Monday, 7 July 2025
Hard News Team

ผบช.สตม.​ เดินทางตรวจเยี่ยม ติดตามความคืบหน้า การก่อสร้างอาคารที่ทำการ ตม.จว.สิงห์บุรี และตรวจเยี่ยม ด่านตรวจแยกต่างระดับสิงห์เหนือ ต.บางมัญ อ.เมืองฯ จว.สิงห์บุรี

ตามนโยบาย พล.ต.อ.สุวัฒน์  แจ้งยอดสุข ผบ.ตร. และ พล.ต.อ.ดำรงศักดิ์ กิตติประภัสร์ รอง ผบ.ตร. (มค) ให้ผู้บังคับบัญชา ตรวจเยี่ยมการปฏิบัติหน้าที่ผู้ใต้บังคับบัญชาที่ และให้กำลังใจแก่เจ้าหน้าที่ผู้ปฏิบัติงาน 

วันนี้ (21 ก.ค.64) เวลา 14.00 น. พล.ต.ท.สมพงษ์ ชิงดวง ผบช.สตม.เดินทางตรวจเยี่ยม ติดตามความคืบหน้า การก่อสร้างอาคารที่ทำการ ตม.จว.สิงห์บุรี 

เวลา 16.00 น.เดินทางมาตรวจเยี่ยมด่านตรวจแยกต่างระดับสิงห์เหนือ ต.บางมัญ อ.เมือง จว.สิงห์บุรี พบ พล.ต.ต.วีรวิชญ์ บัวประเสริฐยิ่ง ผบก.ภ.จว.สิงห์บุรี, พ.ต.อ.สุรพจน์ รอดบำรุง รอง ผบก.ภ.จว.สิงห์บุรี, พ.ต.อ.เมธาพงษ์ บุญศรี ผกก.สภ.เมืองสิงห์บุรี, พ.ต.ท.วิษณุ พงศ์พันธุ์อนุสร​ สว.ตม.จว.สิงห์บุรี พร้อมทั้งเจ้าหน้าที่ตำรวจ ผู้ปฏิบัติหน้าที่ประจำจุด และเจ้าหน้าที่จากหน่วยงานอื่น ได้แก่ เจ้าหน้าที่ฝ่ายปกครอง เจ้าหน้าที่กระทรวงสาธารณสุข และเจ้าหน้าที่กรมการขนส่ง ว.4 ร่วมบริเวณจุดตรวจฯ 

ทั้งนี้ ได้มอบสิ่งของบำรุงขวัญ อาทิ หน้ากากอยามัย เจลแอลกอฮอล์ และเครื่องอุปโภค บริโภค ให้แก่เจ้าหน้าที่ เพื่อเป็นขวัญและกำลังใจแก่เจ้าหน้าตำรวจ ในการปฏิบัติหน้าที่ และได้แสดงความห่วงใยเจ้าหน้าที่ในการปฏิบัติงาน และการใช้ชีวิต เนื่องจาก ห้วงเวลานี้มีการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัส โควิด 19 และได้กล่าวขอบคุณในความเสียสละ และอวยพรให้เจ้าหน้าที่จากทุกหน่วยงาน ปลอดภัยจากการระบาดของเชื้อไวรัสโควิด 19

พร้อมทั้งได้มอบนโยบาย กำชับการปฏิบัติราชการ ดังนี้

1.ให้ศึกษาข้อกำหนดฯฉบับที่ 27 และข้อกำหนดที่เกี่ยวข้องโดยเฉพาะในเรื่องการห้ามออกนอกเคหสถาน  การปฏิบัติหน้าที่ของพนักงานเจ้าหน้าที่ การปฏิบัติในการเข้าช่วยเหลือประชาชนและให้เตรียมพร้อมสนับสนุนกำลังพลและอุปกรณ์ให้กับตำรวจภูธรในพื้นที่ และถือปฏิบัติตามแนวทางด้านสาธารณสุขหรือ ศบค.กำหนด

2.กำชับการปฏิบัติตามข้อสั่งการ ตร. เนื่องจากสถานการณ์การแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 รุนแรงเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง ให้หน่วยปรับรูปแบบการปฏิบัติงานให้เกิดความเหมาะสมตามแนวทางที่ ตร.กำหนด โดยพิจารณาปรับรูปแบบการปฏิบัติงานนอกสถานที่ตั้ง (Work From Home) ต้องไม่ก่อให้เกิดความเสียหายต่อราชการและการบริการประชาชน

3.จากเหตุคนจีนยิงตำรวจชลบุรี กำชับให้เพิ่มความเข้มในการบังคับใช้กฎหมาย กรณีคนต่างด้าวสัญชาติจีนให้ตรวจสอบ สืบสวนก่อนการอนุญาต และตรวจสอบหลังได้รับอนุญาตว่าเป็นไปตามวัตถุประสงค์หรือไม่ หากพบว่าไม่ถูกต้องให้ดำเนินการเพิกถอนทุกราย ให้มีผลการปฏิบัติที่เป็นรูปธรรม

4.สถานการณ์การแพร่ระบาดโควิดสายพันธ์ใหม่ ให้มีมาตรการในการป้องกันและควบคุมการแพร่ระบาด ในส่วนของเจ้าหน้าที่ให้ดำเนินการตามมาตรการที่กระทรวงสาธารณสุขกำหนดอย่างเคร่งครัด

5.กำชับให้ปฏิบัติตามข้อสั่งการ ตร. เรื่อง แนวทางการปฏิบัติกรณีคนต่างด้าวเป็นผู้เสียหาย หรือผู้ต้องหาในคดีอาญา หรือถึงแก่ความตายโดยผิดธรรมชาติ

ร่วมบริจาค​ ก่อสร้างหอผู้ป่วยสนามเร่งด่วน​ รองรับผู้ป่วยโควิด​ โรงพยาบาล​จุฬาลงกรณ์​ สภากาชาดไทย

ขอเชิญร่วมบริจาคเพื่อก่อสร้างหอผู้ป่วย สนามเร่งด่วนจัดซื้อเครื่องมืออุปกรณ์การแพทย์รองรับผู้ป่วย โควิด-19 โรงพยาบาลจุฬาลงกรณ์​ สภากาชาดไทย

ในวันที่บุคลากรด่านหน้าต้องการกำลังเสริม

ทั้งอุปกรณ์และสถานที่รองรับผู้ติดเชื้อโควิดที่เพิ่มขึ้นทุกวัน

โรงพยาบาลจุฬาลงกรณ์ สภากาชาดไทย ขยายพื้นที่รองรับผู้ติดเชื้อโควิด

"สร้างหอผู้ป่วยสนามเร่งด่วน และจัดซื้อเครื่องมืออุปกรณ์ทางการแพทย์ 11 ชนิด" 

หอผู้ป่วยสนามเร่งด่วน กำหนดระยะเวลาก่อสร้าง 12 -15 วัน บริเวณลานหลังอาคารแพทยพัฒน์ โรงพยาบาลจุฬาลงกรณ์ • สร้างอาคารแบบโครงสร้างชั่วคราว จำนวน 6 หลัง เมื่อแล้วเสร็จจะรองรับผู้ป่วยได้ 83 - 90 เตียง ภายในหอผู้ป่วย ประกอบด้วย พื้นที่พักผู้ป่วยที่มีความดันอากาศเป็นลบ ห้องทำงานพยาบาลและแพทย์ พื้นที่เก็บวัสดุการแพทย์ ห้องน้ำ ห้องเปลี่ยนชุด PPE ระบบกล้องวงจรปิดติดตามสภาพผู้ป่วยและอื่นๆ 

ร่วมส่งพลังใจให้บุคลากรด่านหน้ามีพลังในการสู้เพื่อพวกเราต่อไปนะคะ 

บริจาคเงินผ่าน QR code E-donation​ รับสิทธิ์ลดหย่อนภาษีโดยไม่ต้องขอรับใบเสร็จ โดยท่านสามารถเช็คประวัติการบริจาคผ่านระบบ E-donation ของกรมสรรพากร ได้ที่ https://bit.ly/redcross-edonation (หลังการบริจาค 3-5 วันทำการ)

หรือบริจาคเงินผ่านบัญชีธนาคารไทยพาณิชย์ สาขาสภากาชาดไทย ชื่อบัญชี "สภากาชาดไทย เพื่อภัยพิบัติ" ประเภทบัญชี “กระแสรายวัน” เลขที่ 045-3-04637-0

แจ้งความประสงค์รับใบเสร็จดังนี้
✔️ ชื่อ-นามสกุล
✔️ เลขประจำตัวผู้เสียภาษี
✔️ ที่อยู่จัดส่งใบเสร็จ และเบอร์โทรศัพท์
✔️ แนบหลักฐานการโอนเงิน
✔️ ระบุ "พลังใจอาสาช่วยหมอ"

ส่งมาที่​ อีเมล [email protected]

#DonationHubรับเพื่อให้ #TRConlineDonation #พลังใจอาสาช่วยหมอ

กระทรวงอุตสาหกรรม ตั้งเป้าพัฒนาอุตสาหกรรมหุ่นยนต์และระบบอัตโนมัติระยะยาว ให้ประเทศไทยเป็นผู้นำการผลิต การใช้หุ่นยนต์และระบบอัตโนมัติในอาเซียน ย้ำ ต้องมีเทคโนโลยีเป็นของตนเองภายในปี 2569

นายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม เปิดเผยว่า ตามมติ ครม. วันที่ 29 สิงหาคม 2560 ที่ผ่านมา สศอ. ได้ขับเคลื่อนอุตสาหกรรมหุ่นยนต์และระบบอัตโนมัติคืบหน้าอย่างต่อเนื่อง โดยขณะนี้การพัฒนาอุตสาหกรรมหุ่นยนต์และระบบอัตโนมัติของประเทศไทยอยู่ในเป้าหมายระยะกลาง จากข้อมูลในปี 2563 ประเทศไทยมีการลงทุนหุ่นยนต์ฯ จำนวน 116,676 ล้านบาท และมี SI ที่ขึ้นทะเบียนกับ CoRE จำนวน 74 ราย มีระดับการใช้หุ่นยนต์และระบบอัตโนมัติในโรงงานอุตสาหกรรมประมาณร้อยละ 25 รวมถึงมีการผลิตหุ่นยนต์ภายในประเทศเพื่อลดการนำเข้าได้ร้อยละ 12

แม้ว่าช่วงนี้ประเทศไทยและทั่วโลกกำลังเผชิญกับสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ยิ่งทำให้ประเทศไทยต้องเตรียมความพร้อมด้านหุ่นยนต์และระบบอัตโนมัติ โดยการยกระดับการผลิตและเปลี่ยนวิกฤตสู่โอกาส เพื่อรองรับการขยายตัวของอุตสาหกรรมที่จะเติบโตในอนาคต ซึ่งในขณะนี้ประเทศไทยถือว่ามีความพร้อมทางด้านมาตรการรองรับอย่างมาก

โดยหน่วยงานภาครัฐต่าง ๆ ได้ออกมาตรการกระตุ้นอุปสงค์และการสร้างอุปทานที่สอดคล้องกัน เช่น ยกเว้นภาษีเงินได้นิติบุคคลเป็นเวลา 3 ปี ของสำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน รวมถึงกรมสรรพากรที่ให้ยกเว้นภาษีอากรตามประกาศและกระทรวงการคลังที่ยกร่างประกาศการยกเว้นอากรนำเข้าชิ้นส่วน อุปกรณ์หุ่นยนต์และระบบอัตโนมัติเพื่อส่งเสริมการลงทุนภายในประเทศและการสร้างอุปทาน

ที่ผ่านมา กระทรวงอุตสาหกรรมได้ดำเนินการขึ้นทะเบียน System Integrator : SI จำนวน 74 ราย ฝึกอบรมยกระดับ SI รวมจำนวน 1,395 คน และบ่มเพาะ System Integrator (SI Startup) จำนวน 70 กิจการ และพัฒนาต้นแบบหุ่นยนต์ฯ รวม 185 ต้นแบบ รวมทั้งสำนักงานคณะกรรมการนโยบายเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออกที่ร่วมมือกับเครือข่าย ได้รับการสนับสนุนเครื่องจักรเพื่อเป็นศูนย์กลางการพัฒนากำลังคน นวัตกรรมและเทคโนโลยีด้านหุ่นยนต์ และระบบอัตโนมัติกระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม

โดยสำนักงานพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งชาติได้เสนอแผนดำเนินโครงการจัดตั้งศูนย์นวัตกรรมการผลิตยั่งยืนเพื่อให้บริการทดสอบจัดทำมาตรฐานสนับสนุนอุตสาหกรรม การเตรียมความพร้อม และยกระดับทักษะแรงงานเพื่อให้สามารถตอบสนองความต้องการของผู้ประกอบการมากที่สุดโดยกรมพัฒนาฝีมือแรงงานและสถาบันคุณวุฒิวิชาชีพ และสถาบันไทย-เยอรมัน เป็นต้น

นายทองชัย ชวลิตพิเชฐ ผู้อำนวยการสำนักงานเศรษฐกิจอุตสาหกรรม (สศอ.) กล่าวเพิ่มเติมว่า ปัจจุบันได้พัฒนาระบบสารสนเทศในการบริหารจัดการของคณะกรรมการเครือข่ายศูนย์ความเป็นเลิศด้านเทคโนโลยีหุ่นยนต์และระบบอัตโนมัติ (Center of Robotic Excellence : CoRE) ซึ่งได้ดำเนินการจัดทำ Platform เพื่อการบริหารจัดการเครือข่าย CoRE โดยจะยกระดับให้ครอบคลุมทั้งการบริหารจัดการ Supply Chain ของอุตสาหกรรมหุ่นยนต์และระบบอัตโนมัติเชื่อมโยงกับ Platform ของหน่วยงานของรัฐและภาคเอกชนในลักษณะ Collaborative Platform เพื่อส่งเสริมให้เกิดการใช้หุ่นยนต์และระบบอัตโนมัติที่เหมาะสมกับความต้องการของภาคธุรกิจ

ทั้งนี้ CoRE จะกำหนดมาตรฐานหลักสูตรการฝึกอบรม การทดสอบและวัดระดับของ SI ร่วมกับสถาบันคุณวุฒิวิชาชีพและหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง นอกจากนี้ กระทรวงอุตสาหกรรมมีแผนที่จะเพิ่มจำนวน SI ในพื้นที่ต่างจังหวัด เพื่อรองรับการขยายตัวและตอบสนองความต้องการระบบ Simplify Automation ทั่วประเทศ โดยยกระดับโรงกลึง อู่ซ่อมรถ ร้านซ่อมเครื่องจักรในพื้นที่ ซึ่งมีลักษณะเป็น Small shop ให้มีขีดความสามารถในการรับงานที่เป็น Automation มากขึ้น

รวมทั้งการสร้างความร่วมมือกับสถาบันการเงิน ธนาคารเพื่อให้ความรู้เกี่ยวกับเทคโนโลยีการใช้หุ่นยนต์และระบบอัตโนมัติ และประเมินการปล่อยสินเชื่อเงินกู้ เพื่อการลงทุนในหุ่นยนต์และระบบอัตโนมัติให้กับผู้ประกอบการได้ต่อไป


โปรเด็ด! ถึง 31 ก.ค. นี้ Ford Ranger, MG ZS, Mazda 2 และ Nissan อัลเมร่า ทักไลน์ @THESHOPSTIMES

คลิก????https://lin.ee/vfTXud9

‘กรณ์’ เดินหน้าเปิด ‘ศูนย์กล้าดูแล’ แห่งที่ 2 ชุมชนเทพลีลา รองรับผู้ติดเชื้อระดับสีเขียว สกัดโควิดระบาด ปลูกต้นกล้าฟ้าทะลายโจร ให้คนในชุมชนได้ใช้ประโยชน์ ย้ำความพร้อมร่วมมือชุมชน แก้วิกฤตชาติ

นายกรณ์ จาติกวณิช หัวหน้าพรรคกล้า เดินหน้าเปิดศูนย์กล้าดูแลแห่งที่ 2 ท่ามกลางสถานการณ์การแพร่ระบาดของโควิด-19 ในปัจจุบัน ที่มียอดผู้ติดเชื้อเพิ่มสูงมากขึ้นทุกวัน โดยระบุว่า สถานการณ์ขณะนี้ทำให้พรรคกล้ายิ่งต้องรีบเดินหน้าช่วยเหลือพี่น้องประชาชนในทุก ๆ ช่องทาง โดยล่าสุด ได้ร่วมกับชุมชน จัดตั้ง ’ศูนย์กล้าดูแล’ ชุมชนเทพลีลา เขตวังทองหลาง เป็นศูนย์พักคอยแห่งที่ 2 เพื่อดูแลผู้ติดเชื้อโควิดระดับสีเขียว แยกกักตัวจากครอบครัว เป็นการตัดวงจรการแพร่เชื้อในบ้านและชุมชน

นายกรณ์ เน้นย้ำแนวคิด ชุมชนเป็นผู้ริเริ่ม พรรคกล้าจะเข้ามาช่วยจัดระบบ นำเตียง หมอน ผ้าห่ม และสิ่งของต่าง ๆ มาสมทบ ติดต่อประสานกับส่วนราชการที่เกี่ยวข้อง และนำต้นกล้าฟ้าทะลายโจร ที่ได้รับการสนับสนุนทางอภัยภูเบศร มาปลูกในสวนส่วนกลางของชุมชน เพื่อดูแลผู้ป่วยในอนาคตต่อไป

“นี่คือตัวอย่างที่ดี ที่พรรคกล้ากับชุมชนที่มีความเข้มแข็ง มีความตั้งใจที่อยากจะลดภาระสาธารณสุขของรัฐ ด้วยการดูแลผู้ป่วยด้วยตนเอง ซึ่งวันนี้มีโรงพยาบาลขอรับผู้ป่วยไป แต่ผู้ป่วยขอรักษาตัวอยู่ในศูนย์พักคอยของชุมชน เพราะเขาสามารถอยู่ในชุมชน อยู่ใกล้ญาติพี่น้อง และทางโรงพยาบาลจะได้ปล่อยเตียงให้ผู้ที่มีอาการหนักกว่าได้ใช้ นี่คือประโยชน์ของศูนย์พักคอยชุมชน ที่พรรคกล้ามีความภาคภูมิใจที่มีโอกาสได้ช่วยชุมชนให้สามารถช่วยตนเองได้” นายกรณ์ กล่าวทิ้งท้าย


โปรเด็ด! ถึง 31 ก.ค. นี้ Ford Ranger, MG ZS, Mazda 2 และ Nissan อัลเมร่า ทักไลน์ @THESHOPSTIMES

คลิก????https://lin.ee/vfTXud9

‘หมอนิธิพัฒน์’ เตือนถังออกซิเจนขาดตลาด ห่วงนำไปใช้กับผู้ป่วย COVID-19 โดยไม่มีข้อบ่งชี้ทางการแพทย์และไม่อยู่ในการดูแลของแพทย์อาจเป็นอันตราย ขณะที่เจ้าของร้านแห่งหนึ่งยอมรับคนถามซื้อวันละ 100 สาย แต่ของขาดตลาด

นพ.นิธิพัฒน์ เจียรกุล หัวหน้าสาขาวิชาโรคระบบการหายใจและวัณโรค ภาควิชาอายุรศาสตร์ คณะแพทยศาสตร์ศิริราชพยาบาล มหาวิทยาลัยมหิดล โพสต์เฟซบุ๊ก ‘นิธิพัฒน์ เจียรกุล’ กล่าวถึงกรณีภาวะถังออกซิเจนขาดตลาด ในสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรค COVID-19

นพ.นิธิพัฒน์ ระบุว่า ถังออกซิเจนขาดตลาดจากการแห่ซื้อไปตุน ทั้งถังออกซิเจนทางการแพทย์และเครื่องผลิตออกซิเจนสำหรับใช้ที่บ้าน ทำให้แผนการจัดตั้งศูนย์พักคอยผู้ป่วย COVID-19 ในชุมชนก่อนส่งต่อเข้าโรงพยาบาลเกิดความไม่สมบูรณ์ เพราะไม่สามารถให้ออกซิเจนกับผู้ป่วยที่เริ่มมีอาการรุนแรงและร่างกายขาดออกซิเจน ในระหว่างที่รอเตรียมการย้ายเข้ารับการรักษาในโรงพยาบาลหลัก

“การนำออกซิเจนไปใช้เมื่อเริ่มป่วย COVID-19 โดยไม่มีข้อบ่งชี้ทางการแพทย์ และปราศจากการกำกับดูแลของแพทย์ อาจเป็นอันตรายต่อเนื้อเยื่อทั่วร่างกายถ้าได้รับออกซิเจนมากเกินไป”

นอกจากนี้ ยังไม่นับเรื่องความสิ้นเปลือง และการเสี่ยงต่ออัคคีภัย ถ้าใช้เป็นถังบรรจุออกซิเจน หน่วยงานที่เกี่ยวข้องต้องเร่งทำความกระจ่างให้กับประชาชน พร้อมตรวจสอบความเพียงพอของการผลิตและจัดส่งออกซิเจนในทุกพื้นที่ของประเทศ

ทางด้าน ไทยพีบีเอสออนไลน์ ได้สัมภาษณ์เจ้าของร้านขายถังออกซิเจนแห่งหนึ่ง ยอมรับว่า

“ตอนนี้ที่หน้าร้านไม่มีถังออกซิเจนวางขายมา 2 วันแล้ว ของขาดตลาดจริง และบริษัทคนกลางที่นำถังออกซิเจนเข้ามาจากจีน ก็ไม่มีสินค้าเช่นกัน ตอนนี้มีคนติดต่อมาวันละเป็น 100 สาย แต่ไม่มีสินค้าให้”

สถานการณ์ที่เกิดขึ้นยืนยันไม่ใช่กระแสการปั่นราคาสินค้า เพราะการปรับราคาถังออกซิเจนปรับขึ้นมาระยะหนึ่งแล้ว ปัจจัยจากเหล็กในตลาดโลกขึ้นราคา 10% ราคาปรับมาแล้ว เช่น ราคาถังขนาด 0.5 คิวจาก 1,800 บาทเป็น 2,000 บาท

เจ้าของร้านขายถังออกซิเจน บอกอีกว่า นอกจากคนไทยที่มาหาซื้อถังออกซิเจนเพื่อเตรียมพร้อมรับมือ COVID-19 ยังมีคนจากประเทศเมียนมา เข้ามาหาซื้อ ตามหาซื้อออกซิเจนคราวละ 40-50 ถัง เพื่อส่งกลับไปให้กับคนในเมียนมาด้วย และจะดีลกับเจ้าใหญ่ ๆ ในไทย

แต่สำหรับทางร้านยังจะขายให้กลุ่มลูกค้าประจำ ที่ต้องนำไปดูแลคนป่วย และให้กับผู้ที่นำไปบริจาคในนามขององค์กรเท่านั้น จะไม่ขายให้กับคนที่จะกักตุนสินค้าแล้วนำไปขายต่อ

ส่วนกรณีที่หมอมีคำแนะนำเรื่องการใช้ถังออกซิเจนว่าอาจจะมีความเสี่ยง ปกติคนที่ดูแลคนป่วย แพทย์และพยาบาลที่ดูแลการใช้ถังออกซิเจน จะต้องรู้ระดับการปล่อยออกซิเจนให้กับผู้ป่วย

ส่วนรายใหม่ หากมาซื้อกับทางร้านจะอธิบายทำความเข้าใจอย่างชัดเจนเพื่อไม่ให้เกิดอันตราย อีกทั้งยังขายเฉพาะถังใหม่ ไม่ขายแลกถังเก่า


ที่มา : https://news.thaipbs.or.th/content/306097

https://www.facebook.com/permalink.php?story_fbid=3809193532519635&id=100002870789106


โปรเด็ด! ถึง 31 ก.ค. นี้ Ford Ranger, MG ZS, Mazda 2 และ Nissan อัลเมร่า ทักไลน์ @THESHOPSTIMES

คลิก????https://lin.ee/vfTXud9

ส.ส.ปชป. ชู โมเดล รับคนกระบี่กลับบ้าน ช่วยผู้ป่วยโควิดรักษาตัวบ้านเกิด แนะรัฐ เร่งออกนโยบายให้ชัด วางมาตรการรองรับ ตรวจสอบความพร้อม รพ.ทั่วประเทศ

เมื่อวันที่ 21 ก.ค. น.ส.พิมพ์รพี พันธุ์วิชาติกุล ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคประชาธิปัตย์ กล่าวว่า ขอสนับสนุนนโยบายรับคนป่วยโควิด-19 กลับไปรักษาตัวที่บ้านเกิด ซึ่งครม.ออกมาขานรับแล้ว แต่ขอให้มีการเตรียมระบบให้พร้อม และรัฐบาลจะทำโดยลำพังไม่ได้ เพราะเกินกำลัง จึงอยากให้รัฐบาลจัดวางระบบเพื่อเป็นหลักการร่วมกันดังนี้

1.) ตรวจสอบโรงพยาบาลทั่วประเทศ จังหวัดไหนตึง จังหวัดไหนยังมีความพร้อมที่จะรับผู้ป่วยกลับไปรักษาที่บ้านได้ ให้ได้ข้อสรุปโดยเร็วว่าในแต่ละพื้นที่มีความพร้อมแค่ไหน ปริมาณผู้ป่วยในพื้นที่นั้น ๆ เป็นอย่างไร เพราะต้องกันพื้นที่เตียงไว้สำหรับผู้ป่วยในพื้นที่ด้วย

2.) ให้มีศูนย์กลางประสานงานรับตัวส่งต่อร่วมกับเครือข่ายภาคประชาชน จัดงบประมาณให้เพียงพอในการเคลื่อนย้ายผู้ป่วยจาก กทม.ไปต่างจังหวัด กรณีผู้ป่วยที่จะเคลื่อนย้าย ต้องมีโรงพยาบาลปลายทางรองรับแล้วเท่านั้น

3.) การออกใบผ่านทางจากส่วนกลางที่ใช้ได้ทุกจังหวัด กรณีต้องมีการเคลื่อนย้าย เพื่อไม่ให้ติดขัดในช่วงที่มีการจำกัดการเดินทาง ขณะเดียวกัน ต้องมีการวางมาตรการป้องกันพวกฉวยโอกาสใช้ช่วงเวลานี้ขนแรงงานต่างด้าว หรือใช้วิกฤตที่กำลังเปิดช่องทางช่วยเหลือประชาชนไปแสวงหาประโยชน์ด้วย

และ 4.) ต้องทำความเข้าใจกับคนในพื้นที่เพื่อไม่ให้เกิดการต่อต้าน จนกลายเป็นความขัดแย้งระหว่างประชาชน

"ถ้าทำสิ่งเหล่านี้อย่างเป็นระบบได้ วางแนวป้องกันล่วงหน้า เปิดช่องทางให้เกิดความร่วมมือทุกภาคส่วน การฝ่าวิกฤตครั้งนี้จะเป็นความร่วมแรงร่วมใจของคนไทยอย่างแท้จริง เหมือนที่จังหวัดกระบี่ทำโครงการ รับคนกระบี่กลับบ้าน ที่ประสานรวมใจทั้งฝ่ายปกครอง คือ สำนักงานสาธารณสุขจังหวัด (สสจ.) ผู้ว่าราชการจังหวัด ผู้แทนประชาชน จิตอาสา และสำคัญที่สุด คือ ความเข้าใจของคนในพื้นที่ ทำให้โครงการไปได้ คนกระบี่อยู่รอด" น.ส.พิมพ์รพี กล่าว


โปรเด็ด! ถึง 31 ก.ค. นี้ Ford Ranger, MG ZS, Mazda 2 และ Nissan อัลเมร่า ทักไลน์ @THESHOPSTIMES

คลิก????https://lin.ee/vfTXud9

โฆษกทำเนียบสหรัฐฯ เผย พบผู้ติดเชื้อหลังฉีดวัคซีนครบโดสจริง แต่ไม่ได้ใกล้ชิด 'โจ ไบเดน'

เจ้าหน้าที่ทำเนียบขาวรายหนึ่งซึ่งฉีดวัคซีนครบแล้ว มีผลตรวจโควิด-19 เป็นบวก แต่บุคคลรายดังกล่าวไม่ได้สัมผัสใกล้ชิดกับประธานาธิบดีโจ ไบเดน หรือเจ้าหน้าที่ระดับสูงคนอื่น ๆ จากการเปิดเผยของโฆษกเมื่อ 20 ก.ค.64

อย่างไรก็ตาม ขณะเดียวกันก็ยอมรับว่าเจ้าหน้าที่คนนี้ไม่ใช่เคส Breakthrough Cases รายแรกของทำเนียบขาว!!

"ฉันยืนยันว่ามีเจ้าหน้าที่ทำเนียบขาวรายหนึ่งซึ่งฉีดวัคซีนครบแล้วมีผลตรวจโควิด-19 ออกมาเป็นบวก และเมื่อวานนี้เจ้าหน้าที่รายดังกล่าวได้ออกนอกบริเวณแล้ว" เจน ซากี เลขานุการฝ่ายสื่อสารมวลชนของไบเดนกล่าวระหว่างแถลงข่าว พร้อมเผยว่าเจ้าหน้าที่รายนี้ซึ่งไม่เปิดเผยชื่อ มีอาการแค่เล็กน้อย

เธอบอกว่าเพื่อเป็นไปตามกฎระเบียบอันเข้มงวด เจ้าหน้าที่รายดังกล่าวจะอยู่ห่างจากทำเนียบขาวจนกว่าจะมีการตรวจเชื้อเพิ่มเติม และเวลานี้ได้ดำเนินการติดตามผู้สัมผัสใกล้ชิดแล้ว

ซากี ยอมรับว่า มีผู้ฉีดวัคซีนแล้วแต่ยังติดเชื้อโควิด-19 (Breakthrough Cases) รายอื่น ๆ อีกหลายเคสที่ทำเนียบขาว แต่ไม่ยืนยันว่ามีจำนวนมากน้อยแค่ไหนหรือเกิดขึ้นเมื่อไหร่

"เรารู้ดีว่าจะมีเคสฉีดวัคซีนแล้วแต่ยังติดเชื้อ" ซากี บอกกับผู้สื่อข่าวระหว่างแถลงที่ทำเนียบขาว

"อย่างไรก็ตาม ดังที่เคสนี้แสดงให้เห็น เคสในบุคคลที่ฉีดวัคซีนโดยทั่วไปแล้วจะมีอาการเล็ก ๆ น้อย ๆ ทำเนียบขาวเตรียมพร้อมรับมือกับเคสฉีดวัคซีนแล้วแต่ยังติดเชื้อด้วยการตรวจหาเชื้อเป็นประจำ"

โฆษกหญิงรายนี้ระบุว่า เคสโควิดเหล่านั้น "เป็นการตอกย้ำอีกครั้งว่า วัคซีนโควิด-19 มีประสิทธิภาพในการป้องกันการติดเชื้อที่มีอาการรุนแรงหรือเข้าโรงพยาบาล"

อีกด้านหนึ่งสำนักงานของแนนซี เปโลซี ประธานสภาผู้แทนราษฎรสหรัฐฯ ยืนยันว่าโฆษกระดับอาวุโสของเธอรายหนึ่ง มีผลตรวจโควิด-19 ออกมาเป็นบวก หลังพบปะกับเหล่าสมาชิกรัฐสภาประจำรัฐเทกซัส จากพรรคเดโมแครต ที่เดินทางมายังอาคารรัฐสภา

อย่างไรก็ตาม บุคคลรายดังกล่าวไม่ได้สัมผัสกับเปโลซี นับตั้งแต่ติดเชื้อ

หลังมีความคืบหน้าอย่างมากในการต่อสู้กับโรคระบาดใหญ่ โครงการฉีดวัคซีนต้านโควิด-19 ของสหรัฐฯ มีอันต้องสะดุดลงในช่วงหลายสัปดาห์ที่ผ่านมา จนถึงตอนนี้มีประชากรวัยผู้ใหญ่ราว 68% ของอเมริกาที่ฉีดวัคซีนแล้วอย่างน้อย 1 โดส แต่มีความเหลื่อมล้ำทางภูมิศาสตร์เป็นอย่างมาก

การต่อต้านวัคซีนมีความสัมพันธ์อย่างมีนัยสำคัญกับความแตกแยกทางการเมืองในสหรัฐฯ ซึ่งพบว่าบรรดาผู้ลังเลเข้ารับวัคซีนส่วนใหญ่แล้วมักเป็นกลุ่มคนหัวคิดอนุรักษนิยม โดยเฉพาะในบรรดาผู้สนับสนุนอดีตประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์


(ที่มา : รอยเตอร์)

ที่มา : https://mgronline.com/around/detail/9640000071140


โปรเด็ด! ถึง 31 ก.ค. นี้ Ford Ranger, MG ZS, Mazda 2 และ Nissan อัลเมร่า ทักไลน์ @THESHOPSTIMES

คลิก????https://lin.ee/vfTXud9

สำนักงานตำรวจแห่งชาติ​ เตือนภัย!! มิจฉาชีพสร้างแอปพลิเคชัน 'ดัก'​ รับข้อมูลส่วนตัว

พ.ต.อ.กฤษณะ พัฒนเจริญ รองโฆษกสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ขอประชาสัมพันธ์ถึงแนวทางในการป้องกันแอพพลิเคชั่นที่เหล่ามิจฉาชีพใช้ในการดักรับข้อมูล ดังต่อไปนี้

ในปัจจุบันเทคโนโลยีมีการพัฒนาไปอย่างต่อเนื่อง รวมถึงมีนักพัฒนาแอพพลิเคชั่นต่างๆ บนโทรศัพท์เพิ่มขึ้นเป็นจำนวนมาก ทั้งในระบบ ios และ android อีกทั้งบุคคลทั่วไปสามารถเข้าถึงแหล่งข้อมูลต่างๆ รวมถึงใช้บริการจากแอพพลิเคชั่นได้สะดวกยิ่งขึ้น แต่ก็มีเหล่ามิจฉาชีพอาศัยช่องว่างดังกล่าวในการกระทำความผิด ตามที่มีการนำเสนอทั้งในสื่อไทยและสื่อต่างประเทศ ว่ามีเหล่ามิจฉาชีพสร้างแอพพลิเคชั่นขึ้นมาเพื่อดักเก็บข้อมูลส่วนบุคคลของผู้ใช้งานไม่ว่าจะเป็น ชื่อ-สกุล รหัสประจำตัวประชาชน รวมถึงรหัสผ่านต่างๆ ในบางกรณีจะมีให้กรอกเลขบัตรเครดิตหรือข้อมูลทางการเงิน หลังจากนั้นมิจฉาชีพก็อาจจะนำข้อมูลส่วนบุคคลดังกล่าวไปใช้แสวงหาประโยชน์ในทางทุจริต ซึ่งก่อให้เกิดความเสียหายเป็นวงกว้างก็เป็นได้

จากกรณีที่สื่อสังคมออนไลน์ได้มีการนำเสนอข่าวกรณีดังกล่าว พบว่ามีแอพพลิเคชั่นกลุ่มหนึ่งที่มีการกระทำในลักษณะดังกล่าว จำนวน 9แอพพลิเคชั่น ได้แก่ Processing Photo , App Lock Keep , Rubbish Cleaner , Horoscope Daily , Horoscope Pi , App Lock Manager , Lockit Master , Inwell Fitness , PiP Photo ซึ่งขณะนี้ได้มีการปิดแอพพลิเคชั่นลักษณะดังกล่าวในบางส่วน 

การกระทำดังกล่าวเข้าข่ายความผิดฐาน การเข้าถึงระบบคอมพิวเตอร์โดยมิชอบ ตาม พ.ร.บ.ว่าด้วยการกระทำความผิดเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ มาตรา5 ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกิน 6เดือน หรือปรับไม่เกิน 10,000บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ หรือ กฎหมายอื่นๆ ที่เกี่ยวข้อง

รองโฆษกสำนักงานตำรวจแห่งชาติ จึงขอฝากเตือนภัยและประชาสัมพันธ์แนวทางการป้องกันหลีกเลี่ยงเพื่อไม่ให้ตกเป็นเหยื่อดังนี้ ควรตรวจสอบความน่าเชื่อถือของแอพพลิเคชั่นก่อนจะนำมาใช้ทุกครั้ง ไม่ควรยินยอมให้แอพพลิเคชั่นเข้าถึงข้อมูลส่วนตัวในโทรศัพท์ และหากไม่แน่ใจถึงความปลอดภัยในการใช้แอพพลิเคชั่นดังกล่าว ไม่ควรกรอกข้อมูลส่วนบุคคล หรือหลีกเลี่ยงไปใช้แอพพลิเคชั่นอื่นแทน ในกรณีทราบภายหลังว่าแอพพลิเคชั่นดังกล่าวมาหลอกนำข้อมูลไปใช้ ให้รีบเปลี่ยนรหัสผ่านทันที และรีบแจ้งเจ้าหน้าที่ตำรวจ หรือติดต่อหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เช่น ธนาคาร สถาบันทางการเงิน เป็นต้น นอกจากนี้หากพบเห็นเบาะแสการกระทำความผิดสามารถแจ้งไปยัง Call Center สำนักงานตำรวจแห่งชาติ หมายเลขโทรศัพท์ 191 หรือ 1599 ได้ตลอด 24 ชั่วโมง

ข้อปฏิบัติ!! ประชาชนที่จำเป็นต้องข้ามเขตพื้นที่สีแแดง

ตร.แนะนำข้อปฏิบัติประชาชนที่จำเป็นต้องเดินทางข้ามจังหวัดพื้นที่สีแดงเข้ม

วันที่ 21 ก.ค. 2564 พ.ต.อ.ศิริวัฒน์ ดีพอ รองโฆษก สำนักงานตำรวจแห่งชาติ กล่าวว่า ตามที่ รัฐบาล โดย นายแพทย์ทวีศิลป์ วิษณุโยธิน โฆษก ศบค. ได้แถลงเรื่องการประกาศยกระดับมาตรการป้องกันโควิด-19 ซึ่งจะมีผลตั้งแต่วันที่​ 20 ก.ค.64 โดยใช้กำลังทหาร- ตำรวจสนธิกำลังร่วมกับหน่วยงานที่ เกี่ยวข้อง ในการจัดตั้งด่านตรวจเข้มแข็งบนเส้นทาง หลักและรอง โดยรอบพื้นที่ควบคุมสูงสุดและเข้มงวด 13 จังหวัด ได้แก่ กรุงเทพฯ สมุทรปราการ นนทบุรี ปทุมธานี สมุทรสาคร นครปฐม สงขลา ยะลา ปัตตานี นราธิวาส พระนครศรีอยุธยา ชลบุรี และฉะเชิงเทรา นั้น 
สำนักงานตำรวจแห่งชาติมีความเป็นห่วงพี่น้องประชาชน จึงขอประชาสัมพันธ์แนวทางของศูนย์บริหารสถานการณ์ โควิด-19 (ศบค.) ว่า

หากเป็นการเดินทางข้ามจังหวัดที่เป็นพื้นที่ควบคุมสูงสุดและเข้มงวด​ (13 จังหวัด) สิ่งที่จะต้องปฏิบัติ คือ...

1.เอกสารรับรองที่ได้รับอนุญาตจากพนักงานเจ้าหน้าที่ เช่น กำนัน ผู้ใหญ่บ้าน ผู้อำนวยการเขต

2. ถ้าไม่มีเอกสารตามข้อ 1​ ให้ลงทะเบียนการเดินทางข้ามพื้นที่ ผ่านทางเว็บไซต์ "หยุดเชื้อ เพื่อชาติ" https://covid-19.in.th เพื่อนำ QR code แสดงแก่เจ้าหน้าที่

3. ให้ลงทะเบียนผ่านแอปพลิเคชัน ไทยชนะ ที่ด่านตรวจ ทุกครั้ง

ทั้งนี้ พล.ต.อ.สุวัฒน์ แจ้งยอดสุข ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ได้มอบหมายให้ พล.ต.อ.ดำรงศักดิ์ กิตติประภัสร์ รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ในฐานะผู้อำนวยการศูนย์ปฏิบัติการแก้ไขสถานการณ์ฉุกเฉิน ด้านความมั่นคง สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ศปม.ตร.) ขับเคลื่อนนโยบายของทางรัฐบาลและ ศบค.ตามข้อกำหนดออกตามความมาตรา 9 แห่ง พ.ร.ก.ฉุกเฉินฯ พ.ศ.2548 (ฉบับที่ 28) ลงวันที่ 17 ก.ค. 64 โดยได้สั่งการและกำชับการปฏิบัติไปยังหน่วยงานในสังกัดที่เกี่ยวข้องทุกพื้นที่โดยเฉพาะเน้นย้ำไปยังพื้นที่ควบคุมสุดและเข้มงวดโดยให้ตรวจรถทุกคันตลอด 24 ชั่วโมง ครอบคลุมทุกเส้นทางข้ามจังหวัดเพื่อสกัดกั้นการเดินทางออกนอกพื้นที่ควบคุมสูงสุดและเข้มงวด ในการกำหนดจุดตรวจ จุดสกัด ให้ประสานผู้ว่าราชการจังหวัดและบูรณาการกำลังพลปฏิบัติร่วมกับฝ่ายปกครอง ทหาร และสาธารณสุข 
นอกจากนี้ ยังได้กำชับให้ทุกหน่วยกวดขันตรวจสอบกิจการ กิจกรรมตามมาตรการที่กำหนด ได้แก่ การห้ามมิให้มีการมั่วสุมในลักษณะที่เสี่ยงต่อการแพร่โรค การจัดกิจกรรมที่มีการรวมกลุ่มกันของบุคคลที่มีจำนวนรวมกันมากกว่า 5 คน และตรวจตราห้ามมิให้บุคคลออกนอกเคหสถานในห้วงเวลา 21.00-04.00 น.ของวันรุ่งขึ้น พร้อมแจ้งให้ผู้บังคับบัญชาทุกหน่วยกำชับและกำกับดูแลกำลังพลให้ระวังป้องกันตนเองและปฏิบัติตามมาตรการสาธารณสุขอย่างเคร่งครัดในระหว่างปฏิบัติงาน

จึงขอให้พี่น้องประชาชนโปรดปฏิบัติตามมาตรการและข้อปฏิบัติ ตามข้อกำหนดออกตามความในมาตรา 9 แห่ง พ.ร.ก.ฉุกเฉินฯ พ.ศ.2548 (ฉบับที่ 28) ลงวันที่ 17 ก.ค. 64 และให้ความร่วมมือกับเจ้าหน้าที่ทุกฝ่ายที่ปฏิบัติงาน ทั้งนี้เพื่อลดอัตราการติดเชื้อ และบรรเทาสถานการณ์ฉุกเฉินให้คลี่คลายโดยเร็วที่สุดต่อไป

เดือดร้อนต้องการความช่วยเหลือจากโควิด แจ้งผ่านหน่วยทหาร ทบ.

กองทัพบกขอแจ้งประชาชน  ผู้ที่เดือดร้อน ติดขัดเรื่องการรักษาพยาบาล การเคลื่อนย้ายผู้ป่วยโควิด การจัดพิธีศพผู้เสียชีวิตจากโควิด สามารถประสานขอความช่วยเหลือ ผ่าน หน่วยทหารของกองทัพบกใกล้บ้านทั่วประเทศ หรือโทรแจ้งได้ที่ ศูนย์ประสานงานต้านภัยโควิดกองทัพบก  CALL CENTER: 02-270-5685-9 ตลอด 24 ชม.  ทบ.พร้อมประสานความช่วยเหลืออย่างเต็มที่ 

นอกจากนี่ กองทัพบกได้จัดเตรียม โรงพยาบาลสนาม โรงพยาบาลค่ายในจังหวัดต่างๆ 37 แห่งทั่วประเทศ ไว้รองรับผู้ติดเชื้อ ซึ่งประชาชนตรวจสอบที่ตั้งโรงพยาบาลของกองทัพบกได้ตามแผนที่ : Google Map 

https://bit.ly/3zbcaLw 

รพ.สนาม : รพ.ค่ายทหาร 37 แห่งทั่วประเทศ : ฌาปนสถาน ทบ. 

ทั้งนี้ ผู้บัญชาการทหารบก กำชับและมอบให้หน่วยทหารเร่งประสานความช่วยเหลือให้ประชาชนอย่างเต็มกำลัง


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top