Friday, 9 May 2025
Hard News Team

แจงแทน “แรมโบ้” ออกโรงยืนยันผลงานรัฐบาลหลังเลือกตั้ง 2 ปีมีมากมาย ขอประชาชนเชื่อมั่น “บิ๊กตู่” ทำงานเพื่อประชาชน

เมื่อวันที่ 21 พฤษภาคม 2564 นายเสกสกล อัตถาวงศ์ ผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำนายกรัฐมนตรี กล่าวถึงการทำงานของพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรัฐบาล ว่าตั้งแต่เข้ามาบริหารราชการแผ่นดิน ซึ่งจะเห็นได้ว่ามีผลงานหลายอย่างและปฏิรูปประเทศไปแล้วในหลายด้าน ทั้งการปฏิรูปโครงสร้างพื้นฐาน มอเตอร์เวย์ ทางด่วน วงแหวน อุโมงค์  การขนส่งทางราง ที่มีสถานีกลางบางซื่อ การเชื่อมโยงรถ-เรือ-ราง เร่งสร้างรถไฟฟ้าสายต่าง ๆ และเรือ Smart ferry เจ้าพระยา เรือไฟฟ้าคลองผดุงฯ รวมถึงการปฏิรูปคุณภาพชีวิตชาวชุมชน การบริหารจัดการทรัพยากรน้ำ แนวทางแก้ปัญหาเมืองหลวง แก้ปัญหาผู้มีรายได้น้อย ปฏิรูปสู่ยุคดิจิทัล ปฏิรูปกฎหมายปลดล็อกประเด็นสังคม และระบบประกันสุขภาพถ้วนหน้า รวมถึงการปฏิรูประบบสวัสดิการแห่งรัฐ การศึกษา ระบบบำนาญเพื่อทุกคน ปฏิรูปภาคการเกษตร จัดสรรที่ดินทำกินเกษตรกร และปฏิรูปประเทศด้วย “นวัตกรรม” โดยผลักดัน 12 อุตสาหกรรมเป้าหมาย สร้าง EEC ยกระดับโครงสร้างพื้นฐานคมนาคมขนส่งและโทรคมนาคม เป็นต้น

นายเสกสกล กล่าวว่า นอกจากนี้ยังได้ปฏิรูปเยียวยายามวิกฤตในช่วงที่ประเทศเกิดสถานการณ์โควิด-19 ซึ่งเรื่องนี้นายกรัฐมนตรีและรัฐบาลให้ความสำคัญกับสุขภาพของประชาชน รวมถึงการบรรเทาความเดือดร้อนของประชาชนที่ได้รับผลกระทบจากสถานการณ์โควิด-19 มีการออกมาตรการต่าง ๆ เพื่อควบคุมการแพร่ระบาด ควบคู่ไปกับการหามาตรการมาเยียวยาด้านเศรษฐกิจอย่างต่อเนื่อง ขณะเดียวกันได้เร่งจัดหาวัคซีน เพื่อนำมาฉีดให้กับประชาชนให้ได้มากที่สุดและให้ประชาชนเข้าถึงวัคซีนทุกคนโดยประกาศ การฉีดวัคซีนเป็นวาระแห่งชาติด้วย ที่ผ่านมาตั้งแต่เข้ามาบริหารราชการแผ่นดิน นายกฯ มีความตั้งใจและทำงานอย่างเต็มที่ในการที่แก้ไขปัญหาที่สะสมมานานรวมถึงการพัฒนาประเทศในทุกด้าน จึงอยากให้ประชาชนเชื่อมั่นในตัว พล.อ.ประยุทธ์ ว่าตลอดการทำงานนั้นทำเพื่อประชาชนอย่างเต็มที่และสุดความสามารถ

"ขอให้ประชาชนมีความมั่นใจว่าในช่วง 2 ปีหลังการเลือกตั้งที่ผ่านมา รัฐบาลนี้มีผลงานเป็นที่ประจักษ์และมากกว่ารัฐบาลในอดีตมากมาย ดังนั้นฝ่ายค้านหรือฝ่ายตรงข้ามที่พูดจาใส่ความนายกฯ และรัฐบาลว่าไม่มีผลงานใด ๆ ก็ขอให้ประชาชน อย่าได้เชื่อข้อมูล เพราะฝ่ายค้านต้องการโจมตีรัฐบาลเพื่อกลับมามีอำนาจเป็นรัฐบาลเสียเองโดยไม่เอาข้อมูลความจริงมาพูด เพราะเป็นฝ่ายค้าน ก็ต้องทำหน้าที่ค้าน ซึ่งบางคนก็ค้านอย่างไร้เหตุผล" นายเสกสกล กล่าว

ทอ. ส่งเจ้าหน้าที่ฉีดพ่นแอลกอฮอล์ฆ่าเชื้อ ทำความสะอาด ตลาดยิ่งเจริญก่อนเปิดบริการ

พล.อ.ท.ฐานัตถ์ จันทร์อำไพ เจ้ากรมกิจการพลเรือนทหารอากาศ ในฐานะผู้อำนวยการศูนย์ปฏิบัติการพลเรือน-ทหาร ศูนย์บรรเทาสาธารณภัยกองทัพอากาศ นำคณะเจ้าหน้าที่ชุดปฏิบัติการ นิวเคลียร์ ชีวะ เคมี กองทัพอากาศ จากศูนย์วิจัยพัฒนาวิทยาศาสตร์เทคโนโลยีการบินและอวกาศ กองทัพอากาศ ทำการฉีดพ่นแอลกอฮอล์ฆ่าเชื้อ เพื่อทำความสะอาดภายในตลาดยิ่งเจริญ หลังจากพบผู้ติดเชื้อไวรัส COVID-19 จำนวนมาก จากการตรวจหาเชิงรุก แก่ผู้ค้า ผู้ช่วยค้า แรงงานข้ามชาติ และชุมชน ครอบคลุมพื้นที่ตลาดยิ่งเจริญ ตั้งแต่วันที่ 8 พฤษภาคมเป็นต้นมา

โดยเจ้าหน้าที่ของกองทัพอากาศ ได้ทำการฉีดพ่นแอลกอฮอล์ฆ่าเชื้อ ตั้งแต่บริเวณโซนปลาน้ำจืดถึงโซนอาหารทะเล, โซนอาคารยาว ตลาดท้ายเพชร, เต็นท์ยักษ์ ลานจอดรถที่ 3, โซนพลาซ่า, อาคาร 60 ปี, อาคาร 800 ตารางเมตร และบริเวณพื้นที่ใกล้เคียงตลาดยิ่งเจริญ เพื่อเตรียมความพร้อมในการเปิดให้บริการต่อไป

ทั้งนี้ กองทัพอากาศ ยังคงดำเนินการตามมาตรการบรรเทาและแก้ไขปัญหาการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัส COVID-19 อย่างเข้มข้นและต่อเนื่อง อีกทั้งยังดำรงความพร้อมของทรัพยากรต่าง ๆ เพื่อสนับสนุนรัฐบาลและกระทรวงสาธารณสุขในการรับมือกับสถานการณ์และแนวโน้มการแพร่ระบาดของโรค เพื่อให้พี่น้องประชาชนสามารถกลับมาใช้ชีวิตประจำวันได้อย่างปกติสุขโดยเร็ว

ศบค. ต่อพ.ร.ก.ฉุกเฉิน อีก 2 เดือน ถึง 31 ก.ค.

เมื่อวันที่ 21 พฤษภาคม 2564 ที่ศบค. ทำเนียบรัฐบาล นพ.ทวีศิลป์ วิษณุโยธิน โฆษกศูนย์บริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (ศบค.) แถลงผลการประชุมคณะกรรมการบริหารสถานการณ์แพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 หรือ โควิด-19 ครั้งที่ 7 / 2564 ที่มี พล.อ. ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ในฐานะผู้อำนวยการศบค. เป็นประธานการประชุมว่า ที่ประชุมศบค.ชุดใหญ่มีข้อสรุปให้ขยายเวลา การประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินในทุกเขตท้องที่ทั่วราชอาณาจักร คราวที่ 12 โดยเห็นชอบให้ขยายตั้งแต่วันที่ 1 มิถุนายน-วันที่ 31 กรกฎาคม 2564 โดยเหตุผลเพื่อการควบคุมโรคระบาด โควิด-19 เป็นหลัก
 

ข้อตกลงหยุดยิงระหว่างอิสราเอลกับกลุ่มฮามาสมีผลบังคับใช้แล้ว หลังคณะรัฐมนตรีความมั่นคงแห่งอิสราเอลเห็นชอบการหยุดยิงกับกลุ่มฮามาสในปาเลสไตน์ หลังต่อสู้กันมานาน 11 วัน ซึ่งส่งผลให้มีผู้เสียชีวิตอย่างน้อย 244 ราย

ทำเนียบนายกรัฐมนตรี เบนจามิน เนทันยาฮู ของอิสราเอลออกแถลงการณ์ว่า คณะรัฐมนตรีความมั่นคงเห็นชอบอย่างเป็นเอกฉันท์ต่อข้อเสนอแนะของเจ้าหน้าที่ความมั่นคงทุกคน...ให้ยอมรับความริเริ่มของอียิปต์ให้หยุดยิงร่วมกันโดยไม่มีเงื่อนไข

ขณะที่ คาลิล อัล-เฮย์ยา บุคคลระดับสูงของกลุ่มฮามาสยืนยันข้อตกลงหยุดยิงและประกาศว่า “นี่คือความอิ่มอกอิ่มใจของชัยชนะ”

ผู้สื่อข่าวของสำนักข่าว AFP รายงานว่า หลังจากประกาศหยุดยิงมีการเฉลิมฉลองด้วยการบีบแตรรถยนต์และยิงปืนขึ้นฟ้าในฉนวนกาซา ส่วนในเขตเวสต์แบงก์ประชาชนพากันออกมาฉลองบนท้องถนน

ในเวลาต่อมา ประธานาธิบดี โจ ไบเดน เอ่ยถึงการหยุดยิงว่า “ผมเชื่อว่าเรามีโอกาสที่จะทำให้เกิดความคืบหน้า และผมสัญญาว่าจะทำให้มันเกิดขึ้น” และยังชมอียิปต์ที่เป็นคนกลาง

ส่วน แอนโทนี บลิงเคน รัฐมนตรีกระทรวงต่างประเทศสหรัฐฯ เผยว่า จะเตรียมตัวเดินทางไปอิสราเอลและตะวันออกกลางเร็ว ๆ นี้ หากนั่นจะช่วยยุติความขัดแย้งและพัฒนาชีวิตของชาวอิสราเอลและปาเลสไตน์

การตกลงหยุดยิงที่มีอียิปต์เป็นตัวกลางเกิดขึ้นหลังจากนานาชาติพากันกดดันเพื่อให้ยุติการสู้รบที่ดำเนินมาตั้งแต่วันที่ 10 พ.ค.

อย่างไรก็ตามยังไม่มีการกำหนดเวลาหยุดยิงที่แน่ชัด

 

ที่มา: https://www.posttoday.com/world/653494


แหล่งรวม "บทความและคอนเทนต์แปลกใหม่!!!" แบบไร้ Toxic ติดตามได้ที่ THE STATES TIMES Blockdit

LINK : https://www.blockdit.com/pages/60583e7ff90e240c3e7f1c32

ผบ.ฉก.ร.7 เปิดเผยว่า ได้มีการปะทะในเมียนมา ระหว่างทหารเมียนมากับกองกำลังกะเหรี่ยงเคเอ็นยู ทำให้มี ‘กระสุน ค.’ ตกเข้าในไทยด้านทิศเหนือของบ้านท่าตาฝั่ง 3 นัด ซึ่งเจ้าหน้าที่ทหารได้เข้าไปเคลียร์เป็นที่เรียบร้อยแล้ว

พ.อ.สุจินต์ ทรัพย์สิน ผบ.ฉก.ร.7 เปิดเผยว่า เมื่อวันที่ 20 พฤษภาคม 2564 เวลาประมาณ 10.00 น. ได้มีการปะทะในเมียนมา ระหว่างทหารเมียนมากับกองกำลังกะเหรี่ยงเคเอ็นยู ทำให้มี ‘กระสุน ค.’ ตกเข้าในไทยด้านทิศเหนือของบ้านท่าตาฝั่ง 3 นัด ซึ่งเจ้าหน้าที่ทหารได้เข้าไปเคลียร์เป็นที่เรียบร้อยแล้ว

ทั้งนี้ทาง ฉก.ร.7 ได้แจ้งไปยังศูนย์สั่งการชายแดนไทย-เมียนมา ด้าน จ.แม่ฮ่องสอน เพื่อรายงานสถานการณ์ที่เกิดขึ้นแล้ว และได้ทำหนังสือประท้วงไปยังคณะกรรมการส่วนท้องถิ่นไทย-เมียนมา หรือ TBC เนื่องจากพื้นที่ตรงข้ามบ้านท่าตาฝั่ง มีฐานทหารเมียนมาตั้งอยู่ และยังมีกองกำลังทหารกะเหรี่ยงเคเอ็นยูด้วย

อย่างไรก็ตามเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ยังคงต้องพิสูจน์ทราบว่าเป็นฝ่ายใด และทางการไทยต้องดูแลความเรียบร้อยพื้นที่ชายแดนอย่างเต็มที่ จึงได้ให้ประชาชนบ้านท่าตาฝั่ง อพยพไปในที่ปลอดภัยแล้ว

สำหรับเหตุการณ์ดังกล่าวนั้น ทางราษฎรบ้านท่าตาฝั่ง ได้ระบุว่า ชาวบ้านท่าตาฝั่งทุกคนเห็นทหารเมียนมาฐานด๊ากวิน ซึ่งอยู่ตรงข้ามบ้านท่าตาฝั่ง เป็นฝ่ายยิง ค. เข้ามาในเขตไทยอย่างชัดเจน นอกจากการยิง ค. แล้ว ยังตามด้วยการยิงปืนกลหนักเข้ามาในหมู่บ้านท่าตาฝั่ง และกระสุนได้ทะลุฝาบ้านพักของโรงเรียนบ้านท่าตาฝั่งอีกด้วย ลักษณะการกระทำของทหารเมียนมา เป็นไปตามที่พม่าได้ข่มขู่เจ้าหน้าที่ฝ่ายไทยว่าหากให้การช่วยเหลือกลุ่มกะเหรี่ยงเคเอ็นยู จะทำการยิงโจมตีบ้านท่าตาฝั่งทันที และเหตุการณ์ก็เกิดขึ้นจริงตามที่ขู่ไว้

ฉะนั้นความเคลื่อนไหวพื้นที่ชุมชนบ้านท่าตาฝั่งในตอนนี้ ทางเจ้าหน้าที่จึงเร่งให้การช่วยเหลืออพยพชาวบ้านไปในแหล่งที่ปลอดภัยและให้ความช่วยเหลือเบื้องต้น โดยชาวบ้านอพยพไปยังสวนนา และกางเต็นท์สร้างที่พักชั่วคราวในป่า ส่วนบางคนหลบเข้ามาข้างในหมู่บ้าน บางคนย้ายไปพึ่งพิงอาศัยญาติที่อยู่ใน อ.แม่สะเรียง ในขณะเดียวกันยังมีบางคนที่ยังนอนเฝ้าบ้านเพราะเป็นห่วงบ้านเรือนและทรัพย์สิน เช่น สัตว์เลี้ยง รถ เรือ เป็นต้น ชาวบ้านที่อพยพส่วนใหญ่เป็นกลุ่มเด็ก สตรี ผู้สูงอายุ บางคนมีโรคประจำตัวหวาดผวากับเสียงปืนจนต้องหาที่หลบไกลจากพื้นที่ชุมชนชายแดน

ทั้งนี้ ที่ผ่านมาในพื้นที่แจ้งเตือนให้อพยพไปยังที่ปลอดภัย โดยสถานการณ์ตอนนี้ไม่น่าไว้วางใจ ซึ่งรายงานข่าวในเมียนมา พบว่า อาจมีความเป็นไปได้สูงที่ทางทหารเมียนมาจะตั้งปืนใหญ่จาก ‘ฐานเหล่อโต’ พิกัดเยื้องกับฐานเมียนมาใกล้บ้านท่าตาฝั่ง เพราะมีค่าใช้จ่ายต่ำกว่าการโจมตีทางอากาศยาน และหากเป็นไปตามนั้นจริงชุมชนต้องอพยพทั้งหมด เพราะตำแหน่งตั้งปืนใหญ่หันมายังชุมชนอาจโดนลูกหลงได้

 

ที่มา: https://www.naewna.com/local/574581


แหล่งรวม "บทความและคอนเทนต์แปลกใหม่!!!" แบบไร้ Toxic ติดตามได้ที่ THE STATES TIMES Blockdit

LINK : https://www.blockdit.com/pages/60583e7ff90e240c3e7f1c32

"กรณ์-อรรถวิชช์" เปิด "ศูนย์สู้โควิด คลองสามวา" ช่วยประชาชนกทม.ตะวันออก สู้วิกฤตโควิด-19 ย้ำโครงการ "กล้าสู้โควิด-กล้าเติมอิ่ม-กล้าหางาน" ลงพื้นที่ช่วยเหลือประชาชนต่อเนื่อง

นายกรณ์ จาติกวณิช หัวหน้าพรรคกล้า พร้อมด้วยนายอรรถวิชช์ สุวรรณภักดี เลขาธิการพรรค, นายสมัย เจริญช่าง ประธานคณะกรรมการจริยธรรมพรรค ร่วมงานเปิด "ศูนย์สู้โควิด คลองสามวา" ตั้งโดยนายณัฐนันท์ กัลยาศิริ ผู้เสนอตัวสมัครรับเลือกตั้ง ส.ส.กทม. และนายมนูญ อินช่วย ผู้เสนอตัวสมัครรับเลือกตั้ง ส.ก. ที่ปั๊มน้ำมัน SUSCO ถนนหทัยราษฏร์ เพื่อไปศูนย์ประสานงานให้ความช่วยเหลือรวบรวมสิ่งของ อาหาร ฉีดพ่นในพื้นที่ เพื่อป้องกันการแพร่ระบาดโรคติดเชื้อโควิด-19 ในพื้นที่ กทม. ตะวันออก โดยการสนับสนุนสถานที่จากนายภิมุข สิมะโรจน์ ประธานกรรมการบริหารบริษัท SUSCO จำกัด (มหาชน) 

นายกรณ์ กล่าวว่า แม้พรรคกล้ายังไม่มี ส.ส.ในสภาฯ แต่ได้ระดมสรรพกำลังทั้งหมดเพื่อช่วยเหลือพี่น้องประชาชน โดยเฉพาะคนจนในเขตเมือง ระดมตัวแทนทั้ง 50 เขต นำโดยนายอรรถวิชช์ สุวรรณภักดี เลขาธิการพรรค ตั้งแต่โครงการ "กล้าสู้โควิด" ช่วยหาเตียงให้ผู้ติดเชื้อได้นับร้อยคน และส่วนใหญ่รักษาจนหายกลับไปที่บ้านแล้ว, โครงการ "กล้าเติมอิ่ม" ตั้งโรงครัว แจกข้าวกล่อง ช่วยเหลือประชาชนที่ขาดรายได้ กักตัวไม่สามารถออกมาจากบ้านได้ และโครงการ "กล้าหางาน" ที่เพิ่งเปิดเมื่อต้นสัปดาห์ เพื่อบรรเทาผลกระทบการว่างงานจากวิกฤตโควิด-19 ช่วยประชาชนที่ว่างงานได้มีงานทำ 

นายอรรถวิชช์ สุวรรณภักดี เลขาธิการพรรคกล้า กล่าวว่า รู้สึกภูมิใจเขตนี้ ที่ช่วยกันสร้างค่านิยมการลงมือทำ ช่วงการเมือง 10 ปีแบ่งฝั่งซ้ายฝั่งขวา แต่พรรคกล้าต้องการเปลี่ยนสังคมและวัฒนธรรมทางการเมืองด้วยการลงมือทำ ไม่ต้องมีใครมาโหนใครข้างไหนทั้งนั้น และยิ่งโควิดครั้งนี้ อันตรายกว่าทุกครั้งที่ผ่านมา ดีใจและขอบคุณทุกคนที่มาช่วยกันวันนี้

นายสมัย เจริญช่าง ประธานคณะกรรมการจริยธรรมพรรค กล่าวว่า วันนี้คลองสามวาได้คนรุ่นใหม่อย่างนายณัฐนันท์ กัลยาศิริ ผู้เสนอตัวสมัครรับเลือกตั้ง ส.ส.กทม. และนายมนูญ อินช่วย ผู้เสนอตัวสมัครรับเลือกตั้ง ส.ก. มาทำงานต่อเนื่องก็อยากฝากพี่น้องประชาชนว่า นายณัฐนันท์จะมีโอกาสได้ทำงานมากกว่านี้หากมีสถานภาพเป็นตัวแทนที่ถูกต้องตามกฎหมาย และนายมนูญจะได้ทำงานระดับท้องที่ท้องถิ่นได้มากขึ้น 

นายสมัย ยังกล่าวถึงปัญหาการกระจายวัคซีนในพื้นที่คลองสามวา เป็นเขตที่มีประชากรกว่า 2 แสนคน แต่มีสถานที่ฉีดวัคซีนเพียงแห่งเดียวคือโรงพยาบาลคลองสามวา และเป็นโรงพยาบาลที่เพิ่งเปิดใหม่ เมื่อเทียบกับจำนวนประชากรแล้ว แน่นอนว่าไม่สามารถให้บริการได้อย่างทั่วถึงและเพียงพอ และหลาย ๆ คนเข้าไปสมัครลงทะเบียนฉีดวัคซีนผ่าน Application หมอพร้อมไม่ได้ แม้บางรายก็ยังไม่ใช่กลุ่มเสี่ยง แต่โดยภาพรวมก็ทำให้ประชาชนเกิดความวิตกเกี่ยวกับสถานการณ์โควิด-19 ที่เกิดขึ้น หวังว่าพรรคกล้าจะนำบทเรียนความผิดพลาดเหล่านี้ นำไปสู่การกำหนดนโยบายแก้ไขปัญหาต่อไปในอนาคต

ที่ปรึกษาด้านสื่อสาร ศบค. ‘ดร.วรัชญ์ ครุจิต’ ยกข้อมูลโต้กรณีที่ระบุฉีดวัคซีน Sinovac เข้าประเทศ EU ไม่ได้ ชี้ การฉีดวัคซีนไม่ใช่เงื่อนไขเดียวในการเข้า EU ยืนยัน เข้าได้ หากมาจากประเทศที่ปลอดภัยจากโควิด

เมื่อวันที่ 20 พ.ค. ผศ.ดร.วรัชญ์ ครุจิต รองคณบดีฝ่ายวางแผนและพัฒนา คณะนิเทศศาสตร์และนวัตกรรมการจัดการ สถาบันบัณฑิตพัฒนบริหารศาสตร์ (นิด้า) และที่ปรึกษาด้านการสื่อสาร ศูนย์บริหารสถานการณ์แพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (ศบค.) ได้โพสต์เฟซบุ๊ก เรื่อง ผู้ที่ฉีดวัคซีน Sinovac เข้าประเทศ EU ไม่ได้จริงหรือ? โดยระบุข้อความว่า

จากกรณีมีเพจหนึ่ง อ้างอิงข้อมูลจาก New York Times ว่า EU หรือประเทศในทวีปยุโรป 27 ประเทศ จะอนุญาตให้ผู้ได้รับวัคซีนเข้าประเทศได้ แต่ไม่มีวัคซีน Sinovac เพราะยังไม่ได้รับการรับรองจากองค์การอนามัยโลก ทำให้ผู้อ่านจำนวนมากสรุปว่า คนที่ฉีด Sinovac จะไม่สามารถเข้าประเทศในกลุ่ม EU ได้

ซึ่งหากลองดูตัวข่าวจาก New York Times จะพบว่า ร่างมาตรการของ EU นี้มีรายละเอียดว่าจะอนุญาตให้ผู้ที่ฉีดวัคซีนที่รับรองโดย WHO เข้าประเทศได้จริง ซึ่ง AstraZeneca อยู่ในรายชื่อวัคซีนที่รับรองโดย WHO ดังนั้นผู้ที่ฉีดวัคซีนนี้ก็ไม่มีปัญหาอะไร

ดังนั้นคำถามสำคัญคือ ผู้ที่ฉีด Sinovac จะเข้า EU ไม่ได้จริงหรือ?

สิ่งที่ข้อมูลจากเพจนี้บอกไม่หมดก็คือ การฉีดวัคซีนไม่ใช่เงื่อนไขเดียวในการเข้า EU แต่มีอีกหนึ่งเงื่อนไข นั่นก็คือการมาจากประเทศที่ "ปลอดภัย" จากโควิด

ซึ่งเงื่อนไขของการอยู่ใน Safe List นี้ก็คือ จะต้องมีอัตราส่วนของยอดผู้ติดเชื้อรวมกันในรอบ 14 วันที่ผ่านมา ต่ำกว่า 75 คนต่อแสนประชากร (ซึ่งถ้าประกาศใช้จริงๆคงจะวุ่นวายน่าดู เพราะจะเปลี่ยนแปลงตลอดเวลา) ซึ่งจะได้รับอนุญาตให้เข้า EU สำหรับ Nonessential Reasons เช่นกัน (คือการเดินทางที่ไม่จำเป็นเร่งด่วน) เช่นการท่องเที่ยว หรือทำธุรกิจ

คำถามต่อมาคือ ถ้ามีการประกาศมาตรการนี้จริงๆ ไทยจะอยู่ใน Safe List หรือไม่?

อันนี้ก็คงขึ้นอยู่กับสถานการณ์ ณ วันที่ประกาศมาตรการ แต่สมมติว่าเรามีผู้ติดเชื้อ 2,000 คนต่อวัน ต่อเนื่องกัน 14 วัน (อันนี้ขอไม่รวมคลัสเตอร์คุกก่อนละกันนะครับ) ก็จะมียอดรวม 28,000 คน ซึ่งประเทศไทยมีประชากร 70 ล้านคน หากคิดออกมา 28,000 ต่อ 70,000,000 ก็ได้ได้สัดส่วนอยู่ที่ 40 ต่อแสนประชากร ยังห่างจากเกณฑ์เกือบครึ่ง หรือถ้าเราจะให้ถึงเกณฑ์ 75 ต่อแสน เราต้องติดเชื้อรวม 14 วันอยู่ที่ 52,500 หรือวันละ 3,750 ต่อเนื่องกัน 14 วัน ดังนั้นจึงน่าจะค่อนข้างแน่ว่าเราจะอยู่ใน Safe List ของ EU ตามเงื่อนไขนี้ ไม่ว่าจะฉีดวัคซีนอะไร หรือไม่ฉีดก็ตาม

และเพื่อให้แน่ใจอีกชั้น ผมจึงได้สอบถามจากทางกรมการกงสุลแล้ว ได้รับคำตอบว่า ณ ขณะนี้ประเทศไทยอยู่ใน Safe List คือคนไทยยังสามารถเดินทางเข้าประเทศได้ และกฎเกณฑ์ของ EU ที่เป็นข่าวนี้ ยังเป็นเพียงข้อเสนอแนะเท่านั้น ยังไม่รู้ว่าจะออกมาจริงหรือไม่ และเมื่อไหร่

อ้อ แล้ว Sinovac ไม่ใช่ WHO พิจารณาว่าไม่รับรองนะครับ แต่กำลังอยู่ในขั้นตอนการพิจารณา ซึ่งส่วนตัวผมเชื่อว่าน่าจะผ่านการรับรอง เพราะผลของคณะที่ปรึกษาที่ทำการประเมินบอกว่า มีความมั่นใจในประสิทธิภาพ โดยเฉพาะการป้องกันการเจ็บป่วยหนักหรือเสียชีวิต

และเอาจริงๆ คนไทยส่วนใหญ่ที่จองคิวผ่านหมอพร้อม และจะฉีดในเดือน มิย.นี้เป็นต้นไป ก็จะเป็นวัคซีนของ Astra-Zeneca อยู่แล้วครับ

ดังนั้นท่านใดจะต้องเดินทางไปในประเทศ EU ก็คงพอจะสบายใจกันได้ครับ

ปล. จริงๆมีอีกเงื่อนไขหนึ่งนะครับในมาตรการนี้ คือไม่จำเป็นต้องเป็นวัคซีนที่ WHO รับรองก็ได้ แต่เป็นวัคซีนที่ประเทศนั้นๆรับรอง

ปล 2 ซึ่งมาตรการนี้จริงๆก็ยังไม่รู้ว่าจะออกมาได้หรือไม่ เพราะเกณฑ์ 75 ต่อแสนประชากรนี่ มีแค่ 3 ประเทศเท่านั้นในยุโรป คือ ฟินแลนด์ มอลตา และโปรตุเกส ที่ผ่านเกณฑ์ ที่เหลืออีก 24 ประเทศเกินหมด!

 

ที่มา : https://www.nytimes.com/.../world/europe/travel-vaccine.html

https:/www.facebook.com/story.php?story_fbid=4603906806291589&id=100000169455098&_rdc=2&_rdr


แหล่งรวม "บทความและคอนเทนต์แปลกใหม่!!!" แบบไร้ Toxic ติดตามได้ที่ THE STATES TIMES Blockdit

LINK : https://www.blockdit.com/pages/60583e7ff90e240c3e7f1c32

"ศรีสุวรรณ" หอบหลักฐาน ร้อง กกต.วินิจฉัยให้เลือกตั้ง อบจ.นนทบุรีใหม่ หลังพบทำผิดซื้อเสียง-ฝ่าฝืนหาเสียงทางอิเล็กทรอนิกส์-สัญญาว่าจะให้เงินเด็ก

เมื่อวันที่ 21 พฤษภาคม 2564 ที่สำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) นายศรีสุวรรณ จรรยา เลขาธิการสมาคมองค์การพิทักษ์รัฐธรรมนูญไทย เข้ายื่นคำร้องต่อ กกต. เพื่อให้ดำเนินการสืบสวน ไต่สวน หรือวินิจฉัย เพราะมีหลักฐานที่เชื่อได้ว่า การเลือกตั้งนายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดและสมาชิกสภาองค์การบริหารส่วนจังหวัดนนทบุรี มีผู้สมัครรับเลือกตั้งทำผิดกฎหมายเลือกตั้งอย่างมากมาย

นายศรีสุวรรณ กล่าวว่า สืบเนื่องมาจาก กกต. ได้จัดให้มีการเลือกตั้ง สมาชิก อบจ. และนายก อบจ.ทั่วประเทศเมื่อ 20 ธ.ค. 63 ที่ผ่านมา แต่ปรากฏว่า ผู้สมัครรับเลือกตั้งในพื้นที่ จ.นนทบุรี มีการกระทำความผิดเกี่ยวกับ พระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.)การเลือกตั้งสมาชิกสภาท้องถิ่นและผู้บริหารท้องถิ่น 2562 มาตรา65 (1) อย่างโจ๋งครึ่ม อาทิ มีการซื้อสิทธิ-ขายเสียง โดยมีการแจกเงินหัวละ 300 บาท โดยมีพยานหลักฐานเป็นคลิปวิดีโอ ซึ่งมีการนำมาโพสต์แพร่หลายในโซเชียลมีเดีย กระทั่งมีความพยายามวิ่งเต้นเพื่อเบี่ยงเบนหลักฐานดังกล่าวที่แพร่หลาย โดยอ้างว่าเป็นการชำระหนี้กันแทน แต่ทว่าหลักฐานของการโทรศัพท์มาเคลียร์ของฝ่ายซื้อเสียงเป็นประจักษ์พยานที่ปฏิเสธไม่ได้

นอกจากนั้น ยังมีหลักฐานการโฆษณาในโซเชียลฯต่าง ๆ ที่สามารถชี้ชัดถึงผู้สมัครนายก อบจ.บางรายเกี่ยวกับการให้หรือสัญญาว่าจะให้เงินหรือทรัพย์สิน โดยเฉพาะการให้เงินเดือนของตนกับเด็กประพฤติดีแต่ยากจนตลอดระยะเวลาที่ดำรงตำแหน่ง ซึ่งถ้าบวกค่าตอบแทนประจำตำแหน่งและค่าตอบแทนพิเศษเข้าไปอีกจะตกประมาณ 75,530 บาทต่อเดือน หรือ 906,360 บาทต่อปี หรือกว่า 18 ล้านบาทตลอดระยะเวลาการดำรงตำแหน่งกว่า 16 ปีที่ผ่านมา ซึ่งขัดต่อประกาศผู้อำนวยการเลือกตั้งประจำ จ.นนทบุรี เรื่อง กำหนดจำนวนเงินค่าใช้จ่ายในการเลือกตั้งของนายก อบจ. ที่กำหนดไว้ไม่เกิน 7 ล้านบาทเท่านั้น

อีกทั้งยังมีหลักฐานที่ชี้ว่าการโฆษณาหาเสียงเลือกตั้งโดยวิธีการทางอิเล็กทรอนิกส์ ยังมีการฝ่าฝืนระเบียบกกต.ว่าด้วยวิธีการหาเสียงและลักษณะต้องห้ามในการหาเสียงเลือกตั้งสมาชิกสภาท้องถิ่นหรือผู้บริหารท้องถิ่น 2563 มากมาย ทั้งการนำเด็กๆมาใช้ในการทำแผ่นป้ายหาเสียง ซึ่งเข้าข่ายฝ่าฝืน มาตรา 27 ประกอบ มาตรา79 แห่ง พ.ร.บ.การคุ้มครองเด็ก 2546 อีกด้วย

นายศรีสุวรรณ กล่าวอีกว่า แม้ กกต.จะได้ประกาศผลการเลือกตั้ง สมาชิก อบจ.และนายก อบจ.นนทบุรีไปแล้วก็ตาม แต่ทว่าตาม มาตรา17 วรรคสอง แห่ง พ.ร.บ.การเลือกตั้งสมาชิกสภาท้องถิ่นหรือผู้บริหารท้องถิ่น 2562 บัญญัติไว้ว่า “การประกาศผลการเลือกตั้ง ไม่เป็นการตัดหน้าที่และอำนาจของ กกต.ที่จะดำเนินการสืบสวน ไต่สวน หรือวินิจฉัย เมื่อมีเหตุอันควรสงสัยว่า การเลือกตั้งมิได้เป็นไปโดยสุจริตหรือเที่ยงธรรม” ด้วยเหตุดังกล่าว สมาคมฯ จึงนำพยานหลักฐานที่ชี้ชัดเกี่ยวกับการทำผิดกฎหมายเลือกตั้ง อบจ.นนทบุรี มาร้อง กกต. เพื่อให้ดำเนินการเอาผิดและหรือร้องต่อศาลสั่งให้มีการเลือกตั้งใหม่ต่อไป

“บิ๊กป้อม” ประชุมกนภ. ย้ำ ทส.ขับเคลื่อน ลดก๊าซเรือนกระจกต่อเนื่อง ตามกรอบ UN เน้นสร้างการรับรู้-ปชช. มีส่วนร่วม เห็นชอบ มาตรการทดแทนปูนเม็ด และแถลงการณ์ร่วม ไทย-สวิส สานความสัมพันธ์ มุ่ง ปก.ภาวะโลกร้อน ทั้งภายในประเทศ และของโลก

เมื่อวันที่ 21 พฤษภาคม 2564  พล.ต.พัชร์ชศักดิ์ ปฏิรูปานนท์ ผช.โฆษกประจำรอง นรม. เปิดเผยว่าพล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รอง นรม. ได้เป็นประธานการประชุม คณะกรรมการนโยบายการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศแห่งชาติ (กนภ.) ครั้งที่ 3/2564 ผ่านสื่ออิเล็กทรอนิกส์ โดยมี นายวราวุธ ศิลปอาชา รมว.ทส. เข้าร่วมการประชุม ณ ห้องประชุม 301  ตึกบัญชาการ 1 ทำเนียบรัฐบาล

ที่ประชุมได้รับทราบ การดำเนินงานที่สำคัญ และผลการประชุมระดับรัฐมนตรีระหว่างผู้นำสหรัฐ และผู้นำจากประเทศที่ปล่อยก๊าซเรือนกระจกระดับสูง รวมทั้งผู้นำจากประเทศที่มีการดำเนินงานด้านการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ อย่างโดดเด่น และได้เตรียมการประชุมครั้งต่อไป ณ สหราชอาณาจักรในเดือน พ.ย.2564 โดยมี รมว.ทส.ของไทยได้รับเชิญเข้าร่วมประชุม ในหัวข้อ "Climate Adaptation and Resilience" 

กนภ. ได้มีการพิจารณาเห็นชอบ (ร่าง) กรอบท่าทีเจรจาของไทยในการประชุมกรอบอนุสัญญาสหประชาชาติ ว่าด้วยการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ ประจำปี พ.ศ.2564 เพื่อใช้ในการเจรจาการประชุมองค์กรย่อยต่อไป และเห็นชอบ ข้อเสนอตามบันทึกความเข้าใจว่าด้วยความร่วมมือฯ ลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก : มาตรการทดแทนปูนเม็ด อาทิ ให้ เร่งรัดปรับปรุงมาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม (มอก.) ประเภทผลิตภัณฑ์คอนกรีต ให้สามารถใช้ผลิตภัณฑ์ปูนซีเมนต์ ที่ลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก เป็นวัตถุดิบได้ เป็นต้น รวมถึงได้มีการเห็นชอบ (ร่าง) แถลงการณ์ร่วม (joint statement) ระหว่างสำนักงานนโยบายและแผนทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมของไทยกับกรมสิ่งแวดล้อมของสวิส ในความร่วมมือด้านการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ เนื่องในโอกาสฉลองครบรอบ 90 ปี ความสัมพันธ์ทางการทูตของทั้ง 2 ประเทศ

พล.อ.ประวิตร ยังได้กล่าวเพิ่มเติมว่า รัฐบาลได้ให้ความสำคัญอย่างยิ่ง ต่อภาวะโลกร้อน ซึ่งได้มีความพยายามแก้ปัญหา มาอย่างต่อเนื่อง เพื่อรักษาสิ่งแวดล้อม ทั้งภายในประเทศ และของโลก ตามกรอบอนุสัญญาสหประชาชาติ พร้อมกำชับ ทส.ให้เร่งสร้างการรับรู้/ความเข้าใจให้แก่ประชาชน และมีส่วนร่วมสนับสนุนภาครัฐ รวมถึงรณรงค์ขอให้ประชาชนร่วมกันอนุรักษ์สิ่งแวดล้อม เพื่อป้องกันภาวะโลกร้อน ไปด้วยกัน

‘พล.ต.อ.อดุลย์’ ปธ.กมธ.แรงงาน วุฒิสภา มอบเงิน หน้ากากอนามัยแก่จังหวัดนครพนม สู้โควิด-19

พล.ต.อ.อดุลย์ แสงสิงแก้ว สมาชิกวุฒิสภา ประธานคณะกรรมาธิการการแรงงาน วุฒิสภาในนามโครงการสมาชิกวุฒิสภาพบประชาชนในพื้นที่จังหวัดภาคตะวันออกเฉียงเหนือ (ตอนบน) และ มูลนิธิ พล.ต.อ.อดุลย์ แสงสิงแก้ว มอบเงินและหน้ากากอนามัยแก่ผู้ว่าราชการจังหวัดนครพนม นำไปส่งมอบแก่บุคลากรทางการแพทย์และเจ้าหน้าที่เพื่อป้องกันโควิด-19

เมื่อวันศุกร์ที่ 21 พฤษภาคม 2564 พล.ต.อ.อดุลย์ แสงสิงแก้ว สมาชิกวุฒิสภา ประธานคณะกรรมาธิการการแรงงาน วุฒิสภา ในนาม โครงการสมาชิกวุฒิสภาพบประชาชนในพื้นที่จังหวัดภาคตะวันออกเฉียงเหนือ (ตอนบน) และ มูลนิธิ พล.ต.อ.อดุลย์ แสงสิงแก้ว ได้มอบเงิน หน้ากากอนามัย ให้กับ บุคลากรทางการแพทย์ ข้าราชการพลเรือน ทหาร ตำรวจ และประชาชนชาวจังหวัดนครพนม เพื่อใช้ป้องกันไวรัสโควิด-19 ประกอบด้วย เงินสด จำนวน 135,000 บาท หน้ากากอนามัย จำนวน 75,000 ชิ้น มูลค่า 150,000 บาท รวมมูลค่ากว่า 285,000 บาท

โดยมี นายไกรสร กองฉลาด ผู้ว่าราชการจังหวัดนครพนม พล.ต.สามารถ จินตสมิทธ์ ผบ.มทบ.210 พล.ร.ต.จรัสเกียรติ ไชยพันธุ์ ผบช.นรข. พล.ต.ต.ธนชาติ รอดคลองตัน ผบก.ภ.จว.นครพนม นายแพทย์สมโภชน์ กังวานธีรวัฒน์ ผู้อำนวยการโรงพยาบาลนครพนม นายจรูญ เหง่าลา ผู้บัญชาการเรือนจำกลางนครพนม พร้อมด้วยหัวหน้าส่วนราชการ และผู้นำชุมชน เป็นผู้แทนรับมอบเพื่อแจกจ่ายตามวัตถุประสงค์ต่อไป


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top