Monday, 7 July 2025
Hard News Team

“องอาจ” เสนอนายกฯ เร่งดูแลประชาชน 5 ด้าน ช่วงล็อกดาวน์

นายองอาจ คล้ามไพบูลย์ รองหัวหน้าพรรค และประธาน ส.ส. พรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึงการเยียวยาประชาชนที่ได้รับผลกระทบจากการล็อกดาวน์ 13 จังหวัดว่า การล็อกดาวน์ครั้งนี้จะส่งผลกระทบต่อประชาชนที่มีรายได้น้อย ผู้ใช้แรงงานนอกระบบ และธุรกิจ SME อย่างรุนแรง เพราะถึงแม้จะไม่มีล็อกดาวน์ คนกลุ่มนี้ก็มีความยากลำบากในการใช้ชีวิตในเมืองใหญ่โดยเฉพาะในกรุงเทพมหานครมากอยู่แล้ว จากการแพร่ระบาดของโควิด-19 ตั้งแต่ต้นปีที่แล้วจนถึงการระบาดรอบ 3 ที่กำลังก่อให้เกิดวิกฤติครั้งใหม่อยู่ในขณะนี้

มีการประเมินว่าการล็อกดาวน์คราวนี้จะเกิดการสูญเสียทางเศรษฐกิจวันละประมาณ 3,500 – 4,500 ล้านบาท ถ้าล็อกดาวน์ 2 สัปดาห์จะเกิดความสูญเสียประมาณ 49,000 – 63,000 ล้านบาท ในกรณีที่ล็อกดาวน์ 1 เดือนจะเกิดความสูญเสียไม่ต่ำกว่า 100,000 ล้านบาท

แน่นอนว่าความสูญเสียทางเศรษฐกิจจากการล็อกดาวน์ ก่อให้เกิดผลกระทบทั่วหน้าตั้งแต่ผู้ประกอบการขนาดใหญ่ไปจนถึงธุรกิจ SME รวมถึงผู้ใช้แรงงานนอกระบบ แรงงานรายวัน ครัวเรือนรายได้น้อยที่ประทังชีวิตด้วยการหาเช้ากินค่ำ

แต่ผู้ประกอบการขนาดใหญ่มีกำลังทุนที่เข้มแข็งไม่เปราะบางมาก มีสายป่านที่ยาวพอจะประคับประคองตัวเองได้ระดับหนึ่ง แต่สำหรับคนหาเช้ากินค่ำควรมีมาตรการช่วยเหลือเยียวยาอย่างถึงที่สุด

การเยียวยารอบนี้ภาครัฐควรเน้นมาตรการและกลไกที่ตอบสนองต่อการแก้ปัญหาได้จริงดังนี้

1. ต้องเน้นช่วยคนที่เดือดร้อนมากที่สุดก่อน และควรคำนึงถึงความเสมอภาคมากกว่าความเท่าเทียม
2. ต้องมีมาตรการเสริมรายได้ลดรายจ่ายให้ชัดเจนเป็นรูปธรรม เพื่อบรรเทาภาระทางการเงินของประชาชนทุกรูปแบบ
3. ต้องช่วยธุรกิจ SME อย่างจริงจัง เพื่อทำให้ไม่กระทบการจ้างงานในวงกว้าง
4. ต้องใช้กลไกทางการเงินการคลังแบบยาแรง เพื่อช่วยเหลือธุรกิจไม่ให้ปิดกิจการ
5. ต้องเร่งใช้เงินกู้ 500,000 ล้านบาทให้เกิดผลสัมฤทธิ์ช่วยเหลือเยียวยา และฟื้นฟูได้จริง ไม่ควรทำแบบใช้เงินกู้ 1 ล้านล้านบาทเหมือนที่ผ่านมา ที่ไม่ตอบโจทย์ของปัญหาที่เกิดขึ้น ธุรกิจ SME คนตัวเล็กตัวน้อยที่ได้รับผลกระทบจากโควิดได้รับการดูแลแก้ปัญหาน้อยมาก

ขอให้นายกรัฐมนตรีในฐานะประธาน ศบค. ลงมาติดตามการช่วยเหลือเยียวยาประชาชนกลุ่มต่างๆ ในครั้งนี้ด้วย เพื่อให้ประชาชนสามารถใช้ชีวิตต่อไปได้ในสถานการณ์ที่ยากลำบากอย่างมากในขณะนี้

'จิรายุ' ลั่น ดาราคนไหนโดนดำเนินคดี พร้อมเอาตำแหน่ง ส.ส. ประกันตัวให้

นายจิรายุ ห่วงทรัพย์ ส.ส.กทม. พรรคเพื่อไทย โพสต์ข้อความผ่านเพจเฟซบุ๊กส่วนตัว ระบุข้อความว่า ...

"เรียนดารานักแสดง..

ท่านใดโดนคดี call out

ผมขอใช้ตำแหน่ง ส.ส.ประกันตัวให้ครับ.!!"

นายจิรายุ ยังระบุซ้ำด้วยว่า รัฐบาลจะดำเนินคดี ดารา Call out เอาเวลาไปหาวัคซีนก่อนมั้ย!!!


ที่มา : https://www.facebook.com/จิรายุ-ห่วงทรัพย์-804181579762028/


โปรเด็ด! ถึง 31 ก.ค. นี้ Ford Ranger, MG ZS, Mazda 2 และ Nissan อัลเมร่า ทักไลน์ @THESHOPSTIMES

คลิก????https://lin.ee/vfTXud9

“บิ๊กตู่”  ร่วมส่งกำลังใจเชียร์นักกีฬาไทย เข้าแข่งขันในโอลิมปิกและพาราลิมปิก “Tokyo 2020 Olympics” ณ กรุงโตเกียว ประเทศญี่ปุ่น 

นายอนุชา บูรพชัยศรี โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า พล.อ. ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ติดตามกำหนดการแข่งขันกีฬาโอลิมปิกเกมส์ ครั้งที่ 32 และพาราลิมปิกเกมส์ ครั้งที่ 16 ณ กรุงโตเกียว ประเทศญี่ปุ่น พร้อมให้กำลังใจนักกีฬา และเชิญชวนชาวไทยส่งแรงเชียร์นักกีฬาไทยให้คว้าชัยชนะในการแข่งขันครั้งนี้ สำหรับการแข่งขันกีฬาโอลิมปิกเกมส์ ครั้งที่ 32 จะจัดขึ้นระหว่างวันที่ 23 กรกฎาคม – 8 สิงหาคม 2564 และพาราลิมปิกเกมส์ ครั้งที่ 16 ระหว่างวันที่ 24 สิงหาคม -  5 กันยายน 2564 ณ กรุงโตเกียว ประเทศญี่ปุ่น ภายใต้ชื่อ “Tokyo 2020 Olympics” ซึ่งมีนักกีฬาจาก 206 ประเทศ จำนวนกว่า 11,000 คนเข้าร่วมการแข่งขัน จัดการแข่งขันทั้งหมด 33 ชนิดกีฬา ในสนามกีฬา 42 แห่งทั่วประเทศญี่ปุ่น และประเทศไทยจัดทัพนักกีฬาและเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องเข้าร่วมการแข่งขันในครั้งนี้ด้วย 

“นายกรัฐมนตรีได้ฝากกำลังใจ และอวยพรไปยังทัพนักกีฬาทุกคนและทีมงานที่เกี่ยวข้องจะเดินทางไปเข้าร่วมการแข่งขันในครั้งนี้ ขอบคุณความตั้งใจ ความมุ่งมั่น ที่ร่วมกันฝึกซ้อมแม้ในสถานการณ์ที่มีความท้าทายมากกว่าสถานการณ์ปกติ ขอให้ประสบความสำเร็จตามเป้าหมายที่ตั้งใจไว้เพื่อนำชื่อเสียงกลับมาสู่ประเทศไทย และไม่ว่าจะได้รับเหรียญจากการแข่งขันหรือไม่ก็ตาม นายกรัฐมนตรีเชื่อมั่นว่า นักกีฬาไทยทุกคนจะเป็นต้นแบบ เป็นแรงผลักดันให้แก่เยาวชนในด้านความมุ่งมั่นที่จะพัฒนาความสามารถและฝึกฝนตนเองต่อไปในอนาคต พร้อมเน้นย้ำให้นักกีฬาปฏิบัติตามมาตรการสาธารณสุขของประเทศเจ้าภาพอย่างเคร่งครัด เพื่อความปลอดภัย ซึ่งจะเป็นตัวอย่างที่ดีแก่ประเทศอื่น ๆ ด้วยเช่นกัน” นานอนุชา กล่าว

โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า การแข่งขันกีฬาโอลิมปิกเกมส์ 2020 มีกีฬา 5 ชนิดที่เพิ่งได้รับการบรรจุเข้ามาหรือได้รับการบรรจุกลับเข้ามาใหม่อีกครั้ง ได้แก่ 1. เบสบอล(ชาย)/ซอฟต์บอล(หญิง) 2. คาราเต้ 3. ปีนหน้าผา (sport climbing) 4. กระดานโต้คลื่น (surfing) และ 5. สเก็ตบอร์ด (skateboarding) และในส่วนของ กีฬาพาราลิมปิกเกมส์ 2020 มีกีฬา 2 ชนิดที่บรรจุเข้ามาใหม่ ได้แก่ เทควันโด และแบดมินตัน ทั้งนี้ ประเทศไทยจัดทัพนักกีฬาโอลิมปิกไทยซึ่งผ่านการควอลิฟาย (Qualify) โอลิมปิกเกมส์ จำนวน 41 คน เป็นนักกีฬาชาย 15 คน นักกีฬาหญิง 26 คน และเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องรวมทั้งสิ้น 74 คน ในครั้งนี้

โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า การแข่งขันกีฬาโอลิมปิกเกมส์ 2020 ถือเป็นครั้งแรกในประวัติศาสตร์วงการกีฬาที่จะจำกัดจำนวนผู้เข้าชมและใช้การถ่ายทอดสดการแข่งขันเป็นหลัก เนื่องจากสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 โดยจะมีพิธีเปิด Tokyo 2020 Olympics และเริ่มการแข่งขันในวันที่ 23 กรกฎาคม 2564 เป็นวันแรก ได้แก่ โปรแกรมการแข่งขันกีฬาขี่ม้า , เรือพาย และยิงปืน ซึ่งประชาชนสามารถรับชมและให้กำลังใจนักกีฬาไทยได้ผ่านช่องทางต่างๆ 

"บิ๊กแก้ว"มอบ​ เสธ.ศปม.ตรวจหลังเคอร์ฟิวเข้ม​ 111 ​จุดตรวจจุดสกัดในพื้นที่​  กทม.- ปริมณฑล​ ตามมาตรการป้องกันการแพร่ระบาดโควิด-19

ที่กองบัญชาการกองทัพไทย พล.ต.ธีรพงศ์ ปัทมสิงห์ ณ อยุธยา รองโฆษกกองบัญชาการกองทัพไทย กล่าวว่า จากสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อโควิด 19​ ส่งผลให้มีผู้ติดเชื้อมากขึ้น​ รัฐบาลโดย​ศบค.จึงกำหนดมาตรการต่าง ๆ พร้อมขอความร่วมมือประชาชนในการปฏิบัติอย่างเคร่งครัดเพื่อให้สามารถควบคุมโรคอยู่ในวงจำกัด 

โดยพล.อ.เฉลิมพล ศรีสวัสดิ์ ผู้บัญชาการทหารสูงสุด/หัวหน้าศูนย์ปฏิบัติการแก้ไขสถานการณ์ฉุกเฉินด้านความมั่นคง(ศปม.)​ มอบหมายให้ พล.อ.สุพจน์  มาลานิยม เสนาธิการทหาร/เสธ.ศปม. ลงพื้นที่ตรวจการปฏิบัติการจัดตั้งจุดตรวจ/จุดสกัดในพื้นที่กทม. และปริมณฑล โดยอากาศยาน เพื่อตรวจการปฏิบัติตามมาตรการป้องกันโรค การบังคับใช้มาตรการต่างๆ​ โดย​ศปม.และศปม.เหล่าทัพ ได้สนับสนุน​ ศบค.เพื่อร่วมแก้ไขปัญหาที่สำคัญ​ อาทิ 

การสกัดกั้นการลักลอบเข้าเมืองโดยผิดกฎหมาย โดยใช้กำลังจากกองกำลังป้องกันชายแดน 8 กองกำลัง หน่วยเรือรักษาความสงบเรียบร้อยตามลำแม่น้ำโขง 3 ทัพเรือภาค และกำลังอีก​ 6​ กองร้อย เพื่อสกัดกั้นผู้ลักลอบเข้าเมืองชาวเมียนมาปัจจุบันมียอดการจับกุม 5,810 คน จากตอนใน 622  คน พื้นที่ชายแดน 1,765 คนผู้นำพา 38​คน 

การสนับสนุนกำลังพลและยุทโธปกรณ์พิเศษต่างๆ ในการตรวจคัดกรองโรคบริเวณแนวชายแดน​ ช่องทางผ่านแดนเข้าออกทั้งในพื้นที่ทางบก ทางน้ำ ท่าอากาศยานต่างๆซึ่ง ศปม.ได้จัดตั้ง ศูนย์ปฏิบัติการแก้ไขสถานการณ์ฉุกเฉินด้านความมั่นคงประจำท่าอากาศยาน (ศปม.ทย.) หรือ EOC เพื่อบูรณาการจัดการเดินทางเข้าประเทศและสถานกักกันโรคแห่งรัฐ (SQ) 

รวมถึงการจัดตั้งจุดตรวจ/จุดสกัด​ ห้ามออกนอกเคหสถาน ระหว่าง​ 21.00​ น.ถึง​ 04.00​ น. ในพื้นที่​ กทม. 88 จุด จังหวัดปริมณฑล 23 จุด และจังหวัดชายแดนภาคใต้ 39 จุด และด่านตรวจควบคุมการเคลื่อนเข้าออกจังหวัดสูงสุดเข้มงวด 13 จังหวัด จัดสายตรวจร่วม​ ลาดตระเวนในกทม.และปริมณฑล​  กวดขันห้ามการจัดกิจกรรมรวมกลุ่มมากกว่า 5 คน

 

สำหรับการควบคุมแคมป์คนงานในกทม.จำนวน 593 แคมป์  เพื่อควบคุม/ป้องกันการเคลื่อนย้ายแรงงาน​ การจัดตั้งโรงพยาบาลสนามในหน่วยทหาร 24 แห่ง ทั่วประเทศ รองรับผู้ป่วยได้ 4,947 เตียง​ รวมถึงในพื้นที่กรุงเทพฯ และปริมณฑล สนับสนุนบุคลากรทางการแพทย์ให้กับโรงพยาบาลสนามเขตบางขุนเทียน จัดเจ้าหน้าที่ล่ามภาษาเมียนมาให้กับโรงพยาบาลสนามวัฒนา แฟคตอรี่ จังหวัดสมุทรสาคร โรงพยาบาลสนาม (บุษราคัม) เมืองทองธานี 


    
“ศปม.จะยังคงปฏิบัติภารกิจที่ได้รับมอบหมายอย่างต่อเนื่องในทุกมิติ เพื่อสร้างความเชื่อมั่นแก่ประชาชน เพื่อนำไปสู่ความสำเร็จของประเทศไทยในการควบคุมสถานการณ์ของโรคโควิด 19 ต่อไป” รองโฆษกกองบัญชาการกองทัพไทย กล่าว 

ทบ. ตั้ง “รพ.สนามศูนย์คัดกรอง (สโมสร ทบ.)” สนับสนุนรัฐบาล เพิ่มการดูแลผู้ป่วยโควิดเข้าสู่ระบบการรักษา

พล.ท.สันติพงศ์ ธรรมปิยะ รองเสนาธิการทหารบก ในฐานะผู้อำนวยการศูนย์บริหารสถานการณ์โควิด-19 กองทัพบก (ผอ.ศบค.19 ทบ.) เปิดเผยว่า ตามที่ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และ รมว.กลาโหมมีข้อห่วงใยต่อประชาชนในสถานการณ์การแพร่ะระบาดโควิด-19 ในปัจจุบัน ที่พบผู้ติดเชื้อเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง และบางส่วนยังตกค้างไม่ได้เข้ารับการรักษาตามระบบ ทำให้เกิดข้อกังวลใจทั้งตัวผู้ป่วยเองและญาติที่อาจมีการแพร่กระจายเชื้อต่อได้ โดยสั่งการให้ทุกเหล่าทัพระดมทรัพยากรดูแลประชาชน ขยายขีดความสามารถของโรงพยาบาลสนามที่มีอยู่เดิมและเพิ่มการจัดตั้งโรงพยาบาลสนามในพื้นที่หน่วยทหาร เพื่อบริหารจัดการดูแลผู้ป่วยโควิด-19 ให้เข้าสู่ระบบของ สธ. โดยเฉพาะใน 13 จังหวัดพื้นที่ควบคุมสูงสุดและเข้มงวดตามประกาศ ศบค.

ในส่วนของกองทัพบก มีสถานภาพโรงพยาบาลสนามทั่วประเทศที่ได้สนับสนุนบุคลากรทางการแพทย์, สิ่งอุปกรณ์และสถานที่ในหน่วยทหาร ร่วมกับ สธ.จังหวัด รวม 19 แห่ง รองรับผู้ป่วยได้ 3,323 เตียง 

โดยพล.อ.ณรงค์พันธ์ จิตต์แก้วแท้ ผู้บัญชาการทหารบก (ผบ.ทบ.)  ได้สั่งการให้หน่วยทหารทั่วประเทศ ใช้อาคารสโมสรหรืออาคารเอนกประสงค์ในค่ายทหารทั่วประเทศ เป็นโรงพยาบาลสนามศูนย์คัดกรอง เพื่อประเมินอาการ และดูแลผู้ป่วยสีเขียวในเบื้องต้น ก่อนประสานส่งต่อให้เข้ารับการรักษาในสถานพยาบาลตามระบบของ กระทรวงสาธารณะสุขแต่ละพื้นที่ต่อไป 

ซึ่งในพื้นที่ กทม. จะใช้สโมสรทหารบก ถ.วิภาวดี จัดเตรียมตั้งเป็น “โรงพยาบาลสนามศูนย์คัดกรอง (สโมสร ทบ.)” เพื่อเป็นศูนย์แรกรับผู้ป่วย ประเมินและดูแลผู้ป่วยสีเขียวในพื้นที่ กทม. และปริมณฑล ก่อนส่งต่อเข้ารับการรักษาในสถานพยาบาลที่ สธ. กำหนด ซึ่งเมื่อพร้อมเปิดดำเนินการจะสามารถรองรับผู้ป่วยได้ประมาณ 300-400 เตียง 

“กองทัพบกยืนยันจะดำรงการใช้ศักยภาพที่มีอยู่ในทุกมิติ เตรียมพร้อมรองรับสถานการณ์ ร่วมกับทุกส่วนในการดูแลช่วยเหลือประชาชน ลดผลกระทบที่เกิดขึ้น ตลอดจน ลดภาระด้านสาธารณสุข พร้อมเป็นที่พึ่งของประชาชนในทุกโอกาส ข้ามผ่านสถานการณ์วิกฤตครั้งนี้ไปด้วยกัน”พล.ท.สันติพงษ์ กล่าว        

                                      

“ธนกร” ซัด “จิรายุ” ใจอำมหิต เล่นการเมืองบนความเดือดร้อนป้อง “บิ๊กตู่” เยียวยาทุกอย่าง ช่วยทั้งค่าน้ำ-ค่าไฟ-ค่าเทอม

นายธนกร วังบุญคงชนะ เลขานุการรัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวกรณีที่นายจิรายุ ห่วงทรัพย์ ส.ส.กทม.พรรคเพื่อไทย กล่าวหารัฐบาลใจดำอำมหิต ผลักภาระให้ประชาชนและเรียกร้องให้พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรมว.กลาโหม สั่งรัฐวิสาหกิจแบ่งเบาภาระประชาชน ว่า นายจิรายุเป็นประธานคณะกรรมาธิการกิจการศาล องค์กรอิสระ องค์กรอัยการ รัฐวิสาหกิจ องค์กรมหาชนและกองทุน แต่ยังใส่ร้ายรัฐบาลแบบหน้าตาเฉยไม่เปลี่ยน สิ่งที่พูดไม่เป็นความจริง พล.อ.ประยุทธ์ สั่งการให้หน่วยงานของรัฐช่วยเหลือประชาชนทุกเรื่อง ไม่เคยผลักภาระให้ ทั้งลดค่าน้ำค่าไฟ 2 เดือน ดูแลค่าเทอมนักเรียนนักศึกษา เยียวยาประชาชนลูกจ้าง ตามมาตรา34 39 40ในจังหวัดที่ล็อกดาวน์ พักหนี้ให้ผู้ประกอบรายย่อย ออกมาตรการทางการเงินการคลังในการช่วยผู้ประกอบการ ปรับโครงสร้างหนี้ พักหนี้ สนับสนุนสินเชื่อดอกเบี้ยต่ำฯ

นายธนกร กล่าวว่า เวลานี้ไม่ใช่เวลาเล่นการเมือง ทุกฝ่ายต้องช่วยเหลือบ้านเมือง คนที่อำมหิตคือนายจิรายุ ไม่ใช่รัฐบาล ที่เล่นการเมืองบนความเดือดร้อนของประชาชน ถ้ามีอะไรนายจิรายุ สามารถส่งมาหรือประสานนายเสกสกล อัตถาวงษ์ ผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำนายกรัฐมนตรี จะดำเนินการให้ทุกเรื่อง แต่ให้เป็นสิ่งที่ประชาชนต้องการ จึงอยากขอให้นายจิรายุ หยุดการเมืองแล้วมาร่วมแรงร่วมใจช่วยเหลือประชาชนจะดีกว่า ที่ผ่านมานายจิรายุทำหน้าที่ประธานกรรมาธิการฯ ได้ดีมาก อย่าถอยกลับไปเลย ขึ้นลิฟต์ไปแล้ว ไม่ควรออกมาสะเปะสะปะหน้ามืดตามัวโจมตีรัฐบาลแบบไร้เหตุผลเหมือนนายอนุสรณ์ เอี่ยมสะอาด รองหัวหน้าพรรคเพื่อไทย ให้ตัวเองต้องเสียราคา

 

ทร. แจง จัดหายุทโธปกรณ์เน้นการใช้งาน ที่สำคัญในการปฏิบัติงานในทะเลเพื่อรักษาความมั่นคงและผลประโยชน์ของชาติทางทะเล

ที่กองบัญชาการกองทัพเรือ (บก.ทร.) พล.ร.อ.เชษฐา  ใจเปี่ยม โฆษกกองทัพเรือ  เปิดเผยถึงแนวทางการจัดหายุทโธปกรณ์ของกองทัพเรือ ที่ปรากฏรายการต่าง ๆ ตามการพิจารณางบประมาณอยู่ในขณะนี้นั้น ได้ผ่านกระบวนการพิจารณาโดยละเอียดอย่างถูกต้อง เปิดเผย และเป็นไปตามแนวคิดที่มีความจำเป็นตามยุทธศาสตร์ของกองทัพเรือในการป้องกันประเทศและอธิปไตยทางทะเล การรักษาความมั่นคง และ ผลประโยชน์ของชาติทางทะเลของไทย 

โฆษกกองทัพเรือ กล่าวอีกว่า โดยเฉพาะอย่างยิ่งกองทัพเรือต้องรับผิดชอบภารกิจการรักษาความมั่นคงทางทะเลมีพื้นที่สองฝั่งทะเล ซึ่งรับผิดชอบอาณาเขตทางทะเลประมาณ 323,388.32 ตารางกิโลเมตร  คิดเป็นร้อยละ 60 ของอาณาเขตทางบกที่มีเนื้อที่อยู่ประมาณ 513,115 ตารางกิโลเมตร ซึ่งจะต้องจัดกำลังทางเรือและอากาศยานปฏิบัติการในพื้นที่รับผิดชอบตลอด 24 ชั่วโมง ทุกวันโดยไม่มีวันหยุด เพื่อลาดตระเวนเฝ้าตรวจ รวมทั้งช่วยเหลือประชาชนในทะเลและเกาะแก่งต่าง ๆ ทั้งฝั่งอ่าวไทย และฝั่งทะเลอันดามัน ซึ่งการปฏิบัติการตลอด 24 ชั่วโมง เป็นเรื่องที่กองทัพเรือให้ความสำคัญสูงสุด ทั้งนี้เพราะเมื่อเกิดเหตุการณ์ต่างๆ ในทะเล จะทำให้เรือและอากาศยานของกองทัพเรือสามารถปฏิบัติการได้อย่างทันท่วงที เนื่องจากระยะทางในการเกิดเหตุในทะเล มักไม่เกิดใกล้ฝั่ง
      
พล.ร.อ.เชษฐา กล่าวต่อไปว่า ปัจจุบันสถานภาพของเรือและอากาศยานของกองทัพเรือนั้น จากการที่ต้องมีการปฏิบัติการอย่างต่อเนื่องในการดำรงภารกิจการลาดตระเวนและเฝ้าตรวจในทะเล ซึ่งการปฏิบัติการในทะเลนั้นจะทำให้เรือและอากาศยานมีผลการเสื่อมสภาพและสึกหรอมากกว่าปกติ ซึ่งมีผลต่ออายุการใช้งานของยุทโธปกรณ์ของกองทัพเรือ อีกทั้งเรือและอากาศยานส่วนใหญ่ก็มีอายุการใช้งานเกินเกณฑ์กำหนด รวมทั้งงบประมาณด้านปฏิบัติการของเรือรบและอากาศยานที่มีนักบินที่ได้รับแต่ละปีมีจำนวนจำกัด จึงส่งผลกระทบต่อการปฏิบัติการของกองทัพเรือโดยตรง อาทิ  การใช้อากาศยานไร้คนขับ (UAV) ซึ่งสามารถสนับสนุนการลาดตระเวนตรวจการณ์ของเรือรบและอากาศยานที่มีนักบินทั้งด้านอ่าวไทยและทะเลอันดามัน เข้าถึงพื้นที่ปฏิบัติการได้อย่างรวดเร็ว และสามารถปฏิบัติการบนอากาศได้อย่างยาวนานมากยิ่งขึ้น และช่วยประหยัดงบประมาณด้านการปฏิบัติการ รวมทั้งยังเป็นการใช้บุคลากรที่เป็นนักบิน ช่างเครื่อง และสิ่งอำนวยความสะดวกน้อยกว่าอากาศยานที่ใช้นักบิน ซึ่งจะสามารถช่วยเสริมการใช้นักบินและช่างเครื่องของกองทัพเรือจากการปฏิบัติการบินในพื้นที่รับผิดชอบอย่างต่อเนื่องอันเป็นการลดความเสี่ยงได้ 

ดังนั้นจึงเป็นการแสดงให้เห็นว่าทุกรายการนั้นมีเหตุผลที่เหมาะสมรองรับการจัดหาดังกล่าว  ประการสำคัญที่สุด คือ ในภาวะปัจจุบันที่มีการระบาดของโควิด-19 ประเทศต้องมีภาระด้านงบประมาณค่าใช้จ่ายที่จะต้องรับมือ กองทัพเรือจึงได้ตระหนักในเรื่องดังกล่าวนี้เป็นอย่างมาก และต้องการมีส่วนในการร่วมมือกับหลายภาคส่วนในการช่วยเหลือรัฐบาล และพี่น้องประชาชนดังจะเห็นได้จากการที่กองทัพเรือได้ขอเลื่อนโครงการจัดหาเรือดำน้ำลำที่ 2 และ 3 ออกไปก่อน อย่างไรก็ตาม ใคร่จะขอเรียนทำความเข้าใจว่า ในส่วนของยุทโธปกรณ์อื่น ๆ ที่เหลือนั้น ยังคงมีความจำเป็นด้วยจะเป็นเครื่องมือสำคัญในการที่จะทำให้การปฏิบัติงานในทะเลเพื่อรักษาความมั่นคงและผลประโยชน์ของชาติทางทะเล รวมทั้งผลกระทบต่ออธิปไตยของชาติทางทะเลมีประสิทธิภาพสูงสุด อันจะเป็นหลักประกันในการสร้างความมั่นคงทางทะเลและสร้างความเชื่อมั่นในการดูแลพี่น้องประชาชนที่มีกิจกรรมทางทะเลให้ปลอดภัยตลอดไป
       
“ขอให้ทุกฝ่ายอย่าได้นำการทำหน้าที่และความจำเป็นเหล่านี้ ไปสร้างความเข้าใจที่ผิด สร้างความแตกแยก และทำให้เกิดผลกระทบและบั่นทอนต่อกำลังใจของพี่น้องประชาชน หรือผลในด้านอื่น ๆ อันจะเป็นการสร้างความเสียหายให้กับหลายๆ ฝ่าย เพราะความจำเป็นดังกล่าวอยู่บนพื้นฐานที่ไม่กระทบต่อภาระจำเป็นที่มีอยู่ หากทุกฝ่ายได้พิจารณาในรายละเอียดด้วยเหตุและผล และมีความเป็นธรรมจากจิตใจ กองทัพเรือจึงขอเรียนชี้แจงด้วยความจริงใจ และความสำนึกในหน้าที่ความรับผิดชอบอันยิ่งใหญ่ที่มีต่อประเทศชาติที่เรารักในการดูแลอาณาเขตทางทะเลของไทยที่มีพื้นที่มหาศาลและมีทรัพยากรทางทะเลที่มีค่าเป็นจำนวนมากให้เกิดความมั่นคง มั่งคั่ง ยั่งยืน และ ปลอดภัย นั้น กองทัพเรือจะทำหน้าที่อย่างเต็มกำลังความสามารถด้วยจิตใจที่มั่นคง เพราะทะเลนั้นเป็นเหมือนถิ่นของเรา จะขอเฝ้าตราบจนชีวิตเราสิ้น”โฆษกกองทัพเรือ กล่าว

สปน. แจกถุงยังชีพ 19,537 ครอบครัว กลุ่มเปราะบาง ผู้ป่วยติดเตียง 13 จว.สีแดงเข้ม - หนุน อุปกรณ์ป้องโควิด-19 ให้จนท.สาธารณสุข - เปิดรับบริจาค ลดหย่อนภาษีได้

ที่ทำเนียบรัฐบาล นายธีรภัทร ประยูรสิทธิ ปลัดสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า พล.อ. ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ได้มีข้อสั่งการในการประชุมครม.และ ศบค. ให้ทุกหน่วยงานเร่งช่วยเหลือประชาชนที่ได้รับผลกระทบจากสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ที่ทวีความรุนแรงขึ้นในปัจจุบันอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะอย่างยิ่งในการดำเนินชีวิต ของประชาชนในพื้นที่ควบคุมสูงสุดและเข้มงวด 13 จังหวัด

นายธีรภัทร กล่าวว่า จากการที่นายกฯและครม. ได้บริจาคเงินเดือนเริ่มต้น เมื่อวันที่ 10 มี.ค. 2563 เพื่อเปิดบัญชี “สำนักงานปลัดสำนักนายกรัฐมนตรีเพื่อรับบริจาคสนับสนุนการแก้ไขปัญหา โรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (COVID-19)” โดยมีภาคเอกชน และภาคประชาชน บริจาคเพิ่มเติมอย่างต่อเนื่อง ต่อมา นายกฯและครม. ได้เตรียมบริจาคเงินเพิ่มเติมอีก ซึ่งสำนักงานปลัดสำนักนายกรัฐมนตรีได้จัดตั้ง คณะกรรมการมาบริหารเงินจากบัญชีดังกล่าว โดยตนเป็นประธานกรรมการ มีผู้แทนของ กระทรวงมหาดไทย กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ กรุงเทพมหานคร และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เป็นกรรมการ 

นายธีรภัทร กล่าวว่า คณะกรรมการ ได้อนุมัติจัดเงินจากบัญชีดังกล่าวมาช่วยเหลือแพทย์ พยาบาล และ อสม. ที่บาดเจ็บ และเสียชีวิตจากการติดเชื้อโควิด-19 ในช่วงปฏิบัติงานดูแลผู้ป่วยที่ติดเชื้อโควิด-19 ซึ่งสำนักงานปลัดสำนักนายกรัฐมนตรี ได้จัดเงินช่วยเหลือไปแล้ว 126 ราย และกำลังพิจารณาช่วยเหลือเพิ่มเติมในระยะต่อไป 

นายธีรภัทร กล่าวว่า รวมทั้งปัจจุบันนายกรัฐมนตรี ได้ให้จัดถุงยังชีพเพื่อสนับสนุนช่วยเหลือประชาชนในพื้นที่จังหวัดควบคุมสูงสุดและเข้มงวด 13 จังหวัด ตามคำสั่ง ศบค. ที่ 10/2564 จึงได้จัดเงินบริจาคจากบัญชีดังกล่าว และจากกองทุนเงินช่วยเหลือผู้ประสบสาธารณภัย สำนักนายกรัฐมนตรี สนับสนุนรวม 13 จังหวัด ได้แก่ กรุงเทพมหานคร ปทุมธานี นครปฐม นนทบุรี สมุทรปราการ สมุทรสาคร ฉะเชิงเทรา ชลบุรี พระนครศรีอยุธยา สงขลา ปัตตานี นราธิวาส และยะลา ประสานการทำงานร่วมกับกระทรวงมหาดไทย กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ และกรุงเทพมหานคร ในการจัดถุงยังชีพแจกจ่ายให้ครอบครัว กลุ่มเปราะบางผู้ป่วยติดเตียง รวมจำนวน 19,537 ครอบครัว ทั้งนี้ สิ่งของในถุงยังชีพประกอบด้วยเครื่องอุปโภคบริโภค ข้าวสาร อาหารกระป๋อง รวมทั้งได้เพิ่มหน้ากากอนามัยทางการแพทย์ เจลแอลกอฮอล์ และยาสมุนไพรฟ้าทะลายโจร ซึ่งมีความจำเป็นในสถานการณ์การแพร่ระบาดโควิด – 19 ที่รุนแรงขึ้นช่วงนี้

นายธีรภัทร กล่าวว่า เพื่อส่งมอบกำลังใจ และความห่วงใยต่อพี่น้องประชาชนที่ได้รับผลกระทบ จากสถานการณ์โควิด-19 ในจังหวัดพื้นที่ควบคุมสูงสุดและเข้มงวด และจังหวัดต่าง ๆ ทั่วประเทศ รวมทั้งร่วมช่วยเหลือ บุคลากรทางการแพทย์และเจ้าหน้าที่สนับสนุนด้านสาธารณสุขที่ติดเชื้อโควิด-19 จากการปฏิบัติงาน และเพื่อการสนับสนุน อุปกรณ์ป้องกันโควิด-19 เพิ่มเติมในระยะต่อไป

นายธีรภัทร กล่าวว่า ขอเชิญชวนร่วมบริจาคเงินสนับสนุนได้ที่ บัญชีเลขที่ 067-0-06895-0 ธนาคารกรุงไทย สาขาทำเนียบรัฐบาล ชื่อบัญชี “สำนักงานปลัดสำนักนายกรัฐมนตรีเพื่อรับบริจาคสนับสนุนการ
แก้ไขปัญหาโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (COVID-19)” โดยยอดเงินบริจาคสามารถนำไปลดหย่อนภาษีได้

รมว.แรงงาน ชื่นชมแรงงานไทยที่ทำงานต่างประเทศ มอบอธิบดีกกจ.  ตรวจเยี่ยมและให้กำลังใจแรงงานก่อนเดินทางไปเก็บผลไม้ป่าประเทศฟินแลนด์ และประเทศสวีเดน

นายสุชาติ ชมกลิ่น รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน มอบหมาย นายไพโรจน์ โชติกเสถียร อธิบดีกรมการจัดหางาน ตรวจเยี่ยมพร้อมให้กำลังใจแรงงานไทย จำนวน 384  คน ก่อนเดินทางไปทำงานเก็บผลไม้ป่า และทำงานในตำแหน่งคนงานตามฤดูกาล (Seasonal Work) ในประเทศฟินแลนด์ และประเทศสวีเดน  

นายไพโรจน์  โชติกเสถียร อธิบดีกรมการจัดหางาน เปิดเผยว่า ในวันนี้ นายสุชาติ ชมกลิ่น รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน ได้มอบหมายให้ตน ตรวจเยี่ยมและให้กำลังใจแรงงานไทยที่กำลังจะเดินทางไปทำงานเก็บผลไม้ป่า และทำงานในตำแหน่งคนงานตามฤดูกาล (Seasonal Work) ในประเทศฟินแลนด์ และประเทศสวีเดน   ณ ท่าอากาศยานนานาชาติสุวรรณภูมิ  จังหวัดสมุทรปราการ สำหรับวันนี้ มีแรงงานเดินทาง จำนวน 384 คน แบ่งเป็นฟินแลนด์ จำนวน 296 คน สวีเดน  จำนวน 88 คน ก่อนที่ทั้งหมดจะเดินทางด้วยเครื่องบินของสายการบิน QATAR AIRWAYS เที่ยวบิน QR 833 

นายไพโรจน์ กล่าวต่อว่า ท่านรัฐมนตรี สุชาติ ยังฝากแสดงความห่วงใยและมอบคำกล่าวให้กำลังใจแก่แรงงานไทยที่จะเดินทางว่า ขอให้ทุกคนตั้งใจทำงาน ตั้งใจเรียนรู้ และดูแลสุขภาพให้ดี หากรู้จักเก็บออม เมื่อกลับมาจะสามารถยกระดับคุณภาพชีวิตให้ตนเองและครอบครัวได้ นอกจากนี้ขอให้ทุกคนภูมิใจในตัวเอง ในสถานการณ์ที่ประเทศอยู่ในช่วงวิกฤตินี้ ทุกคนคือฮีโร่ ที่นำรายได้กลับเข้าสู่ประเทศไทย

“สำหรับฤดูกาลเก็บผลไม้ป่าปี 2021 มีเป้าหมายจัดส่งแรงงานไทยเดินทางไปเก็บผลไม้ป่าในฟินแลนด์และสวีเดน จำนวน 8,200 คน โดยเดินทางไปเก็บผลไม้ป่าในฟินแลนด์ จำนวน 3,000 คน เดินทางแล้ว 1,112 คน และเดินทางไปเก็บผลไม้ป่าในสวีเดน จำนวน 5,200 คน เดินทางแล้ว 833 คนซึ่งจะทยอยเดินทางตั้งแต่ต้นเดือน ไปจนถึงสิ้นเดือนกรกฎาคม 2564 จนครบจำนวนตามเป้าหมาย" อธิบดีกรมการจัดหางาน กล่าว

ทั้งนี้ คนหางานที่ต้องการเดินทางไปทำงานในต่างประเทศ สามารถสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ สำนักงานจัดหางานจังหวัดทุกจังหวัด สำนักงานจัดหางานกรุงเทพมหานครพื้นที่ 1 -10 หรือสายด่วนกระทรวงแรงงาน 1506 กด 2 กรมการจัดหางาน หรือสายด่วนกรมการจัดหางาน 1694 หรือเว็บไซต์ www.doe.go.th/overseas

'ผบ.ร.7 พัน.5' จัดรถครัวสนาม ร่วมกิจกรรมมีแล้วแบ่งปัน ณ รพ.ปาย ทำอาหารปรุงสุก แจกประชาชนฉีดวัคซีน สู้ภัยโควิด-19

(21 ก.ค.64)​ น.พ.อ.สันติพงษ์ ชิงดวง ผบ.ร.7 พัน.5 กับภารกิจดูแลช่วยเหลือพี่น้องประชาชน โดยร่วมกับส่วนราชการในพื้นที่ ได้จัดรถครัวสนาม ออกทำการประกอบอาหารบรรจุกล่อง พร้อมน้ำดื่ม จำนวน 250 ชุด หน้ากากอนามัย, เจลล้างมือและแผ่นพับประชาสัมพันธ์ แจกจ่ายให้แก่ประชาชนทั่วไปที่เข้ามารับการฉีดวัคซีน เพื่อเป็นการช่วยเหลือแบ่งเบาค่าใช้จ่ายในห้วงปฎิบัติตามมาตรการป้องกันการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัส (โควิด-19) ณ โรงพยาบาลปาย ต.เวียงใต้ อ.ปาย จ.แม่ฮ่องสอน

น.พ.อ.สันติพงษ์ ชิงดวง ผบ.ร.7 พัน.5 กล่าวว่า จากสถานการณ์การแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 โดยมีผู้ติดเชื้อเพิ่มสูงขึ้นในหลายพื้นที่ของประเทศ ส่งผลให้ประชาชนได้รับผลกระทบและความเดือดร้อนเป็นจำนวนมาก และทางรัฐบาลได้มีมาตรการช่วยเหลือดูแล ป้องกัน ควบคุมต่างๆ รวมถึงจัดให้มีการฉีดวัคซีนให้กับพี่น้องประชาชน เพื่อลดการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัส 

โดยทางหน่วย กองพันทหารราบที่ 5 กรมทหารราบที่ 7 ได้มีความห่วงใยพี่น้องประชาชน พร้อมที่จะดูแล และสนับสนุนในทุกๆ ด้านอย่างต่อเนื่อง จึงได้จัดรถครัวสนาม ร่วมกับกำลังพลจิตอาสา ประกอบอาหารปรุงสุกใหม่ๆ ช่วยเหลือพี่น้องประชาชนที่มารับการฉีดวัคซีนได้รับประทานอิ่มท้อง เป็นการช่วยแบ่งเบาภาระค่าใช้จ่ายในครัวเรือนของประชาชน โดยมีประชาชนมารับแจกอาหารเป็นจำนวนมาก และได้มีการปฏิบัติตามมาตรการในการป้องกันควบคุมการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19  ทุกคนต้องสวมใส่หน้ากากอนามัย และมีการเว้นระยะห่างในการเดินเข้ามารอรับอาหาร   

ทั้งนี้ ทางกองพันทหารราบที่ 5 กรมทหารราบที่ 7 พร้อมที่จะดูแลช่วยเหลือพี่น้องประชาชนอย่างต่อเนื่อง ไปจนกว่าสถานการณ์ในพื้นที่ต่างๆ จะคลี่คลายลง เราคนไทยไม่เคยทอดทิ้งกัน และขอส่งกำลังใจให้พี่น้องประชาชนให้ก้าวข้ามผ่านวิกฤติโควิดนี้ไปด้วยกัน 


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top