Monday, 9 June 2025
Hard News Team

ออท.สหรัฐฯ ประจำประเทศไทย เข้าเยี่ยมคำนับ รอง นรม.และ รมว.กห.

(17 ต.ค. 67) ณ ห้องสุรศักดิ์มนตรี ภายในศาลาว่าการกระทรวงกลาโหม พลตรี ธนาธิป สว่างแสง โฆษกกระทรวงกลาโหม กล่าวถึง นาย Robert F. Godec (รอเบิร์ต เอฟ โกเด็ก) เอกอัครราชทูตสหรัฐฯ ประจำประเทศไทย (ออท.สหรัฐฯ/ไทย) ได้เข้าเยี่ยมคำนับ นาย ภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรี

(รอง นรม.) และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม (รมว.กห.) เพื่อแสดงความยินดี ในโอกาสเข้ารับตำแหน่ง รมว.กห. และหารือในหลายประเด็น โดยเฉพาะเกี่ยวกับความร่วมมือ ด้านความมั่นคงและอุตสาหกรรมป้องกันประเทศ

โดย รอง นรม. และ รมว.กห. ขอบคุณ ออท.สหรัฐฯ/ไทย และชื่นชมในความร่วมมือที่ผ่านมา ทำให้การดำเนินการเกิดผลสัมฤทธิ์ผลเป็นอย่างดี ซึ่งการเข้าพบในครั้งนี้ ถือเป็นจุดเริ่มต้นที่จะขยายความร่วมมือในการแลกเปลี่ยนความรู้ทั้งด้านการศึกษา การพัฒนากองทัพ การแลกเปลี่ยนยุทโธปกรณ์ ทำให้เกิดความทันสมัยของกองทัพทั้ง 2 ประเทศ อันนำมาซึ่งความเป็นหุ้นส่วนทางยุทธศาสตร์และจะทำให้เกิดความสงบสุขในภูมิภาคเอเซีย-แปซิฟิก

การหารือ ได้กล่าวถึงพัฒนาการอย่างต่อเนื่องในหลายมิติ ทั้งการแลกเปลี่ยนการเยือน การประชุมระดับต่างๆ การปรับการเกณฑ์ทหาร โดยใช้รูปแบบความสมัครใจเหมือนกับของกองทัพสหรัฐฯ มาเป็นแนวทางใน การพัฒนา เพื่อปรับใช้ให้เกิดประสิทธิภาพและเกิดประโยชน์อย่างสูงสุด รวมทั้งการสนับสนุนให้กำลังพลของกองทัพไทย ได้เข้าไปร่วมฝึก/ศึกษา ณ ประเทศสหรัฐฯ เพื่อเป็นการแลกเปลี่ยนประสบการณ์ การจัดหายุทโธปกรณ์และส่งกำลังบำรุง รวมทั้งการฝึกร่วม/ผสม Cobra-Gold ที่เป็นสัญลักษณ์ของมิตรภาพระหว่างไทยกับสหรัฐฯ ซึ่งเป็นการฝึกที่เก่าแก่และยาวนาน รวมทั้งมีพัฒนาการอย่างต่อเนื่องในภูมิภาค นับเป็นส่วนสำคัญในการสนับสนุนการพัฒนาศักยภาพของกองทัพไทย และส่งเสริมขีดความสามารถในการปฏิบัติงานร่วมกัน

สำหรับประเด็น ความท้าทายด้านไซเบอร์ระหว่างกองทัพไทยกับสหรัฐฯ ได้มีการพูดคุยถึงความมุ่งมั่นที่จะร่วมกันดำเนินการอย่างจริงจัง เพื่อยกระดับความร่วมมือ การแก้ปัญหาไซเบอร์ เพื่อให้เป็นศูนย์กลางความมั่นคง ซึ่งจะเปิดโอกาสให้มีการพัฒนาความร่วมมือด้านการข่าวและการก่อการร้าย เพื่อให้เกิดความปลอดภัยกับประชาชน

นอกจากนี้ รัฐบาลไทยมีนโยบายการส่งเสริมอุตสาหกรรมป้องกันประเทศ ในการผลิตเพื่อบรรจุการใช้งานให้กับเหล่าทัพบนพื้นฐานของการพึ่งพาตนเองอย่างยั่งยืน ตลอดจนสามารถพัฒนาต่อยอดเป็นอุตสาหกรรมส่งออกได้ต่อไป ซึ่งสหรัฐฯ เป็นประเทศที่มีความก้าวหน้าทางด้านอุตสาหกรรมป้องกันประเทศชั้นนำของโลก โดยเฉพาะด้าน การจัดโครงสร้างอุตสาหกรรมป้องกันประเทศ ทั้งระบบ
ทั้งนี้ การเข้าเยี่ยมคำนับ ถือว่าเป็นการกระชับความสัมพันธ์ให้มีความแนบแน่นกันมากยิ่งขึ้น โดยเฉพาะการสร้างความปลอดภัยให้เกิดขึ้นในภูมิภาค

ภายหลังการเข้าพบ ออท.สหรัฐฯ/ไทย ได้ขอบคุณ รอง นรม. และ รมว.กห. ที่กรุณาสละเวลาให้การต้อนรับในวันนี้ และชื่นชมความสัมพันธ์และความร่วมมือที่ใกล้ชิดระหว่างทั้งสองประเทศ ที่ดำเนินมาอย่างยาวนาน โดยเฉพาะความร่วมมือทางทหาร รวมทั้งยินดีอย่างยิ่งหากไทยและสหรัฐฯ จะได้พัฒนาความร่วมมือด้านอุตสาหกรรมป้องกันประเทศ ระหว่างกันต่อไป

นิราช/นันทพล ทิพย์ศรี รายงาน 0909535645

บขส. เปิดให้บริการรถทัวร์ ‘อุดรธานี-วังเวียง’ เริ่ม 1 พ.ย. 67 ลดระยะเวลาเดินทางเหลือ 5 ชม.

(17 ต.ค. 67) นายอรรถวิท รักจำรูญ กรรมการฯ รักษาการแทนกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ขนส่ง จำกัด (บขส.) กระทรวงคมนาคม เปิดเผยว่า ตั้งแต่วันที่ 1 พฤศจิกายน 2567 เป็นต้นไป บขส. จะกลับมาเปิดให้บริการเดินรถระหว่างประเทศไทย - ลาว เส้นทางที่ 9 อุดรธานี - ท่าอากาศยานนานาชาติอุดรธานี - หนองคาย - วังเวียง เพื่ออำนวยความสะดวกนักท่องเที่ยวในช่วงฤดูหนาว ส่งผลให้เกิดการเดินทางเชื่อมต่อระหว่างสนามบินและรถไฟความเร็วสูง สปป.ลาว - จีน ได้อย่างสะดวก รวดเร็วและไร้รอยต่อ 

สำหรับเส้นทางดังกล่าว มีระยะทาง 240 กิโลเมตร การกลับมาเปิดให้บริการครั้งนี้จะเดินรถโดยใช้เส้นทางด่วน เวียงจันทน์ - วังเวียง ใช้ระยะเวลาเดินทาง 5 ชั่วโมง 30 นาที จากเดิมใช้เส้นทางเดินรถทางราบปกติ ใช้ระยะเวลา 8 ชั่วโมง ดังนั้น หากใช้เส้นทางด่วนจะช่วยประหยัดเวลาเดินทางได้ประมาณ 2 ชั่วโมง 30 นาที ใช้รถโดยสารปรับอากาศ ชั้น 2 จำนวน 40 ที่นั่ง ให้บริการวันละ 2 เที่ยววิ่งต่อวัน (ไป - กลับ) แบ่งเป็น เที่ยวไป ต้นทางรถออกจากสถานีขนส่งผู้โดยสารจังหวัดอุดรธานี แห่งที่ 1 เวลา 08.30 น. - ท่าอากาศยานอุดรธานี เวลา 09.00 น. - สถานีขนส่งหนองคาย เวลา 10.20 น. ส่วนเที่ยวกลับรถออกจากวังเวียง เวลา 09.00 น. ค่าโดยสาร 500 บาท 

ทั้งนี้ ผู้โดยสารสามารถจองตั๋วล่วงหน้าได้ทุกช่องทางของ บขส. อาทิ ช่องทางออนไลน์ Facebook Page : บขส. Line : @บขส.99 เว็บไซต์ บขส. Application E-ticket และช่องจำหน่ายตั๋วโดยสาร บขส. ทั่วประเทศ สอบถามข้อมูลเพิ่มเติม โทร. 0 2936 3660 ในวันและเวลาราชการ หรือสถานีเดินรถอุดรธานี โทร. 0 4222 1489 หรือจุดบริการท่าอากาศยานอุดรธานี โทร. 09 8437 2488

‘อัครเดช’ จี้ตรวจสอบถังดับเพลิงแบตรถ EV หลังสืบพบติด มอก. โดยไม่ได้รับอนุญาต

(17 ต.ค. 67) นายอัครเดช วงษ์พิทักษ์โรจน์ สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร จังหวัดราชบุรี เขต 4 ในฐานะประธานคณะกรรมาธิการการอุตสาหกรรม สภาผู้แทนราษฎร ได้แถลงข่าวของ กรรมาธิการอุตสาหกรรมฯว่า

จากปัจจุบันประชาชนได้หันมาใช้รถยานยนต์ไฟฟ้าหรือรถ EV ซึ่งใช้แบบเตอรี่ลิเทียมไอออน ซึ่งหากเกิดเหตุเพลิงไหม้ การดับเพลิงจะทำได้ยากกว่าเหตุเพลิงไหม้ทั่วไป ซึ่งทางคณะกรรมาธิการการอุตสาหกรรมได้มีความเป็นห่วงอย่างยิ่งในเรื่องนี้ จึงได้ตั้งคณะทำงานเพื่อศึกษาประสิทธิภาพการระงับเหตุเพลิงไหม้จากแบตเตอรี่ลิเทียมไอออนขึ้นมาโดยเฉพาะ 

คณะทำงานชุดดังกล่าวได้รวบรวมข้อมูล ข้อเท็จจริง จากหลายภาคส่วน เช่น กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย กระทรวงมหาดไทย, สำนักป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย กรุงเทพมหานคร, สมาคมดับเพลิงและช่วยชีวิต พบข้อมูลเบื้องต้นว่าประสิทธิภาพของทั้งอุปกรณ์ และสารเคมีดับเพลิงในการระงับเพลิงไหม้ที่เกิดจากแบตเตอรี่ลิเทียมไอออนยังไม่มีความพร้อมเท่าที่ควร

ดังนั้นจึงเห็นควรให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องดำเนินการเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการดับเพลิงที่เกิดจากแบตเตอรี่ลิเทียมไอออน เพื่อลดการสูญเสียในชีวิต และทรัพย์สินของพี่น้องประชาชน 

นอกจากนี้คณะทำงานชุดดังกล่าว ยังได้พบว่าในท้องตลาดมีผลิตภัณฑ์ดับเพลิง หรือ ถังดับเพลิง ซึ่งอ้างว่าสามารถใช้ดับเพลิงที่เกิดจากแบตเตอรี่ลิเทียมไอออนหรือรถ EVได้ และยังมีตรา มอก. กำกับ แต่อย่างไรก็ดีจากการสืบสวนในทางลับของคณะทำงาน พบว่ามีโอกาสที่จะเป็นการลอบประทับตรา มอก. โดยไม่ได้รับอนุญาต คณะทำงานจึงนำเรื่องมาเพื่อหารือกับคณะกรรมาธิการ 

ตนในฐานะประธานคณะกรรมาธิการการอุตสาหกรรม ไม่ได้นิ่งนอนใจในเรื่องนี้ จึงได้ประสานงานไปยังเลขาธิการสำนักงานมาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม เพื่อตรวจสอบข้อเท็จจริง พบว่า บริษัทดังกล่าวยังไม่ได้รับการรับรองคุณภาพจาก สำนักงานมาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม หรือ สมอ. ซึ่งเป็นการกระทำความผิดตามกฎหมาย รวมถึงมีการจำหน่ายผลิตภัณฑ์ไปแล้วอีกด้วย

เรื่องนี้เป็นเรื่องใหญ่ ที่อาจจะส่งผลร้ายในอนาคตขึ้นได้ เนื่องจากประชาชนที่ใช้อุปกรณ์ดับเพลิงดังกล่าวในการดับเพลิงรถ EV หรือเพลิงไหม้จาก แบตเตอรี่ลิเที่ยมไอออนแต่ไม่สามารถดับได้จริง ย่อมจะทำให้เกิดการสูญเสียในทรัพย์สิน และอันตรายถึงชีวิตของพี่น้องประชาชนได้

นอกจากนี้ยังมีเอกสารหรือ การกล่าวอ้างอีกว่าบริษัทเจ้าของผลิตภัณฑ์ดังกล่าว มีผู้ถือหุ้นใหญ่เป็นบริษัท ในเครือ ปตท. จำกัด(มหาชน) ซึ่งเป็นหน่วยงานรัฐวิสาหกิจ และบริษัทในตลาดหลักทรัพย์ ที่จะต้องมีธรรมาภิบาลในการดำเนินการ โดยกิจการในกำกับต้องปฏิบัติตามกฎหมายอย่างเคร่งครัด  และ ผู้บริหารต้องมีส่วนรับผิดชอบ

ดังนั้นตนจึงเรียกร้องไปยังบริษัท ปตท. จำกัด(มหาชน) ให้ตรวจสอบข้อเท็จจริงดังกล่าว ว่าบริษัทที่ทำผิดกฎหมายมาตรฐานอุตสาหกรรมเป็นบริษัทในกลุ่ม ปตท.หรือไม่ รวมทั้งออกมาชี้แจงให้สาธารณชนทราบโดยเร็ว และหากบริษัทดังกล่าวถือหุ้นโดย ปตท. จริงจะต้องมีมาตรการดำเนินการเพื่อลดความเสียหายให้กับประชาชน และจะรับผิดชอบต่อเรื่องนี้อย่างไร รวมถึงดำเนินการกับผู้กระทำความผิดกฎหมายอย่างไร 

นอกจากนี้ในสัปดาห์หน้าคณะทำงานของกรรมาธิการอุตสาหกรรมที่พิจารณาเรื่องนี้อยู่จะดำเนินการทดสอบประสิทธิภาพเครื่องดับเพลิงหรือสารดับเพลิงของบริษัทดังกล่าวที่มีการใช้ตราสินค้ามาตรฐานอุตสาหกรรมโดยไม่ได้รับอนุญาตว่ามีประสิทธิภาพในการระงับเพลิงจาก แบตเตอรี่ลิเธียมไอออนที่ใช้ในอุตสาหกรรมยานยนต์ไฟฟ้าหรือไม่อย่างไร ซึ่งได้มีการทดสอบไปแล้วอยู่ระหว่างการสรุปผล เสนอกรรมาธิการอุตสาหกรรมเพื่อพิจารณาดำเนินการอย่างเร่งด่วน

คณะกรรมาธิการอุตสาหกรรมไม่อยากให้เกิดเหตุการณ์โศกนาฏกรรมไฟไหม้รถยนต์เหมือนที่เพิ่งเกิดขึ้นมากับรถแก๊สที่สร้างความเศร้าโศกเสียใจให้กับพี่น้องคนไทยทั้งประเทศจึงจะเร่งดำเนินการ กรณีดังกล่าวกับหน่วยงานภาครัฐที่เกี่ยวข้องอย่างเร่งด่วนต่อไป

‘พีระพันธุ์’ ย้ำชัดภาคอุตสาหกรรมต้องปรับตัว ใช้พลังงานสะอาด สอดรับเทรนด์ของโลก

(17 ต.ค. 67) นายพีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน กล่าวในการปาฐกถาพิเศษ เรื่อง “การปรับตัวของภาคอุตสาหกรรมให้สอคคล้องกับแผนพลังงานใหม่เพื่อมุ่งสู่ Carbon Neutrality” ในการจัดสัมมนาวิชาการประจำปี Energy Symposium 2024 โดยสถาบันพลังงานเพื่ออุตสาหกรรม ความตอนหนึ่งว่า 

ในเรื่องการปรับตัวไม่ใช่แต่ภาคอุตสาหกรรมที่ต้องปรับตัว ภาครัฐก็ต้องปรับตัว โดยการปรับตัวไม่ได้แค่ให้สอดคล้องกับแผนพลังงานใหม่เท่านั้น แต่ต้องปรับให้เข้ากับเทรนด์โลกด้วย เพราะทุกภาคมีส่วนในการปล่อยมลภาวะนำสู่ภาวะโลกร้อน เห็นได้จากภัยน้ำท่วมในไทย พายุเฮอริเคน ที่เกิดขึ้นในสหรัฐฯ

สิ่งที่ต้องทำให้เราปรับตัวเข้ากับเทรนด์โลกคือ การลดคาร์บอนที่เกิดจากการใช้พลังงาน เพื่อสู่ความเป็นกลางทางคาร์บอนปี 2050 และNet Zero 2065 ซึ่งภาคอุตสหากรรมยังต้องใช้พลังงานฟอสซิล เพราะฉะนั้นในแผนพลังงานใหม่จึงวางไว้ให้การผลิตไฟฟ้าที่มาจากเชื้อเพลิงพลังงานทดแทนมากขึ้น ซึ่งไทยเน้นที่พลังงานจากแสงแดด แผน PDP ใหม่จึงต้องเพิ่มสัดส่วนการผลิตไฟฟ้าจากพลังงานทดแทนมากขึ้น 

อย่างไรก็ดี การปรับตัวดังกล่าวทำให้ภาคอุตสาหกรรมมีต้นทุนที่ต้องจ่าย ซึ่งเป็นสิ่งท้าทายสำหรับภาคอุตสาหกรรม ซึ่งในความเป็นจริงต้นทุนการผลิตเชื้อเพลิงนั้นถูก แต่ระบบการผลิตแพง และมีกฎระเบียบเกี่ยวข้องที่ทำให้เกิดข้อยุ่งยากเป็นอุปสรรค 

ในฐานะเข้ามารับผิดชอบกระทรวงพลังงานจึงกำลังศึกษาร่างกฎหมาย เพื่อทำอย่างไรให้เอกชนหรือภาคอุตสาหกรรมสามารถติดตั้งระบบไฟฟ้าได้เอง ได้ง่าย เน้นให้สามารถผลิตในประเทศทำให้ต้นทุนต่ำ เพื่อลดต้นทุนให้กับทั้งภาคครัวเรือน ภาคอุตสาหกรรมด้วย

โดยภาคอุตสาหกรรมจะต้องเหนื่อยมากหน่อย เพราะต้องเผชิญอุปสรรคทางการค้า หากสินค้าไม่ผลิตจากพลังงานสะอาดก็จะถูกข้อกีดกันจากประเทศนำเข้า อาจไม่รับซื้อ ผมถึงบอกว่าภาคอุตสาหกรรมไม่ใช่แค่ปรับตัวให้เข้ากับแผนพลังงานใหม่ แต่ต้องปรับตัวเข้ากับโลกด้วย ซึ่งในภาคปฏิบัติ ภาคอุตสาหกรรมต้องช่วยคิดวิธีแก้ไขและนำเสนอมากับทางภาครัฐ

ภารกิจของแผนพลังงานฉบับใหม่จะต้องไม่ใช่เป็นภาระ แต่เพื่อประเทศเดินหน้าสอดคล้องโลก อย่างไรก็ดี ทั้งหมดของแผนต่างๆ ไม่ได้สำคัญไปกว่าความมั่นคงทางเศรษฐกิจ และความมั่นคงของชีวิตมนุษย์ ซึ่งภาครัฐพยายามดำเนินการให้มั่นใจได้ว่ากระทรวงพลังงานดำเนินการแผนพลังงานเพื่อประโยชน์ของประเทศ เพื่ออุตสาหกรรม เพื่อประชาชน ซึ่งขณะนี้แผน PDP อยู่ระหว่างรับฟังความคิดเห็น หวังว่าท่านที่อยู่ในภาคอุตสาหกรรมจะได้ช่วยระดมความคิดช่วยมองให้สอดคล้องกัน

หรือพูดง่ายๆว่า ทำอย่างไรให้คาร์บอนลดลงจากภาคการผลิตและการใช้พลังงานก่อนจะเดินทางไปสู่ Net Zero ซึ่งเป็นเรื่องที่ไม่รู้ว่าเราจะทำได้หรือเปล่า แต่เป็นเรื่องที่ต้องทำ และการจะเกิดขึ้นได้ก็อยู่ที่ความร่วมมือร่วมใจทุกฝ่าย เช่น ภาคอุตสาหกรรมทำอย่างไรให้สามารถผลิตไฟฟ้าได้เอง เพราะค่าใช้จ่ายด้านพลังงานสำคัญต่อทุกภาคส่วน

ภาระหน้าที่ของผมคือต้องสร้างความคล่องตัว ช่วยลดต้นทุนการผลิตไฟฟ้าที่ควบคุมไม่ได้จากการพึ่งพาเชื้อเพลิงในการผลิคจากก๊าซในอ่าวไทย นำเข้าจากเมียนมา และมั่นใจว่าวันนี้วิทยากรที่มาร่วมสัมมนามีองค์ความรู้เพื่อจะเตรียมความพร้อมของภาคอุตสาหกรรมรับมือกับเทรนด์โลกได้อย่างทันท่วงที

‘ไทยออยล์’ ยันจ่ายค่าเงินให้ UJV ผู้รับเหมาหลักครบแล้ว หลังสหพันธ์ผู้รับเหมาโรงกลั่นฯ เรียกร้องเงินค้างจ่าย

(17 ต.ค.67) 'ไทยออยล์' แจงจ่ายค่าตอบแทนให้บริษัท UJV คู่สัญญาหลักรับเหมาก่อสร้างโครงการพลังงานสะอาดตามเงื่อนไขครบถ้วนแล้ว ยันปัญหาเรียกร้องค่าตอบแทนมาจากบริษัทคู่สัญญาหลักไม่ได้ชำระค่าตอบแทนตามสัญญาให้ผู้รับเหมาช่วง ที่ต้องรับผิดชอบเอง 

จากกรณีที่บริษัทผู้รับเหมาช่วงของกิจการร่วมค้าระหว่าง - Samsung E&A (Thailand) Co., Ltd. ('Samsung'), Petrofac South East Asia Pte. Ltd. ('Petrofac') และ Saipem Singapore Pte. Ltd. ('Saipem') (เรียกรวมกันว่า 'UJV – Samsung, Petrofac และ Saipem') ซึ่งเป็นผู้รับเหมาหลักในการก่อสร้างโครงการพลังงานสะอาด (Clean Fuel Project: CFP) ให้กับ บริษัท ไทยออยล์ จำกัด (มหาชน) ('ไทยออยล์') จำนวน 16 บริษัท ในนามสหพันธ์ผู้รับเหมาโรงกลั่น TOP, โครงการ CFP ศรีราชา จัดงานแถลงข่าวเมื่อวันที่ 15 ตุลาคม 2567 เวลา 10.00 น. ณ ห้องประชุม Ballroom 1 และ 2 ชั้น 6 โรงแรมฮอลิเดย์ อินน์ แอนด์ สวีทส์ ศรีราชา-แหลมฉบัง จ.ชลบุรี เพื่อเรียกร้องค่าตอบแทนค้างจ่ายจาก UJV – Samsung, Petrofac และ Saipem โดยจะนัดรวมตัวผู้บริหารและพนักงานทั้ง 16 บริษัท ด้านหน้าโรงกลั่นไทยออยล์ ในวันที่ 18 ตุลาคม 2567 หากไม่ได้รับทราบแนวทางการแก้ไขที่ชัดเจน นั้น

ไทยออยล์ ขอชี้แจงว่า ไทยออยล์ได้จ่ายค่าตอบแทนให้ UJV – Samsung, Petrofac และ Saipem ซึ่งเป็นผู้รับเหมาหลักในการก่อสร้างโครงการพลังงานสะอาด (Clean Fuel Project: CFP) ตามเงื่อนไขที่ระบุในสัญญาจ้างเหมาทำของ ออกแบบวิศวกรรม การจัดหา และการก่อสร้าง (EPC: Engineering, Procurement and Construction) ระหว่างไทยออยล์ และ UJV – Samsung, Petrofac และ Saipem อย่างครบถ้วนถูกต้องแล้ว แต่สหพันธ์ผู้รับเหมาโรงกลั่น TOP, โครงการ CFP ศรีราชา ได้แถลงข่าวว่า UJV - Samsung, Petrofac และ Saipem ไม่ได้ชำระค่าตอบแทนตามสัญญาให้กับบริษัทผู้รับเหมาช่วง ตามเงื่อนไขสัญญาระหว่างบริษัทผู้รับเหมาช่วงและ UJV - Samsung, Petrofac และ Saipem ทั้งนี้ หน้าที่ในการชำระค่าตอบแทนตามสัญญารับเหมาช่วงดังกล่าวเป็นหน้าที่ของ UJV - Samsung, Petrofac และ Saipem ที่จะต้องรับผิดชอบโดยตรง ซึ่งบริษัทผู้รับเหมาช่วงได้รับทราบและเข้าใจข้อเท็จจริงดังกล่าวแล้ว

ทั้งนี้ ไทยออยล์ ได้มีการส่งหนังสือสอบถาม UJV - Samsung, Petrofac และ Saipem และบริษัทแม่ของ UJV - Samsung, Petrofac และ Saipem เกี่ยวกับมาตรการในการจัดการดูแลบริษัทผู้รับเหมาช่วงที่ยังไม่ได้รับชำระค่าจ้าง รวมถึงแผนชำระค่าตอบแทนค้างจ่ายมาโดยตลอด ซึ่ง UJV - Samsung, Petrofac และ Saipem ยืนยันว่า UJV - Samsung, Petrofac และ Saipem จะทำการชำระค่าตอบแทนค้างจ่ายตามเงื่อนไขของสัญญารับเหมาช่วงต่อไป นอกจากนี้ UJV - Samsung, Petrofac และ Saipem ยังแจ้งไม่ให้ ไทยออยล์ เข้าไปยุ่งเกี่ยวกับผู้รับเหมาช่วงเนื่องจาก ไทยออยล์ ไม่ได้เป็นคู่สัญญาในสัญญารับเหมาช่วง และ UJV - Samsung, Petrofac และ Saipem ได้ปฏิบัติกับผู้รับเหมาช่วงตามเงื่อนไขของสัญญารับเหมาช่วงดังกล่าว 

ไทยออยล์ ยึดมั่นในหลักธรรมาภิบาลสำหรับการดำเนินธุรกิจอย่างโปร่งใสกับผู้มีส่วนได้เสียทุกกลุ่มมาอย่างต่อเนื่อง และตระหนักถึงความเดือดร้อนที่เกิดขึ้นกับบริษัทผู้รับเหมาช่วง โดยจะใช้ความพยายามอย่างเต็มที่ในการร่วมหารือกับ UJV - Samsung, Petrofac และ Saipem เพื่อติดตามและสอบถามถึงมาตรการการจัดการและการบรรเทาความเดือดร้อนให้กับบริษัทผู้รับเหมาช่วงโดยเร็วที่สุด 

ทั้งนี้ ในกรณีที่ UJV - Samsung, Petrofac และ Saipem ไม่สามารถจัดการแก้ไขปัญหาที่มีกับบริษัทผู้รับเหมาช่วงและปฏิบัติตามหน้าที่ของ UJV - Samsung, Petrofac และ Saipem ภายใต้สัญญารับเหมาช่วง จนทำให้เกิดการรวมตัวของบริษัทผู้รับเหมาช่วง ไทยออยล์ ได้เตรียมแผนการดูแลและมีบุคลากรที่มีความพร้อมในการรักษาความปลอดภัยของโรงกลั่นฯ  และประสานความร่วมมือกับหน่วยงานภาครัฐ ในการจัดทำแผนฉุกเฉินและการส่งกำลังพลเพื่อเฝ้าระวังเหตุฉุกเฉินที่อาจจะเกิดขึ้น โดยครอบคลุมพื้นที่ตลอด 24 ชั่วโมง เพื่อลดผลกระทบและความเสียหายที่อาจเกิดขึ้นกับไทยออยล์ จากการรวมตัวชุมนุมดังกล่าว และเพื่อให้การรวมตัวชุมนุมเป็นไปอย่างสงบเรียบร้อย ปลอดภัย ลดผลกระทบต่อชุมชนโดยรอบและลูกค้าที่จะเข้ามารับผลิตภัณฑ์ 

'คลัง' เผยมาตรการอสังหาฮ็อตจัด 3 เดือนเกลี้ยง เตรียมชง 'ซื้อ-แต่ง-ซ่อม-สร้าง' บ้าน 55,000 ล้านบาท เข้า ครม. กระตุ้นอสังหาต่อเนื่อง

(17 ต.ค. 67) ดร.เผ่าภูมิ โรจนสกุล รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลัง เปิดเผยว่า มาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจผ่านภาคอสังหาริมทรัพย์ของรัฐบาลประสบความสำเร็จและได้รับผลตอบรับจากประชาชนสูง โครงการสินเชื่อบ้าน Happy Homeได้ปล่อยสินเชื่อเต็มกรอบวงเงิน 20,000 ล้านบาท โดยใช้เวลาเพียง 3 เดือน โครงการสินเชื่อ Happy Life ปล่อยสินเชื่อไปแล้วจำนวนถึง 18,000 ล้านบาท เราต้องการสนับสนุนภาคธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ให้ต่อเนื่อง โดยรองรับความต้องการมีบ้านของประชาชนที่มีรายได้น้อย ให้เข้าถึงสินเชื่อบ้านดอกเบี้ยต่ำ และสามารถใช้เพื่อซ่อมแซมต่อเติมบ้าน ทั้งหมดนี้จะช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจ ซึ่งกำลังอยู่ระหว่างการเสนอคณะรัฐมนตรีพิจารณามาตรการ ซื้อ-แต่ง-ซ่อม-สร้าง

สินเชื่อซื้อ-สร้าง ดอกเบี้ยพิเศษ 5 ปี วงเงินกู้ไม่เกิน 3 ล้านบาท เพื่อซื้อที่ดินพร้อมอาคารหรือคอนโดมีเนียม ปลูกสร้างบ้าน หรือซื้อที่ดินพร้อมปลูกบ้าน และสิ่งอำนวยความสะดวกเพื่อใช้ในการอยู่อาศัย วงเงินสินเชื่อรวม 50,000 ล้านบาท

สินเชื่อซ่อม-แต่ง ดอกเบี้ยพิเศษ 3 ปี วงเงินกู้ไม่เกิน 1 แสนบาท เป็นสินเชื่อเพิ่มเพื่อต่อเติมหรือซ่อมแซมบ้าน หรือสิ่งอำนวยความสะดวกที่เกี่ยวข้องกับที่อยู่อาศัย วงเงินสินเชื่อรวม 5,000 ล้านบาท

สำนักงานตำรวจแห่งชาติจัดพิธีเนื่องในวันตำรวจ ประจำปี 2567 พร้อมส่งสารถึงข้าราชการตำรวจทั่วประเทศ ขอให้ร่วมแรงร่วมใจทำหน้าที่ด้วยความซื่อสัตย์สุจริต ช่วยเหลือดูแลพี่น้องประชาชนด้วยใจบริสุทธิ์และเป็นธรรม

(17 ต.ค. 67) พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ์ พันธุ์เพ็ชร์ ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (ผบ.ตร.) ส่งสารถึงข้าราชการตำรวจทั่วประเทศ เนื่องในวันตำรวจ ประจำปี 2567 ว่า ข้าราชการตำรวจนั้นมีภารกิจหน้าที่อันสำคัญยิ่งในการปกป้อง เทิดทูน และพิทักษ์รักษาไว้ซึ่งสถาบันชาติ ศาสนา และพระมหากษัตริย์ ตลอดจนการดูแล บำบัดทุกข์ บำรุงสุขให้แก่พี่น้องประชาชนตามหน้าที่ของผู้พิทักษ์สันติราษฎร์ วันตำรวจจึงเป็นวันที่เพื่อนข้าราชการตำรวจทุกท่านควรทบทวนและตระหนักถึงบทบาทหน้าที่ของตน ในการเป็นตำรวจที่ดี มีเกียรติ มีศักดิ์ศรี เป็นที่พึ่งของประชาชนอย่างแท้จริง

นอกจากนี้ ขอให้ทุกท่านพึงระลึกอยู่เสมอว่า "ความเชื่อมั่นและศรัทธาของประชาชน" ที่มีต่อตำรวจนั้น ไม่อาจเกิดขึ้นได้จากใครคนใดคนหนึ่งเพียงลำพัง หากแต่ข้าราชการตำรวจทุกคนต้องช่วยกันทำหน้าที่ของตน ด้วยความชื่อสัตย์สุจริต เดินหน้าเข้าหาประชาชน ช่วยเหลือ บำบัดทุกข์ บำรุงสุข ให้แก่ประชาชนด้วยใจที่บริสุทธิ์และเป็นธรรม และขอขอบคุณเพื่อนข้าราชการตำรวจทุกท่านที่มุ่งมั่น ทุ่มเท เสียสละ และอุทิศตนในการช่วยเหลือพี่น้องประชาชนอย่างเต็มกำลังความสามารถในอาชีพตำรวจที่ท่านรัก และขอขอบคุณครอบครัวของข้าราชการตำรวจทุกท่านที่คอยช่วยเหลือ สนับสนุนเป็นกำลังใจให้แก่กันและกันตลอดมา และขออาราธนาสิ่งศักดิ์สิทธิ์ทั้งหลายในสากลโลก ตลอดจนเดชะพระบารมีแห่งองค์พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินี ได้โปรดดลบันดาลพระราชทานพร ให้ข้าราชการตำรวจทุกท่านและครอบครัวมีความสุข ความเจริญก้าวหน้าในชีวิตราชการ มีพลานานัยสมบูรณ์ ปราศจากโรคภัย และภยับตราย ทั้งปวง พร้อมที่จะปฏิบัติหน้าที่สร้างความสงบสุข และเป็นธรรม ให้เกิดขึ้นกับกับกับพี่น้องประชาชนต่อไป

ทั้งนี้ สำนักงานตำรวจแห่งชาติได้จัดพิธีต่าง ๆ เนื่องในวันตำรวจ ประจำปี 2567 โดยมีผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติเป็นประธาน ได้แก่ พิธีสักการะสิ่งศักดิ์สิทธิ์ภายในสำนักงานตำรวจแห่งชาติ , พิธีวางพานพุ่มดอกไม้ถวายราชสักการะพระบรมราชานุสาวรีย์ รัชกาลที่ 4 , พิธีถวายราชสักการะพระบรมรูปหล่อ รัชกาลที่ 9 , พิธีบำเพ็ญกุศลทักษิณานุปทานและเจริญพระพุทธมนต์ และพิธีมอบโล่ประกาศเกียรติคุณให้แก่ผู้ทำคุณประโยชน์ต่อสำนักงานตำรวจแห่งชาติ โดยมี รอง ผบ.ตร. , ผู้ช่วย ผบ.ตร., นายกสมาคมแม่บ้านตำรวจ ข้าราชการตำรวจในสังกัด และคณะสมาคมแม่บ้านตำรวจ เข้าร่วมพิธี

จากนั้น ผบ.ตร.พร้อมคณะฯ ได้เดินทางไปเยี่ยมข้าราชการตำรวจที่ได้รับบาดเจ็บจากการปฏิบัติหน้าที่ราชการ ที่หอผู้ป่วยข้าราชการตำรวจ อาคารภูมิพลมหาราชานุสรณ์ 88 พรรษา โรงพยาบาลตำรวจ จำนวน 2 ราย คือ ร.ต.ท.วิชระ กลีบสัตบุตร รอง สวป. สภ.ทุ่งตะโก จ.ชุมพร และ ด.ต.ชัยยุทธ์ สุจริต ผบ.หมู่ (ป) สภ.เมืองลพบุรี

ในช่วงบ่าย ตั้งแต่เวลา 15.00 น. ผบ.ตร.จะเดินทางไปเป็นประธานในพิธีวางพานพุ่มดอกไม้ถวายราชสักการะพระบรมราชานุสาวรีย์ รัชกาลที่ 5 , พิธีถวายราชสักการะพระบรมรูปหล่อ รัชกาลที่ 9 , พิธีสดุดีข้าราชการตำรวจที่เสียชีวิตจากการปฏิบัติหน้าที่ราชการ และพิธีกล่าวคำสัตย์ปฏิญาณตนและสวนสนามของข้าราชการตำรวจและนักเรียนนายร้อยตำรวจ เนื่องในวันตำรวจ ประจำปี 2567 ณ โรงเรียนนายร้อยตำรวจ อ.สามพราน จ.นครปฐม

Amazon-Microsoft-Google ทุ่มลงทุนโรงไฟฟ้านิวเคลียร์ รับปริมาณการใช้ไฟฟ้ามหาศาลจาก Ai และ Data Center

(17 ต.ค. 67) สำนักข่าว The New York Times รายงานว่า บริษัทเทคโนโลยีต่าง ๆ กำลังมองหาโรงไฟฟ้านิวเคลียร์เพื่อเป็นแหล่งพลังงานที่ปราศจากการปล่อยก๊าซเรือนกระจกในการขับเคลื่อนปัญญาประดิษฐ์และธุรกิจอื่น ๆ เช่น Data Center

ไมโครซอฟท์ กูเกิล และอเมซอน ได้ทำข้อตกลงกับผู้ดำเนินการและผู้พัฒนาโรงไฟฟ้านิวเคลียร์เพื่อสนับสนุนการเติบโตของศูนย์ข้อมูล ซึ่งเป็นแหล่งให้บริการด้านการประมวลผลแก่ธุรกิจขนาดใหญ่และขนาดเล็ก ความต้องการนี้เพิ่มขึ้นเนื่องจากการลงทุนครั้งใหญ่ของบริษัทเทคโนโลยีเหล่านี้และบริษัทอื่น ๆ ในด้านปัญญาประดิษฐ์ ซึ่งต้องการพลังงานมากกว่าธุรกิจเทคโนโลยีแบบดั้งเดิม เช่น สื่อสังคมออนไลน์ การสตรีมวิดีโอ และการค้นหาทางเว็บ

ไมโครซอฟท์ได้ตกลงจ่ายเงินให้เพื่อฟื้นฟูโรงไฟฟ้านิวเคลียร์ Three Mile Island ที่ปิดตัวลงในเพนซิลเวเนีย และในสัปดาห์นี้ อเมซอนและกูเกิล ได้ประกาศว่ากำลังมุ่งเน้นไปที่เทคโนโลยีใหม่ของเตาปฏิกรณ์นิวเคลียร์ขนาดเล็กแบบโมดูล เทคโนโลยียังไม่ถูกนำมาใช้เชิงพาณิชย์อย่างเต็มที่ แต่ผู้เชี่ยวชาญด้านพลังงานกล่าวว่าอาจมีต้นทุนต่ำกว่าและสร้างง่ายกว่าเตาปฏิกรณ์นิวเคลียร์ขนาดใหญ่ที่สหรัฐอเมริกาได้สร้างขึ้นตั้งแต่ทศวรรษ 1950

บริษัทเทคโนโลยีขนาดใหญ่ ซึ่งเคยลงทุนมากในพลังงานลมและพลังงานแสงอาทิตย์ กำลังหันมาสนใจพลังงานนิวเคลียร์เนื่องจากต้องการพลังงานที่ใช้ได้ตลอด 24 ชั่วโมงและไม่ปล่อยก๊าซเรือนกระจก พลังงานลมและพลังงานแสงอาทิตย์ไม่ก่อให้เกิดการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ แต่ไม่สามารถใช้ได้ตลอดเวลาหากไม่มีแบตเตอรี่หรือรูปแบบการจัดเก็บพลังงานอื่น ๆ บริษัทเทคโนโลยีรายใหญ่ที่สุดได้ให้คำมั่นว่าจะดำเนินการโดยใช้พลังงานที่ปราศจากการปล่อยก๊าซเรือนกระจกภายในปี 2030 แต่คำมั่นสัญญาดังกล่าวเกิดขึ้นก่อนการเติบโตของปัญญาประดิษฐ์ ซึ่งต้องการพลังงานมากขึ้น

"พวกเขามีความปรารถนาที่จะปลูกฝังสิ่งเหล่านี้ในรูปแบบที่ยั่งยืน และในขณะนี้ คำตอบที่ดีที่สุดคือพลังงานนิวเคลียร์" Aneesh Prabhu ผู้จัดการทั่วไปของ S&P Global Ratings กล่าว

เมื่อวันจันทร์ Google ประกาศว่าได้ตกลงซื้อพลังงานนิวเคลียร์จากเตาปฏิกรณ์ขนาดเล็กแบบโมดูลที่กำลังพัฒนาโดยบริษัทสตาร์ทอัพชื่อ Kairos Power และคาดว่าจะเริ่มใช้งานได้ในปี 2030 จากนั้นในวันพุธ อเมซอนได้ประกาศว่าจะลงทุนในการพัฒนาเตาปฏิกรณ์ขนาดเล็กแบบโมดูลโดยบริษัทสตาร์ทอัพอีกแห่งหนึ่ง คือ X-Energy ข้อตกลงของไมโครซอฟท์กับ Constellation Energy เพื่อฟื้นฟูเตาปฏิกรณ์ที่ Three Mile Island ได้รับการประกาศเมื่อเดือนที่แล้ว

นาย Prabhu กล่าวว่าเตาปฏิกรณ์ขนาดเล็กแบบโมดูลอาจมีค่าใช้จ่ายในการสร้างประมาณ 1 พันล้านดอลลาร์ต่อเครื่อง และอาจเป็นไปได้ในอนาคตที่จะวางเตาปฏิกรณ์เหล่านี้ไว้ใกล้กับศูนย์ข้อมูล

บริษัทเทคโนโลยีไม่ใช่บริษัทเดียวที่สนับสนุนพลังงานนิวเคลียร์ ประธานาธิบดีไบเดนเพิ่งลงนามในกฎหมายที่ผ่านโดยเสียงข้างมากทั้งสองพรรคในรัฐสภา ซึ่งผู้เขียนกฎหมายระบุว่าจะช่วยเร่งการพัฒนาโครงการพลังงานนิวเคลียร์ใหม่ๆ

ฝ่ายบริหารของไบเดนมองว่าพลังงานนิวเคลียร์ ซึ่งผลิตไฟฟ้าได้ประมาณร้อยละ 20 ของประเทศในปัจจุบัน มีความสำคัญต่อเป้าหมายในการลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก ซึ่งถือเป็นการเปลี่ยนแปลงจากอดีตที่พรรคเดโมแครตจำนวนมากคัดค้านโรงไฟฟ้านิวเคลียร์แห่งใหม่เนื่องจากกังวลเรื่องความปลอดภัย สิ่งแวดล้อม และเศรษฐกิจ

“การฟื้นฟูภาคส่วนนิวเคลียร์ของอเมริกาเป็นกุญแจสำคัญในการเพิ่มพลังงานปลอดคาร์บอนให้กับโครงข่ายและตอบสนองความต้องการของเศรษฐกิจที่เติบโตของเรา ไม่ว่าจะเป็น AI และศูนย์ข้อมูล การผลิต และการดูแลสุขภาพ” เจนนิเฟอร์ เอ็ม. แกรนโฮล์ม รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงานกล่าวในแถลงการณ์

การสนับสนุนโครงการนิวเคลียร์ของอุตสาหกรรมเทคโนโลยีอาจช่วยฟื้นฟูแหล่งพลังงานที่ประสบปัญหาได้ ด้วยโรงไฟฟ้านิวเคลียร์ที่ยังเปิดดำเนินการอยู่ 94 แห่ง สหรัฐอเมริกามีหน่วยปฏิบัติการมากกว่าประเทศอื่นๆ แต่ในช่วงไม่กี่ทศวรรษที่ผ่านมา มีการสร้างเพียงสองหน่วยในสหรัฐฯ หน่วยปฏิบัติการทั้งสองหน่วยสร้างขึ้นที่โรงไฟฟ้านิวเคลียร์วอกเทิลในเวย์นส์โบโร รัฐจอร์เจีย แต่ใช้งบประมาณเกินหลายหมื่นล้านดอลลาร์และล่าช้าไปหลายปี

หน่วยทั้งสองเป็นส่วนหนึ่งของ "ยุคฟื้นฟูนิวเคลียร์" ที่หลายคนรอคอย ซึ่งคาดว่าจะส่งผลให้มีเครื่องปฏิกรณ์ใหม่ประมาณสองโหล แต่ความทะเยอทะยานเหล่านั้นล้มเหลวเป็นส่วนใหญ่เนื่องมาจากปัญหาของ Vogtle และโครงการพลังงานนิวเคลียร์ที่ล้มเหลวในเซาท์แคโรไลนา

ผู้บริหารในอุตสาหกรรมเทคโนโลยีกล่าวว่าครั้งนี้จะแตกต่างออกไป และบางคนก็เสี่ยงโชคส่วนตัวกับความเชื่อดังกล่าว Bill Gates ผู้ร่วมก่อตั้ง Microsoft ได้ลงทุนมากกว่า 1 พันล้านดอลลาร์ในบริษัทสตาร์ทอัพที่ชื่อว่า TerraPower ซึ่งกำลังดำเนินการพัฒนาเครื่องปฏิกรณ์ขนาดเล็กร่วมกับ PacifiCorp บริษัทสาธารณูปโภคของ Warren Buffett

แนวคิดคือ ส่วนประกอบของแต่ละหน่วยอาจมีขนาดเล็กพอที่จะผลิตเป็นจำนวนมากบนสายการประกอบ ทำให้มีราคาถูกลง โรงไฟฟ้าแต่ละแห่งอาจเริ่มต้นด้วยเครื่องปฏิกรณ์หนึ่งหรือสองเครื่อง จากนั้นจึงค่อยเพิ่มเครื่องปฏิกรณ์เข้าไปอีกในอนาคต

“กุญแจสำคัญของพลังงานนิวเคลียร์คือคุณต้องเลือกบางอย่างและสร้างมันขึ้นมาจำนวนมากเพื่อให้มีราคาถูก” ริช พาวเวลล์ หัวหน้าสมาคมผู้ซื้อพลังงานสะอาด ซึ่งเป็นกลุ่มการค้าที่มีสมาชิกเป็นบริษัทเทคโนโลยีขนาดใหญ่ กล่าว

แต่บรรดานักวิจารณ์พลังงานนิวเคลียร์ยังคงไม่เชื่อ พวกเขาโต้แย้งว่าแม้ว่าข้อเสนอจากบริษัทสาธารณูปโภคและบริษัทเทคโนโลยีอาจฟังดูน่าสนใจ แต่ข้อเสนอเหล่านั้นไม่ได้ช่วยแก้ปัญหาพลังงานนิวเคลียร์ที่มีมายาวนาน ปัญหาเหล่านี้รวมถึงต้นทุนที่สูงของเตาปฏิกรณ์ใหม่ ความล่าช้าในการก่อสร้าง และไม่มีสถานที่จัดเก็บถาวรสำหรับเชื้อเพลิงนิวเคลียร์ใช้แล้ว

“ตั้งแต่ปี 1960 เป็นต้นมา สหรัฐอเมริกาพยายามสร้างเตาปฏิกรณ์พลังงาน 250 เครื่อง” อาร์นี่ กันเดอร์เซน หัวหน้าวิศวกรของ Fairewinds Energy Education ซึ่งเป็นองค์กรไม่แสวงหากำไรที่ต่อต้านพลังงานนิวเคลียร์ กล่าว “มากกว่าครึ่งหนึ่งถูกยกเลิกก่อนที่จะผลิตไฟฟ้าได้ เตาปฏิกรณ์ที่เหลือไม่มีเครื่องใดเลยที่สร้างเสร็จทันเวลาและไม่เกินงบประมาณ”

อย่างไรก็ตาม ผู้บริหารด้านเทคโนโลยีและพลังงานจำนวนมากกล่าวว่าพลังงานนิวเคลียร์มีความจำเป็น เนื่องจากแหล่งพลังงานหมุนเวียน เช่น พลังงานลม พลังงานแสงอาทิตย์ และพลังงานน้ำ ไม่น่าเชื่อถือเพียงพอที่จะตอบสนองความต้องการพลังงานที่เพิ่มขึ้น

การใช้ไฟฟ้าเพิ่มขึ้นแล้วในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา เนื่องจากบุคคลทั่วไปและธุรกิจต่างหันมาใช้ยานยนต์ที่ใช้พลังงานแบตเตอรี่ ปั๊มความร้อน และเครื่องปรับอากาศ ปัจจุบัน ศูนย์ข้อมูลของอุตสาหกรรมเทคโนโลยีกำลังเร่งการเติบโตดังกล่าว

แม้ว่าศูนย์ข้อมูลจะมีสัดส่วนการใช้พลังงานเพียงเล็กน้อยทั่วโลก แต่สัดส่วนการใช้พลังงานก็เพิ่มขึ้นเรื่อยๆ และมักกระจุกตัวอยู่ในบางภูมิภาค เช่น เวอร์จิเนียตอนเหนือ ซึ่งอาจทำให้ระบบสายส่งไฟฟ้าในพื้นที่เกิดความเครียดได้

ศูนย์ข้อมูลใช้ไฟฟ้าในการเปิดเซิร์ฟเวอร์คอมพิวเตอร์ และที่สำคัญที่สุดคือทำให้เย็นลง พลังงานมีความสำคัญอย่างยิ่งสำหรับศูนย์ข้อมูลจนอุตสาหกรรมพูดถึงขนาดของอาคารโดยไม่ได้พิจารณาจากขนาดพื้นที่ แต่พิจารณาจากปริมาณเมกะวัตต์ที่ได้รับจากสาธารณูปโภค

ในศูนย์ข้อมูลทั่วไป เซิร์ฟเวอร์ 1 ชุดในศูนย์ข้อมูลต้องใช้พลังงานประมาณ 5 ถึง 10 กิโลวัตต์ แต่เซิร์เวอร์ที่เต็มไปด้วยชิปคอมพิวเตอร์ A.I. ขั้นสูงอาจต้องใช้พลังงานมากกว่า 100 กิโลวัตต์ Raul Martynek ประธานเจ้าหน้าที่บริหารของ DataBank ซึ่งเป็นบริษัทศูนย์ข้อมูล กล่าวในการสัมภาษณ์เมื่อเร็วๆ นี้ว่า “จากมุมมองด้านโครงสร้างพื้นฐานแล้ว ต้องใช้พลังงานมากกว่าถึงหลายเท่า” เขากล่าว

ยักษ์ใหญ่ด้านเทคโนโลยีได้เพิ่มการใช้จ่ายในระดับที่น่าทึ่ง ซึ่งส่วนใหญ่ก็เพื่อตอบสนองความต้องการและศักยภาพที่พวกเขาเห็นในด้าน A.I. บริษัทเทคโนโลยีที่ใหญ่ที่สุด 5 แห่ง เช่น Alphabet, Microsoft และ Amazon ใช้จ่ายเงินด้านทุนรวมกัน 59,000 ล้านดอลลาร์ในไตรมาสที่แล้วเพียงไตรมาสเดียว เพิ่มขึ้น 63 เปอร์เซ็นต์จากปีก่อน และพวกเขายังส่งสัญญาณไปยังนักลงทุนว่าพวกเขาวางแผนที่จะใช้จ่ายต่อไป

ในปีนี้ Amazon ใช้จ่ายเงิน 650 ล้านดอลลาร์เพื่อซื้อศูนย์ข้อมูลที่กำลังอยู่ระหว่างการพัฒนา ซึ่งจะใช้พลังงานโดยตรงจากโรงไฟฟ้านิวเคลียร์ที่มีอยู่แล้วในเพนซิลเวเนีย นอกเหนือจากข้อตกลงที่ Three Mile Island แล้ว Microsoft ยังตกลงที่จะซื้อพลังงานจาก Helion Energy ซึ่งเป็นบริษัทสตาร์ทอัพในพื้นที่ซีแอตเทิลที่มุ่งสร้างโรงไฟฟ้านิวเคลียร์ฟิวชันแห่งแรกของโลกภายในปี 2028

ย้อนรอยวีรกรรม ‘สิริน สงวนสิน’ สส.ขับรถชนกลางสภา ถึงเวลาพรรคส้มต้องปรับพฤติกรรมตน ก่อนประชาชนเช็กบิล

(17 ต.ค. 67) ชื่อ ‘สิริน สงวนสิน’ สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร กรุงเทพมหานคร เขต 31 พรรคประชาชนปรากฏบนหน้าสื่ออีกครั้งจากอุบัติเหตุรถชนกันที่ชั้น B2 ของลานจอดรถรัฐสภา

ครั้งนี้นายสิรินได้ตอบคำถามของผู้สื่อข่าว ว่า ระหว่างขับรถมาทางตรง รถคู่กรณีได้เลี้ยวมาพอดีและอาจจะไม่ได้ดูรถทางด้านซ้าย จึงทำให้ชนเข้าตรงกลางรถของตน​ และตนเป็นฝ่ายถูก และยืนยันว่าไม่ได้ขับรถเร็ว และไม่เคยได้รับหนังสือแจ้งเตือนจากพรรคประชาชนเรื่องขับรถเร็วมาก่อน​ ปกติขับรถโดยใช้ความเร็วเพียง 80 กม.ต่อ ชม.

ซึ่งเป็นคำตอบจากปากของนายสิรินเพียงฝ่ายเดียว แต่อย่างไรก็ตามเหตุการณืได้สิ้นสุดลงเป็นที่เรียบร้อยเนื่องจากคู่กรณีทั้งสองฝ่ายได้เรียกประกันของทั้งสองฝ่ายมาจัดการปัญหาเป็นที่เรียบร้อย 

สำหรับประวัติของ ‘สิริน สงวนสิน’ นั้นเป็นบุตรของ นายสมนึก สงวนสิน และนางศศมณฑ์ สงวนสิน เจ้าของธุรกิจโชว์รูมรถยนต์ฮอนด้าปิ่นเกล้ากรุ๊ป และธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ทั้งในและต่างประเทศ สำเร็จการศึกษาทั้งปริญญาตรี และปริญญาโทจาก ออสเตรเลีย โดยจบปริญญาตรีใน สาขาวิชาการเงินประยุกต์ University of South Australia และปริญญาโท สาขาวิชาการวิเคราะห์การเงิน University of New South Wales 

ก่อนหน้านี้ชื่อของ สส.กทม. เขต 31 เคยตกเป็นข่าวโด่งดังมาแล้วครั้งหนึ่งกรณีถูกแจ้งความดำเนินคดีที่ สภ.บ่อวิน จังหวัดชลบุรี จากเหตุทำร้ายร่างกายแฟนสาว จนต้องโพสต์เฟซบุ๊กเพื่อขอโทษประชาชน ความว่า

“ผมขออภัยอย่างสูงต่อเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ก่อนอื่นต้องขออภัยต่อผู้เกี่ยวข้องกับเหตุการณ์ทั้งหมด และพี่น้องประชาชน ที่ผมออกมาชี้แจงข้อเท็จจริงในเหตุการณ์ที่ปรากฏเป็นข่าวล่าช้า เนื่องจากผมประสบอุบัติเหตุเล็กน้อย ศีรษะแตก จึงใช้เวลาสองวันที่ผ่านมาในการรักษาตัว

ผมเสียใจอย่างมากในสิ่งที่ได้ทำลงไป ผมขออภัยคุณเอ (นามสมมุติ) คุณพ่อคุณแม่ของคุณเอ (นามสมมุติ) และขออภัยพี่น้องประชาชนที่ได้เลือกผมเข้ามาทำหน้าที่ ส.ส. ที่ทำให้ทุกท่านผิดหวัง

จากนี้ผมยินดีเข้าสู่กระบวนการทางกฎหมาย และการสอบสวนวินัยจากพรรคก้าวไกล และจะน้อมรับผลที่ตามมาจากการกระทำที่ปราศจากความยั้งคิดของผมโดยดุษณี

ทั้งนี้ ผมยืนยันว่า ข่าวที่สื่อนำเสนอรายละเอียดเหตุการณ์ และอ้างว่าผมให้ข้อมูลว่าทำไปเพราะความเป็นห่วงคุณเอ (นามสมมุติ) ทั้งหมดไม่เป็นความจริง ผมและคุณเอยังไม่เคยให้สัมภาษณ์หรือกล่าวถึงเหตุการณ์นี้แม้แต่ครั้งเดียว และไม่เคยคิดจะอ้างว่ากระทำไปด้วยความเป็นห่วง

ผมขอแสดงความสำนึกผิดและขออภัยต่อผู้เกี่ยวข้องกับเหตุการณ์นี้ทุกคนด้วยใจจริง

ซึ่งโพสต์บนเฟซบุ๊กเมื่อช่วงปลายเดือนมิถุนายน 2566 ก่อนอีกไม่ถึงสัปดาห์แฟนสาวของ สส.สิริน สงวนทรัพย์ จะออกมาโพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊ก ซึ่งทาง สส.สิริน ก็ได้แชร์ข้อความดังกล่าวด้วย โพสต์ดังกล่าวระบุว่า

ข้อเท็จจริงกรณีระหว่างดิฉัน และคุณสิริน สงวนสิน ส.ส.พรรคก้าวไกล ในช่วงหลายวันที่ผ่านมา ดิฉันรู้สึกไม่สบายใจเป็นอย่างมากกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นระหว่างดิฉันและคุณสิริน สงวนสิน ส.ส. พรรคก้าวไกล

กลายเป็นข่าวที่สังคมวิพากษ์วิจารณ์ไปต่างๆ นานา และถูกนำเสนอไปในหลายทิศทาง โดยเฉพาะการนำเสนอของสื่อหลายช่อง ที่นำเสนอข่าวเกินจริง มีข้อมูลบางประการไม่ตรงกับข้อเท็จจริงที่เกิดขึ้น ซึ่งส่งผลกระทบต่อตัวดิฉันเป็นอย่างมาก และขัดต่อสิ่งที่ดิฉันต้องการจากการตัดสินใจแจ้งความต่อคุณสิริน 

ก่อนอื่นดิฉันขอชี้เแจงข้อเท็จจริงในวันเกิดเหตุ ในวันนั้นเรามีปากเสียงกัน และเกิดการยื้อแย่งโทรศัพท์กันในรถ คุณสิรินใช้กำลังยื้อแย่งโทรศัพท์จากดิฉัน จนทำให้โทรศัพท์มากระแทกหน้าดิฉันอย่างแรง ภายหลังที่มีการพูดคุยทำให้ทราบว่า เป็นการกระทำโดยมิได้ตั้งใจ

และยังมีเหตุการณ์ยื้อฉุดกันบริเวณข้างรถ ทำให้ดิฉันเผลอล้มกระแทกลง จนเป็นเหตุให้เกิดบาดแผล อีกทั้งคุณสิรินยังใช้คำพูด และอารมณ์ที่ทำให้ดิฉันรู้สึกไม่พอใจเป็นอย่างยิ่ง ดิฉันจึงตัดสินใจไปแจ้งความ เพื่อปกป้องสิทธิของตนเอง และต้องการให้คุณสิรินได้สำนึกว่าตนเองทำเรื่องที่ไม่ถูกต้อง

หลังจากดิฉันไปแจ้งความ คุณสิรินและครอบครัวได้ติดต่อมายังดิฉัน และคุณสิรินกับครอบครัวได้แสดงความสำนึกผิด อีกทั้งตระหนักว่าตนเองกระทำผิดต่อดิฉัน และได้ขออภัยดิฉันอย่างจริงใจแล้ว ทำให้ดิฉันและครอบครัวไม่ติดใจเอาความต่อเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น เพราะสิ่งที่ดิฉันต้องการได้บรรลุผลแล้ว นั่นคือให้บทเรียนกับคุณสิริน และทำให้เขาตระหนักว่าต้องไม่มีพฤติกรรมเช่นนี้ กับดิฉันหรือบุคคลใดๆ อีก

ดิฉันขอแจ้งให้ทราบตรงนี้ว่าดิฉันไม่ติดใจเอาความคุณสิริน และหวังว่าบทเรียนที่เขาได้จากสังคม จากการถูกแจ้งความ รวมถึงบทลงโทษที่เขากำลังจะได้รับจากพรรคก้าวไกล จะเพียงพอทำให้คุณสิริน และนักการเมืองทุกคนตระหนักว่า การใช้อารมณ์อยู่เหนือเหตุผล ไม่ว่าต่อเพศใด โดยเจตนาหรือไม่มีเจตนาก็ตาม เป็นสิ่งที่สังคมไม่ยอมรับ และผู้กระทำผิดจะต้องได้รับผลจากการกระทำนั้นค่ะ ขอบพระคุณค่ะ.

แม้ว่าในขณะนั้นแฟนสาวของ ‘สิริน สงวนสิน’ จะตัดสินใจยุติการดำเนินคดี แต่ยังมีอีกขาที่มีการดำเนินการสอบสวนข้อเท็จจริง คือฟากฝั่งของพรรคก้าวไกล(พรรคในขณะนั้น) ซึ่งผลการสอบสวนของทางพรรคก้าวไกล ได้วินิจฉัยว่า ‘สิริน’ ว่ามีความผิดจริง และสั่งฟันโทษ ห้ามไม่ให้ดำรงตำแหน่งสำคัญในพรรค พร้อมกับหากมีการกระทำความผิดซ้ำจะขับออกจากพรรค 

จากพรรคก้าวไกลมาถึงพรรคประชาชน นอกจากจะต้องสอบสวนเรื่องอุบัติเหตุครั้งนี้แล้ว ทางพรรคควรจะต้องพัฒนาแนวทางดึงคนอย่างจริงจังเร่งด่วน เนื่องจากหลากหลายเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นก่อนหน้านี้เป็นสิ่งที่พิสูจน์ได้เป็นอย่างดีว่า คะแนนเสียงของประชาชนที่ให้ไป คุ้มค่า-เหมาะสมหรือไม่ 

มิเช่นนั้นคะแนนนิยมอันท่วมท้นที่ได้รับมา อาจจะเป็นคะแนนลวงตา...ก็เป็นได้ 

สำนักงานตำรวจแห่งชาติเตือนข่าวปลอม 'เพจอ้างตัวเป็นเจ้าหน้าที่รัฐ ช่วยคืนเงินคดีดัง' อย่าหลงเชื่อ อย่าแชร์ส่งต่อ แนะไม่กดลิงก์ ไม่แชต ไม่คุย ไม่กรอกข้อมูลใดๆ หากสงสัยติดต่อสอบถาม 1599 ตลอด 24 ชั่วโมง

(17 ต.ค.67) พล.ต.ต.ศิริวัฒน์ ดีพอ รองโฆษกสำนักงานตำรวจแห่งชาติ เปิดเผยว่า จากกรณีที่มีเพจปลอม อ้างตัวเป็นเจ้าหน้าที่รัฐ จะคืนเงินผู้เสียหาย หรือใช้ภาพบุคคลสำคัญอ้างช่วยเหลือคดีออนไลน์ เพื่อให้ได้เงินคืน โดยหลอกให้กดลิงก์กรอกข้อมูลทางสื่อโชเชียลนั้น สำนักงานตำรวจแห่งชาติขอเรียนแจ้งว่า ไม่เป็นความจริง เป็นข่าวปลอมที่มิจฉาชีพใช้กลอุบายหลอกหลวง โปรดอย่าหลงเชื่อ ไม่กดลิงก์ ไม่แชต ไม่คุย ไม่กรอกข้อมูลใดๆ ซึ่งอาจทำให้เราตกเป็นเหยื่อสูญเสียทรัพย์สินได้ รวมทั้งไม่แชร์ ส่งต่อข้อความดังกล่าว ซึ่งอาจจะเป็นความผิดในการส่งข่าวปลอม ข้อมูลเท็จ ตาม พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ พ.ศ.2560 ได้ 

ขณะนี้คดีที่ปรากฎตามข่าว ยังอยู่ในขั้นตอนการสอบสวนรวบรวมหลักฐาน หากมีความคืบหน้าทางคดี หรือขั้นตอนกระบวนการใดๆ สำนักงานตำรวจแห่งชาติจะแจ้งให้ทราบเป็นระยะ

ทั้งนี้ หากพี่น้องประชาชนต้องการข้อมูลเพิ่มเติม สามารถติดต่อสอบถามสำนักงานตำรวจแห่งชาติได้ที่หมายเลข 1599 ได้ตลอด 24 ชั่วโมง


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top