Saturday, 17 May 2025
Hard News Team

(อุบลราชธานี) กกล.สุรนารี บูรณาการ ตรวจยึดยาบ้า จำนวน 118,000 เม็ด พร้อมรถกระบะ 1 คัน ที่ชายแดนเขมราฐ 

เมื่อวานนี้ (19 พ.ย.67) เวลา 19.00 น. กองบัญชาการกองกำลังสุรนารี โดย พลตรี สมภพ  ภาระเวช ผู้บัญชาการกองกำลังสุรนารี ได้จัดกำลังพลจาก กองร้อยเฉพาะกิจตำรวจตระเวนชายแดนที่ 227 ร่วมกับ ตำรวจภูธรเขมราฐ และ ฝ่ายปกครอง อำเภอเขมราฐ จังหวัดอุบลราชธานี ทำการซุ่มสกัดจับเป้าหมายยาเสพติด ตรวจพบรถยนต์ยี่ห้อโตโยต้า รุ่นไฮลักซ์รีโว่ สีขาว หมายเลขทะเบียน บธ 5707 จังหวัดนครพนม วิ่งมาในพื้นที่อำเภอเขมราฐ จังหวัดอุบลราชธานี

จึงแสดงตัวเข้าตรวจค้น รถกระบะคันดังกล่าว ผู้ขับขี่รถยนต์คันดังกล่าวได้อาศัยความมืดวิ่งหลบหนีไปได้  จึงเข้าตรวจสอบ สามารถตรวจยึด ยาเสพติดให้โทษประเภท1 (ยาบ้า) จำนวน 59 มัด ประมาณ 118,000 เม็ด พร้อมรถยนต์กระบะยี่ห้อโตโยต้า รุ่นไฮลักซ์รีโว่ สีขาว หมายเลขทะเบียน บธ 5707 จังหวัดนครพนม จำนวน 1 คัน จึงได้ส่งมอบของกลางให้กับ สถานีตำรวจภูธรเขมราฐ จังหวัดอุบลราชธานี เพื่อดำเนินการตามกฎหมายต่อไป

บราซิลจับนายทหาร-ตำรวจ 5 นาย เตรียมวางยาพิษลอบสังหาร ปธน.ลูลา ดา ซิลวา

(20 พ.ย.67) ตำรวจบราซิลเปิดเผยว่าได้ทำการจับกุมผู้ต้องสงสัย 5 ราย จำนวนนี้เป็นตำรวจ 1 ราย และนายทหารอีก 4 ราย ในข้อหาวางแผนพยายามลอบสังหารประธานาธิบดี ลูลา ดา ซิลวา ผู้นำบราซิล เมื่อ 2 ปีก่อน

รายงานจากสื่อท้องถิ่นระบุว่า ทั้ง 5 รายมีส่วนเกี่ยวข้องในความพยายามลอบสังหารประธานาธิบดีลูลาในปี 2022 พร้อมกับนายเจอรัลโด อัลค์มิน ว่าที่ผู้สมัครรองประธานาธิบดี ซึ่งในปี 2022 เป็นปีที่ลูลาและนายอัลค์มิน เพิ่งชนะการเลือกตั้งกลับมาเป็นประธานาธิบดีอีกสมัย โดยแผนลอบสังหารจะมีขึ้นในวันที่ 15 ธันวาคม 2022 เพียง 2 สัปดาห์ก่อนหน้าที่นายลูลา และนายอัลค์มิน จะทำพิธีสาบานตนเข้ารับตำแหน่ง

สำหรับประธานาธิบดีลูลา ดา ซิลวา เคยรับตำแหน่งประธานาธิบดีบราซิลในสมัยแรกระหว่างปี 2003-2011 ก่อนจะเว้นช่วงทางการเมืองแล้วได้รับชัยชนะกลับมาเป็นผู้นำบราซิลสมัยที่สอง ในศึกการเลือกตั้งเดือนตุลาคม 2022 โดยเอาชนะนาย ฌาอีร์ โบลโซนารู คู่ท้าชิงฝ่ายขวาจัดไปได้อย่างหวุดหวิด ซึ่งหลังการเลือกตั้งในครั้งนั้นนายโบลโซนารู ได้กล่าวหานายลูลา ว่าโกงการเลือกตั้งและไม่ยอมรับผลการแพ้การเลือกตั้ง

เหตุการณ์ในครั้งนั้นนายโบลโซนารู ได้ปลุกระดมกลุ่มผู้สนับสนุนนับพันคนบุกเข้าทำเนียบประธานาธิบดีและอาคารรัฐสภา ภายในกรุงบราซิลเลีย เมืองหลวงจนได้รับความเสียหาย ซึ่งเหตุการณ์นี้หลายฝ่ายมองว่าคล้ายกับเหตุการณ์บุกอาคารรัฐสภาสหรัฐฯ เมื่อวันที่ 6 มกราคม 2021

เหตุการณ์บุกรัฐสภาบราซิลถูกมองว่าเป็นส่วนหนึ่งของฝ่ายตรงข้าม ในความพยายามขัดขวางไม่ได้นายลูลาได้เป็นประธานาธิบดีอีกสมัย

อย่างไรก็ตาม นี่เป็นครั้งแรกที่ตำรวจเปิดเผยถึงความพยายามลอบสังหารลูลา

ภายหลังจากข่าวการจับกุมดังกล่าวถูกเผยแพร่ออกไป รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการสื่อสารสังคม นายเปาโล ปิเมนตา กล่าวว่า การวางแผนลอบสังหารลูลาและอัลค์มินเกือบจะดำเนินไปแล้ว

“เราเปิดเผยรายละเอียดได้เพียงเล็กน้อยเท่านั้น" รัฐมนตรีกล่าว เว็บไซต์ข่าวของบราซิล G1 รายงานว่า สิ่งที่น่าเป็นกังวลเป็นพิเศษก็คือ ผู้ที่ถูกจับกุม 4 รายเป็นทหารประจำการ และคนที่ 5 เป็นตำรวจประจำการ

สำนักข่าว AFP รายงานอ้างแหล่งข่าวจากตำรวจรัฐบาลกลางว่าทหารทั้ง 4 นาย "ถูกจับกุมในเมืองริโอ ซึ่งพวกเขากำลังเข้าร่วมปฏิบัติการรักษาความปลอดภัยสำหรับการประชุมผู้นำกลุ่ม G20" ซึ่งกำลังดำเนินการอยู่ในเมืองของบราซิลในขณะนี้ ตามรายงานของ G1 ทหารทั้ง 4 นาย ที่ได้รับการฝึกเป็นหน่วยรบพิเศษ ถูกกล่าวหาว่าเป็นส่วนหนึ่งขององค์กรอาชญากรที่วางแผนลอบทำร้ายลูลา

ตำรวจกล่าวว่าผู้วางแผนได้ตั้งชื่อปฏิบัติการนี้ว่า 'มีดสีเขียวและเหลือง' ซึ่งเป็นสีเดียวกับธงชาติบราซิล ตามรายงานของตำรวจรัฐบาลกลาง ผู้วางแผนได้ถกเถียงกันถึงวิธีที่ดีที่สุดในการ 'กำจัด' ลูลาและเจอรัลโด อัลค์มิน และได้ข้อสรุปว่าจะต้องวางยาพิษว่าที่ประธานาธิบดี แทนการใช้อาวุธลอบสังหาร

ชลบุรี...กลุ่มบริษัทยูนิไทย ร่วมกับ ซียูอีแอล จัดกิจกรรมวิ่งการกุศล 'UNITHAI-CUEL Run for Charity 2025 ครั้งที่ 3 วิ่งด้วยใจ ในสวนสวย ช่วยผู้ป่วยมะเร็ง' มอบให้โรงพยาบาลสมเด็จพระบรมราชเทวี ณ ศรีราชา

สวนนงนุชพัทยา จ.ชลบุรี ดร.อรรถสิทธิ์ กอชัยพฤกษ์ กรรมการผู้จัดการกลุ่มธุรกิจ Engineering & Fabrication กลุ่มบริษัทยูนิไทย และ บริษัท ซียูอีแอล จำกัด พร้อมด้วย กัมพล ตันสัจจา ประธานสวนนงนุชพัทยา พญ.กรวิกา จิระตุลธร ผู้ช่วยผู้อำนวยการโรงพยาบาลสมเด็จพระบรมราชเทวี ณ ศรีราชา นายยุทธนา สร้อยเสนา ปลัดอาวุโสอำเภอสัตหีบ และ น.ส. นริศรา ทิพยางกูร ปลัดอาวุโสอำเภอศรีราชา ร่วมแถลงข่าว จัดงานวิ่งการกุศล 'UNITHAI - CUEL Run for Charity 2025 ครั้งที่ 3 วิ่งด้วยใจ ในสวนสวย ช่วยผู้ป่วยมะเร็ง' มอบให้โรงพยาบาลสมเด็จพระบรมราชเทวี ณ ศรีราชา สภากาชาดไทย ในวันอาทิตย์ที่ 16 กุมภาพันธ์ 2568 ณ สวนนงนุชพัทยา จ.ชลบุรี โดยมี แขกผู้มีเกียรติและสื่อมวลชน เข้าร่วมอย่างคับคั่ง

ดร.อรรถสิทธิ์ กอชัยพฤกษ์ กรรมการผู้จัดการกลุ่มธุรกิจ Engineering & Fabrication กลุ่มบริษัทยูนิไทย และ บริษัท ซียูอีแอล จำกัด กล่าวว่า “กลุ่มบริษัทยูนิไทย ดำเนินธุรกิจด้านอู่ซ่อมเรือชั้นนำที่ใหญ่ที่สุดในประเทศไทย งานวิศวกรรมโครงสร้างบนบกและนอกชายฝั่ง พลังงานหมุนเวียน รวมทั้งบริษัทในเครือต่าง ๆ ที่ให้บริการด้านซัพพลายเชนโซลูชั่นแบบครบวงจร ท่าเรือเอกชน คลังสินค้า บริการด้านขนส่งและโลจิสติกส์ มีส่วนช่วยในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจของประเทศไทย  

สำหรับการจัดกิจกรรมงานวิ่งการกุศลในครั้งนี้ เพื่อสร้างความตระหนักรู้ ให้ความสำคัญในการดูแลสุขภาพ และส่งต่อกำลังใจให้กับผู้ป่วยมะเร็ง อีกทั้งรณรงค์ส่งเสริมให้พนักงานในองค์กร รวมถึงประชาชนทั่วไป หันมาใส่ใจการออกกำลังกายเพื่อสร้างสุขภาพร่างกายที่ดี ห่างไกลโรคมะเร็ง ซึ่งรายได้หลังหักค่าใช้จ่ายจะสมทบทุนในการช่วยเหลือดูแลผู้ป่วยมะเร็ง โรงพยาบาลสมเด็จพระบรมราชเทวี ณ ศรีราชา สภากาชาดไทย อ.ศรีราชา จ.ชลบุรี ต่อไป นอกจากนี้ยังช่วยฟื้นฟูและกระตุ้นเศรษฐกิจ และการท่องเที่ยวในภาคตะวันออกให้ดียิ่งขึ้น ตามพันธกิจขององค์กรที่มุ่งเน้นการพัฒนาธุรกิจให้เจริญเติบโตอย่างยั่งยืน ควบคู่ไปกับการพัฒนาความเจริญด้านชุมชน สังคม และสิ่งแวดล้อม”

ดร.อรรถสิทธิ์ กล่าวเสริมว่า นักวิ่งที่เข้าร่วมการแข่งขันจะได้สัมผัสกับเส้นทางวิ่งในสวนสวย ผ่านจุดไฮไลท์ที่สำคัญต่าง ๆ ของสวนนงนุช หนึ่งในสิบสวนที่สวยที่สุดในโลกสำหรับประเภทการแข่งขัน แบ่งออกเป็น 3 ระยะ คือ 1. ระยะวิ่ง 4 กิโลเมตร ค่าสมัคร 588 บาท (ไม่มีการแข่งขัน)  2. ระยะวิ่ง 8 กิโลเมตร ค่าสมัคร 788 บาท  และ3. ระยะวิ่ง 12 กิโลเมตร ค่าสมัคร 888 ทั้งนี้ผู้ที่ได้อันดับ 1-3 ของทุกรุ่นอายุรับเงินรางวัลและรางวัล Overall ชาย-หญิง ผู้ที่สนใจสามารถสมัครเข้าร่วมกิจกรรมได้ที่ https://www.runlah.com/events/ucrc2025 หรือติดต่อสอบถามได้ที่ 089-962-6229 และ 089-939-9128

ปล่อยซาว์ดสัมภาษณ์ ดร.อรรถสิทธิ์ กอชัยพฤกษ์ กรรมการผู้จัดการกลุ่มธุรกิจ Engineering & Fabrication กลุ่มบริษัทยูนิไทย และ บริษัท ซียูอีแอล จำกัด

'พล.ต.ท.กรไชยฯ' ตรวจการปฏิบัติด้านงานจราจรบริเวณหน้าโรงเรียนในเขตกรุงเทพมหานครชั้นใน กำชับตำรวจดูแลการจราจรอย่างเต็มกำลัง และขอความร่วมมือผู้ปกครองและนักเรียนไม่จอดแช่ 'จอด ลง ส่ง ไป'

(20 พ.ย.67) เวลา 06.30 น. พล.ต.ท.กรไชย คล้ายคลึง ผู้ช่วยผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ เดินทางไปตรวจการปฏิบัติด้านงานจราจรบริเวณหน้าสถานศึกษาในเขตกรุงเทพมหานคร ชั้นใน ที่บริเวณหน้าโรงเรียนเซนต์คาเบรียล และโรงเรียนเซนต์ฟรังซีสซาเวียร์คอนแวนต์ ถ.สามเสน แขวงวชิรพยาบาล เขตดุสิต กรุงเทพมหานคร โดยมี พ.ต.อ.จิรกฤต จารุนภัทร์ รอง ผบก.จร. และผู้เกี่ยวข้องร่วมตรวจการปฏิบัติ

พล.ต.ท.กรไชยฯ ได้ตรวจการปฏิบัติหน้าที่ของเจ้าหน้าที่ตำรวจ สน.สามเสน และเจ้าหน้าที่ตำรวจ กองบังคับการตำรวจจราจร ในการอำนวยความสะดวกการจราจรบริเวณหน้าสถานศึกษา และได้พูดคุยสอบถามปัญหาการจราจร และชี้แจงการปฏิบัติกับครู ผู้ปกครอง และเด็กนักเรียนของทั้ง 2 โรงเรียนด้วย

ทั้งนี้ พล.ต.ท.กรไชยฯ กล่าวว่า จากการตรวจการปฏิบัติด้านงานจราจรบริเวณหน้าสถานศึกษาในวันนี้ พบว่าภาพรวมเจ้าหน้าที่ตำรวจและสถานศึกษาร่วมดูแลอำนวยความสะดวกการจราจรได้เป็นอย่างดี โดยได้กำชับให้เจ้าหน้าที่ตำรวจอำนวยความสะดวกการจราจรอย่างเต็มกำลัง เพื่อจัดการจราจรให้เด็กนักเรียนทุกคนถึงโรงเรียนด้วยความรวดเร็วและปลอดภัย พร้อมขอความร่วมมือผู้ปกครองที่ขับรถมาส่งนักเรียนหน้าโรงเรียนทุกแห่ง ขอให้ไม่จอดแช่ โดยขอให้เด็กๆ เตรียมตัวให้พร้อมก่อนถึงหน้าโรงเรียน และพร้อมลงจากรถทันทีเมื่อผู้ปกครองขับรถมาส่งหน้าโรงเรียน เพื่อลดปัญหาการจราจรติดขัด ตามหลักการ 'จอด ลง ส่ง ไป'

จากนั้น พล.ต.ท.กรไชยฯ เดินทางโดยรถจักรยานยนต์ตำรวจจราจรโครงการพระราชดำริ เพื่อตรวจการปฏิบัติด้านจราจร และตรวจเส้นทางการจราจรตั้งแต่บริเวณหน้าโรงเรียนทั้ง 2 แห่ง จนถึง ถ.พระรามที่ 1 พบว่าบางเส้นทางมีการจราจรหนาแน่น แต่เจ้าหน้าที่ตำรวจจราจรอยู่ประจำจุดคอยอำนวยความสะดวกไม่ให้เกิดปัญหารถติดสะสม

ผู้บังคับการศูนย์ฝึกทหารใหม่ กรมยุทธศึกษาทหารเรือ มอบนโยบายแก่ครูฝึก ครูประจำหมวดวิชา ให้ปลูกฝังระเบียบวินัย ความรักสถาบัน 

น.อ.ทิวา อ่อนละออ ผู้บังคับการศูนย์ฝึกทหารใหม่ กรมยุทธศึกษาทหารเรือ มอบนโยบายในการฝึกแก่ครูฝึก ครูประจำหมวดวิชา ณ ศูนย์ฝึกทหารใหม่ กรมยุทธศึกษาทหารเรือ อ.สัตหีบ จ.ชลบุรี

โดยได้ถ่ายทอดนโยบาย ข้อสั่งการ รวมทั้งข้อห่วงใยของผู้บัญชาการทหารเรือ ที่มุ่งเน้นการสร้างระเบียบวินัย ความเป็นทหาร , ปลูกฝังทัศนคติที่ดีต่อสถาบันชาติ ศาสนา และพระมหากษัตริย์ , ถ่ายทอดความรู้เกี่ยวกับทหารเรือ , ปลูกฝังความสามัคคีและความเป็นสุภาพบุรุษทหารเรือ , การเป็นแบบอย่างที่ดีของครูฝึก , ฝึกบนพื้นฐานความปรารถนาดีต่อกัน , มีการประเมินผลการฝึกที่เป็นระบบ , ความโปร่งใสเกี่ยวกับการเบิกจ่าย/ตัดเบี้ยเลี้ยง เป็นต้น   

ในการนี้ผู้บังคับการศูนย์ฝึกทหารใหม่ ได้มอบแนวทางการปฏิบัติ ข้อเตือนใจในการปฏิบัติต่อนักเรียนพลทหาร เน้นย้ำให้ครูฝึก ครูหมวดวิชาทุกนายยึดถือนโยบายดังกล่าวอย่างเคร่งครัด ภายใต้กรอบของความปลอดภัย เพื่อสร้างนักเรียนพลทหารให้เป็นทหารที่องอาจ สมชายชาติทหาร และเป็นสุภาพบุรุษทหารเรือ

พิธีเปิดการฝึกอบรมหลักสูตรทหารใหม่ ภาคสาธารณศึกษา ผลัดที่ 3/67 ปฐมบทเส้นทางลูกผู้ชาย 2,928 นาย สู่การเป็นสุภาพบุรุษทหารเรือที่องอาจ

น.อ.ทิวา อ่อนละออ ผู้บังคับการศูนย์ฝึกทหารใหม่ กรมยุทธศึกษาทหารเรือ (ผบ.ศฝท.ยศ.ทร.) เป็นประธานในพิธีเปิดการฝึกอบรมหลักสูตรทหารใหม่ ภาคสาธารณศึกษา ผลัดที่ 3/67 ณ สนามฟุตบอล ศฝท.ยศ.ทร. ต.สัตหีบ อ.สัตหีบ จ.ชลบุรี

การจัดพิธีเปิดการฝึกฯ มีวัตถุประสงค์ เพื่อสร้างขวัญกำลังใจ และความภาคภูมิใจ แก่ทหารใหม่ โดยมีคณะผู้บังคับบัญชา ครูฝึก และครูประจำหมวดวิชาเข้าร่วมพิธีฯ ถือเป็นการเข้าสู่การฝึกอบรมอย่างเป็นทางการ

นับตั้งแต่วันที่ 1 พ.ย.67  ทหารใหม่ เดินทางเข้ารายงานตัว ณ ศฝท.ฯ บัดนี้ ทหารใหม่ จำนวน 2,928 นาย ได้ผ่านการเตรียมร่างกาย จิตใจ ตลอดจนผ่านการคัดกรองโรคต่างๆ เป็นที่เรียบร้อยแล้ว มีความพร้อมในการปฏิบัติตามตารางการฝึกอบรม 

ทั้งนี้ ผบ.ศฝท.ยศ.ทร. มอบโอวาท ถึงแนวทางในการปฏิบัติความตอนหนึ่งว่า “...ครูฝึกและครูประจำหมวดวิชาให้ทำหน้าที่อย่างเต็มกำลังความสามารถ จะต้องคำนึงถึงกฎระเบียบและนโยบายของผู้บังคับบัญชา ตลอดจนการปกครองอย่างยุติธรรม ให้ความรักความเมตตาเสมือนลูกหลานหรือญาติมิตรของเรา และให้ทหารใหม่ทุกนายอุทิศตน ตั้งใจฝึกหัดศึกษาหาความรู้ ด้วยความอดทนและอย่าได้ท้อถอย สิ่งที่ทุกคนจะได้เรียนรู้จาก ณ สถานแห่งนี้ จะเป็นประโยชน์ในการปฏิบัติหน้าที่ เป็นทหารผู้ที่มีเกียรติสง่างาม ในเครื่องแบบทหารเรือ แห่งราชนาวีไทยต่อไป...”

‘สนธิ’ ลั่นเดินหน้าฟ้องกราวรูด ‘ช่องวัน’ พร้อมผู้เกี่ยวข้อง แม้ออกแถลงการณ์ขออภัย แต่ช้าไปต่างจาก ‘TOP News’ ที่ทำทันที

(20 พ.ย.67) นายสนธิ ลิ้มทองกุล ผู้ดำเนินรายการ 'คุยทุกเรื่องกับสนธิ' หรือ Sondhitalk กล่าวถึงกรณีสื่อ 2 ช่อง TOP Newsและ ช่องวัน นำเสนอข้อมูลจากนายเดชา กิตติวิทยานันท์ กล่าวพาดพิงทำให้เสียหาย โดยระบุว่า ทางช่อง TOP News ได้แสดงความรับผิดชอบด้วยการออกแถลงการณ์ขออภัยทันที กรณีเสนอข่าวบทสัมภาษณ์ทนายเดชาคลาดเคลื่อนจากข้อเท็จจริง พร้อมทั้งได้บริจาคเงินจำนวน 100,000 บาท ให้กับมูลนิธิสงเคราะห์สัตว์ของพลตรีจําลอง ศรีเมือง อีกด้วย

“ยังเหลืออีกหนึ่งราย คือช่องวัน ไม่ต้องแถลงขอโทษแล้ว เพราะว่าผมรอคุณมานานแล้ว รอไปเจอผมที่ศาลก็แล้วกันคุณส่งคําแถลงมาขอโทษที่ล่าช้าไป ผมไม่รับแล้วตอนนี้ คุณต้องขึ้นศาล และฝากไปบอกผู้บริหารช่องวันด้วยว่า ผมจะฟ้องถึงผู้บริหาร ทั้งคุณบอย ถกลเกียรติ วีรวรรณ หากยังมีชื่อเป็นผู้บริหารอยู่ก็ต้องโดนด้วย เผลอ ๆ จะรวมไปถึงผู้ถือหุ้นด้วย ใครเป็นผู้ถือหุ้นช่องวันก็ระวังไว้ละกันทั้งหมดทะลึ่งไม่เข้าเรื่อง”

นายสนธิ ยังย้ำด้วยว่า ก่อนหน้านี้ได้เปิดโอกาสให้ขอโทษแล้ว ก็ไม่ยอมขอโทษ ส่วนกับ TOP News นั้นไม่มีอะไรต่อกันแล้ว เพราะได้แก้ไขปัญหาทันที โดยยื่นความจํานงมาตั้งแต่ต้นว่า จะขอโทษ ซึ่งตนก็ตั้งเงื่อนไขช่องวันแบบเดียวกับ TOP News ซึ่งทาง TOP News ได้ตอบสนองในทันที พร้อมแก้ไขปัญหาแบบง่าย ๆ แต่แสดงออกถึงความจริงใจ ในขณะที่ช่องวัน กลับไม่ยอมตอบสนอง อาจจะถือตนว่าเป็นช่องไฮโซหรืออย่างไร ทั้ง ๆ ที่เพิ่งโดนชาวบ้านด่าทั่วบ้านทั่วเมืองในเรื่องของการทรมานสัตว์ สุดท้ายขอย้ำอีกครั้งว่า เตรียมตัวรับหมายศาลจากตนได้เลย

‘พีระพันธุ์’ เยือน โรงเรียนเลิศคณิตฯ สงขลา ชื่นชมการเรียนการสอน พร้อมปลูกฝังเยาวชนรักชาติ

รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน เดินทางเยือนโรงเรียนเลิศคณิตสมาร์ทเซ็นเตอร์ จังหวัดสงขลา ชื่นชมการจัดการเรียนการสอน เด็กเก่ง มีความสามารถ พร้อมปลูกฝังเยาวชนรักชาติ รักแผ่นดิน รักสถาบันพระมหากษัตริย์

นายพีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน เดินทางลงพื้นที่จังหวัดสงขลา พบปะผู้บริหาร คณะครู และนักเรียน โรงเรียนเลิศคณิตสมาร์ทเซ็นเตอร์ อำเภอสงขลา จังหวัดสงขลา เพื่อเยี่ยมเยือนการจัดการเรียนการสอน ที่มุ่งเน้นความเป็นเลิศด้านการศึกษาและปลูกฝังเยาวชนรักชาติ ศาสนา และพระมหากษัตริย์ บรรยากาศการต้อนรับเป็นไปด้วยความอบอุ่น จากการต้อนรับด้วยการมอบดอกกุหลาบจากคณะครู และนักเรียน นำโดย นางอุไรวรรณ เอกพันธ์ (ครูแหม่ม)ผู้รับใบอนุญาตโรงเรียนเลิศคณิตสมาร์ทเซ็นเตอร์ ก่อนที่จะมีการลงนามสมุดเยี่ยมเยือน และชมการแสดงที่จัดมาสร้างสีสัน รวม 5 ชุดการแสดง ประกอบด้วย การแสดงจากทีมสวนป๋าไลน์แดนซ์ , ทีมไลน์แดนซ์ศูนย์สร้างทางเขารูปช้าง, ทีมสมิหลา สวนป๋าไลน์แดนซ์ และชมรมแฟรน์ติดแดนซ์ ซึ่งแต่ละชุดการแสดงเป็นไปด้วยความสนุกสนาน ท่ามกลางเสียงเชียร์จากคณะครู นักเรียน และผู้ปกครองที่เข้าร่วมงาน นอกจากนี้ ยังมีการแสดงชุดพิเศษ ชื่อ ชุดว่า 'ธงชาติ' นำแสดงโดยครูแหม่ม พร้อมคณะครู ที่ช่วยสร้างความตระหนัก สร้างความฮึกเหิม ให้คนไทยรักชาติ รักแผ่นดินเกิด

พร้อมกันนี้ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงานเป็นประธานในการมอบรางวัลแม่ดีเด่นคนดีศรีสงขลา ซึ่งเป็นกิจกรรมสืบเนื่องจากวันแม่แห่งชาติ ประจำปี 2567 จัดขึ้นที่โรงเรียนเลิศคณิตฯ มีคุณแม่ที่ได้รับรางวัลโล่เกียรติคุณ จำนวน 4 ท่าน ประกอบด้วย คุณแม่จินดาวรรณ สท้านวงศ์ , คุณแม่เดือนเพ็ญ เทพจิตร, คุณแม่สุมล ลิ่มตระกูล และคุณแม่ลักษณา หวัดเพชร จากนั้นได้มีการมอบถ้วยรางวัล ชนะเลิศอันดับ 1 การแข่งขันเพชรวันเด็ก 'Top of Lertkanit' เนื่องในวันเด็กแห่งชาติ ประจำปี 2567 ได้แก่ ด.ญ.รมิตา วรวิทย์สัตถญาน ก่อนที่จะมีมอบโล่เกียรติคุณ กลุ่มอนุรักษ์วัฒนธรรมสงขลา ที่มาร่วมแสดงต้อนรับในครั้งนี้

นายพีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน เปิดเผยว่า ได้ติดตามครูแหม่มผ่านสื่อโซเชียล และช่องทางต่างๆ มาโดยตลอด รู้สึกประทับใจในความรักชาติ รักแผ่นดิน ของทั้งครูแหม่ม และคณะครู โรงเรียนเลิศคณิตฯ ซึ่งคนที่มีลักษณะแบบนี้ ที่มีการแสดงออกถึงความรักชาติ ศาสนา และพระมหากษัตริย์ อย่างตั้งใจแน่วแน่ ทำอย่างต่อเนื่อง ไม่ได้หาได้ง่ายๆ โดยวันนี้ได้มาเห็นความตั้งใจ โดยเฉพาะเรื่องของการจัดการเรียนสอน ที่ไม่ได้เน้นแค่วิชาการ ให้เด็กมีความรู้ความสามารถเพียงอย่างเดียว แต่ยังสอนให้เด็กรู้จักรากเหง้าของตัวเอง รู้จักความเป็นชาติ ความเป็นไทย และรักชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์ และที่สำคัญทำให้เด็กๆ มีความสุข สนุกกับการเรียนเป็นอย่างมากด้วย

นางอุไรวรรณ เอกพันธ์ (ครูแหม่ม) ผู้รับใบอนุญาตโรงเรียนเลิศคณิตสมาร์ทเซ็นเตอร์ กล่าวว่า โรงเรียนเลิศคณิต ได้ทำความดีเกี่ยวกับเรื่องของการรัก และปกป้องชาติ ศาสนา และพระมหากษัตริย์ ซึ่งท่านพีระพันธุ์ฯ ได้มองหา เพื่อมาส่งกำลังใจต่อทั้งครูแหม่ม คณะครู และนักเรียน โดยทางโรงเรียนยังมุ่งเน้นที่เรื่องการศึกษา โดยแบ่งออกเป็น 2 Section ประกอบด้วย Section 1.มาแล้วต้องเรียนเก่ง ซึ่งทางโรงเรียนฯ จะมีการเรียนการสอนที่สามารถการันตีจากรางวัลระดับชาติได้ ส่วน Section 2. คือ เรื่องคุณธรรม ความกตัญญูรู้คุณ ซึ่งเป็นเรื่องที่ค่อนข้างจะยาก โดยต้องปลูกฝังให้เด็กรู้จักการทำดี และกล้าแสดงออกในสิ่งที่ถูกต้อง แล้วความเก่งจะมาเอง จะเห็นได้จากหลายคนที่มีความรักชาติ แต่ไม่ได้กล้าแสดงออก ฉะนั้นแล้วให้เชื่อว่า การทำความดีนั้นไม่มีสิ่งที่ต้องกังวล และเชื่อได้ว่า เด็กที่มาเรียนจากโรงเรียนเลิศคณิต จะได้สิ่งดีๆ ไปแบบครบครัน ทั้งเก่งและดี มีคุณธรรม

ปูตินสั่งแก้กฎยิงนิวเคลียร์ง่ายขึ้น หลังยูเครนใช้มิสไซส์สหรัฐฯ โจมตีแดนหมีขาว

(20 พ.ย. 67) สำนักข่าวสปุตนิกได้เปิดเผยเอกสารแปลฉบับไม่เป็นทางการ หลังจากที่ประธานาธิบดีวลาดิมีร์ ปูติน แห่งรัสเซีย ได้ลงนามปรับลดระดับข้อจำกัดการใช้อาวุธนิวเคลียร์ ส่งผลให้รัสเซียสามารถใช้นิวเคลียร์เพื่อตอบโต้การโจมตีได้ง่ายขึ้น แม้จะเป็นการโจมตีจากประเทศที่ไม่ได้ครอบครองอาวุธนิวเคลียร์ แต่ได้รับการสนับสนุนจากประเทศมหาอำนาจที่ครอบครองนิวเคลียร์

ระเบียบใหม่ของรัสเซียระบุว่า สามารถใช้อาวุธนิวเคลียร์ได้ในกรณีที่รัสเซียถูกโจมตีด้วยขีปนาวุธร่อน ขีปนาวุธวิถีโค้ง หรือการโจมตีทางอากาศโดยอากาศยาน โดรน หรือพาหนะบินได้อื่น ๆ  

ความเปลี่ยนแปลงครั้งนี้เกิดขึ้นหลังยูเครนยิงขีปนาวุธ ATACMS ที่ผลิตโดยสหรัฐฯ เข้าไปในแคว้นไบรอานส์กของรัสเซีย ซึ่งถือเป็นครั้งแรกที่ยูเครนใช้ขีปนาวุธพิสัยไกลในลักษณะนี้ สร้างความเสียหายต่อคลังกระสุนในพื้นที่ดังกล่าว  

การโจมตีเกิดขึ้นในวันครบรอบ 1,000 วันของสงคราม โดยฝ่ายยูเครนระบุว่า ขีปนาวุธสามารถทำลายกระสุนปืนใหญ่จำนวนมาก อย่างไรก็ตาม กระทรวงกลาโหมรัสเซียแถลงว่าสามารถยิงขีปนาวุธตกลงมาได้ 5 ลำ และอีก 1 ลำถูกทำลายในอากาศ  

สถาบันเพื่อการศึกษาสงคราม (ISW) เผยว่ามีเป้าหมายทางการทหารและกึ่งทหารกว่า 250 จุดในรัสเซียที่อยู่ในระยะทำการของ ATACMS  

ในอีกด้านหนึ่ง รัสเซียเริ่มผลิตหลุมหลบภัยนิวเคลียร์เคลื่อนที่ชื่อ "คับ-เอ็ม" (KUB-M) เพื่อรองรับสถานการณ์ฉุกเฉิน โดยหลุมหลบภัยดังกล่าวสามารถรองรับคนได้ถึง 54 คน เป็นเวลา 2 วัน พร้อมป้องกันคลื่นกระแทกและรังสี  

กระทรวงสถานการณ์ฉุกเฉินมอสโกว์ยืนยันว่า การพัฒนาหลุมหลบภัยนี้เป็นส่วนหนึ่งของการเตรียมความพร้อมรับมือทั้งอันตรายจากธรรมชาติและเหตุการณ์ที่เกิดจากมนุษย์  

ท่ามกลางการปรับเปลี่ยนนโยบายและการตอบโต้ด้วยกำลังทางการทหาร ความขัดแย้งระหว่างรัสเซียและยูเครนยังไม่มีแนวโน้มลดลง ขณะที่นานาชาติยังคงจับตาสถานการณ์อย่างใกล้ชิด

ทางรถไฟขนสินค้าสาย จีน-ยุโรป เชื่อมการค้าสองทวีป แล้วกว่า 11,380 เที่ยว

เมื่อวันที่ (18 พ.ย. 67) ที่ผ่านมา ขบวนรถไฟสินค้าจีน-ยุโรป เส้นทางจากเมืองอี้อู มณฑลเจ้อเจียง ทางตะวันออกของจีน ไปยังกรุงมาดริด ประเทศสเปน ได้ให้บริการครบ 10 ปี โดยขบวนล่าสุดได้ออกเดินทางจากเมืองอี้อูพร้อมสินค้าต่างๆ รวมทั้งสิ้น 110 ตู้คอนเทนเนอร์ (TEU) ไปเมื่อวันจันทร์ที่ผ่านมา และมีกำหนดเดินทางถึงกรุงมาดริดภายในระยะเวลา 16-18 วัน

ในช่วง 10 ปีที่ผ่านมา ขบวนรถไฟนี้ได้ดำเนินการเดินทางทั้งหมด 11,380 เที่ยว และขนส่งสินค้ากว่า 932,200 ตู้คอนเทนเนอร์ โดยขบวนรถไฟสินค้าจีน-ยุโรปได้ขยายการเชื่อมต่อไปยัง 50 ประเทศและภูมิภาคในเอเชียและยุโรป ครอบคลุมเมืองกว่า 160 แห่ง รวมถึงเส้นทางหลักทั้งจีน-ยุโรป, จีน-รัสเซีย และจีน-เอเชียกลาง นอกจากนี้ โครงสร้างสินค้าส่งออกก็ได้เปลี่ยนแปลงจากสินค้าขนาดเล็กและสินค้าบริโภคทั่วไป มาเป็นสินค้าที่มีมูลค่าเพิ่มสูง เช่น อะไหล่รถยนต์ เครื่องใช้ไฟฟ้าอัจฉริยะ แผงโซลาร์เซลล์ และรถยนต์พลังงานใหม่ ซึ่งเป็นสินค้าที่ใช้เทคโนโลยีล้ำสมัย

ขบวนรถไฟนี้ถือเป็นหนึ่งในเส้นทางขนส่งสินค้าระหว่างประเทศที่มีระยะทางยาวที่สุดในจีน และได้ขยายอิทธิพลอย่างต่อเนื่อง พร้อมทั้งเพิ่มประสิทธิภาพการจัดการการขนส่ง โดยตั้งแต่ปี 2018 สถานีรถไฟอี้อูได้ติดตั้งระบบจัดการอัจฉริยะสำหรับคอนเทนเนอร์ ทำให้การจัดการและตรวจสอบการขนส่งมีความแม่นยำและรวดเร็วขึ้น เช่น การกำหนดตำแหน่งคอนเทนเนอร์ การย้ายคอนเทนเนอร์ และการขนถ่าย มีความปลอดภัยและมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น

ข้อมูลจากบริษัทการรถไฟแห่งประเทศจีน จำกัด รายงานว่า ขบวนรถไฟสินค้าจีน-ยุโรป ได้ออกเดินทางจากอี้อูมากกว่า 6,700 เที่ยว และขนส่งสินค้ากว่า 670,000 ตู้คอนเทนเนอร์ในช่วง 10 ปีที่ผ่านมา โดยรถไฟเหล่านี้ถือเป็นส่วนสำคัญในการสนับสนุนการขนส่งโลจิสติกส์ของเมืองอี้อู ซึ่งได้รับการขนานนามว่าเป็น "ซูเปอร์มาร์เก็ตของโลก" และช่วยสนับสนุนการเข้าถึงตลาดทั่วโลก

ตลอด 10 ปี ขบวนรถไฟนี้ไม่เพียงแต่ส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศและการแลกเปลี่ยนทางวัฒนธรรม แต่ยังสะท้อนถึงความสัมพันธ์ที่ดีระหว่างประเทศต่างๆ และความร่วมมือที่ยั่งยืนที่จะทำให้การค้าระหว่างประเทศเติบโตและเป็นประโยชน์ต่อทุกฝ่าย ข้อมูลจากศุลกากรอี้อูเผยว่าในช่วง 10 เดือนแรกของปี 2024 อี้อูมีมูลค่าการนำเข้ามากถึง 65.7 พันล้านหยวน เพิ่มขึ้น 19.5% เมื่อเทียบกับปีที่ผ่านมา โดยสินค้านำเข้าจากยุโรปผ่านขบวนรถไฟอี้ซิน อาทิ เครื่องสำอาง เครื่องดูแลสุขภาพ อาหาร และเครื่องครัว ได้กลายเป็นสินค้าหลักในครัวเรือนของชาวจีน


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top