Tuesday, 1 July 2025
Hard News Team

บิ๊กแมทซ์อีกครั้ง! อิตาลีดวลแข้งเบลเยี่ยม สูสีกว่านี้ไม่มีอีกแล้ว!

#เก็บตกยูโร2020 ⚽

คืนนี้มีบิ๊กแมทซ์อีกครั้ง เมื่อเต็ง 3 อย่างอิตาลี จะลงดวลแข้งกับทีมเต็ง 4 อย่างเบลเยี่ยม งานนี้บอกเลยว่า สูสีกว่านี้ไม่มีอีกแล้ว!

ลองเทียบสถิติของทั้งสองทีมตลอด 4 นัดในยูโรที่ผ่านมา ถือว่ายอดเยี่ยมกระเทียมเจียวด้วยกันทั้งคู่ คือชนะรวดทั้ง 4 แมทซ์ เบลเยี่ยมอาจดูดีกว่านิด ๆ ตรงชนะในเวลา 90 นาทีทั้ง 4 นัด (อิตาลีผ่านออสเตรียในรอบ 16 ทีม ด้วยการชนะในช่วงต่อเวลา 120 นาที)

แต่ถึงตรงนี้ ดูตามหน้าเสื่อ อิตาลีเป็นต่อนิด ๆ นะครับ ด้วยฟอร์มการเล่นที่ดุดัน รับแน่น เสียยาก และมีเกมบุกที่หวังผลได้ แต่ทั้งนี้ทั้งนั้น หากอยากจะผ่านเบลเยี่ยมไปให้ได้ ก็ต้องหยุดเกมบุกคุณภาพของเบลเยี่ยมให้ได้ซะก่อน

เบลเยี่ยมผ่านมาถึงรอบนี้ ซัดไป 8 ประตู ซึ่ง 3 ใน 8 เป็นผลงานของ พี่ตู้-โรเมลู ลูกากู ยอดกองหน้าของทีมนั่นเอง

ลูกากู จัดว่าทำผลงานในยูโรครั้งนี้ได้ไฉไลอยู่นะครับ ลงไปทั้งหมด 4 นัด มีความพยายามในการทำประตู 9 ครั้ง ยิงตรงกรอบ 4 ครั้ง และเปลี่ยนเป็นประตูได้ถึง 3 ประตู ซึ่งใน 3 ประตูที่ว่านี้ เป็นการยิงจากเท้าซ้าย 1 ลูก และจากเท้าขวาข้างไม่ถนัดอีก 2 ลูก

จัดว่าไม่ธรรมดา ซึ่งบรรดากองหลังอิตาลีนั้นรู้ดี เพราะต้องไม่ลืมว่า พี่ตู้นั้นเล่นอยู่ในกัลโช่ เซเรียอา หรือลีกอิตาลี มากว่า 2 ปี ลงไป 72 นัด ยิงไป 47 ประตู แถมฤดูกาลล่าสุดยังเป็นดาวซัลโวประจำลีกซะอีก ยิงไป 24 ประตู

อย่างที่บอกไป บรรดากองหลังอิตาลี รู้พิษสงของพี่ตู้เป็นอย่างดี แต่จะ ‘เอาพี่ตู้อยู่’ หรือเปล่า อันนี้ต้องใช้วิทยายุทธกันหนักหน่อย ไม่นับบรรดาตัวรุกคนอื่น ๆ ในทีมเบลเยี่ยมเวลานี้ ที่ก็จัดจ้านในย่านยูโรกันทั้งสิ้น

คืนนี้เบลเยี่ยมมา ‘ชื้อเกมบุก’ อย่างแน่นอน ก็ขึ้นอยู่กับว่า อิตาลีจะรับไหวไหม และจะจัดการลูกากูอยู่หมัดแค่ไหน ตามสถิติที่เจอกันมาในระดับรายการเมเจอร์ 4 ครั้ง อิตาลีเอาชนะได้ 3 ครั้ง และเสมอไป 1 ครั้ง ครั้งนี้เป็นการเจอกันครั้งที่ 5 ผลจะเข้าข้างฝั่งอิตาลีอีกหรือไม่ คืนนี้ตีสอง เจอกัน!!


โปรเด็ด! ถึง 15 ก.ค. นี้ Ford Ranger, MG ZS, Mazda 2 และ Nissan อัลเมร่า ทักไลน์ @THESHOPSTIMES

คลิก????https://lin.ee/vfTXud9

“พรรคกล้า” ยื่น 2 ข้อเสนอ ถึง “บิ๊กตู่” แนะ ชะลอการระบาด ไม่ให้ถึงจุดวิกฤต ชี้ การรักษาเร็วดีที่สุด เผย ฟ้าทลายโจรรักษาโควิดได้

ที่ศูนย์รับเรื่องราวร้องทุกข์ทำเนียบรัฐบาล นายมนต์ชีพ ศิวะศินางกูร กรรมการบริหารพรรคกล้าพร้อมด้วย ทพ.กันตพงศ์ ดีชัยยะ คณะทำงานด้านสาธารณสุข พรรคกล้า, นายณัฐนันท์ กัลยาศิริ ทีมกฎหมายพรรคกล้า และนายแสนยากรณ์ สิงห์วีรธรรม โฆษกพรรคกล้า ยื่นหนังสือข้อเสนอตั้งสถานกักตัวชุมชนและให้ยาฟ้าทะลายโจร รักษาผู้ติดเชื้อทันที ถึงพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชานายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ผ่านนายธีรภัทร ประยูรสิทธิ ปลัดสำนักนายกรัฐมนตรี

นายมนต์ชีพ กล่าวว่า ข้อเสนอแรกให้จัดตั้งสถานที่กักตัวชุมนุมและเมือง (Community-City Quarantine ) คือ หากพบผู้ติดเชื้อ แต่บ้านที่มีขนาดกลาง-เล็ก มีสมาชิกในครอบครัวจำนวนมาก หรือวิถีชีวิตไม่สามารถแยกกักตัวที่บ้านได้ (Home Isolation) ให้มีกระบวนการแยกผู้ติดเชื้อออกจากสมาชิกในครอบครัวหรือคนใกล้ชิดทันที แล้วนำมากักตัวในพื้นที่เฉพาะที่ชุมชนหรือจังหวัดตั้งขึ้น โดยขอให้รัฐผ่อนคลายกฎระเบียบต่าง ๆ เกี่ยวการใช้สถานที่เพื่อการรักษาพยาบาลชั่วคราว เพื่อจัดตั้งสถานกักตัวในชุมชน ใช้อาสาสมัครหรือสร้างรายได้ด้วยการจ้างคนในชุมชนที่ผ่านการฝึกอบรมแล้ว เป็นผู้ดูแลแทนแพทย์และพยาบาลไปพลางก่อน

นายมนต์ชีพ กล่าวว่า ข้อเสนอที่สอง ‘ติดเชื้อปุ๊ป รับยาทันที’ เมื่อพบว่ามีการติดเชื้อ ไม่ว่าจะเป็นผู้ที่กักตัวเองอยู่ที่บ้าน หรืออยู่ในสถานกักตัวชุมชนตามข้อเสนอข้างต้น ซึ่งอยู่ระหว่างการรอเตียงเข้ารับการรักษาต้องได้รับยาทันที ซึ่งทราบว่ายาฟาวิพิราเวีย (Favipiravir) มีเหลืออยู่ในคลังถึง 2.9 ล้านเม็ด และมีแผนจัดหาในเดือนกรกฎาคมอีก 5 ล้านเม็ด ระหว่างเดือนสิงหาคมถึงกันยายนอีก 3 ล้านเม็ด ซึ่งมีปริมาณมากพอ เหลือแต่เพียงการกระจายให้ผู้ป่วยอย่างทั่วถึง และที่น่าสนใจคือการให้ยาสมุนไพร "ฟ้าทะลายโจร" ได้ทันทีเมื่อพบว่าติดเชื้อ ซึ่งพบว่าสารแอนโดรกราโฟไลด์ในฟ้าทะลายโจร สามารถบรรเทาอาการและรักษาโรคติดเชื้อโควิด-19 ได้ โดยร่างกายต้องได้รับสารแอนโดรกราโฟไลด์ 180 มิลลิกรัมต่อวัน ซึ่งมีการทดลองแล้วว่า เมื่อได้รับยาติดต่อกัน 5 วัน จะเกิดภาวะปอดอักเสบน้อยกว่ากลุ่มที่ไม่ได้รับยาฟ้าทะลายโจร ประกอบกับต้นทุนราคาถูกกว่า สามารถหาซื้อได้ง่าย จึงเหมาะสมเป็นอีกหนึ่งยาหลักที่ผู้ติดเชื้อควรได้รับทันที

นายมนต์ชีพ กล่าวว่า เพื่อชะลอการระบาดไม่ให้สถานการณ์ไปถึงจุดวิกฤต หากสถานการณ์ผู้ติดเชื้อใหม่ต่อวันสูงถึง 5,000 ถึง 6,000 คนต่อไปเรื่อย ๆ สิ่งที่จะตามมาก็คือวิกฤตระบบสาธารณสุข บุคลากรและเครื่องมือทางการแพทย์ไม่เพียงพอ จำนวนผู้เสียชีวิตก็จะมากขึ้นตามลำดับ ดังนั้นพรรคกล้าจึงเห็นว่า การแก้ปัญหาที่ต้นทางเป็นเรื่องที่จำเป็นเพราะการรักษาที่เร็วที่สุด คือการรักษาที่ดีที่สุด

"นทพ. สาธารณสุข" เตรียมขยายเตียงรองรับผู้ป่วยติดเชื้อ COVID-19 ใน รพ.สนามบุษราคัม เปิด Challenger 2 เพิ่มอีก 1,500 เตียง

พล.อ.นเรนทร์ สิริภูบาล ผู้บัญชาการหน่วยบัญชาการทหารพัฒนา (ผบ.นทพ.) ได้สั่งการให้สำนักงานสนับสนุน หน่วยบัญชาการทหารพัฒนา (สสน.นทพ.) จัดกำลังพลสนับสนุนกระทรวงสาธารณสุข (สธ.) ในการเตรียมขยายเตียงเพื่อเพิ่มศักยภาพในการรองรับผู้ป่วยติดเชื้อ COVID-19 ให้กับ รพ.สนามบุษราคัม อิมแพ็ค เมืองทองธานี พร้อมกับประสานขอกำลังพลจากศูนย์รักษาความปลอดภัย (ศรภ.), ศูนย์ต่อต้านการก่อการร้ายสากล (ศตก.), สำนักกองบัญชาการกองทัพไทย (สน.บก.บก.ทท.), โรงเรียนช่างฝีมือทหาร (รร. ชท.สปท.), หน่วยบัญชาการป้องกันภัยทางอากาศ (นปอ.), กรมป่าไม้ และจิตอาสา 904 รวม 600 คน เข้าดำเนินการประกอบเตียงกระดาษสำหรับใช้ในการขยายเตียงรองรับผู้ป่วยที่จะเข้ามารับการดูแลรักษา โดยเพิ่มเตียงในพื้นที่อาคาร Challenger 2 จำนวน 1,500 เตียง เพื่อให้ผู้ป่วยได้เข้าถึงการรักษาได้อย่างรวดเร็ว โดยมี พล.ต.ธนินทร์ พู่ทองคำ ผู้อำนวยการสำนักงานสนับสนุน หน่วยบัญชาการทหารพัฒนา เป็นผู้แทน ผบ.นทพ. อำนวยการและกำกับดูแลในการปฏิบัติ

นทพ. จะอยู่เคียงข้างประชาชนและใช้ศักยภาพที่มีในการดูแลพี่น้องประชาชนอย่างต่อเนื่องจนกว่าสถานการณ์จะคลี่คลาย ตามเจตนารมย์ของรัฐบาล พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม พล.อ.เฉลิมพล ศรีสวัสดิ์ ผู้บัญชาการทหารสูงสุด/หัวหน้าศูนย์ปฏิบัติการแก้ไขสถานการณ์ฉุกเฉินด้านความมั่นคง (ผบ.ทสส./หน.ศปม.)

ทบ. แจง ฉีดวัดซีนให้ทหารปฏิบัติงานด่านหน้า พื้นที่เสี่ยงและทหารใหม่ตามที่ได้รับจัดสรร นอกนั้นกำลังพลใช้วิธีลงทะเบียนฉีดเหมือนปชช.ทั่วไป

ที่กองบัญชาการกองทัพบก (บก.ทบ.) พ.อ.หญิงศิริจันทร์ งาทอง รองโฆษกกองทัพบก กล่าวถึงกรณีที่มีการนำเสนอข่าวโดยอ้างถึงการติดเชื้อโควิด-19 ในกองทัพ และมีการตั้งคำถามเรื่องของวัคซีนที่กองทัพ ได้รับจัดสรร รวมถึงขอให้หยุดกระบวนการตรวจเลือกทหาร เพื่อรอสถานการณ์ ระบาดของโควิด-19 นั้น ว่า ทางกองทัพบก ขอเรียนข้อเท็จจริงเพื่อความเข้าใจที่ถูกต้อง ดังนี้

1.) กองทัพบกขอเรียนถึงความจำเป็นที่กำลังพลซึ่งปฏิบัติงานในพื้นที่เสี่ยงและด่านหน้า จะต้องได้รับการฉีดวัคซีน สืบเนื่องจากในสถานการณ์โควิด-19 กองทัพบก ได้รับมอบภารกิจในการสนับสนุนรัฐบาล และ ศบค. ในหลายมิติ ทั้งป้องกันการนำเข้าเชื้อจากนอกประเทศ 

โดยสนับสนุนศูนย์ปฏิบัติการแก้ไขสถานการณ์ฉุกเฉินด้านความมั่นคง ด้วยการคัดกรองการผ่านเข้า-ออก ประเทศตามท่าอากาศยาน ส่วนภาคพื้นดินกองกำลังป้องกันชายแดนของกองทัพบก ทั้ง 7 กองกำลังทั่วประเทศ ได้จัดกำลังเข้าคัดกรอง ลาดตระเวน เฝ้าตรวจ สกัดกั้นการลักลอบข้ามแดนโดยผิดกฎหมายไม่ผ่านการคัดกรอง ด้วยมาตรการสกัดกั้นที่เข้มข้นและต่อเนื่องตั้งแต่มีการระบาด ปรากฏเป็นผลการจับกุมผู้ลักลอบเข้า-ออกประเทศโดยผิดกฎหมาย อีกทั้ง ได้จัดกำลังสนับสนุนการตรวจกิจการกิจกรรมในพื้นที่ตอนใน นอกจากนั้น กองทัพบกได้ใช้บุคลากรทางการแพทย์ ทั้งหมดสนับสนุนงานด้านการป้องกันและรักษาพยาบาลผู้ติดเชื้อ ทั้งที่อยู่ในโรงพยาบาลในสังกัดกองทัพบกทั้ง 37 แห่ง และโรงพยาบาลสนามที่กองทัพบก จัดตั้งขึ้นเพื่อสนับสนุนจังหวัดต่าง ๆ 

รวมทั้ง เมื่อเกิดการระบาดเป็นกลุ่มก้อน กองทัพบกยังได้สนับสนุนกำลังพลเข้าช่วยบริหารจัดการ ระงับยับยั้งการแพร่ระบาดไม่ให้ขยายวงกว้าง ภารกิจข้างต้น จำเป็นอย่างยิ่งที่กองทัพบกจะต้องดูแลให้กำลังพลที่ปฏิบัติภารกิจในด่านหน้าและปฏิบัติภารกิจในพื้นที่เสี่ยงดังกล่าว จะต้องได้รับการฉีดวัคซีนเพื่อสร้างภูมิคุ้มกัน ดำรงความแข็งแรงให้สามารถยืนหยัดในภารกิจได้อย่างปลอดภัย กองทัพบกจึงได้ขอรับการสนับสนุนวัคซีนผ่านกระทรวงกลาโหม ไปยังกรมควบคุมโรคเพื่อให้กับกำลังพลที่ต้องปฏิบัติภารกิจดังกล่าว ซึ่งเป็นไปในรูปแบบองค์กรทั่วไปที่สามารถขอรับการจัดสรรวัคซีนตามข้อกำหนดของรัฐบาลได้

2.) สำหรับกำลังพลส่วนใหญ่และครอบครัวจะได้รับวัคซีนจากการลงทะเบียนผ่านแอพพลิเคชั่นหมอพร้อม และระบบการจัดการวัคซีนของแต่ละจังหวัดเช่นเดียวกับประชาชนทั่วไป ซึ่งในปัจจุบันได้รับวัคซีนเป็นบางส่วนเท่านั้น

3.) การที่มีการจัดทำบัญชีแผนการขอรับวัคซีนไว้ แผนดังกล่าวยังไม่ได้ดำเนินการใด ๆ ทั้งสิ้นเป็นเพียงเตรียมการ ทั้งนี้หน่วยทหารมีกำลังพลเป็นจำนวนมากจึงมีความจำเป็นที่จะต้องสร้างภูมิคุ้มกันให้พร้อมปฏิบัติงานโดยเฉพาะในสถานการณ์วิกฤติ ต้องมีการเตรียมแผนบริหารจัดการให้กำลังพลได้รับวัคซีน ตามลำดับความเร่งด่วนและตามเกณฑ์เสี่ยง การจัดการแผนดังกล่าวเพื่อเตรียมความพร้อมหากปริมาณวัคซีนในภาพรวมของประเทศมีเพียงพอและได้รับการจัดสรร จะได้ดำเนินการเองตามแผนที่เตรียมไว้ได้ทันทีและช่วยลดภาระงานสาธารณสุข

 4.) กรณีการจัดสรรวัคซีนที่ได้รับให้กับทหารกองประจำการ ขอเรียนว่า ทหารกองประจำการ ถือว่าเป็นประชาชนคนหนึ่งเช่นกันที่มีสิทธิ์ได้รับการฉีดวัคซีน ก่อนเข้ามาเป็นทหารบางคนอาจอยู่ในภาวะว่างงาน แต่เมื่อเข้ามาประจำการ ทำให้มีอาชีพและได้รับเงินค่าตอบแทนจากงบประมาณของทางราชการซึ่งมาจากภาษีของประชาชน ทำให้มีรายได้เพียงพอในการดำรงชีพอย่างไม่เดือดร้อน โดยเฉพาะในช่วงสถานการณ์โควิด การมีรายได้ที่มั่นคง อาจสามารถนำไปช่วยดูแลแบ่งเบาภาระของครอบครัวได้อีกทางหนึ่ง

กองทัพบกจึงได้เตรียมดำเนินการฉีดวัคซีนให้กับทหารใหม่ทุกคนที่เข้าประจำการในเดือน กรกฎาคม 2564 ซึ่งถือว่าเป็นมาตรการพิทักษ์พลที่มีความสำคัญเป็นอย่างยิ่งในสถานการณ์ โควิด-19 เพราะทหารใหม่ คือประชาชนที่มาจากหลากพื้นที่ หลายอาชีพและอาจเสี่ยงต่อการแพร่กระจายเชื้อ การได้รับวัคซีนจะสร้างความมั่นใจในการเข้าประจำการ เป็นการสร้างภูมิคุ้มกันหมู่ และกองทัพบกต้องการที่จะดูแลทหารกองประจำการที่ถือว่าเป็นบุคลากรอันมีค่าของกองทัพ ที่สำคัญกำลังพลส่วนนี้เมื่อปลอดภัย ได้รับการคัดกรองแล้ว ได้วัคซีนแล้ว ก็จะสามารถออกไปทำหน้าที่ช่วยเหลือคนอื่น ๆ ได้ต่อไป ตามที่กองทัพบกได้ดำเนินการมาอย่างต่อเนื่อง เช่น การบริจาคโลหิตในทุกครั้งที่มีปัญหาการขาดแคลน การช่วยอุดหนุนสร้างรายได้ให้ประชาชนในสถานการณ์โควิด ที่ปรากฎให้เห็น ในทุกภารกิจ

และ 5.) สำหรับการติดเชื้อในค่ายทหาร มีเกิดขึ้นบ้างเป็นจำนวนไม่มากและสามารถควบคุมได้ การติดเชื้อถือเป็นสถานการณ์ที่อาจเกิดขึ้นได้กับทุกชุมชน ทุกองค์กร เมื่อมีการติดเชื้อก็จะเข้าสู่กระบวนการป้องกันและรักษาตามมาตรฐานสาธารณสุข โดยใช้ศักยภาพของโรงพยาบาลในสังกัดกองทัพบก ในการรักษาพยาบาลกำลังพลและครอบครัว และควบคุมไม่ให้กระจายไปสู่ภายนอก

ทั้งนี้การติดเชื้อส่วนใหญ่มีสาเหตุจากการออกปฏิบัติหน้าที่ในสถานการณ์ COVID-19 ในพื้นที่เสี่ยง และบางส่วนเกิดจากการสัมผัสจากครอบครัวกำลังพล อย่างไรก็ตามทหารมีโอกาสที่จะติดเชื้อได้เช่นเดียวกับประชาชนโดยทั่วไป

“ยืนยันว่า ในสถานการณ์โควิด กองทัพบก ตระหนักดีถึงความจำเป็นและข้อจำกัดรวมถึงผลกระทบต่าง ๆ ที่เกิดขึ้นกับประเทศไทย ได้ทุ่มเททรัพยากรและศักยภาพที่มีในการช่วยเหลือสนับสนุนทุกภาคส่วน เพื่อคลี่คลายและบรรเทาผลกระทบให้กับประเทศและประชาชนกลับมาสู่วิถีปกติ ในวิกฤติหากทุกคนร่วมมือกัน เชื่อมั่นในการบริหารจัดการของ ศบค. และรัฐบาล สื่อสารกันอย่างตรงไปตรงมาด้วยข้อมูลที่เป็นความจริงและสร้างสรร  และเราจะผ่านพ้นสถานการณ์โรคอุบัติใหม่นี้ไปได้ในที่สุด”รองโฆษกกองทัพบก กล่าว 

“หมอมารุต” เชื่อศบค.ทำดีอยู่แล้ว ถ้าไม่มีจะเละเทะกว่านี้ ชี้ เปิดสถานบันเทิง-ร้านอาหาร ต้องคิดว่าคุ้มหรือไม่

นพ.มารุต มัสยวาณิช ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคภูมิใจไทย ให้สัมภาษณ์ถึงกรณี 5 ส.ส.ตัวแทนพรรค ได้แก่ พรรคเพื่อไทย พรรคก้าวไกล พรรคภูมิใจไทย พรรคเสรีรวมไทย และพรรคประชาธิปัตย์ เสนอญัตติด่วนด้วยวาจาจำนวน 6 ญัตติ เพื่อให้สภาฯ พิจารณามาตรการและแนวทางแก้ไขปัญหาผลกระทบที่เกิดจากการแพร่ระบาดโรคโควิด-19 ระลอกที่ 3 และจากการบริหารของ ศบค. รวมถึง เสนอให้ยุบศบค. เพื่อกลับมาสู่กลไกลปกติ ไม่ให้มีรัฐซ้อนรัฐ ว่า ในสถานการณ์ตอนนี้ยังไม่เหมาะที่จะยุบศบค. เพราะศบค.เปรียบเสมือนจุดศูนย์กลางที่จะควบคุมและประสานงาน ตนมองว่าทางกระทรวงสาธารณสุขควรมีการประสานงานเพิ่มเติม ไม่ว่าจะเป็นกับทางการป้องกันชายแดน สภาความมั่นคงแห่งชาติ เป็นต้น เพื่อป้องกันการลักลอบเข้ามาเพิ่มเชื้อ ถ้าไม่มี ศบค. จะเละเทะมากกว่านี้  

เมื่อถามต่อว่า ภาพรวมการจัดการของ ศบค.ล้มเหลวตามที่ 5 ส.ส.ตัวแทนพรรคออกมากล่าวหรือไม่ นพ.มารุต กล่าวว่า การจัดการของ ศบค. ดีอยู่แล้ว ไม่ใช่ไม่ดี เพียงแต่ว่ามีกลุ่มคนที่เดือดร้อนออกมาเรียกร้อง เช่น กลุ่มอาชีพธุรกิจกลางคืนที่ออกมาเรียกร้องให้เปิดสถานบันเทิง ซึ่งในมุมนี้ต้องกลับมาคิดว่า คุ้มหรือไม่ในการเปิดสถานบันเทิงต่างๆ เพราะสถานบันเทิงถือเป็นตัวแหล่งแพร่เชื้อโควิด-19 ส่วนกรณีร้านอาหารก็ต้องพิจารณาตามขั้นตอนว่า เมื่อไม่ให้นั่งทานในร้านจะทำให้ยอดผู้ติดเชื้อโควิด-19 ลดลงหรือไม่ 

ที่ปรึกษาศบค. แนะ ให้ตั้งความหวังอยู่บนพื้นฐานที่เป็นจริง เพราะโควิดจะอยู่กับเราจนถึงอย่างน้อยปีหน้า

2 ก.ค. 64 ผศ.ดร.วรัชญ์ ครุจิต รองคณบดีฝ่ายวางแผนและพัฒนา คณะนิเทศศาสตร์และนวัตกรรมการจัดการ สถาบันบัณฑิตพัฒนบริหารศาสตร์ (นิด้า) และที่ปรึกษาด้านการสื่อสาร ศูนย์บริหารสถานการณ์แพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (ศบค.) โพสต์เฟซบุ๊ก ระบุว่า ตั้งความหวังที่เป็นจริง

เราทุกคน หวังว่าโควิดจะหายไปจากโลกนี้

หวังว่าเราจะได้กลับไปใช้ชีวิตเหมือนเดิม เหมือนก่อนโควิด

แต่ความเป็นจริงคือ

- โควิด จะอยู่กับเราต่อไปจนถึงอย่างน้อยปีหน้า และต่อ ๆ ไปก็จะยังกลับมาเรื่อย ๆ แม้ว่าอาจจะเกิดภูมิคุ้มกันหมู่แล้ว ก็ยังไม่มีอะไรรับประกันได้

- การที่เราจะใช้มาตรการกดจำนวนผู้ติดเชื้อให้ลดลง อาจตามมาด้วยความทุกข์เข็ญของปากท้องของผู้คนจำนวนมากเช่นกัน แต่ถ้าให้เสรีภาพในการทำมาหากินตามปกติ ก็จะเกิดความเสี่ยงต่อการรวมตัวและแพร่ระบาดอีก

- นับจนถึงวันนี้ ยังไม่มีประเทศไหนที่ได้กลับไปใช้ชีวิตเหมือนก่อนโควิดจริง ๆ เลยแม้แต่ประเทศเดียว ไม่ว่าจะฉีดวัคซีนไปเท่าไหร่ก็ตาม จะมีก็แค่ช่วงสั้น ๆ เท่านั้น

ดังนั้น สิ่งที่เราทำได้ และควรทำ อาจเริ่มต้นจากการ set expectation หรือตั้งความหวังที่อยู่บนพื้นฐานความเป็นจริง เช่น

- ยอมรับว่าเราต้องอยู่ร่วมกับโควิดไปอีกอย่างน้อยหนึ่งปี หรือนานกว่านั้น คงไม่ต้องรอว่าเมื่อไหร่เราจะได้กลับมาทำอะไรเหมือนเดิม แต่คิดล่วงหน้าไปเลยว่าเราจะทำอย่างไร เปลี่ยนแปลงตัวอย่างไร เพื่อให้อยู่กับโควิดให้ได้ และหวังว่าสิ่งที่เราเปลี่ยนแปลงนั้น จะทำให้เราอยู่รอดปลอดภัยได้

- รับรู้ว่าสงครามครั้งนี้มีศึกสองด้าน คือสุขภาพกับเศรษฐกิจ ถ้าเลือกดูแลด้านหนึ่งเป็นพิเศษ อีกด้านก็จะแย่ ประเทศส่วนใหญ่ ในช่วงแรกก็จะเน้นสุขภาพ แต่เมื่อเวลาผ่านไป สุดท้ายก็ต้องกลับมาสู่ทางสายกลาง ซึ่งไม่มีทางที่จะกดยอดให้ต่ำมาก ๆ ได้ เพราะว่าจะเปิดช่องให้ทำมาหากิน ดำเนินชีวิตกันไปเท่าที่จะทำได้ ดังนั้น ความหวังของเราคือ การสามารถอยู่ร่วมกับโควิดไปได้โดยไม่มีความเสี่ยงมากเกินไป โดยที่ยังทำมาหากิน ใช้ชีวิตตามเดิมได้เท่าที่จะทำได้ บวกกับการใช้ชีวิตแบบใหม่ที่มาจากการปรับตัวของเรา

- รับรู้ว่ายอดผู้ติดเชื้อ เป็นระลอก มีขึ้นมีลง ขาขึ้นจะดูน่ากลัว เราก็ต้องเพิ่มความระมัดระวังตัวสูงขึ้นตามไปด้วย แต่ไม่ว่ายอดจะขึ้นไปสูงอย่างไร ก็จะต้องมีจุดที่ตกลงมา เหมือนกับที่เกิดขึ้นกับทุกประเทศ ความหวังของเรา คือ ทำอย่างไรให้การระบาดนั้นสั้นที่สุด ผู้เสียชีวิตน้อยที่สุด (ซึ่งเป็นเหตุผลที่จำเป็นต้องให้คนแก่และกลุ่มเสี่ยงฉีดวัคซีนให้เร็วที่สุด)

- รับรู้ว่าในวิกฤต จะมีความวุ่นวายสับสน เหมือนในภาวะสงคราม โดยเฉพาะเรื่องข้อมูลข่าวสาร และก็ไม่ใช่ทุกสื่อมวลชนที่จะเป็นที่พึ่งได้ แทบเป็นไปไม่ได้ที่จะคาดหวังว่าการสื่อสารจะต้องเป็นไปในทางเดียวกันทั้งหมด ตราบใดที่ทุกคนจะพูดจะเขียนอะไร ไม่ว่าจะจริงหรือเท็จ ก็มีช่องทางให้ทำได้ทั้งสิ้น หรือจะหวังให้ทุกสื่อทุกคนสื่อสารด้วยจริยธรรมก็คงไม่น่าจะเกิดขึ้นได้

ดังนั้น นอกจากเราควรจะคาดหวังข้อมูลที่ดี มีประโยชน์จากทางการแล้ว อีกสิ่งที่สำคัญก็คือที่แต่ละคนควรจะหวังพึ่ง ก็คือสติของเราเองในการแยกแยะข้อมูลข่าวสารที่ท่วมท้นในทุก ๆ วัน ไม่เช่นนั้นเราก็จะตกเป็นเหยื่อเองได้

เรื่องมาตรการต่าง ๆ ของรัฐ เป็นสิ่งที่เราทุกคนในฐานะประชาชนมีสิทธิเรียกร้องและแสดงความคิดเห็น ซึ่งผมก็เชื่อว่าสถานการณ์วิกฤตเช่นนี้ คงไม่มีประเทศไหน ต้องการให้เกิดความเสียหายหรือใครเสียชีวิต และอยากจะแก้ปัญหาให้ดีที่สุด ซึ่งก็คงไม่สามารถจะเป็นที่พอใจของทุกคนได้ และก็คงไม่มีประเทศไหนที่สามารถดูแลทุกคนได้ทุกวันตลอดไป

แต่อย่างน้อย ถ้าเราเริ่มต้นจากการตั้งความหวังที่เป็นจริง เราอาจจะเริ่มมองว่า เป้าหมายของเรา ไม่ใช่การกลับไปสู่อดีตที่เคยทำ เพราะมันอาจจะเป็นไปไม่ได้ แต่อาจจะเป็น การยอมรับความจริงว่าชีวิตของเราคงไม่ได้กลับไปเหมือนเดิมอีกแล้ว และเราจะทำอย่างไรให้มันดีที่สุด

ขอเป็นกำลังใจให้กับทุก ๆ ท่านครับ

 

 

ที่มา : https://www.facebook.com/warat.karuchit


โปรเด็ด! ถึง 15 ก.ค. นี้ Ford Ranger, MG ZS, Mazda 2 และ Nissan อัลเมร่า ทักไลน์ @THESHOPSTIMES

คลิก????https://lin.ee/vfTXud9

“บิ๊กตู่” ห่วงโควิดยอดพุ่งกำชับเร่งนำผู้ป่วยทุกระดับสีเข้ารับการรักษาพยาบาล “ย้ำ” ปชช.เข้มข้นสูงสุด

ที่ทำเนียบรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม เดินทางเข้าปฏิบัติภารกิจที่ทำเนียบรัฐบาลตามปกติ โดยตลอดช่วงเช้าไม่มีภารกิจทางการ และมีกำหนดให้ นายปีร์กะ ตาปีโอละ เอกอัครราชทูตสหภาพยุโรปประจำประเทศไทย เข้าพบนายกรัฐมนตรี ในโอกาสพ้นหน้าที่

ขณะที่นายอนุชา บูรพชัยศรี โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม มีความห่วงใย และติดตามสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโควิด-19 และติดตามรายงานการป่วยและศักยภาพการรักษาอย่างใกล้ชิด ซึ่งพบว่ามีตัวเลขผู้ติดเชื้อใหม่รายวันในบางวันมีตัวเลขผู้ป่วยสูงขึ้น ซึ่งส่วนใหญ่มาจากการคัดกรองเชิงรุกในแต่ละคลัสเตอร์ และในแต่ละพื้นที่เสี่ยง เพื่อคัดแยกผู้ติดเชื้อเข้าออกจากกลุ่มก้อนและชุมชนให้เร็วและมากที่สุด

“นายกรัฐมนตรีได้สั่งการให้หน่วยงานที่รับผิดชอบ เร่งนำผู้ป่วยในทุกระดับสีเข้ารับการรักษาพยาบาลให้เร็วที่สุด โดยทุกส่วนราชการเข้ามามีส่วนร่วมช่วยงานสาธารณสุข เพื่อให้ประชาชนได้รับการดูแลอย่างดีที่สุด และขอให้ประชาชนร่วมมือตามมาตรการที่ ศบค. กำหนดที่ได้ประกาศให้ประชาชนทราบในแต่ละช่วง เพื่อป้องกันโรคโควิด-19 ในระดับเข้มข้นสูงสุด และขอให้ประชาชนยังคงใช้ชีวิตแบบ New normal คือ D-M-H-T-T คือ หลีกเลี่ยงการรวมกลุ่ม ใส่หน้ากากอนามัย หมั่นล้างมือ ตรวจวัดอุณหภูมิ สแกนไทยชนะ รวมทั้ง ช่วยกันป้องกัน ดูแล และรักษาสุขภาพร่างกาย จิตใจให้แข็งแรง ป้องกันตนเอง ดูแลสมาชิกในครอบครัว ในช่วงของสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคโควิด-19" โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี

นายอนุชา กล่าวถึงการประสานหาเตียงให้ผู้ติดเชื้อโควิด-19 ว่า แต่ละหน่วยงานราชการต่าง ๆ ได้มีการประสานเพิ่มเติมเรื่องเตียงสนามเพื่อรับผู้ป่วยเข้าสู่ระบบการรักษาตามระดับเกณฑ์สีต่าง ๆ อย่างเหมาะสม รวมถึงการส่งผู้ป่วยเข้าสู่โรงพยาบาลบุษราคัม ซึ่งได้มีการขยายจำนวนเตียงเพิ่มเติมเพื่อรองรับผู้ป่วยเกณฑ์สีเหลืองและสีแดง

นอกจากนี้ นายกรัฐมนตรีได้ขอความร่วมมือประชาชนหลีกเลี่ยงการชุมนุม และยืนยันรัฐบาลติดตาม และแก้ปัญหาความเดือดร้อนของประชาชนตลอดเวลา ดูแลทุกกลุ่ม และพร้อมรับฟังความคิดเห็น และข้อเรียกร้อง ซึ่งสามารถเสนอมายังรัฐบาลผ่านช่องทางต่าง ๆ ที่เปิดกว้างให้ประชาชนเข้าถึงได้ อย่างสะดวก

พล.อ.ประวิตร เร่งช่วยเหลือ ผู้ยากไร้/เกษตรกร ติดตามผลแก้ปัญหา ที่ดินทำกิน/แหล่งน้ำ/หนี้สิน SET ZERO เช่าซื้อที่ดินเป็นเช่า ลดความเดือดร้อน มุ่งยกระดับคุณภาพชีวิต ลดความเหลื่อมล้ำ ย้ำไม่ทิ้งใครไว้ข้างหลัง

พล.ต.พัชร์ชศักดิ์ ปฏิรูปานนท์ ผช.โฆษกประจำรอง นรม. เปิดเผยว่า พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รอง นรม. ได้เป็นประธานการประชุม คณะกรรมการแก้ไขปัญหา ของสภาเครือข่ายประชาชนอีสาน (สอส.) และสภาประชาชน 4 ภาค ครั้งที่ 1/2564 โดยมี ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า รมช.กษ. เข้าร่วมประชุม ณ ห้องประชุม 301 ตึกบัญชาการ 1 ทำเนียบรัฐบาล

ที่ประชุม ได้รับทราบความคืบหน้าการแก้ไขปัญหาที่ดิน และป่าไม้ กรณีการจัดหาที่ดิน เพื่อนำมาจัดสรรให้กับสมาชิกเครือข่ายฯ ซึ่งมีความคืบหน้า โดยขณะนี้อยู่ระหว่างการสำรวจพื้นที่ ว่ามีพื้นที่ป่าเสื่อมโทรม หรือที่สาธารณะที่ไม่ได้นำมาใช้ประโยชน์ เพื่อพิจารณาจัดหาที่ดินแปลงใหม่ให้กับสมาชิกฯ ที่ยังไม่มีที่ทำกิน และรับทราบการแก้ไขปัญหาหนี้สินของเกษตรกร

กรณีข้อเรียกร้องขอให้ชะลอการดำเนินคดี ซึ่งสถาบันเจ้าหนี้ได้ให้ความช่วยเหลือในระดับหนึ่งแล้ว ตามมาตรการของรัฐที่มีอยู่ รวมทั้งได้รับทราบ การส่งเสริมและฟื้นฟูอาชีพภาคเกษตร ซึ่งกลุ่มเกษตรกร ภาคเครือข่ายฯ ได้เสนอโครงการฟื้นฟูอาชีพตามหลัก เกษตรทฤษฎีใหม่โดยผสมผสานหลักเศรษฐกิจพอเพียง

จากนั้น ที่ประชุมได้พิจารณาเห็นชอบ เรื่องสำคัญ ได้แก่การแก้ไขปัญหาแหล่งน้ำตามข้อเสนอของ สมาชิกสภาเครือข่ายฯ ในเขตปฏิรูปที่ดินเพื่อเกษตรกรรม เนื้อที่ 15,092ไร่ ในพื้นที่นำร่อง 3 จังหวัด ได้แก่ จ.ลพบุรี,จ.นครราชสีมา และ จ.เพชรบุรี จำนวน 9 โครงการ วงเงิน 75,118,141 บาท

พล.อ.ประวิตร ได้กล่าวย้ำว่า รัฐบาลได้ให้ความสำคัญ ต่อการแก้ไขปัญหา ความยากจน และเกษตรกรที่ได้รับผลกระทบ จากปัญหาที่ดินทำกิน, หนี้สิน, แหล่งน้ำ และการส่งเสริมฟื้นฟูอาชีพ มาอย่างต่อเนื่อง โดยยืนยันว่า จะไม่ทิ้งใครไว้ข้างหลังเป็นอันขาด พร้อมทั้ง ได้กำชับ ทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้องของภาครัฐ ต้องบูรณาการการทำงานร่วมกัน เพื่อเร่งให้ความช่วยเหลือผู้ยากไร้ และพี่น้องเกษตรกรอย่างจริงจังโดยเร็ว ภายใต้กรอบของกฎหมาย เพื่อลดความเหลื่อมล้ำ และยกระดับคุณภาพชีวิตอย่างยั่งยืน พร้อมต้องมีการประชาสัมพันธ์ให้ประชาชนได้รับทราบด้วย

รมว.แรงงาน ชื่นชม เชิดชูเกียรติ 1,306 สถานประกอบกิจการดีเด่น ด้านแรงงานสัมพันธ์และสวัสดิการแรงงาน ประจำปี 2564

รมว.แรงงาน ชื่นชม เชิดชูเกียรติ 1,306 สถานประกอบกิจการ ที่มีระบบบริหารจัดการด้านแรงงานสัมพันธ์และสวัสดิการแรงงานที่ดี ฟันฝ่าอุปสรรควิกฤตโควิด-19 ทำให้สถานประกอบกิจการดำเนินกิจการอยู่ได้ จนได้รับรางวัลสถานประกอบกิจการดีเด่นด้านแรงงานสัมพันธ์และสวัสดิการแรงงาน ประจำปี 2564 ตามที่กรมสวัสดิการและคุ้มครองแรงงานประกาศ

นายสุชาติ  ชมกลิ่น รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน เปิดเผยว่า กระทรวงแรงงานได้มอบให้กรมสวัสดิการและคุ้มครองแรงงาน จัดโครงการส่งเสริมสถานประกอบกิจการให้มีระบบบริหารจัดการที่ดีด้านแรงงานสัมพันธ์และสวัสดิการแรงงาน ประจำปี 2564 ซึ่งเป็นกิจกรรมหนึ่งในการลดปัญหาความขัดแย้งด้านแรงงานที่อาจเกิดขึ้น โดยสนับสนุนให้นายจ้างและลูกจ้างร่วมกันพัฒนาระบบการบริหารจัดการด้านแรงงานสัมพันธ์และสวัสดิการแรงงานในสถานประกอบกิจการ ซึ่งส่งผลให้ลูกจ้างมีคุณภาพชีวิตที่ดี มีความมั่นคงและมีความสุขในการทำงาน นายจ้างได้ผลผลิตสูงสร้างความเชื่อมั่นให้นักลงทุนในและต่างประเทศ กระตุ้นเศรษฐกิจภาพรวมของประเทศ โดยในปี 2564 มีการประเมินในเรื่องของความร่วมมือกันระหว่างนายจ้างและลูกจ้าง

โดยใช้กลไกของสหภาพแรงงานหรือคณะกรรมการสวัสดิการแรงงานในสถานประกอบกิจการมาดำเนินการป้องกันและแก้ไขปัญหาโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 ด้วย จึงขอชื่นชมและขอยกย่องเชิดชูเกียรติสถานประกอบกิจการที่ผ่านการพิจารณาตัดสินได้รับรางวัลสถานประกอบกิจการดีเด่นด้านแรงงานสัมพันธ์และสวัสดิการแรงงาน ประจำปี 2564 ทั้ง 1,306 แห่ง

นายอภิญญา สุจริตตานันท์ อธิบดีกรมสวัสดิการและคุ้มครองแรงงาน กล่าวเพิ่มเติมว่า ในปีนี้ มีสถานประกอบกิจการทั่วประเทศเข้าร่วมโครงการฯ จำนวนทั้งสิ้น 1,339 แห่ง และผ่านเกณฑ์การพิจารณาได้รับรางวัล จำนวน 1,306 แห่ง โดยแบ่งเป็นประเภทรางวัลเกียรติยศสูงสุด 15-19 ปีติดต่อกัน จำนวน 101 แห่ง รางวัลเกียรติยศ 10-14 ปีติดต่อกัน จำนวน 203 แห่ง รางวัลเชิดชูเกียรติ 5-9 ปีติดต่อกัน จำนวน 431 แห่ง รางวัลระดับประเทศ 1-4 ปี จำนวน 530 แห่ง และรางวัลระดับจังหวัด จำนวน 41 แห่ง ซึ่งสถานประกอบกิจการที่ผ่านเกณฑ์การตัดสินได้รับรางวัลในพื้นที่กรุงเทพมหานครจะเข้ารับรางวัลในงาน Thailand Labour Management Excellence Award 2021 ที่จะจัดขึ้นในช่วงต้นเดือนกันยายน 2564 สำหรับสถานประกอบกิจการที่ผ่านเกณฑ์การตัดสินได้รับรางวัลในส่วนภูมิภาค กรมจะจัดส่งโล่รางวัลและเกียรติบัตรให้สำนักงานสวัสดิการและคุ้มครองแรงงานจังหวัด มอบให้กับสถานประกอบกิจการต่อไป ทั้งนี้สามารถดาวน์โหลดประกาศผลรางวัลฯ ได้ที่ https://www.labour.go.th หรือ http://relation.labour.go.th

นัดถกวิป 4 ฝ่าย 6 ก.ค.นี้ ทบทวนเดินหน้าประชุมสภาฯ ต่อหรือไม่ หากจำเป็นต้องเดินหน้าต่อ ต้องมีความปลอดภัยจากโควิด หวั่นรัฐสภากลายเป็นคลัสเตอร์ใหม่ ขณะที่ ส.ว.นัดประชุมจันทร์ที่ 5 ก.ค.วันเดียว เร่งพิจารณากฎหมายต่อจาก ส.ส.

ที่รัฐสภา ผู้สื่อข่าวายงานว่า นายชวน หลีกภัย ประธานสภาผู้แทนราษฎร มอบหมายให้นายสุชาติ ตันเจริญ รองประธานสภาผู้แทนราษฎร คนที่หนึ่ง นัดประชุมวิป 4 ฝ่าย ในวันที่ 6 ก.ค. เวลา 10.00 น. ทั้งฝ่ายค้าน ฝ่ายรัฐบาล วุฒิสภา และตัวแทนคณะรัฐมนตรี (ครม.) เพื่อหารือและตัดสินใจว่าจะเดินหน้าประชุมสภาฯต่อหรือไม่ ทั้งสภาผู้แทนราษฎร และวุฒิสภา เพื่อไม่ให้รัฐสภากลายเป็นคลัสเตอร์การแพร่ระบาดของเชื้อโควิด-19 และหากยังจำเป็นต้องดำเนินการประชุมก็จะต้องมีความปลอดภัย

ขณะที่นายพรเพชร วิชิตชลชัย ประธานวุฒิสภา ได้ตรวจเช็คความพร้อมของห้องประชุมพระจันทรา (ห้องประชุม ส.ว.) เพื่อเตรียมพร้อมการประชุมวุฒิสภาในวันที่ 5 ก.ค.นี้เพียงวันเดียว เนื่องจากมีร่างกฎหมายที่จะต้องพิจารณาหลังสภาผู้แทนราษฎรให้ความเห็นชอบแล้ว เช่น  ร่างพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) จราจร ,ประมวลรัษฎากร และร่างพ.ร.บ.หอการค้า ซึ่งเป็นกฎหมายเกี่ยวกับการเงินที่วุฒิสภาจะต้องพิจารณาให้แล้วเสร็จภายใน 30 วัน

ส่วนการประชุมสภาผู้แทนราษฎร ในสัปดาห์หน้า ที่ประชุมยังค้างการประชุม เพื่อพิจารณาญัตติด่วนที่ ส.ส.ทั้งฝ่ายค้านและฝ่ายรัฐบาล เสนอญัตติด่วนด้วยวาจา ขอให้สภาฯพิจารณาหามาตรการและแนวทางในการแก้ไขปัญหาและผลกระทบจาการแพร่ระบาดของโควิด-19 และจากการบริหารจัดการของ ศบค. รวมทั้งช่วยเหลือเยียวยาผู้ได้รับผลกระทบ อย่างเร่งด่วน ซึ่งเบื้องต้นยังจะต้องรอการพิจารณาจากการประชุมวิป 4 ฝ่ายก่อน ว่าจะเดินหน้าการประชุมสภาผู้แทนราษฎร เพื่อระดมข้อเสนอแนะจาก ส.ส. เพื่อเสนอแนวทางต่อรัฐบาลต่อหรือไม่

นอกจากนั้น สำนักงานเลขาธิการสภาผู้แทนราษฎร ยังได้ชี้แจงกรณีที่มี ส.ส.ตั้งข้อสังเกต ที่รัฐสภายังปล่อยให้แรงงานก่อสร้างต่างชาติ เข้าพื้นที่ทำงานภายในรัฐสภา ทั้งที่มีคำสั่งห้ามจาก ศบค. ว่าปัจจุบันบริษัทผู้รับจ้างในสัญญาต่าง ๆ ได้หยุดการก่อสร้างแล้วทั้งหมด แต่ยังมีส่วนของบริษัทคู่สัญญา ที่ต้องเข้ามาดำเนินการบำรุงรักษาตามสัญญา ทั้งงานปรับปรุงภูมิทัศน์ งานระบบสาธารณูปโภค แอร์ ลิฟท์ ไฟฟ้า และประปา ซึ่งเป็นแรงงานที่มีสัญชาติไทย ไม่ได้อาศัยในแคมป์คนงาน ซึ่งทางสภาฯ มีข้อกำหนดเพื่อป้องกันกาแพร่ระบาดของโควิด-19 อย่างเข้มข้น


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top