Wednesday, 21 May 2025
Hard News Team

สตม. รวบอดีตทหารรับจ้างรัสเซียส่งข้อความขู่ฆ่าคู่อริ ยึดแม็กกาซีนและเครื่องกระสุนปืนหลายขนาดนับร้อยนัด

กก.สส.บก.ตม.1 จับกุม MR. MILO (นามสมมติ) อายุ 25 ปี สัญชาติรัสเซีย พร้อมด้วยของกลาง ซองกระสุนปืนพกขนาด .380 จำนวน 1 ซอง พร้อมกระสุนบรรจุ จำนวน 2 นัด, กระสุนปืนขนาด .380 ยี่ห้อบุลเล็ท มาสเตอร์ จำนวน 50 นัด, กระสุนปืนขนาด 9 มม. จำนวน 42 นัด, กระสุนปืนขนาด .45 มม. จำนวน 16 นัด โดยกล่าวหาว่า มีอาวุธปืนและเครื่องกระสุนปืนไว้ในความครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาต นำตัวส่ง พนักงานสอบสวน สน.ดินแดง ดำเนินคดีตามกฎหมาย สถานที่จับกุม คอนโดมิเนียมในพื้นที่ แขวงมักกะสัน เขตราชเทวี กรุงเทพฯ

สืบเนื่องจาก กก.สส.บก.ตม.1 ได้รับแจ้งจากประชาชนผู้ไม่ประสงค์ออกนามว่าถูกชายชาวรัสเซียซึ่งพักอาศัยอยู่ที่คอนโดมิเนียมในพื้นที่ แขวงมักกะสัน เขตราชเทวี กรุงเทพฯ ใช้ภาพอาวุธปืนและส่งข้อความข่มขู่ว่าจะยิง ทีละคนจนกว่าเขาจะตาย และจะสาดเลือดหมูใส่ จึงขอให้เจ้าหน้าที่ตำรวจดำเนินการสืบสวนจับกุม จากการสืบสวนพบว่าชายชาวรัสเซียคนดังกล่าวคือ MR. MILO (นามสมมติ) พักอาศัยอยู่ที่ห้อง 128 กก.สส.บก.ตม.1 จึงได้ขออนุมัติหมายค้นต่อศาลอาญาเข้าทำการตรวจค้น ผลการตรวจค้นพบ MR.MILO และพบของกลาง ซุกซ่อนอยู่ภายในกล่องสีเทาข้างตู้เสื้อผ้า โดย MR.MILO ให้การว่าอดีตเคยเป็นทหารรับจ้างของประเทศรัสเซีย ซองกระสุนและเครื่องกระสุนของกลางทั้งหมดไม่ใช่ของตนเอง เป็นของเพื่อนคนไทยจำชื่อไม่ได้ เจ้าหน้าที่ตำรวจชุดจับกุมจึงแจ้งข้อกล่าวหาและจับกุมส่งพนักงานสอบสวนดำเนินคดีในข้อหาดังกล่าว  

สตม. ขอเรียนให้ท่านทราบว่า สตม. มีมาตรการในการตรวจสอบ กวดขัน และปราบปรามการกระทำความผิด ในด้านต่าง ๆ รวมถึงการเฝ้าระวังบุคคลทั้งสัญชาติไทยและสัญชาติอื่น ๆ ที่มีหมายจับ และการเดินทางเข้า-ออกประเทศไทย หากประชาชนท่านใดพบเห็นเบาะแสการกระทำความผิด กรุณาแจ้งมายัง สำนักงานตรวจคนเข้าเมือง อาคารเฉลิมพระเกียรติสมเด็จพระบรมโอรสาธิราชฯ สยามมกุฎราชกุมาร พระชนมพรรษา 60 พรรษา เลขที่ 904 หมู่ที่ 6 ต.บ้านใหม่ อ.ปากเกร็ด จว.นนทบุรี 11120 หรือติดต่อตรวจคนเข้าเมืองจังหวัดในพื้นที่ หรือที่ www.immigration.go.th จักขอบพระคุณเป็นอย่างยิ่ง

สตม. รวบแก๊งคอลเซ็นเตอร์ตาน้ำข้าว หนีคดีข้ามชาติ ก่อความเสียหายกว่า 50 ล้านบาท กบดานพัทยา OVER STAY 

กก.สส.บก.ตม.3 ได้รับแจ้งข้อมูลว่ามีคนต่างด้าวสัญชาติสวีเดน ซึ่งกระทำผิดฐานฉ้อโกง ในลักษณะแก๊งคอลเซ็นเตอร์ มูลค่าความเสียหายคิดเป็นเงินไทย กว่า 50,000,000 บาท ได้เดินทางเข้ามาในประเทศไทย และหลบซ่อนตัวอยู่ในพื้นที่ อ.บางละมุง จว.ชลบุรี เจ้าหน้าที่ชุดจับกุมจึงได้ออกสืบสวนหาข่าว โดยขณะที่ชุดจับกุมได้ไปตรวจสอบที่บริเวณหน้าอาคารชุดในพื้นที่ ต.หนองปรือ อ.บางละมุง จว.ชลบุรี ได้พบคนต่างด้าวลักษณะมีพิรุธอยู่บริเวณหน้าอาคารชุด จึงได้แสดงตัวเป็นเจ้าพนักงานตำรวจตรวจคนเข้าเมือง และขอตรวจสอบหนังสือเดินทาง 

จากการตรวจสอบพบ MR.JOHN (นามสมมุติ) อายุ 24 ปี สัญชาติสวีเดน การอนุญาตให้อยู่ในราชอาณาจักรสิ้นสุด (OVER STAY) จากนั้นได้ไปตรวจสอบที่ห้องพักของ MR.JOHN พบ MR.VLADIS (นามสมมุติ) อายุ 25 ปี สัญชาติสวีเดน เมื่อตรวจสอบหนังสือเดินทาง พบว่าการอนุญาตให้อยู่ในราชอาณาจักรสิ้นสุด (OVER STAY) เช่นเดียวกัน จึงได้จับกุมในข้อหา เป็นคนต่างด้าวอยู่ในราชอาณาจักรโดยการอนุญาตสิ้นสุด นำตัวส่ง พนักงานสอบสวน สภ.เมืองพัทยา จว.ชลบุรี ดำเนินคดีตามกฎหมาย

อนึ่ง จากการประสานงานตรวจสอบกับทางการสวีเดน รับแจ้งว่า ทั้ง MR.JOHN และ MR.VLADIS มีประวัติกระทำความผิดอาญาในประเทศสวีเดน ในความผิดฐานฉ้อโกง ในลักษณะแก๊งคอลเซ็นเตอร์ มูลค่าความเสียหาย กว่า 50,000,000 บาท

นราธิวาส-รองผู้ว่าฯ นราธิวาส ปล่อยแถว กำลัง 3 ฝ่าย เฝ้าระวัง เขตเศรษฐกิจ พื้นที่อำเภอสุไหงโก-ลก ย้ำไม่ประมาท สร้างความเชื่อมั่นแก่ประชาชน

ว่าที่ร้อยตรี ตระกูล โทธรรม ผู้ว่าราชการจังหวัดนราธิวาส มอบหมายให้นายวิชาญ ชัยเศรษฐสัมพันธ์ รองผู้ว่าราชการจังหวัดนราธิวาส พร้อมด้วย นายอนิรุทร บัวอ่อน นายอำเภอสุไหงโก-ลก ผู้แทน กอ.รมน.จังหวัดนราธิวาส ลงพื้นที่ปล่อยแถวกำลังร่วม 3 ฝ่ายเฝ้าระวังเมือง กวาดล้าง อาชญกรรมและสิ่งผิดกฎหมาย พร้อมเยี่ยมจุดตรวจจุดสกัดในพื้นที่เขตสุไหงโก-ลก ประกอบด้วย จุดตรวจบือแรง อยู่ในความรับผิดชอบของ สภ. สุไหงโกลก จุดตรวจด่านน้ำตก และเยี่ยมให้กำลังใจเจ้าหน้าที่ชุดคุ้มครองตำบลปาเสมัส ในเขตเทศบาลเมืองสุไหงโก-ลก

นายวิชาญ ชัยเศรษฐสัมพันธ์ รองผู้ว่าราชการจังหวัดนราธิวาส กล่าวว่า การตรวจเยี่ยมครั้งนี้ มาให้กำลังใจ เจ้าหน้าที่ ทั้ง 3 ฝ่าย ทหาร ตำรวจ และฝ่ายปกครอง พร้อมมาเน้นย้ำเจ้าหน้าที่ให้ปฏิบัติหน้าที่ด้วยความไม่ประมาท รอบคอบ เข้มแข็ง เพื่อดูแลรักษาความสงบเรียบร้อยให้ความปลอดภัยต่อพี่น้องประชาชนทั้งนี้อำเภอสุไหงโกลก ถือเป็นพื้นที่เศรษฐกิจที่สำคัญของจังหวัดนราธิวาส เป็นเมืองการค้าชายแดน ซึ่งมีนักท่องเที่ยวเดินทางเข้ามาในพื้นที่ เป็นจำนวนมาก การให้ความปลอดภัยและสร้างความเชื่อมั่นจึงเป็นสิ่งสำคัญ โดยเฉพาะ สถานที่ที่เป็นแหล่งชุมชน เป้าหมายเชิงสัญลักษณ์ บ้านพักส่วนราชการสำคัญ ต้องเพิ่มความเข้มข้น เอาใจใส่ในการตรวจตรารักษาความปลอดภัย ประกอบกับ ในห้วงนี้ เกิดเหตุการณ์ความรุนแรงขึ้นบ่อยครั้ง และอำเภอสุไหงโกลกมีพื้นที่ติดกับอำเภอตากใบ จึงอยากฝากผู้นำท้องที่ ผู้นำท้องถิ่น ตลอดจน พี่น้องประชาชนได้ช่วยกันดูแลพื้นที่ เป็นหูเป็นตา แจ้งเบาะแส และหากพบสิ่งของ วัตถุ บุคคลต้องสงสัย ให้แจ้งเจ้าหน้าที่ในทันที เพื่อความปลอดภัยของพี่น้องประชาชนในพื้นที่อย่างสูงสุด

โอกาสนี้ รองผู้ว่าราชการจังหวัดนราธิวาสได้มอบสิ่งของบริโภคให้แก่ กองกำลังฝ่ายความมั่นคง 3 ฝ่ายที่ทำหน้าที่ประจำจุดตรวจ จุดสกัด เพื่อเป็นขวัญกำลังใจในการปฏิบัติหน้าที่ดูแลความปลอดภัยให้แก่พี่น้องประชาชน

กองทัพเรือ โดย หน่วยบัญชาการต่อสู้อากาศยานและรักษาฝั่ง ส่งมอบพื้นที่ชุมชนตลาดสายลมจอย อ.แม่สาย เชียงราย หลังฟื้นฟูเรียบร้อย

เมื่อวันที่ (27 ต.ค.67) กองทัพเรือ โดยหน่วยบัญชาการต่อสู้อากาศยานและรักษาฝั่ง โดยมี นาวาเอก สกล กลิ่นคำหอม รองผู้บังคับการกรมสนับสนุน หน่วยบัญชาการต่อสู้อากาศยานและรักษาฝั่ง เป็นหัวหน้าชุด และนาวาโท ศิวชัย ใจสุทธิ์ ผู้บังคับกองพันขนส่ง กรมสนับสนุน หน่วยบัญชาการต่อสู้อากาศยานและรักษาฝั่ง รองหัวหน้าชุดฯ ทำพิธีส่งมอบพื้นที่ชุมชนตลาดสายลมจอย ให้กับเทศบาลตำบลแม่สาย อำเภอแม่สาย จังหวัดเชียงราย 

โดยมี นายประสงค์ หล้าอ่อน รองผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงราย เป็นประธานการส่งมอบ ในวันนี้

‘สุริยะ’ ยันโครงการ ‘รถไฟความเร็วสูง 3 สนามบิน’ เป็นประโยชน์ต่อประเทศ เตรียมชงแก้สัญญาเข้า ครม.

(29 ต.ค. 67) นายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ รองนายกรัฐมนตรี และรมว.คมนาคม ให้สัมภาษณ์ก่อนการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) ถึงความคืบหน้าโครงการรถไฟความเร็วสูงเชื่อม 3 สนามบิน แบบไร้รอยต่อ (ดอนเมือง - สุวรรณภูมิ - อู่ตะเภา) ว่า ยังไม่มีการนำเสนอเรื่องดังกล่าวต่อคณะรัฐมนตรี (ครม.) ในสัปดาห์นี้ คาดว่าจะเป็นสัปดาห์หน้าหรือสัปดาห์ถัดไป 

แต่ยืนยันว่าการแก้ไขสัญญาโครงการดังกล่าวเป็นเรื่องที่การรถไฟแห่งประเทศไทย (รฟท.) เป็นผู้เจรจากับภาคเอกชน โดยเอกชนได้รับผลกระทบจากโควิด อยากให้รัฐบาลแก้ไขเยียวยา ซึ่งมีข้อเสนอมา 6 ข้อ แต่คณะกรรมการกำกับดูแลสัญญาเห็นว่ามีเพียงข้อเดียวที่จะรับได้คือ เรื่องต้นทุนดอกเบี้ยสูงขึ้น เนื่องจากมีผลกระทบจากสงครามรัสเซีย-ยูเครน   

นายสุริยะ กล่าวต่อว่า ส่วนข้อเรียกร้องประเด็นค่าก่อสร้างเพิ่มเติมที่เอกชนขอมานั้น รฟท.ไม่ได้ให้ ส่วนเรื่องที่เกี่ยวกับผลกระทบโควิด เรามองว่าเป็นเหตุสุดวิสัย จึงต้องแก้สัญญา โดยได้ดูครบถ้วนทุกประเด็นที่รัฐไม่เสียประโยชน์ ประกอบกับเราอยากให้โครงการนี้เดินต่อ 

หากมีการยกเลิกสัญญาปัญหาจะตามมา รัฐเองต้องยอมรับว่าไม่สามารถส่งพื้นที่ก่อสร้างให้กับเอกชนได้ เอกชนเองที่ต้องจ่ายในส่วนของแอร์พอร์ตลิงก์ให้ก็ไม่ได้จ่าย ทำให้ต้องเจรจากัน อย่างไรก็ตาม เรื่องการเจรจา ตนไม่ใช่ผู้ริเริ่มเจรจา แต่เป็นโครงการที่ต่อเนื่องมาจาก รฟท. และเข้ามาที่สำนักงานนโยบายและแผนงานและขนส่งจราจร  กระทรวงคมนาคม เป็นผู้กรองเรื่อง ซึ่งเห็นแล้วว่าเป็นประโยชน์ ไม่เสียเปรียบ ตนจึงได้เซ็นเรื่องไป

”โครงการนี้เป็นโครงการที่เป็นประโยชน์ ลดระยะเวลาเดินทางจาก กทม.ไปอู่ตะเภาได้มาก การเดินหน้าโครงการนี้จึงเป็นประโยชน์ ยืนยันการเดินหน้าโครงการนี้รัฐบาลไม่เสียเปรียบเอกชน 100%  เพราะการแก้ไขสัญญาต่าง ๆ มีอัยการเข้ามาช่วยดูแล” นายสุริยะ กล่าว 

ผู้สื่อข่าวถามว่า หากการแก้ไขสัญญาเสร็จสิ้นแล้ว โครงการจะแล้วเสร็จเมื่อใด นายสุริยะ กล่าวว่า หากเราไม่รีบเจรจาแก้ไขสัญญา โครงการจะแล้วเสร็จล่าช้ากว่าปี 71 จะมีผลกระทบไปถึงโครงการเมืองการบินที่การยื่นเงื่อนไขการยื่นประมูลมีเรื่องของรถไฟเชื่อม 3 สนามบินเข้าไปเกี่ยวข้องด้วย ซึ่งหากล่าช้ากว่าปี 71 อาจจะถูกฟ้องร้องจากเอกชน เราพยายามจะทำให้เสร็จตามกรอบเวลาดังกล่าว 

‘โฟล์คสวาเกน’ เตรียมปิด 3 โรงงานในบ้านเกิดเยอรมนี หลังไม่เคยปิดโรงงานกว่า 30 ปี รับแรงกระแทก EV จีน

(29 ต.ค. 67) Volkswagen ยักษ์ใหญ่ด้านยานยนต์ของเยอรมนีมีแผนจะปิดโรงงานอย่างน้อย 3 แห่งในเยอรมนี สภาแรงงานของบริษัทกล่าวเมื่อวันจันทร์

แผนการปิดโรงงานที่รายงานนี้เป็นมาตรการที่ Volkswagen กล่าวเมื่อไม่นานนี้ว่าไม่สามารถตัดทิ้งได้ท่ามกลางยอดขายที่ลดลง

สำนักข่าว Reuters อ้างคำพูดของ Daniela Cavallo หัวหน้าสภาแรงงานของ Volkswagen ที่บอกกับพนักงานหลายร้อยคนในเมือง Wolfsburg ว่า "ฝ่ายบริหารจริงจังกับเรื่องนี้มาก นี่ไม่ใช่การขู่เข็ญในการเจรจาต่อรองร่วมกัน"

"นี่คือแผนการของกลุ่มอุตสาหกรรมที่ใหญ่ที่สุดของเยอรมนีที่จะเริ่มการขายกิจการในประเทศเยอรมนีซึ่งเป็นประเทศบ้านเกิด" Cavallo กล่าวเสริมโดยไม่ได้ระบุว่าโรงงานใดจะได้รับผลกระทบ หรือพนักงานของบริษัทเกือบ 300,000 คนในเยอรมนีอาจถูกเลิกจ้างกี่คน

"โรงงาน Volkswagen ในเยอรมนีทั้งหมดได้รับผลกระทบจากแผนเหล่านี้ ไม่มีแห่งใดปลอดภัย" Cavallo กล่าวขณะที่เธอพูดคุยกับพนักงานของ VW ที่สำนักงานใหญ่ของบริษัทในเมือง Wolfsburg Cavallo กล่าวว่าฝ่ายบริหารของ VW ยังเรียกร้องให้ลดเงินเดือนร้อยละ 10 และไม่มีการขึ้นเงินเดือนอื่นๆ ในอีกสองปีข้างหน้า Cavallo และผู้นำแรงงานคนอื่นๆ ใน VW ให้คำมั่นว่าจะต่อต้านการลดเงินเดือนอย่างแข็งกร้าว โดยผู้นำแรงงานของ VW กล่าวว่าบริษัทอยู่ใน "จุดตัดสินใจ" ในประวัติศาสตร์

ในการตอบสนองต่อคำขอความคิดเห็นจาก VW บริษัทกล่าวว่า "ไม่ได้มีส่วนร่วมในการคาดเดาเกี่ยวกับการเจรจาเป็นความลับ" กับสหภาพแรงงาน IG Metall ซึ่งเป็นตัวแทนของพนักงานส่วนใหญ่ของบริษัท

"Volkswagen อยู่ในจุดตัดสินใจในประวัติศาสตร์องค์กร สถานการณ์ร้ายแรง และความรับผิดชอบของพันธมิตรในการเจรจาก็มหาศาล" บริษัทกล่าวเสริม

"หากไม่มีมาตรการที่ครอบคลุมเพื่อฟื้นฟูความสามารถในการแข่งขันของเรา เราจะไม่สามารถลงทุนในอนาคตที่จำเป็นได้" แถลงการณ์ดังกล่าวอ้างคำพูดของ Gunnar Kilian เจ้าหน้าที่ฝ่ายทรัพยากรบุคคล “เหตุผลประการหนึ่งในการปรับโครงสร้างใหม่ที่จำเป็นคือข้อเท็จจริงที่ว่าตลาดรถยนต์ในยุโรปหดตัวลงสองล้านคันตั้งแต่ปี 2020 ตลาดกำลังซบเซาและจะไม่สามารถฟื้นตัวได้ในอนาคตอันใกล้นี้ Volkswagen มีส่วนแบ่งประมาณ 25 เปอร์เซ็นต์ในตลาดนี้ นั่นหมายความว่าบริษัทขาดรถยนต์ประมาณ 500,000 คัน” VW กล่าวในแถลงการณ์ทางอีเมล
สหภาพแรงงานแสดงความไม่พอใจ

สหภาพแรงงาน IG Metall ออกมาประณามข่าวนี้

“นี่เป็นการแทงลึกเข้าไปในหัวใจของพนักงาน VW ที่ทำงานหนัก” สำนักข่าว DPA ของเยอรมนีอ้างคำพูดของ Thorsten Gröger ผู้จัดการเขต IG Metall กล่าว

“เราคาดหวังว่า Volkswagen และคณะกรรมการบริหารจะสรุปแนวคิดที่เป็นไปได้สำหรับอนาคตที่โต๊ะเจรจา แทนที่จะเพ้อฝันถึงการลดค่าใช้จ่าย ซึ่งจนถึงขณะนี้ฝ่ายนายจ้างเสนอเพียงคำพูดที่ว่างเปล่า”

Thomas Schäfer ซีอีโอของ VW กล่าวในแถลงการณ์ว่าต้นทุนของโรงงานในเยอรมนีสูงขึ้นเป็นพิเศษ “เราไม่สามารถดำเนินการต่อไปได้เหมือนอย่างเดิม” นายเชเฟอร์กล่าว “เราไม่มีผลิตภาพเพียงพอที่โรงงานของเราในเยอรมนี และต้นทุนของโรงงานของเราในปัจจุบันสูงกว่าที่เราได้วางแผนไว้ 25% ถึง 50% ซึ่งหมายความว่าโรงงานแต่ละแห่งในเยอรมนีมีราคาแพงกว่าคู่แข่งถึงสองเท่า”

ผู้ผลิตรถยนต์ในยุโรปกำลังเผชิญกับการแข่งขันที่เพิ่มขึ้นจากรถยนต์ไฟฟ้าราคาถูกของจีน
VW รายงานว่ากำไรสุทธิลดลง 14% ในช่วงครึ่งแรกของปี และถูกบังคับให้ยกเลิกข้อตกลงด้านความมั่นคงในการทำงานกับสหภาพแรงงานในเยอรมนีซึ่งทำกันมาหลายสิบปี

>>>รัฐบาลเยอรมนีมีปฏิกิริยาอย่างไร

วูล์ฟกัง บึชเนอร์ โฆษกรัฐบาลเยอรมนีกล่าวว่าเบอร์ลินทราบถึงความท้าทายของ VW และได้ติดต่อสื่อสารกับบริษัทและตัวแทนคนงานอย่างใกล้ชิด

“อย่างไรก็ตาม จุดยืนของนายกรัฐมนตรีในเรื่องนี้ชัดเจน นั่นคือ การตัดสินใจที่ผิดพลาดของฝ่ายบริหารที่อาจเกิดขึ้นในอดีตไม่ควรส่งผลเสียต่อพนักงาน เป้าหมายในปัจจุบันคือการรักษาและรักษาตำแหน่งงาน” โฆษกกล่าวในการบรรยายสรุปตามปกติ 

ยังไม่ชัดเจนในทันทีว่า Büchner กำลังหมายถึงเรื่องอื้อฉาวที่เรียกว่า dieselgate ที่กลายเป็นคดีอาญาหรือไม่ ซึ่ง Martin Winterkorn อดีต CEO ของ VW ถูกกล่าวหาว่าให้การเท็จ ปั่นราคาตลาด และฉ้อโกงทางการค้า

VW ดำเนินการโรงงานทั้งหมด 10 แห่งในเยอรมนี โดย 6 แห่งตั้งอยู่ใน Lower Saxony 3 แห่งอยู่ในรัฐ Saxony ทางตะวันออก และ 1 แห่งอยู่ในรัฐ Hesse ทางตะวันตก Volkswagen ไม่เคยปิดโรงงานในเยอรมนี และไม่เคยปิดโรงงานที่ใดในโลกเลยมานานกว่าสามทศวรรษ

‘เอกนัฏ’ หนุนพัฒนาอุตสาหกรรมป้องกันภัยพิบัติ เตรียมเปิดตัว ‘กำแพงป้องกันน้ำท่วม’ จากวัสดุเหลือใช้

(29 ต.ค. 67) นายเอกนัฏ พร้อมพันธุ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม เปิดเผยว่า จากสภาวะโลกร้อนที่เพิ่มความรุนแรงขึ้นจนเป็นสภาวะโลกเดือดในปัจจุบัน ส่งผลให้ภูมิอากาศทั่วโลกแปรปรวนเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว ดังจะเห็นได้จากภัยน้ำท่วมอย่างรุนแรง และต่อเนื่องในพื้นที่ต่าง ๆ ในประเทศไทยก่อให้เกิดความเสียหายต่อชีวิตและทรัพย์สินกว่า 3.1 พันล้านบาท 

ดังนั้น กระทรวงอุตสาหกรรม ตามนโยบาย “ปฏิรูปอุตสาหกรรม ในการสร้างอุตสาหกรรมเศรษฐกิจใหม่ที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมผ่านการสนับสนุนอุตสาหกรรมป้องกันภัยพิบัติเป็นอีกหนึ่งอุตสาหกรรมป้องกันประเทศ นำร่องการสร้างอุตสาหกรรมเศรษฐกิจใหม่ จึงได้มอบหมายให้ กรมส่งเสริมอุตสาหกรรม หรือ ดีพร้อม (DIPROM) เข้าไปส่งเสริมอุตสาหกรรมป้องกันภัยพิบัติ เพื่อให้สามารถผลิตอุปกรณ์รองรับภัยพิบัติที่อาจจะเกิดขึ้นได้ในอนาคต 

โดยเฉพาะอุปกรณ์ในด้านการป้องกันภัยจากน้ำท่วม ที่เป็นปัญหาสำคัญของไทย และเกิดขึ้นได้เกือบทุกปี ซึ่งจะช่วยป้องกันความเสียหายที่อาจจะเกิดขึ้นจากเหตุอุทกภัย โดยสามารถผลิตได้เองภายในประเทศ ลดการนำเข้าเนื่องจากสินค้ามีราคาสูง รวมทั้งยังสามารถส่งออกไปยังต่างประเทศได้อีกด้วย นอกจากนี้ วัสดุที่นำมาใช้มีทั้งที่เป็นนวัตกรรมจากวัสดุคอมโพสิต และวัสดุเหลือใช้ตามแนวคิด BCG ที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม 

ด้าน นางสาวณัฏฐิญา เนตยสุภา รองปลัดกระทรวงอุตสาหกรรม รักษาราชการแทนอธิบดีกรมส่งเสริมอุตสาหกรรม กล่าวว่า กรมส่งเสริมอุตสาหกรรม หรือ ดีพร้อม (DIPROM) ได้ดำเนินการวิจัย และพัฒนาวัสดุ รวมทั้งบูรณาการกับหน่วยงานภาคเอกชนในการส่งเสริมอุตสาหกรรมป้องกันภัยพิบัติ เพื่อพัฒนาต้นแบบอุปกรณ์ป้องกันน้ำท่วม 

โดยพัฒนาวัสดุกำแพงป้องกันน้ำท่วมผลิตจากนวัตกรรมวัสดุคอมโพสิต หรือเศษขยะพลาสติกเหลือทิ้งนำมาบดขึ้นรูปใหม่ (upcycling Recycle) ตามแนวคิด BCG โดยมีวัสดุทางเลือกจากการวิจัยมีคุณสมบัติที่โดดเด่นในเรื่องความแข็งแรงทนทาน มีน้ำหนักเบา และมีราคาถูกกว่าการนำเข้า รวมทั้งยังช่วยลดปริมาณขยะพลาสติก และนำมาสร้างมูลค่าเพิ่มได้ 

นอกจากนี้ ยังใช้ระบบ KNOCK DOWN ที่สามารถติดตั้งได้อย่างรวดเร็ว แม่นยํา และปลอดภัย เหมาะสำหรับติดตั้งบริเวณประตูทางเข้าออกของโครงการ หรืออาคาร ทางลงชั้นจอดรถใต้ดิน หน้าบันไดเลื่อน หน้าลิฟต์ และล้อมเครื่องจักรมูลค่าสูง เป็นต้น อีกทั้ง จะสามารถนำนวัตกรรมนี้ไปถ่ายทอดความรู้ให้กับผู้ประกอบการเพื่อผลิตและจำหน่ายเชิงพาณิชย์ต่อไปในอนาคตได้อีกด้วย นางสาวณัฏฐิญา กล่าวทิ้งท้าย

Equinix ประกาศตั้ง Data Center ในประเทศไทย ลงทุน 1.6 หมื่นล้าน เป็นศูนย์กลางของภูมิภาค CLMVT

(29 ต.ค. 67) นายนฤตม์ เทอดสถีรศักดิ์ เลขาธิการคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน (บีโอไอ) เปิดเผยว่า ในช่วงปีที่ผ่านมา เราเห็นกระแสการลงทุนในไทยของบริษัทยักษ์ใหญ่ในกิจการ Data Center ระดับโลกอย่างต่อเนื่อง 

ปัจจุบันมีโครงการยื่นขอรับการส่งเสริมการลงทุนในกิจการ Data Center และ Cloud Service รวม 47 โครงการ มูลค่าลงทุนกว่า 173,000 ล้านบาท 

ล่าสุดบริษัท Equinix ผู้ให้บริการ Data Center แบบ Colocation อันดับ 1 ของโลก จากประเทศสหรัฐอเมริกา ปัจจุบันมี Data Center ให้บริการมากกว่า 260 แห่ง ใน 72 เมืองทั่วโลก ได้ประกาศแผนการลงทุน Data Center ในประเทศไทย มูลค่ารวมกว่า 500 ล้านเหรียญสหรัฐ (ประมาณ 16,500 ล้านบาท) ในระยะ 10 ปีข้างหน้า ซึ่งบีโอไอได้อนุมัติส่งเสริมการลงทุนโครงการในเฟสแรกมูลค่ากว่า 7,180 ล้านบาทแล้ว โดยจะเปิดให้บริการในปี 2570

เหตุผลที่ Equinix ได้ตัดสินใจเลือกประเทศไทยเป็นที่ตั้ง Data Center แห่งใหม่ เพื่อรองรับลูกค้าในประเทศไทยและกลุ่มประเทศในเขตภูมิภาคลุ่มน้ำโขง (CLMVT) มี 3 เหตุผลสำคัญ คือ 

(1)ความพร้อมของไทยในการเป็นศูนย์กลางธุรกิจดิจิทัลของภูมิภาค โดยเฉพาะการเป็น Connecting Hub สำหรับกลุ่ม CLMVT ที่มีประชากรรวมกันกว่า 250 ล้านคน  

(2)ศักยภาพของตลาดในประเทศที่ขยายตัวสูง จากการเติบโตของเทคโนโลยี AI และความต้องการของภาคธุรกิจในการยกระดับองค์กรไปสู่ยุคดิจิทัล (Digital Transformation) รวมทั้งนโยบายเชิงรุกด้าน Cloud First Policy ที่จะช่วยกระตุ้นดีมานด์จากการสนับสนุนให้ภาครัฐและองค์กรต่าง ๆ ใช้เทคโนโลยี Cloud ซึ่งจะส่งผลให้ตลาด Data Center ในไทยขยายตัวมากขึ้น  

(3) นโยบายส่งเสริมการลงทุนที่ชัดเจนของรัฐบาลและบีโอไอ ประกอบกับโครงสร้างพื้นฐานทางดิจิทัลที่มีคุณภาพสูง ทั้งโครงข่ายอินเทอร์เน็ตความเร็วสูง เครือข่าย 5G ระบบไฟฟ้าที่มีความเสถียร และสัดส่วนการเข้าถึงอินเทอร์เน็ตอยู่ในระดับสูงกว่าร้อยละ 85 ของประชากรทั้งหมด 

“การประกาศลงทุนครั้งใหญ่ในไทยของ Equinix จะช่วยเสริมสร้างความแข็งแกร่งด้านโครงสร้างพื้นฐานทางดิจิทัลของประเทศไทย ช่วยให้ผู้ประกอบการไทยสามารถเข้าถึงโครงข่ายเทคโนโลยีดิจิทัลคุณภาพสูง เพิ่มโอกาสในการสร้างสรรค์สินค้าและบริการใหม่ ๆ และช่วยสนับสนุนการเติบโตของอุตสาหกรรมอื่น ๆ ไม่ว่าจะเป็นภาคการผลิต การเงิน การค้า การท่องเที่ยว และ Digital Services ต่าง ๆ 

นอกจากนี้ Equinix ยังมีแผนถ่ายทอดองค์ความรู้ให้กับบุคลากรไทย โดยผู้เชี่ยวชาญจากต่างประเทศ ซึ่งจะช่วยเตรียมคนไทยให้พร้อมรับเทคโนโลยีใหม่ ๆ ในอนาคตด้วย” นายนฤตม์ กล่าว

‘บิ๊กเล็ก’ เปิดเฟซบุ๊กแฟนเพจอย่างเป็นทางการ ช่องทางใหม่สื่อสารระหว่างกระทรวง-ประชาชน

เมื่อวานนี้ (28 ต.ค. 67) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า พลเอก ณัฐพล นาคพาณิชย์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงกลาโหม ได้ดำเนินการเปิดช่องทางการสื่อสารกับประชาชนผ่านเฟซบุ๊กแฟนเพจที่มีชื่อว่า ‘สนามไชย2’ พร้อมมีการโพสต์แนะนำเฟซบุ๊กแฟนเพจ ความว่า 

'สนามไชย๒' เป็นช่องทางสื่อสารที่สร้างการรับรู้และสร้างความเข้าใจกับประชาชนในกิจกรรมต่าง ๆ ของกระทรวงกลาโหม โดยเฉพาะภารกิจที่ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงกลาโหมได้รับมอบหมายจากท่านภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ภายใต้แนวคิดการสื่อสารเพื่อ 'รวมไทยไปด้วยกัน'

พลเอก ณัฐพล นาคพาณิชย์
รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงกลาโหม
28 ตุลาคม 2567

#สนามไชย2
#รวมไทยไปด้วยกัน

อธิบดีกรมวิชาการเกษตรจับมือประธานคณะกรรมการพืชสวนโลก ( AIPH ) ลุยเดินหน้าจัดงานมหกรรมพืชสวนโลกจังหวัดอุดรธานี 1 พฤศจิกายน 2569

(29 ต.ค. 67) รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ประธานคณะกรรมการอำนวยการจัดงานมหกรรมพืชสวนโลกจังหวัดอุดรธานี พ.ศ. 2569 ได้มอบหมายให้กรมวิชาการเกษตร และสำนักงานส่งเสริมการจัดประชุมและนิทรรศการ (องค์การมหาชน) (สสปน.) เข้าร่วมพิธีปิดงานมหกรรมพืชสวนโลกนครเฉิงตู Chengdu Expo 2024 ณ สาธารณรัฐประชาชนจีน พร้อมทั้งหารือกับสมาคมพืชสวนระหว่างประเทศ (AIPH)

โดยเมื่อวันที่ 27 ตุลาคม 2567 นายรพีภัทร์ จันทรศรีวงศ์ อธิบดีกรมวิชาการเกษตร นายจิรุตถ์ อิศรางกูร ณ อยุธยา ผู้อำนวยการสำนักงานส่งเสริมการจัดประชุมและนิทรรศการ (องค์การมหาชน) และพันโทวรายุส์ ตรีวัฒนสุวรรณ ประธานสภาอุตสาหกรรมจังหวัดอุดรธานี ได้ประชุมหารือร่วมกับ Mr. Leonardo Capitanio ประธานสมาคมพืชสวนระหว่างประเทศ Mr. Tim Briercliffe เลขาธิการสมาคมพืชสวนระหว่างประเทศ และคณะกรรมการสมาคมพืชสวนระหว่างประเทศ
สาระสำคัญสรุป ดังนี้

สมาคมพืชสวนระหว่างประเทศ (AIPH) ได้แนะนำแนวทางการจัดงานมหกรรมพืชสวนโลกจังหวัดอุดรธานี พ.ศ. 2569 ภายใต้ข้อจำกัดในเรื่องของระยะเวลาในการเตรียมการจัดงานที่มีอย่างจำกัดเพียง 1 ปี 4 เดือน ประกอบกับได้รับทราบข้อมูลว่าการจัดซื้อจัดจ้างในครั้งนี้ยังไม่มีผู้รับจ้างมาดำเนินงาน ดังนี้

1. เสนอให้มีการปรับแบบผังแม่บท โดยให้ลดความสลับซับซ้อน (Complexity) ของโครงสร้างและอาคาร แต่ยังคงสามารถสื่อสารความเป็นไทยและสอดคล้องกับธีมของงาน ทั้งนี้ ขอให้กรมวิชาการเกษตรหารือแนวทางการปรับปรุงผังแม่บทให้รีบปรับปรุงตามข้อแนะนำดังกล่าว รวมถึงได้แนะนำให้ปรึกษากับ Mr. John Boon ผู้เชี่ยวชาญด้านการออกแบบผังแม่บทมหกรรมพืชสวนโลกของ AIPH เพื่อช่วยให้คำแนะนำแนวทางการปรับปรุงผังแม่บทใหม่ เพื่อให้สามารถดำเนินการก่อสร้างได้ภายใต้ระยะเวลาที่จำกัด

2. เสนอให้ปรับลดขนาดของพื้นที่จัดงานลง เนื่องจากการจัดงานมหกรรมพืชสวนโลกจังหวัดอุดรธานีเป็นระดับ B ซึ่งตามข้อกำหนดของ AIPH กำหนดพื้นที่อย่างน้อยประมาณ 150 ไร่ หากประเทศไทยจะลดขนาดพื้นที่จัดงานลงจากเดิมที่กำหนดไว้ประมาณ 1,030 ไร่ ให้เหลือครึ่งหนึ่ง หรือ 400-500 ไร่ ก็สอดคล้องกับคำแนะนำของ AIPH เมื่อเดือนกรกฎาคม 2566 ในการตรวจติดตามพื้นที่จัดงานมหกรรมพืชสวนโลกฯ (Site Inspection) ซึ่งจะเป็นประโยชน์กับการจัดงานของประเทศไทยตามข้อจำกัดดังกล่าว ทั้งนี้ ประธาน AIPH เน้นย้ำว่าแนวทางการจัดงานของ AIPH คือ “Less is the best”

3. อธิบดีกรมวิชาการเกษตร ผู้อำนวยการสำนักงานส่งเสริมการจัดประชุมและนิทรรศการ (องค์การมหาชน) และผู้แทนจังหวัดอุดรธานี ได้เสนอขอให้ขยายระยะเวลาการส่งมอบพื้นที่ให้แก่ประเทศสมาชิก AIPH เพื่อเข้ามาดำเนินการจัดสวนและก่อสร้างอาคารนานาชาติ ก่อนเปิดงาน 3 เดือน จากเดิมต้องส่งมอบพื้นที่ให้ AIPH ก่อนเปิดงาน 6 เดือน (วันที่ 1 สิงหาคม 2569 แทนวันที่ 1 พฤษภาคม 2569) เพื่อให้มีระยะเวลาในการก่อสร้างและปรับปรุงภูมิทัศน์เพิ่มมากขึ้น ซึ่งคณะกรรมการ AIPH ได้เห็นชอบแนวทางการแก้ไขปัญหาดังกล่าว

4. เน้นความสำคัญของการจัดแสดงทางด้านพืชสวน เนื่องจากประเทศไทยเป็นประเทศที่มีความหลากหลายของพืช/ต้นไม้/ดอกไม้/ไม้ประดับ โดยขอให้เน้นการจัดสวนอย่างมีคุณภาพมากกว่าปริมาณ รวมทั้ง ขอให้เร่งดำเนินการในการจัดเตรียมพื้นที่และสถานที่สำหรับการพักและอนุบาลต้นไม้ ซึ่งเป็นหัวใจสำคัญของการจัดงานมหกรรมพืชสวนโลก โดยทาง AIPH ได้เน้นย้ำว่า โครงการ Type B โดยปกติในส่วนของอาคาร จะเป็น Temporary Building เป็นส่วนใหญ่

5. แนะนำให้เชิญชวนภาครัฐ ภาคเอกชน และเมืองอื่นๆ ทั้งในและต่างประเทศ เข้าร่วมการจัดสวนองค์กร สวนเมืองพี่เมืองน้อง สวนจังหวัด เพื่อเพิ่มความหลากหลายและการมีส่วนร่วมจากทุกภาคส่วน กรมวิชาการเกษตร สสปน. และผู้แทนของจังหวัดอุดรธานี จะนำข้อมูลดังกล่าว รายงานต่อคณะกรรมการบริหารการจัดงานมหกรรมพืชสวนโลกฯ และคณะกรรมการอำนวยการจัดงานมหกรรมพืชสวนโลกฯรวมทั้งสร้างการรับรู้ให้แก่ประชาชน เพื่อร่วมกันขับเคลื่อนการจัดงานมหกรรมพืชสวนโลกฯ ทั้งนี้ จังหวัดอุดรธานีต้องเร่งดำเนินการส่งมอบกรรมสิทธิ์ผังแม่บทให้กรมวิชาการเกษตรโดยด่วนที่สุด และเร่งปรับสภาพพื้นที่ให้แล้วเสร็จตามกำหนด ภายในวันที่ 30 พฤศจิกายน 2567เพื่อที่กรมวิชาการเกษตร พร้อมหน่วยงานที่เกี่ยวข้องจะได้ดำเนินการจัดซื้อจัดจ้าง เชิญชวนผู้รับจ้างจัดงานมหกรรมพืชสวนโลกฯ ใหม่ต่อไปอีกครั้ง

โดยการปรับปรุงตามคำแนะนำดังกล่าว จะสร้างความมั่นใจให้แก่คณะกรรมการ AIPH ในโอกาสที่มีกำหนดการลงตรวจติดตามพื้นที่จัดงานมหกรรมพืชสวนโลก (Site Inspection) ทั้งในจังหวัดอุดรธานี และจังหวัดนครราชสีมา ระหว่างวันที่ 24-28 พฤศจิกายน 2567 และในการประชุม AIPH Spring Meeting ณ จังหวัดเชียงราย ช่วงเดือนกุมภาพันธ์ 2568

โอกาสนี้ นายรพีภัทร์ จันทรศรีวงศ์ อธิบดีกรมวิชาการเกษตร ได้กล่าวขอบคุณประธาน และคณะกรรมการ AIPH สำหรับคำแนะนำที่เป็นประโยชน์ และเตรียมเชิญประชุมหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ได้แก่ กรมบัญชีกลาง สำนักงบประมาณ ผู้ประกอบการที่เคยได้รับการเชิญชวน และขอเชิญชวนผู้ประกอบการรายใหม่มาร่วมรับทราบแนวทางในการปรับผังแม่บทที่ยังคงเป็นไปตามวัตถุประสงค์ของการจัดงานและข้อกำหนดของ AIPH ตามเป้าหมายที่ตั้งไว้ต่อไป เพื่อให้สามารถ บรรลุวัตถุประสงค์ของการจัดงานมหกรรมพืชสวนโลกจังหวัดอุดรธานี และเพื่อให้เปิดงานได้ตามกำหนดในวันที่ 1 พฤศจิกายน 2569


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top