Saturday, 10 May 2025
Hard News Team

“จุรินทร์” แจงยิบ พ.ร.ก.เงินกู้ 7 แสนล้าน นำไปใช้ในสามส่วน เตรียมพร้อมถก งบฯ 65 เชื่อไม่มีปัญหา

เมื่อวันที่ 19 พฤษภาคม 2564 ที่ศูนย์ลานกีฬาชุมชนห้วยขวาง เฉลิมพระเกียรติ 72 พรรษา นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ รองนายกรัฐมนตรี และรมว.พาณิชย์ กล่าวถึงรายละเอียดกระแสข่าวที่คณะรัฐมนตรี (ครม.) พิจารณาร่างพระราชกำหนด (พ.ร.ก.) เงินกู้เพิ่มติม วงเงิน 700,000 ล้านบาทว่า วงเงินดังกล่าว จะแบ่งออกเป็น 3 ส่วน ได้แก่ 30,000 ล้านบาทแรก จะใช้สำหรับแก้ปัญหาโควิด-19 ทั้งการจัดหาวัคซีนเพิ่มเติม, การจัดหาอุปกรณ์การแพทย์ และ 400,000 ล้านบาท เพื่อเตรียมชดเชยเยียวยาเพิ่มเติม และ 270,000 ล้านบาท เพื่อฟื้นฟูเศรษฐกิจ เพราะฉะนั้นก็มีวัตถุประสงค์ที่ชัดเจน และรัฐบาลก็ต้องเข้าไปกำกับดูแลให้เป็นไปตามนี้ ซึ่งจะมีส่วนช่วยทั้งในการแก้ปัญหาโควิด และการแก้ปัญหาเศรษฐกิจไปในเวลาเดียวกัน กับการใช้งบประมาณประจำปี ซึ่งเป็นการไปเสริมกัน ส่วนว่าครม.เห็นชอบต่อ พ.ร.ก.ดังกล่าวแล้วหรือไม่นั้น ขอให้นายกรัฐมนตรี หรือโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เป็นผู้ชี้แจง

นายจุรินทร์ กล่าวถึงการเตรียมความพร้อมการพิจารณาร่างพระราชบัญญัติ(พ.ร.บ.) งบประมาณรายจ่าย ประจำปีงบประมาณ 2565 วาระแรก ในวันที่ 31 พ.ค.-2 มิ.ย.นี้ ว่า โดยมั่นใจว่าไม่น่าจะมีปัญหาใด ๆ แม้ฝ่ายค้าน จะเตรียมการอภิปรายอย่างเข้มข้น เพราะฝ่ายค้าน มีหน้าที่ตรวจสอบอยู่แล้ว และเมื่อมีการพิจารณางบประมาณ ฝ่ายค้านก็จะต้องตรวจสอบติดตามตามปกติ ซึ่งรัฐมนตรีแต่ละกระทรวง ก็จะมีหน้าที่ชี้แจงรายละเอียดงบประมาณของแต่ละกระทรวง โดยในการประชุมคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 18 พ.ค. ที่ผ่านมา นายกฯ ก็ได้มีการกำชับให้แต่ละกระทรวงได้ลงลึกไปดูในรายละเอียด และทำหน้าที่ชี้แจงในส่วนงบประมาณของแต่ละกระทรวงโดยรัฐมนตรีเป็นผู้ทำหน้าที่หลัก ส่วนท่านนายกฯ ก็จะได้ชี้แจงในภาพรวม

เมื่อถามถึงความกังวลในการเกิดคลัสเตอร์ใหม่ที่สภาฯขึ้นได้  รองนายกฯ กล่าวว่า เป็นเรื่องที่ประธานสภาฯ ทราบอยู่แล้ว และได้มีการสั่งการ เตรียมการมาโดยลำดับอยู่แล้ว ถ้าทุกคนปฏิบัติตามกติกาที่ได้กำหนดไว้ ก็คิดว่ามีความปลอดภัยในระดับที่น่าจะมั่นใจได้ 

เมื่อถามว่าได้กำชับให้ ส.ส.ของพรรคทุกคนต้องได้รับการฉีดวัคซีนหรือไม่ นายจุรินทร์กล่าวว่า เรื่องนี้เป็นเรื่องที่ต้องปฏิบัติตาม ไม่อย่างนั้นก็จะเข้าประชุมสภาฯ ไม่ได้ อย่างน้อยก็ต้องฉีดวัคซีน หรือมีใบรับรองผลการตรวจโควิด ซึ่งประธานสภาฯก็ได้ประชาสัมพันธ์ให้ทราบแล้ว สำหรับผู้ติดตาม ส.ส. ผู้ช่วยรัฐมนตรีจะต้องฉีดวัคซีนอย่างไรนั้น นายจุรินทร์ กล่าวว่า ต้องลงทะเบียนหมอพร้อมให้เป็นไปตามคิว เพราะพรรคไม่มีนโยบายให้ใครไปลัดคิว และใช้สิทธิพิเศษอะไร

"พิจารณ์" จัดหนัก งบลวงพรางกองทัพ ชี้ มีงบผูกพันซื้ออาวุธต้องจ่ายกว่า 2 หมื่นล้าน ถาม จะดีกว่าไหมถ้าจะมี รบ. ใหม่ ที่จัดงบประมาณเห็นหัวปชช.มากกว่านี้

เมื่อวันที่ 19 พฤษภาคม 2564 นายพิจารณ์ เชาวพัฒนวงศ์ ส.ส.บัญชีรายชื่อ รองหัวหน้าพรรคก้าวไกล กล่าวถึงร่างพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) งบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ 2565 ที่กำลังจะเข้าสู่วาระการพิจารณาของสภาว่า งบประมาณจะลดลงเหลือ 3.1 ล้านล้านบาท หรือลดลง 5.7% จากปี 64 ซึ่ง 5 อันดับแรกของกระทรวงที่ได้รับงบประมาณสูงสุด พบว่าไม่มีการเปลี่ยนแปลง หรือพูดได้ว่าการจัดลำดับความสำคัญของรัฐบาลประยุทธ์ ยังเป็นเหมือนเดิม แม้เราจะอยู่ท่ามกลางวิกฤติโควิด

นายพิจารณ์ กล่าวต่อว่า ล่าสุดศูนย์ปฏิบัติการนายกรัฐมนตรี (PMOC) ได้เผยแพร่ภาพเปรียบเทียบถึงงบประมาณด้านสาธารณสุขว่าเพิ่มขึ้นและมากกว่ากลาโหม ทั้งยังพยายามอธิบายอีกว่า กลาโหมลดงบประมาณลงอย่างต่อเนื่องตั้งแต่ปีงบ 63-65 ซึ่งเป็นการโฆษณาชวนเชื่ออย่างน่าละอาย เพราะมันเป็นการลวงว่าลด แต่ไม่ได้ลด หากย้อนกลับไปในปีงบ 63 งบกลาโหม 2.317 แสนล้าน ถูกตัดลดในช่วงการแพร่ระบาดของโควิด-19 ครั้งที่ 1 เพื่อการจัดทำ พ.ร.บ.โอนงบประมาณกลางปี โดยนำเงินจากหลายกระทรวงไปรวมกันเป็นงบกลางแก้โควิด กระทรวงกลาโหมสามารถลดงบประมาณได้ถึงเกือบ 2 หมื่นล้าน ทำให้สุดท้ายงบในปีนั้นลดลงมาเหลือ 2.137 แสนล้าน

ในครั้งนั้น กระทรวงกลาโหมเป็นกระทรวงที่ตัดลดงบได้มากที่สุด แสดงให้เห็นว่าแผนงานมีความสำคัญเร่งด่วนน้อย สามารถเลื่อนออกไปก่อนได้และเบิกจ่ายไม่ทัน แต่พอมาปี 64 กระทรวงกลาโหมของบมากถึง 2.236 แสนล้าน ก่อนที่จะถูกตัดลดในชั้นกรรมาธิการ ทำให้คงเหลือได้รับงบประมาณ 2.145 แสนล้าน หรือเพิ่มขึ้น 1 พันล้านบาทจากปี 63 ดังนั้น จึงเป็นการแอบอ้างอย่างหน้าด้านว่า กลาโหมลดงบจากปี 63 ที่ 2.317 แสนล้าน เหลือ 2.145 แสนล้าน เพราะในความเป็นจริงคือ งบเพิ่มขึ้นในปี 64

นายพิจารณ์ กล่าวอีกว่า สำหรับใน ร่าง พ.ร.บ.งบ 65 แม้งบกลาโหมจะลดลง 5.24% แต่ก็ยังเป็นสัดส่วนที่น้อยกว่าภาพรวมงบประมาณทั้งหมดที่ลด 5.66% อีกทั้งงบบุคคลกรของกลาโหมกลับเพิ่มขึ้น 1.7% แสดงให้เห็นว่า ถึงกองทัพอยากจะลดงบยังไงก็ลดไม่ลง ด้วยกำลังทหารที่มากเกินกว่าจะจัดสรรงบประมาณอย่างมีประสิทธิภาพได้ นอกจากนี้ ตามเอกสารงบประมาณเล่มขาวคาดแดงของกลาโหม ด้วยข้ออ้างด้านความมั่นคง จึงทำให้ไม่สามารถเห็นรายการอาวุธยุทโธปกรณ์ที่จัดซื้อได้ แต่อย่างไรก็ตาม เมื่อเปรียบเทียบยอดงบประมาณในโครงการผูกพันข้ามปีของเอกสารงบประมาณปี 63-64-65 ทำให้เชื่อได้ว่า กองทัพเรือยังคงเดินหน้าจัดซื้อเรือดำน้ำต่อไป แม้ประเทศชาติจะอยู่ในวิกฤติงบประมาณ มิหนำซ้ำเมื่อส่องดูงบซื้ออาวุธแบบปีเดียว กองทัพบกตั้งงบเพิ่มขึ้น 9.23% และ กองทัพเรือเพิ่มขึ้นถึง 2.6 เท่า จากปี 64 ในส่วนของงบซื้อยุทโธปกรณ์ที่ผูกพันข้ามปี ทั้งกองทัพบกและกองทัพเรือ ยังมีโครงการใหม่ที่ผูกพันงบตั้งแต่ปี 65-67 รวมมูลค่าโครงการตลอด 3 ปี อีก 9,073 ล้านบาท โดยเป็นปีงบ 65 จำนวน 882 ล้าน และ 933 ล้าน ตามลำดับ นอกจากนั้น ทั้ง 3 เหล่าทัพบวกกับกองบัญชาการกองทัพไทย ยังมีงบซื้อยุทโธปกรณ์ที่ผูกพันข้ามปี ค้างตั้งแต่ปี 60-69 อีก 70 โครงการ และเป็นงบที่ต้องจ่ายในปีงบ 65 กว่า 24,218 ล้าน 

“ผมเชื่อว่าการระบาดของโควิด-19 จะยังไม่จบจนกว่าเราจะได้วัคซีนครบจนเกิดภูมิคุ้มกันหมู่ จะดีกว่าไหมถ้าเราจะจัดลำดับความสำคัญใหม่ ไม่ซื้อเรือดำน้ำแต่นำงบไปเพิ่มให้กับงบบัตรทองที่ถูกตัดไป 1,800 ล้านบาท จะดีกว่าไหมถ้าเราจะยอมทนใช้อาวุธเก่าไปอีกสักปี เพื่อนำงบไปช่วยนักเรียนที่ต้องเลิกเรียนกลางคันเพราะพ่อแม่ตกงานผ่านกองทุนเพื่อความเสมอภาคทางการศึกษาซึ่งถูกตัดงบไป 432 ล้านบาท จะดีกว่าไหมถ้าเราจะไม่ซื้ออาวุธใหม่ที่เป็นการกระตุ้นเศรษฐกิจให้ประเทศผู้ผลิตอาวุธ แต่นำเงินไปลงทุนอบรมทักษะใหม่ ๆ ให้คนที่ตกงานจากภาคท่องเที่ยว ให้พวกเขาหางานใหม่ได้ง่ายขึ้น จะดีกว่าไหมถ้าเราจะมีรัฐบาลใหม่ ที่จัดงบประมาณแบบเห็นหัวประชาชนมากกว่านี้” นายพิจารณ์ กล่าว

เอกชนยื่นหนังสือถึง “บิ๊กตู่” ชง 5 ข้อแก้ปัญหาเหล็กแพง

นายนาวา จันทนสุรคน นายกสมาคมเหล็กแผ่นรีดร้อนไทย และผู้ประสานงานกลุ่ม 7 สมาคมฯ เหล็ก เปิดเผยว่า ผู้แทนกลุ่ม 7 สมาคมฯ เหล็ก ได้ยื่นหนังสือเรื่องขอความอนุเคราะห์พิจารณาข้อเสนอแนวทางบรรเทาผลกระทบจากราคาสินค้าเหล็ก ถึงพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ที่ทำเนียบรัฐบาล โดยเน้นย้ำข้อเสนอ 5 ข้อ คือ

1.) สร้างความร่วมมือในห่วงโซ่อุปทาน

2.) กลุ่มผู้ผลิตในประเทศจะรายงานข้อมูลการผลิต

3.) สนับสนุนให้ภาครัฐพิจารณาปรับเงินชดเชยค่างานก่อสร้างตามสัญญาแบบปรับราคาได้ (ค่าเค)

4.) ขอให้ภาครัฐสนับสนุนให้เกิดการใช้วัตถุดิบในการผลิตสินค้าเหล็กในประเทศ และ

5.) เร่งนำเสนอ และผลักดันนโยบายอุตสาหกรรมเหล็ก 4.0

เชื่อมั่นว่า หากนายกรัฐมนตรีสนับสนุน และมอบนโยบายตามข้อเสนอของ 7 สมาคมฯ เหล็กให้กับภาครัฐที่เกี่ยวข้อง โดยเฉพาะการผลักดันให้เกิดความร่วมมือกันทั้งห่วงโซ่การผลิตจะสามารถบรรเทาผลกระทบผู้ใช้สินค้าเหล็กได้

นายวิกรม วัชระคุปต์ ประธานคลัสเตอร์วัสดุก่อสร้าง สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย กล่าวว่า ขณะนี้สินค้าวัสดุก่อสร้างที่ใช้สินค้าเหล็กเป็นวัตถุดิบได้รับผลกระทบจากการปรับขึ้นราคาสินค้าเหล็กเช่นกัน แต่เป็นสถานการณ์ที่เป็นไปตามกลไกตลาด ซึ่งจะเห็นได้ว่า มีการปรับราคาขึ้นไปในทิศทางเดียวกันทั่วโลก และอุตสาหกรรมเหล็กในประเทศยังมีส่วนช่วยชะลอการขึ้นราคาขายในประเทศ เนื่องจากราคาขายเป็นไปตามต้นทุนการผลิตที่สามารถจัดหาได้ ไม่ได้ปรับตามราคาซื้อขายตามราคาตลาดโลกทันที

กองทัพเรือ จัดงานวัน “อาภากร” ประจำปี 2564

วันที่ 19 พฤษภาคม 2564 พลเรือเอก ชาติชาย ศรีวรขาน ผู้บัญชาการทหารเรือเป็นประธานในพิธีวางพวงมาลาถวายสักการะ พลเรือเอก พระเจ้าบรมวงศ์เธอ พระองค์เจ้าอาภากรเกียรติวงศ์ กรมหลวงชุมพรเขตอุดมศักดิ์ องค์บิดาของทหารเรือไทย เนื่องในวันอาภากร ณ พระอนุสาวรีย์ฯ หน้ากองบัญชาการกองทัพเรือ พื้นที่วังนันทอุทยาน ถนนอิสรภาพ แขวงบ้านช่างหล่อ เขตบางกอกน้อยกรุงเทพมหานคร โดยมี นายทหารชั้นผู้ใหญ่ของกองทัพเรือ ราชสกุลอาภากร ซึ่งภายหลังพิธีวางพวงมาลาถวายราชสักการะ กองทัพเรือ และราชสกุลอาภากร ได้จัดให้มีพิธีทักษิณานุประทานอุทิศถวาย ณ วัดราชบพิธสถิตมหาสีมาราม โดยมีผู้บัญชาการทหารเรือ เป็นประธานในพิธี

พระองค์เจ้าอาภากรเกียรติวงศ์ ประสูติเมื่อวันที่ 19 ธันวาคม 2423 ทรงเป็นพระเจ้าลูกยาเธอ ใน พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว และ เจ้าจอมมารดาโหมด ในปีพุทธศักราช 2439 เสด็จไปศึกษาวิชาการทหารเรือ ณ ประเทศอังกฤษ ตลอดระยะเวลาที่พระองค์ทรงศึกษาอยู่นั้น ได้มีพระวิริยะอุตสาหะจนผลการศึกษาปรากฏอยู่ในขั้นดีเยี่ยม และมีพระจริยวัตรที่งดงามเป็นที่รักใคร่ของ ครู อาจารย์ เป็นที่ยอมรับนับถือของชาวอังกฤษที่ได้ศึกษาอยู่ในคราวเดียวกัน เมื่อทรงสำเร็จการศึกษาเป็นนายทหารสัญญาบัตร ในราชนาวีอังกฤษแล้ว ได้เสด็จกลับเข้ารับราชการในกระทรวงทหารเรือ ในปีพุทธศักราช 2443 รับพระราชทานยศเป็น “นายเรือโทผู้บังคับการ” ในตำแหน่ง นายธงผู้บัญชาการกรมทหารเรือ ปีพุทธศักราช 2448 ทรงดำรงตำแหน่ง เจ้ากรมยุทธศึกษาทหารเรือ ได้ทรงปรับปรุงการศึกษาของโรงเรียนนายเรือให้เจริญก้าวหน้ามากขึ้น ทำให้ทหารเรือไทยมีความรู้ ความชำนาญ สามารถเป็นครู และเป็นผู้บังคับบัญชาได้โดยไม่ต้องพึ่งพาชาวต่างประเทศ

ในปีต่อมาทรงมีพระดำริ ในการจัดตั้งโรงเรียนนายช่างกล เพื่อรับผิดชอบเครื่องจักรในเรือ และในโรงงานบนบกแทนชาวต่างประเทศที่จ้างไว้ ในปีพุทธศักราช 2450 ทรงเป็นผู้บังคับการเรือหลวงมกุฎราชกุมาร นำนักเรียนนายเรือ และนักเรียนนายช่างกล ไปฝึกภาคต่างประเทศ ได้ทรงนำเรือแวะที่สิงคโปร์และเปลี่ยนสีเรือมกุฎราชกุมาร จากสีขาวเป็นสีหมอกให้เหมือนกับเรือรบต่างประเทศ เพื่อให้เกิดความกลมกลืนกับลักษณะของสีน้ำทะเล และภูมิประเทศ ซึ่งกองทัพเรือได้นำสีดังกล่าวมาใช้เป็นสีเรือทุกลำของกองทัพเรือ ตราบจนปัจจุบัน 

นอกจากจะคุณูปการอเนกอนันต์แก่กองทัพเรือแล้ว พระองค์ยังมีพระปรีชาสามารถในด้านการแพทย์แผนโบราณของไทย โดยในปีพุทธศักราช 2454 ขณะทรงออกจากราชการเป็นเวลา 6 ปีเศษ เพื่อทรงศึกษาตำราหมอยาไทยอย่างจริงจัง จนมีความรู้แตกฉาน ทรงเป็นหมอยาไทย รับรักษาประชาชนโดยทั่วไปด้วยน้ำพระทัยโอบอ้อมอารี จนได้รับพระสมัญญานามว่า “หมอพร”
     
ในปีพุทธศักราช 2460 ทรงได้รับพระมหากรุณาธิคุณโปรดเกล้าโปรดกระหม่อมให้กลับเข้ารับราชการทหารเรืออีกครั้ง และในปีพุทธศักราช 2462 พระองค์ทรงได้รับการแต่งตั้งเป็นข้าหลวงพิเศษให้ดำเนินการจัดซื้อเรือหลวงพระร่วงจากประเทศอังกฤษ และทรงเป็นผู้บังคับการเรือ นำเรือหลวงพระร่วง เดินท างจากประเทศอังกฤษกลับมายังประเทศไทย นับเป็นครั้งแรกที่นายทหารเรือไทยเดินเรือได้ไกล
ข้ามทวีป ต่อมาเมื่อปีพุทธศักราช 2465 พระองค์ได้กราบบังคมทูล ขอพระราชทานที่ดินพื้นที่ อำเภอสัตหีบ จังหวัดชลบุรี เพื่อใช้เป็นที่ตั้งฐานทัพเรือ และหน่วยกำลังรบต่าง ๆ ของกองทัพเรือ ที่มีความสำคัญอย่างยิ่งมาจนถึงปัจจุบัน

พลเรือเอก พระเจ้าบรมวงศ์เธอ พระองค์เจ้าอาภากรเกียรติวงศ์ กรมหลวงชุมพรเขตอุดมศักดิ์ ได้กราบบังคมทูลออกจากราชการเพื่อพักผ่อนรักษาพระองค์ เมื่อวันที่ 17 เมษายน พุทธศักราช 2466 เนื่องจากพระองค์ทรงมีสุขภาพไม่สมบูรณ์ และประชวรพระโรคภายในอยู่ด้วย โดยทรงประทับอยู่ทางใต้ของปากน้ำเมืองชุมพร ขณะที่พระองค์ประทับอยู่นี้ก็เกิดพระโรคหวัดใหญ่ เนื่องจากถูกฝน ทรงประชวรอยู่เพียง 3 วัน ก็สิ้นพระชนม์ที่ตำบลหาดทรายรี อำเภอเมือง จังหวัดชุมพร ในวันที่ 19 พฤษภาคม พุทธศักราช 2466 สิริพระชนมายุ 43 พรรษา

ด้วยพระกรณียกิจตลอดระยะเวลาที่ทรงรับราชการทหารเรือ ส่งผลให้กองทัพเรือ มีความเจริญก้าวหน้า สามารถทำหน้าที่รั้วของชาติทางทะเลได้อย่างเข้มแข็งสืบต่อมา ซึ่งนับเป็นสิ่งที่มีคุณค่ายิ่ง กองทัพเรือจึงได้ประกาศขนานพระนามเป็น “องค์บิดาของทหารเรือไทย” และได้กำหนดให้วันที่
19 พฤษภาคมของทุกปี อันเป็นวันคล้ายวันสิ้นพระชนม์ของพระองค์ เป็น “วันอาภากร” โดยกำหนดจัดกิจกรรมต่าง ๆ เพื่อเทิดพระเกียรติและน้อมรำลึกในพระกรุณาคุณของพระองค์ท่านเป็นประจำทุกปี

จากสถานการณ์การแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโคโรน่า 2019 ในปีนี้  จึงได้มีการปรับลดจำนวนผู้ร่วมงานและการเพิ่มมาตรการเว้นระยะห่าง จาก จากเดิมที่มีผู้ร่วมพิธีประกอบด้วย  หัวหน้าส่วนราชการต่าง ๆของกองทัพเรือ ราชสกุลอาภากร สมาคมภริยาทหารเรือ องค์กรภาครัฐและเอกชน ตลอดจนสถาบันการศึกษาในพื้นที่ เหลือเพียงในส่วนของ กองทัพเรือ โดย ผู้บัญชาการทหารเรือ และ คณะนายทหารชั้นผู้ใหญ่ของกองทัพเรือ ผู้แทนราชสกุลอาภากร โดย หม่อมราชวงศ์ จิยากร อาภากร เสสะเวช ประธานกรรมการมูลนิธิ ราชสกุลอาภากร ในพลเรือเอก พระเจ้าบรมวงศ์เธอ กรมหลวงชุมพรเขตอุดมศักดิ์ และสมาคมภริยาทหารเรือ โดย นางจุฬารัตน์ ศรีวรขาร นายกสมาคมภริยาทหารเรือ ทั้งนี้ ยังคงไว้เฉพาะพิธีการสำคัญ เพื่อเป็นการเทิดพระเกียรติและน้อมรำลึกในพระกรุณาคุณ ตลอดจนถวายเป็นพระกุศลแด่ พลเรือเอกพระเจ้าบรมวงศ์เธอ พระองค์เจ้าอาภากรเกียรติวงศ์ กรมหลวงชุมพรเขตอุดมศักดิ์  องค์บิดาของทหารเรือไทย ที่ทรงมีพระกรุณาคุณต่อกองทัพเรือเป็นอเนกอนันต์


กองประชาสัมพันธ์
สำนักงานเลขานุการกองทัพเรือ

"จุรินทร์" ลงพื้นที่ดินแดง เปิดโครงการ “เตียงปันสุข” มอบถุงยังชีพ ช่วยผู้ประสบภัยโควิด และเชิญชวนปชช.ลงทะเบียนฉีดวัคซีน

เมื่อวันที่ 19 พฤษภาคม 2564 ที่ศูนย์ลานกีฬาชุมชนห้วยขวาง เฉลิมพระเกียรติ 72 พรรษา นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ รองนายกรัฐมนตรี และรมว.พาณิชย์ ในฐานะหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ พร้อมด้วยนายองอาจ คล้ามไพบูลย์ นายปริญญ์ พานิชภักดิ์ รองหัวหน้าพรรค นายธนา ชีรวินิจ อดีต ส.ส.กม. เขตดินแดน ห้วยขวาง พรรคประชาธิปัตย์

ลงพื้นที่มอบถุงยังชีพบรรเทาความเดือดร้อนให้กับประชาชนที่ได้รับผลกระทบจากโควิด-19 ซึ่งเป็นเขตหนึ่งที่มีผู้ติดเชื้อโควิดสูงเป็นอันดับต้น ๆ ของกรุงเทพฯ ในระยะเวลาที่ผ่านมา พร้อมเปิดโครงการ “เตียงปันสุข” ที่มีนายสิทธิวัฒน์ ชีรวินิจ เป็นผู้บริหารโครงการ และได้มีการมอบเตียงปันสุขไปแล้ว 50 กว่าเตียงทั่วประเทศ นอกจากนั้นยังมอบถุงยังชีพให้กับผู้ที่ต้องกักตัว และผู้ได้รับผลกระทบจากโควิด-19 

นายจุรินทร์ ยังได้เชิญชวนประชาชน ลงทะเบียนเข้ารับการฉีดวัคซีนป้องกันโควิด-19 เพื่อลดความเสี่ยงในการติดเชื้อ ซึ่งตนก็เข้ารับการฉีดวัคซีนเข็มแรกแล้ว โดยไม่มีผลข้างเคียงใด ๆ และรอเข้ารับวัคซีน เข็มที่ 2 ปลายเดือนนี้ และมั่นใจว่า จะไม่มีผลข้างเคียงเกิดขึ้น โดยพรรคได้จัดทีมยุวประชาธิปัตย์ มาอาสาช่วยลงทะเบียนเข้ารับการฉีดวัคซีน ผ่านแอพพลิเคชั่น และไลน์ "หมอพร้อม" ให้แก่ประชาชน ผู้สูงอายุ ที่ไม่สามารถลงทะเบียนเองได้ เพื่อรอเข้ารับการฉีดวัคซีน

นายจุรินทร์ กล่าวต่อว่า ขณะเดียวกันในวันนี้ กระทรวงพาณิชย์ได้จัดรถโมบายล์ พาณิชย์ลดราคา ช่วยประชาชน ยังได้นำสินค้าราคาถูก ที่จำเป็นต่อการอุปโภคบริโภค ทั้งอาหารสด ของชำ ผักและผลไม้ มาจำหน่ายให้กับประชาชนในราคาถูกอีกด้วย 

"เสรีพิศุทธ์" ซัด "เสกสกล-สนธิยา" ไม่มีความรู้ โร่แจ้งความ "ฮาร์ท สุทธิพงศ์" กับคนที่ไม่ใช่ตำรวจ พร้อมชวน ปชช.ฉีดวัคซีนลดการระบาด ซัด "ประยุทธ์" ใช้เงินฟุ่มเฟือย บำเรอทหาร ทำปชช.เดือดร้อน จ่อ ตรวจสอบเงินกู้ 7 แสนล้าน พร้อมเดินหน้าสอบบ้านพักบิ๊กตู่

เมื่อวันที่ 19 พฤษภาคม 2564 ที่รัฐสภา พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ เตมียเวช ส.ส.บัญชีรายชื่อ หัวหน้าพรรคเสรีรวมไทย กล่าวถึงกรณีที่นายเสกสกล อัตถาวงศ์ ผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี หรือนายสนธิยา สวัสดี ที่ปรึกษานายสิระ เจนจาคะ ส.ส.กทม. พรรคพลังประชารัฐ ไปแจ้งความดำเนินคดีกับนายสุทธิพงศ์ ทัดพิทักษ์กุล หรือฮาร์ท นักร้องชื่อดังว่า สิ่งที่นายสุทธิพงศ์พูดถึงเป็นการวิพากษ์วิจารณ์การทำงานของรัฐบาล ซึ่งเป็นเรื่องปกติ เมื่อเรามาบริหารประเทศหากทำดีเขาก็ชม หากไม่ดีเขาก็ตำหนิ เราก็รับคำตำหนิมาแก้ไขไม่ใช่ไปดำเนินคดีกับเขา จากการที่ได้ดูคลิปพบว่านายเสกสกลและนายสนธิยาไม่ได้มีความรู้ เนื่องจากเบื้องต้นได้มีการบอกว่าถ้านายสุทธิพงศ์ยอมรับและมาพูดคุยกันจะถอนแจ้งความให้ แต่ในการแจ้งความมาตรา 112 ไม่สามารถถอนแจ้งความได้ ซึ่งข้อความของนายสุทธิพงศ์ไม่ได้มีข้อความพูดถึงพระมหากษัตริย์ แต่ไปตีความเอาเองและไปแจ้งความดำเนินคดีใส่ความคนอื่น ตนได้โทรไปถามผู้การ ปท.ว่า นายสนธิยาได้มาแจ้งความหรือไม่ ผู้การตรวจสอบและบอกว่ามายื่นหนังสือให้เด็กที่เดินไปมาด้านล่าง ไม่ใช่เจ้าหน้าที่ตำรวจ นายสนธิยาไปยื่นกับใครก็ไม่รู้ เหนื่อยหน่ายที่รัฐบาลใช้คนพวกนี้มาเป็นเครื่องมือ ใช้แต่คนไม่มีความรู้ หากไม่แก้ไขก็อยู่ไม่ได้ 

นอกจากนี้ พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ ยังกล่าวว่า ขณะนี้รัฐบาลเปิดให้ลงทะเบียนเพื่อฉีดวัคซีน ซึ่งจากการติดตามพบว่าประชาชนยังคงเกิดความคลาแคลงใจว่าจะลงทะเบียนดีหรือไม่ จะฉีดวัคซีนดีหรือไม่ ฉีดแล้วจะมีปัญหาหรือไม่ ซึ่งจำนวนตัวเลขผู้ติดเชื้อปัจจุบันมี 110,000 กว่าคน และเพิ่มขึ้นวันละเกือบ 3,000 คน และยอดผู้เสียชีวิตก็เพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ ในขณะนี้ 600 กว่าคนแล้ว โดยเฉพาะในเรือนจำทั่วประเทศยอดผู้ติดเชื้อเป็น 10,000 คนแล้ว หากปล่อยคนเหล่านี้ออกมาก็จะมาระบาดมากขึ้นอีก ตนคิดว่าที่ทุกคนลังเลเพราะขาดความเชื่อมั่นในรัฐบาล ไม่ไว้วางใจจึงไม่กล้าไปลงทะเบียน ตนขอให้ประชาชนรีบลงทะเบียนเพื่อฉีดวัคซีนกัน ซึ่งรัฐบาลกำหนดไว้ว่าบุคคลที่อายุ 60 ปีขึ้นไปฉีดแอสตราเซเนกา ส่วนบุคคลที่อายุน้อยว่า 60 ปีจะฉีดซิโนแวก ส่วนตนฉีดแอสตราเซเนกาตั้งแต่เดือนที่แล้วก็ไม่มีปัญหาอะไร จึงอยากเชิญชวนประชาชนให้รีบลงทะเบียนฉีดวัคซีนโรคจะได้ไม่ระบาดเพิ่มมากกว่านี้

พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ กล่าวต่อว่า เมื่อวานได้ดูคลิปที่จ.ภูเก็ต เห็นคนต่อว่าทางจังหวัดที่บอกว่าถ้าจะเข้าไปจ.ภูเก็ต จะต้องตรวจคัดกรองโควิด-19 และต้องเสียค่ารักษา 450 บาท เนื่องจากเป็นนโยบายของผู้ว่าราชการจังหวัดซึ่งรองผู้ว่าราชการจังหวัดได้ออกมาอธิบายว่า สาเหตุที่ต้องเก็บเงินเพราะจ้างบริษัทเอกชนมาตรวจโควิด-19 แทนเนื่องจากเจ้าหน้าที่ไม่พอ และเงินหมดแล้ว ตนฟังแล้วก็รับไม่ค่อยได้กับการที่เจ้าหน้าที่ของรัฐบอกว่างบประมาณหมดแล้วในการที่จะตรวจโควิดให้ประชาชน แล้วเงินไปไหน รัฐบาลกู้มาเป็นล้านๆ เอาไปทำประชานิยมหมด ไม่ว่าจะโครงการไทยช่วยไทย โครงการชิมช้อปใช้ โครงการคนละครึ่ง เป็นต้น 

"ในยามนี้เราต้องประหยัด เราไม่ใช่ประเทศที่ร่ำรวย ยังต้องกู้เขาทุกปี ก็ยังถลุงสุรุ่ยสุร่าย โดยเฉพาะงบประมาณของทหาร เป็นไปได้อย่างไรที่งบประมาณของกองทัพมากกว่างบประมาณของกระทรวงสาธารณสุขและกระทรวงอื่น ๆ จะไปรบกับใคร เมื่อวานคณะรัฐมนตรีก็อนุมัติงบ 387 ล้านบาทให้กองทัพอีกแล้ว เอาไปทำอะไร บอกว่าจะเอาไปช่วยตรวจโควิด แล้วคนที่มีหน้าที่รับผิดชอบโดยตรงทำไมปล่อยให้ขาดแคลน งบการตรวจโควิดเป็นเรื่องของกระทรวงสาธารณสุขต้องให้เขาเต็มที่ มันไม่ถูกต้อง เอางบประมาณต่าง ๆ ไปเป็นงบกลางมาก ทำให้พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรมว.กลาโหม ใช้งบฟุ่มเฟือย โดยเฉพาะบำรุงบำเรอความสุขทหารมากเหลือเกินตลอด 7 ปีที่ผ่านมาจนประชาชนเดือดร้อนไปกันหมด เพราะฉะนั้นที่จะตรวจโรคระบาดหรือโควิดต่าง ๆ ต้องบริการประชาชน” พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ กล่าว

พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ กล่าวต่อว่า ประเทศไทยมีรัฐธรรมนูญเป็นกฎหมายสูงสุดของประเทศ ให้เปิดดูรัฐธรรมนูญมาตรา 47 ระบุไว้ว่า บุคคลย่อมได้รับสิทธิในการป้องกันและรักษาโรคระบาดติดต่อจากรัฐโดยไม่เสียค่าใช้จ่าย โควิดเป็นโรคระบาดหรือไม่ รัฐต้องดูแลป้องกันและรักษาให้อย่างเต็มที่โดยไม่เสียค่าใช้จ่ายใด ๆ ทั้งสิ้น จากกรณีที่จ.ภูเก็ตที่มีการเก็บเงินค่าตรวจโควิด-19 ผิดรัฐธรรมนูญหรือไม่ หากมีเรื่องเกี่ยวกับโรคระบาดและรัฐบาลยังเก็บเงินประชาชน ให้มีหนังสือร้องทุกข์มาที่ตน ตนจะนำเรื่องเข้าบรรจุเป็นวาระเพื่อสอบสวนต่อไปว่าทำไมรัฐบาลไม่ดำเนินการตามกฎหมาย

เมื่อถามถึงกรณีนายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและรมว.สาธารณสุขบอกว่าสามารถวอล์กอินไปฉีดวัคซีนได้ แต่เมื่อวานนี้พล.อ.ประยุทธ์มีการเบรกไม่ให้มีการวอล์กอิน พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ กล่าวว่า ต้องปล่อยให้เป็นหน้าที่นายอนุทินจัดการ คนเป็นผู้นำต้องไว้ใจให้ผู้ที่มีหน้าที่โดยตรง แต่จะไว้ใจได้หรือไม่อยู่ที่คนว่าตั้งใครไป หากตั้งเพราะการเมือง คนนี้อยากอยู่กระทรวงไหนก็ยอม เพราะต้องการเป็นนายกฯ ต่อก็จะไม่ประสบความสำเร็จ 

เมื่อถามว่าคิดว่างบกองทัพควรจะตัดออกหรือไม่หากเข้าสู่สภาฯ พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ กล่าวว่า ตนเพิ่งได้รับเอกสารงบประมาณที่รัฐบาลเสนอมา แต่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อศึกษาแล้วจะมอบหมายหน้าที่ให้สมาชิกพรรคต่อไปว่าจะอภิปรายกระทรวงไหน 

เมื่อถามว่างบสำหรับซื้อยุทโธปกรณ์ยังมีอยู่จะจัดการเป็นพิเศษหรือไม่ กล่าวว่า ตนเชื่อว่าทุกพรรคโดยเฉพาะพรรคฝ่ายค้านไม่ยอมเด็ดขาด การบริการหน่วยงานต่าง ๆ มีอยู่ 2 เรื่อง คือบริหารคนกับบริหารเงิน งบประมาณของประเทศต้องใช้ไปที่คนเป็นหลัก เพราะประเทศจะพัฒนาได้ก็ด้วยคนที่มีศักยภาพ เพราะฉะนั้นงบประมาณต่าง ๆ จะต้องเอาไปลงที่กระทรวงศึกษาธิการ กระทรวงสาธารณสุข กระทรวงพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ กระทรวงมหาดไทย เป็นต้น ไม่ใช่ไปลงที่กองทัพ ซึ่งต้องคุยกันในสภาต่อไป 

เมื่อถามว่ามีอะไรฝากถึงกองทัพหรือไม่ ว่าเหตุใดถึงยังเสนอเรื่องงบในการซื้อยุทโธปกรณ์ พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ กล่าวว่า ตอนนี้คงแก้อะไรไม่ได้ พล.อ.ประยุทธ์เป็น รมว.กลาโหม ก็ต้องเอาทหารไว้ ฉะนั้นงบประมาณต่าง ๆ ก็จะลงไปที่ทหารซึ่งไม่มีความจำเป็น ตนก็พยายามจะตรวจสอบการจัดทำงบประมาณ ของกองทัพ ตนรู้ดีว่าทหารทุจริตโกงกินอย่างไร รอให้มีโอกาส ถ้าอยากเห็นความเปลี่ยนแปลงให้เอาตนไปเป็นรมว.กลาโหมแล้วจะรู้ว่าอะไรเป็นอะไร แต่ไม่ใช่ภายใต้รัฐบาลพล.อ.ประยุทธ์ 

เมื่อถามว่าจะตรวจสอบเงินกู้ 7 แสนล้านอย่างไร พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ กล่าวว่า ก็ต้องหาข้อเท็จจริงให้ได้ว่าเมื่อเงินที่กู้มาเอาไปทำอะไรบ้าง หากไม่ชอบมาพากล รัฐบาลทำให้เสียหายอีก ตนก็จะนำมาเป็นวาระ วอนรัฐบาลอย่าทำให้มีปัญหา บริหารงานอย่างตรงไปตรงมา เพื่อประชาชนอย่างแท้จริง 

เมื่อถามถึงกรณีที่จะมีการตรวจสอบบ้านพักพล.อ.ประยุทธ์ พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ กล่าวว่า จะเข้าไปตรวจสอบแน่นอนเพื่อความชัดเจนยิ่งขึ้น ตนทำงานแบบตำรวจก็ต้องลงไปดูที่เกิดเหตุ แต่ในขณะนี้ยังไม่ได้ทำหนังสือ

รัฐบาล เตรียมพร้อม รพ.สนาม รองรับคลัสเตอร์ แคมป์ก่อสร้าง-ราชทัณฑ์ นายก กำชับ รักษาผู้ป่วยทุกคนอย่างดีที่สุด 

เมื่อวันที่ 19 พฤษภาคม 2564 น.ส.รัชดา ธนาดิเรก รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เผยว่า ได้มีการเตรียมพร้อมโรงพยาบาลและโรงพยาบาลสนาม เพื่อรองรับผู้ติดเชื้อโควิด-19 จากคลัสเตอร์ กลุ่มแคมป์คนงานก่อสร้างโดยเฉพาะในพื้นที่เขตหลักสี่และวัฒนา ซึ่งพบว่าผู้ติดเชื้อโควิด-19 ส่วนใหญ่เป็นแรงงานต่างด้าว หากผู้ติดเชื้อมีอาการระดับสีเขียวจะนำส่งรักษาที่โรงพยาบาลสนาม จ.สมุทรสาคร กลุ่มสีเหลืองมีศูนย์แรกรับ-ส่งต่อนิมิบุตร และสถาบันบำบัดรักษาและฟื้นฟูผู้ติดยาเสพติดแห่งชาติบรมราชชนนีได้รองรับบางส่วนแล้ว ขณะนี้อยู่ระหว่างหารือให้ส่งต่อไปยังโรงพยาบาลบุษราคัม เพื่อช่วยรับบางส่วนด้วย   

น.ส.รัชดา กล่าวว่า กรณีผู้ติดเชื้อในเรือนจำ โรงพยาบาลราชทัณฑ์พร้อมให้การดูแลผู้ติดเชื้อทั้งในระดับสีเขียวและสีเหลือง อีกทั้ง ได้มีการสั่งการให้เรือนจำทั่วประเทศจัดตั้งโรงพยาบาลสนาม หากเรือนจำใดไม่มีพื้นที่ จะให้ใช้พื้นที่ของทัณฑสถานเปิด หรือสถานกักกัน หรือเรือนจำเก่า ปรับปรุงเป็นโรงพยาบาลสนาม มากไปกว่านั้น หากเรือนจำและทัณฑสถานใดที่มีการแพร่ระบาดของโรค จะต้องดำเนินการตรวจหาเชื้อผู้ต้องขังทั้งเรือนจำและทัณฑสถานให้ครบ 100% รวมทั้งเอกซเรย์ปอดผู้ติดเชื้อจนครบทุกรายเพื่อแยกกลุ่มตามลักษณะอาการและเร่งการรักษาอย่างทันท่วงที โดยจะเป็นการทำงานร่วมกับโรงพยาบาลแม่ข่าย กรมควบคุมโรคกรมการแพทย์ภายใต้การสนับสนุนงบประมาณหลักจากสำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ (สปสช.)

น.ส.รัชดา กล่าวว่า ในที่ประชุมเตรียมความพร้อมด้านการรักษาพยาบาลและป้องกันการติดเชื้อในโรงพยาบาลและการบริหารจัดการเตียงในเขตกทม. ได้มีการจัดโซนเพื่อคัดแยกอาการผู้ติดเชื้อ โดยโรงพยาบาลบุษราคัมดูแลกรุงเทพโซนเหนือ ศูนย์แรกรับ-ส่งต่อนิมิบุตร สนามกีฬาแห่งชาติดูแลกรุงเทพโซนกลาง และโรงพยาบาลผู้สูงอายุบางขุนเทียน ดูแลกรุงเทพโซนใต้ โดยใช้ระบบเชื่อมโยงข้อมูลทั้งหมดหรือ Co Link ซึ่งรับข้อมูลผู้ติดเชื้อมาจากระบบห้องปฏิบัติการรวม (Co Lab) ระบบการค้นหาเชิงรุกรวม (Co Finding) รวมถึงข้อมูลระบบเตียงรวม (Co Ward) ประเมิน คัดแยกระดับสีอาการเขียว-เหลือง-แดง เพื่อส่งเข้าสู่ระบบการรักษาตามอาการ ซึ่งจะช่วยให้การบริหารจัดการเตียงผู้ติดเชื้อโควิดในกทม. มีประสิทธิภาพและคล่องตัวมากยิ่งขึ้นด้วย และในขณะเดียวกัน ก็เร่งเสริมเตียงรองรับผู้ป่วยกลุ่มสีแดง คือผู้ป่วยอาการรุนแรง ซึ่งขณะนี้ โรงพยาบาลมงกุฎวัฒนะ เป็นอีกหนึ่งที่ที่มีความพร้อม โดยจะเปิดเตียงสำหรับผู้ป่วยอาการสีแดง 48 เตียง และเตียงอาการสีเหลืองเข้มที่สามารถใช้เครื่องออกซิเจนไฮโฟลว์ได้ 150 เตียง

น.ส.รัชดา กล่าวว่า นายกรัฐมนตรียืนยันว่าจะทำการดูแลรักษาผู้ป่วยติดเชื้อทุกคนอย่างดีที่สุด บนหลักความเท่าเทียม ซึ่งเรือนจำแต่ละแห่งเป็นระบบปิด โอกาสที่จะแพร่กระจายเชื้อสู่ชุมชนน้อย พร้อมได้สั่งการให้เจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องให้การดูแลอย่างเข้มงวด งดการเข้าเยี่ยมญาติจากบุคคลภายนอกจนกว่าสถานการณ์การแพร่ระบาดจะดีขึ้น

‘ธัญญ์วาริน’ จี้ รัฐบาลสื่อสารเรื่องวัคซีนตรงไปตรงมา หยุดเอาดารามาโฆษณาทำเสียเครดิตจนถูกสังคมวิจารณ์หนัก ชี้ วัคซีนไม่ใช่วิตามินเสริมที่จะเลือกกินตามดาราได้

เมื่อวันที่ 19 พ.ค. นายธัญญ์วาริน สุขะพิสิษฐ์ ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล โพสต์เฟซบุ๊กแฟนเพจ ระบุว่า วันนี้วงการบันเทิงทัวร์ลงรอบใหญ่อีกครั้ง จากปรากฏการณ์ที่นักแสดงดาราชื่อดังหลายสิบคน ออกมาเชิญชวนคนไปฉีดวัคซีนซิโนแวค แต่เกิดคำถามมากมายไม่ว่าจะเป็นเรื่องเส้นสาย ทำไมดาราได้ฉีดกันอย่างพร้อมเพรียง แต่ประชาชนลงทะเบียนไม่ผ่าน วอล์กอินก็คิวเต็ม รวมถึงเรื่องที่ว่ารัฐบาลเอาดารามาโฆษณาชวนเชื่อให้คนไปฉีดวัคซีน แทนที่จะให้ข้อมูลอย่างตรงไปตรงมาเพื่อให้ทุกคนได้ตัดสินใจเอง

นายธัญญ์วาริน กล่าวต่อว่า ในฐานะที่ตนอยู่ในวงการนี้มากว่าสิบปี เห็นใจพี่น้องนักแสดงมาก ตนเชื่อว่าดาราที่ออกมารณรงค์ไม่ได้รับค่าจ้างเป็นเงิน แต่น่าจะถูกขอความร่วมมือจากหน่วยงานรัฐ จึงเกิดปรากฏการณ์ที่ดาราออกมารณรงค์ให้คนไปฉีดวัคซีนกันพร้อมเพรียงขนาดนี้ เวลาถูกขอความร่วมมือก็ไม่มีใครกล้าปฏิเสธ แม้ว่าอาจต้องเอาเครดิตตัวเองไปเสี่ยงก็ตาม แต่เรื่องที่ตนอยากเตือนรัฐบาล คือ การสื่อสาร ไม่จำเป็นต้องเลือกวิธีที่ดราม่า เล่นใหญ่ เอาดาราทั่วฟ้าเมืองไทยมาโฆษณาขนาดนี้ ในประเทศนี้ไม่มีใครไม่อยากฉีดวัคซีน หลายคนมีปัญหาเรื่องลงทะเบียนไม่ได้สักที หลายคนรอวัคซีนที่เขาเชื่อมั่น ไม่ว่าจะเป็นแอสตราเซเนกาหรือไฟเซอร์ ซึ่งทั้งสองตัวก็เป็นวัคซีนที่รัฐบาลยืนยันว่าจะจัดหามาฉีดให้คนไทย มีความจำเป็นอะไรที่รัฐบาลจะต้องออกมารณรงค์ให้คนไปฉีดซิโนแวค ในเมื่อแอสตราเซเนกาก็จะมาถึงในเดือนหน้าแล้ว และจะมีเข้ามามากพอสำหรับฉีดให้ประชาชนหลายสิบล้านคน ก่อนที่วัคซีนไฟเซอร์และวัคซีนตัวอื่น ๆ จะเข้ามาเสริมทัพในปลายปีนี้และต้นปีหน้า

นายธัญญ์วาริน กล่าวอีกว่า เมื่อคนไม่เชื่อมั่นในวัคซีน รัฐบาลมีหน้าที่ทำให้เขาเชื่อมั่น แต่วิธีสร้างความเชื่อมั่น ไม่ใช่เอาดารามาโฆษณา นี่มันไม่ใช่คอลลาเจนหรือวิตามินเสริม ที่เราอาจเลือกกินตามดาราเพราะอยากสวยเหมือนเขา นี่คือชีวิตเรา ชีวิตคนที่เรารัก เราจะเลือกเมื่อมั่นใจว่ามันดีพอ มันคุ้มค่ากับความเสี่ยงที่จะได้รับจากการฉีดวัคซีน ทำไมรัฐบาลไม่พูดง่าย ๆ ตรงไปตรงมา ว่าวัคซีนซิโนแวคคือวัคซีนที่มีประสิทธิภาพต่ำในการกันติดโรคแต่กันตายได้ และมีให้ฉีดทันที แต่ถ้ารอตัวอื่นที่ประสิทธิภาพดีกว่า ซึ่งอีกสักพักกว่าจะได้ แล้วให้ประชาชนชั่งน้ำหนักเองว่าจะฉีดเลยหรือจะรอ ไม่ต้องดราม่า ผลักให้คนที่รอวัคซีนที่เขาเชื่อมั่นกลายเป็นพวกดิสเครดิตรัฐบาล เป็นพวกชังชาติ ไร้ความรับผิดชอบ คนไทยควรมีสิทธิ์ได้เลือกว่าจะฉีดวัคซีนอะไรเข้าร่างกาย เลือกโดยอยู่บนพื้นฐานข้อมูลที่เที่ยงตรง เป็นสากล ไม่ใช่ถูกชวนเชื่อโดยการเอาดารามาเป็นพรีเซนเตอร์

“อย่าลืมว่าผู้ที่สร้างความไม่เชื่อมั่นในวัคซีนมากที่สุด คือ คนในรัฐบาลเอง ตั้งแต่ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี ที่ออกมากล่าวว่าตนเองแก่แล้ว ฉีดไปแล้วช็อกตายจะทำอย่างไร หรือกรณีของ ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า รมช.เกษตรและสหกรณ์ ที่ปฏิเสธการฉีดเพราะว่าตนเองกำลังจะมีลูก รวมทั้งนายอนุทิน ชาญวีรกุล รองนายกรัฐมนตรีและรมว.สาธารณสุข และ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรมว.กลาโหม ที่ออกมาให้ข่าวกลับไปกลับมาเสมอ ๆ ก็ยิ่งทำให้คนไทยสับสนและไม่เชื่อมั่นในกระบวนการจัดการวัคซีนของรัฐบาล ดังนั้น รัฐบาลควรเริ่มแก้ไขปัญหาที่ตัวเองจะดีที่สุด” นายธัญญ์วาริน กล่าว


แหล่งรวม "บทความและคอนเทนต์แปลกใหม่!!!" แบบไร้ Toxic ติดตามได้ที่ THE STATES TIMES Blockdit

LINK : https://www.blockdit.com/pages/60583e7ff90e240c3e7f1c32

“สมชัย” เผยภาพบัตรเลือกตั้ง ประกาศพร้อมให้ข้อมูลพฤติกรรมการเวียนเทียนบัตรเลือกตั้งในการใช้สิทธิ์เลือกตั้งท้องถิ่น ชี้เหตุจาก กกต. เผยรูปแบบและสีบัตรเลือกตั้ง

เมื่อวันที่ 19 พฤษภาคม 2564 นายสมชัย ศรีสุทธิยากร อดีตกรรมการการเลือกตั้ง(กกต.) โพสต์เฟสบุ๊กเปิดเผยถึงกระบวนการเวียนเทียนบัตรเลือกตั้งท้องถิ่น ในการเลือกตั้งครั้งที่ผ่านมา โดยระบุว่า “ชาวบ้านรู้ โลกรู้ กกต. ไม่รู้” ว่าการเลือกตั้งผู้บริหารและสมาชิกสภาเทศบาลเมื่อวันที่ 28 มี.ค. 2564 จะครบกำหนด 60 วัน ที่ กกต. ต้องประกาศผลในวันที่ 27 พ.ค. 2564 กกต. รู้ไหมว่าการเลือกตั้งที่ผ่านมาทั้งประเทศ เป็นการเลือกตั้งที่สกปรกที่สุดครั้งหนึ่ง เนื่องด้วยการตัดสินใจผิดพลาดหรือโดยตั้งใจของ กกต. ชุดปัจจุบัน โดยปกติ กกต. ทุกชุดไม่เคยนำรูปแบบและสีของบัตรเลือกตั้งมาแสดงต่อประชาชน ถือเป็นความลับขั้นลับที่สุด จะมีคนรู้น้อยที่สุดโดยจำกัดเพียงแค่ผู้เกี่ยวข้องกับกระบวนการพิมพ์บัตรเท่านั้น อย่างการออกเสียงประชามติเมื่อวันที่ 7 ส.ค. 59 มีตนคนเดียวที่รู้แบบและสีบัตร กกต. อีก 4 คนยังไม่รับทราบและไม่เคยปรารถนาจะรับรู้หรือสอบถาม จนถึงวันเลือกตั้งจริงทุกคนจึงรับรู้ ด้วยเหตุที่ไม่ต้องการให้มีการทำบัตรปลอมของผู้ต้องการทุจริตในการเลือกตั้ง 

แต่ กกต.ชุดนี้ กลับปรารถนาดี เปิดเผยรูปแบบบัตรเลือกตั้ง มีตัวอย่างและสีของบัตร ให้ประชาชนทราบในวันที่ 9 มี.ค.64 เพราะเกรงประชาชนจะสับสนในการการเลือกตั้ง ผลคือ ผู้สมัครนำไปพิมพ์เป็นบัตรตัวอย่างให้ประชาชนกาบัตรตาม และบางที่ถึงขนาดพิมพ์เท่ากับขนาดบัตรจริง กาหมายเลขตัวเองพร้อมสรรพ ให้ประชาชนนำเข้าไปหย่อนหีบในวันเลือกตั้ง และลักลอบนำบัตรจริงเปล่าออกมา เพื่อรับเงิน จากนั้นก็มอบให้ผู้มีสิทธิคนต่อไป นำบัตรจริงที่กาหมายเลขของพวกตน เอาเข้าไปหย่อนใหม่ และนำบัตรจริงเปล่าออกมา ทำวนแบบนี้ไปเรื่อย ๆ หนึ่งหน่วยอาจจะ 10-20 บัตร แต่รวมหลายหน่วยก็เป็นร้อยเป็นพันคะแนนได้ 

โดยหลักฐานที่จะพบคือ มีบัตรปลอมที่กาหนึ่งใบในหีบเลือกตั้งเท่านั้น และหากกรรมการไม่รู้ หรือรู้เห็นเป็นใจ ก็จะไม่มีใครทราบ เป็นการเลือกตั้งที่สุจริตไป เอาให้ดู เพราะให้ กกต.รู้ว่า เทคนิคที่เคยใช้โกงเลือกตั้งเมื่อ 30 ปีที่แล้ว วันนี้กลับมาแล้ว อยากรู้ว่าที่ไหนให้ถามมา แต่ไม่คิดว่าเขาจะถาม เพราะคราวที่แล้วยินดีให้ข้อมูลทุจริตที่ลำปาง ท่านบอกให้ผมเสียค่าเครื่องบินบินไปให้ปากคำเอง ยังจำได้ดีครับ

ทั้งนี้ นายสมชัย ยังโพสต์ภาพบัตรเลือกตั้งประกอบ พร้อมระบุว่า ภาพที่แสดงเป็นภาพบัตรเลือกตั้งจริงที่ถูกกาหมายเลขทีมผู้สมัครทีมหนึ่งเรียบร้อย  และนำมาให้ประชาชนนอกหน่วย เพื่อให้ประชาชนนำเข้าไปหย่อนบัตร และลักลอบนำบัตรเปล่าออกมากาเวียนเทียนใหม่ โดยให้สังเกตในภาพที่ฉากหลังคืออ่างล้างหน้าในห้องน้ำ

องค์การอาหารและเกษตรแห่งสหประชาชาติ (FAO) - สหภาพยุโรป (EU) ยกย่องไทยเป็นต้นแบบการแก้ไขปัญหาประมง (IUU) อย่างยั่งยืน พร้อมเชิญรัฐมนตรีเกษตร ‘เฉลิมชัย ศรีอ่อน’ ร่วมกล่าวสุนทรพจน์บนเวทีนานาชาติ โชว์วิสัยทัศน์รัฐมนตรี 1 เดียวของทวีปเอเชีย

นายอลงกรณ์ พลบุตร ที่ปรึกษารัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ เปิดเผยว่าว่า องค์การอาหารและเกษตรแห่งสหประชาชาติ (FAO) และ คณะกรรมาธิการสหภาพยุโรป (European Commission) ส่งหนังสือเชิญ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ดร.เฉลิมชัย ศรีอ่อน เป็น 1 ใน 6 รัฐมนตรี จากประเทศสมาชิก 194 ประเทศ เตรียมขึ้นเวทีระดับโลกกล่าวสุนทรพจน์ (Testimonial Statement) และเข้าร่วมการเสวนา (Panel Discussion) ในการประชุมระดับรัฐมนตรีและเจ้าหน้าที่ระดับสูง (High-Level Event) เรื่อง ข้อตกลงระหว่างประเทศว่าด้วยมาตรการรัฐเจ้าของท่า (PSMA) และการแก้ไขปัญหาการทำประมงผิดกฎหมาย (IUU Fishing) ที่จะจัดขึ้นในวันที่ 31 พฤษภาคม 2564 นี้

นายอลงกรณ์ กล่าวเพิ่มเติมว่า รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ดร.เฉลิมชัย ศรีอ่อน ได้มอบนโยบายให้กรมประมง ทำงานบรูณาการร่วมกับทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้องทั้ง กรมเจ้าท่า กรมศุลกากร กองทัพเรือ กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม กระทรวงแรงงาน และ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ และหน่วยงานต่าง ๆ ทั้งส่วนกลางและภูมิภาค เพื่อสร้างการมีส่วนร่วมของหน่วยงานภาครัฐ กับผู้ประกอบการประมงพาณิชย์ และชาวประมงพื้นบ้านอย่างต่อเนื่อง

ทั้งนี้ เพื่อแก้ไขปัญหาการทำประมงผิดกฎหมาย (IUU Fishing) โดยที่ผ่านมา รัฐบาลไทย และกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ได้มีนโยบายและแนวทางชัดเจน ที่จะขจัดปัญหาการทำประมง IUU เพราะตระหนักดีถึงความจำเป็นที่จะต้องรักษาความยั่งยืนของทรัพยากรสัตว์น้ำเพื่ออนุชนรุ่นหลัง

และมิใช่เฉพาะแต่ของไทย แต่หมายถึงทรัพยากรของโลกโดยภาพรวม โดยการแก้ไขปัญหาประมง IUU ได้ถูกกำหนดให้เป็นวาระแห่งชาติ ซึ่งเรื่องนี้ทางรัฐมนตรีกระทรวงเกษตรฯ ได้กำกับดูแลเรื่องนี้อย่างใกล้ชิด และเชื่อมั่นว่าไทยได้วางรากฐานระบบป้องกันการทำประมง IUU ไว้อย่างสมบูรณ์แล้ว ประกอบด้วย 6 ด้านสำคัญ ได้แก่

1.) ด้านกฎหมาย

2.) ด้านการบริหารจัดการประมง

3.) ด้านการบริหารจัดการกองเรือ

4.) ด้านการติดตาม ควบคุม และเฝ้าระวัง (MCS)

5.) ด้านการตรวจสอบย้อนกลับ และ

6.) ด้านการบังคับใช้กฎหมาย พร้อมกับการฟื้นฟูและพัฒนาศักยภาพประมงไทยจนองค์การสหประชาชาติ FAO และสหภาพยุโรป ได้ยกย่องประเทศไทยเป็นต้นแบบการแก้ไขปัญหา IUU อย่างยั่งยืน

ทางด้านนายธนวรรษ เทียนสิน อัครราชทูต (ฝ่ายเกษตร) และผู้แทนถาวรไทยประจำสหประชาชาติ ณ กรุงโรม (FAO/IFAD/WFP) รายงานเพิ่มเติมว่า การประชุมระดับรัฐมนตรีและเจ้าหน้าที่ระดับสูงในครั้งนี้ จะมีการหารือแลกเปลี่ยนข้อมูลและนำเสนอผลการดำเนินงานของประเทศสมาชิกที่ร่วมลงนามในข้อตกลงระหว่างประเทศว่าด้วยมาตรการรัฐเจ้าของท่า (Port State Measures Agreement หรือ PSMA) ซึ่งจัดขึ้นเป็นครั้งที่ 3 ระหว่างวันที่ 31 พฤษภาคม ถึง 4 มิถุนายน 2564

โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อสร้างความตระหนักต่อการแก้ไขปัญหาการทำประมงผิดกฎหมาย ขาดการรายงาน และไร้การควบคุม (IUU Fishing) และส่งเสริมการดำเนินนโยบายของประเทศสมาชิกให้สอดคล้องกับกฎหมายและข้อตกลงระหว่างประเทศว่าด้วยมาตรการรัฐเจ้าของท่า (PSMA) เพื่ออนุรักษ์และปกป้องทรัพยากรประมงและมหาสมุทรอย่างยั่งยืน ซึ่งมีนายฉู ดองหยู ผู้อำนวยการใหญ่ของ FAO นายเวอร์จิเนียส ซิงคาวิสเซียส กรรมาธิการสหภาพยุโรปด้านสิ่งแวดล้อม มหาสมุทรและประมง และ นางแอ๊กเนส คาลิบาต้า ทูตพิเศษเลขาธิการสหประชาชาติด้านระบบอาหารโลก ร่วมกล่าวเปิดการประชุมในวันที่ 31 พฤษภาคมนี้ และในวันที่ 5 มิถุนายน ของทุกปี FAO

นอกจากนี้ ประเทศต่าง ๆ ทั่วโลก จะร่วมกันจัดกิจกรรมวันต่อต้านการทำประมงผิดกฎหมาย (International Day for the Fight against IUU Fishing) เพื่อสร้างความตระหนักและการมีส่วนร่วมของประเทศสมาชิกและผู้มีส่วนเกี่ยวข้องด้านการประมงให้ความสำคัญในการแก้ไขปัญหาการทำประมงผิดกฎหมาย IUU Fishing อย่างยั่งยืน

ทั้งนี้ FAO ได้เชิญรัฐมนตรีจาก 6 ประเทศ ได้แก่ แคนาดา สาธารณรัฐฟิจิ สาธารณรัฐโมซัมบิก สาธารณรัฐเปรู สเปน และประเทศไทย ขึ้นกล่าวสุนทรพจน์ และแถลงผลงานความสำเร็จในระดับประเทศในการแก้ไขปัญหาการทำประมงผิดกฎหมาย (IUU Fishing) ซึ่งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ของไทย เป็นรัฐมนตรีจากประเทศสมาชิกในภูมิภาคเอเชียเพียงประเทศเดียวที่ได้รับเชิญให้เข้าร่วมกล่าวสุนทรพจน์ในการประชุมที่สำคัญระดับโลกในครั้งนี้


แหล่งรวม "บทความและคอนเทนต์แปลกใหม่!!!" แบบไร้ Toxic ติดตามได้ที่ THE STATES TIMES Blockdit

LINK : https://www.blockdit.com/pages/60583e7ff90e240c3e7f1c32


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top