Sunday, 6 July 2025
Hard News Team

องค์การอนามัยโลก เผย ทวีปอเมริกาครองสัดส่วนยอดผู้ติดเชื้อโควิด-19 มากกว่า 1 ใน 4 ของจำนวนผู้ติดเชื้อสะสมทั่วโลก

20 กรกฎาคม 2564 สำนักข่าวต่างประเทศรายงาน เจ้าหน้าที่องค์การอนามัยโลก (WHO) กล่าวว่าแม้เมื่อไม่นานนี้ ทวีปอเมริกาเหนือ อเมริกากลาง และอเมริกาใต้ จะมีจำนวนผู้ป่วยโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ (โควิด-19) เพิ่มขึ้นเพียงเล็กน้อย แต่ยังคงครองสัดส่วนมากกว่า 1 ใน 4 ของจำนวนผู้ป่วยโรคโควิด-19 สะสมทั่วโลก รวมถึงครองสัดส่วนร้อยละ 40 ของจำนวนผู้ป่วยเสียชีวิตทั่วโลก

มาเรีย แวน เคอร์คอฟ หัวหน้าฝ่ายเทคนิคด้านโรคโควิด-19 ขององค์การฯ กล่าวระหว่างไลฟ์สดเมื่อบ่ายวันจันทร์ (19 ก.ค.) ว่ามีรายงานการตรวจพบผู้ป่วยโรคโควิด-19 เกือบหนึ่งล้านรายในทวีปอเมริกาเมื่อสัปดาห์ก่อน โดยบราซิลตรวจพบผู้ป่วยเกือบ 300,000 ราย และสหรัฐฯ ตรวจพบผู้ป่วยมากกว่า 200,000 ราย จึงเตือนการแพร่ระบาดแตะจุดสูงสุด หากยังคงมีจำนวนผู้ป่วยใหม่ระดับสูงต่อเนื่อง

ทั่วโลกมีผู้ป่วยโรคโควิด-19 เพิ่มขึ้นร้อยละ 11.5 ในสัปดาห์ก่อน โดยทวีปยุโรปและแปซิฟิกตะวันตกได้รับผลกระทบมากที่สุด

แวน เคอร์คอฟ กล่าวว่าภูมิภาคอเมริกามีอัตราผู้ป่วยเพิ่มขึ้นปานกลางที่ร้อยละ 0.5 แต่บางประเทศได้รับผลกระทบรุนแรงมาก ซึ่งอาจเป็นผลจากเชื้อไวรัสฯ ชนิดกลายพันธุ์ สายพันธุ์ใหม่ ๆ พร้อมเสริมว่าดูเหมือนยังไม่มีการเพิ่มขึ้นของผู้ติดเชื้อไวรัสฯ ชนิดกลายพันธุ์ สายพันธุ์ “แลมบ์ดา” (Lambda) ซึ่งพบครั้งแรกในอเมริกาใต้และเริ่มมีแนวโน้ม “รุนแรงแซงหน้า” เชื้อไวรัสฯ ชนิดกลายพันธุ์ สายพันธุ์อื่น ๆ

ด้านไมเคิล ไรอัน ผู้อำนวยการบริหารโครงการภาวะฉุกเฉินด้านสุขภาพขององค์การฯ กล่าวว่าอเมริกาใต้ อเมริกากลาง และสถานที่อื่น ๆ ทั่วโลกต้องเร่งจัดหาวัคซีนมากขึ้น หากต้องการทำลายวงจรการติดเชื้ออันร้ายแรงถึงชีวิตนี้


https://www.naewna.com/inter/589011


โปรเด็ด! ถึง 31 ก.ค. นี้ Ford Ranger, MG ZS, Mazda 2 และ Nissan อัลเมร่า ทักไลน์ @THESHOPSTIMES

คลิก????https://lin.ee/vfTXud9

รศ.หริรักษ์ สูตะบุตร อดีตรองอธิการบดีฝ่ายบริหารบุคคล มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊ก การกระทำและการแสดงออกของม็อบ 18 กรกฎา ต่อองค์พระมหากษัตริย์ เป็นสิ่งที่รับไม่ได้ด้วยประการทั้งปวง

รศ.หริรักษ์ สูตะบุตร อดีตรองอธิการบดีฝ่ายบริหารบุคคล มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊ก Harirak Sutabutr แสดงความคิดเห็นกรณีม็อบ 18 กรกฎาคม 64 ที่ผ่านมา ว่า สำหรับผู้ที่เกิดและเติบโตมาในรัชสมัยในหลวงรัชกาลที่ 9 อย่างผม การกระทำและการแสดงออกของม็อบ 18 กรกฎา ต่อองค์พระมหากษัตริย์ เป็นสิ่งที่รับไม่ได้ด้วยประการทั้งปวง

นอกจากการกระทำในม็อบ ยังตามมาด้วยการโพสต์ภาพ และข้อความข่มขู่ คุกคามเป็นภาษาอังกฤษแบบงู ๆ ปลา ๆ ซึ่งแม้จะไม่ระบุว่าหมายถึงใคร แต่ทุกคนที่เห็นจะบอกได้โดยไม่ต้องคิดว่า ข้อความและรูปที่โพสต์ต้องการจะสื่ออะไร ถึงใคร

ทั้งชีวิตของเรา ตั้งแต่เล็กจนโต ไม่เคยเห็นใครเลยที่กล้าทำเช่นนี้กับองค์พระมหากษัตริย์ที่เราเคารพบูชา แบบนี้

ไม่ต้องสงสัยเลยว่า ปรากฏการณ์เหล่านี้ เกิดจากการวางแผน และใช้เครื่องมือทุกชนิด ป้อนข้อมูลจริงบ้างเท็จบ้าง ส่วนใหญ่เป็นเท็จ และปล่อยข่าวลือในทางร้ายผ่านสื่อสมัยใหม่ต่าง ๆ เพื่อสร้างความเกลียดชังต่อสถาบันพระมหากษัตริย์ให้เกิดขึ้นในกลุ่มเป้าหมายที่เขากำหนด ซึ่งสำหรับคนที่ไม่มีความผูกพันกับสถาบันพระมหากษัตริย์มาตั้งแต่เด็ก จะหลงเชื่อในข้อมูล และข่าวเท็จเกี่ยวกับสถาบันพระมหากษัตริย์ได้ง่ายมาก

ปฏิบัติการเช่นนี้ไม่ได้เพิ่งเกิดขึ้นเร็ว ๆ นี้ แต่มีมาตั้งแต่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวรัชกาลที่ 9 ยังทรงมีพระชนม์ชีพอยู่ แต่มาโหมหนักแบบไม่กลัวฟ้าดินตั้งแต่ที่ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยให้ยุบพรรคอนาคตใหม่ เป็นต้นมา

ญาติผู้ใหญ่ของผมท่านหนึ่ง เคยถวายงานใกล้ชิดต่อในหลวงรัชกาลที่ 9 เคยเล่าให้ฟังว่า ครั้งหนึ่งเมื่อได้ทรงทอดพระเนตรเห็นในสื่อสมัยใหม่ที่มีการโจมตีพระองค์ด้วยข้อมูลที่เป็นเท็จ พระองค์รับสั่งด้วยความเสียพระทัยกับญาติผู้ใหญ่ของผมท่านนั้นว่า

"เขาเกลียดฉันด้วยเรื่องอะไรหรือ"

ทั้งที่ผมไม่ได้เคยใกล้ชิดกับพระองค์ท่านเลย แต่เมื่อได้ฟัง ยังอดน้ำตาซึมไม่ได้

จำเป็นเร่งด่วนนักหรือ ที่ต้องล้มสถาบัน ล้มราชวงศ์จักรีลงให้ได้ ล้มแล้วสังคมจะดีขึ้นอย่างไร ประชาชนส่วนใหญ่ได้ประโยชน์ หรือใครได้ประโยชน์ พวกเขาบอกนักบอกหนาว่า ธนาคารไทยพาณิชย์ และเครือซีเมนต์ไทย เคยเป็นของประชาชน ลองตรองดูให้ดีว่า เป็นเช่นนั้นจริงหรือ ทั้ง 2 บริษัทเป็นบริษัทมหาชน ประชาชนที่เป็นผู้ถือหุ้นเท่านั้นที่เป็นเจ้าของ เคยค้นหาข้อมูลหรือไม่ว่าใครคือผู้ก่อตั้ง และเป็นเจ้าของแต่เดิม แล้วรัฐบาลไหนที่ออกกฎหมายตั้งสำนักงานทรัพย์สินส่วนพระมหากษัตริย์ แต่ถึงแม้สำนักงานทรัพย์สินส่วนพระมหากษัตริย์ (ชื่อตามกฎหมายเดิม) เป็นผู้ถือหุ้นใหญ่อยู่ บริษัททั้ง 2 ก็ไม่ได้เป็นของประชาชนอยู่ดี ยกเว้นประชาชนที่เป็นผู้ถือหุ้นเท่านั้น

การโจมตีการใช้เงินงบประมาณแผ่นดิน เพื่อดำเนินโครงการตามพระราชดำริของในหลวงรัชกาลที่ 9 ว่าไม่มีประโยชน์ เพราะถ้าได้ผลจริง ประเทศไทยต้องไม่มีคนจนแล้ว เป็นการใช้ตรรกะที่ทื่อด้าน แต่น่าหดหู่ที่ยังมีคนหลงเชื่อไม่น้อย

โครงการตามพระราชดำริ เกิดจากการที่ในหลวงรัชกาลที่ 9 เสด็จออกเยี่ยมพสกนิกรของพระองค์ในที่ทุรกันดารทั่วประเทศ เมื่อทรงพบปัญหาความเดือดร้อนชองประชาชน พระองค์จึงทรงมีความคิดที่จะแก้ไขปัญหาเพื่อบรรเทาความเดือดร้อนของประชาชนในที่นั้น ๆ การแก้ปัญหาต้องอาศัยความร่วมมือกันของหน่วยราชการต่างกรม ต่างกระทรวง ขึ้นอยู่กับลักษณะของปัญหา แต่ราชการไทยทำงานกันแบบแยกส่วน ตัวใครตัวมันมาแต่ไหนแต่ไร และไม่เคยมีรัฐบาลไหนแก้ปัญหานี้ได้ การปฏิรูประบบราชการที่ผ่านมาทุกครั้งมีแต่ทำให้มีหน่วยราชการเพิ่มขึ้น แทนที่จะลดลง แต่ด้วยพระบารมีของในหลวงรัชกาลที่ 9 หน่วยราชการต่าง ๆ กลับทำงานร่วมกันได้อย่างราบรื่น และเดินหน้าได้รวดเร็วกว่าปกติ เกิดการบูรณาการระหว่างหน่วยราชการ นานมากก่อนที่คำว่า บูรณาการจะเป็นที่รู้จักกันเสียอีก

ตัวอย่างที่ดีคือ โครงการหลวงที่ในหลวงรัชกาลที่ 9 ทรงสนับสนุนให้ชาวเขาในภาคเหนือที่มีอาชีพปลูกฝิ่น หันมาปลูกพืชผัก และผลไม้เมืองหนาวแทน เงินทุนเริ่มแรกมาจากพระราชทรัพย์ส่วนพระองค์ จัดตั้งเป็นมูลนิธิ และต่อมาได้รับเงินช่วยเหลือจากต่างประเทศบ้าง จากภาคเอกชนบ้าง เริ่มแรกก็ประสบปัญหามาก ขาดทุนมาก แต่ด้วยความมุ่งมั่นของพระองค์ และความทุ่มเทของผู้ทำงาน ปัจจุบันต้องนับว่า โครงการหลวงประสบความสำเร็จอย่างดียิ่งจนแทบไม่ได้ใช้งบประมาณแผ่นดิน

นอกเหนือจากงบสนับสนุนการวิจัยและพัฒนา พวกเรามีโอกาสบริโภคผลไม้เมืองหนาว พืช ผัก เมืองหนาว ที่ผลิตภายในประเทศเราเอง ที่สำคัญคือชาวเขาก็หันมาประกอบอาชีพที่ถูกกฎหมายและยังมีชีวิตความเป็นอยู่ที่ดีขึ้นด้วย

ยังมีตัวอย่างของโครงการตามพระราชดำริอีกมากมายที่ทำให้ชาวไร่ ชาวนา และประชาชนในชนบทมีชีวิตที่ดีขึ้น และแน่นอนว่า โครงการที่มีปัญหาก็ต้องมีบ้างเป็นธรรมดา

ดังนั้น ผู้ที่เกิดไม่ทันยุคที่ในหลวงรัชกาลที่ 9 ทรงมีพระพลานามัยแข็งแรง และทรงปฏิบัติพระราชกรณียกิจอย่างที่ไม่ทรงเห็นแก่ความเหน็ดเหนื่อย ได้โปรดใช้วิจารณญานก่อนที่จะหลงเชื่อข้อมูลที่ไม่เป็นจริงที่นำเข้าสู่สื่อต่าง ๆ ด้วยจุดหมายทางการเมือง เพื่อจะได้ไม่เป็นเครื่องมือให้นักการเมือง หรือกลุ่มการเมืองบางกลุ่มโดยไม่รู้ตัว

ยิ่งกว่านั้น ความเป็นไปได้ของการที่ขบวนการนี้ เป็นขบวนการที่ได้รับการสนับสนุนจากต่างชาติ เพื่อผลประโยชน์ของชาติหรือ national interest ของเขา ไม่ใช่ของเรา เป็นความเป็นไปได้ที่ไม่อาจละเลยได้อย่างเด็ดขาด

ขอให้ระลึกถึงความเป็นไปได้ข้อนี้ให้จงหนัก


ที่มา : https://www.facebook.com/story.php?story_fbid=4589719101038609&id=100000016923106


โปรเด็ด! ถึง 31 ก.ค. นี้ Ford Ranger, MG ZS, Mazda 2 และ Nissan อัลเมร่า ทักไลน์ @THESHOPSTIMES

คลิก????https://lin.ee/vfTXud9

กลุ่มสาวประเภทสองนางโชว์ คาบาเร่ต์ และอาชีพเกี่ยวข้อง รวมตัวลงชื่อทำจดหมายเปิดผนึกส่งถึงนายกรัฐมนตรี เรียกร้องขอเยียวยาผลกระทบจากโควิด-19 หลังจากต้องตกงานนานเกือบ 2 ปี แต่กลับไร้การเหลียวแล

กลุ่มสาวประเภทสองนางโชว์ คาบาเร่ต์ และอาชีพเกี่ยวข้อง รวมตัวลงชื่อทำจดหมายเปิดผนึกส่งถึงนายกรัฐมนตรี เรียกร้องขอเยียวยาผลกระทบจากโควิด-19 หลังจากต้องตกงานนานเกือบ 2 ปี แต่กลับไร้การเหลียวแล ทั้งที่เป็นหนึ่งในอาชีพที่สร้างสีสันและรายได้จากการท่องเที่ยวให้ประเทศ จี้ช่วยเหลือค่าครองชีพและจัดสรรวัคซีนคุณภาพดี

รายงานจากจังหวัดเชียงใหม่แจ้งว่า กลุ่มตัวแทนสาวประเภทสองที่ประกอบอาชีพนางโชว์ หรือคาบาเร่ต์โชว์ ออแกไนซ์ และอาชีพอิสระกลางคืน ทั้งนักร้อง นักดนตรี นักแสดงและภาคธุรกิจบันเทิงต่าง ๆ ในจังหวัดเชียงใหม่ที่ได้รับผลกระทบจากโควิด-19 โดยเฉพาะมาตรการต่าง ๆ ของภาครัฐที่กระทบโดยตรงต่อการประกอบอาชีพ รวมตัวกันยื่นจดหมายเปิดผนึกถึงพลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี เพื่อเรียกร้องการช่วยเหลือเยียวยาความเสียหายให้กับนักแสดงโชว์และอาชีพบันเทิงอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้อง พร้อมลงชื่อผู้สนับสนุนจากทั่วประเทศ โดยมีนายศุภลักษณ์ บำรุงกิจ ผู้ชำนาญการประจำ กรรมาธิการแรงงาน ของพรรคก้าวไกล รับหนังสือเพื่อนำไปส่งมอบให้กับนายกรัฐมนตรีต่อไป

ทั้งนี้ ตัวแทนกลุ่มระบุว่า กลุ่มสาวประเภทสองที่ประกอบอาชีพนางโชว์ หรือคาบาเร่ต์โชว์ ออแกไนซ์ และอาชีพเกี่ยวข้อง ถือเป็นกลุ่มแรก ๆ ที่ต้องหยุดงาน และเป็นกลุ่มสุดท้ายที่จะได้พิจารณาให้กลับมาทำงาน แต่ด้วยสถานการณ์ที่คิดว่าจะต้องยืดยาวจนไม่สามารถหารายได้เลี้ยงชีพได้ไปอีกนาน แต่กลับไม่ได้รับการเหลียวแลหรือหยิบยกขึ้นมาพูดถึงในเรื่องของมาตรการช่วยเหลือเยียวยาต่าง ๆ เลย ซึ่งผ่านมากว่า 1 ปี ที่ได้รับผลกระทบอย่างหนัก แม้จะพยายามปรับตัวสร้างงานหารายได้เลี้ยงตนเองและครอบครัวแต่ก็ได้รับผลกระทบซ้ำซ้อน

อีกทั้ง กลุ่มสาวประเภทสองต้องยอมรับว่าสังคมไทยยังไม่ได้เปิดกว้างให้มากนักในการประกอบอาชีพอื่น ๆ ที่ยังมีทัศนคติไม่ตรงกัน ทำให้หลายคนไม่สามารถหางานใหม่หรือปรับเปลี่ยนอาชีพไปทำอย่างอื่นได้เต็มที่ จนหลายคนเริ่มได้รับผลกระทบหนัก บางรายถึงกับป่วยด้วยโรคซึมเศร้า บางรายก็ถึงกับฆ่าตัวตายไปอย่างเงียบ ๆ โดยไร้คนเหลียวแล ตอนนี้ต่างก็ต้องช่วยเหลือพยุงกันให้มีชีวิตรอดอยู่ให้กำลังในกันและกัน

จากผลกระทบดังกล่าวได้มีการระดมความคิด และรวมตัวกันเพื่อที่อยากจะเรียกร้องให้ภาครัฐได้เหลียวแลอาชีพนางโชว์ และผู้ที่อยู่ในอาชีพกลางคืนได้รับความช่วยเหลือเยียวยา เบื้องต้นมีผู้ร่วมลงชื่อจากทั่วประเทศแล้ว 109 คน และได้ร่างหนังสือเปิดผนึกไปถึงนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีที่เกี่ยวข้อง ว่าอาชีพนางโชว์ที่เคยสร้างชื่อเสียงสร้างรายได้ให้กับชาวไทย จนเป็นที่รู้จักของนักท่องเที่ยวชาวต่างชาตินั้น กลับไม่ได้รับการเหลียวแลหรือเยียวยาจากผลกระทบต่าง ๆ ดังนี้

1.) นักแสดงไม่มีงานทำขาดรายได้ ขาดปัจจัยในการดำรงชีพ ทั้งที่ยังมีภาระในการเลี้ยงดูครอบครัว แม้จะได้พยายามขวนขวายหางานในสายอาชีพอื่นๆ ทำแล้ว แต่ด้วยประเด็นความแตกต่างในเรื่องเพศสภาพ วิถีทางเพศ หรืออัตลักษณ์ทางเพศ ทำให้การหางานอื่นเป็นไปด้วยความยากลำบาก ยากทั้งในแง่ของโอกาสในการเข้าถึงแหล่งงาน การสมัครงาน การเปิดกว้างยอมรับจากนายจ้างหรือผู้ประกอบการ และทัศนคติของคนในสังคมไทยที่ยังไม่ค่อยยอมรับผู้มีความหลากหลายทางเพศมากนัก

2.) นอกจากสถานที่สำหรับเปิดการแสดงคาบาเร่ต์โดยเฉพาะที่ถูกห้ามดำเนินงาน หรือต้องปิดกิจการไปบางส่วนแล้ว โดยคำสั่งของรัฐบาลยังส่งผลให้สถานประกอบการประเภทอื่น ๆ เช่น ผับ บาร์ โรงละครขนาดเล็ก หรือคณะละครที่อาจพอช่วยเหลือ สร้างงาน หรือเปิดการแสดงให้พวกเราได้บ้าง ไม่สามารถเปิดให้บริการได้ไปด้วย จึงส่งผลให้นักแสดงกลางคืนไม่มีช่องทางในการหารายได้ใดใดได้เลย

3.) เมื่อนายจ้างปิดกิจการลง หรือจำเป็นต้องเลิกจ้าง แม้นักแสดงบางคนอาจพอหาอาชีพเสริม หรือเอาชีวิตรอดได้ แต่ด้วยสถานะที่ต้องกลายเป็นคนไม่มีงานประจำทำ จึงส่งผลให้ไม่สามารถทำธุรกรรมทางการเงินใด ๆ ได้อีกต่อไป ไม่สามารถกู้เงินมาลงทุนทำอาชีพของตัวเองได้ เพราะไม่มีหลักประกันการชำระหนี้ ในรายที่ยังมีหนี้สินก็ไม่ได้รับการลดหย่อนผ่อนผันการชำระหนี้จากสถานบันการเงินใดใดให้

4.) แม้ความเดือดร้อนของคนทำงานในกลุ่มอาชีพนี้จะไม่ได้ยิ่งหย่อนไปกว่าอาชีพอื่น หรืออาจจะมีปัญหามากกว่าด้วยเหตุแห่งความไม่เสมอภาคในทางเพศดังกล่าวถึงไปแล้วในข้อ 1 แต่รัฐบาลกลับไม่เคยมีมาตรการให้ความช่วยเหลือ ชดเชย หรือเยียวยาความเสียหายใดใดเลย ที่ผ่านมาไม่เคยมีหน่วยงานใดทั้งภาครัฐและเอกชนให้ความช่วยเหลือพวกเราอย่างจริงจังคงมีเพียงสวัสดิการรัฐเล็ก ๆ น้อย ๆ เท่านั้น

5.) มีนักแสดงกลางคืนจำนวนมาก ที่ไม่เข้าข่ายได้รับเงินช่วยเหลือเยียวยาใดใดในระบบประกันสังคม ตามมาตรา 33, 35, 39 รวมทั้งไม่เข้าข่ายที่จะยื่นประกันตนเองตามมาตรา 40 ทั้งจำนวนไม่น้อยไม่ได้อาศัยหรือทำงานอยู่ในเขตพื้นที่ที่จะได้รับการเยียวยาจากรัฐบาล ดังนั้น ที่ผ่านมากลุ่มนักแสดงเหล่านี้จึงไร้ซึ่งหนทางใดใดในการได้รับการเยียวยาความเสียหาย

6.) ตลอดระยะเวลากว่า 2 ปีที่ผ่านมา แม้จะมีช่วงเวลาที่ผู้ประกอบกิจการต้องปิดการแสดงไป และกลับมาเปิดการแสดงได้ใหม่สลับกัน ทั้งในช่วงที่มีการแสดง ก็ยังไม่มีนักท่องเที่ยวมาดูการแสดงด้วย แต่อาชีพนักแสดงกลางคืนกลับไม่เคยได้รับการเหลียวแลจากรัฐบาล ด้วยการจัดสรรวัคซีน (ไม่ว่าชนิดใด) มาฉีดให้แก่นักแสดงเพื่อป้องกันโควิด ทั้งต่อตัวนักแสดงเอง และต่อนักท่องเที่ยวเลย ส่งผลให้มีนักท่องเที่ยวที่กล้ามาเที่ยวชมลดจำนวนลงไปอีก แม้ในเวลาที่สามารถเปิดการแสดงได้แล้วก็ตาม

7.) นอกเหนือจากนี้ยังรวมถึงกลุ่มคนในสายอาชีพ บันเทิง, นักร้อง, นักดนตรี, กลางคืน, อีเว้นท์, พิธีกร, ออกาไนเซอร์, ฯลฯ ยังได้รับผลกระทบดังที่กล่าวมาข้างต้น และต้องการให้ภาครัฐบาลเยียวยารับผิดชอบด้วยเช่นกัน

จากสภาพปัญหาทั้งหมดตามที่กล่าวมา ไม่เพียงแต่ผลกระทบที่ทำให้ตกงาน ขาดรายได้และไม่มีปัจจัยในการดำรงชีพเท่านั้น แต่ยังเป็นสาเหตุทำให้เหล่านักแสดงจำนวนไม่น้อยเริ่มล้มป่วยจากภาวะความตึงเครียด เป็นโรคซึมเศร้า จนถึงขั้น เสียชีวิตมาแล้ว และหากสถานการณ์ยังคงเป็นเช่นนี้อยู่ต่อไป ตัวเลขความสูญเสียเหล่านี้ก็จะยิ่งเพิ่มมากขึ้น

ด้วยเหตุนี้พวกเราในนามของนักแสดงคาบาเร่ต์ นางโชว์ นายโชว์ นักแสดงกลางคืน รวมทั้งผู้ประกอบอาชีพที่เกี่ยวข้องกับการแสดงเหล่านี้ จึงขอเรียกร้องให้นายกรัฐมนตรี คณะรัฐมนตรี หรือหน่วยงานรัฐที่เกี่ยวข้องดำเนินการแก้ไขปัญหาโดยเร็ว มีมาตรการช่วยเหลือเยียวยา บรรเทาความเสียหายความทุกข์ยากต่าง ๆ ให้กลุ่มอาชีพนี้ด้วย ทั้งนี้ไม่ว่าจะเป็นในรูปของเงินช่วยเหลือเยียวยา การสนับสนุนด้านการหางาน การหาอาชีพเสริม รวมทั้งการจัดสรรวัคซีน เพื่อให้พร้อมสำหรับการทำงานแสดงต่อไป เมื่อถึงเวลาที่สามารถเปิดการแสดงได้

โดยเหตุผลทั้งหมดนั้น เพื่อให้พวกเราได้มีสิทธิเทียบเท่ากับพี่น้องประชาชนคนไทยทุกคน ให้พวกเราได้มีพลังชีวิตพอที่จะร่วมฝ่าฟันวิกฤติครั้งนี้ ไปพร้อม ๆ กันกับพวกท่าน ทั้งนี้ ตามหลักแห่งความเสมอภาคเท่าเทียมระหว่างเพศ ซึ่งหากท่านนายกรัฐมนตรีและคณะรัฐมนตรีไม่สามารถเยียวยาแก้ปัญหาเหล่านี้ให้กับประชาชนอาชีพดังกล่าวได้ โปรดพิจารณาความสามารถในการบริหารจัดการ และจงยุติการทำงานของพวกท่าน ทั้งเข้าสู่กระบวนการลาออกจากการดำรงตำแหน่งในฐานะผู้นำประเทศและผู้บริหารประเทศแล้วให้ผู้ที่มีศักยภาพในการบริหารจัดการเข้ามาดำรงตำแหน่งรับผิดชอบดูแลประชาชนดังที่กล่าวข้างต้นต่อไป


ที่มา : https://mgronline.com/local/detail/9640000070865


โปรเด็ด! ถึง 31 ก.ค. นี้ Ford Ranger, MG ZS, Mazda 2 และ Nissan อัลเมร่า ทักไลน์ @THESHOPSTIMES

คลิก????https://lin.ee/vfTXud9

กิจการ 13 จังหวัดสีแดงเข้ม ทำอะไรได้บ้าง?

กิจการ 13 จังหวัดสีแดงเข้ม ทำอะไรได้บ้าง?

- ร้านอาหาร / เครื่องดื่ม เปิดถึงเวลา 20.00 น. ห้ามนั่งในร้าน

- ห้าง / ศูนย์การค้า / คอมมูนิตี้มอลล์ เปิดได้เฉพาะแผนก ซูเปอร์มาร์เก็ต ยาและเวชภัณฑ์ และบริการฉีดวัคซีนหรือบริการทางการแพทย์และสาธารณสุข เปิดถึงเวลา 20.00 น.

- โรงแรม เปิดได้ปกติ งดกิจกรรมจัดประชุม สัมมนา หรือจัดเลี้ยง

- ร้านสะดวกซื้อ และตลาดสด ปิด 20.00 - 04.00 น.

- โรงเรียน / สถานศึกษา / สถาบันการศึกษา เรียนผ่านระบบทางไกล

- กิจการต่อไปนี้เปิดได้ตามความจำเป็น และดำเนินการตามมาตรการ สธ. อย่างเคร่งครัด โรงพยาบาล / สถานพยาบาล / คลินิกแพทย์รักษาโรค / ร้านขายยา / ร้านค้าทั่วไป / โรงงาน / ธุรกิจหลักทรัพย์ / ธุรกรรมการเงิน / ธนาคาร / ตู้เอทีเอ็ม / ธุรกิจสื่อสาร / คมนาคม / ไปรษณีย์และพัสดุภัณฑ์ / ร้านจำหน่ายอาหารสัตว์ / ร้านขายยาและเวชภัณฑ์ / ร้านจำหน่ายเครื่องมือช่างและอุปกรณ์ก่อสร้าง / ร้านจำหน่ายสินค้าเบ็ดเตล็ด / ร้านจำหน่ายแก๊สหุงต้ม / เชื้อเพลิง / ปั๊มน้ำมัน ปั๊มแก๊ส / บริการส่งสินค้าและอาหารตามสั่ง (Delivery online)

สำหรับ 13 จังหวัด ประกอบไปด้วย กรุงเทพฯ, นครปฐม, นนทบุรี, ปทุมธานี, สมุทรปราการ, สมุทรสาคร, ฉะเชิงเทรา, ชลบุรี, พระนครศรีอยุธยา, นราธิวาส, ปัตตานี, ยะลา และสงขลา


ที่มา : https://www.facebook.com/108669090743003/posts/356452002631376/


โปรเด็ด! ถึง 31 ก.ค. นี้ Ford Ranger, MG ZS, Mazda 2 และ Nissan อัลเมร่า ทักไลน์ @THESHOPSTIMES

คลิก????https://lin.ee/vfTXud9

'จองชัย'​ แนะรัฐ ออกข้อกำหนดให้ 'ถังออกซิเจน' เป็นสินค้าควบคุม ห้ามกักตุน-ห้ามส่งออก

ร.อ.จองชัย วงศ์ทรายทอง ส.ส.ชลบุรี พรรคพลังประชารัฐ กล่าวว่า เนื่องจากการแพร่ระบาดของโควิด-19 ขยายเป็นวงกว้าง ตัวเลขผู้ติดเชื้อเพิ่มสูงขึ้นต่อเนื่องทุกวัน ส่งผลให้ตอนนี้ถังออกซิเจนทางการแพทย์และถังออกซิเจนสำหรับใช้ที่บ้าน กำลังขาดตลาดเนื่องจากมีคนแห่ไปซื้อมากักตุน

ดังนั้น การขาดแคลนถังออกซิเจน ถือเป็นวิกฤต ที่กำลังเกิดขึ้น ขณะเดียวกันประเทศไทยยังผลิตไม่ได้ รัฐต้องเร่งส่งเสริมการนำเข้าและจัดให้เป็นสินค้าควบคุม ทั้งราคา ห้ามกักตุน และห้ามส่งออก เพราะตอนนี้ผู้ป่วยหนักจำนวนมากที่ต้องการต่อลมหายใจ


โปรเด็ด! ถึง 31 ก.ค. นี้ Ford Ranger, MG ZS, Mazda 2 และ Nissan อัลเมร่า ทักไลน์ @THESHOPSTIMES

คลิก????https://lin.ee/vfTXud9

อังกฤษประกาศยุติการล็อกดาวน์ ถือเป็นการประมาท-ถอดใจ หรือเป็นการวางแผนในการอยู่ร่วมกับเชื้อโควิด-19?

ชาวโลกคงได้ทราบแล้วว่า​ ชาวอังกฤษเริ่มต้นใช้ชีวิตปกติแล้วในวันจันทร์ที่​ 19​ ก.ค.​ ซึ่งถูกเรียกขานเป็น 'วันเสรีภาพ'​ (Freedom day)

โดยรัฐบาลยกเลิกข้อจำกัดเว้นระยะห่างเพื่อควบคุมไวรัสเกือบทั้งหมด รวมถึงกฎบังคับสวมหน้ากากอนามัย ขณะนักวิทยาศาสตร์เตือนยอดติดเชื้ออาจพุ่งถึงวันละแสนคน จากยอดปัจจุบันเฉลี่ยวันละ 50,000 ราย

การยกเลิกมาตรการควบคุมการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ของอังกฤษ​ ทำให้ไนท์คลับและสถานที่ในร่มอื่น ๆ ได้รับอนุญาตให้เปิดบริการเต็มความจุ และข้อกำหนดทางกฎหมายเรื่องการสวมหน้ากากอนามัยและการทำงานจากบ้านถูกยกเลิก

นายกรัฐมนตรีอังกฤษ​ 'บอริส จอห์นสัน'​ ซึ่งถูกกดดันจนต้องยอมกักตัวเองหลังจากรัฐมนตรีสาธารณสุข​ 'ซาจิด จาวิด'​ ติดเชื้อโควิด-19 กล่าวปกป้องการตัดสินใจของรัฐบาลที่ยุติมาตรการล็อกดาวน์ที่ใช้มาปีกว่าและยกเลิกข้อกำหนดเกือบทั้งหมด ถึงแม้ว่าจำนวนผู้ติดเชื้อรายใหม่ของอังกฤษยังสูงถึงวันละ 50,000 ราย น้อยกว่าแค่อินโดนีเซียและบราซิลเพียง 2 ประเทศ โดยระบุว่าสัปดาห์นี้เริ่มต้นวันหยุดปิดภาคเรียนฤดูร้อนของอังกฤษ ซึ่งถือเป็น 'แนวกันไฟอันล้ำค่า'​

เขากล่าวในวิดีโอถ้อยแถลงว่า หากไม่เปิดประเทศในตอนนี้ ก็จะต้องไปเปิดในฤดูใบไม้ผลิ หรือฤดูหนาว ที่สภาพอากาศเอื้อต่อการแพร่เชื้อไวรัส

"ถ้าเราไม่ทำเสียตอนนี้ เราก็ต้องถามตนเองว่า แล้วเราจะทำเมื่อไหร่ ฉะนั้นนี่คือเวลาที่เหมาะสม แต่เราต้องทำด้วยความระมัดระวัง เราต้องจดจำว่าไวรัสยังคงอยู่" จอห์นสัน​ กล่าว

อย่างไรก็ตาม​ ในทางการสาธารณสุขนั้น​ ก็คงไม่เห็นดีเห็นงามด้วยกับเรื่องนี้​ โดย ศาสตราจารย์นีล เฟอร์กูสัน จากอิมพีเรียลคอลเลจลอนดอน เตือนว่า ทิศทางนี้จะทำให้อังกฤษก้าวไปบนเส้นทางที่จะมีผู้ติดเชื้อรายใหม่วันละ 100,000 คน เนื่องจากยังคุมการระบาดสายพันธุ์เดลตาไม่ได้

ปัจจุบัน​ อังกฤษมีจำนวนผู้ป่วยโควิด-19 เสียชีวิตมากเป็นอันดับ 7 ของโลก ที่ 128,789 ราย และคาดการณ์ว่าอีกไม่ช้าอังกฤษจะมีผู้ติดเชื้อใหม่รายวันเพิ่มขึ้นกว่าช่วงสูงสุดระหว่างการระบาดระลอกที่ 2 เมื่อต้นปีนี้

ถึงกระนั้น​ อังกฤษ​ ก็มีอัตราการฉีดวัคซีนสูงกว่าเพื่อนบ้านในทวีปยุโรปมาก โดยประชากรวัยผู้ใหญ่ 87% ฉีดวัคซีนแล้ว 1 โดส และมากกว่า 68% มีภูมิคุ้มกันเต็มที่หลังฉีดแล้ว 2 โดส อัตราการเสียชีวิตปัจจุบันอยู่ที่วันละประมาณ 40 คนเท่านั้น เป็นจำนวนน้อยมากเมื่อเปรียบเทียบกับช่วงพีคในเดือนมกราคม ที่ตายมากกว่าวันละ 1,800 คน

ความสำเร็จของโครงการวัคซีน ซึ่งรัฐบาลเสนอฉีดให้ผู้ใหญ่ทุกคนในประเทศอย่างน้อยคนละ 1 โดส ทำให้รัฐบาลอังกฤษมั่นใจว่าสามารถบริหารความเสี่ยงของการรักษาในโรงพยาบาลได้ แม้นักวิทยาศาสตร์และอีกหลายคนจะยังคงไม่เห็นด้วยก็ตาม

แม้จะมีผู้คัดค้าน แต่ก็มีผู้คนไม่น้อยที่ยินดีกับการได้กลับไปใช้ชีวิตตามปกติ รวมถึงนักเที่ยวราตรีที่ต่อแถวด้านนอกไนท์คลับไฟเบอร์ในเมืองลีดส์ ซึ่งนักเที่ยวเข้าไปแดนซ์กันแน่นฟลอร์โดยไม่มีใครสวมหน้ากากอนามัย นักเที่ยวคนหนึ่งบอกว่า ในเมื่อไม่ได้ฉลองปีใหม่ ก็ควรออกมาฉลองเสียหน่อย มันเหมือนกับการเริ่มต้นบทใหม่

เรื่องนี้สะท้อนอะไร? ทำไม​ 'อังกฤษ'​ ถึงกล้าให้ ประชาชน กลับไปใช้ชีวิตตามปกติ​ ทั้ง ๆ​ ที่มีการติดเชื้อโควิดร่วม ๆ​ วันละ 50,000 ราย

ภาพของการไล่ฉีดวัคซีน​ เพื่อยับยั้งเชื้อแบบวิ่งไล่ตาม​ อาจจะไม่ใช่ทางออกในการทำให้วิถีชีวิตและเศรษฐกิจกลับมาเป็นเหมือนเดิมหรือไม่? เรื่องนี้น่าคิด!!

บทบาทของวัคซีนจะกลายเป็นเพียงตัวยับยั้งความอันตรายถึงชีวิตของผู้ติดเชื้อ​ แต่ไม่ใช่คำตอบในการกอบกู้​ 'ความปกติ'​ ของประเทศกลับมา

แน่นอนว่า​ หลาย ๆ​ คนคงไม่ชื่นชมกับการปลดล็อกมาตรการเช่นนี้​ และต้องการให้ช่วยกันทุบกราฟผู้ติดเชื้อและตายให้ลงมาก่อน แล้วค่อยว่ากัน​ต่อไป ซึ่งอาจจะใช่​ แต่เอาเข้าจริง​ ก็ทำได้เฉพาะแค่ช่วงล็อกดาวน์เท่านั้น

แต่เราเริ่มเห็นวัฏจักรของการติดเชื้อที่วนกลับมาซ้ำแล้วซ้ำเล่า​ ไม่ว่าจะ​ 'ป้องกัน'​ หรือ 'ประมาท'​

ฉะนั้น​ หากมองกรณีศึกษาของอังกฤษว่าทำไมจึงยกเลิกมาตรการโควิด​ จึงเป็นสิ่งที่น่าคิด​ เพราะเชื่อเถิดว่าประเทศระดับแนวหน้าอย่าง​ อังกฤษ​ หรือ​ สิงคโปร์​ ไม่น่าคิดหรือตัดสินใจทำอะไรแบบง่าย ๆ​ แน่นอน เนื่องจากมีความเกี่ยวเนื่องกับสิทธิมนุษยชนตามรัฐธรรมนูญ​ ที่รัฐต้องปกป้องดูแล ประชาชน

แนวคิดในการ Treat โควิดให้เหมือนไข้ตามฤดูกาลปกติแบบ ไข้หวัดใหญ่​ ซึ่งก็มีเสียชีวิตกันทุกปี​ อาจจะชัดขึ้นในหลายประเทศใช่ไหม?

การอยู่ร่วมกันกับโรค​ และ​เลิกวิ่งหนีด้วยการปิด ๆ​ เปิด ๆ​ มาตรการ​ หรือไล่ตามด้วยวัคซีนที่ไม่รู้จะตามทันเมื่อไร​ อาจไม่ทันใจต่อสถานการณ์ความเก็บกดของคนในประเทศ ใช่หรือเปล่า?

ถ้าเป็นแบบนั้น​ หากวันนี้รัฐบาลแต่ประเทศจะวางแผนให้คนอยู่ร่วมกับโควิด​ เท่ากับยอมรับในวิถี​ New​ Normal​ หรือความปกติแบบใหม่​ค่อนข้างชัด​ โดยต่อจากนี้ บางอาชีพ บางกิจกรรม​ บางธุรกิจจะหายไปกับการมาของโควิด​ และทดแทนด้วยสิ่งใหม่

วิถีชีวิต วัฒนธรรม สังคม ความคิด ความเชื่อ จะเปลี่ยนไป

เอาเข้าจริง ๆ ตอนนี้ทั่วโลกกำลังเผชิญภัยพิบัติธรรมชาติ ที่ผิดปกติ​ บวกกับโรคระบาดใหม่ ๆ​ แต่ประเทศไทยยังไม่เจอถึงขั้นนั้น

แต่เราจะเตรียมการอย่างไร? จะมีการริเริ่มผุดแนวคิดการพัฒนาอย่างยั่งยืน​ ด้วยยุทธศาสตร์แบบไหนกับการเปลี่ยนแปลงที่ไม่เคยเผชิญมาก่อนไว้ได้แค่ไหน เพราะการเปลี่ยนแปลงส่งผลกระทบทุกคนไม่ว่าจะฐานะการเงิน ฐานะทางสังคม ระดับการศึกษา อาชีพ​ ชัดมากแล้ว

ฉะนั้น​ เราจะมองเหตุการณ์ของอังกฤษในครั้งนี้​ เป็น​ 'ความประมาท'​ เป็น​การ​ 'ถอดใจ'​ หรือ​ 'วางแผน'​ อนาคตไว้แบบไหน​ อยู่ที่สติล้วน ๆ


อ้างอิง : https://www.thaipost.net/main/detail/110337


โปรเด็ด! ถึง 31 ก.ค. นี้ Ford Ranger, MG ZS, Mazda 2 และ Nissan อัลเมร่า ทักไลน์ @THESHOPSTIMES

คลิก????https://lin.ee/vfTXud9

รีส แม็คคลีนาแกน รีวิวเตียง โอลิมปิก ยืนยัน มีเซ็กซ์ได้

นักยิมนาสติกคนหนึ่ง รีวิวเตียงนอนของห้องพักนักกีฬา โอลิมปิก 2020 ที่ประเทศญี่ปุ่น แข็งแรงสำหรับการมีเพศสัมพันธ์ ก่อนหน้าเกิดกระแสข่าวลือ นักกีฬาน่าจะหมดสิทธิ์กระทำกิจกรรมบนเตียง เนื่องจากวัสดุที่ใช้ทำบอบบางเกินไป แต่ล่าสุดกลายเป็นเพียง ‘เฟก นิวส์’

รีส แม็คคลีนาแกน ความหวังเหรียญคนหนึ่งของ สาธารณรัฐไอร์แลนด์ โพสต์คลิปวีดีโอทาง โซเชียลมีเดีย เพื่อหักล้างทฤษฎีห้ามมีเซ็กซ์

โดย แม็คคลีนาแกน วัย 21 ปี กระโดดขึ้น-ลง เพื่อแสดงถึงความแข็งแรงของเตียง และสามารถประกอบกิจกรรมได้หลากหลาย “วันนี้เสนอตอน ข่าวลวง โอลิมปิก เกมส์ เตียงนี้ถูกสร้างขึ้นเพื่อห้ามมีเซ็กซ์”

“พวกมันทำจากกระดาษแข็ง ใช่ เป็นความจริง แต่มันอาจจะพัง หากถูกแรงกระแทกแรง ๆ มันโกหก ข่าวนี้ไม่เป็นความจริง”

‘Anti-sex’ beds at the Olympics pic.twitter.com/2jnFm6mKcB— Rhys Mcclenaghan (@McClenaghanRhys) July 18, 2021


ที่มา : https://mgronline.com/sport/detail/9640000070756


โปรเด็ด! ถึง 31 ก.ค. นี้ Ford Ranger, MG ZS, Mazda 2 และ Nissan อัลเมร่า ทักไลน์ @THESHOPSTIMES

คลิก????https://lin.ee/vfTXud9

ครม.เห็นชอบ “ร่างแผนคุ้มครองสมุนไพรในพื้นที่เขตอนุรักษ์” คุ้มครองสมุนไพร ในเขตอนุรักษ์12 แห่ง วงเงินดำเนินการ 2 ปี 1.7 ล้านบาท

น.ส.ไตรศุลี ไตรสรณกุล รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี แถลงผลประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.)ว่า ครม.เห็นชอบแผนระดับที่ 3 ของกระทรวงสาธารณสุข ซึ่งเป็นร่างแผนจัดการเพื่อคุ้มครองสมุนไพรในพื้นที่เขตอนุรักษ์ ตามพระราชบัญญัติคุ้มครองและส่งเสริมภูมิปัญญาการแพทย์แผนไทย ปี 2542 ฉบับที่1 ปี2564-2565 วัตถุประสงค์เพื่อคุ้มครองสมุนไพรและบริเวณถิ่นกำเนิดของสมุนไพรที่มีความหลากหลายทางชีวภาพ หรืออาจได้รับผลกระทบจากการกระทำของมนุษย์ ในพื้นที่ที่กำหนดให้เป็นเขตอนุรักษ์ รวมทั้งเป็น
กรอบแนวทางการดำเนินงานเชิงบูรณาการ เพื่อเสนอแผนจัดการคุ้มครองสมุนไพรในพื้นที่เขตอนุรักษ์รายพื้นที่อย่างน้อย 12 แห่งต่อไป โดยงบประมาณใช้จ่ายจากเงินกองทุนภูมิปัญญาการแพทย์แผนไทย วงเงินแผนระยะสั้น 2 ปี จำนวน 1,735,000บาท

น.ส.ไตรศุลี กล่าวว่า เป้าหมายสำคัญของร่างฯเพื่อ อนุรักษ์ ปกป้อง คุ้มครองสมุนไพรและบริเวณถิ่นกำเนิดของสมุนไพรในเขตพื้นที่อนุรักษ์และมีการใช้ประโยชน์อย่างยั่งยืน เสริมสร้างศักยภาพ บทบาท การมีส่วนร่วมของภาคีเครือข่ายในการคุ้มครองสมุนไพร สำรวจ ศึกษาวิจัยสมุนไพรและบริเวณถิ่นกำเนิดของสมุนไพร และเสริมสร้างความมั่นคงด้านเศรษฐกิจของประเทศโดยการส่งเสริมและสนับสนุนการปลูกพืชสมุนไพรให้เป็นพืชเศรษฐกิจ กระจายรายได้สู่ชุมชนและประชาชนมีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น

น.ส.ไตรศุลี กล่าวว่า ส่วนหลักเกณฑ์สำคัญในการคัดเลือกพื้นที่เพื่อประกาศเป็นแผนจัดการคุ้มครองสมุนไพรระดับพื้นที่ เช่น  เป็นพื้นที่ที่อาจได้รับผลกระทบกระเทือนจากการกระทำของมนุษย์ได้โดยง่ายหรือการเข้าไปใช้ประโยชน์จากสมุนไพรที่มีลักษณะเป็นการเสี่ยงต่อการสูญพันธุ์หรือการลดลงของพันธุกรรม เป็นพื้นที่ถิ่นกำเนิดของสมุนไพรที่มีระบบนิเวศตามธรรมชาติหรือมีความหลากหลายทางชีวภาพที่อาจถูกทำลาย และต้องสำรวจพบสมุนไพรสำคัญในพื้นที่ มีค่าต่อการวิจัย และมีความสำคัญทางเศรษฐกิจ และสมุนไพรที่อาจจะสูญพันธุ์ เป็นพื้นที่ที่ชุมชนและประชาชนมีความต้องการใช้ประโยชน์จากสมุนไพรอย่างเหมาะสม และต้องได้รับความเห็นชอบจากหน่วยงาน องค์กร ภาคีเครือข่าย ภาคประชาสังคมในระดับพื้นที่ในการบริหารจัดการเป็นแผนจัดการเพื่อคุ้มครองสมุนไพร

ครม.อนุมัติ จัดทำ เหรียญกษาปณ์ที่ระลึกครบ 70 ปี สภาพัฒน์ 

น.ส.ไตรศุลี ไตรสรณกุล รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี แถลงผลการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) ว่า ครม.อนุมัติหลักการร่างกฎกระทรวงกำหนดลักษณะของเหรียญกษาปณ์ที่ระลึกครบ 70 ปี สำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ(สภาพัฒน์) วันที่ 15 กุมภาพันธ์ 2563 โดยโครงการจัดทำเหรียญกษาปณ์ที่ระลึกครบ 70 ปี ของสภาพัฒน์ครั้งนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณของพระบาทสมเด็จพระปรเมนทรรามาธิบดีศรีสินทรมหาวชิราลงกรณ พระวชิรเกล้าเจ้าอยู่หัว และให้ข้าราชการของสำนักงานสภาพัฒน์เก็บไว้เป็นที่ระลึก และใช้เป็นสื่อในการเผยแพร่ประวัติของหน่วยงานสำหรับมอบให้แก่บุคคลสำคัญภายในประเทศและนานาประเทศ

น.ส.ไตรศุลี กล่าวว่า ทั้งนี้กรมธนารักษ์กำหนดให้จัดทำเหรียญกษาปณ์ที่ระลึกครบ 70 ปีสภาพัฒน์ เป็นเหรียญกษาปณ์โลหะสีขาว(ทองแดงผสมนิกเกิล) ชนิดราคา 20 บาท ประเภทธรรมดา จำนวนผลิตไม่เกิน 1 ล้านเหรียญ มีรายละเอียดของเหรียญดังนี้คือ ลักษณะเป็นเหรียญกษาปณ์กลม วงขอบนอกมีเฟืองจักร ส่วนผสมเป็นนิกเกิลร้อยละ 25 ทองแดงร้อยละ 75  น้ำหนักเหรียญละ 15 กรัม ขนาดเส้นผ่าศูนย์กลาง 32 มิลลิเมตร ลวดลายด้านหน้า กลางเหรียญมีพระบรมรูปพระบาทสมเด็จพระปรเมนทรรามาธิบดีศรีสินทรมหาวชิราลงกรณ พระวชิรเกล้าเจ้าอยู่หัว ทรงฉลองพระองค์ชุดสากล ภายในวงขอบเหรียญเบื้องล่างมีข้อความว่า “ครบ 70 ปี สำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ 15 กุมภาพันธ์ 2563 ” เบื้องล่างมีข้อความบอกราคาว่า “ 20 บาท” และข้อความว่า “ประเทศไทย” กำหนดออกใช้ต่อเมื่อกฎกระทรวงมีผลใช้บังคับเป็นกฎหมายแล้ว ส่วนค่าใช้จ่ายในการจัดทำเหรียญกษาปณ์ดังกล่าว จะจ่ายเงินทุนหมุนเวียนการบริหารจัดการเหรียญกษาปณ์ ทรัพย์สินมีค่าของรัฐและการทำของ

ครม.ไฟเขียว จัดสรรอัตรา ขรก.ตั้งใหม่ “สธ.-ยต.” 2,411 อัตรา เพิ่มค่าใช้จ่ายปีละประมาณ 760 ล้านบาท

น.ส.ไตรศุลี ไตรสรณกุล รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี แถลงผลการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) ว่า ครม.อนุมัติจัดสรรอัตราข้าราชการตั้งใหม่ ให้กับส่วนราชการ ในสังกัดกระทรวงสาธารณสุข และกระทรวงยุติธรรม รวมทั้งสิ้น 2,411 อัตรา ได้แก่ สำนักงานปลัดกระทรวงสาธารณสุขจำนวน 2,136 อัตรา และ กรมราชทัณฑ์ กระทรวงยุติธรรม จำนวน 275  อัตรา เพื่อปฏิบัติภารกิจการให้บริการด้านการแพทย์และสาธารณสุขแก่ประชาชนในส่วนภูมิภาค รวมถึง 3 จังหวัดชายแดนใต้ โดยจะมีค่าใช้จ่ายด้านบุคลากรเพิ่มขึ้นปีละประมาณ 760 ล้านบาท  

น.ส.ไตรศุลี กล่าวว่า ส่วนรายละเอียดการจัดสรรอัตราข้าราชการตั้งใหม่ให้กับส่วนราชการในสังกัดกระทรวงสาธารณสุข และกระทรวงยุติธรรม ประกอบด้วย นายแพทย์ปฏิบัติการหรือชำนาญการ หรือชำนาญการพิเศษ 1,651 อัตรา ค่าใช้จ่าย 511 ล้านบาทต่อปี ทันตแพทย์ปฏิบัติการหรือชำนาญการ หรือชำนาญการพิเศษ 370 อัตรา ค่าใช้จ่าย 114 ล้านบาทต่อปี นายแพทย์ปฏิบัติการหรือชำนาญการ หรือชำนาญการพิเศษบรรจุใน 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ 90 อัตรา ค่าใช้จ่าย 30 ล้านบาทต่อปี และทันตแพทย์บรรจุใน 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ 25 อัตรา ค่าใช้จ่าย 8.4 ล้านบาท  และพยาบาลวิชาชีพปฏิบัติการหรือชำนาญการของกรมราชทัณฑ์ จำนวน 275 อัตรา ค่าใช้จ่าย 95 ล้านบาทต่อปี


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top