Friday, 16 May 2025
Hard News Team

สตูล ทัพเรือภาคที่ 3 โดยหน่วยปฏิบัติการต่อสู้อากาศยานและรักษาฝั่งที่ 452 กองทัพเรือ จัดกิจกรรมเนื่องในวันกองทัพเรือประจำปี 2567

พลเรือโท สุวัจ ดอนสกุล ผู้บัญชาการทัพเรือภาคที่ 3 มอบหมายให้ นาวาโท ธนภูมิ ประทีป ผู้บังคับหน่วยปฏิบัติการต่อสู้อากาศยานและรักษาฝั่งที่ 452 จัดกิจกรรมเนื่องในวันกองทัพเรือ ประจำปี 2567 ในพื้นที่จังหวัดสตูล ซึ่งในปีนี้หน่วยปฏิบัติการต่อสู้อากาศยานและรักษาฝั่งที่ 452 ได้จัดกิจกรรมฟังสารจากพลเรือเอกจิรพล ว่องวิทย์ ผู้บัญชาการทหารเรือเนื่องในวันกองทัพเรือ กิจกรรมจิตอาสาบริจาคโลหิต ณ โรงพยาบาล สตูลจังหวัดสตูล กิจกรรมปล่อยพันธุ์ปลาน้ำจืดจำนวน 20,000 ตัว ณ อ่างเก็บน้ำภายในหน่วย ปฏิบัติการต่อสู้ อากาศยานและรักษาฝั่งที่ 452 และกิจกรรม บำเพ็ญสาธารณประโยชน์ เก็บขยะ ณ ชายหาดแหลมสน บ้าน บุโบย หมู่ที่ 3 ตำบลแหลมสน อำเภอละงูจังหวัดสตูล ซึ่งกิจกรรมต่าง ๆ นี้ได้มีหน่วยงานต่างๆเข้าร่วมกิจกรรมเช่น หน่วยงานทหารเรือในพื้นที่อำเภอละงู หน่วยงานปกครองส่วนท้องถิ่นทั้งองค์การบริหารส่วนตำบลแหลมสนและเทศบาลตำบลกำแพง รวมถึงบุคลากรของสถานศึกษาและนักเรียนลูกเสือเนตรนารี จากโรงเรียนบ้านบุโบย โรงเรียนบ้านบ้านกาแบง โรงเรียนบ้านสวนกลาง และโรงเรียนบ้านบ่อเจ็ดลูกอำเภอละงู จังหวัดสตูล นอกจากนี้ยังมีกิจกรรมจัดเลี้ยงอาหารกลางวัน มื้อพิเศษแก่กำลังพลของหน่วย ผลการจัดกิจกรรมต่างๆเป็นไปด้วยความเรียบร้อยบรรลุตามวัตถุประสงค์ทุกประการ

วันกองทัพเรือได้กำหนดขึ้นตรงกับวันที่ 20 พฤศจิกายนของทุกปีเนื่องด้วยพระบาทสมเด็จ พระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 5 ได้ทรงประกอบพิธีเปิดโรงเรียนนายเรือเมื่อ 20 พฤศจิกายนพุทธศักราช 2449 ณ พระราชวังเดิม ธนบุรี กองทัพ เรือจึงถือเอาวันมหามงคลนี้เป็น 'วันกองทัพเรือ'

รัสเซียเปิดช่องถกข้อตกลงยุติขัดแย้งยูเครน แม้สหรัฐกับพันธมิตรจะส่งอาวุธโจมตีแดนหมีขาวอย่างต่อเนื่อง

(22 พ.ย.67) สำนักข่าวรอยเตอร์รายงานว่า มาเรีย ซาคาโรวา โฆษกกระทรวงการต่างประเทศรัสเซีย แถลงว่า รัสเซียพร้อมพิจารณาข้อเสนอสันติภาพใด ๆ ที่ "เป็นไปได้จริง" เพื่อแก้ไขความขัดแย้งในยูเครน โดยยึดผลประโยชน์ของชาติและสถานการณ์ในพื้นที่เป็นหลัก

“เราพร้อมสำหรับการเจรจา และยินดีพิจารณาข้อเสนอที่ไม่มีแรงจูงใจทางการเมืองแอบแฝง” ซาคาโรวากล่าว พร้อมย้ำว่าข้อตกลงใด ๆ จะต้องคำนึงถึงผลประโยชน์ของรัสเซียเป็นสำคัญ

“ดิฉันขอเน้นว่า สิ่งสำคัญคือการรับประกันผลประโยชน์ของเรา สอดคล้องกับสถานการณ์ในพื้นที่ และมีข้อผูกพันที่ชัดเจน”

สำนักข่าวรอยเตอร์ระบุเพิ่มเติมว่า รัสเซียเปิดกว้างต่อการเจรจาหยุดยิงในยูเครนกับโดนัลด์ ทรัมป์ ว่าที่ประธานาธิบดีสหรัฐฯ แต่ยืนยันไม่คืนดินแดนสำคัญ และเรียกร้องให้ยูเครนยุติความพยายามเข้าร่วมองค์การนาโต้

'ทักษิณ' ชี้!! ปัจจัยทำเศรษฐกิจไทยไม่ขยายตัวช่วง 10 ปี เหตุ ‘แบงก์ชาติ’ คุมเข้มปล่อยกู้ทำเม็ดเงินในระบบเหือดหาย

(22 พ.ย.67) 'ทักษิณ' แชร์มุมมองเศรษฐกิจและจุดยืนไทยบนเวทีโลกผ่านการประชุมซีอีโอ Forbes ชี้ นโยบายแบงก์ชาติเป็นอุปสรรคต่อเศรษฐกิจไทย เหตุเข้มงวดปล่อยกู้เกินไปทำเงินในระบบเหือดหาย พร้อมระบุไทยไร้ข้อขัดแย้งพร้อมรับการลงทุนใหม่ หนุนสร้างเศรษฐกิจสร้างสรรค์ และศูนย์กลางดิจิทัล

นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ร่วมพูดคุยกับสตีฟ ฟอร์บส์ ประธานและบรรณาธิการบริหาร Forbes Media ปิดท้ายช่วงกาล่าดินเนอร์ในงานประชุมซีอีโอระดับโลก 'Forbes Global CEO Conference' ครั้งที่ 22 จัดขึ้นที่กรุงเทพฯ ภายใต้ธีม 'New Paradigm' เจาะลึกถึงโลกอนาคตที่ทุกอย่างเปลี่ยนแปลงไปอย่างรวดเร็ว โดยกรุงเทพธุรกิจรายงานว่ามีผู้นำทางธุรกิจที่ทรงอิทธิพลจากทั่วโลกไว้กว่า 400 คน 

นายทักษิณ กล่าวว่า สาเหตุหนึ่งที่เศรษฐกิจไทยในช่วง 10 ปีที่ผ่านมาขยายตัวได้ไม่มาก เป็นเพราะความระมัดระวังมากเกินไปของธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ในการควบคุมธนาคารพาณิชย์เพื่อไม่ให้เกิดวิกฤติทางการเงินขึ้นอีกครั้งเหมือนในปี 2540 และอีกสาเหตุหนึ่งคือขณะนี้ภาคการผลิตของไทยมีแต่อุตสาหกรรมที่กำลังลับฟ้า หรืออยู่ในช่วง Sunset 

ในกรณีของธนาคารกลาง ซึ่งควรจะมีหน้าที่หลัก 2 อย่าง คือ การดูแลเรื่องอัตราแลกเปลี่ยน และการดูแลธนาคารพาณิชย์ แต่บางครั้งพวกเขามีความเข้มงวดมากเกินไป ธนาคารไม่ปล่อยสินเชื่อใหม่ จนทำให้เม็ดเงินในระบบเศรษฐกิจแห้งเหือด 

“แน่นอนว่าธนาคารกลางต้องมีความเป็นอิสระ แต่พวกเขาก็ควรจะต้องรับฟังด้วย คนที่ทำงานในธนาคารกลางเป็นคนมีความสามารถ เรียนได้เกรด 4 และจบด็อกเตอร์ แต่พวกเขาจะต้องเรียนรู้จากประสบการณ์จริง และมองในมุมของภาคธุรกิจด้วย เช่นเดียวกับนโยบายของทรัมป์ในการตั้งคณะกรรมการเงาเพื่อตรวจสอบการทำงานของธนาคารกลางสหรัฐ”

นายทักษิณ กล่าวถึงแนวทางหนึ่งในการศึกษาแนวคิดการออกเหรียญ Stable Coin เงินบาท ที่มีพันธบัตรหนุนหลัง ซึ่งจะเป็นแนวทางในการเพิ่มสภาพคล่องให้กับระบบเศรษฐกิจ โดยเหรียญดังกล่าวสามารถนำไปใช้แลกเปลี่ยนได้ แต่จะไม่ได้ผลตอบแทน ขณะที่หากถือเหรียญเก็บไว้จะได้รับดอกเบี้ย

ชี้ทางรอดธุรกิจเล็ก
นายทักษิณ กล่าวว่า ไอเดียที่ดีและการมีโมเดลธุรกิจที่ขายได้เป็นสิ่งที่สำคัญสำหรับธุรกิจขนาดเล็ก หลังจากนั้นเงินจะตามมาเอง เม็ดเงินที่มีอยู่มากมายบนโลกต้องการลงทุนกับสิ่งที่จะสร้างผลตอบแทนให้ ซึ่งถ้าธุรกิจเหล่านี้มีพื้นฐานที่ดี เชื่อว่าเงินลงทุนจะไหลมาสู่ธุรกิจได้

โดยเฉพาะอย่างยิ่งในขณะนี้ที่ธุรกิจไทยต้องแข่งขันกับสินค้าจีน ซึ่งได้เปรียบเรื่องต้นทุน เนื่องจากมีปริมาณการผลิตจำนวนมากทำให้ประหยัดต่อขนาด (Economy of Scale) ดังนั้นธุรกิจไทยจะต้องมีวิธีคิดอย่างสร้างสรรค์ รวมทั้งประยุกต์ใช้เทคโนโลยีเพื่อสร้างสิ่งที่แตกต่างและแข่งขันได้

ขณะเดียวกัน รัฐบาลเองจะต้องปกป้องอุตสาหกรรมในประเทศเช่นกัน โดยการให้ธุรกิจต่างชาติที่ต้องการขายสินค้าให้กับคนไทยต้องจดทะเบียนให้ถูกต้องและเสียภาษี นอกจากนั้นสินค้าที่ขายให้คนไทยจะต้องผ่านมาตรฐานเช่นเดียวกับสินค้าที่ผลิตในประเทศเพื่อความเป็นธรรม

เล็งปฏิรูประบบภาษี
นายทักษิณ กล่าวว่า รัฐบาลปัจจุบันมีแนวคิดในการปฏิรูปภาษีทั้งระบบเพื่อจะได้จัดเก็บภาษีได้มากขึ้น แต่จะต้องไม่ใช้วิธีการเพิ่มอัตราภาษีเงินได้ โดยจะต้องพิจารณาอัตราภาษีเงินได้ที่สามารถแข่งขันได้ และมีระบบการคืนภาษีให้กับคนที่มีรายได้ต่ำกว่าเกณฑ์ หรือระบบที่เรียกว่า Negative Income Tax โดยการปฏิรูปภาษีจะต้องมีการเปลี่ยนแปลงไปทีละส่วนเพื่อไม่ให้กระทบกับคนจำนวนมาก

“หลักก็คือ ถ้าอยากเก็บภาษีได้มากขึ้น ต้องมีข้อเรียกร้องที่น้อยลง ซึ่งการลดอัตราการจัดเก็บภาษีเงินได้จะทำให้คนมีกำลังซื้อเพิ่มขึ้น และการจัดเก็บภาษีจะต้องครอบคลุมกลุ่มคนมากขึ้นด้วย”

ทั้งนี้ การลดอัตราภาษีเงินได้นิติบุคคลในรัฐบาลของอดีตนายกรัฐมนตรี ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร พิสูจน์แล้วว่าสามารถทำให้รัฐบาลจัดเก็บรายได้เพิ่มขึ้น 

เตรียมรับกำแพงภาษีสหรัฐ
นายทักษิณ กล่าวว่า มาตรการกีดกันทางการค้า ด้วยกำแพงภาษีที่สูงขึ้น ตามนโยบายของทรัมป์ที่จะขึ้นภาษีสินค้านำเข้า 20% จากประเทศที่เกินดุลการค้า และเพิ่มขึ้น 60% สำหรับสินค้าจีน มองว่าสุดท้ายแล้วผลชาวอเมริกันจะได้รับผลกระทบจากราคาสินค้าที่สูงขึ้น

“เชื่อว่ามาตรการ Protectionism ภายใต้การนำของทรัมป์จะยิ่งเข้มงวด และจะทำให้การค้าโลกถดถอยกลับไป 50 ปีที่แล้ว ก่อนที่จะเป็นยุคของโลกาภิวัตน์”

สำหรับจุดยืนของประเทศไทย มองว่าเราไม่ต้องการความขัดแย้ง ท่ามกลางการแข่งขันก็สามารถร่วมมือกันในด้านใดด้านหนึ่งได้ เช่นเดียวกับความสัมพันธ์ระหว่างสหรัฐ-จีน ซึ่งมีจุดที่ต้องร่วมมือกัน แม้จะแข่งขันกันอยู่ก็ตาม

“จากนี้ไปเริ่มเห็นสัญญาณว่าหลายอุตสาหกรรมทั้งจากสหรัฐและจีนต้องการย้ายฐานการผลิตเข้ามาในประเทศไทย ซึ่งเป็นพื้นที่ไร้ข้อขัดแย้ง อีกทั้งไทยยังมีโครงสร้างพื้นฐานด้านไฟฟ้าที่เพียงพอ มีที่ดินปริมาณมากที่ยังสามารถพัฒนาได้ มีแรงงานฝีมือ และการเพิ่มมาตรการภาษีที่จูงใจ”

อย่างไรก็ตาม อัตราค่าไฟฟ้าของไทยยังอยู่ในระดับสูงเกินไป หากสามารถปฏิรูปราคาพลังงาน โดยหักลบภาษีเพื่อสนับสนุนการลงทุนในกลุ่มอุตสาหกรรมใหม่ได้ และเชื่อว่าจะทำให้ไทยน่าดึงดูดมากขึ้น รวมทั้งเมื่อมีการลงทุนในไฟฟ้าพลังงานสะอาด และ Smart Grid

นายทักษิณ กล่าวทิ้งท้ายว่า ใน 5 ปีข้างหน้ามี 2 เรื่องหลักที่ไทยต้องทำคือ 1.การพัฒนาเศรษฐกิจสร้างสรรค์ ซอฟต์พาวเวอร์ และธุรกิจการบริหาร และ 2.การสร้างโครงสร้างพื้นฐานดิจิทัล ดึงดูดอุตสาหกรรมเทคโนโลยี เอไอ และดาต้าเซ็นเตอร์เข้ามาลงทุนในประเทศ

จีนพบแหล่งทองคำขนาดใหญ่ในมณฑลหูหนาน คาดปริมาณกว่า 1,000 ตัน มูลค่าราว 2.8 ล้านล้านบาท

(22 พ.ย.67) ทีมนักธรณีวิทยาของจีนเปิดเผยว่าได้พบแหล่งทองคำสำรองแห่งใหม่ที่คาดว่าน่าจะมีทองคำอยู่ปริมาณ 1,000 ตัน หรือคิดเป็นมูลค่าราว 82,800 ล้านดอลลาร์ (2.8 ล้านล้านบาท) ในมณฑลหูหนาน ทางตอนกลางของประเทศ

รายงานระบุว่า แห่งทองคำแห่งใหม่นี้มีความลึกราว 2,000 เมตร บริเวณพื้นที่หวางกู่ในเขตผิงเจียง ประมาณเบื้องต้นมีปริมาณทองคำอย่างน้อยราว 300.2 ตัน 

ทีมผู้เชี่ยวชาญประเมินว่าแหล่งทองคำหวางกู่มีขนาดใหญ่มาก อาจจะมีความลึกประมาณ 2-3,000 เมตร คาดว่าจะมีปริมาณทองคำทั้งหมดราว 1,000 ตัน หรือคิดเป็นมูลค่ากว่า 6 แสนล้านหยวน หากประเมินจากราคาทองในปัจจุบัน

ทั้งนี้ จีนเป็นหนึ่งในผู้ส่งออกทองคำรายใหญ่ที่สุดของโลก โดยตามข้อมูลจากสภาทองคำโลก จีนคิดเป็น 10% ของทองคำที่มีการซื้อขายทั่วโลกในปี 2023

ฮิวแมนไรท์วอชประณามสหรัฐฯ ส่ง 'ทุ่นระเบิดสังหารบุคคล' ให้ยูเครน ละเมิดสนธิสัญญาห้ามใช้ทุ่นระเบิดปี 1997

(21 พ.ย. 67) แหล่งข่าวที่เป็นเจ้าหน้าที่รัฐบาลสหรัฐ 2 รายเผยกับวอชิงตันโพสต์ว่า ประธานาธิบดีโจ ไบเดน ได้อนุมัติการส่งมอบทุ่นระเบิดสังหารบุคคลไปยังยูเครน ซึ่งการอนุมัติดังกล่าว ถือเป็นการละเมิดสนธิสัญญาห้ามใช้กับระเบิด ปี 1997 

แมรี่ วาเรแฮม รองผู้อำนวยการฝ่ายวิกฤตความขัดแย้งและอาวุธ ของฮิวแมนไรท์วอช กล่าวว่า “การตัดสินใจของประธานาธิบดีไบเดนในการมอบทุ่นระเบิดสังหารบุคคลนั้น มีความเสี่ยงต่อชีวิตพลเรือน และขัดขวางความพยายามของนานาชาติในการกำจัดอาวุธเหล่านี้... สหรัฐฯ ควรทบทวนการส่งมอบดังกล่าว ซึ่งรั้งแต่จะเพิ่มความเสี่ยงให้พลเรือนได้รับลูกหลงจากกับระเบิดและต้องทนทุกข์ทรมาณในระยะยาว"

แหล่งข่าวยังเผยว่า รัฐบาลสหรัฐคาดหวังให้ยูเครนใช้อาวุธนี้ เฉพาะในเขตเเดนยูเครนที่ไม่มีพลเรือนอาศัยอยู่ อย่างไรก็ตาม ฮิวแมนไรท์วอช มองว่าไม่มีอะไรการันตีได้ว่า กองทัพยูเครนจะใช้ทุ่นระเบิดดังกล่าวในพื้นที่ไร้พลเรือนตามที่สัญญา

“การยอมรับและใช้ทุ่นระเบิดต่อต้านบุคคล ถือเป็นความเสี่ยงที่ยูเครนจะละเมิดสนธิสัญญาห้ามทุ่นระเบิดเพิ่มเติม” แถลงการณ์ของฮิวแมนไรท์วอชระบุ  

ด้านโฆษกทำเนียบเครมลิน ดมิทรี เปสคอฟ กล่าวว่า ยังไม่สามารถยืนยันได้ว่ารายงานเกี่ยวกับการอนุมัติของไบเดนในการส่งกับระเบิดไปยังเคียฟเป็นความจริงหรือไม่ แต่ไม่ได้ตัดความเป็นว่ารัฐบาลสหรัฐที่ใกล้หมดวาระกำลังรีบเร่งดำเนินการบางอย่าง

ที่ผ่านมา ทางการรัสเซียย้ำหลายครั้งว่าการส่งอาวุธให้ยูเครนเป็นการขัดขวางการยุติความขัดแย้ง และถือเป็นการที่ประเทศในนาโต้เข้ามาเกี่ยวข้องโดยตรง

สำหรับสนธิสัญญาห้ามใช้ทุ่นระเบิด ได้รับการลงนามในปี 1997 ที่กรุงออตตาวา ประเทศแคนาดา โดยปัจจุบันมีชาติที่ร่วมลงสัตยาบันไม่ใช่ทุ่นระเบิดสังหารบุคคลแล้วกว่า 164 ชาติทั่วโลก 

จีนแซงเยอรมนี ผงาดเบอร์ 3 ของโลก ใช้หุ่นยนต์ในภาคอุตสาหกรรมมากสุด

(21 พ.ย.67) จีนแซงเยอรมนี ครองเบอร์ 3 ของโลกด้านความหนาแน่น ‘หุ่นยนต์อุตสาหกรรม’ รายงานจากสหพันธ์หุ่นยนต์นานาชาติ (IFR) ระบุว่าจีนสร้างความก้าวหน้าอย่างมากในด้านระบบอัตโนมัติของกระบวนการผลิต โดยแซงหน้าเยอรมนีและขึ้นครองอันดับ 3 ในการจัดอันดับความหนาแน่นของหุ่นยนต์อุตสาหกรรมระดับโลกในปี 2023

รายงานระบุว่าความหนาแน่นของหุ่นยนต์ของจีนอยู่ที่ 470 หน่วยต่อพนักงาน 10,000 คนในปี 2023 ซึ่งเพิ่มขึ้นอย่างมากจาก 402 หน่วยในปีก่อนหน้า และตัวเลขนี้ยังเพิ่มขึ้นกว่าสองเท่าเมื่อเทียบกับปี 2019

ทาคายูกิ อิโตะ ประธานสหพันธ์ฯ เผยว่าจีนลงทุนมหาศาลในเทคโนโลยีระบบอัตโนมัติ และการเติบโตของจีนมีความโดดเด่นอย่างมาก โดยรายงานระบุว่าจีนเพิ่งเข้ามาติดโผ 10 อันดับแรกของโลกเมื่อปี 2019

ความหนาแน่นของหุ่นยนต์ เป็นตัวบ่งชี้สำคัญของระดับการใช้ระบบอัตโนมัติในการผลิต ซึ่งเกาหลีใต้ครองอันดับหนึ่งด้วยจำนวนหุ่นยนต์ 1,012 ตัวต่อพนักงาน 10,000 คนในปี 2023 ส่วนสิงคโปร์อยู่อันดับสอง และเยอรมนีอยู่อันดับสี่ โดยมีเครื่องจักรอัตโนมัติ 429 หน่วยต่อพนักงาน 10,000 คน

"การโจมตียูเครนไม่ได้เกิดขึ้นจากฝีมือของ วลาดิมีร์ ปูติน ตามที่เราเข้าใจกันทุกวันนี้"

ศ.เจฟฟรี่ แซคส์ ศาสตราจาร์ยด้านเศรษฐศาสตร์และนโยบายสาธารณะ แห่งมหาวิทยาลัยฮาร์วาร์ด

(21 พ.ย. 67) ศ.เจฟฟรี่ แซคส์ ศาสตราจาร์ยด้านเศรษฐศาสตร์และนโยบายสาธารณะ จากมหาวิทยาลัยฮาร์วาร์ด ได้กล่าวในตอนหนึ่งของงานเสวนาที่จัดขึ้นโดยสมาคมโต้วาที Cambridge Union Society ของมหาวิทยาลัยเคมบริดจ์ ช่วงต้นเดือนพฤศจิกายนที่ผ่านมา โดยมีตอนหนึ่งที่ศ.แซคส์ ได้กล่าวถึงสถานการณ์ในยูเครนว่า การโจมตีที่เกิดขึ้นในยูเครนทุกวันนี้ ไม่ใช่ฝีมือของวลาดิมีร์ ปูติน ในแบบที่เราได้ยินกันมา

แซคส์ อธิบายว่า ย้อนกลับไปในยุคสงครามเย็นช่วงที่เยอมนีตะวันออกและตะวันตกยังคงแบ่งแยก นายมิคฮาอิล กอบาชอฟ ผู้นำโซเวียตในเวลานั้นเห็นพ้องที่จะยุติ ภาวะตึงเครียมของชาติมหาอำนาจสองฝ่าย จึงยอมให้มีการควบรวมชาติเยอรมนีขึ้น ภายใต้เงื่อนไขที่ว่า สหรัฐและชาติพันธมิตรจะไม่ขยายขอบเขตอิทธิพลของตนในยุโรปมากขึ้น 

กระทั่งในช่วงยุคปี 1994 ประธานาธิบดีบิล คลินตัน จากพรรคเดโมแครต ได้ลงนามคำสั่งขยายอิทธิพลของนาโต้ในยูเครนหรือที่เรียกว่าคำสั่ง 'neocons took power' 

หลังจากนั้นในปี 1999 นาโต้เริ่มขยายตัวมากขึ้นผ่านการเริ่มเข้าไปมีบทบาทในโปแลนด์ ซึ่งในปีเดียวกันนี้ โปแลนด์ สาธารณรัฐเช็ก และฮังการี เข้าร่วมเป็นสมาชิกนาโต้ จากนั้นสหรัฐเริ่มเข้าไปมีบทบาททางการเมืองในเซอร์เบียปี 1999 ส่งทหารเข้าไปเซอร์เบียเพื่อจัดการความขัดแย้งภายใน แสดงให้เห็นถึงการรุกคืบของอิทธิพลของสหรัฐผ่านนาโต้ที่ค่อยๆประชิดยุโรปตะวันออกมากขึ้นเรื่อยๆ

ศ.แซคส์ อธิบายต่อว่า ปูตินเป็นประธานาธิบดีสมัยแรกช่วงปี 2000 ในขณะนั้นเขายังมีจุดยืนสนับสนุนนาโต้และสนับสนุนสหรัฐ ถึงขึ้นที่อาจจะนำรัสเซียร่วมเป็นพันธมิตรนาโต้ กระทั่งปี 2002 ถึงจุดที่ทำให้ปูตินต้องเปลี่ยนความคิด หลังจากที่สหรัฐถอนตัวออกจากสนธิสัญญาต่อต้านขีปนาวุธ ซึ่งทำให้สหรัฐสามารถนำขีปนาวุธเข้าไปในยุโรปตะวันออกมากขึ้น ซึ่งรัสเซียมองว่าเป็นภัยคุกคาม

ในปี 2009 วิกเตอร์ ยานูโควิช ขึ้นเป็นประธานาธิบดียูเครน เขามีนโยบายเป็นกลางที่ทำให้ยูเครนไม่ฝักใฝ่ฝ่ายใด ซึ่งมีส่วนบรรเทาความตึงเครียดในยุโรปตะวันออกลงเนื่องจากชาวยูเครนจำนวนไม่น้อยที่ไม่ต้องการให้เข้าร่วมนาโต้

ต่อมาในปี 2014 สหรัฐมีความพยายามอย่างหนักในการแทรกแซงยูเครนเพื่อโค่นล้มประธานาธิบดียานูโควิช เพื่อหวังขยายอิทธิพลของนาโต้ในยุโรปตะวันออก ซึ่งในเวลานั้นเป็นผลให้รัสเซียตัดสินใจรุกคืบยุโรปกลับด้วยการประกาศผนวกคาบสมุทรไครเมียในปีเดียวกัน

แซคส์อธิบายต่อว่า ในวันที่ 15 ธันวาคม 2021 ปูตินได้ร่างข้อตกลงความมั่นคงรัสเซีย-สหรัฐ ซึ่งเป็นข้อตกลงที่สหรัฐกับรัสเซียจะให้คำมั่นว่าต่างฝ่ายจะไม่ขยายอิทธิพลของตนในยุโรปตะวันออก เพื่อหลีกเลี่ยงสงครามในยูเครน แต่ทำเนียบขาวภายใต้การนำของรัฐบาลโจ ไบเดน ปฏิเสธการเจรจาข้อตกลงดังกล่าว 

ศาสตราจารย์จากฮาร์วาร์ดอธิบายว่า ที่ผ่านมาผู้นำรัสเซียพยายามหลีกการเผชิญหน้าของสองมหาอำนาจ แต่สหรัฐกลับเป็นฝ่ายขยายอิทธิพลในยุโรปตะวันออกเสียเองโดยผ่านทางนาโต้ ซึ่งผลสุดท้ายคือการบีบให้ผู้นำรัสเซียต้องทำสงครามกับยูเครนในที่สุด

เปิดงาน TAIWAN EXPO 2024 ยกขบวน 170 บริษัทชั้นนำ ครบทุกกลุ่มอุตสาหกรรม

(21 พ.ย.67) กรมการค้าระหว่างประเทศ กระทรวงเศรษฐกิจไต้หวัน ร่วมกับสภาส่งเสริมการค้าและการส่งออกไต้หวัน เปิดตัว TAIWAN EXPO 2024 in Thailand อย่างเป็นทางการ ภายใต้แนวคิด 'Advancing Smart New Southbound' โดยงานนี้รวมบริษัทชั้นนำจากไต้หวันกว่า 170 บริษัท แบ่งเป็น 10 โซน และ 6 พื้นที่จัดแสดงหลัก ครอบคลุมหลากหลายด้าน เช่น Smart Manufacturing, Smart Medical, Smart Lifestyle, Circular Economy และ Culture & Tourism  

ภายในงานยังมีการประชุมสัมมนาด้านอุตสาหกรรม กิจกรรมจับคู่ธุรกิจ และโซน TAIWAN SELECT ซึ่งนำเสนออาหารเพื่อสุขภาพและกิจกรรมเชิงวัฒนธรรม เช่น การทำโคมไฟ 12 นักษัตรแบบไต้หวัน และการย้อมสีธรรมชาติจากพืชพื้นเมือง ซึ่งได้รับความสนใจอย่างล้นหลามจากผู้เข้าชมงาน  

นางซินเทีย เจียง อธิบดีกรมการค้าระหว่างประเทศ กระทรวงเศรษฐกิจไต้หวัน กล่าวถึงศักยภาพของประเทศไทยในฐานะจุดหมายสำคัญของการลงทุนจากต่างประเทศ ด้วยตำแหน่งที่ตั้งเชิงกลยุทธ์ สภาพแวดล้อมการลงทุนที่ดี และคลัสเตอร์อุตสาหกรรมที่แข่งขันได้ เธอเน้นว่าไต้หวันมีความเชี่ยวชาญด้านเซมิคอนดักเตอร์ การผลิตอัจฉริยะ การดูแลสุขภาพอัจฉริยะ และเทคโนโลยีสีเขียว ซึ่งจะช่วยสนับสนุนการพัฒนาอุตสาหกรรมของไทย พร้อมสร้างโอกาสความร่วมมือทางเศรษฐกิจและวัฒนธรรม  

นายจาง จวิ้น ฝู ผู้อำนวยการใหญ่ สำนักงานเศรษฐกิจและวัฒนธรรมไทเป ประจำประเทศไทย กล่าวเสริมว่า ความร่วมมือด้านการศึกษาและวัฒนธรรมระหว่างสองประเทศเติบโตอย่างต่อเนื่อง โดยอัตราการแลกเปลี่ยนนักศึกษาไทยในไต้หวันเพิ่มขึ้น 4 เท่าในรอบ 10 ปี ขณะที่นักศึกษาไต้หวันในไทยเพิ่มขึ้นถึง 6 เท่า พร้อมย้ำถึงศักยภาพของทั้งสองประเทศในการเป็นหุ้นส่วนธุรกิจเพื่ออนาคตที่ชาญฉลาดและยั่งยืน  

นายเจมส์ ซี. เฮฟ. ฮวง ประธานสภาส่งเสริมการค้าและการส่งออกไต้หวัน (TAITRA) กล่าวว่า TAIWAN EXPO เป็นเวทีสำคัญในการแสดงเทคโนโลยีและนวัตกรรม โดยในปีนี้มุ่งเน้นด้าน Smart Manufacturing และ Circular Economy ที่จะช่วยสนับสนุนเป้าหมายของไทยในการลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกสุทธิเป็นศูนย์ รวมถึงพัฒนาการรีไซเคิลและบรรจุภัณฑ์เพื่อความยั่งยืน  

ในด้าน Smart Medical โรงพยาบาลชั้นนำของไต้หวัน เช่น Changhua Christian Hospital และ Taipei Wanfang Hospital ได้นำเสนอโซลูชันการแพทย์อัจฉริยะ พร้อมจำลองห้องผู้ป่วยอัจฉริยะที่สะท้อนถึงอนาคตของการดูแลสุขภาพ  

TAIWAN EXPO 2024 มีกิจกรรมพิเศษ อาทิ การสัมมนาด้าน Smart Healthcare และ Circular Economy รวมถึงกิจกรรมจับคู่ธุรกิจและเวิร์กช็อปพิเศษ เช่น การย้อมสีธรรมชาติ นับเป็นอีกหนึ่งช่องทางสำคัญในการสร้างความสัมพันธ์ระหว่างไต้หวันและไทย  

งาน TAIWAN EXPO 2024 in Thailand จัดขึ้นระหว่างวันที่ 21-23 พฤศจิกายน 2567 เวลา 10.00-18.00 น. ณ ฮอลล์ 5 ศูนย์การประชุมแห่งชาติสิริกิติ์ ผู้สนใจสามารถเข้าร่วมงานได้ ฟรี ไม่มีค่าใช้จ่าย!

หมอไทยสุดยื้อ สาวออสซี่เสียชีวิต หลังดื่มเหล้าขาวในลาว ก่อนส่งมารักษาตัวในกรุงเทพฯ

(21 พ.ย.67) สื่อออสเตรเลียรายงานว่า เมื่อช่วงวันอังคารที่ผ่านมา มีนักท่องเที่ยวสาววัยรุ่นชาวออสเตรเลียส่งตัวเข้ารับการรักษาในไทย เนื่องจากสงสัยว่ามีอาการภาวะแอลกอฮอล์เป็นพิษรุนแรง หลังดื่มเครื่องดื่มปนเปื้อนในลาว

รายงานระบุว่า นักท่องเที่ยวสาวอายุวัยเพียง 19 กำลังเดินทางท่องเที่ยวในลาว แต่เกิดล้มป่วยในเมืองวังเวียง ส่งผลให้ครอบครัวประสานงานกระทรวงการต่างประเทศออสเตรเลียเพื่อให้ความช่วยเหลือด้านการแพทย์ นำตัวมาเข้ารับการรักษาตัวยังโรงพยาบาลใน กรุงเทพ ซึ่งครอบครัวของทั้งสองสาวเดินทางมายังกรุงเทพด้วยเพื่อเฝ้าดูอาการ แต่ไม่ได้ให้ข้อมูลอื่น ๆ เพิ่มเติมเนื่องจากเหตุผลความเป็นส่วนตัว

อย่างไรก็ตาม ล่าสุดมีรายงานข่าวว่า บิอังกา โจนส์ หนึ่งในสาววัย 19 ปี ที่ถูกส่งตัวมากรักษาในกรุงเทพได้เสียชีวิตลงแล้วจากภาวะได้รับพิษจากเมทานอล ส่วนเพื่อนของเธอซึ่งอายุ 19 ปีเช่นกัน ยังคงรักษาตัวอยู่ที่โรงพยาบาล

ทั้งนี้ ยังไม่ชัดเจนว่าทั้งสองคนดื่มอะไร แต่บางครั้งเมทานอลถูกนำมาใช้เป็นแอลกอฮอล์ในการผสมเครื่องดื่มตามบาร์ที่ไม่น่าเชื่อถือ  และอาจก่อให้เกิดพิษร้ายแรงหรือเสียชีวิตได้

สื่อออสเตรเลียยังรายงานด้วยว่า มีนักท่องเที่ยวชาวเดนมาร์กเสียชีวิต 2 คน หลังจากดื่มแอลกอฮอล์ปนเปื้อนในเมืองวังเวียง ในช่วงเวลาเดียวกับหญิงชาวออสเตรเลีย แต่ไม่สามารถยืนยันรายละเอียดได้ 

เหตุการณ์ดังกล่าวส่งผลให้มียอดผู้เสียชีวิตจากการสุราเป็นพิษในลาวแล้วทั้งหมด 4 ราย เป็นชาวออสเตรเลีย 1 ราย อเมริกัน 1 ราย และชาวเดนมาร์ก 2 ราย

‘ชัช เตาปูน’ เตรียมแจกข้าวสาร 23 พ.ย.นี้ สืบทอดธรรมเนียมปฏิบัติที่แจกมาตั้งแต่ปี 2522

เมื่อวันที่ (21 พ.ย. 67) นายชัชวาลล์ คงอุดม หรือชัช เตาปูน สส. บัญชีรายชื่อ พรรครวมไทยสร้างชาติ  ได้โพสต์ข้อความเฟซบุ๊ก ระบุว่า ขอเชิญพี่น้องทุกท่านมารับข้าวสารจาก "ชัช เตาปูน"  ในวันเสาร์ที่ 23 พฤศจิกายน 2567 ณ ตลาดคงอุดม ตั้งแต่เวลา 13.00 น. - 15.00 น.  แล้วพบกันครับ

สำหรับธรรมเนียมการแจกข้าวของ นายชัชวาลล์  เริ่มมาตั้งแต่ปี 2522 จนถึงปี 2566 รวม 44 ครั้ง ในปีนี้จะเป็นครั้งที่ 45 และเคยเล่าถึงจุดเริ่มต้นของการแจกข้าวสารว่า ตนตั้งใจถ้ามีเงินว่าจะแจกข้าวสารในวันเกิด พอดีในงานวันเกิดปี 2522 แขกที่มาในงานขอให้ร้องเพลงให้ฟัง 1 เพลงเขาจะบริจาค 50 กระสอบ ซึ่งก็ตรงกับที่เราอยากจะทำ ก็เลยร้องเพลงเขาก็บริจาคมาอีก 50 กระสอบ ส่วนโต๊ะข้าง ๆ ให้มาอีก 150 กระสอบ จึงแข่งกันแจก ในปีนั้นซื้อข้าว 1,700,000 บาท ได้มาจำนวน 40,000 ถุง จึงจัดเป็นประเพณีแจก 40,000 ถุงมาตลอด แต่ในปี 2566 ที่ผ่านมาเหลือเพียง 20,000 ถุง นั่นเพราะตั้งแต่ปี 2550 ราคาข้าวเพิ่มขึ้นมาเรื่อย ๆ จาก 50  เป็น 80 บาท จาก 70 เป็น 130 บาทต่อถุงละ 5 กิโลกรัม จึงใช้เงินซื้อไป 4.3 ล้านบาท ตั้งแต่วันนั้นจึงคิดทำนาเองดีกว่า

"จึงทำนามาตั้งแต่ปี 51 และทำต่อเนื่องมา แจกข้าวมารวมครั้งนี้ 44 ปีตั้งแต่ปี 2522 ซึ่งเป็นความตั้งใจของผมตั้งแต่แรกจึงไม่ติดค้าง ต้องทำทุกปี พอไม่ทำก็ไม่สบายใจ ในช่วงโควิดก็เอาไปแจกเยอะ ใครเดือดร้อนก็นำไปแจก อย่างน้อยมีข้าวกินก็ยังดี และผมก็ทำต่อไปเรื่อย ๆ" นายชัชวาลล์ กล่าว


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top