Friday, 16 May 2025
Hard News Team

พอใจในเซ็กส์-เสพติดความโรแมนติก ญี่ปุ่น-เกาหลีใต้ รั้งท้าย

(20 พ.ย. 67) IPSOS หน่วยงานวิจัยของฝรั่งเศสออกมาเปิดเผยที่เกี่ยวข้องกับความรักความสัมพันธ์ใน 3 ด้าน จากการสำรวจประชากรกลุ่มตัวอย่างจำนวน 24,269 ราย ที่ไม่เกิน 75 ปี ใน 31 ประเทศ โดยด้านแรกเป็นการประเมินความพึงพอใจในความโรแมนติกและเซ็กส์ โดยพบว่า ชาวอินเดียร้อยละ 76% พอใจในชีวิตเซ็กส์และชอบความโรแมนติกของคู่รักของตัวเอง ตามด้วยเม็กซิโก 76% จีน 75% และประเทศไทยในอันดับ 4 ที่ 75% 

ขณะที่การสำรวจความพึงพอใจในด้านการรู้สึกรักหรือถูกรัก พบว่า ประเทศโคลอมเบียมากสุดที่ 86% ตามด้วย เปรู 86% อินเดีย 84% เนเธอร์แลนด์ 82% เม็กซิโก 81% ส่วนประเทศไทยอยู่ที่ 80%

และการสำรวจความพึงพอใจในด้านความสัมพันธ์กับคู่ชีวิตหรือคู่สมรส ประเทศไทยมาเป็นอันดับหนึ่งที่ 92% ตามด้วย เนเธอร์แลนด์ 91% อินโดนีเซีย เปรู มาเลเซีย นิวซีแลนด์ ได้คะแนนเท่ากันที่ 88% 

ทั้งนี้ จากการจัดอันดับผลสำรวจทั้ง 3 ด้านพบว่า เกาหลีใต้ และญี่ปุ่น อยู่ในอันดับรั้งท้ายของการสำรวจ โดยผู้ตอบแบบสอบถามชาวญี่ปุ่นเพียง 37% เท่านั้นที่ได้รับความพึงพอใจในเรื่องเซ็กส์และความรัก  ขณะที่ชาวเกาหลีใต้ก็ไม่พอใจในเรื่องเซ็กส์และความรักน้อยเช่นเดียวกัน โดยความพึงพอใจในเรื่องเซ็กส์เป็นอันดับสองเพียง 45%

เช่นเดียวกับเมื่อถามว่าพวกเขารู้สึก "ได้รับความรัก" ในชีวิตมากเพียงใด ชาวญี่ปุ่น 51% ตอบว่ารู้สึกเช่นนั้น ซึ่งถือเป็นอันดับต่ำที่สุด โดยอยู่อันดับรองลงมาเล็กน้อยจากชาวเกาหลีใต้ 

ผลสำรวจนี้สะท้อนสภาพสังคมของทั้งเกาหลีใต้และญี่ปุ่น ที่กำลังเผชิญภาวะประชากรหดตัวเนื่องจากอัตราการเกิดที่น้อยลงในทั้งสองชาติ  ซึ่ง IPSOS ระบุถึงหนึ่งในเหตุผลที่ชาวญี่ปุ่นมีอันดับความไม่พอใจดังกล่าวในระดับต่ำเป็นเพราะ "บุคลิกภาพของคนญี่ปุ่นที่ไม่เก่งในการแสดงอารมณ์และทัศนคติเมื่อเป็นเรื่องของความรัก" 

‘ชัยวุฒิ’ รวมกลุ่ม ‘สหพรรค’ ปราศรัยเชียร์ ‘รองเอ็ด’ การันตี ‘พูดจริง ทำจริง ซื่อสัตย์’ เหมาะนั่งนายกอบจ. ตาก

(20 พ.ย.67) นายชัยวุฒิ ธนาคมานุสรณ์ อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม ในฐานะรองหัวหน้าพรรค พลังประชารัฐ ลงพื้นที่ ช่วย พ.ต.ท.อนุรักษ์ จิรจิตร (รองเอ็ด)อดีต ผู้ช่วยรัฐมนตรีกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม หาเสียงในการเลือกตั้งนายกองค์การบริหารส่วนจังหวัด (นายก อบจ.) พร้อมเปิดเวทีพบปะพี่น้องประชาชนในเขตเทศบาลเมืองจังหวัดตาก 

โดย นายชัยวุฒิ กล่าวว่า ขอการันตี คุณภาพ รองเอ็ด - พ.ต.ท. อนุรักษ์ จิรจิตร ผู้สมัครหมายเลข 2 ซึ่ง เคยทำงาน ในฐานะ ผู้ช่วยรัฐมนตรีว่าการกระทรวงดิจิทัลฯ ตอนทำงานกับตน เป็นคนพูดจริง ทำจริง มีความซื่อสัตย์ มีคุณธรรม ทุกครั้ง ที่พูดคุยกันก็จะพูดถึงพื้นที่จังหวัดตาก มีความเป็นห่วงและมีใจอยากพัฒนาบ้านเกิดของตนเอง เห็นได้จากการ ผลักดันโครงการพัฒนาอ่างเก็บน้ำแก้ภัยแล้ง ผลักดันงบประมาณทำถนนอุ้มผาง คลองลาน หรือโครงการเน็ตประชารัฐเพื่อคนบนดอย  

“เหตุผลที่พวกเรามารวมกันในวันนี้ก็เพื่อจะเปลี่ยนจังหวัดตากให้ทันสมัย ให้มีอนาคต ให้ลูกหลานบ้านเราผมขอโอกาส ให้ รองเอ็ด เบอร์2 พ.ต.ท.อนุรักษ์ จิรจิตร คนพันธุ์ตากด้วยครับ”

ขณะที่ รองเอ็ด – พ.ต.ท.อนุรักษ์ จิรจิตร ผู้สมัครหมายเลข 2 กล่าวว่า ในฐานะคนพันธุ์ตาก มีความตั้งใจที่จะมาเปลี่ยนแปลงจังหวัดตากให้ดีขึ้น ยกระดับให้เป็นเมืองหลัก ไม่ใช่เมืองรอง ซึ่งมีโครงการที่จะดำเนินการ เช่น การพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานอย่างเท่าเทียม ส่งเสริมประเพณีท้องถิ่น ส่งเสริม Event ขนาดใหญ่เพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจ ในพื้นที่ รถเข็น ล้อเลื่อน แผงลอย ค่าเช่าที่ ต้องเป็นธรรม พร้อมจะจัดตั้งอบจ. ส่วนแยกแม่สอด พร้อมกับพัฒนา โรงเรียน อบจ. ยกระดับ ทีมแพทย์ฉุกเฉิน ส่งเสริมการตลาดชนเผ่า MOU ท้องถิ่น เครื่องจักรยืมใช้ฟรี กู้ภัยทันที จัดหาแหล่งน้ำ คนตากต้องไม่ขาดน้ำ สร้างอินฟลูเอนเซอร์ท้องถิ่น ตากน่าพัก น่าเที่ยว ส่งเสริมกีฬา ปั้นทีมฟุตบอลตาก เป็นต้น                           

สำหรับบรรยากาศการเปิดเวทีปราศรัย เป็นไปอย่างคึกคัก ท่ามกลางเสียงสนับสนุนจากประชาชน ชาวจังหวัดตาก ที่อยากเปลี่ยน โดยมีการรวมตัวกันของกลุ่มการเมืองต่างขั้ว สลับกันขึ้นปราศรัยพบปะประชาชน นอกจากนายชัยวุฒิ ธนาคมานุสรณ์ รองหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ ยังมีนายรัชต์พงศ์ สร้อยสุวรรณ  สส. พรรคประชาชน นายประสงค์ นามเสถียร อดีตผู้สมัครสส.เขต1ตาก พรรคพลังประชารัฐ คุณนายเบียร์ สวนป่าตากา แกนนำยุทธศาสตร์อดีตผู้สมัคร สส.พรรคเพื่อไทยเขต 1 นายชาติชาย ขวัญวารี อดีตผู้ช่วยผู้สมัคร สส.พรรคเพื่อชาติ เขต 2 อี๊ด เมืองตาก อดีตแกนนำคนเสื้อแดงตาก ทั้งหมดเรียกว่า 'สหพรรค' เพื่อ ร่วมใจสนับสนุน 'รองเอ็ด' พ.ต.ท.อนุรักษ์ จิรจิตร ผู้สมัครนายก อบจ.ตาก เบอร์ 2 ซึ่งการเลือกตั้งนายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดตากจะมีขึ้นในวันที่ 15 ธันวาคมนี้

‘เอกนัฏ’ ยกทีมบุกญี่ปุ่น ถก 2 กระทรวง - 7 เอกชนใหญ่ สร้างความเชื่อมั่นลงทุนยานยนต์ - พลังงานสะอาดในไทย

‘เอกนัฏ’ เปิดทริปโรดโชว์แรกรับปีงบประมาณ 2568 หวังดึงการลงทุนจากนักลงทุนญี่ปุ่น เจาะกลุ่มอุตสาหกรรมยานยนต์ไฟฟ้า และอิเล็กทรอนิกส์ พร้อมหารือ METI และ MOEJ ตอกย้ำศักยภาพการเป็นฐานการผลิตของไทย และนัดหารือกับบริษัทชั้นนำของญี่ปุ่นที่มีฐานการผลิตในประเทศไทย

(20 พ.ย. 67) นายเอกนัฏ พร้อมพันธุ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม เปิดเผยว่า ในระหว่างวันที่ 20-24 พฤศจิกายน 2567 มีกำหนดเดินทางไปยังประเทศญี่ปุ่น ณ กรุงโตเกียว (Tokyo) พร้อมด้วยนายณัฐพล รังสิตพล ปลัดกระทรวงอุตสาหกรรม นายสุเมธ ตั้งประเสริฐ กรรมการ การนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (กนอ.)รักษาการในตำแหน่งผู้ว่าการ กนอ. และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เพื่อร่วมประชุมหารือกับหน่วยงานสำคัญของญี่ปุ่น ได้แก่ กระทรวงเศรษฐกิจ การค้า และอุตสาหกรรมญี่ปุ่น (METI) และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสิ่งแวดล้อม (MOEJ) เกี่ยวกับนโยบายและแนวทางการพัฒนาอุตสาหกรรมของทั้งสองประเทศ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในด้านการส่งเสริมอุตสาหกรรมยานยนต์สมัยใหม่ การใช้พลังงานสะอาด และการพัฒนาเทคโนโลยี เพื่อขับเคลื่อนเศรษฐกิจและสังคมอย่างยั่งยืน

นอกจากนี้ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม ยังมีกำหนดการเข้าพบผู้บริหารระดับสูงของบริษัทชั้นนำของญี่ปุ่น อาทิ โตโยต้า มาสด้า นิสสัน มิตซูบิชิ ฮอนด้า อีซูซุ และมูราตะ เพื่อหารือเกี่ยวกับโอกาสในการลงทุน การถ่ายทอดเทคโนโลยี และการพัฒนาบุคลากร รวมทั้งกระชับความสัมพันธ์และสร้างความร่วมมือระหว่างภาคอุตสาหกรรมของไทยและญี่ปุ่นให้แน่นแฟ้นยิ่งขึ้น

“การเยือนประเทศญี่ปุ่นในครั้งนี้ จะเป็นโอกาสสำคัญในการส่งเสริมความร่วมมือด้านอุตสาหกรรมระหว่างไทยและญี่ปุ่น และเป็นการกระตุ้นเศรษฐกิจ การค้า และการลงทุนของทั้งสองประเทศ ให้เติบโตอย่างมั่นคงและยั่งยืนต่อไป” นายเอกนัฏ กล่าว

ด้านนายสุเมธ ตั้งประเสริฐ กรรมการ กนอ.รักษาการในตำแหน่งผู้ว่าการ กนอ. กล่าวเสริมว่า ในการประชุมร่วมกับผู้ประกอบการกลุ่มอุตสาหกรรมยานยนต์ไฟฟ้า และอิเล็กทรอนิกส์ชั้นนำรายใหญ่ของญี่ปุ่นที่มีฐานการผลิตในประเทศไทยในครั้งนี้ จะเป็นการพูดคุยแบบเอ็กซ์คลูซีฟ ถึงโอกาสทางธุรกิจ การลงทุน และความร่วมมือต่าง ๆ เพื่อสร้างความเข้าใจ และกระชับความสัมพันธ์ระหว่างกัน

ทั้งนี้ ประเทศญี่ปุ่นเป็นประเทศที่มีบทบาทสำคัญอย่างมากต่อภาคอุตสาหกรรม และเป็นประเทศที่ลงทุนในไทยมากเป็นอันดับหนึ่งมาอย่างยาวนาน ซึ่งรัฐบาลไทยมุ่งมั่นเสริมสร้างสภาพแวดล้อมทางธุรกิจที่เอื้อต่อการดำเนินธุรกิจในไทยสำหรับเอกชนญี่ปุ่นตามคำแนะนำและข้อเสนอแนะที่ได้รับจากภาคเอกชนญี่ปุ่น โดยไทยให้ความสำคัญกับการลงทุนของญี่ปุ่นในไทยและมองหาโอกาสทางเศรษฐกิจที่ทั้งสองประเทศจะได้ประโยชน์ร่วมกัน

'Ralph Lauren' แบรนด์อเมริกัน ขายดีในจีน สะท้อนคนแผ่นดินใหญ่นิยมเทรนด์ Quiet Luxury

(20 พ.ย.67) ในช่วงเวลาที่ตลาดสินค้าหรูหราในจีนกำลังซบเซา แบรนด์ดังระดับโลกอย่าง 'LVMH' และ 'Kering' ต่างต้องเผชิญกับผลกระทบจากเศรษฐกิจที่ชะลอตัวและพฤติกรรมการบริโภคที่เปลี่ยนแปลงไปของชาวจีน แต่ในท่ามกลางกระแสนี้ กลับมีหนึ่งแบรนด์ที่โดดเด่นและสวนทางกับกระแสความท้าทายเหล่านั้น นั่นคือ 'Ralph Lauren' แบรนด์หรูจากสหรัฐฯ ที่กำลังได้รับความนิยมเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องในแดนมังกร

เมื่อไม่นานมานี้ Ralph Lauren รายงานผลประกอบการในไตรมาสที่ 2 ของปีงบประมาณ 2025 โดยมียอดขายทั่วโลกเพิ่มขึ้น 10% และภูมิภาคเอเชียเป็นผู้นำการเติบโต ด้วยยอดขายที่เพิ่มขึ้นถึง 11% แม้รายได้จากจีนยังคงเป็นเพียงสัดส่วนเล็กน้อย (ประมาณ 8% ของยอดขายทั้งหมด) แต่แบรนด์มองว่านี่คือก้าวแรกที่สำคัญสำหรับการขยายตลาดในประเทศนี้

นีล ซอนเดอร์ส กรรมการผู้จัดการของ GlobalData Retail ชี้ให้เห็นถึงปัจจัยสำคัญที่ทำให้ Ralph Lauren ยังคงครองใจผู้บริโภคในจีนได้ นั่นคือ 'ความเรียบหรูและความคลาสสิก' ที่แตกต่างจากแบรนด์สินค้าหรูหราทั่วไป ในยุคที่ชาวจีนบางส่วนเริ่มลดความสนใจในสินค้าหรูที่แสดงถึงความมั่งคั่งเกินจำเป็น Ralph Lauren กลับนำเสนอสไตล์ที่ไม่โอ้อวด แต่ยังคงสะท้อนถึงคุณภาพและความคงทน ซึ่งตรงกับความต้องการของตลาด

มาร์ติน โรล นักยุทธศาสตร์ธุรกิจจาก McKinsey อธิบายเพิ่มเติมว่า แนวคิด 'วิถีชีวิตแบบอเมริกันคลาสสิก' ของแบรนด์นี้ สอดรับกับความสนใจของผู้บริโภคชาวจีนที่กำลังมองหาความหรูหราที่ประณีตและยั่งยืน คุณภาพและประวัติศาสตร์ของแบรนด์กลายเป็นสิ่งที่สร้างความแตกต่าง และทำให้แบรนด์สามารถยืนหยัดในตลาดจีนได้อย่างมั่นคง

Ralph Lauren ไม่ได้หยุดอยู่แค่การนำเสนอสินค้าคลาสสิก แต่ยังใช้กลยุทธ์ Omnichannel อย่างชาญฉลาดในการเข้าถึงผู้บริโภคชาวจีน ผ่านแพลตฟอร์มออนไลน์ยอดนิยม เช่น Tmall, JD.com และ WeChat รวมถึงการเปิดร้านป๊อปอัปเพื่อสร้างประสบการณ์ใหม่ให้กับลูกค้า อีกทั้งยังเจาะกลุ่ม Gen Z ชาวจีน ที่มีแนวโน้มซื้อสินค้าหรูผ่านช่องทางดิจิทัล

นอกจากนี้ การเน้นความยั่งยืนและเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมก็เป็นอีกหนึ่งกลยุทธ์ที่ช่วยเสริมความสำเร็จ Ralph Lauren สื่อสารถึงความมุ่งมั่นในการรักษ์โลกอย่างชัดเจน ซึ่งตรงกับความสนใจของผู้บริโภครุ่นใหม่ในจีน ที่เริ่มให้ความสำคัญกับการเลือกใช้สินค้าที่ลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม

แม้ Ralph Lauren จะสามารถฝ่ากระแสและทำตลาดได้อย่างแข็งแกร่งในจีน แต่อนาคตยังคงมีความท้าทายรออยู่ ทั้งเรื่องภาษีศุลกากรและกระแสชาตินิยมในจีน ที่อาจส่งผลกระทบต่อการขยายตัวของแบรนด์ อย่างไรก็ตาม นี่คือบทพิสูจน์สำคัญว่า Ralph Lauren สามารถตอบโจทย์ความต้องการของตลาดที่เปลี่ยนแปลงได้หรือไม่ และจะรักษาความนิยมในตลาดจีนได้อย่างยั่งยืนแค่ไหน

'สุริยะ' ย้ำ ที่เขากระโดงเป็นของ รฟท. ลั่น ไม่กังวลถูกโยงเป็นเรื่องการเมือง

เมื่อวันที่ (19 พ.ย.67)  ที่ทำเนียบรัฐบาล นายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ รองนายกรัฐมนตรี และรมว.คมนาคม ให้สัมภาษณ์ถึงความคืบหน้าภายหลังการรถไฟแห่งประเทศไทย (รฟท.) ทำหนังสือถึงอธิบดีกรมที่ดิน อุทธรณ์คำสั่งไม่เพิกถอนเอกสารแสดงสิทธิที่ดินเขากระโดง ว่า ขอย้ำอีกครั้ง รฟท. ได้ปฏิบัติตามคำสั่งของศาลฎีกา และศาลอุทธรณ์ภาค 3 ซึ่งที่ดินตรงนี้เป็นที่ดินของ รฟท. เมื่ออธิบดีกรมที่ดินวินิจฉัยต่างออกมา รฟท. ก็ทำหนังสือไปโต้แย้ง และดำเนินการเรียบร้อยแล้ว แต่ยังไม่ได้รับคำตอบว่าเห็นด้วยหรือไม่อย่างไร

ผู้สื่อข่าวถามว่า มีกระแสข่าวจากกรมที่ดิน กรณีดังกล่าวให้ไปฟ้องกับศาลแพ่ง เพื่อดำเนินการกับผู้ครองหรือบุกรุก 900 แปลง นายสุริยะ กล่าวว่า รฟท. ได้ประชุมบอร์ดเพื่อให้ฝ่ายกฎหมายพิจารณา ใช้เวลาไม่เกิน1เดือน น่าจะฟ้องร้อง ซึ่งเรื่องนี้เป็นอีกกรณีหนึ่ง

ถามว่า มีหลักฐานชัดเจนใช่หรือไม่ว่าที่ดินบริเวณเขากระโดง เป็นที่ของรฟท. รมว.คมนาคมตอบว่า ที่ดินเป็นของการรถไฟฯ แน่นอน สื่อฯ ไปตรวจสอบดูได้ในหนังสือโต้แย้ง 20 กว่าหน้า มีการระบุรายละเอียดชัดเจน

ส่วนสนามแข่งรถ และสนามฟุตบอล อยู่ในพื้นที่ของการรถไฟฯ ใช่หรือไม่นั้น นายสุริยะ กล่าวว่า ตนไม่ทราบว่าตรงนั้นครอบคลุมไปอย่างไร ซึ่งตนไม่ได้ดูในรายละเอียด

เมื่อถามว่า หากอธิบดีกรมที่ดิน ไม่เพิกถอนที่ดินเขากระโดง จะดำเนินการอย่างไร นายสุริยะ กล่าวว่า ขอรอดูคำตอบก่อน

ส่วนคำถามที่ว่า หากอธิบดีกรมที่ดินยังไม่ดำเนินการตามคำพิพากษาของศาลฯให้เพิกถอน กระทรวงคมนาคม จะดำเนินการฟ้องร้องดำเนินคดีตาม ม.157 หรือไม่ นายสุริยะ กล่าวว่า เพิ่งได้คุยกับผู้ว่ารฟท. แต่ตนไม่อยากขยายความ

ถามว่า มีทางออกรองรับหรือไม่ ว่าให้ผู้บุกรุกมาเช่าที่ดินกับ รฟท. แทน รมว.คมนาคมตอบว่า ถือเป็นแนวทางที่กฤษฎีกานำเสนอ

ซักว่า ก่อนหน้านี้เลขาฯกฤษฎีกา และให้กรมที่ดินและการรถไฟฯ จับเข่าคุยกันเพื่อลดความขัดแย้ง นายสุริยะ กล่าวว่า ตอนนี้ต้องทำตามกฎหมายก่อน หากในเรื่องของกฎหมายชัดเจนแล้วว่าที่ดินเป็นของการรถไฟฯ จะไปให้เช่าหรือไม่อย่างไรก็ว่ากันต่อไป

เมื่อถามว่า กังวลหรือไม่ว่าเรื่องนี้จะถูกโยงเป็นเรื่องการเมือง แม้จะอ้างเป็นการทำหน้าที่ของฝ่ายปฏิบัติ นายสุริยะ กล่าวว่า ไม่ได้กังวลเลย เพราะเป็นการทำแบบตรงไปตรงมา ถ้าไม่ทำตน และรฟท. จะถูกดำเนินคดีตาม ม.157

ถามว่า นายสมชาย แสวงการ อดีตสว. ยื่นหนังสือถึงนายกรัฐมนตรี ให้เพิกถอนกรรมสิทธิ์ที่ดินสนามกอล์ฟอัลไพน์ เป็นการเอาคืนหรือไม่ รมว.คมนาคมตอบว่า ตนคิดว่าเรื่องที่ดินอัลไพน์ถ้าผิดกฎหมายก็ว่ากันไป แต่เบื้องต้นตนคิดว่าเรื่องนี้ไม่น่าจะใช่เรื่องผิดกฎหมาย

ปูติน ไม่แคร์แซงก์ชั่น เล็งเยือนอินเดีย หารือนายกฯโมดี ชี้สองผู้นำเป็น 'เพื่อนสนิท'

(20 พ.ย.67) ประธานาธิบดีวลาดิเมียร์ ปูติน ผู้นำรัสเซีย เตรียมเดินทางเยือนอินเดียเป็นครั้งแรกนับตั้งแต่ที่เขามีคำสั่งให้รัสเซียรุกรานยูเครนอย่างเต็มรูปแบบในปี 2565 โดยสำนักข่าวบลูมเบิร์กรายงานว่า การเยือนนี้เป็นสัญญาณสำคัญที่แสดงให้เห็นถึงความล้มเหลวของความพยายามจากสหรัฐฯ ในการกีดกันปูตินจากเวทีโลก

ดมิทรี เปสคอฟ โฆษกรัฐบาลรัสเซียกล่าวกับสำนักข่าวเอเอ็นไอ (ANI) ของอินเดีย และยืนยันกับบลูมเบิร์กว่า แม้ยังไม่ได้กำหนดวันเดินทางเพื่อพบกับนายกรัฐมนตรีนเรนทรา โมดี ของอินเดีย แต่รัสเซียตั้งตารอที่จะได้พบปะในเร็ว ๆ นี้

เปสคอฟกล่าวว่า “หลังจากที่นายกรัฐมนตรีโมดีเดินทางเยือนรัสเซียถึง 2 ครั้ง ตอนนี้ปธน.ปูตินเตรียมเยือนอินเดียแล้ว … เราให้ความสำคัญอย่างยิ่งกับการติดต่อเหล่านี้”

ก่อนหน้านี้นายกโมดี เคยยอมรับปูตินและเรียกเขาว่า “เพื่อน” ในการหารือดังกล่าว ซึ่งเกิดขึ้นในเวลาเพียง 1 วันหลังจากที่รัสเซียโจมตีโรงพยาบาลเด็กในกรุงเคียฟด้วยขีปนาวุธจนมีผู้เสียชีวิต ซึ่งสร้างความไม่พอใจอย่างรุนแรงให้กับนานาประเทศ

ทั้งนี้ อินเดียและรัสเซียเคยจัดการประชุมสุดยอดประจำปีระหว่างผู้นำสองประเทศก่อนที่การรุกรานยูเครนจะเริ่มขึ้น โดยแหล่งข่าวในขณะนั้นเผยว่า นายกรัฐมนตรีโมดีหลีกเลี่ยงการพบปะกับปูตินแบบตัวต่อตัวในเดือนธันวาคม 2565 หลังจากที่ปูตินขู่ว่าจะใช้อาวุธนิวเคลียร์ในสงคราม

แม้จะมีความวิตกกังวลจากสหรัฐฯ เกี่ยวกับการพบปะของผู้นำทั้งสอง ซึ่งอาจทำให้ปูตินได้รับการยอมรับในเวทีโลกจากสงครามในยูเครน แต่ทางการสหรัฐฯ ก็ยังตระหนักถึงความสำคัญของการที่อินเดียจะเข้ามามีบทบาทในการคานอิทธิพลของจีนในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก

หากปูตินเดินทางไปอินเดียจริง จะถือเป็นการแสดงให้เห็นถึงความมั่นใจของเขาในการเดินทางไปต่างประเทศ หลังจากที่ศาลอาญาระหว่างประเทศ (ICC) ได้ออกหมายจับเขาในข้อหาอาชญากรรมสงครามในยูเครนเมื่อเดือนมีนาคมปีที่แล้ว

ปตท. เร่งปรับโครงสร้างธุรกิจ - หาพันธมิตรที่เหมาะสม เสริมความแข็งแกร่งบริษัทในเครือทั้งธุรกิจต้นน้ำ - ปลายน้ำ

ปตท. เร่งปรับโครงสร้างรับมือการเปลี่ยนแปลงธุรกิจในยุคปัจจุบัน จ้างที่ปรึกษาทางการเงินศึกษาความเหมาะสมในการเลือกพันธมิตรเข้าร่วมลงทุนในบริษัทลูกเกี่ยวกับปิโตรเคมีและโรงกลั่น รวมทั้งหาพันธมิตรในธุรกิจ Life Science เพื่อสร้างความแข็งแกร่งในการขับเคลื่อนธุรกิจในอนาคต คาดแนวทางปรับโครงสร้างจะเสร็จในเดือน ธ.ค. 2567 นี้

เมื่อวันที่ (19 พ.ย. 67) นายคงกระพัน อินทรแจ้ง ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ ปตท. เปิดเผยว่า ปตท. ได้ ว่าจ้างบริษัทที่ปรึกษาทางการเงิน เข้ามาช่วยศึกษาความเหมาะสมในการเลือกพันธมิตรเข้ามาร่วมลงทุนในบริษัทลูกของ ปตท. โดยเฉพาะธุรกิจหลักคือ ธุรกิจปิโตรเคมีและโรงกลั่น รวมถึงการหาพันธมิตรในธุรกิจ Life Science ซึ่งเป็นธุรกิจใหม่ เพื่อสร้างความแข็งแกร่งในการขับเคลื่อนธุรกิจต่อไปในอนาคต

ทั้งนี้คาดว่าแนวทางการปรับโครงสร้างจะเสร็จประมาณกลางเดือน ธ.ค. 2567 นี้ และมีความชัดเจนเกิดขึ้นในปี 2568 ส่วนกลยุทธ์การดำเนินธุรกิจในปี 2568 ปตท. จะกลับมาเน้นในธุรกิจหลัก คือ ธุรกิจสำรวจและผลิตปิโตรเลียม (E&P) และ ธุรกิจก๊าซธรรมชาติ ซึ่งเป็นกลุ่มธุรกิจต้นน้ำที่ยังมีการเติบโตได้ดี และเป็นจุดแข็งในการดำเนินธุรกิจของ ปตท. ควบคู่กับการดำเนินธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับเป้าหมายการลดคาร์บอน (Decarbonization)

สำหรับทิศทางการดำเนินธุรกิจในปี 2568 คาดว่าในส่วนของธุรกิจต้นน้ำ (Upstream) มีแนวโน้มดีขึ้นจากปี 2567 โดยธุรกิจสำรวจและผลิตปิโตรเลียม ภายใต้การดำเนินงานของ ปตท.สผ. คาดปริมาณการขายจะเพิ่มขึ้นตามการขยายตัวของเศรษฐกิจโลกและเศรษฐกิจในประเทศ ขณะที่ธุรกิจโรงแยกก๊าซฯ จะสามารถเพิ่มประสิทธิภาพการผลิตได้สูงขึ้น ซึ่งจะเป็นปัจจัยที่ส่งผลบวกต่อผลประกอบการ ขณะที่ธุรกิจปิโตรเคมี คาดว่าจะยังทรงตัว โดยได้ผ่านจุดต่ำสุดของธุรกิจขาลงในช่วงไตรมาส 3 ของปี 2567 ไปแล้ว ส่วนธุรกิจโรงกลั่นฯ จะยังคงมีกำไรต่ำอยู่ ส่วนราคาผลิตภัณฑ์ต่างๆนั้น ยังต้องติดตามสถานการณ์ในระยะต่อไป

“ปี 2568 ปตท.จะยังมุ่งลดค่าใช้จ่ายการดำเนินงานอย่างต่อเนื่อง หลังจากปีนี้ ทำได้ราว 8% สูงกว่าเป้าที่ตั้งไว้ที่ 5% ขณะเดียวกับจะรักษาการทำกำไรให้เติบโตอย่างยั่งยืน”

ส่วนแผนลงทุน 5 ปี ของ ปตท.(ปี 2568-2572) ปัจจุบันยังอยู่ระหว่างการจัดทำแผน ซึ่งจะสอดคล้องไปกับการปรับพอร์ตธุรกิจใหม่ของปตท. คาดว่าจะนำเข้าสู่การพิจารณาของบอร์ด ปตท.ได้ในช่วงเดือน ธ.ค. 2567 จะมีความชัดเจนเกี่ยวกับวงเงินลงทุน 5 ปี  ได้ภายในกลางเดือน ธ.ค. 2567 นี้ โดยเบื้องต้นงบลงทุนจะมุ่งเน้นไปที่ธุรกิจต้นน้ำ (Upstream) อย่างธุรกิจสำรวจและผลิตปิโตรเลียม ที่ ปตท.สผ. จะต้องเร่งขยายการลงทุนหาแหล่งผลิตปิโตรเลียมเพิ่มเติม และธุรกิจก๊าซฯ ที่จะต้องลงทุนด้านโครงสร้างพื้นฐานเพื่อรองรับปริมาณก๊าซฯในอนาคต เป็นต้น

ด้านการขับเคลื่อนโครงการพลังงานสะอาด (Clean Fuel Project : CFP) ของบริษัท ไทยออยล์ จำกัด (มหาชน) หรือ TOP ที่มีปัญหาเกี่ยวกับผู้รับเหมาช่วงของโครงการฯ นั้น บริษัทไม่ได้นิ่งนอนใจ โดยได้ส่งทีมงานเข้าไปให้คำแนะนำ รวมถึงศึกษาข้อกฎหมายให้รอบคอบ และ ไทยออยล์ ปัจจุบันก็ยังประกอบธุรกิจอย่างต่อเนื่อง โดยมีผลกำไรที่ดี มีสถานะการเงินที่พร้อมจะเดินหน้าการลงทุนต่อ ซึ่งโครงการ CFP ถือเป็นโครงการขนาดใหญ่ที่จะเกิดประโยชน์ในอนาคต ดังนั้นโครงการนี้จะต้องเดินหน้าก่อสร้างให้แล้วเสร็จ แต่จะขับเคลื่อนอย่างไรต่อไปนั้น ทางไทยออยล์ จะเป็นผู้ดูแลในเรื่องนี้ต่อไป

(อำนาจเจริญ) กกล.สุรนารี บูรณาการ 'จับกุมผู้ลักลอบเข้าเมือง ชายแดน จังหวัดอำนาจเจริญ’

เมื่อวานนี้ (19 พ.ย.67) เวลา 17.50 น. กองบัญชาการกองกำลังสุรนารี โดย พลตรี สมภพ ภาระเวช ผู้บัญชาการกองกำลังสุรนารี ได้จัดกำลังพลจาก กองร้อยเฉพาะกิจทหารพราน ที่ 23 ร่วมกับหน่วยงานในพื้นที่ ทำการซุ่มเฝ้าตรวจ หลังได้รับแจ้งจากพลเมืองดีว่าจะมีการลักลอบหลบหนีเข้าเมือง

โดยผิดกฎหมาย บริเวณริมแม่น้ำโขง อำเภอชานุมาน จังหวัดอำนาจเจริญ พบบุคคลต้องสงสัยบริเวณริมฝั่งแม่น้ำโขง จึงทำการเข้าตรวจสอบ พบว่าเป็นราษฎรชาวลาว 29 คน (ชาย 3 คน หญิง 26 คน) และผู้นำพาชาวไทย 1 คน (ชาย) 

จากการสอบถามทราบว่าเป็นการลักลอบเข้ามาเพื่อรับจ้างเก็บเกี่ยวผลผลิตทางการเกษตร(เกี่ยวข้าว) จึงได้ควบคุมและส่งมอบผู้กระทำความผิดให้กับ สถานีตำรวจภูธรชานุมาน อำเภอชานุมาน จังหวัดอำนาจเจริญ เพื่อดำเนินการตามกฎหมายต่อไป

(อุบลราชธานี) กกล.สุรนารี บูรณาการ ตรวจยึดยาบ้า จำนวน 118,000 เม็ด พร้อมรถกระบะ 1 คัน ที่ชายแดนเขมราฐ 

เมื่อวานนี้ (19 พ.ย.67) เวลา 19.00 น. กองบัญชาการกองกำลังสุรนารี โดย พลตรี สมภพ  ภาระเวช ผู้บัญชาการกองกำลังสุรนารี ได้จัดกำลังพลจาก กองร้อยเฉพาะกิจตำรวจตระเวนชายแดนที่ 227 ร่วมกับ ตำรวจภูธรเขมราฐ และ ฝ่ายปกครอง อำเภอเขมราฐ จังหวัดอุบลราชธานี ทำการซุ่มสกัดจับเป้าหมายยาเสพติด ตรวจพบรถยนต์ยี่ห้อโตโยต้า รุ่นไฮลักซ์รีโว่ สีขาว หมายเลขทะเบียน บธ 5707 จังหวัดนครพนม วิ่งมาในพื้นที่อำเภอเขมราฐ จังหวัดอุบลราชธานี

จึงแสดงตัวเข้าตรวจค้น รถกระบะคันดังกล่าว ผู้ขับขี่รถยนต์คันดังกล่าวได้อาศัยความมืดวิ่งหลบหนีไปได้  จึงเข้าตรวจสอบ สามารถตรวจยึด ยาเสพติดให้โทษประเภท1 (ยาบ้า) จำนวน 59 มัด ประมาณ 118,000 เม็ด พร้อมรถยนต์กระบะยี่ห้อโตโยต้า รุ่นไฮลักซ์รีโว่ สีขาว หมายเลขทะเบียน บธ 5707 จังหวัดนครพนม จำนวน 1 คัน จึงได้ส่งมอบของกลางให้กับ สถานีตำรวจภูธรเขมราฐ จังหวัดอุบลราชธานี เพื่อดำเนินการตามกฎหมายต่อไป

บราซิลจับนายทหาร-ตำรวจ 5 นาย เตรียมวางยาพิษลอบสังหาร ปธน.ลูลา ดา ซิลวา

(20 พ.ย.67) ตำรวจบราซิลเปิดเผยว่าได้ทำการจับกุมผู้ต้องสงสัย 5 ราย จำนวนนี้เป็นตำรวจ 1 ราย และนายทหารอีก 4 ราย ในข้อหาวางแผนพยายามลอบสังหารประธานาธิบดี ลูลา ดา ซิลวา ผู้นำบราซิล เมื่อ 2 ปีก่อน

รายงานจากสื่อท้องถิ่นระบุว่า ทั้ง 5 รายมีส่วนเกี่ยวข้องในความพยายามลอบสังหารประธานาธิบดีลูลาในปี 2022 พร้อมกับนายเจอรัลโด อัลค์มิน ว่าที่ผู้สมัครรองประธานาธิบดี ซึ่งในปี 2022 เป็นปีที่ลูลาและนายอัลค์มิน เพิ่งชนะการเลือกตั้งกลับมาเป็นประธานาธิบดีอีกสมัย โดยแผนลอบสังหารจะมีขึ้นในวันที่ 15 ธันวาคม 2022 เพียง 2 สัปดาห์ก่อนหน้าที่นายลูลา และนายอัลค์มิน จะทำพิธีสาบานตนเข้ารับตำแหน่ง

สำหรับประธานาธิบดีลูลา ดา ซิลวา เคยรับตำแหน่งประธานาธิบดีบราซิลในสมัยแรกระหว่างปี 2003-2011 ก่อนจะเว้นช่วงทางการเมืองแล้วได้รับชัยชนะกลับมาเป็นผู้นำบราซิลสมัยที่สอง ในศึกการเลือกตั้งเดือนตุลาคม 2022 โดยเอาชนะนาย ฌาอีร์ โบลโซนารู คู่ท้าชิงฝ่ายขวาจัดไปได้อย่างหวุดหวิด ซึ่งหลังการเลือกตั้งในครั้งนั้นนายโบลโซนารู ได้กล่าวหานายลูลา ว่าโกงการเลือกตั้งและไม่ยอมรับผลการแพ้การเลือกตั้ง

เหตุการณ์ในครั้งนั้นนายโบลโซนารู ได้ปลุกระดมกลุ่มผู้สนับสนุนนับพันคนบุกเข้าทำเนียบประธานาธิบดีและอาคารรัฐสภา ภายในกรุงบราซิลเลีย เมืองหลวงจนได้รับความเสียหาย ซึ่งเหตุการณ์นี้หลายฝ่ายมองว่าคล้ายกับเหตุการณ์บุกอาคารรัฐสภาสหรัฐฯ เมื่อวันที่ 6 มกราคม 2021

เหตุการณ์บุกรัฐสภาบราซิลถูกมองว่าเป็นส่วนหนึ่งของฝ่ายตรงข้าม ในความพยายามขัดขวางไม่ได้นายลูลาได้เป็นประธานาธิบดีอีกสมัย

อย่างไรก็ตาม นี่เป็นครั้งแรกที่ตำรวจเปิดเผยถึงความพยายามลอบสังหารลูลา

ภายหลังจากข่าวการจับกุมดังกล่าวถูกเผยแพร่ออกไป รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการสื่อสารสังคม นายเปาโล ปิเมนตา กล่าวว่า การวางแผนลอบสังหารลูลาและอัลค์มินเกือบจะดำเนินไปแล้ว

“เราเปิดเผยรายละเอียดได้เพียงเล็กน้อยเท่านั้น" รัฐมนตรีกล่าว เว็บไซต์ข่าวของบราซิล G1 รายงานว่า สิ่งที่น่าเป็นกังวลเป็นพิเศษก็คือ ผู้ที่ถูกจับกุม 4 รายเป็นทหารประจำการ และคนที่ 5 เป็นตำรวจประจำการ

สำนักข่าว AFP รายงานอ้างแหล่งข่าวจากตำรวจรัฐบาลกลางว่าทหารทั้ง 4 นาย "ถูกจับกุมในเมืองริโอ ซึ่งพวกเขากำลังเข้าร่วมปฏิบัติการรักษาความปลอดภัยสำหรับการประชุมผู้นำกลุ่ม G20" ซึ่งกำลังดำเนินการอยู่ในเมืองของบราซิลในขณะนี้ ตามรายงานของ G1 ทหารทั้ง 4 นาย ที่ได้รับการฝึกเป็นหน่วยรบพิเศษ ถูกกล่าวหาว่าเป็นส่วนหนึ่งขององค์กรอาชญากรที่วางแผนลอบทำร้ายลูลา

ตำรวจกล่าวว่าผู้วางแผนได้ตั้งชื่อปฏิบัติการนี้ว่า 'มีดสีเขียวและเหลือง' ซึ่งเป็นสีเดียวกับธงชาติบราซิล ตามรายงานของตำรวจรัฐบาลกลาง ผู้วางแผนได้ถกเถียงกันถึงวิธีที่ดีที่สุดในการ 'กำจัด' ลูลาและเจอรัลโด อัลค์มิน และได้ข้อสรุปว่าจะต้องวางยาพิษว่าที่ประธานาธิบดี แทนการใช้อาวุธลอบสังหาร


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top