Sunday, 11 May 2025
Hard News Team

กรมคุ้มครองสิทธิและเสรีภาพ ร่วมกับมหาวิทยาลัยมหิดล จัดประชุม เชิงปฏิบัติการเพื่อติดตามและประเมินผลแผนสิทธิมนุษยชนแห่งชาติฉบับที่ 4 และยก (ร่าง) แผนสิทธิมนุษยชนแห่งชาติฉบับที่ 5 ครั้งที่ 1 พื้นที่ภาคใต้

วันนี้ (4 มิถุนายน 2564) เวลา 09.00 น. นายเรืองศักดิ์ สุวารี อธิบดีกรมคุ้มครองสิทธิและเสรีภาพ เป็นประธานในพิธีเปิดการประชุมเชิงปฏิบัติการเพื่อติดตามและประเมินผลแผนสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ ฉบับที่ 4 และยก (ร่าง) แผนสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ ฉบับที่ 5 (พ.ศ.2556 - 2570) ครั้งที่ 1 ในพื้นที่ภาคใต้ ผ่านระบบ อิเล็กทรอนิกส์ Cisco Webex Meeting โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อให้ภาคส่วนต่างๆ ได้มีส่วนร่วมสะท้อนปัญหา และ ร่วมจัดทำแผนระดับพื้นที่พัฒนาเป็นแผนระดับชาติ รวมทั้งติดตามผลการดำเนินงานตามแผนสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ ฉบับที่ 4 และยก (ร่าง) แผนสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ ฉบับที่ 5 โดยร่วมมือกับมหาวิทยาลัยมหิดล รองศาสตราจารย์ ดร.ศรีสมบัติ โชคประจักษ์ และคณะเป็นที่ปรึกษาโครงการ 

สำหรับการประชุมในครั้งนี้ เน้นกระบวนการมีส่วนร่วม ของทุกภาคส่วน โดยเปิดเวทีรับฟังความคิดเห็นในระดับพื้นที่นำมาวิเคราะห์ยก (ร่าง) แผนสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ ฉบับที่ 5 (พ.ศ.2556 - 2570) กระทรวงยุติธรรม โดยกรมคุ้มครองสิทธิและเสรีภาพนำเสนอร่างเข้าสู่การกระบวนการ พิจารณาของสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติต่อไป เพื่อให้แผนสามารถประกาศใช้ได้ทันตามรอบเวลา ทั้งนี้การประชุมฯ ดังกล่าวมีกลุ่มเป้าหมายประกอบด้วยผู้แทนหน่วยงานภาครัฐ และภาคประชาสังคม จำนวน ประมาณ 80คน ซึ่งหลังจากนี้จะมีการจัดประชุมเชิงปฏิบัติการฯ จำนวน 4ครั้ง ดังนี้ (1) พื้นที่ภาคเหนือ ในวันพุธที่ 9 มิถุนายน 2564 (2) พื้นที่ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ในวันพฤหัสบดีที่ 17 มิถุนายน 2564 (3) พื้นที่ภาคกลาง ในวันพฤหัสบดีที่ 24 มิถุนายน 2564 (4) พื้นที่กรุงเทพมหานคร ในวันพฤหัสบดีที่ 1 กรกฎาคม 2564 

"เครือข่าย We Fair" ยื่นหนังสือ จี้ "กมธ.งบ 65" จัดลำดับความสำคัญงบ ทุ่มนโยบายสวัสดิการสังคมมากกว่าซื้ออาวุธ ด้าน "พิธา" อัด เป็นการจัดงบระหว่างอภิสิทธิ์ชน-ปชช. ในขณะที่ประเทศดิ่งเหว

เมื่อวันที่ 4 มิถุนายน เวลา 09.40 น ที่รัฐสภา นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ ส.ส.บัญชีรายชื่อ และหัวหน้าพรรคก้าวไกล น.ส.ธีรรัตน์ สําเร็จวาณิชย์ ส.ส.กทม. พรรคเพื่อไทย  และพ.ต.อ.ทวี สอดส่อง ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคประชาชาติ ในฐานะคณะกรรมาธิการ (กมธ.) วิสามัญพิจารณาร่างพ.ร.บ.งบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2565 เป็นตัวแทนรับหนังสือจากเครือข่าย We Fair เพื่อขอให้กรรมาธิการงบประมาณฯจัดลำดับความสำคัญในนโยบายสวัสดิการสังคม ได้แก่ สุขภาพ การศึกษา ประกันสังคม ที่อยู่อาศัย เงินอุดหนุนเด็ก บำนาญประชาชนมากกว่านโยบายที่ไม่ใช่ลำดับความสำคัญ เช่น งบประมาณการจัดซื้ออาวุธ

โดยนายนิติรัตน์ ทรัพย์สมบูรณ์ แกนนำเครือข่าย We Fair กล่าวว่า งบประมาณ 65 ไม่ตอบโจทย์ 3 ประเด็น ได้แก่

1.ทำไมงบสวัสดิการของประชาชนถึงลดลง 10% ขณะที่ยังเกิดสถานการณ์การแพร่ระบาดของสถานการณ์โควิด-19 แต่งบราชการยังเพิ่มสูงขึ้น และยังไม่มีการจัดลำดับความสำคัญของงบโดยเฉพาะงบประมาณของกระทรวงกลาโหมที่ยังคงสูงมากเป็นลำดับที่ 4 แต่กลับมีการปรับลดในส่วนของประกันสังคม บัตรสวัสดิการแห่งรัฐ และงบประมาณสปสช. ทำให้มีข้อกังวลว่าจะทำให้มีการปรับลดลงอีกหรือไม่ในวาระที่ 2 

2.การจัดงบครั้งนี้ยังพบวิกฤตการณ์ของความเหลื่อมล้ำโดยเฉพาะเงินอุดหนุนประชาชนใน 3 นโยบาย ได้แก่ นโยบายดูแลเด็กแรกเกิดถึง 6 ปี และนโยบายเบี้ยผู้สูงอายุที่ยังไม่มีการปรับขึ้น รวมถึงเบี้ยนโยบายคนพิการก็ยังเท่าเดิม แต่เงินสวัสดิการราชการกลับมากกว่าสวัสดิการของประชาชน เพราะงบประมาณ 40% ล้วนแต่เป็นเงินข้าราชการที่าจากงบประมาณของประเทศ ดังนั้น ต้องมีการปฏิรูประบบข้าราชการ ขณะที่ร่างพ.ร.บ.ฉบับนี้ให้ความสำคัญกับกำลังพล กองทัพ มากกว่าข้าราชการกระทรวงสาธารณสุขและกระทรวงศึกษาหรือไม่ ซึ่งดูได้จากงบประมาณกระทรวงกลาโหมที่ได้มากกว่ากระทรวงสาธารณสุขและกระทรวงศึกษาธิการ

3.วิกฤติการณ์โควิดและไม่ตอบโจทย์กับเศรษฐกิจ ทางเครือข่ายจึงเดินทางมายื่นหนังสือถึงกมธ. เพื่อขอให้พิจารณาและให้ครม.ต้องทบทวนการจัดสรรงบประมาณใหม่

ด้านนายพิธา กล่าวว่า ยืนยันว่างบประมาณปีนี้ไม่สอดคล้องกับสถานการณ์บ้านเมืองและไร้สามัญสำนึก มีการจัดงบระหว่างอภิสิทธิ์ชนกับประชาชนในยามที่ประเทศดิ่งเหว ซึ่งสะท้อนให้เห็นถึงความเป็นสังคมไทยว่ายังเป็นแบบไหน เรามีหน้าที่ปกป้องสวัสดิการของประชาชนที่ให้สัญญาไว้ คือ การรีดไขมันเพื่อนำงบของอภิสิทธิ์ชนและงบของทหารมาเป็นกองกลางให้ได้มากที่สุด เพื่อนำไปจัดซื้อวัคซีนมากว่าการจัดซื้ออาวุธและกระจายงบประมาณคืนกลับหน่วยงานที่มีหน้าที่เกี่ยวข้องกับการแก้ไขปัญหาในช่วงสถานการณ์การแพร่ระบาดโควิด-19 แต่ต้องถูกตัดงบไป ทั้งนี้จะไปพูดคุยในกมธ.และรัฐบาลถึงเรื่องรัฐสวัสดิการในประเทศให้เขาได้เข้าใจ เพราะเราต้องโอบอุ้มคนเปราะบางให้ใช้ชีวิตต่อไปได้และประเทศไทยต้องฟื้นฟูใหม่

ขณะที่ พ.ต.อ.ทวี กล่าวว่า ร่างพ.ร.บ.งบฯ ฉบับนี้ถือว่าเป็นกฎหมายที่เราต้องทำให้เกิดประโยชน์ต่อคนทั้งประเทศ โดยเฉพาะปัจจุบันประเทศเกิดวิกฤตเชื้อโรคที่โจมตีกับทุกคน ดังนั้นชีวิตมนุษย์ย่อมสำคัญกว่าวัตถุ โดยการจัดงบประมาณปี 65 ให้ความสำคัญกับวัตถุ การก่อสร้าง และการซื้ออาวุธมากกว่าชีวิตประชาชน ทางกมธ.งบประมาณฯ จึงจำเป็นต้องเปลี่ยนวิธีคิดและสื่อไปถึงรัฐบาลว่าประชาชนไม่ใช่ลูกหนี้ผู้รับใช้ แต่รัฐบาลและข้าราชการเป็นหนี้กับประชาชนเพราะเงินเดือนทุกบาทมาจากภาษีของประชาชน

ด้าน น.ส.ธีรรัตน์ กล่าวว่า รัฐบาลจัดสรรงบประมาณไม่ใส่ใจประชาชน ซึ่งในวาระแรกในชั้นพิจารณารับหลักการ ทางส.ส.ฝั่งรัฐบาลก็อภิปรายอย่างดุเดือด ชี้ให้เห็นความบกพร่องถึงร่างพ.ร.บ.ฉบับนี้แต่ท้ายสุดกลับลงมติรับหลักการ ซึ่งตนคิดว่าเราต้องติดตามในการพิจารณาหลักการในวาระ 2 และจะร่วมกันตรวจสอบต่อไป

"แรมโบ้” จวก “จาตุรนต์" นักการเมืองเสื่อมคุณภาพ บิดเบือนข้อมูลวัคซีน แจงเหตุไม่เข้าร่วมโครงการ COVAX เพราะไม่เข้าหลักเกณฑ์

เมื่อวันที่ 4 มิ.ย.นายเสกสกล อัตถาวงศ์ ผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวกรณีที่นายจาตุรนต์ ฉายแสง อดีตแกนนำพรรคไทยรักษาชาติ โพสต์เฟซบุ๊กวิจารณ์เหตุที่ไทยไม่เข้าร่วมโครงการ COVAX ของประเทศไทย ว่า พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรมว.กลาโหม และผู้ที่เกี่ยวข้องชี้แจงไปแล้วว่าไม่ได้อยู่ในเกณฑ์ที่จะได้วัคซีนฟรี

แต่ขอให้มั่นใจว่ารัฐบาลชุดนี้ให้ความสำคัญกับการจัดหาวัคซีนที่จะให้ประชาชนมีภูมิคุ้มกันได้เพียงพออย่างแน่นอน ขออย่าตำหนินายกฯ และรัฐบาล เพียงอย่างเดียว เพราะที่ผ่านมานายจาตุรนต์ ก็เห็นแล้วว่านายกฯ รัฐบาล ทำงานหนัก ทำทุกอย่างเต็มที่ แตกต่างกับคนที่ไม่ได้ทำอะไรเพื่อชาติบ้านเมือง มีแต่ออกมาตำหนิกล่าวหาคนทำงาน และนายจาตุรนต์ ควรหัดทำตัวเป็นประโยชน์ต่อชาติบ้านเมือง อย่าเอาวัคซีนมาตีกินทางการเมือง หรือฝ่ายค้านตกงาน ว่างงานมาก จึงพยายามตีกินเรื่องวัคซีน แต่ประชาชนไม่ได้โง่และเข้าใจรัฐบาลดีและเห็นว่าฝ่ายค้านพยายามให้ข่าวบิดเบือนข้อเท็จจริงมาตลอด ส่วนนายจาตุรนต์ ก็เกาะกระแสบิดเบือนไปด้วยจนกลายเป็นนักการเมืองที่ไร้คุณภาพไปในสายตาประชาชน 

“บิ๊กตู่” เข้าทำเนียบฯ เตรียมประชุม ศูนย์บริการเศรษฐกิจ บ่ายนี้ จับตาเคาะมาตรการ เปิดเมืองภูเก็ต (Phuket Sandbox) รับนักท่องเที่ยวต่างชาติ 1 ก.ค.นี้ นำร่องก่อนเปิดรับอีก 9 จังหวัด

ผู้สื่อข่าวรายงานความเคลื่อนไหว พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และ รมว.กลาโหม เมื่อวันที่ 4 มิ.ย.ว่า วันเดียวกันนี้นายกรัฐมนตรี เข้าทำเนียบรัฐบาล ช้ากว่าปกติ เมื่อเวลา 10.00 น.และเตรียมเป็นประธานประชุมคณะกรรมการบริหารสถานการณ์เศรษฐกิจจากผลกระทบจากการระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 ครั้งที่ 2/2564  หรือ ศบศ.ในเวลา 13.30 น. โดยมีวาระที่น่าสนใจ คือการรายงานสถานการณ์เศรษฐกิจล่าสุดและความคืบหน้ามาตรการด้านเศรษฐกิจที่ดำเนินการไปแล้ว ทั้งโครงการเราชนะ ม.33 เรารักกัน รวมถึงมาตรการสนับสนุนให้สินเชื่อผู้ประกอบธุรกิจ 

นอกจากนี้จะพิจารณามาตรการช่วยเหลือผู้ประกอบการธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ เพื่อกระตุ้นการซื้อการลงทุนด้านอสังหาฯของชาวต่างชาติซึ่งต้องเป็นสมาชิกบัตรไทยแลนด์ Elite Card ภายใต้โครงการ Elite Flexible Program ขณะเดียวกันจะปรับปรุงระเบียบเพื่ออำนวยความสะดวกในการประกอบธุรกิจและดึงดูดการลงทุน ที่สำคัญ ที่ประชุมจะพิจารณาแผนการเปิดพื้นที่รับนักท่องเที่ยวต่างชาติ นำร่อง 10 จังหวัด ในไตรมาสที่ 3และ 4 โดยนายกรัฐมนตรีจะได้พิจารณาและรับทราบแผนที่การการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย จะเปิดเมืองภูเก็ต (Phuket Sandbox) เพื่อรับนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติ ในวันที่ 1 กรกฎาคม 2564 เป็นต้นไป  ซึ่งขณะนี้ดำเนินการเสร็จเป็นที่เรียบร้อยแล้วรวมถึง เช่น ไม่กักตัวนักท่องเที่ยวหากฉีดวัคซีนครบโดส โดยแสดงหลักฐานใบรับรองการรับวัคซีน โดยหมายกลุ่มแรกที่จะเดินทาง เข้ามาท่องเที่ยว คือ กลุ่มยุโรป อเมริกา เป็นหลัก ตั้งเป้าไว้ว่าจะมีนักท่องเที่ยวเข้ามา ถึง 129,000 คน  ส่วนนักท่องเที่ยวในประเทศใกล้เคียงต้องจับตาดูนโยบายของแต่ละประเทศ ซึ่ง ททท.จะประเมินสถานการณ์ในทุกๆ เดือน 

ส่วนอีก 9 จังหวัด แหล่งท่องเที่ยว สมุย กระบี่ พังงา พัทยา เชียงใหม่ หัวหิน ชะอำ บุรีรัมย์ และ กทม. ที่กำลังจะเปิดรับนักท่องเที่ยวก็ต้อง ดู ภูเก็ตโมเดล ก่อน  พร้อมกันนี้ ททท. จะรายงาน แผนการกระตุ้นการท่องเที่ยวในประเทศ หลังสถานการณ์โควิด-19 คลี่คลาย ทั้งโครงการเที่ยวด้วยกัน เฟส 3 ทัวร์เที่ยวไทย ที่จะเริ่มในกลางเดือน ก.ค.นี้

จับตา ศบศ. ออกมาตรการประคองการจ้างงานใหม่

นายสุพัฒนพงษ์ พันธ์มีเชาว์ รองนายกรัฐมนตรี และรมว.พลังงาน เปิดเผยว่า ในการประชุมศูนย์บริหารเศรษฐกิจจากผลกระทบของการแพร่ระบาดของโควิด-19 (ศบศ.) วันที่ 4 มิ.ย.นี้ ที่ประชุมเตรียมพิจารณามาตรการเพื่อรักษาระดับการจ้างงานของผู้ประกอบ ซึ่งเป็นมาตรการที่ต้องทำอย่างรวดเร็วหลังจากมีผู้ประกอบการจำนวนมากได้รับผลกระทบจากการระบาดของโควิดในระลอกล่าสุด และมีผู้ประกอบการที่รอความช่วยเหลือของมาตรการนี้อยู่เป็นจำนวนมาก โดยเฉพาะการช่วยเหลือผู้ประกอบการที่ยังเข้าไม่ถึงสินเชื่อได้มากขึ้น

นายดนุชา พิชยนันท์ เลขาธิการสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สศช.) กล่าวว่า รัฐบาลกำลังพิจารณามาตรการช่วยเหลือภาคธุรกิจและผู้ประกอบการที่ได้รับผลกระทบจากโควิด-19 เพิ่มเติม โดยใช้เงินจากเงินกู้ตาม พ.ร.ก.ให้อำนาจกระทรวงการคลังกู้เงินฯ เพิ่มเติม 5 แสนล้านบาท ส่วนหนึ่งจะนำมาใช้ช่วยเหลือผู้ประกอบการที่ได้รับผลกระทบอาจเป็นผู้ประกอบการระดับกลาง ซึ่งกลุ่มนี้ยังไม่ค่อยได้รับประโยชน์จากมาตรการของภาครัฐ ขณะที่การเข้าถึงสินเชื่อทำได้ยาก และกลุ่มนี้ต้องได้รับมาตรการในการช่วยเหลือที่แตกต่างไปจากเดิม  

ทั้งนี้ในเบื้องต้นได้มีการหารือกับคณะกรรมการร่วมภาคเอกชน 3 สถาบัน (กกร.) แล้วได้ข้อสรุปในแนวทางร่วมกันว่ามาตรการที่จะออกมาจะเป็นลักษณะของการช่วยอุดหนุนค่าจ้างแรงงานหรือการช่วยจ่ายเงินเดือน ซึ่งล่าสุดทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้องกำลังพิจารณาว่า จะช่วยเหลือในสัดส่วนเท่าใดของเงินเดือน รวมทั้งระยะเวลาการจ่ายด้วย  

สำหรับการให้ความช่วยเหลือผู้ประกอบการในกลุ่มนี้มีหลักการที่สำคัญคือ เป็นผู้ประกอบการที่อยู่ในระบบภาษีมีการจดทะเบียนภาษีมูลค่าเพิ่มอย่างถูกต้องและยังคงประกอบกิจการอยู่ เป็นกิจการและผู้ประกอบการที่ได้รับผลกระทบจากโควิด-19 คือไม่ได้มีปัญหามาตั้งแต่ก่อนที่จะเกิดการระบาด และเป็นกิจการหรือธุรกิจที่เมื่อได้รับความช่วยเหลือแล้วจะสามารถปรับตัวให้อยู่รอดและไปต่อได้หลังจากที่สถานการณ์โควิดคลี่คลายลง

พล.อ.ประวิตร ติดตาม เร่งรัด แก้ประมงผิดกม. "IUU Fishing" สั่งบังคับใช้กม.ต่อเนื่อง ปราบปรามค้ามนุษย์ ภาคประมง เร่งเยียวยาผู้กระทบโควิด-19 ย้ำปฏิบัติตาม MMPA เคร่งครัด มุ่งยกระดับประมงไทย สู่สากล ส่งเสริมภาคส่งออก กระตุ้นศก.ไทย

เมื่อ 4 มิ.ย.64  พล.ต.พัชร์ชศักดิ์ ปฏิรูปานนท์ ผช.โฆษกประจำรอง นรม. เปิดเผยว่า เวลา10.00น. พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รอง นรม. ได้เป็นประธานการประชุม คณะกรรมการนโยบายการประมงแห่งชาติ ครั้งที่ 2/2564 ณ ห้องประชุมวิจิตรวาทการ สมช. ทำเนียบรัฐบาล

ที่ประชุม ได้รับทราบความคืบหน้า การแก้ไขปัญหาการทำประมงผิด กม. อาทิ การจดทะเบียนเรือประมงพื้นบ้าน จากการสำรวจเมื่อ 20 พ.ค.64 มีจำนวน 56,087 ลำ ซึ่งกรมเจ้าท่า เป็นหน่วยงานหลักจะดำเนินการตรวจวัด และจัดทำอัตลักษณ์เรือประมงพื้นบ้านให้แล้วเสร็จใน 31 พ.ค.64 รวมทั้งรับทราบความคืบหน้าแนวทางตามมาตรการ MMPA (Marine Mammal Protection Act) ซึ่งเป็นการควบคุมสินค้าประมง ที่ไม่มีแหล่งมาจากการทำประมง ที่มีผลกระทบต่อการคร่าชีวิต หรือทำให้บาดเจ็บอย่างรุนแรง แก่สัตว์ทะเลที่เลี้ยงลูกด้วยนม และจะส่งสินค้าเข้าสู่ตลาดสหรัฐฯ ตั้งแต่ 1 ม.ค.66 พร้อมทั้งได้รับทราบ ผลการช่วยเหลือ/เยียวยาผู้ทำการประมง จำนวน 188,134 ราย เป็นเงิน 2,822,010,000 บาท และขยายเวลาชั่วคราว แรงงานต่างด้าวภาคประมง ให้อยู่ในราชอาณาจักร สำหรับผู้ที่ได้รับผลกระทบจากโควิด-19 อย่างทั่วถึง เป็นธรรม

คณะกรรมการฯ ได้ร่วมกันพิจารณาเห็นชอบ แผนการบริหารจัดการประมงทะเลของประเทศไทย พ.ศ.2563-2565 โดยมุ่งจัดการประมงให้ยั่งยืน ภายใต้ความเป็นอยู่ และสิ่งแวดล้อมที่ดี รวมถึงเห็นชอบแผนปฏิบัติการระดับชาติว่าด้วย การป้องกัน ยับยั้ง และขจัดการทำประมง IUU (NPOA-IUU) ฉบับที่ 2 เพื่อปรับปรุงแก้ไขให้เหมาะสม และครอบคลุมกิจกรรมการทำประมงทะเล ทุกมิติ พร้อมทั้งเห็นชอบมาตรการ เร่งรัดดำเนินคดีตามกฎหมายว่าด้วย การทำประมงและแรงงานในภาคประมง เพื่อให้ได้ผลทางคดี ที่มีความรวดเร็ว และเป็นธรรม

พล.อ.ประวิตร ได้ย้ำว่ารัฐบาล ยืนยัน ความมุ่งมั่นที่จะต่อต้าน IUU Fishing มาอย่างต่อเนื่อง ภายใต้กรอบ EU และสหรัฐฯ เพื่อยกระดับการทำประมงของไทยสู่มาตรฐานสากล โดยมุ่งแก้ปัญหาให้ได้อย่างยั่งยืน และได้กำชับ กรมประมง,กรมเจ้าท่า,ศรชล.,สตช. และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องให้บูรณาการทำงาน อย่างแน่นแฟ้น ขับเคลื่อนนโยบายตามมติที่ประชุม และแผนงานที่กำหนดไว้ ให้บรรลุผลสำเร็จ พร้อมขอให้สร้างการรับรู้ ให้ทุกภาคส่วน ได้รับทราบ ซึ่งจะส่งผลดี ต่อภาพลักษณ์ของไทย และส่งเสริมภาคการส่งออก รองรับการกระตุ้นเศรษฐกิจ ต่อไป

‘หมอยง’ แจงชัด คำว่า “อาการไม่พึงประสงค์” จากการฉีดวัคซีน ต้องแยกออกจากคำว่า “อาการข้างเคียง” พร้อมตัดพ้อข่าวในเชิงลบมีแต่ผู้คนสนใจ แต่พออธิบายข้อเท็จจริง กลับไม่เป็นข่าว

ศ.นพ.ยง ภู่วรวรรณ หัวหน้าศูนย์เชี่ยวชาญเฉพาะทางด้านไวรัสวิทยาคลินิก คณะแพทยศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊ก Yong Poovorawan เรื่อง โควิด-19 วัคซีนกับอาการไม่พึงประสงค์ โดยระบุว่า ขณะนี้ทั่วโลกมีการฉีดวัคซีนป้องกันโรคโควิด-19 ไปแล้วไม่น้อยกว่า 2 พันล้านโดส ไม่เคยมีวัคซีนใดที่ฉีดได้รวดเร็วและมากเท่านี้

อาการไม่พึงประสงค์ ต้องแยกจากอาการข้างเคียง

อาการไม่พึงประสงค์ เกิดขึ้น หลังการให้วัคซีน เป็นเหตุการณ์อะไรก็ตาม ที่เกิดขึ้นหลังการให้วัคซีนใน 2 สัปดาห์ เราจะรวบรวมเป็นอาการไม่พึงประสงค์ แล้วสรุป ว่าเกี่ยวข้องกับวัคซีนหรือไม่ เป็นความเป็นไปได้ที่เกี่ยวข้องกับวัคซีน น่าจะเกี่ยวข้อง หรือเกี่ยวข้อง จึงต้องอาศัยการช่วยวิเคราะห์อย่างละเอียด 

อย่างที่ผมเคยเล่าให้ฟังว่า ฉีดวัคซีนแล้วเสียชีวิต ใน 2 วันต่อมา ก็ถือว่าเป็นอาการไม่พึงประสงค์อย่างร้ายแรง แต่เมื่อไปศึกษารายละเอียด พบว่าการเสียชีวิตถูกยิงตาย ก็ต้องศึกษาต่อไปอีกว่า วัคซีนมีผลทำให้พฤติกรรมก้าวร้าว หรือไม่ ถ้าก้าวร้าวแล้วถูกยิงตาย วัคซีนก็อาจจะเป็นสาเหตุได้

ผมอยู่ในการศึกษาวัคซีนมามาก แม้กระทั่งฉีดวัคซีนไปแล้ว เดินออกจากโรงพยาบาล เดินตกท่อ ก็ยังต้องหาสาเหตุว่าเกี่ยวข้องกับวัคซีนหรือไม่ เพราะวัคซีนอาจทำให้เวียนศีรษะ แล้วเดินตกท่อก็ได้ แต่ถ้าไปเดินสะดุดแล้วตกท่อ ก็ไม่น่าจะเป็นสาเหตุ

ในขณะนี้ประเทศไทยฉีดวัคซีนไปถึง 3.8 ล้านโดส ถ้าเฝ้าระวังอาการ เอาแค่ 7 วันก็พอ ก็เท่ากับ ไม่น้อยกว่า 25 ล้านวัน ชีวิตคน หรือเท่ากับ 65 หมื่นปี หรือเรียกง่ายๆ คนเรามีอายุ 80 ปี ก็อย่างน้อย 800 คนที่เมื่อนับรวมวันกัน ตั้งแต่เกิดจนตายก็จะเท่ากับ 25 ล้านวัน ฟังดูแล้วเข้าใจยากไปหน่อย ถ้าพูดง่ายๆ ชีวิต 25 ล้านวัน เท่ากับชีวิตของคน 800 คน ที่มีอายุอยู่ถึง 80 ปี เมื่อวันเวลาดังกล่าวดังที่ยกตัวอย่างก็ต้องมีการเสียชีวิต ตามโลกแห่งความเป็นจริง แต่การให้วัคซีนส่วนใหญ่แล้วให้กับคนแข็งแรง เหตุการณ์จึงไม่ได้เกิดถึงขนาดนั้น

ดังนั้นเมื่อเกิดอาการไม่พึงประสงค์ โดยเฉพาะอาการใหม่ จะต้องมีการรายงาน ว่าโรคนั้นเกี่ยวข้องกับหรือเป็นอาการข้างเคียงกับวัคซีนหรือไม่ เช่น การให้วัคซีนไวรัส Vector เกิดการมีลิ่มเลือดและมีเกล็ดเลือดต่ำ (คนละโรคกับเส้นเลือดดำอุดตัน) โรคนี้ก็พบได้อยู่แล้ว แต่เมื่อมาเปรียบเทียบกับอุบัติการณ์ของคนปกติที่พบในชีวิตจริง แล้วพบว่าเกิดจากวัคซีนได้มากกว่า ก็เป็นที่ยอมรับว่า การเกิดลิ่มเลือดชนิดที่มีเกล็ดเลือดต่ำ ว่ามีความเกี่ยวข้องกับการฉีดวัคซีนชนิด virus Vector แต่อุบัติการณ์จะเกิดในคนอายุน้อย และมีอุบัติการณ์ทั้งสิ้นประมาณ 1 ในแสน เมื่อเทียบประโยชน์แล้วมีมากกว่าก็เดินหน้าให้วัคซีน และโรคดังกล่าวก็รักษาได้ ถ้ารู้เร็ว

เช่นเดียวกันการฉีดวัคซีน mRNA เช่นของ Pfizer ขณะนี้มีรายงานการเกิดกล้ามเนื้อหัวใจอักเสบ โดยเฉพาะในคนอายุน้อย ข้อมูลนี้กำลังเฝ้าระวัง โดยเฉพาะในอเมริกาและอิสราเอล เริ่มให้ความสำคัญ ก็จะต้องศึกษาเพิ่มเติมว่า อุบัติการณ์ในการฉีดวัคซีนในคนอายุน้อยของ Pfizer มีโอกาสเกิดมากกว่าคนที่ไม่ได้ฉีด แล้วเกิดกล้ามเนื้อหัวใจอักเสบเท่าใด จะต้องคำนึงถึงผลได้ของวัคซีนเปรียบเทียบกับการเกิดกล้ามเนื้อหัวใจอักเสบ และ ผลระยะยาวของหัวใจ

วัคซีนที่ใช้อยู่ขณะนี้เป็นวัคซีนใหม่ จึงจำเป็นต้องบันทึกอาการไม่พึงประสงค์ ลงอย่างละเอียด และจำเป็นต้องใช้นักวิชาการมาวิเคราะห์ และคำนึงถึง ประโยชน์ที่ได้ กลับผลเสียที่จะเกิดจากการฉีดวัคซีน

เราจำเป็นจะต้องใช้ทั้งเหตุและผล เข้ามาร่วมการตัดสินใจ 

ข่าวในเชิงลบ จะออกมาเร็วและผู้คนสนใจ แต่เมื่อความจริงปรากฏ ว่าเกี่ยวข้องหรือไม่เกี่ยวข้องกับวัคซีน ก็มักจะไม่เป็นข่าวออกมาเลย เช่นในรายการเสียชีวิต จะเป็นข่าวอย่างรวดเร็ว แต่ผลของการสอบสวนต้องใช้เวลา และเมื่อผลสอบสวนออกมาแล้ว ก็มักจะไม่ได้เป็นข่าวแล้ว

 

ที่มา : https://www.facebook.com/story.php?story_fbid=5784089378300298&id=100000978797641


โปรเด็ด! เทหมดตัว มาสด้า 2 และ นิสสันอัลเมร่า ทักเลย! ตอบไว! แอดเลย @TheShopsTimes 
คลิก????https://lin.ee/vfTXud9

สมเกียรติ โอสถสภา อดีตอาจารย์ประจำคณะเศรษฐศาสตร์ จุฬาฯ โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊ก Somkiat Osotsapa ว่า...

สมเกียรติ โอสถสภา อดีตอาจารย์ประจำคณะเศรษฐศาสตร์ จุฬาฯ โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊ก Somkiat Osotsapa ว่า

พวกเราคือคนรุ่น Limited Edition

# เราเป็นคนรุ่นสุดท้ายที่เชื่อฟังพ่อแม่ และเป็นคนรุ่นแรก ที่รับฟังลูกหลาน พวกเราคือคนรุ่น Limited Edition

⭕️หลานถามปู่ว่า ในสมัยปู่นั้น คนใช้ชีวิตกันอย่างไรโดยที่... 
⭕️ไม่มีเทคโนโลยี
⭕️ไม่มีเครื่องบินพาณิชย์
⭕️ไม่มีอินเตอร์เน็ต
⭕️ไม่มีคอมพิวเตอร์
⭕️ไม่มีโรงหนัง
⭕️ไม่มีโทรทัศน์
⭕️ไม่มีเครื่องปรับอากาศ
⭕️ไม่มีรถหรู
⭕️ไม่มีโทรศัพท์มือถือ

????คุณปู่ตอบหลานว่า “เราไม่ใช้ชีวิตอย่างคนรุ่นหลานที่เป็นอยู่อย่างทุกวันนี้” นั่นคือ... 
????ไม่มีการสวดมนต์
????ไม่มีน้ำใจให้กัน
????ไม่มีการให้เกียรติกัน
????ไม่มีมารยาท
????ไม่รู้จักละอาย
????ไม่นอบน้อมถ่อมตน
????คนรุ่นปู่ที่เกิดระหว่างปี 2490 ถึง 2510 นั้นช่างโชคดี เพราะการใช้ชีวิตของพวกเราคือของจริงที่พิสูจน์ได้
????เราขี่จักรยานกันโดยไม่สวมหมวกกันน็อก
????หลังเลิกเรียนเราเล่นกันจนค่ำมืดโดยไม่เคยดูโทรทัศน์
????เราเล่นกับเพื่อนตัวเป็นๆ ไม่ใช่เพื่อนทางอินเตอร์เน็ต
????เรากระหายน้ำเราก็ดื่มน้ำจากก๊อกไม่ใช่น้ำบรรจุขวด
????เราไม่เคยป่วย แม้เราจะดื่มน้ำร่วมแก้วเดียวกับเพื่อนถึงสี่คน
????เรากินข้าวเป็นจานๆ ทุกวันโดยไม่มีปัญหาเรื่องอ้วน
????เท้าเราไม่มีปัญหาอะไร แม้จะเดินด้วยเท้าเปล่า
????เราไม่เคยกินอาหารเสริมเพื่อให้สุขภาพแข็งแรง
????เราประดิษฐ์ของเล่นเอามาเล่นเอง
????พ่อแม่เราไม่ร่ำรวย ท่านจึงให้เราได้แต่ความรัก ไม่ใช่วัตถุ
เราไม่เคยมีมือถือเครื่องเล่น DVD วิดีโอเกมส์ คอมพิวเตอร์ อินเตอร์เน็ต เรามีแต่เพื่อนที่มีตัวตน
????เราไปเยี่ยมเพื่อนที่บ้านโดยไม่ต้องนัดหมาย แล้วเราก็หาอะไรกินกันอย่างสนุกสนาน
????ญาติพี่น้องอยู่ใกล้ชิดกัน เราจึงมีเวลาให้กันมาก
????ภาพถ่ายเราอาจเป็นขาวดำ แต่ความทรงจำของมันช่างหลากสีสัน
????คนรุ่นเรามีเอกลักษณ์ และเข้าใจกัน เพราะเราเป็นคนรุ่นสุดท้ายที่เชื่อฟังพ่อแม่ และเป็นคนรุ่นแรกที่รับฟังลูกหลาน
????พวกเรา คือ คนรุ่น Limited Edition จงสนุกไปกับเรื่องราวของเรา เรียนรู้จากเรา และ เก็บเราไว้เป็นสมบัติอันทรงคุณค่าตลอดไป อีกไม่นานเราก็จะจากไป

 

ที่มา: https://www.facebook.com/100001380665898/posts/4239119296144051/


โปรเด็ด! เทหมดตัว มาสด้า 2 และ นิสสันอัลเมร่า ทักเลย! ตอบไว! แอดเลย @TheShopsTimes 
คลิก????https://lin.ee/vfTXud9

เจ้าฟ้าพัชรกิติยาภา ทรงสวมรองพระบาท DoiTung x Onitsuka Tiger

สมเด็จพระเจ้าลูกเธอ เจ้าฟ้าพัชรกิติยาภา นเรนทิราเทพยวดี กรมหลวงราชสาริณีสิริพัชร มหาวัชรราชธิดา ทรงสวมรองพระบาท "DoiTung x Onitsuka Tiger" ซึ่งเป็นการผสมผสานระหว่าง ดอยตุงเหนือสุดแดนสยาม กับเสือโอนิซึกะมาเจอกัน จนกลายเป็นแฟชั่นไอเท็มที่น่าครอบครองขนาดนี้ 

สำหรับการแปลงโฉมรองเท้าในตำนาน เป็นคอลเลกชันพิเศษ ด้วยผ้าทอไทยจากฝีมือแม่ๆ ป้าๆ เมืองล้านนา คือความลงตัวของแบรนด์ไทยกับญี่ปุ่น

ทั้งนี้ รองเท้าผ้าทอมือผลงานช่างฝีมือดอยตุงมีทั้งหมด 5 ลวดลายบนรองเท้ารุ่นยอดนิยม 3 รุ่น แถมยังใช้วัสดุที่ส่งผลกระทบต่อโลกน้อยลงอย่าง better cotton เส้นใยพลาสติกรีไซเคิล และผลิตด้วยกระบวนการเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม สอบถามหรือสั่งซื้อผ่านช่องทาง

• Line: @doitung_lifestyle (https://lin.ee/4WsH652)
• ดอยตุงไลฟ์สไตล์ สำนักงานมูลนิธิแม่ฟ้าหลวงฯ ถ. พระราม 4
• Onitsuka Tiger Global Flagship Store สยามสแควร์วัน
www.onitsukatiger.com/th/th-th

 

ภาพจาก : เรารัก สมเด็จเจ้าฟ้าพัชรกิติยาภา : Our Beloved HRH Princess Bajrakitiyabha


โปรเด็ด! เทหมดตัว มาสด้า 2 และ นิสสันอัลเมร่า ทักเลย! ตอบไว! แอดเลย @TheShopsTimes 
คลิก????https://lin.ee/vfTXud9

จีนแซงไต้หวัน ขึ้นแท่น Supplier อันดับ 1 ให้กับ Apple สวนกระแสนโยบายคว่ำบาตรของรัฐบาลสหรัฐฯ

สำนักข่าว Nikkei Asia ได้อ้างรายงานข้อมูลจาก Apple Supplier Responsibility Report ประจำปี 2020 พบว่า จีนได้แซงหน้าไต้หวัน กลายเป็นผู้ส่งออกชิ้นส่วนอุปกรณ์ให้กับ Apple เป็นอันดับ 1 ไปเสียแล้ว แม้จีนจะเจออุปสรรคจากมาตรการกีดกันการค้า และคว่ำบาตรจากรัฐบาลสหรัฐฯ อย่างหนักในช่วง 2-3 ปีที่ผ่านมาก็ตาม

จากรายงานพบว่ามีบริษัทมากถึง 200 แห่งที่เป็นฐานผลิตชิ้นส่วนอุปกรณ์ให้บริษัท Apple และในจำนวนนี้ เป็นบริษัทที่ตั้งอยู่ในจีน และ ฮ่องกงถึง 51 แห่ง เพิ่มขึ้นจากปี 2018 ที่พบบริษัทจีนเพียง 42 แห่งที่รับงานผลิตชิ้นส่วนให้ Apple จึงทำให้จีนกลายเป็นประเทศผู้ผลิตชิ้นส่วนป้อนโรงงาน Apple มากที่สุด จากที่เคยเป็นตำแหน่งของไต้หวันอยู่นานหลายปี

และการเพิ่มฐานการผลิตในจีน ยังทำให้ Apple สามารถขยายศักยภาพในการผลิตในเอเชียได้เป็นอย่างดี ส่วนเหตุผลหลักที่ทำให้ Apple ตัดสินใจเลือกบริษัทของจีนเป็นฐานการผลิตชิ้นส่วนหลักเพราะต้นทุนการผลิตที่ต่ำกว่าใครในท้องตลาด ที่เป็นปัจจัยสำคัญในการสร้างผลกำไรที่เพิ่มมากขึ้นให้กับทุกสินค้าของ Apple

จากรายงายยังพบว่ากว่า 98% ของต้นทุนการผลิตของ Apple ถูกใช้ไปกับการลงทุนใน Supplier และขั้นตอนการประกอบชิ้นส่วนจากโรงงานทั้งใน และต่างประเทศ จึงชี้ให้เห็นได้ว่า Apple พึ่งพาบริษัทผู้ผลิตชิ้นส่วนต่างๆ จากโรงงาน Supplier ทั่วโลกอย่างมาก

และถึงแม้ว่า Apple จะมีชื่อเสียงอย่างมากในด้านมาตรฐานของสินค้า แต่ทั้งนี้การควบคุมต้นทุนก็ยังคงเป็นเป้าหมายหลักของการผลิต ที่ทำให้ Supplier จากจีนเข้ามาตอบโจทย์ในเรื่องนี้ ที่แม้แต่ผู้บริหารการผลิตของ Apple ยังต้องยอมรับว่า บริษัทในจีนมีความสามารถในการผลิตชิ้นส่วน อุปกรณ์ได้ตามมาตรฐานที่ต้องการ ในราคาที่ถูกกว่าฐานการผลิตที่อื่นมากๆ ซึ่งเป็นข้อดีที่ Apple ไม่สามารถมองข้ามได้

จากการประกาศสงครามการค้ากับจีนตั้งแต่สมัยประธานาธิบดี โดนัลด์ ทรัมพ์ ในปี 2017 ต่อเนื่องมาถึงรัฐบาลของโจ ไบเดน ที่เริ่มคว่ำบาตรผลิตภัณฑ์ของจีนด้วยเหตุผลด้านการละเมิดสิทธิมนุษยชน จนมีข่าวว่าหลายบริษัทของอเมริกา รวมถึง Apple วางแผนที่จะย้ายฐานการผลิตออกจากจีนไปยังประเทศอื่น เช่น เวียดนาม และ อินเดีย

แต่จากรายงานนี้กลับพบว่าประเทศที่ได้รับผลกระทบจากการย้ายฐานการผลิตของ Apple มากที่สุดคือ ญี่ปุ่น จากเดิมที่เคยมีบริษัทผลิตชิ้นส่วนให้ Apple ถึง 43 แห่งในปี 2017 แต่ล่าสุด ลดเหลือเพียง 34 บริษัท ส่วนไต้หวันที่เคยเป็นเบอร์ 1 ของกลุ่ม Supplier ของ Apple มาโดยตลอด จากเดิมที่มี 52 บริษัท ตอนนี้เหลือเพียง 48 บริษัท

ตอนนี้แม้แต่บริษัท Supplier รายใหญ่ของ Apple ทั้ง Foxconn และ Pegatron ที่มีฐานการผลิตหลายประเทศ ก็ยังต้องระวังจะเสียตลาดให้กับ Supplier จากจีนที่ตอนนี้มาแรงเหลือเกิน ส่วนมาตรการคว่ำบาตรของสหรัฐที่ผ่านมา ส่งผลให้ Apple จำเป็นต้องเลิกสัญญากับบริษัทผู้ผลิตชิ้นส่วนจีนเพียงรายเดียวก็คือ O-Film Technology ที่มีข่าวว่ามีการใช้แรงงานชาวมุสลิมอุยกูร์ในโรงงาน ส่วนโรงงานอื่นๆในจีนยังไม่ได้รับผลกระทบจากมาตรการของสหรัฐฯ

ถึงจะยอมรับว่าตลาดผู้ผลิตชิ้นส่วนจีนยังสดใส แต่ยังมีอยู่สิ่งหนึ่งที่จีนยังพัฒนาได้ไม่ถึงระดับที่สามารถแข่งขันได้ในตลาดชั้นนำได้ คือการผลิต ‘เซมิคอนดักเตอร์’ ที่เป็นหัวใจในการประมวลผลขั้นสูง นอกจากนี้ อัตราค่าแรง และค่าครองชีพของจีน มีแนวโน้มสูงขึ้นตามการขยายตัวทางเศรษฐกิจอย่างมากภายในประเทศ ที่ทำให้จีนเองก็ต้องขยายโรงงานไปตั้งในประเทศอื่นที่ต้นทุนการผลิตต่ำกว่าอย่างเช่นในเวียดนาม

และด้วยการลงทุนทั้งสหรัฐ และ จีน ก็ทำให้เวียดนามกลายฐาน Supplier ที่เติบโตอย่างมาก จากเดิมที่เคยมีบริษัท Supplier ให้กับ Apple อยู่ 14 บริษัทในปี 2018 เพิ่มเป็น 21 บริษัทจากรายงานปีล่าสุดซึ่งในจำนวนนี้ก็เป็นบริษัทจากจีนที่มาลงทุนในเวียดนามถึง 7 บริษัทด้วยนั่นเอง

ต้องมอบมงกุฎเจ้าตลาดแห่ง Supplier ให้พี่จีนจริงๆ

 

อ้างอิง

https://asia.nikkei.com/Business/China-tech/China-ousts-Taiwan-as-Apple-s-biggest-source-of-suppliers

https://www.technologytimes.pk/2021/06/02/china-superseded-taiwan-as-apples-number-one-supplier-source/

https://www.apple.com/supplier-responsibility/pdf/Apple-Supplier-List.pdf


โปรเด็ด! เทหมดตัว มาสด้า 2 และ นิสสันอัลเมร่า ทักเลย! ตอบไว! แอดเลย @TheShopsTimes

คลิก????https://lin.ee/vfTXud9


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top