Friday, 4 July 2025
Hard News Team

Click on Clear เที่ยงตรง ประจำวันที่ 30 มิถุนายน 2564

Click on Clear เที่ยงตรง ประจำวันที่ 30 มิถุนายน 2564 ประเด็น การจัดเก็บและการขนส่งวัคซีน ระบบ Cold Chain ในไทย จากกรณีวัคซีนซิโนแวคเป็นเจล

สัมภาษณ์สด คุณธนานันต์ สุวรรณโพธื์รุ่ง ผจก.ทั่วไป บจก.ธนวรรณ เครื่องเย็น ผู้ผลิตตู้แช่วัคซีน  Meditechcenter

.

.


โปรเด็ด! เทหมดตัว มาสด้า 2 และ นิสสันอัลเมร่า ทักเลย! ตอบไว! แอดเลย @TheShopsTimes 
คลิก????https://lin.ee/vfTXud9

อารยะขัดขืน! ผู้ประกอบการร้านอาหาร ผุดแคมเปญ #กูจะเปิดมึงจะทำไม ต่อต้านมาตรการห้ามนั่งกินที่ร้าน พร้อมเชิญชวนให้มาร่วมลงชื่อ

จากกรณีราชกิจจานุเบกษา ได้ออกประกาศล็อกดาวน์กรุงเทพฯ และปริมณฑล รวมถึงพื้นที่ชายแดนภาคใต้ ปิดไม่ให้นั่งทานอาหารในร้าน ล็อกแคมป์คนงานเป็นเวลากว่า 1 เดือน

ทำให้โลกออนไลน์ออกมาวิพากษ์วิจารณ์การออกประกาศดังกล่าว เนื่องจากก่อนหน้านี้ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ออกมาบอกว่าจะไม่มีการล็อกดาวน์ ทำให้เกิดความเสียหายต่อสินค้าที่สั่งไว้จำนวนมาก เนื่องจากเพิ่งได้ขยายเวลาเปิดร้านอาหารถึงเวลา 23.00 น. ได้เพียง 1 สัปดาห์เท่านั้น

ล่าสุดในโลกออนไลน์ มีการผุดแคมเปญใหม่ #กูจะเปิดมึงจะทำไม จากกลุ่มผู้ประกอบการร้านอาหาร ที่เรียกร้องให้บรรดาร้านอาหารแสดงอารยะขัดขืนต่อมาตรการดังกล่าว

ทั้งนี้ มีผู้ใช้เฟซบุ๊กรายหนึ่ง โพสต์ข้อความระบุว่า ร้านไหนอยากร่วมแคมเปญ #กูจะเปิดมึงจะทำไม มาค่ะ จะร้านกาแฟ ร้านอาหาร ร้านลาบ ร้านคราฟท์เบียร์ ร้านเหล้า ลงชื่อกันไว้ก่อนได้เลยค่ะ

ใจความระบุว่า เราจะชวนคุณเปิดขายอาหาร+เครื่องดื่มกลับบ้าน และจัด event เปิดเวทีปราศรัย เล่นดนตรี unplugged ในร้าน ให้เข้าฟังร้านละ 20 คน จัดทีละเขต (ถ้าดูในฟอร์มจะเห็นว่าเราให้ระบุพื้นที่ สน.ไว้) เขตละ 5-10 ร้านในวันเดียวกัน ใครใคร่ไปร้านไหนไป แล้วก็เปลี่ยนไปจัดเขตอื่นต่อ ไอเดียมาจากงานคืนกลางคืน ของศิลปิน ปชต. กับร้าน Junk House Music Bar

กิจกรรมระยะสอง : Open!

ส่งเสียงขนาดนี้แล้วไม่ฟัง เราก็อย่าฟังมัน

เปิดร้านค่ะ เปิดให้นั่ง ขายเหล้าเบียร์ เล่นดนตรีสด แบบมีมาตรการ รักษาระยะห่าง ไม่ต้องประชาสัมพันธ์ ไม่ต้องเอิกเกริก แต่เปิดโอกาสให้ลูกค้าประจำและเพื่อนฝูงได้มาสนับสนุนคุณ ถ้ามีการมาจับกุม เราก็รวมพลังกันด่าและสู้ ถึงตอนนั้น เครือข่ายเราก็จะแข็งแรงแล้ว

กิจกรรมระยะสาม : Market Place + Mob

ถ้าทำขนาดนี้แล้วยังไม่เกิดอะไร ลงถนนกันเถอะ

ออกร้านขายอาหารบนถนนกันค่ะ เปิดลานเบียร์ ตั้งเวทีเล่นดนตรี แล้วก็ปราศรัยใหญ่ด่าพวกมัน เชื่อว่าคนเอาแน่ ลูกค้าคุณจะตามมาซื้อ มวลชนจะมากินมา support แน่ ๆ

เริ่มต้นจากการกรอกฟอร์มค่ะ ย้ำอีกที

ทั้งหมดนี้เป็นไอเดียเบื้องต้นจากการปรึกษาหลาย ๆ คนนะคะ ซึ่งเราเข้าใจค่ะว่ามันมีความเสี่ยงหลายอย่าง แต่จุดนี้ถ้าจะสร้างเครือข่ายและเกราะป้องกันช่วยเหลือกัน คุณต้องแสดงความกล้าหาญและประกาศตัวแล้วล่ะ

นั่นแหละ เริ่มจากการกรอกฟอร์ม หรือไปชวนร้านโปรดของคุณให้มาลงชื่อกัน

ทั้งนี้ จากการตรวจสอบ ยังพบว่า แฮชแท็ก #กูจะเปิดมึงจะทำไม ยังติดเทรนด์ทวิตเตอร์ อันดับ 1 ของประเทศไทย ในวันที่ 30 มิถุนายน อีกด้วย

 

ที่มา : https://www.khaosod.co.th/covid-19/news_6481398


โปรเด็ด! เทหมดตัว มาสด้า 2 และ นิสสันอัลเมร่า ทักเลย! ตอบไว! แอดเลย @TheShopsTimes

คลิก????https://lin.ee/vfTXud9

“กห.จับมือ กษ.” ช่วยเกษตรกรรับซื้อและกระจายสินค้าการเกษตร 42 พื้นที่ทั่วประเทศ 

พล.ท.คงชีพ ตันตระวาณิชย์ โฆษกกระทรวงกลาโหม เปิดเผยว่า พล.อ.ณัฐ อินทรเจริญ ปลัดกระทรวงกลาโหม (กห.) และ นาย ทองเปลว กองจันทร์ ปลัดกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ (กษ.)ได้เป็นผู้แทนระหว่างกระทรวง กห.และ กษ. ลงนามบันทึกข้อตกลงความร่วมมือการรับซื้อผลผลิตทางการเกษตรและการสนับสนุนพื้นที่จำหน่ายและกระจายผลผลิตทางการเกษตร

บันทึกข้อตกลงดังกล่าว เป็นการยืนยันความร่วมมือของทั้งสองกระทรวงในการรับซื้อผลผลิตทางการเกษตรและสนับสนุนพื้นที่จำหน่ายและกระจายผลผลิตการเกษตร เช่น ผลผลิตทางปศุสัตว์ การประมง ผักผลไม้ตามฤดูกาล ผลิตภัณฑ์นม ไข่ สินค้าเกษตรอินทรีย์ และผลผลิตทางการเกษตรที่สำคัญอื่น ๆ เป็นต้น 

โดย กระทรวงเกษตรฯ จะดำเนินการจัดการผลผลิตทางการเกษตรให้เป็นไปตามกลไกลทางการตลาดเป็นลำดับแรก เมื่อผลผลิตทางการเกษตรล้นตลาดและมีราคาตกต่ำ กระทรวงกลาโหมโดยทุกเหล่าทัพพร้อมให้การสนับสนุนการรับซื้อผลผลิตทางการเกษตรกระจายให้กับหน่วยทหารทั่วประเทศ รวมทั้งสนับสนุนพื้นที่จำหน่าย กระจายสินค้าการเกษตรให้กับประชาชนในชุมชนต่าง ๆ รอบหน่วยทหารทุกเหล่าทัพ จำนวน 42 พื้นที่ 26 จว.ทั่วประเทศ  โดยในขั้นต้นจะเร่งดำเนินการในพื้นที่นำร่องกระจายผลผลิตทางการเกษตรใน 6 พื้นที่ ได้แก่ จังหวัดเชียงใหม่, เชียงราย, นครสวรรค์, สุราษฎร์ธานี, กระบี่ และสงขลา

โฆษกกระทรวงกลาโหม กล่าวอีกว่า ที่ผ่านมากระทรวงกลาโหม โดยทุกเหล่าทัพได้สนับสนุน กระทรวงเกษตรฯ รับซื้อสินค้าการเกษตรและสนับสนุนพื้นที่จำหน่ายและกระจายผลผลิตการเกษตร ช่วยเหลือเกษตรกรอย่างต่อเนื่องที่ผ่านมา ทั้งนี้การลงนามบันทึกข้อตกลงความร่วมมือดังกล่าว จะสามารถสนับสนุนและช่วยเหลือเกษตร ลดค่าขนส่งและกระจายสินค้าการเกษตรได้เร็วขึ้น ในราคาที่เป็นธรรมกับทั้งเกษตรกรและประชาชน เพื่อบรรเทาผลกระทบ กรณีผลผลิตทางการเกษตรล้นตลาด และมีราคาตกต่ำ อันเนื่องมาจากสถานการณ์ต่างๆตามนโยบายของรัฐบาลที่เป็นรูปธรรม
 

"แรมโบ้" ซัด "พี่โทนี่" คนไทยไม่ชอบผู้นำพูดมาก-พูดเก่ง-ขี้โกง อย่ามาทำตัวด้อยค่าคนอื่น

ที่ทำเนียบรัฐบาล นายเสกสกล อัตถาวงศ์ ผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำนายกรัฐมนตรี กล่าวถึงกรณีนายโทนี่ วู้ดซัม หรือ นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี  ร่วมสนทนาในรายการ CARE ClubHouse x CARE Talk วิพากษ์วิจารณ์การออกประกาศของ ศบค.เพื่อยับยั้งการแพร่ระบาดเชื้อโควิด-19 และการบริหารจัดการวัคซีน ว่า การออกประกาศนั้นเพราะอยากให้สถานการณ์การแพร่ระบาดเชื้อโควิดคลี่คลายลง เนื่องจากทั้งการรับประทานอาหารในร้านนั้นเสี่ยงต่อการติดเชื้อ ส่วนแคมป์คนงาน เป็นที่ที่มีการแพร่ระบาดต่อเนื่อง ทั้งนี้มีระยะเวลา 1 เดือน และตลอดทั้งเดือนภาครัฐได้มีการเยียวยา บรรเทาความเดือดร้อนให้กับประชาชนด้วย 

ส่วนการบริหารจัดการวัคซีนนายกฯ รัฐบาล บุคลากรทางการแพทย์ ร่วมมือกันทำงานอย่างหนักในการจัดหาวัคซีน และนำมาฉีดให้กับประชาชนให้ได้มากที่สุด ซึ่งขณะนี้มีวัคซีนทยอยเข้ามาอย่างต่อเนื่อง และยังมีวัคซีนยี่ห้ออื่นๆอีกที่ อย.ได้อนุมัติ และมียี่ห้อที่รอขึ้นทะเบียนเพื่อเป็นทางเลือกให้กับประชาชน ยืนยันว่าทุกอย่างจะเป็นไปตามแผนที่รัฐบาลได้วางเอาไว้อย่างแน่นอน 

"นายโทนี่ไม่ต้องทำเป็นห่วงคนไทย ทั้งที่ตัวเองหนีคดีไปอยู่ต่างประเทศ สุขสบาย การที่นายโทนี่อยากจะอาสาจัดหาวัคซีนให้กับประเทศไทย แต่ตนเองมองว่านายโทนี่คงไม่ได้เป็นห่วงจริง เป็นคำพูดเพื่อตัวเองดูดีว่าห่วงใยคนไทย แท้ที่จริงไม่ใช่เช่นนั้น ถ้าห่วงจริงทำไมจึงโดนคดีทุจริตมากมาย อีกทั้งคงไม่มีความจำเป็นที่จะมาช่วยเพราะนายกฯ รัฐบาล สามารถบริหารจัดการเองได้ และถ้านายโทนี่ เก่งกาจ มีความสามารถจริง ก็คงไม่ต้องระเห็ด หนีหัวซุกหัวซุนไปต่างประเทศ แล้วไม่ต้องมาอ้างว่าถูกกลั่นแกล้งหรือกล่าวหากระบวนการยุติธรรม เพราะสิ่งที่เกิดขึ้นนายโทนี่ทำเองทั้งนั้น แค่ให้กลับมาสู้คดีในแผ่นดินเกิดตัวเองยังไม่กล้า นับประสาอะไรจะกล้าอาสามาช่วยโน่นช่วยนี่ ชนักเต็มหลังซะขนาดนั้น

นายเสกสกล กล่าวว่า เข้าใจว่านายโทนี่เป็นนักโทษหนีคดี สถานะคงจะทำอะไรเช่นนี้ไม่ได้ ซึ่งหากอยากจะช่วยประเทศไทย ขอให้ช่วยเคลียร์ตัวเองก่อน กลับมารับโทษที่ประเทศไทย จะสง่างามมากกว่าอยู่ต่างประเทศแล้วออกมาพูดเลอะเทอะ บิดเบือน  ทำให้คนไทยเกิดความสับสน เข้าใจผิด สิ่งที่นายโทนี่จะช่วยประเทศไทยและคนไทยดีกว่าวัคซีน คือหยุดพูดหยุดโจมตีป้ายสีคนอื่น นั่นคือวัคซีนที่ดีที่สุด ที่นายโทนี่ ควรจัดหามาให้

"การพูดให้ดูดีแต่เที่ยวไปด้อยค่าคนอื่น ไม่ใช่วิสัยของผู้นำที่ดี คนไทยสาปแช่งผู้นำที่ดีแต่พูดและคิดแต่โกงกินมากที่สุด ตรงข้ามคนไทยส่วนใหญ่จะชอบผู้นำที่ใจซื่อมือสะอาดไม่คิดโกงบ้านกินเมือง และไม่ต้องเป็นคนพูดเก่งพูดมากและบิดเบือนข้อมมูลให้ประชาชนสับสนเกิดความแตกแยก คนไทยส่วนใหญ่คิดเช่นนั้นหวังว่านายโทนี่คงเข้าใจ" นายเสกสกล กล่าว

“รองประธานสภาฯ” มั่นใจเดินหน้าประชุมสภาฯ ไม่เป็นคลัสเตอร์ใหม่ เห็นใจพ่อค้าแม่ค้าบ่นอุบขายลำบาก หลังสภาฯเพิ่มมาตรการเข้ม ย้ำ การ์ดต้องไม่ตก หวังส.ส.มาทำหน้าที่

ที่รัฐสภา นายศุภชัย โพธิ์สุ รองประธานสภาผู้แทนราษฎร คนที่ 2 ลงมาตรวจพื้นที่ห้องอาหาร บริเวณชั้น 1  ภายในอาคารรัฐสภาฝั่ง ส.ส. หลังจากทราบว่ามีแม่ค้าขายอาหารติดโควิด-19 ทั้งนี้ นายศุภชัย กล่าวภายหลังได้พูดคุยกับพ่อค้าแม่ค้าที่ขายอาหาร ว่า ทุกคนบ่นว่าค้าขายลำบากขึ้น เนื่องจากมาตรการของทางสภาฯมีความเข้มข้น และยังมีแม่ค้าบางคนที่ติดเชื้อโควิด-19 ทำให้หลายร้านต้องถูกปิดไปก่อน 

อย่างไรก็ตาม นายชวน หลีกภัย ประธานสภาฯ ต้องการให้การประชุมสามารถเดินหน้าไปได้ พร้อมกับมีมาตรการที่เข้มงวด เพราะหากมี ส.ส.ติดเชื้อโควิด-19 และกลายเป็นคลัสเตอร์ใหม่ก็จะเสียหายพอสมควร ทางสภาฯจึงต้องเข้มงวดทุกด้าน ตนเข้าใจเจตนาของประธานสภาฯ โดยท่านมองว่าสภาฯ ยังสามารถควบคุมและกำกับได้ โดยที่การ์ดต้องไม่ตก จึงอยากให้เข้าใจว่าเราทำงานเพื่อประชาชน และผลประโยชน์ของประเทศเป็นหลัก

เมื่อถามว่า มั่นใจหรือไม่ว่าสภาฯจะไม่เป็นคลัสเตอร์ใหม่ นายศุภชัย กล่าวว่า ยังมั่นใจ เพราะก่อนหน้านี้ที่มีส.ว.ติดโควิด 1 ท่าน ก็ติดมาจากข้างนอก และท่านไม่ได้เข้าร่วมประชุมรัฐสภาครั้งที่ผ่านมา ส่วนคนที่เป็นกลุ่มเสี่ยงก็ได้รับการตรวจหาเชื้อ และกักตัวเรียบร้อยแล้ว

เมื่อถามว่า หากการประชุมสภาฯวันนี้องค์ประชุมล่มจะดำเนินการอย่างไร นายศุภชัย กล่าวว่า เป็นดุลยพินิจของประธานสภาฯ หากเปิดประชุมไปแล้ว 30 นาที องค์ประชุมไม่ครบก็ต้องเลื่อนการประชุมออกไป ซึ่งเราเข้าใจกัน และไม่โทษกัน รวมทั้งไม่โทษประธานสภาฯ แต่เราจะยึดตามสถานการณ์ และหวังว่าส.ส.จะมาปฏิบัติหน้าที่กัน ทั้งนี้ เราเสี่ยงกันทุกคนไม่ว่าจะอยู่ที่ไหน สิ่งสำคัญเราต้องการ์ดไม่ตก

“บิ๊กตู่” พอใจผลดำเนินนโยบายเกษตรแปลงใหญ่ ปฏิรูปการเกษตรไทย “สั่ง” เร่งโครงการเกษตรสมัยใหม่ ให้ทันกรอบเวลา

น.ส.ไตรศุลี ไตรสรณกุล รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและ รมว.กลาโหม พอใจผลการดำเนินงานตามนโยบายเกษตรแปลงใหญ่ เพื่อส่งเสริมการรวมกลุ่มเกษตรกร สร้างความเข้มแข็งและพัฒนาเครือข่ายความร่วมมือระหว่างกลุ่มเกษตรกร วิสาหกิจชุมชน และสหกรณ์ รวมถึงเชื่อมโยงไปถึงผู้ประกอบการภาคเอกชนและหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ให้เกษตรกรสามารถลดต้นทุนการผลิต มีผลผลิตต่อหน่วยเพิ่มขึ้น ผลผลิตมีคุณภาพได้มาตรฐาน และสอดคล้องกับความต้องการของตลาด ภายใต้การบูรณาการของหน่วยงานภาครัฐและเอกชน

“โดยผลงานการดำเนินงาน ได้รับความสนใจจากเกษตรกรเป็นอย่างดี ปี 2559 มีเกษตรกรเข้าร่วม จำนวน 591 แปลง 80,656 ราย 1,249,613 ไร่ , ปี 2560 จำนวน 1,722 แปลง 124,085 ราย 1,638,592 ไร่ , ปี 2561 จำนวน 1,640 แปลง 91,741 ราย 1,220,906 ไร่ , ปี 2562 จำนวน 1,579 แปลง 78,927 ราย พื้นที่ 1,055,194. ไร่ , ปี 2563 จำนวน 1,366 แปลง 64,346 ราย พื้นที่  756,132 ไร่”น.ส.ไตรศุลี กล่าว

น.ส.ไตรศุลี กล่าวว่า ปัจจุบันรัฐบาลมีโครงการยกระดับเกษตรแปลงใหญ่ด้วยเกษตรสมัยใหม่และเชื่อมโยงตลาด เพื่อให้เงินสนับสนุนในการซื้อเครื่องมือและอุปกรณ์รวมทั้งวัสดุทางการเกษตรแก่เกษตรกรกลุ่มเป้าหมายจำนวน 5,250 แปลง ครอบคลุมเกษตรกร 262,500 ราย พื้นที่ 5,003,250 ไร่ โดยขณะนี้มีเกษตรกรเข้าร่วมโครงการแล้วทั้งสิ้น 3,501 แปลง นายกรัฐมนตรี จึงกำชับให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ โดยกรมส่งเสริมการเกษตร เร่งรัด ติดตาม กำกับการดำเนินงานโครงการฯให้ทันตามกรอบเวลา เพื่อให้เกษตรกรมีการนำเทคโนโลยีและนวัตกรรมที่มีความหลากหลายมาประยุกต์ใช้ในการพัฒนาศักยภาพความเข้มแข็งในการบริหารจัดการแปลงใหญ่

น.ส.ไตรศุลี กล่าวว่า นโยบายเกษตรแปลงใหญ่ เป็นการปฏิรูปภาคการเกษตร ให้เกษตรกรไทยมีชีวิตความเป็นอยู่ที่ดีขึ้น โดยเปลี่ยนจากการเกษตรแบบเดิมที่ต่างคนต่างทำ เป็นการรวมกลุ่มกันคิด เพื่อผลิตตามความต้องการของตลาด มีการสร้างเครือข่ายบริหารจัดการร่วมกัน โดยมีภาครัฐให้การสนับสนุน ทั้งนี้ การรวมกลุ่มเป็นเกษตรแปลงใหญ่นั้น ยังช่วยให้ลดต้นทุนการผลิต เกษตรกรมีอำนาจในการต่อรองมากขึ้น สร้างความเข้มแข็งและพัฒนาเครือข่ายความร่วมมือระหว่างกลุ่มเกษตรกรวิสาหกิจชุมชน และสหกรณ์ ได้เป็นอย่างดี

"เต้" ไล่ "บิ๊กตู่" อยู่บ้านเถอะ เชียร์ "จุรินทร์" นั่งรักษาการนายกฯ คุมงานแทน พูดช้าแต่ชัวร์ ดีกว่าพูดไวแล้วพลาด ส่วน "หมอหนู" ให้เป็นที่ปรึกษา

ที่รัฐสภา นายมงคลกิตติ์ สุขสินธารานนท์ ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคไทยศิวิไลซ์ กล่าวถึงกรณีที่พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีประกาศสั่งปิดแคมป์คนงานก่อสร้างเมื่อวันที่ 27 มิ.ย. ที่ผ่านมา ว่า การสั่งปิดมีผลให้แคมป์คนงานกว่า 400 แคมป์กระจายไปยังต่างจังหวัดทั้งหมด จะเห็นได้ว่าเมื่อวันเสาร์อาทิตย์ที่ผ่านมา มีแรงงานเดินทางออกต่างจังหวัดโดยเฉพาะภาคอีสานเป็นจำนวนมาก การดำเนินงานของพล.อ.ประยุทธ์อาจเป็นความหวังดีก็จริง แต่ความจริงแล้วเป็นความหวังร้าย เพราะเราสามารถส่งเจ้าหน้าที่สาธารณสุขเข้าไปตรวจเชิงรุกในแต่ละแคมป์ได้ โดยที่ยังไม่ต้องประกาศปิดแคมป์ 

ซึ่งบางคนที่กลับต่างจังหวัดไปอาจเป็นผู้ติดเชื้อหรือเป็นผู้ติดเชื้อที่ยังไม่แสดงอาการ เมื่อกลับไปอยู่กับครอบครัวก็อาจจะทำให้ผู้ติดเชื้อเพิ่มขึ้น ดังนั้น การดำเนินการของพล.อ.ประยุทธ์อาจเป็นความหวังดี แต่คิดไม่รอบคอบไม่รอบด้าน เพราะหากพล.อ.ประยุทธ์ตัดสินใจถูก ครม.จะมีมติยกเลิกวันหยุดต่อเนื่องกันในวันที่ 27 ก.ค.ทำไม การตัดสินใจผิดพลาดครั้งนี้จะส่งผลในอีก 14-20 วันข้างหน้า เราจะเห็นตัวเลขผู้ติดเชื้อที่ต่างจังหวัดจะเพิ่มขึ้น

“หากเรามีผู้นำประเทศที่ฉลาดและตัดสินใจรอบคอบปัญหาจะเกิดขึ้นน้อยลง แต่หากเรามีผู้นำประเทศที่มีพื้นที่ความฉลาดน้อยแต่ขยันก็จะทำให้ประเทศชาติและประชาชนฉิบหาย เหมือนยามรบทัพจับศึก มีแม่ทัพเป็นบ้า ก็จะให้รองแม่ทัพจับและสั่งตัดหัว เพราะจะได้ไม่เสียหายและไม่กระทบต่อภาพรวม” นายมงคลกิตติ์ กล่าว

นายมงคลกิตติ์ กล่าวต่อว่า ดังนั้น จึงขอเสนอให้นายกรัฐมนตรีพักอยู่ที่บ้านไม่ต้องสั่งการอะไร และให้รองนายกเป็นผู้สั่งการแทน โดยมอบหมายให้นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ รองนายกรัฐมนตรีและรมว.พาณิชย์ เป็นรักษาการแทนนายกรัฐมนตรีก็ได้ เพราะเป็นผู้ที่พูดน้อย ไม่พูดเร็ว สุขุม ไตร่ตรองคิดก่อนพูด ส่วนนายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและรมว.สาธารณสุข ทำงานมา 16 เดือน เหนื่อยแล้วให้มาเป็นที่ปรึกษานายจุรินทร์ก็ได้ และให้พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี ดูแลกระทรวงกลาโหมและแนวตะเข็บชายแดนแทน

“บิ๊กตู่” ยกเลิกหยุดยาว หวั่นคน แห่กลับบ้านซ้ำรอยสงกรานต์ เร่งหาแนวทางช่วยเหลือคนกลางคืน ลั่น จะพูดน้อยลง พร้อมเล็งเชิญนักวอลเลย์ฯ มาพบที่ทำเนียบฯ  ด้าน “สุพัฒนพงษ์” แจงความพร้อม “ภูเก็ตแซนด์บ็อก” ดีถึงดีมาก

ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) ผ่านระบบวิดีโอคอนเฟอเรนซ์ แม้ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรมว.กลาโหม จะถูกโซเชียลมีเดียรุมถล่มจากเรื่องบริหารจัดการแก้ไขโควิด-19 แต่ไม่ได้มีสีหน้าเคร่งเครียดแต่อย่างใด ในช่วงต้นการประชุม พล.อ.ประยุทธ์ ได้แจ้งเรื่องที่ได้ไทยได้อันดับ 1 ของอาเซียน 3 ปีซ้อน ในเรื่องการพัฒนาที่ยั่งยืน และพูดตอนหนึ่งว่าอยากให้นำหลักปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียงมาปรับใช้ เพราะเหมาะสมกับช่วงเวลานี้ 

จากนั้นเมื่อเข้าสู่วาระการประชุม นายวิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรี ได้กางปฏิทินวันหยุดประจำปี ซึ่งเดิมครม. เคยกำหนดให้วันอังคารที่ 27 ก.ค.2564 เป็นวันหยุดพิเศษต่อเนื่อง เพื่อจะให้หยุดยาวตั้งแต่วันที่ 24-28 ก.ค.พร้อมกับหารือที่ประชุมว่าจะยังให้หยุดยาวหรือให้ยกเลิกไป ซึ่งพล.อ.ประยุทธ์ สนับสนุนให้ยกเลิก เพื่อเป็นการหยุดยั้งการเคลื่อนย้าย เกรงว่าจะซ้ำรอยเทศสงกรานต์ที่มีประชากรกลับภูมิลำเนาจำนวนมาก นอกจากนี้ มีอยู่ช่วงหนึ่งนายกฯ ได้ชื่นชมผลงานของกระทรวงพาณิชย์ ที่พบว่าการส่งออกของไทยเพิ่มขึ้น 41 เปอร์เซ็นต์ ซึ่งสูงสุดในรอบ 11 ปี และภาคเกษตรก็ยังขยายตัว

ในที่ประชุมครม.พล.อ.ประยุทธ์ ได้พูดถึงโควิด-19 สายพันธุ์อินเดีย หรือเดลต้า ว่า ขณะนี้ทั่วโลกกำลังเร่งพัฒนาวัคซีนให้ดียิ่งขึ้นเพื่อให้สามารถป้องกันสายพันธุ์ดังกล่าวได้ และช่วงนี้อยากให้ทุกคนเข้ารับการฉีดวัคซีน เพราะฉีดดีกว่าไม่ฉีด รักษาได้ ไม่เสียชีวิต นอกจากนี้ ยังพูดถึงการช่วยเหลือเยียวยาประชาชนที่ได้รับผลกระทบจากข้อกำหนดฉบับที่ 25 รวมถึงกรณีกลุ่มคนทำงานกลางคืนในสถานบริการ ผับ บาร์ คาราโอเกะ อะโกโก้ อาบ อบ นวด ที่มาทำกิจกรรมนำรองเท้าส้นสูงและชุดบิกินีมาเป็นสัญลักษณ์หน้าทำเนียบฯ  เพื่อร้องเรียนขอให้รัฐบาลช่วยเยียวเดือนละ 5,000 บาทนั้น ว่าเราต้องช่วยเหลือและรับฟังเขา ต้องเข้าใจความเดือดร้อนทุกฝ่าย เดี๋ยวหาแนวทางช่วยเขา ยืนยันว่าจะช่วยเหลือทุกกลุ่ม รวมถึงยังได้ให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องรับไปดูแลว่าธุรกิจขนาดใหญ่ได้รับผลกระทบอย่างไรและจะช่วยเหลืออย่างไร พร้อมกันนี้ ยังกำชับทุกหน่วยงานถึงมาตรการที่ออกมาช่วยเหลือประชาชนว่าอย่าให้เกิดการทุจริต และเวลาแต่งตั้งคณะกรรมการต่างๆ อยากให้แต่งตั้งคนรุ่นใหม่เข้ามาบ้าง ไม่ใช่วนกันไปกันมาอยู่แค่นี้ 

พล.อ.ประยุทธ์ ยังพูดถึงมาตรการปิดแคมป์ที่มีคนบางส่วนออกมาแสดงความเห็นว่าหากปิดแคมป์ 1 เดือน จะทำให้เกิดความเสียหาย 1 หมื่นล้านบาท โดยนายกฯ ได้สั่งให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องทั้งหมดไปตอบชี้แจงเพื่อให้เกิดความเข้าใจ เพราะตนเองพยายามจะพูดให้น้อยๆ ทั้งนี้ ในที่ประชุม ครม. นายสุพัฒนพงษ์ พันธ์มีเชาว์ รองนายกรัฐมนตรี และรมว.พลังงาน ได้รายงานผลการลงพื้นที่ จ.ภูเก็ต เพื่อไปติดตามโครงการภูเก็ตแซนด์บ็อกซ์ เมื่อวันที่ 25 มิ.ย. โดยนายสุพัฒนพงษ์ถึงขั้นยืนยันว่า ทุกอย่างเรียบร้อยดี มีความพร้อมมาก จากการไปตรวจทั้งทางบก น้ำ อากาศ มีความพร้อมทุกด้าน โรงแรมก็ดี มีมาตรฐาน SHA+ ได้รับการยอมรับจากนานาชาติ ทั้งยังได้รับการจัดสรรวัคซีนฉีดให้กับคนในพื้นที่กว่า 50-70% ต้องยอมรับว่าความพร้อมอยู่ในขั้นดีถึงดีมาก เราต้องเปิดประเทศให้สำเร็จจริงๆ ขอบคุณทุกภาคส่วนที่ช่วยกันทำงาน

นอกจากนี้ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.)ผ่านระบบวิดีโอคอนเฟอเรนซ์ ช่วงหนึ่ง พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรมว.กลาโหม ได้ชื่นชมนักกีฬาวอลเลย์บอล ที่เพิ่งแข็งขันรายการเนชั่น ลีกส์ เสร็จสิ้น อยู่ระหว่างการกักตัว โดยบอกว่า หากพ้นการกักตัวแล้ว อยากให้มาพบที่ทำเนียบฯ แม้เราจะแพ้ แต่ก็สามารถชนะบางประเทศได้ เล่นได้ใจประชาชน ต้องให้ความสำคัญ ขณะที่นายพิพัฒน์ รัชกิจประการ รมว.ท่องเที่ยวและกีฬาได้ขานรับคำปรารถดังกล่าว

ครม.ไฟเขียวขยายเวลาสินเชื่อช่วยเอสเอ็มอีถึงสิ้นปี

นายอนุชา บูรพชัยศรี โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า ที่ประชุมครม. เห็นชอบทบทวนมติครม. เพื่อช่วยผู้ประกอบการเอสเอ็มอี ที่ได้รับผลกระทบจากเชื้อไวรัสโควิด-19 ระลอกใหม่ โดยขยายระยะเวลาการดำเนินการโครงการสินเชื่อเพื่อช่วยเหลือผู้ประกอกบการรายย่อยที่ได้รับผลกระทบจากการระบาดของไวรัสโควิด-19 ปรับปรุงการดำเนินโครงการซอฟต์โลน ออมสินฟื้นฟูท่องเที่ยวไทย และโครงการสินเชื่อดอกเบี้ยต่ำเอสเอ็มอี  มีที่มีเงินสำหรับธุรกิจการท่องเที่ยว ทั้งนี้แยกเป็น

1.โครงการสินเชื่อเพื่อช่วยเหลือผู้ประกอบการรายย่อยที่ได้รับผลกระทบจากการระบาดของไวรัสโควิด -19 โดยธนาคารพัฒนาวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อมแห่งประเทศไทย (ธพว.) โดยจะขยายระยะเวลารับคำขอสินเชื่อจากเดิมวันที่ 30 มิ.ย. 64 ออกไปเป็นวันที่ 30 ธ.ค. 64

2. ปรับปรุงโครงการซอฟต์โลน ออมสินฟื้นฟูท่องเที่ยวไทย โดยธนาคารออมสิน ทั้งขยายระยะเวลากู้ จากเดิมไม่เกิน 5 ปี เป็นไม่เกิน 7 ปี ขยายระยะเวลาปลอดชำระเงินต้น จากเดิมสูงสุดไม่เกิน 1 ปี เป็นสูงสุดไม่เกิน 2 ปี และขยายระยะเวลารับคำขอสินเชื่อจากเดิมวันที่ 30 มิ.ย.  64 ออกไปเป็นวันที่ 30 ธ.ค. 64

3. ปรับปรุงโครงการสินเชื่อดอกเบี้ยต่ำเอสเอ็มอี สำหรับธุรกิจการท่องเที่ยว โดยธนาคารออมสิน ทั้งขยายกลุ่มเป้าหมายโครงการฯ ครอบคลุมผู้ประกอบการเอสเอ็มอี ในภาคธุรกิจที่ได้รับผลกระทบโดยตรงจากการโควิด ระลอกใหม่ เช่น ธุรกิจร้านอาหารและเครื่องดื่ม ธุรกิจการเดินทางและขนส่ง ธุรกิจค้าส่ง ค้าปลีก ธุรกิจบันเทิง ธุรกิจสปาและนวดแผนไทย ธุรกิจการเดินทางและขนส่ง ธุรกิจโรงเรียนเอกชน หรือผู้ประกอบการในธุรกิจที่ได้รับผลกระทบจากการแพร่ระบาด ตามที่ธนาคารออมสินเห็นสมควร 

พร้อมทั้งปรับปรุงหลักเกณฑ์วงเงินสินเชื่อต่อรายกรณีผู้กู้เป็นนิติบุคคล จากเดิมพิจารณารายได้รวมของงบการเงินปีล่าสุด (รอบบัญชีปี 62) เป็นพิจารณารายได้รวมของงบการเงินปีล่าสุด (รอบบัญชีปี 62 หรือปี 63 แล้วแต่กรณีใดสูงกว่า) เพื่อให้เกิดประโยชน์สูงสุดและสะท้อนความต้องการที่แท้จริงของเอสเอ็มอี 

พร้อมปรับปรุงการพิจารณาหลักประกันการกู้เงินจากเดิมไม่รับหลักประกันที่ไม่มีสภาพคล่อง เช่น ที่ดินที่ไม่มีทางเข้า-ออก ที่ดินที่มีบ่อน้ำ หรือถูกขุดหน้าดิน ที่ดินใต้แนวเสาไฟฟ้าแรงสูง ที่ดินที่อยู่ในเขตป่าสงวน เป็นต้น เป็นไม่รับหลักประกันที่ไม่มีสภาพคล่องตามที่ธนาคารออกสินกำหนด เพื่อให้เกิดความคล่องตัวในการพิจารณาอนุมัติสินเชื่อเพื่อช่วยเหลือเอสเอ็มอี และขยายระยะเวลารับคำขอสินเชื่อจากเดิมวันที่ 30 มิ.ย.64 ออกไปเป็นวันที่ 30 ธ.ค. 64

เปิดผลกระทบโควิดทำแรงงานท่องเที่ยวตกงาน 2 ล้านคน

น.ส.ผกากรอง เทพรักษ์ อาจารย์คณะศิลปศาสตร์ มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลศรีวิชัย เปิดเผยว่า ผลกระทบจากการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 ระลอก 3 ทำให้ธุรกิจในภาคอุตสาหกรรมท่องเที่ยวมีการเปิดบริการปกติเพียง 50% เท่านั้น โดยมีปิดกิจการชั่วคราว 35% เพิ่มขึ้นจากการระบาดในระลอกก่อน 22% และในจำนวนนี้มีกลุ่มที่ปิดกิจการถาวรถึง 4% เพิ่มขึ้นจากการระบาดในระลอกก่อน 1% โดยกิจการที่ปิดกิจการถาวรมากที่สุด คือ ร้านขายของที่ระลึก รองลงมาคือ สปา นวดแผนไทย, สถานบันเทิง และโรงแรม 

ทั้งนี้จากการสำรวจสถานภาพการประกอบกิจการ พบว่า ในไตรมาสที่ 2 ปีนี้ แม้ว่าในภาพรวมธุรกิจต่าง ๆ จะเปิดบริการได้ 50% โดยเฉพาะบริการขนส่ง ซึ่งมีการเปิดบริการมากถึง 85% แต่ก็ไม่มีคนเข้าไปใช้ หรือเข้าไปใช้น้อยมาก ขณะที่การปิดกิจการชั่วคราวนั้น จากการสำรวจพบว่าธุรกิจประเภทต่าง ๆ มีสัดส่วนการปิดกิจการชั่วคราวเพิ่มขึ้นเกือบทุกประเภท ด้านสถานบันเทิงในช่วงของการสำรวจเป็นช่วงที่มีการปิดกิจการชั่วคราวค่อนข้างมาก โดยมีการเปิดบริการปกติเพียงแค่ 3% เท่านั้น ทำให้ผู้ประกอบธุรกิจสถานบันเทิงบางส่วนหันไปทำอาชีพอย่างอื่นแทน 

ส่วนรายได้ของธุรกิจนั้น พบว่ากว่า 75% มีรายได้ไม่เกิน 10% อีกทั้งสถานประกอบการ 68% มีจำนวนพนักงานเหลืออยู่ไม่ถึงครึ่ง ส่วนเงินเดือนและการจ่ายค่าจ้างปรับลดลงเหลือ 65% จากไตรมาสก่อนที่ได้ 70% โดย 60% ของสถานประกอบการท่องเที่ยวที่ยังเปิดอยู่จ่ายเงินเดือนหรือค่าจ้างแก่พนักงานไม่เกิน 50% จากที่เคยจ่าย ซึ่งสถานประกอบการที่ยังเปิดบริการในไตรมาสนี้ 74% มีทุนสำรองให้ใช้ได้อีกไม่เกิน 6 เดือน สะท้อนให้ในเห็นว่า หากสถานการณ์ทางเศรษฐกิจยังไม่ดีขึ้น คาดว่าอีก 6 เดือนข้างหน้า จะมีสถานประกอบการเหลือรอดอยู่เพียงประมาณ 13% ของทั้งประเทศเท่านั้น

“หากดูภาวการณ์จ้างงานโดยเฉลี่ยของไตรมาสที่ 2 เมื่อเทียบกับไตรมาสแรก ก็ปรับลดลงโดยจำนวนพนักงานลดลงจาก 52% เหลือ 51% หมายความว่า ในระบบแรงงานที่เกี่ยวข้องกับอุตสาหกรรมการท่องเที่ยว ซึ่งมีแรงงานอยู่ 4.2 ล้านคน ตอนนี้ถูกให้ออกจากงานไป 49% หรือประมาณ 2 ล้านคนแล้ว ส่วนการสำรวจดัชนีความเชื่อมั่นผู้ประกอบการธุรกิจการท่องเที่ยวไตรมาสที่ 2 ปี 64 อยู่ที่ระดับ 11 ถือว่าอยู่ในระดับที่ต่ำกว่าปกติมากที่สุด และต่ำกว่าไตรมาสที่ผ่านมาในระดับมาก แต่คาดว่าจะปรับเพิ่มขึ้นมาอยู่ระดับ 33 ในไตรมาสที่ 3” 


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top