Friday, 16 May 2025
Hard News Team

ครม.อนุมัติงบกลาง 3.24 พันล้าน ให้ 5 กระทรวง บริหารจัดการทรัพยากรน้ำ 

ที่ทำเนียบรัฐบาล น.ส.รัชดา ธนาดิเรก รองโฆษกประจำสำนักนายกฯ แถลงภายหลังการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) ว่า ครม.อนุมัติงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ.2564 งบกลาง รายการเงินสำรองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็น จำนวน 3,248.52 ล้านบาท เพื่อเป็นค่าใช้จ่ายในการดำเนินโครงการสนับสนุนการบริหารจัดการทรัพยากรน้ำ เพื่อแก้ปัญหาภัยแล้ง และเตรียมเครื่องจักรเครื่องมือสำหรับสนุนการจัดการน้ำในฤดูฝน รวม 2,854 รายการ ตามที่สำนักงานทรัพยากรน้ำแห่งชาติ (สทนช.) เสนอ โดยมี 5 กระทรวงและ 7 หน่วยงาน เป็นผู้รับผิดชอบดำเนินการดังนี้ 1.กรมชลประทาน วงเงิน 1,202.42 ล้านบาท จำนวน 44 รายการ เช่น การขุดลอกฝาย ห้วย อ่างเก็บน้ำ สถานีสูบน้ำด้วยไฟฟ้าพร้อมระบบส่งน้ำ จัดหาเครื่องสูบน้ำ 2.กรมทรัพยากรน้ำ วงเงิน 48.36 ล้านบาท จำนวน 4 รายการ เช่น การปรับปรุงซ่อมแซมอ่างเก็บน้ำ การก่อสร้างระบบกระจายน้ำด้วยพลังงานแสงอาทิตย์ 3.กรมทรัพยากรน้ำบาดาล วงเงิน 1,447.65 ล้านบาท จำนวน 2,195 รายการเช่น การฟื้นฟูสภาพบ่อน้ำบาดาล โครงการเติมน้ำใต้ดินระดับตื้น

น.ส.รัชดา กล่าวว่า 4.จังหวัด วงเงิน 227.92 ล้านบาท จำนวน 395 รายการ เช่น การขุดลอกคลอง สระ อ่างเก็บน้ำ การปรับปรุงแหล่งน้ำเพื่อการอุปโภคบริโภคและเพื่อการเกษตร การขุดเจาะบ่อบาดาล 5.กรมส่งเสริมการปกครองท้องถิ่น วงเงิน 176.59 ล้านบาท จำนวน 212 รายการ เช่น การก่อสร้างคลองส่งน้ำ การขุดเจาะบ่อบาดาลพลังงานแสงอาทิตย์ การก่อสร้างระบบผลิตเพิ่มประสิทธิภาพน้ำประปา 6.สทนช. วงเงิน 115.01 ล้านบาท จำนวน 2 รายการ คือ การจัดหาครุภัณฑ์ประกอบพร้อมระบบโครงสร้างพื้นฐานด้านเทคโนโลยีสารสนเทศ และหน่วยอำนวยการติดตามคาดการณ์สถานการณ์น้ำเคลื่อนที่ในภาวะเข้าใกล้วิกฤต และ 7.หน่วยบัญชาการทหารพัฒนา วงเงิน 30.57 ล้านบาท จำนวน 2 รายการ คือ การขุดลอกแหล่งน้ำ และการซ่อมทางผิวจราจรลาดยาง

“ตั๊น จิตภัสร์” ลั่นปชป.พร้อมลุยทุกสนาม แท็กทีมส.ส.ยังเติร์กมอบถุงยังชีพฝ่าโควิด-19 มีนบุรี-ลาดกระบัง นำร่องเกาะติดฐานเสียง-ฟอร์มทีมพร้อมทวงคืนส.ส.เมืองกรุง

น.ส.จิตภัสร์ ตั๊น กฤดากร ส.ส.บัญชีรายชื่อ ในฐานะรองเลขาธิการพรรคประชาธิปัตย์ พร้อมด้วยพันโท สินธพ แก้วพิจิตร ส.ส. นครปฐม เขต 1 น.ส. วชิราภรณ์ กาญจนะ ส.ส. สุราษฎร์ธานี เขต 3 นายชัยชนะ เดชเดโช ส.ส. นครศรีฯ เขต 6 และน.ส. สุณัฐชา โล่สถาพรพิพิธ ส.ส. ตรัง เขต 3 ลงพื้นที่มอบถุงยังชีพ น้ำดื่ม ข้าวสาร เพื่อบรรเทาความเดือดร้อนแก่ประชาชนในชุมชนที่ได้รับผลกระทบจากสถานการณ์การแพร่ระบาดของโควิด-19 ในพื้นที่ สน. มีนบุรี เขตมีนบุรี และลานเอนกประสงค์ชุมชนชุมชนเคหะชุมชนร่มเกล้า เขตลาดกระบัง โดยมีว่าที่ผู้สมัครส.ส. อดีตส.ก อดีตส.ข และประธานสาขาพรรคในพื้นที่เข้าร่วมอย่างคึกคัก

น.ส.จิตภัสร์ กล่าวว่า จากสถานการณ์การระบาดของโควิด-19 ที่ยังคงส่งผลกระทบรุนแรงต่อพี่น้องประชาชนอย่างต่อเนื่องพรรคประชาธิปัตย์ในฐานะสถาบันทางการเมือง นำโดยนายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ หัวหน้าพรรค และ ดร.เฉลิมชัย ศรีอ่อน เลขาธิการพรรค ได้กำชับให้สมาชิกพรรคทุกคน เร่งระดมลงพื้นที่ให้การช่วยเหลือดูแลทุกข์สุขของพี่น้องประชาชนอย่างใกล้ชิด ในหลากหลายรูปแบบ ทั้งการเปิดศูนย์ประสานงานสถานการณ์ฉุกเฉิน โควิด-19 (ศปฉ.ปชป.) เพื่อช่วยประสานผู้ป่วยติดเชื้อตกค้างให้เข้ารับการรักษาโดยเร็ว จัดโครงการข้าวกล่องเดลิเวอรี ส่งตรงถึงบ้านเพื่อช่วยเหลือโดยตรงแก่ผู้กักตัว และการแจกถุงยังชีพบรรเทาความเดือดร้อนในการดำรงชีพประจำวันในนามมูลนิธิ ม.ร.ว.เสนีย์ ปราโมช

อีกทั้งจากการทำงานร่วมกับรัฐบาลจะเห็นได้ว่า 2  ปีที่ผ่านมา พรรคประชาธิปัตย์ มีผลงานเป็นรูปธรรมชัดเจน ทั้งการประกันรายได้เกษตรกร ราคาพืชผลการเกษตร การส่งออก ตัวเลขการค้าต่างๆที่สูงขึ้น การช่วยเหลือพี่น้องประชาชนในกลุ่มคนเปราะบาง - เงินอุดหนุนเด็ก ทุกเรื่องที่กล่าวมานั้นได้ดำเนินการเป็นไปได้ด้วยดี ตามนโยบาย ทำได้ไว ทำได้จริง ขอให้พี่น้องประชาชนเชื่อมั่นได้ว่าพรรคประชาธิปัตย์ยังคงเป็นพรรคการเมืองที่พึ่งหวังของประชาชนได้ ไม่ว่าจะเป็นในสถานการณ์ปกติ หรือในยามที่คนไทยทุกคนต้องร่วมกับเผชิญหน้าฝ่าฟันวิกฤติไปด้วยกัน

รองเลขาธิการพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวอีกว่า สำหรับพื้นที่กทม.พรรคได้เตรียมวางตัวบุคคลที่จะลงรับสมัครเลือกตั้งทั้งส.ส.และส.ก.คืบหน้าไปมากแล้ว โดยนายเฉลิมชัย ศรีอ่อน เลขาธิการพรรคได้กำชับให้ส.ส.ของพรรค เกาะติดลงพื้นที่ให้การดูแลแก้ปัญหาให้กับประชาชน และได้มอบหมายให้ตนร่วมกับผู้เกี่ยวข้องพิจารณาคัดสรรบุคคลที่คุณสมบัติเหมาะสม มีศักยภาพ และเต็มใจอาสาเข้ามารับใช้พี่น้องประชาชนไว้แล้ว ไม่ว่าการเลือกตั้งจะเกิดขึ้นเมื่อใด พรรคประชาธิปัตย์พร้อมเต็มที่จะลงสู้ศึกในทุกสนามการเลือกตั้ง โดยเฉพาะสนามกทม.ที่พี่น้องชาวกทม. ได้กรุณาให้ความไว้วางใจและให้การสนับสนุนเรามาตลอด


 

“บิ๊กตู่” ลั่น ครม. ทุกคนยังมุ่งมั่นเต็มที่ร่วมมือแก้ปัญหา พร้อมทำทุกอย่างให้ดีที่สุด “สั่ง”ดำเนินการเด็ดขาดปัญหาทุจริต อวยพรให้ทุกคนปลอดภัย ขอความร่วมมือทำให้ประเทศสงบ ไม่วุ่นวาย 

พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม กล่าวว่า ขอเน้นย้ำว่าตนและรัฐบาลและคณะรัฐมนตรี (ครม.) ทุกคนยังมีความมุ่งมั่นอย่างเต็มที่ ในการที่จะร่วมกันแก้ไขปัญหาต่างๆที่เกิดขึ้นที่ประเทศของเราและทั่วโลกยังไม่พ้น จากวิกฤตของโรค โควิด-19 ที่ผ่านมายืนยันว่าเราสามารถจัดการได้เป็นอย่างดีมีการวางแผน เตรียมพร้อม ประเทศเป็นอย่างดีทั้งด้านเศรษฐกิจ ปากท้อง ให้ผลจากความยากจน ซึ่งทุกอย่างต้องทำประกอบกันถ้ามัวแต่สาละวนกับเรื่องโควิดอย่างเดียวคงไม่ได้แต่ก็ยังเป็นสิ่งสำคัญเพราะถือเป็นเรื่องของสุขภาพของประชาชน แต่เราก็ต้องเตรียมการประเทศในช่วง new normal  การลงทุน และสิ่งต่างๆ ในอนาคตซึ่งเราต้องทำควบคู่กันไปด้วยจะหยุดด้านใดด้านหนึ่งไม่ได้ เราต้องหาวิธีการบริหารให้เกิดความสมดุลกับสถานการณ์ปัจจุบัน ซึ่งก็ถือว่าทำได้ดีในระดับต้นๆของโลก จึงอยากให้ทุกคนเข้าใจ

“ผมยืนยันในเรื่องการทุจริตต่าง ได้สั่งให้มีการตรวจสอบทุกเรื่อง หากมีเรื่องใดที่เสนอเข้ามายังสำนักปลัดสำนักนายกรัฐมนตรี (สปน.) จะต้องดำเนินการสอบสวน หลายเรื่องเกิดขึ้นมาก่อนหน้ารัฐบาลของผม แต่ได้รับการตรวจสอบจากรัฐบาลผมตามกฏหมาย ผมละเว้นใครไม่ได้อยู่แล้ว เป็นสิ่งที่ยืนยันในเจตนารมย์ที่ได้ประกาศ เป็นวาระแห่งชาติแล้วทั้งเรื่องการตรวจสอบแก้ไขการทุจริต และปัญหายาเสพติด” พล.อ.ประยุทธ์ กล่าว

“หลายอย่างรัฐบาลจำเป็นต้องทำไปในช่วงเวลาเดียวกัน ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของการเมือง ความมั่นคง เศรษฐกิจ สังคม วัฒนธรรม การปฏิบัติตามยุทธศาสตร์ชาติ แผนแม่บทแผนการปฏิรูป ซึ่งทุกคนต้องเข้าใจว่าถ้าเราทำหนึ่งปีสำเร็จ บางโครงการจะได้ผลสัมฤทธิ์ออกมาเลยแต่บางโครงการต้องผูกพันต่อเนื่องในเรื่องของเวลา และผูกพันงบประมาณ ซึ่งบางโครงการต้องใช้ระยะเวลาถึงห้าปี เป็นการนำแผนยุทธศาสตร์และแผนแม่บทมาบริหารจัดการในเรื่องของการจัดทำแผนงานโครงการให้สอดคล้องกับห้วงระยะเวลา ส่วนจะเกิดผลสัมฤทธิ์กับประชาชนมากน้อยเพียงใดทุกอย่างคือตัวประเมิน สิ่งสำคัญต้องไม่มีการทุจริตอย่างเด็ดขาดจะต้องมีการตรวจสอบตั้งแต่แผนงานว่ามีรายละเอียดเพียงพอหรือไม่ และถ้าไม่ละเอียดก็อนุมัติผ่านไปไม่ได้ ทั้งส่วนกลางภูมิภาคและท้องถิ่นจะต้องระมัดระวังให้รอบคอบ ต้นมีช่องทางการรายงานการตรวจสอบร้องเรียนจำนวนมากเนื่องจากไม่ได้มีการปิดกั้น 

“ขอให้ทุกคนมีความสุขปลอดภัยจากสถานการณ์แพร่ระบาดของโควิดและช่วยกันทำให้ประเทศชาติเกิดความสงบ ไม่วุ่นวาย เพื่อที่จะแก้ไขปัญหาต่างๆและยังมีอีกหลายปัญหาทั้งเรื่องของสิ่งแวดล้อม โลกร้อน ปัญหาฝุ่นละออง PM 2.5 และยังมีปัญหาต่างๆที่เกิดขึ้นมาเป็นระยะเวลานานการจะแกะมาแก้ต้องใช้เวลามากพอสมควรแต่ผมยืนยันว่าผมจะทำทุกอย่างให้กับประชาชนให้ดีที่สุด” พล.อ.ประยุทธ์กล่าว

"บิ๊กตู่" ยอมขออภัย “ลั่น” ในฐานะผู้บัญชาสูงสุดในสงครามโควิดพร้อมรับผิดชอบปัญหาที่เกิดขึ้น “รับ” ไม่สบายใจต้องเลื่อนฉีดวัคซีน “ชี้” ฉีดเต็มอำนาจวัคซีนหมดก็ต้องหยุด พร้อมฉีดทันทีที่ได้เพิ่ม ตั้งเป้าฉีดวัคซีน 80-90% ในปี 65 ยันทุกหน่วยงานแบ่งหน้าที่รับผิดชอ

ที่ทำเนียบรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรมว.กลาโหม กล่าวภายหลังเป็นประธานการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) ว่า ปัจจุบันกระจายวัคซีนไปแล้ว 7 ล้านโดส มีการฉีดวัคซีนแล้ว 6.5 ล้านโดส โดยตั้งแต่คิกออฟ 7 มิ.ย. ที่ผ่านมาฉีดไปแล้ว 2 ล้านโดสในเวลา 1 สัปดาห์ ถือเป็นขีดความสามารถของเรา ถ้าวัคซีนเข้ามามากกว่านี้ก็จะฉีดได้มากกว่านี้ตามระยะเวลาที่กำหนด  ต้องขอบคุณบุคลากรทางการแพทย์ จิตอาสา ในการดูแลอำนวยความสะดวกที่ได้รับการชมเชยจากประชาชน 

พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวอีกว่า ส่วนเรื่องการจัดสรรวัคซีนไปยังจุดบริการทั่วประเทศอย่างทั่วถึงและพอเพียง ซึ่งเป็นสิ่งที่ตนให้ความสำคัญอย่างยิ่ง ส่วนที่มีการรับฟังจากข่าวหรือการประกาศเลื่อนการฉีดวัคซีนจากโรงพยาบาลต่างๆ อาจทำให้เกิดความไม่สบายใจ และเข้าใจว่าภาครัฐจัดสรรวัคซีนไม่เพียงพอ หรือไม่มีการประสานงานกันนั้น ตนรับทราบข่าวนี้มาตลอดและไม่สบายใจ ยืนยันว่าพยายามแก้ปัญหาที่เกิดขึ้นทุกวัน และสั่งการไปยังผู้รับผิดชอบ เพื่อให้ประชาชนได้รับประโยชน์สูงสุดและสบายใจขึ้น 

พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวต่อว่า ประเด็นสำคัญก็อยู่ที่ปริมาณวัคซีนที่ทยอยเข้ามาต้องมีความสมดุลกับขีดความสามารถในการฉีดวัคซีนในแต่ละวัน ระยะเวลาที่ให้ไป จะต้องฉีดภายในกี่วัน ถ้าเราฉีดเต็มอำนาจไปเลยวัคซีนหมดก็ต้องหยุด นั่นคือข้อเท็จจริง ถ้ามีวัคซีนมากก็พร้อมจะให้ทั้งที่ให้ไปแล้วและเพิ่มให้ ซึ่งต้องมีการบริหารจัดการที่ดีขึ้นในวาระต่อไป อย่างไรก็ตามภาพรวมในการดำเนินการตามวาระแห่งชาติในการฉีดวัคซีนนั้น แต่ละหน่วยงานมีการแบ่งหน้าที่รับผิดชอบ ไม่ใช่ตนไปยึดอำนาจไว้คนเดียว ขณะเดียวกันย้ำว่าวัคซีนมาเป็นรอบ ไม่ใช่มาครั้งเดียว 6 หรือ10 ล้านโดสตั้งแต่ต้นเดือน 

พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า ทั้งนี้หลักการหรือสูตรที่ใช้จัดสรรวัคซีนที่ตนสั่งการไปมีดังนี้  

1.เมื่อมีวัคซีนมากระทรวงสาธารณสุขตรวจสอบแล้วต้องส่งให้กับทุกจังหวัดทันที จะไม่มีจังหวัดใดไม่ได้เพิ่มเติมในแต่ละรอบ ซึ่งในอนาคตอาจยกเว้นจังหวัดที่ได้ครบเป้าหมายแล้วหรือจังหวัดที่ศบค. พิจารณาว่ายังไม่มีความจำเป็นเร่งด่วน ซึ่งขึ้นอยู่กับสถานการณ์การแพร่ระบาดด้วย

2.จำนวนวัคซีนที่ส่งให้กับแต่ละจังหวัดขึ้นอยู่กับปัจจัยต่างๆที่ต้องนำมาคำนวณด้วย ทั้งจำนวนประชากร จำนวนผู้ติดเชื้อ จำนวนผู้จองในระบบ ทั้งในระบบและพร้อมและระบบของจังหวัด รวมถึงกลุ่มเฉพาะกลุ่มอาชีพเสี่ยงหรือพื้นที่เศรษฐกิจ

3.หากจำนวนนักเรียนที่ได้คำนวณแล้วไม่เพียงพอต่อการฉีดในระยะเวลาภายในรอบนั้น ให้แต่ละจังหวัดพิจารณาจัดสรรให้กับกลุ่มผู้สูงอายุและกลุ่มโรคเสี่ยงที่ลงทะเบียนไว้ก่อนแล้วและ

4.หากมีความจำเป็นที่ต้องชะลอการฉีดวัคซีนตามกำหนดเดิมระหว่างรอการนำส่งวัคซีนต้องยึดลำดับเดิมไว้ก่อน โดยไม่ต้องลงทะเบียนใหม่และจัดการฉีดตามลำดับเดิมทันทีที่ได้รับการจัดสรร จึงขอให้เข้าใจตรงกันและดำเนินการตามนี้ เพราะเป็นที่มติที่ประชุมร่วมกันในการบริหารจัดการวัคซีน

"ในฐานะที่ผมเป็นนายกฯและผอ.ศบค. ถือเป็นผู้บังคับบัญชาสูงสุดในสงครามโควิดในคร้งนี้ ต้องขออภัยด้วยกับปัญหาที่เกิดขึ้น และขอรับผิดชอบในการแก้ไขปัญหาทั้งหมด ซึ่งผมก็ดำเนินการอย่างต่อเนื่องทุกวันทุกเวลาอยู่แล้ว เพราะนี่คือวาระแห่งชาติที่ผมประกาศออกไป เราต้องร่วมใจกันทุกฝ่ายในการดำเนิยการให้บรรลุผลสำเร็จ เพื่ออนาคตของประเทศชาติ ปัญหาอุปสรรคอาจเกิดขึ้นได้ตลอด โดยเฉพาะในระยะแรกทั่วโลกวัคซีนยังมีจำกัดและกระทบต่อการจัดการ แต่จากการวางแผนของรัฐบาลที่มาอย่างต่อเนื่องการจัดหาวัคซีนล่วงหน้าทำให้รามั่นใจว่าจะได้รับวัคซีนอย่างต่อเนื่องในปริมาณที่มากขึ้นเรื่อยๆ จากหลายๆแหล่ง"พล.อ.ประยุทธ์ กล่าว

พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า ตนขอย้ำว่ารัฐบาลได้จัดหาวัคซีนอย่างเพียงพอต่อคนในประเทศไทยทุกคน แลขณะนี้จัดหาวัคซีนเป็นไปตามเป้าหมาย 100ล้านโดส เพื่อฉีดให้ประชาชน50ล้านคน 70%ของประเทศในสิ้นปีนี้และเตรียมการปีหน้าด้วย ซึ่งหากได้วัคซีนมาเพิ่มก็จะฉีดวัคซีนเพิ่มไปให้เป็น80%-90%เพราะเรามีขีดความสามารถในการฉีดอยู่แล้ว จึงขอให้ติดตามและช่วยกัน ถ้าเราพูดจากันไม่ดี เจ้าหน้าที่คนหน้างานอีกหลายหมื่นคนก็เกิดความท้อแท้และหมดกำลังใจเหมือนกัน จึงต้องประสานงานกันให้ได้ทั้งระดับบน กลาง และล่าง พร้อมทำความเข้าใจประชาชนด้วย อีกทั้งขอร้องสื่อทุกประเภทด้วย

พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวย้ำว่า การบริหารจัดการวัคซีนเป็นไปอย่างโปร่งใสในการทุจริตโดยเด็ดขาด และเชื่อมั่นอย่างยิ่งว่าด้วยศักยภาพและความทุ่มเทของบุคลากรในการจัดการควบคุมการแพร่ระบาดและการฉีดวัคซีน เราจะต้องชนะสงครามโควิดครั้งนี้ไปด้วยกัน และขอเน้นย้ำว่าตน รัฐบาลและครม.ทุกคนมุ่งมั่นอย่างเต็มที่ในการแก้ปัญหาต่างๆที่เกิดขึ้นในขณะที่ยังไม่พ้นวิกฤตโควิด-19 และที่ผ่านมาเราทำอย่างดีแต่ต้องดูทุกอย่างให้สมดุลทั้งสุขภาพ ประชาชน และการเตรียมการในอนาคตควบคู่กัน หยุดด้านใดด้านหนึ่งไม่ได้ ถือว่าที่ผ่านมาเราทำได้ดีอันดับๆต้นๆของโลก นอกจากนี้กำชับเรื่องทุจริต ละเว้นใครไม่ได้อยู่แล้ว 

ป.ป.ส. เร่งขยายผลแก๊งค์ค้ายาข้ามชาติ หลังใช้ไทยทางผ่านซุกไอซ์ 2 กิโลกรัม ในเครื่องขยายเสียงก่อนส่งออกไปฟิลิปปินส์ เดินหน้าเชิงรุกเตรียมจัดประชุมยาเสพติดลุ่มแม่น้ำโขง 6 ประเทศ ในวันที่ 5 ก.ค.นี้  

จากกรณี หน่วยสกัดกั้นยาเสพติดท่าอากาศยาน (AITF) ประกอบด้วย สำนักงาน ป.ป.ส. กองบัญชาการตำรวจปราบปรามยาเสพติด ศุลกากร และ ศรภ. ร่วมกันตรวจค้นพบไอซ์ จำนวน 2 กิโลกรัม ซุกซ่อนในเครื่องขยายเสียง ภายในบริษัทขนส่งสินค้าระหว่างประเทศ ซอยเพชรบุรี 17 ก่อนเตรียมส่งไปประเทศฟิลิปปินส์ ต่อมาศาลได้ออกหมายจับ คือ น.ส.มัณฑณา มงคลดี และ น.ส.เกศรา รุ่งเรือง ก่อนนำตัวไปลงบันทึกจับกุมและสอบสวนขยายผล นั้น 

นายวิชัย ไชยมงคล เลขาธิการคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามยาเสพติด (เลขาธิการ ป.ป.ส.) เปิดเผยว่า นายสมศักดิ์ เทพสุทิน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม ได้รับรายงานความคืบหน้าถึงคดีดังกล่าวแล้ว พร้อมกำชับให้ ป.ป.ส. สืบสวนขยายผลถึงต้นตอเพื่อเร่งดำเนินการจับกุมผู้สั่งการและใช้มาตรการยึดทรัพย์สินผู้ลักลอบส่งออกยาเสพติด จากการสอบปากคำเบื้องต้น พบว่าผู้ต้องหาได้รับการว่าจ้างจากกลุ่มนักค้ายาชาวแอฟริกันตะวันตก โดยได้รับการติดต่อจากเพื่อนที่เป็นภรรยาของกลุ่มดังกล่าว ใช้วิธีการติดต่อสั่งการผ่าน Application Line โดยที่ไม่เคยพบหน้ากันมาก่อน ได้รับค่าจ้าง 10,000 บาท ซึ่งสำนักงาน ป.ป.ส. จะประสานกับพนักงานสอบสวนของ บช.ปส. เพื่อขยายผลไปยังผู้สั่งการและสืบสวนเส้นทางการเงินของผู้ที่เกี่ยวข้องทั้งหมด  

นายวิชัย เปิดเผยอีกว่า รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม ได้สั่งการให้ ป.ป.ส. จัดเตรียมข้อมูลเพื่อประชุมร่วมกับประเทศในภูมิภาคลุ่มน้ำโขง 6 ประเทศ และสำนักงานว่าด้วยยาเสพติดและอาชญากรรมแห่งสหประชาชาติ (UNODC) ในวันที่ 5 กรกฎาคม 2564 นี้ โดย ป.ป.ส.ได้กำหนดจัดประชุมเตรียมการตามข้อสั่งการในวันที่ 28 มิถุนายน 2564 พร้อมเชิญหน่วยงานที่เกี่ยวข้องกับโครงการสกัดกั้นยาเสพติดท่าอากาศยาน (AITF) และท่าเรือ (ASITF) ในฐานะที่ สำนักงาน ป.ป.ส. เป็นหน่วยงานกลางและหน่วยนโยบายด้านยาเสพติดของประเทศ และเป็นผู้เสนอให้มีโครงการความร่วมมือปราบปรามยาเสพติด ระหว่างประเทศ (ASEAN Airport Interdiction Task Force : AITF) ในที่ประชุมเจ้าหน้าที่อาวุโสอาเซียน ยาเสพติด ครั้งที่ 13 ที่กรุงจาการ์ตา ประเทศอินโดนีเซีย เมื่อเดือนตุลาคม 2553 และสำนักงาน ป.ป.ส.ยังเป็นเจ้าภาพจัดการประชุมคณะทำงานสกัดกั้นยาเสพติดและปราบปรามยาเสพติด ณ ท่าเรือสากลในอาเซียน ครั้งที่ 3 เมื่อสิงหาคม 2561 ที่ผ่านมาด้วย

“บิ๊กตู่” สั่งปูพรมทุกพื้นที่ขึ้นทะเบียนสิงห์ขี้ยา แยกบำบัดรักษา ส่วนนายทุน คนขายสั่งตัดการเด็ดขาด

พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม กล่าวว่าในเรื่องปัญหายาเสพติดได้มอบแนวนโยบายใหม่ไปว่าเป็นไปได้หรือไม่ ที่ทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้องไปปรึกษาหารือกันและเข้าสำรวจในทุกพื้นที่ ทุกตำบล ทุกหมู่บ้าน ทุกชุมชน คนที่ติดยาเสพติดต้องได้รับการขึ้นทะเบียนเพื่อนำไปสู่ การบำบัดรักษาลดภาระของพ่อแม่พี่น้อง ได้สั่งการและมอบหมายให้ไปดูว่าจะสามารถทำได้มากน้อยแค่ไหน ในส่วนของนายทุน ผู้ขาย การจำหน่ายต่างๆจะต้องดำเนินการอย่างเข้มงวดเป็นไปตามกฏหมายทุกประการ รวมไปถึงการยึดทรัพย์ด้วย 

ศาลล้มละลายเห็นชอบเเผนฟื้นฟูการบินไทยฉบับเเก้ไข ตามมติของที่ประชุมเจ้าหนี้

ที่ศาลล้มละลายกลาง ถนนเเจ้งวัฒนะ ศาลนัดฟังคำสั่งชั้นพิจารณาให้ความเห็นชอบแผนฟื้นฟูกิจการในคดีฟื้นฟูกิจการของ บริษัท การบินไทย จำกัด (มหาชน) คดีหมายเลขแดงที่ฟฟ 20/2563  คดีนี้เจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์รายงานว่าเมื่อวันที่19 พ.ค.64 ที่ประชุมเจ้าหนี้มีมติพิเศษยอมรับแผนฟื้นฟูกิจการและแผนที่มีการแก้ไข ศาลกำหนดนัดพิจารณาแผนแล้วมีเจ้าหนี้ยื่นคำคัดค้านประกอบด้วยเจ้าหนี้รายที่ 11627,10320 และรายที่ 10341ยื่นคำคัดค้านว่าแผนฟื้นฟูกิจการไม่ชอบด้วยกฎหมาย

ศาลพิจารณาแผนคำคัดค้านรายงานผลประชุมเจ้าหนี้คำชี้แจงของเจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์และผู้ทำแผนแล้วข้อเท็จจริงรับฟังได้ว่าเจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์ได้ดำเนินการจัดประชุมเจ้าหนี้โดยชอบด้วยกฎหมายซึ่งที่ประชุมเจ้าหนี้มีมติพิเศษยอมรับแผนฟื้นฟูกิจการโดยถูกต้องตามมาตรา 90/46โดยแผนฟื้นฟูกิจการมีรายการครบถ้วนตามมาตรา 90/42 ทั้งลำดับและข้อเสนอการชำระหนี้ตามแผนฟื้นฟูกิจการได้กำหนดวิธีการชำระหนี้ให้แก่เจ้าหนี้ที่มีลักษณะเหมือนกันอย่างเท่าเทียมตามกฎหมายแม้การชำระหนี้ให้แก่เจ้าหนี้บางกลุ่มจะแตกต่างกันอยู่บ้าง แต่ก็สืบเนื่องจากเจ้าหนี้แต่ละกลุ่มมีลักษณะสิทธิเรียกร้องที่ต่างกันและข้อกำหนดการชำระหนี้ดังกล่าวเป็นไปตามความจำเป็นในการประกอบธุรกิจของลูกหนี้ซึ่งไม่ขัดต่อมาตรา 90/42ตรี

ลำดับและข้อเสนอการชำระหนี้ตามแผนฟื้นฟูกิจการเป็นไปตามลำดับที่กฎหมายบัญญัติไว้ว่าด้วยการแบ่งทรัพย์สินในคดีล้มละลายตามมาตรา 90/48(2) หากลูกหนี้สามารถดำเนินธุรกิจตามแผนลูกหนี้ย่อมมีรายได้จากการดำเนินกิจการสามารถชำระหนี้ได้แผนฟื้นฟูกิจการจึงแสดงให้เห็นโอกาสและแนวโน้มที่จะสำเร็จ

ประกอบกับเมื่อพิจารณาเปรียบเทียบหนี้ที่อาจขอรับชำระได้ในการฟื้นฟูกิจการแล้วเจ้าหนี้จะได้รับชำระหนี้ไม่น้อยกว่ากรณีที่ศาลมีคำพิพากษาให้ลูกหนี้ล้มละลายตามหลักการในมาตรา 90/58(3) นอกจากนั้นเมื่อที่ประชุมเจ้าหนี้ได้ลงมติยอมรับแผนฟื้นฟูกิจการแสดงว่าบรรดาเจ้าหนี้ได้พิจารณาถึงคุณสมบัติความสามารถและความน่าเชื่อถือของผู้บริหารแผนแล้วว่ามีความเหมาะสมและการทำแผนเป็นไปโดยสุจริตไม่ต้องห้ามตามกฎหมาย ศาลจึงมีคำสั่งเห็นชอบด้วยแผนฟื้นฟูกิจการและแผนที่มีการแก้ไขตามมติของที่ประชุมเจ้าหนี้

แผนกำจัด Bitcoin ของ ‘จีน & สหรัฐฯ’ | NEWS GEN TIMES ชวนคิด กับ กิตติธัช

ทีเรื่องนี้ดันคิดเหมือนกัน!!
ชวนคิดแผนกำจัด Bitcoin ของ ‘จีน & สหรัฐฯ’

NEWS GEN TIMES ชวนคิด กับ กิตติธัช

โดย​ อ.ต้อม -​ กิตติธัช ชัยประสิทธิ์ นักวิชาการอิสระ และอาจารย์ด้านสถาปัตยกรรม สอนพิเศษด้าน ปรัชญาการเมือง สถาบันเทคโนโลยีพระจอมเกล้าคุณทหารลาดกระบัง
..

.


โปรเด็ด! เทหมดตัว มาสด้า 2 และ นิสสันอัลเมร่า ทักเลย! ตอบไว! แอดเลย @TheShopsTimes 
คลิก????https://lin.ee/vfTXud9

ร่าง ‘น้องโฟน’ เหยื่อเก๋งบีเอ็ม Z4 ถึงสมุย พ่อ แม่ เผยทั้งน้ำตามีลูกแค่คนเดียว กว่าจะได้ลูกคนนี้มาสุดยากลำบาก ยืนยันไม่อภัยคนทำให้ลูกตาย ครอบครัวไม่เหลืออะไรแล้ว หมดแล้วทุกสิ่งทุกอย่าง

เมื่อเวลา 08.00 น.วันนี้ (15 มิ.ย.) ที่วัดบางรักษ์ หมู่ 4 ตำบลบ่อผุด อำเภอเกาะสมุย จังหวัดสุราษฎร์ธานี รถกู้ภัยของมูลนิธิร่วมกตัญญู จังหวัดเพชรบูรณ์ ได้นำร่างของ น.ส.กรกฏ หิรัญ อายุ 31 ปี หรือน้องโฟน ที่เสียชีวิตจากเกิดอุบัติเหตุกรณีรถยนต์เก๋งสปอร์ต BMW รุ่น Z4 ทะเบียน 3 กก 7558 กรุงเทพมหานคร สีน้ำตาลเข้ม ซึ่งมีนายสุรภักดิ์ ภูไชยแสง อายุ 50 ปี ชาวกรุงเทพมหานคร ที่มากับหญิงสาวอายุ 18 ปี ขับพุ่งชนรถยนต์เก๋งซูซูกิ สวิฟท์ สีน้ำตาล ทะเบียน 1 ขฐ 9316 กรุงเทพมหานคร เหตุเกิดเมื่อวันอาทิตย์ที่ 13 มิถุนายนที่ผ่านมา บนถนนทางหลวงหมายเลข 21 สายสระบุรี-หล่มสัก บริเวณหลักกิโลเมตรที่ 180-181 ตำบลห้วยโป่ง อำเภอหนองไผ่ จังหวัดเพชรบูรณ์

โดยที่วัด นายภูวดล และนางนิตยา หิรัญ อายุ 61 ปี พ่อและแม่ของผู้ตาย พร้อมด้วยนายวิทยา ทองสุข เจ้าของโรงแรมในเครือแฟเฮ้าส์ ในอำเภอเกาะสมุย และญาติๆ ได้รอรับศพ ทันทีที่ศพมาถึง นางนิตยา ถึงกับเป็นลมล้มพับ พร้อมส่งเสียงร้องเรียกหา น้องโฟน ตลอดเวลา ซึ่งทางญาติได้พากันปลอบใจ ขณะที่ญาติได้นำร่างของน้องวางในโลง ญาติได้นำพวงมาลัยวางในโลงศพ เป็นการแสดงความเสียใจ และนำศพใส่ในโลงเย็น ซึ่งพ่อกับแม่ของผู้ตายได้เดินไปเคาะโลงศพน้องโฟน พร้อมส่งเสียงเรียกชื่อ ตลอดเวลา

ต่อมา ทางนายภูวดล และนางนิตยา พ่อกับแม่ของน้องโฟน ได้เปิดเผยกับผู้สื่อข่าวทั้งน้ำตาว่า อุบัติเหตุในครั้งนี้เป็นอุบัติเหตุที่โหดร้ายที่สุดสำหรับชีวิตครอบครัว ‘หิรัญ’ เป็นการสูญเสียลูกสาวคนเดียวของครอบครัว ซึ่งเก๋งบีเอ็ม ขับประมาท ขับคนละเลนกัน และมาชนรถลูกสาวของตน โดยรถยนต์เก๋งซูซูกิ สวิฟท์ สีน้ำตาล ทะเบียน 1 ขฐ 9316 กรุงเทพมหานคร เป็นรถของน้องโฟน ที่ใช้ขับเดินทางไปทำงาน ซึ่งเห็นตามสื่อข่าวต่างๆ เก๋งบีเอ็มขับซิ่งซ้ายซิ่งขวา ในขณะที่ทัศนวิสัยไม่เป็นใจฝนตก แต่คนขับก็ขับซิ่งโดยไม่คำนึงถึงความปลอดภัยของเพื่อนร่วมทาง ตนรับไม่ได้จริงๆ

ขณะที่นางนิตยา กล่าวว่า ครอบครัวตนมีลูกยากมาก เมื่อ 30 กว่าปี ตนมีอาชีพเป็นพยาบาล ตนกับสามีอยากมีลูกมาก และได้ไปปรึกษาหมอที่เก่งๆ เพื่อทำกิฟต์ โดยใช้เงินไปกว่า 500,000 บาท และต้องไปฉีดยาบำรุงครรภ์เข็มละ 2,000 บาท ในสมัยนั้นกว่าจะได้น้องโฟนมา และเมื่อคลอดน้องโฟนมาก็เป็นเด็กเลี้ยงง่าย น้องน่ารักมาก เเละเป็นทุกสิ่งทุกอย่างสำหรับครอบครัว ‘หิรัญ’

แต่เมื่อมาสิ้นน้องโฟนไป ก็เหมือนกับหมดแล้วทุกสิ่งทุกอย่าง เพราะในชีวิตมีแต่ลูกอย่างเดียว สำหรับตนในฐานะแม่ และพ่อผู้สูญเสีย ไม่ให้อภัยกับคนที่ทำให้ลูกตาย และจะเดินหน้าต่อสู้ในเรื่องคดีให้ถึงที่สุด ส่วนศพน้องโฟน จะทำการฌาปนกิจ ในวันเสาร์ที่ 19 มิถุนายนนี้

 

https://mgronline.com/south/detail/9640000057679


โปรเด็ด! เทหมดตัว มาสด้า 2 และ นิสสันอัลเมร่า ทักเลย! ตอบไว! แอดเลย @TheShopsTimes

คลิก????https://lin.ee/vfTXud9

The Global New Light of Myanmar สื่อทางการเมียนมา รายงานว่า ได้เกิดการสังหารหมู่คนงานก่อสร้างสะพานข้ามลำธารแห่งหนึ่ง บนเส้นทางจากบ้านกะแนเล มายังบ้านมอคี ตำบลวาเลย์ อำเภอซูกะลี จังหวัดเมียวดี ที่อยู่ตรงข้ามอำเภอพบพระ จังหวัดตาก

เมื่อวันที่ 14 มิ.ย. The Global New Light of Myanmar สื่อทางการเมียนมา รายงานว่า ได้เกิดการสังหารหมู่คนงานก่อสร้างสะพานข้ามลำธารแห่งหนึ่ง บนเส้นทางจากบ้านกะแนเล มายังบ้านมอคี ตำบลวาเลย์ อำเภอซูกะลี จังหวัดเมียวดี ที่อยู่ตรงข้ามอำเภอพบพระ จังหวัดตาก

การสังหารหมู่ครั้งนี้ เป็นฝีมือของทหารจากองค์กรป้องกันแห่งชาติกะเหรี่ยง (Karen National Defence Organisation : KNDO) ซึ่งเป็นกองทัพกะเหรี่ยงอีกกองทัพหนึ่งที่อยู่ภายใต้สหภาพแห่งชาติกะเหรี่ยง (KNU) ทำงานเคียงคู่กับกองทัพปลดปล่อยแห่งชาติกะเหรี่ยง (KNLA) ซึ่งกำลังเปิดศึกสู้รบอยู่กับกองทัพเมียนมาในบริเวณจังหวัดผาปูน ตรงข้ามอำเภอแม่สะเรียง จังหวัดแม่ฮ่องสอนอยู่ในขณะนี้

มูลเหตุการสังหารหมู่ เริ่มจากเมื่อวันที่ 31 พฤษภาคมที่ผ่านมา ทหาร KNDO ภายใต้การนำของ ร.อ.ซอ บ่าวา ได้นำกำลังประมาณ 30 นาย บุกเข้าไปยังแคมป์คนงานก่อสร้างสะพานข้ามลำธารอู ที่อยู่ใกล้ๆ กับหมู่บ้านกะแนเล จากนั้นได้ลักพาตัวคนงาน และครอบครัว จำนวนรวม 47 คน ประกอบด้วยผู้ชาย 31 คน ผู้หญิง 6 คน และเด็กเล็กอีก 10 คน ไปกักขังไว้

ระหว่างวันที่ 1-9 มิถุนายน ทหารจากหน่วยรักษาความมั่นคงในพื้นที่ได้พยายามเข้าช่วยเหลือตัวประกัน และสามารถช่วยออกมาได้ 22 คน เป็นเด็ก 10 คน ผู้หญิง 6 คน และคนงานชายอีก 6 คน ตัวประกันที่ถูกช่วยออกมาได้ มี 6 คนบาดเจ็บ และได้รับการรักษาพยาบาลโดยหน่วยทหารเสนารักษ์

ต่อมาวันที่ 11 มิถุนายน ได้พบศพของคนงานก่อสร้าง 7 ราย ถูกทิ้งไว้ในป่าห่างจากไซต์ก่อสร้างไปทางตะวันออกเฉียงเหนือประมาณ 1,300 เมตร ร่างที่พบมี 1 รายถูกเผา ส่วนอีก 6 รายเสียชีวิตในสภาพที่ถูกมัดมือไพล่หลัง ถัดมาอีก 1 วัน ก็พบร่างของคนงานอีก 18 ราย ถูกทิ้งไว้กลางป่าในอีกจุดหนึ่ง

ภายหลังข่าวการสังหารหมู่ครั้งนี้ถูกเผยแพร่ออกมา เย็นวานนี้ ร.อ.ซอ บ่าวา ได้ชี้แจงผ่าน KNDO News Media โดยยอมรับว่า ได้สังหารคนงานทั้ง 25 คนจริง เนื่องจากสะพานแห่งนี้ถูกสร้างขึ้นบนพื้นที่หวงห้าม และคนงานก่อสร้างทั้ง 25 คน เป็นทหารเมียนมาที่ปลอมตัวมา ดังนั้นจึงต้องถูกลงโทษตามขั้นตอนของ KNDO

ร.อ.ซอ บ่าวา บอกว่า ทหาร KNDO ได้ตรวจพบเครื่องแบบทหารเมียนมา และป้ายชื่อ เครื่องหมายชั้นยศ ภายในแคมป์ที่คนงานเหล่านี้พักอาศัย ส่วนตัวประกันที่เป็นเด็ก และผู้หญิง จำเป็นต้องควบคุมตัวมาด้วยเพื่อความปลอดภัย และ KNDO ก็ได้ปล่อยตัวเด็ก และผู้หญิงเหล่านั้นกลับไปแล้วในภายหลัง

มีรายงานว่า คณะกรรมการกลางของสหภาพแห่งชาติกะเหรี่ยง (KNU) รับรู้เรื่องราวปฏิบัติการของ KNDO ครั้งนี้ทั้งหมดแล้ว

 

https://mgronline.com/indochina/detail/9640000057664


โปรเด็ด! เทหมดตัว มาสด้า 2 และ นิสสันอัลเมร่า ทักเลย! ตอบไว! แอดเลย @TheShopsTimes

คลิก????https://lin.ee/vfTXud9


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top