช’ ซึ่งปัจจุบันมีตำแหน่งเป็น รองโฆษกพรรคพลังประชารัฐ ได้ให้สัมภาษณ์ผ่านทางโทรศัพท์ว่า ไม่ใช่เสียงของตนเองและหากใครมาพาดพิงหรือกล่าวหาก็จะดําเนินงานทางกฎหมายทันที 

นั่นจึงเป็นที่มา ของการขุดคุ้ยถึงประวัติและวีรกรรมในอดีตของ ‘สามารถ’ กันอย่างคึกคักอีกครั้ง

ทั้งนี้ หากย้อนไปดูประวัติของ ‘สามารถ เจนชัยจิตรวนิช’ เจ้าตัวเคย แนะนำตัวเองผ่านเฟซบุ๊กส่วนตัว มีชื่อเล่นว่า จ๊อบ เกิดเมื่อวันที่ 30 เมษายน พ.ศ. 2526 เป็น ประธานสมาพันธ์ต่อต้านแชร์ลูกโซ่แห่งประเทศไทย ได้รับแต่งตั้งเมื่อ พ.ศ. 2557 เคยเป็นผู้อำนวยการศูนย์ร้องทุกข์กลุ่มสามมิตร กรรมการรณรงค์หาเสียงเลือกตั้งพรรคพลังประชารัฐ กรรมการอนุติดตามจัดหาประเด็นในการหาเสียงพรรคพลังประชารัฐ เป็นผู้ผลักดันให้แก้กฎหมายแชร์ลูกโซ่ เพิ่มโทษกับผู้กระทำความผิด จนทำให้กลายเป็นวาระชาติ

ส่วนการเข้าสู่เส้นทางการเมืองของ ‘สามารถ’ นั้น ว่ากันว่า ‘สมศักดิ์ เทพสุทิน’ แกนนำกลุ่มสามมิตร ในพรรคพลังประชารัฐในขณะนั้น คือ ผู้ชักนำให้ ‘สามารถ’ เข้ามาอยู่ภายใต้ชายคาพรรคพลังประชารัฐ และมีโอกาสโลดแล่นอยู่บนถนนสายการเมืองอย่างเต็มตัว และในเวลาต่อมายังได้ลงสมัครรับเลือกตั้ง สส.แบบบัญชีรายชื่อ สังกัดพรรคพลังประชารัฐในปี 2562 

ไม่เพียงเท่านั้น หลังการเลือกตั้งปี 2562 พรรคพลังประชารัฐ ได้เป็นแกนนำรัฐบาล ‘สามารถ’ ยังได้รับความไว้วางใจจาก ‘สมศักดิ์ เทพสุทิน’ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม ให้นั่งในตำแหน่ง ‘ผู้ช่วยรัฐมนตรีกระทรวงยุติธรรม’ อีกด้วย ซึ่งกระทรวงยุติธรรมมีหน่วยงานสำคัญในสังกัด ก็คือ กรมสอบสวนคดีพิเศษ (DSI) ขณะเดียวกัน ‘อนุชา นาคาศัย’ หนึ่งในแกนนำสามมิตร ที่มีความสนิทสนมกับ ‘สมศักดิ์ เทพสุทิน’ ยังมีตำแหน่งรัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ที่กำกับดูแล สำนักงานคณะกรรมการคุ้มครองผู้บริโภค (สคบ.) อีกด้วย

นั่นเท่ากับว่า ‘สามารถ’ ที่นั่งเก้าอี้ ‘ผู้ช่วยรัฐมนตรีกระทรวงยุติธรรม’ เป็นดังเสือติดปีก ข้าราชการ และเจ้าหน้าที่ส่วนใหญ่ล้วนเกรงอกเกรงใจ และว่ากันว่า คลิปเสียงที่หลุดออกมานั้น อยู่ในห้วงเวลาที่เขาอยู่ในตำแหน่ง ผู้ช่วยรัฐมนตรี พอดี

แต่อย่างไรก็ตาม เมื่อวันที่ 2 พ.ค. 64 คณะกรรมการสอบสวนของพรรคพลังประชารัฐ มีมติเอกฉันท์ปลด ‘สามารถ’ ออกจากตำแหน่งหน้าที่ทั้งหมด ไม่ว่าจะเป็น ผู้ช่วยรัฐมนตรี, ตำแหน่งผู้อำนวยการศูนย์รับเรื่องราวร้องทุกข์พรรคพลังประชารัฐ, คณะกรรมการประสานงานพรรคร่วมรัฐบาล, คณะกรรมการศูนย์ปฏิบัติการป้องกันและปราบปรามการกระทำความผิดการฉ้อโกงประชาชนในลักษณะแชร์ลูกโซ่ และห้ามไม่ให้ใช้ตราเครื่องหมายพรรคโดยเด็ดขาด

โดยก่อนจะมีคำสั่งปลด ‘สามารถ’ จากทุกตำแหน่งนั้น เกิดกรณีมหาวิทยาลัยรัฐแห่งหนึ่งทำหนังสือสอบถามไปยังพรรคพลังประชารัฐ ถึงสถานะของสมาชิกพรรครายหนึ่ง ซึ่งได้เข้าศึกษาหลักสูตรภาษาอังกฤษสำหรับนักศึกษาปริญญาเอก ระดับกลาง ในมหาวิทยาลัย แต่ไม่ได้เข้าเรียนด้วยตัวเอง กระทั่งถูกตัดสิทธิ์นักศึกษา

ต่อมา มีคำสั่งมหาวิทยาลัยรามคำแหงที่ 3437/2564 ลงวันที่ 28 ตุลาคม 2564 ลงนามโดย ผศ.เตมีย์ ระเบียบโลก รองอธิการบดีฝ่ายกิจการนักศึกษา ประธานกรรมการสอบวินัยนักศึกษา เรื่องการแต่งตั้งกรรมการสอบวินัยนักศึกษา ได้พิจารณาและรายงานผลการสอบวินัยนักศึกษาเป็นที่เรียบร้อยแล้ว ได้มีมติเห็นชอบตามที่คณะกรรมการสอบวินัยนักศึกษา เสนอให้ยุติเรื่อง ตามนัยมติที่ประชุม ก.บ.ม.ร.ครั้งที่ 14/2556 วาระที่ 5.53 วันที่ 8 มิถุนายน 2565

หลังจากนั้น ‘สามารถ’ ระบุผ่านเฟซบุ๊กว่า คำสั่งมหาวิทยาลัยรามคำแหงทำให้ตัวเองไม่มีความผิดทางวินัยนักศึกษาและไม่ถูกตัดสิทธิ์ เพราะเรื่องสอบสวนไม่มีมูล จึงต้องยุติเรื่องขั้นตอนการตรวจสอบของมหาวิทยาลัย สาเหตุที่ใช้เวลานาน เพราะคณะกรรมการสอบสวนได้สืบ หาข้อมูลจากหลายบุคคลสอบพยานหลายสิบปากเพื่อให้เกิดความกระจ่างและเป็นธรรมกับทุกฝ่าย

และเมื่อไม่นานมานี้ ‘สามารถ’ ได้กลับมาโลดแล่นบนถนนสายการเมืองอีกครั้ง โดยได้กลับเข้ามาเป็นสมาชิกพรรคพลังประชารัฐอีกครั้ง แต่การกลับมาคราวนี้ได้ขยับขึ้นมาเป็นคนใกล้ชิดและเป็นปากเป็นเสียงแทน ‘ลุงป้อม’ กันเลยทีเดียว 

แต่ภายหลังจากมีคลิปเสียงหลุดออกมาในครั้งนี้ คงต้องติดตามดูว่า ‘ลุงป้อม’ ยังจะไว้วางใจให้เป็นคนใกล้ชิดต่อไปหรือจะขับพ้นพรรค ตามที่มีคนยื่นเรื่องถึงลุงป้อมแล้วก่อนหน้านี้

กทม. รีโนเวท ‘ลุมพินีสถาน’ อาคารยุค 2499 เดินหน้าพัฒนาสู่ ‘โรงละครสาธารณะ’ ใจกลางเมือง

(18 ต.ค. 67) เฟซบุ๊กแฟนเพจ ‘หวังสร้างเมือง’ ได้เผยแพร่ข้อมูลเกี่ยวกับการปรับปรุงลุมพินีสถานว่า 

ลุมพินีสถานใกล้ความจริงอีกขั้นแล้วครับ
กำหนดงานปรับปรุง 270 วัน วันนี้เดินทางมา 51 วันแล้วครับ มาตรวจดูวันนี้ โครงสร้างภายในสวยมาก เราเก็บไว้เกือบทุกอย่าง โดยเฉพาะเวทีไฮโดรลิคตรงกลาง และโครงสร้างหลังคาไม้ พื้นไม้เดิม 
สัญญาเสร็จกลางปี 68 ไว้มาอัปเดตกันอีกครั้ง กรุงเทพฯเรากำลังจะมีโรงละครสาธารณะดีๆใจกลางเมืองแล้วครับ : )

โดยนายศานนท์ หวังสร้างบุญ รองผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร ได้เปิดเผยเพิ่มเติมว่า “กรุงเทพฯกำลังจะมีโรงละครสาธารณะแล้วครับ”

ทั้งนี้ลุมพินีสถานได้ดำเนินการก่อสร้างช่วงประมาณ พ.ศ.2495 และสร้างแล้วเสร็จก่อนปี พ.ศ.2499 โดย เป็นสถานที่จัดแสดงวัฒนธรรมความบันเทิงแบบสมัยใหม่ เช่น การเต้นลีลาศ ดนตรีแจ๊ส ได้รับอิทธิพลจากอเมริกัน เป็นคุณค่าที่รัฐบาลปรารถนาได้มาครอบครอง แม้ไม่ใช่มาจากรากของเราเอง โดยมีไฮไลต์คือเวทีที่สามารถหมุนได้รอบตัว

‘เอกภพ สายไหมต้องรอด’ เปิดข้อมูลสุดตะลึง เครือข่าย The iCon โยกเงินมหาศาลผ่านคริปโต

(18 ต.ค. 67) นายเอกภพ เหลืองประเสริฐ หรือ เอกภพ สายไหมต้องรอด ได้โพสต์ข้อความในเฟซบุ๊ก ความว่า 

พบเส้นเงินผิดปกติกว่า 247,911,936 USDT มูลค่ากว่า 8,223 ล้านบาท ถูกโอนออกไปก่อนที่ 'โค๊ชแล็ป' ดิไอคอน จะถูกจับเพียง 1 ชั่วโมง

ก่อนหน้านี้รองศาสตราจารย์ ดร.สุวินัย ภรณวลัย อดีตอาจารย์คณะเศรษฐศาสตร์มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ และนักเขียนชื่อดัง ได้โพสต์ข้อความให้เจ้าหน้าที่ได้ติดตามยึดทรัพย์คริปโตเคอร์เรนซีของเครือข่าย The iCon เพื่อนำมาชดใช้ให้ผู้เสียหาย


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top