Wednesday, 21 May 2025
Hard News Team

จีนเปิดตัวทีมนักบินอวกาศ 'เสินโจว-19' เตรียมปล่อยยานสู่ห้วงอวกาศพรุ่งนี้

(29 ต.ค. 67) สำนักข่าวซินหัว รายงานว่า องค์การอวกาศที่มีมนุษย์ควบคุมแห่งประเทศจีน ประกาศว่าทีมนักบินอวกาศของจีน ได้แก่ ไช่ซวี่เจ๋อ ซ่งลิ่งตง และหวังเฮ่าเจ๋อ จะเป็นผู้ปฏิบัติภารกิจการบินในอวกาศที่มีมนุษย์ควบคุมเสินโจว-19 (Shenzhou-19) โดยจะทำหน้าที่ผู้บัญชาการ

หลินซีเฉียง โฆษกองค์การฯ กล่าวว่ายานอวกาศที่มีมนุษย์ควบคุมเสินโจว-19 มีกำหนดปล่อยสู่ห้วงอวกาศจากศูนย์ปล่อยดาวเทียมจิ่วเฉวียนทางตะวันตกเฉียงเหนือของจีน ตอน 04.27 น. ของวันพุธ (30 ต.ค.) ตามเวลาปักกิ่ง

สำหรับ "ไช่ซวี่เจ๋อ" เคยร่วมปฏิบัติภารกิจเสินโจว-14 ในปี 2022 ส่วน "ซ่งลิ่งตง" และ "หวังเฮ่าเจ๋อ" ซึ่งทั้งสองเป็นนักบินอวกาศของจีน ชุดที่ 3 และเกิดในทศวรรษ 1990 จะเดินทางสู่อวกาศเป็นครั้งแรก

ซ่งเป็นอดีตนักบินของกองทัพอากาศก่อนได้รับคัดเลือกเป็นนักบินอวกาศ และหวังเคยเป็นวิศวกรอาวุโสประจำสถาบันเทคโนโลยีขับเคลื่อนการบินและอวกาศ สังกัดบริษัทวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีการบินและอวกาศแห่งประเทศจีน (CASC)

ปัจจุบันหวังเป็นวิศวกรหญิงด้านการบินในอวกาศเพียงคนเดียวของจีน และจะเป็นผู้หญิงจีนคนที่ 3 ที่ได้ร่วมปฏิบัติภารกิจการบินในอวกาศที่มีมนุษย์ควบคุม

จีน ยัน เตรียมส่งแพนด้ายักษ์คู่ใหม่มาไทย กระชับความสัมพันธ์ 50 ปีสองมิตรประเทศ

(29 ต.ค. 67) นายจตุพร บุรุษพัฒน์ ปลัดกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม (ปกท.ทส.) เป็นประธานการประชุมหารือเตรียมความพร้อมรับมอบสัตว์จากสาธารณรัฐประชาชนจีน เพื่อเตรียมความพร้อมในการรับมอบแพนด้ายักษ์คู่ใหม่จากสาธารณรัฐประชาชนจีน ในโอกาสครบรอบความสัมพันธ์ 50 ปี ระหว่างสาธารณรัฐประชาชนจีนกับประเทศไทย ในปี 2568

นายจตุพร ได้กล่าวว่า กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม (ทส.) มีความพร้อมในการรับหมีแพนด้าคู่ใหม่จากจีนเข้ามาดูแลในนามของรัฐบาลไทย เพื่อเป็นทูตสันถวไมตรีที่แสดงถึงความสัมพันธ์อันดีที่มีต่อกันระหว่างสองประเทศ หลังจากที่องค์การสวนสัตว์แห่งประเทศไทย โดยสวนสัตว์เชียงใหม่ได้จัดส่งร่างหมีแพนด้าช่วงช่วงและหลินฮุ่ยกลับจีนเป็นที่เรียบร้อยแล้วเมื่อวันที่ 30 มกราคม 2567 พร้อมทั้งได้จัดทำรายงาน 20 ปีแพนด้าในไทยส่งให้ทางจีนประเมินโครงการ ซึ่งในช่วงเดือนตุลาคมที่ผ่านมา 

ทางจีนได้ยืนยันที่จะนำแพนด้ายักษ์คู่ใหม่ให้เป็นทูตสัตถวไมตรีเพื่อเชื่อมความสัมพันธ์ไทย-จีน ให้แก่ประเทศไทยอีกครั้ง สำหรับในการเตรียมความพร้อมรับแพนด้ายักษ์คู่ใหม่นี้ ได้สั่งการให้องค์การสวนสัตว์แห่งประเทศไทยเตรียมความพร้อมในด้านการออกแบบสถานที่สำหรับรับหมีแพนด้าคู่ใหม่ให้มีความเหมาะสม ทั้งในด้านความเป็นอยู่ และในส่วนของการจัดแสดงเพื่อให้ประชาชนชาวไทยได้เข้าชมกับหมีแพนด้ายักษ์อีกครั้ง โดยในการออกแบบจะต้องมีความสอดคล้องและเป็นไปตามหลักการของทางจีนเป็นสำคัญ 

แนะเพิ่มช่องทางหาเงินเข้ารัฐ ภาษีลาภลอย ช่วยรัฐบาลได้

(29 ต.ค. 67) ไม่แปลกนักที่ในห้วงระยะเวลานี้จะมีข่าวการเตรียมจัดเก็บค่าธรรมเนียม ภาษี หรือรายได้อื่น ๆ จากทางภาครัฐ เนื่องจากการทำรถไฟฟ้า 20 บาทตลอดสาย

แต่มีอีก 1 ช่องทางในการสร้างรายได้อีก 1 ช่องทาง ที่เหมือนจะหลงลืมกันไป นั่นก็คือ ‘ภาษีลาภลอย’

ภาษีลาภลอย คือ ภาษีที่จะจัดเก็บจากผู้ได้รับผลประโยชน์จากการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานของรัฐบาล ไม่ว่าจะเป็น ทางด่วน รถไฟฟ้า สนามบิน หรืออื่น ๆ

เหตุผลที่มีแนวคิดในการจัดเก็บ เนื่องจากบรรดาที่ดินที่ได้รับประโยชน์เหล่านี้ อยู่ดี ๆ ก็มีมูลค่าสูงขึ้นจากการลงทุนของทางภาครัฐ 

ขอย้ำอีกครั้งว่าเรื่องนี้ไม่ใช่เรื่องใหม่ เนื่องจากก่อนหน้านี้เคยมีการเตรียมเสนอกฎหมายที่มีแนวคิดคล้าย ๆ กันมาแล้ว ร่างพระราชบัญญัติภาษีการได้รับประโยชน์จากการพัฒนาระบบสาธารณูปโภคขั้นพื้นฐานด้านคมนาคมขนส่งของรัฐพ.ศ. …

โดยกฎหมายฉบับดังกล่าวมีสาระสำคัญสรุปได้ ดังนี้
1.ผู้มีหน้าที่เสียภาษี ได้แก่ บุคคลธรรมดาหรือนิติบุคคลซึ่งเป็นเจ้าของที่ดินหรือครอบครองที่ดินอันเป็นทรัพย์สินของรัฐหรือเป็นเจ้าของห้องชุดที่ใช้ประโยชน์ในเชิงพาณิชย์ที่มีมูลค่าสูงกว่า 50 ล้านบาทและผู้พัฒนาอสังหาริมทรัพย์ที่เป็นเจ้าของห้องชุดรอการจำหน่ายซึ่งอยู่รอบพื้นที่ที่มีโครงการฯ

2.โครงการฯ ที่จัดเก็บภาษี คือ โครงการรถไฟความเร็วสูง รถไฟทางคู่ รถไฟฟ้าขนส่งมวลชน ท่าเรือ สนามบิน โครงการทางด่วนพิเศษ และโครงการอื่น ๆ ที่กำหนดในกระทรวง

3.การจัดเก็บภาษีแบ่งเป็น 2 กรณี ดังนี้
3.1 ในระหว่างการดำเนินการจัดทำโครงการฯ จะจัดเก็บภาษีจากการขายหรือโอนกรรมสิทธิ์ที่ดินหรือห้องชุดซึ่งตั้งอยู่รอบพื้นที่โครงการฯ ในรัศมีที่กำหนด
3.2 เมื่อการก่อสร้างโครงการฯ แล้วเสร็จ จะจัดเก็บภาษีเพียงครั้งเดียวจาก
1) ที่ดินหรือห้องชุดเฉพาะส่วนที่ใช้ประชาชนในเชิงพาณิชย์ที่มีมูลค่าสูงกว่า 50 ล้านบาท (ยกเว้นภาษีให้แก่ที่ดินหรือห้องชุดที่ใช้เพื่อพักอาศัยและที่ดินที่ใช้ประกอบเกษตรกรรม)
2) ห้องชุดของผู้พัฒนาอสังหาริมทรัพย์ที่รอจำหน่าย ซึ่งอยู่รอบพื้นที่ที่มีโครงการฯ

4.พื้นที่จัดเก็บภาษี กำหนดขอบเขตไว้ไม่เกินรัศมี 5 กิโลเมตร รอบพื้นที่โครงการฯ ทั้งนี้ กำหนดให้คณะกรรมการพิจารณากำหนดพื้นที่จัดเก็บภาษี ซึ่งมีปลัดกระทรวงการคลังเป็นประธาน และผู้อำนวยการสำนักงานเศรษฐกิจการคลังเป็นกรรมการและเลขานุการออกประกาศกำหนดพื้นที่ที่จะจัดเก็บภาษีในแต่ละโครงการฯ

5.หน่วยงานจัดเก็บภาษี ได้แก่ กรมที่ดินและองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นที่มีโครงการฯตั้งอยู่

6.ฐานภาษีเพื่อการคำนวณภาษี ให้จำนวนจากส่วนต่างของมูลค่าที่ดินหรือที่ขึ้นระหว่างวันที่รัฐเริ่มก่อสร้างโครงการฯ และมูลค่าในวันที่การก่อสร้างโครงการฯ แล้วเสร็จ

7.การคำนวณภาษีให้ใช้ฐานภาษีของที่ดินหรือท้องที่ชุดคำนวณได้คุมด้วยอัตราภาภาษี

8.อัตราภาษี กำหนดเพดานอัตราสูงสุดของภาษีที่กรมที่ดินและองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นมีอำนาจจัดเก็บได้ ไม่เกินร้อยละ 5 ของฐานภาษี ทั้งนี้ อัตราภาษีที่ใช้จัดเก็บจริงจะกำหนดในพระราชกฤษฎีกา

9.ภาษีที่จัดเก็บได้ให้นำส่งเงินภาษีเข้าคลังเป็นรายได้ของแผ่นดิน

จะเห็นได้ว่าการเอาภาษีตัวนี้มาปัดฝุ่นอีกครั้ง สอดคล้องกับสภาวการณ์ในปัจจุบันอย่างยิ่ง เนื่องจากหลายโครงการโครงสร้างพื้นฐานอยู่ระหว่างการพัฒนา ซึ่งรายได้ส่วนนี้จะสามารถนำมาใช้เพื่อพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานที่จำเป็นด้านอื่น ๆ ของประเทศได้อีกด้วย

‘อ.อุ๋ย ปชป.’ ผนึก อ.ย. – ราชวิทยาลัยจักษุแพทย์ - สภาผู้บริโภค เร่งเอาผิดอาหารเสริมลวงโลก แฉ! บางรายคล้าย ‘ดิไอคอนกรุ๊ป’

อาจารย์ อุ๋ย ปชป. ร่วมประชุมเชิงปฏิบัติการกับผู้แทนจากราชวิทยาลัยจักษุแพทย์ สำนักงานคณะกรรมการอาหารและยาและสภาองค์กรของผู้บริโภค เพื่อเอาผิดผลิตภัณฑ์เสริมอาหารที่โฆษณาหลอกลวง 

เมื่อวานนี้ (28 ต.ค.67) นายประพฤติ ฉัตรประภาชัย หรืออาจารย์อุ๋ย นักวิชาการด้านกฎหมายและอดีตผู้สมัคร สส. กรุงเทพมหานคร เขตบางกะปิ พรรคประชาธิปัตย์ ในฐานะที่ปรึกษากฎหมายของราชวิทยาลัยจักษุแพทย์แห่งประเทศไทย ร่วมประชุมเชิงปฏิบัติการกับคณาจารย์แพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านจักษุ ผู้แทนจากสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา และผู้แทนจากสภาองค์กรของผู้บริโภค โดยมีวาระการประชุมที่สำคัญ คือการทบทวนกระบวนการเพื่อให้ได้มาซึ่งการป้องกัน ปราบปราม การโอ้อวด หลอกลวงทางการโฆษณาผลิตภัณฑ์ และกระบวนการรักษาใด ๆ ซึ่งแอบอ้างเพื่อใช้ในการป้องกันรักษาโรคตา ที่ไม่ได้มาตรฐาน อย่างยั่งยืน

ซึ่งที่ประชุมได้อภิปรายถึงอุปสรรคของการบังคับใช้กฎหมายเพื่อเอาผิดกับเจ้าของผลิตภัณฑ์เสริมอาหารที่โฆษณาหลอกลวง โดยเฉพาะเกี่ยวกับดวงตา เช่น การอวดอ้างว่ากินแล้วตาใส มองชัด ไม่มัว สายตาดีขึ้น ฯลฯ ซึ่งปรากฏทั่วไปตามแพลตฟอร์มออนไลน์ ซึ่งล้วนแต่เป็นข้อความเท็จ และทำให้ผู้บริโภคที่หลงเชื่อ สูญเสียเงินโดยเปล่าประโยชน์ และขาดโอกาสในการรักษา ทำให้โรคลุกลามจนรักษาได้ยาก หรือรักษาไม่หาย ซึ่งกฎหมายปัจจุบันกำหนดโทษปรับและจำคุกที่ค่อนข้างเบา ทำให้ผู้กระทำผิดไม่เกรงกลัว ซึ่งจะต้องมีการเสนอปรับปรุงแก้ไขกฎหมายต่อไป และนายประพฤติได้เสนอให้ใช้ พรบ. คอมพิวเตอร์ ในการเอาผิดการกระทำในลักษณะนี้ เพราะมีโทษที่หนักกว่ากฎหมายอาหาร และพิจารณาทำ MOU กับหน่วยงานอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้องต่อไป เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการบังคับใช้กฎหมาย และเผยแพร่ความรู้ความเข้าที่ถูกต้องให้กับผู้บริโภคต่อไป

นอกจากนี้ ยังพบว่ามีผลิตภัณฑ์เสริมอาหารเกี่ยวกับดวงตาที่โฆษณาหลอกลวงบางราย ใช้กลยุทธ์การตลาดคล้าย ‘ดิไอคอนกรุ๊ป’ กล่าวคือ มีการจัดสัมมนาอบรม โฆษณาเชิญชวนให้เข้าเป็นสมาชิก ชักชวนให้สร้างเครือข่าย และตอกย้ำถึงความร่ำรวยอย่างรวดเร็วจากการเข้าร่วมเครือข่าย ซึ่งจะต้องให้ผู้ที่มีอำนาจหน้าที่ทำการเฝ้าระวังและสืบสวนสอบสวนในเชิงลึกเพื่อดำเนินการป้องปรามต่อไป เพื่อไม่ให้เกิดความเสียหายต่อประชาชนเป็นวงกว้างซ้ำรอยคดีดิไอคอนกรุ๊ป  

ทั้งนี้ ราชวิทยาลัยจักษุแพทย์แห่งประเทศไทย เริ่มก่อตั้งเมื่อ ปี พ.ศ. 2499 เป็นหน่วยงานในกำกับดูแลของแพทยสภา ทำหน้าที่ฝึกอบรมแพทย์ทั่วไปที่ต้องการประกอบวิชาชีพเป็นจักษุแพทย์ กำหนดและควบคุมมาตรฐานทางวิชาการในการประกอบวิชาชีพเวชกรรมของจักษุแพทย์และเผยแพร่ความรู้ทางจักษุวิทยา อันเป็นประโยชน์แก่ประชาชนและแก่วิชาชีพเวชกรรม

‘เวสต์แฮม’ ประกาศเตรียมเซ็นสัญญา ‘อันนา ฉันทวงศ์วิริยะ’ เข้าทีมหญิง

(29 ต.ค. 67) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เฟซบุ๊กแฟนเพจ West Ham Utd Thailand Fanclub. ได้โพสต์ว่า

#EPAThailand 
ข่าวประชาสัมพันธ์จาก Elite Performance Academy เรื่องการแถลงข่าวการเซ็นสัญญา อันนา ฉันทวงศ์วิริยะ เข้าสู่ เวสต์แฮม ยูไนเต็ด ทีมหญิง ในวันที่ 7 พ.ย. นี้ โดยมี คุณนวลพรรณ ล่ำซำ นายกสมาคมฟุตบอลแห่งประเทศไทย และตัวแทนจาก เวสต์แฮม ฟาวเดชั่น ร่วมแถลงข่าวด้วย 

นายกฯ โต้ ‘ธนาธร’ ปมรับซื้อไฟฟ้า ชี้ ‘พีระพันธ์’ ชี้แจงครบก่อนตั้งคำถาม

(29 ต.ค. 67) นางสาวแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีที่นายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ ประธานคณะก้าวหน้า ออกจดหมายเปิดผนึกถึง นายกรัฐมนตรี ขอให้ทบทวนการออกสัมปทานรับซื้อพลังงานหมุนเวียน 3,600 เมกะวัตต์ เพราะมองว่าอาจเอื้อประโยชน์กลุ่มทุนพลังงาน ว่า 

รายละเอียดเรื่องนี้ทั้งหมด ตนนั่งเป็นประธานคณะกรรมการนโยบายพลังงานแห่งชาติ (กพช.) อยู่ แต่เรื่องนี้ยังมาไม่ถึงคณะกรรมการ กพช. แต่ได้มีการสอบถามเรื่องนี้ไปยังรองนายกรัฐมนตรีที่กำกับดูแลเรื่องนี้แล้ว 

ซึ่งก่อนที่นายธนาธร จะออกมาพูดเรื่องนี้ รองนายกฯ ได้ตอบกระทู้ในสภาฯ เรื่องนี้ไปแล้ว ประชาชนและสื่อมวลชนสามารถหาข้อมูลเรื่องนี้ได้อย่างละเอียดเลย และทุกอย่างต้องเป็นไปตามกระบวนการ

เมื่อถามย้ำว่า กระบวนการทุกอย่างจะต้องโปร่งใสใช่หรือไม่ นายกรัฐมนตรีกล่าวว่า แน่นอนค่ะ เรื่องนี้จะต้องโปร่งใส

เมื่อถามต่อว่า ทุกคนอยากได้ยินคำยืนยันจากนายกรัฐมนตรี นายกรัฐมนตรีระบุว่า ยินดีค่ะ ถ้าอยากได้ได้ยินจากนายกรัฐมนตรี แน่นอนว่าเรื่องนี้ต้องเป็นไปตามกระบวนการ และต้องโปร่งใส ให้ประชาชนสามารถรับรู้ได้ และเข้าใจได้แน่นอน เพราะนั่นคือความมั่นคงของรัฐบาลด้วย

AION จัดทริป Y So Amazing พาลูกค้า AION Y Plus เปิดประสบการณ์ท่องเที่ยว นครราชสีมา - ปราจีนบุรี - นครนายก

AION เปิดประสบการณ์ท่องเที่ยวสุดเอ็กซ์คลูซีฟ 'Y So Amazing Trip' ให้กับลูกค้า AION Y Plus ได้สัมผัสประสบการณ์ท่องเที่ยวธรรมชาติและวัฒนธรรมแบบปล่อยคาร์บอนเป็นศูนย์ สัมผัสอากาศดี ๆ ในเส้นทาง นครราชสีมา - ปราจีนบุรี - นครนายก โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อส่งเสริมความสัมพันธ์และสร้างชุมชน ในกลุ่มผู้ใช้รถยนต์ไฟฟ้า AION Y Plus โดยกิจกรรมครั้งนี้จัดขึ้นเป็นครั้งที่ 3 และมีแผนที่จะจัดกิจกรรมต่อไปอย่างต่อเนื่องในอนาคต เพื่อเสริมสร้างความประทับใจและความภาคภูมิใจในการเป็นส่วนหนึ่งของครอบครัว AION Y Plus

ทริปนี้เริ่มต้นขึ้นในเช้าของวันที่ 18 ตุลาคม 2567 โดยขบวนคาราวาน AION Y Plus ได้ออกเดินทางจากโชว์รูม AION โกลด์ อินทิเกรท มีนบุรี ท่ามกลางบรรยากาศที่เต็มไปด้วยความตื่นเต้นของผู้ร่วมเดินทางที่มารวมตัวกันตั้งแต่เช้า หลังจากลงทะเบียนและรับของที่ระลึก ผู้เข้าร่วมทริปได้รับการต้อนรับอย่างอบอุ่น พร้อมทั้งได้รับคำแนะนำเกี่ยวกับเส้นทางและรายละเอียดของกิจกรรมก่อนจะเริ่มออกเดินทางไปยังจุดหมายปลายทางแรก คือ จังหวัดนครราชสีมา

จุดหมายแรกของทริปอยู่ที่ ร้านอาหารบ้านไร่ปลายเนิน เพื่อรับประทานอาหารกลางวันร่วมกัน ท่ามกลางบรรยากาศสบายๆ ท่ามกลางธรรมชาติและภูเขา ผู้เข้าร่วมทริปต่างเพลิดเพลินกับอาหารรสเลิศ พร้อมชมทิวทัศน์สวยงามของพื้นที่โดยรอบ

หลังจากรับประทานอาหารกลางวันเสร็จแล้ว ขบวนคาราวานได้เดินทางไปยังโรงไฟฟ้าลำตะคองชลภาวัฒนา จังหวัดนครราชสีมา โรงไฟฟ้าแห่งนี้เป็นโรงไฟฟ้าพลังงานน้ำแบบสูบกลับ (Underground Powerhouse) ซึ่งมีเอกลักษณ์ที่น่าสนใจในฐานะโรงไฟฟ้าใต้ดินแห่งแรกของประเทศไทย ผู้เข้าร่วมกิจกรรมได้เรียนรู้เกี่ยวกับพลังงานสะอาดและเทคโนโลยีการผลิตไฟฟ้า รวมถึงได้สัมผัสกับธรรมชาติรอบข้างที่งดงาม สะท้อนถึงความเป็นผู้นำด้านนวัตกรรมและเทคโนโลยีของ AION ในการสนับสนุนพลังงานสะอาดที่ยั่งยืน

หลังจากจบทริปที่โรงไฟฟ้าลำตะคองชลภาวัฒนา ขบวนคาราวานได้เดินทางต่อไปยังโรงแรมเดอะเภรี เขาใหญ่ เพื่อเข้าพักผ่อนตามอัธยาศัย พร้อมกิจกรรมทำผ้าบาติก ในช่วงเย็นได้จัดงานเลี้ยงอาหารค่ำในบรรยากาศที่อบอุ่น โดยสมาชิกผู้เข้าร่วมทริปต่างนั่งพูดคุยและแลกเปลี่ยนประสบการณ์การใช้รถยนต์ไฟฟ้า AION Y Plus ในบรรยากาศที่เป็นกันเอง

วันที่สองของการเดินทาง ขบวนคาราวาน AION Y Plus มุ่งหน้าสู่ GranMonte หนึ่งในไร่องุ่นชื่อดังของเขาใหญ่ ซึ่งเป็นจุดหมายปลายทางที่ได้รับความนิยมจากผู้ที่ชื่นชอบไวน์ ผู้เข้าร่วมทริปได้สัมผัสและเรียนรู้กระบวนการทำไวน์ตั้งแต่การปลูกองุ่นไปจนถึงการผลิตไวน์ รวมถึงสัมผัสกับวิถีชีวิตที่เรียบง่ายท่ามกลางธรรมชาติของไร่องุ่นอีกด้วย

หลังจากเยี่ยมชมไร่องุ่นกันอย่างจุใจแล้ว ก็ได้เดินทางต่อไปยังอุทยานแห่งชาติเขาใหญ่ สถานที่ท่องเที่ยวชื่อดังที่เป็นแหล่งรวมสัตว์ป่าและพืชพรรณหลากหลายสายพันธุ์ ผู้เข้าร่วมทริปได้มีโอกาสเดินเส้นทางศึกษาธรรมชาติ พร้อมทั้งฟังคำบรรยายจากเจ้าหน้าที่ เกี่ยวกับพืชพันธุ์และสัตว์ป่าที่อาศัยอยู่ในอุทยานแห่งชาติเขาใหญ่แบบเต็มที่ สร้างความประทับใจให้กับทุกคน ที่ได้สัมผัสความสวยงามและอุดมสมบูรณ์ของธรรมชาติ ณ อุทยานแห่งชาติเขาใหญ่

ขบวนคาราวานได้มุ่งหน้าต่อไปยังบ้านเล่าเรื่อง ซึ่งเป็นสถานที่ท่องเที่ยวเชิงวัฒนธรรมที่มีการจัดแสดงนิทรรศการเกี่ยวกับการใช้สมุนไพรและอาหารเป็นยา ผู้เข้าร่วมกิจกรรมได้เรียนรู้วิถีชีวิตดั้งเดิมและภูมิปัญญาพื้นบ้าน นอกจากนี้ ยังได้แวะชมพิพิธภัณฑสถานแห่งชาติปราจีนบุรี ซึ่งเป็นสถานที่เก็บรวบรวมโบราณวัตถุและแสดงประวัติศาสตร์ความเป็นมาของภูมิภาคตะวันออกของประเทศไทย

ในวันสุดท้ายของทริป ขบวนคาราวาน AION Y Plus ได้เดินทางไปยังอ่างเก็บน้ำจักรพงษ์ เขาอีโต้ จังหวัดนครนายก เพื่อเข้าร่วมกิจกรรมปล่อยปลาลงสู่แหล่งน้ำธรรมชาติ เป็นกิจกรรมที่มีวัตถุประสงค์เพื่อฟื้นฟูและสร้างสมดุลให้กับระบบนิเวศ พร้อมทั้งสร้างความตระหนักรู้เรื่องการอนุรักษ์สิ่งแวดล้อม หลังจากทำกิจกรรมร่วมกัน ผู้เข้าร่วมทริปได้เพลิดเพลินกับการชมวิวทิวทัศน์ที่สวยงามของจุดชมวิวผาหินซ้อน และจุดชมวิวเขาอีโต้ ซึ่งสามารถมองเห็นทัศนียภาพที่กว้างไกลของอุทยานแห่งชาติเขาใหญ่ ก่อนจะปิดท้ายการเดินทางด้วยการรับประทานอาหารกลางวันที่ร้านอาหารวินเทจ การ์เด้น ผู้เข้าร่วมทริปร่วมกันถ่ายภาพเพื่อเป็นที่ระลึกและเดินทางกลับบ้านโดยสวัสดิภาพ

ทริป 'Y So Amazing Trip' ครั้งนี้จัดขึ้นเพื่อสร้างความสัมพันธ์ที่แข็งแกร่งระหว่างลูกค้าผู้ใช้รถยนต์ไฟฟ้า AION Y Plus ผ่านประสบการณ์การท่องเที่ยวและกิจกรรมที่น่าประทับใจ ไม่เพียงแต่สร้างความพึงพอใจให้กับผู้ร่วมทริป แต่ยังเป็นการส่งเสริมภาพลักษณ์ของ AION ในฐานะแบรนด์ที่ใส่ใจลูกค้าและสร้างสรรค์กิจกรรมที่มีคุณค่า นอกจากนี้ ทริปดังกล่าวยังเป็นการเปิดโอกาสให้ลูกค้าได้แลกเปลี่ยนประสบการณ์การใช้งานรถยนต์ AION Y Plus และสร้างเครือข่ายในกลุ่มผู้ใช้รถยนต์ไฟฟ้า สะท้อนถึงแนวทางของบริษัทที่เน้นความเป็นมิตรและใส่ใจลูกค้า การจัดทริป 'Y So Amazing Trip' ในครั้งนี้จึงไม่เพียงแต่เป็นการท่องเที่ยวธรรมดา แต่เป็นการมอบประสบการณ์ที่เหนือชั้นและสร้างความประทับใจให้กับลูกค้า

ชัชชาติ ผนึกหลากภาคี ลุยมาตรการสู้ฝุ่น PM2.5 เล็ง!! สั่งแบนรถ 6 ล้อค่าฝุ่นสูงเข้าเขต กทม.

(29 ต.ค. 67) นายชัชชาติ สิทธิพันธุ์ ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร พร้อมด้วย นายประเสริฐ สินสุขประเสริฐ ปลัดกระทรวงพลังงาน นายธีระพงษ์ วิมลจิตรานนท์ ผู้อำนวยการกองควบคุมคุณภาพอากาศและเสียง กรมควบคุมมลพิษ และนายทองอยู่ คงขันธ์ ประธานสหพันธ์การขนส่งทางบกแห่งประเทศไทยร่วมแถลงข่าวด้วย

นายธีระพงษ์ วิมลจิตรานนท์ กล่าวว่า จากการพยากรณ์คาดว่าในปีนี้ปริมาณของค่าฝุ่น PM2.5 จะมีจำนวนไม่มากเทียบเท่าปีที่ผ่าน ๆ มา 

โดยทางรัฐบาลได้เตรียมความพร้อมในการลดความรุนแรงในการเกิดไฟป่า พร้อมทั้งการเผาในทางเกษตร โดยเฉพาะ ข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ ข้าว และอ้อยโรงงาน 

นายชัชชาติ สิทธิพันธุ์ เปิดเผยว่า ในรอบปีที่ผ่านมา กทม. ทบทวนทุกอำนาจที่มีเพื่อให้สามารถควบคุมสถานการณ์ฝุ่นได้อย่างเด็ดขาด 

และหากจำกันได้ เมื่อปีที่ผ่านมาทางสภากรุงเทพมหานคร ได้มีการออกข้อบัญญัติกรุงเทพมหานครเกี่ยวกับการให้รถโดยสารสาธารณะในพื้นที่กรุงเทพมหานครต้องเป็นรถที่ไม่ปล่อยมลพิษเท่านั้น ซึ่งสุดท้ายทางกฤษฎีกาวินิจฉัยว่าขัดหรือแย้งกับกฎหมายอื่น 

ทำให้ในปีนี้ตัดสินใจที่จะใช้อำนาจตาม พรบ.ป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย ซึ่งให้อำนาจผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานครในกรณีเกิดเหตุหรือใกล้เกิดเหตุสาธษรณภัย สามารถออกมาตรการเพื่อกำจัดต้นเหตุได้

โดย กทม. จึงได้ออกประกาศให้ รถบรรทุกห้ามเข้าในพื้นที่ชั้นในของกรุงเทพมหานคร โดยมีหลักการคือ ห้ามไม่ให้รถขนาดตั้งแต่ 6 ล้อขึ้นไปเข้าในพื้นที่วงแหวนกาญจนาภิเษก หรือพื้นที่วงแหวนรัชดาภิเษก ตามแต่ช่วงความรุนแรงของฝุ่น โดยใช้กล้อง CCTV ในการตรวจจับการกระทำความผิด นอกจากนี้ยังมีมาตรการอื่น ๆ เช่น การตั้งด่าน หรือ ตรวจตามไซต์งานก่อสร้าง ฯลฯ

ยกเว้น รถบรรทุก EV-NGV หรือรถบรรทุกที่มีเครื่องยนต์มาตรฐาน EURO 5 ขึ้นไป หรือรถบรรทุกที่มีการเปลี่ยนไส้กรองและน้ำมันเครื่องตั้งแต่ 1 พ.ย. 67 นี้เป็นต้นไป เนื่องจากการปล่อยมลพิษน้อย โดยจะมี Green List หรือบัญชีสีเขียว ซึ่งบันทึกข้อมูลรถดังกล่าว

นายชัชชาติยังได้ย้ำอีกว่า รถที่จะขึ้นทะเบียนคือรถที่มีขนาด 6 ล้อขึ้นไป สำหรับรถทั่วไปยังไม่ต้องลงทะเบียน 

นายประเสริฐ สินสุขประเสริฐ ปลัดกระทรวงพลังงาน ได้เปิดเผยว่า จากปีที่ผ่านมาที่กระทรวงพลังงาน ได้ร่วมมือกับกรุงเทพมหานคร ในการรณรงค์แคมเปญ ‘รถคันนี้ลดฝุ่น’ ซึ่งมีผู้เข้าร่วมมากกว่า 2.6 แสนคัน 

ในปีนี้กระทรวงพลังงานได้ประสานงานกับผู้ประกอบการผู้ค้าน้ำมันที่มีการให้บริการทั้งการเปลี่ยนไส้กรอง และเปลี่ยนน้ำมันเครื่องหลายราย โดยในปีนี้จะดำเนินการต่อเนื่องผ่านการให้ส่วนลดค่าบริการ มากที่สุดถึง 40%

นายทองอยู่ คงขันธ์ ประธานสหพันธ์การขนส่งทางบกแห่งประเทศไทย กล่าวว่า ทางสมาพันธ์พร้อมที่จะดำเนินการตามที่มาตรการของภาครัฐกำหนด และจะช่วยสนับสนุนห่วงโซ่อุปทานของรถบรรทุกไฟฟ้าในประเทศไทยให้เพิ่มมากขึ้นจากที่มีอยู่จำนวนประมาณ 1 หมื่นคัน

สมุทรปราการ-ทอท. ห่วงใย!! มอบเครื่องช่วยฟังให้กับประชาชนที่อยู่โดยรอบท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ

(29 ต.ค. 67) เวลา 10.00 น. ดร.กีรติ  กิจมานะวัฒน์ กรรมการผู้อำนวยการใหญ่ บริษัท
ท่าอากาศยานไทย จำกัด (มหาชน) (ทอท.) เป็นประธานในพิธีมอบเครื่องช่วยฟังตามโครงการตรวจสมรรถภาพการได้ยิน และสนับสนุนเครื่องช่วยฟังให้กับประชาชนที่อยู่โดยรอบ ทสภ. ประจำปี 2567

โดยมี นายกิตติพงศ์  กิตติขจร ผู้อำนวยการท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ พร้อมด้วย นางสาวปวีณา จริยฐิติพงศ์ รองกรรมการผู้อำนวยการใหญ่ (สายงานวิศวกรรมและการก่อสร้าง) ทอท. เข้าร่วมพิธีฯ ด้วย ณ ห้องจัดเลี้ยง 1 ชั้น 5 อาคารสำนักงานท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ (AOB) การมอบเครื่องช่วยฟังตามโครงการตรวจสมรรถภาพการได้ยินฯ ในครั้งนี้ เป็นโครงการที่ ทอท. โดยฝ่ายสิ่งแวดล้อม จัดขึ้นอย่างต่อเนื่องปีละ 1 ครั้ง มีวัตถุประสงค์เพื่อให้ผู้สูญเสียการได้ยินสามารถสื่อสารกับผู้อื่นได้ เพิ่มคุณภาพชีวิตด้านการได้ยินที่ผิดปกติให้ดีขึ้นหรือใกล้เคียงกับบุคคลทั่วไป รวมทั้งเพื่อเป็นการสร้างความสัมพันธ์อันดีระหว่าง ทอท. กับประชาชนที่อยู่โดยรอบ ทสภ. อย่างยั่งยืน

ในปี 2567 มีผู้เข้าร่วมโครงการตรวจสมรรถภาพการได้ยินฯ จำนวน 2,919 คน พบว่าเป็นผู้มีสมรรถภาพการได้ยินปกติ จำนวน 2,299 คน และเป็นผู้มีสมรรถภาพการได้ยินผิดปกติ จำนวน 620 คน และจากการตรวจสมรรถภาพการได้ยินอย่างละเอียดสำหรับผู้สูญเสียการได้ยินระดับหูตึงมาก - รุนแรงมาก โดย โสต ศอ นาสิกแพทย์ วินิจฉัยแล้ว มีผู้ที่บกพร่องทางการได้ยินสมควรได้รับเครื่องช่วยฟังมีจำนวน 10 ราย จากโรงเรียนสาธิตบางนา, ชุมชนประชาร่วมใจชุมชนเคหะนคร 2, หมู่บ้านรุ่งกิจวิลล่า 9, หมู่บ้านลาดกระบังการ์เด้น และหมู่บ้านจามจุรี รับคนละ 2 เครื่อง รวม 20 เครื่อง เป็นเงิน 600,000.-บาท

จนถึงปัจจุบัน ทอท. มอบเครื่องช่วยฟังให้กับประชาชนที่สูญเสียการได้ยินไปแล้ว จำนวน 69 ราย รวม 119 เครื่อง โดยใช้งบประมาณในการสนับสนุนเครื่องช่วยฟังดังกล่าว รวมเป็นเงิน 3,670,000.-บาท ที่ผ่านมา ทอท. ได้ให้ความสำคัญต่อการสนับสนุนคุณภาพชีวิตของชุมชนโดยรอบท่าอากาศยานให้ดีขึ้น รวมทั้งมีนโยบายให้ท่าอากาศยานที่อยู่ในความรับผิดชอบทั้ง 6 แห่ง คือ ทสภ. ท่าอากาศยานดอนเมือง ท่าอากาศยานเชียงใหม่ ท่าอากาศยานหาดใหญ่ ท่าอากาศยานภูเก็ต และ ท่าอากาศยานแม่ฟ้าหลวง เชียงราย ดำเนินงานด้านความรับผิดชอบต่อสังคมและการพัฒนาที่ยั่งยืนภายใต้แนวคิดการเป็นสนามบินที่เป็นพลเมืองที่ดีของสังคมและเพื่อนบ้านที่ดีของชุมชน

คิว-ข่าวสมุทรปราการ รายงาน

ร่วมแคมเปญ ‘กินหมดจาน’ ลดอาหารเหลือทิ้ง สุดคุ้ม แลกสิทธิประโยชน์จาก 50 ทั่วเมืองกรุง

(29 ต.ค. 67) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ปิ๊ปโป้ เปรมวิชช์ สีห์ชาติวงษ์ หนึ่งในผู้ร่วมก่อตั้ง Storylog และ Fictionlog แพลตฟอร์มสำหรับนักอ่านและนักเขียน รวมถึงนักรีวิวอาหารอย่างจริงจังมือสมัครเล่นที่การติดตามจะไม่ผิดหวัง ได้โพสต์ผ่านเฟซบุ๊กส่วนตัวว่า 

อาหารตอนมาเสิร์ฟ แต่รูปที่ทรงพลังไม่แพ้กันผมว่ามันคือรูปกินหมดจาน แบบหมดจริง ๆ

ผมเนี่ย ถ้าเจอชามไหนถูกใจมาก ๆ ซดเกลี้ยงไม่เหลือ แหม่ ไอเราก็สายวิดน้ำซะด้วย โซเดียมเดี๋ยวมันก็ฉี่ออก จะไปกลัวอะไรฟระ (ไม่ใช่คำแนะนำทางการแพทย์ 555)

พอพี่แพรมาคุยถึงโครงการกินหมดจาน เราก็อยากสนับสนุน เออ มันดีต่อหลายๆ เรื่อง การลด food waste นี่เรื่องใหญ่กว่าที่คิด ขยะจากเศษอาหารเหลือนี่มากมายมหาศาล จริง ๆ สั่งแต่พอดี และกินหมดได้ก็ช่วยได้แล้วระดับนึง

เลยอยากเชิญชวนทุกคนมาเล่นแคมเปญนี้กัน เป็นแคมเปญที่โคตรง่าย แค่ถ่ายรูปจาน ‘ก่อน’ และ ‘หลัง’ กิน ติด tag ให้โครงการและร้านที่เข้าร่วม ก็จะได้โปรโปรโมชันจากร้านที่เข้าร่วม

ใครจองไปกิน No Name Noodle ได้ เล่นแคมเปญนี้ได้ไอศกรีมฟรีเลย!!! ร้านนี้ผมเกลี้ยงทุกรอบ เติมเส้นได้คือเติม : p

สายกินเกลี้ยงแสดงตัวให้เห็นหน่อยนะครับ ขอเสียงให้รู้ว่าผมไม่ได้ตะกละอย่างเดียวดาย ฮา สนใจมาจอยลองดูรายละเอียดการเล่นใต้เมนต์โลด”

นอกจากนี้ปิ๊ปโป้ยังได้คอมเมนต์ยังโพสต์ดังกล่าวว่า 

#กินหมดจาน Challenge
ชวนทุกคนมากินหมดจาน จะเป็นเมนูอะไร ที่ไหนก็ได้ กินหมดปุ๊บ post ปั๊บ ก็ช่วยโลกได้ทันที

แต่ถ้าไปกินหมดจานที่ 50 ร้านใน 'กินหมดจาน Guidebook' ก็รับ promotion พิเศษจากทางร้านทันที .. เพียบ !!

วิธีร่วมจอย Challenge ง่ายๆ เพียงแค่
1. ถ่าย 'รูปหรือVDO' ก่อนและหลังกินหมดจาน
2. พร้อมติดแฮชแทก #กินหมดจาน #Restaurantmakeover
3. เล่นร้านไหนที่ไหน เมนูอะไรก็ได้ที่คุณอยากแชร์ให้เราได้รู้
4. ถ้าร่วมเล่นที่ 50 ร้านใน กินหมดจาน Guidebook จะได้ promotion พิเศษจากทางร้านไปเลย !
5. เล่นได้ตั้งแต่ (29ตุลาคม- 30พฤศจิกายน)
** เข้าดู 'กินหมดจาน Guidebook' ได้ที่เว็บไซต์ http://www.aroundp.co/


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top