Thursday, 15 May 2025
Hard News Team

สมาคมตำรวจคัดเลือกพนักงานสอบสวนหญิงดีเด่น ระดับสำนักงานตำรวจแห่งชาติ จำนวน 9 รางวัล เสร็จสิ้นแล้ว เตรียมเสนอเพื่อรับการเชิดชูเกียรติในวันสตรีสากลประจำปี 2568 

เมื่อวานนี้ (22 พ.ย.67) เวลา 17.00 น. พล.ต.อ.วินัย ทองสอง นายกสมาคมตำรวจ ในฐานะประธานคณะอนุกรรมการคัดเลือกพนักงานสอบสวนหญิงดีเด่น ระดับสำนักงานตำรวจแห่งชาติ เพื่อรับการเชิดชูเกียรติในวันสตรีสากล ประจำปี 2568 เปิดเผยว่า สมาคมตำรวจได้จัดการประชุมพิจารณาคัดเลือกพนักงานสอบสวนหญิงดีเด่น ฯ โดยมี พล.ต.อ.รุ่งโรจน์ แสงคร้าม รองนายกสมาคมตำรวจ และ พล.ต.ท.กรไชย คล้ายคลึง ผู้ช่วยผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ เป็นรองประธานอนุกรรมการ นั้น ขณะนี้ได้ผลการคัดเลือกพนักงานสอบสวนหญิงดีเด่น ระดับสำนักงานตำรวจแห่งชาติ เพื่อส่งผลการพิจารณาคัดเลือกให้กรมกิจการสตรีและสถาบันครอบครัว กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ เพื่อรับการเชิดชูเกียรติในวันสตรีสากล ประจำปี 2568 รวมทั้งหมด 9 รางวัล เสร็จสิ้นเรียบร้อยแล้ว ดังนี้

1. รางวัลพนักงานสอบสวนหญิงดีเด่น ระดับรองสารวัตร(สอบสวน) ด้านคดีอาญาทั่วไป จำนวน 3 รางวัล 
อันดับ 1 ได้แก่ ร.ต.อ.หญิง วิภารัตน์ จำเนียรสุข รอง สว.(สอบสวน) สน.พหลโยธิน บก.น.2 บช.น.
อันดับ 2 ได้แก่ ร.ต.อ.หญิง พิชญา กิติสุธาธรรม รอง สว.(สอบสวน) สน.บางนา บก.น.5 บช.น.
อันดับ 3 ได้แก่ ร.ต.อ.หญิง ฉันทรุจี เชื้อกรุงเทพ รอง สว.(สอบสวน) กก.2 บก.ปอท.บช.ก.

2. รางวัลพนักงานสอบสวนหญิงดีเด่น ระดับรองสารวัตร(สอบสวน) ด้านการคุ้มครองสิทธิมนุษยชนแก่เด็กหรือสตรี จำนวน 3 รางวัล 
อันดับ 1 ได้แก่ ร.ต.อ.หญิง วิรัญชนา คำแพง รอง สว.(สอบสวน) สน.ทุ่งมหาเมฆ บก.น.5 บช.น.
อันดับ 2 ได้แก่ ร.ต.ท.หญิง มนต์สินี ทำขวัญ รอง สว.(สอบสวน) สภ.เมืองกำแพงเพชร ภ.6
อันดับ 3 ได้แก่ ร.ต.อ.หญิง กันทิมา หวังรวมกลาง รอง สว.(สอบสวน) กก.3 บก.ปคม.บช.ก.

3. รางวัลพนักงานสอบสวนหญิงดีเด่น ระดับสารวัตร(สอบสวน) ขึ้นไป จำนวน 3 รางวัล 
อันดับ 1 ได้แก่ พ.ต.ท.หญิง สุนันท์ วิทยาภรณ์พงศ์ สว.(สอบสวน) สน.ทุ่งสองห้อง บก.น.2 บช.น.
อันดับ 2 ได้แก่ พ.ต.ท.หญิง สราวลี ศรีเมือง สว.(สอบสวน) กก.2 บก.สอท.3 บช.สอท.
อันดับ 3 ได้แก่ พ.ต.ท.หญิง ณัฐฐาภาณี ดวงดี สว.(สอบสวน) สน.บวรมงคล บก.น.7 บช.น. และ พ.ต.ต.หญิง กมลชนก ตันเอี่ยม สว.(สอบสวน) กก.4 บก.ปคม.บช.ก.

พล.ต.อ.วินัย ฯ กล่าวว่า ขอให้ผู้ที่ได้รับการคัดเลือกเป็นตัวอย่างในการทำงานด้วยความวิริยะ อุตสาหะทำความดี แก่ข้าราชการตำรวจอื่นๆ ต่อไป โดยผู้ที่ได้อันดับ 1 ในแต่ละรางวัล ทั้ง 3 รางวัล จะเสนอชื่อให้กรมกิจการสตรีและสถาบันครอบครัว กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ เพื่อรับการเชิดชูเกียรติในวันสตรีสากล ประจำปี 2568

วุฒิสมาชิก และ นายกสมาคมหนังสือพิมพ์ภาคใต้แห่งประเทศไทย ต้อนรับสื่อมวลชนรัฐเปรัคประเทศมาเลเซีย

เมื่อเวลา 16.00 น. เมื่อวันที่ (21 พ.ย.67) ที่ห้องประชุมชั้น 3 โรงแรมบีพีแกรนด์ทาวเวอร์ อ.หาดใหญ่ จ.สงขลา นายไชยยงค์ มณีรุ่งสกุล วุฒิสมาชิกรัฐสภา และ นายกสมาคมนักหนังสือพิมพ์ภูมิภาคแห่งประเทศไทย นายกสมาคมหนังสือพิมพ์ภาคใต้แห่งประเทศไทย นายอนงค์ วงศ์ช่วย อุปนายกสมาคมหนังสือพิมพ์ภาคใต้ ฯ นายตูแว มือรีงิง กรรมการฝ่ายต่างประเทศ สมาคมนักหนังสือพิมพ์ภาคใต้ฯ ได้ให้การต้อนรับ สื่อมวลชน จากรัฐเปรัฐ ประเทศมาเซีย จำนวน 43 คน ซึ่งนำโดย นายมูฮัมหมัด ฮัมซะห์ บินดาโต๊ะ ฮัจยีมะฮัมดาน สมาชิกสภาเทศบาลนครอีโปห์ และผู้อำนวยการสำนักประชาสัมพันธ์และ สื่อสารมวลชน เทศบาลนครอีโปห์ และนายโรสลี มันโซร์ นายกสมาคมสื่อมวลชนและกีฬารัฐเปรัค ซึ่งเดินทางมาเยือนจังหวัดสงขลา

ทั้งสองฝ่ายได้มีการ เปิดเวที เสวนา เพื่อเป็นการกระชับความสัมพันธ์ ระหว่างสื่อมวลชนของทั้งสองประเทศ ที่มีชายแดนติดกัน และมีการเดินทางไปมาหาสู่ของคนทั้งสองประเทศ โดยการหารือถึงการ แลกเปลี่ยนข้อมูลข่าวสาร เพื่อประโยชน์ของทั้งสองฝ่าย ในด้าน การสื่อสาร การท่องเที่ยว เศรษฐกิจ สังคม การศึกษา วัฒนธรรม เพื่อประโยชน์ของทั้งสองฝ่าย โดยทั้งสองฝ่ายเห็นพ้องต้องกัน ในการที่จะลงนาม เอ็นโอยู เพื่อกระชับความสัมพันธ์ โดยนายมูฮัมหมัดฮัมซะห์ ได้เชิญผู้บริหารสมาคมหนังสือพิมพ์ภาคใต้ ให้เดินทางไปเยือน เมืองอีโปห์ ซึ่งเป็นเมืองหลวงของรัฐเปรัค หลังจากนั้น สมาคมหนังสือพิมพ์ภาคใต้แห่งประเทศไทย ได้เป็นเจ้าภาพในงานเลี้ยงสังสรรค์ เพื่อประชับความสัมพันธ์ โดยมี นายสัมฤทธิ์ บุญรัตน์ รองนายกเทศมนตรี เทศบาลนครหาดใหญ่ ได้ร่วมต้อนรับ และ แลกเปลี่ยนความคิดเห็นในประเด็นความร่วมมือในด้านการท่องเที่ยว

สวนนงนุชพัทยาเปิดเวที CHONBURI PROUD EXPO 2024 หนุน SMEs ชลบุรีสู่ตลาดโลก

กระทรวงพาณิชย์ จัดงาน CHONBURI PROUD EXPO 2024 ณ ศูนย์ประชุมและแสดงสินค้านานาชาตินงนุชพัทยา โดยมุ่งยกระดับศักยภาพผู้ประกอบการ SMEs จังหวัดชลบุรีสู่เวทีโลก โดยได้รับเกียรติจาก นายสุชาติ ชมกลิ่น รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงพาณิชย์ เป็นประธานเปิดงาน พร้อมด้วย นายธวัชชัย ศรีทอง ผู้ว่าราชการจังหวัดชลบุรี นายกัมพล ตันสัจจาประธานสวนนงนุชพัทยา ให้การต้อนรับและร่วมเปิดงาน พร้อมด้วย รองปลัดกระทรวงพาณิชย์ ประธานกรรมการหอการค้าไทยและสภาการค้าแห่งประเทศไทย ประธานหอการค้าจังหวัดชลบุรี ประธานสภาอุตสาหกรรมจังหวัดชลบุรี พาณิชย์จังหวัดชลบุรี หัวหน้าส่วนราชการ ผู้แทนหน่วยงานต่างๆ และคณะผู้บริหารจากภาครัฐและเอกชนร่วมเป็นสักขีพยาน

งานครั้งนี้มีการจัดแสดงสินค้าและบริการสุดพิเศษจากผู้ประกอบการกว่า 100 บูธ ไม่ว่าจะเป็นสินค้านวัตกรรม สินค้าพรีเมียมจากโครงการ CHONBURI PROUD และสินค้าที่ได้รับการรับรองสิ่งบ่งชี้ทางภูมิศาสตร์ (GI) ซึ่งถือเป็นสินค้าคุณภาพที่สะท้อนความภาคภูมิใจของชลบุร

โดยกิจกรรมภายในงานประกอบด้วย การจัดแสดงสินค้านวัตกรรมและสินค้า GI กิจกรรมเจรจาธุรกิจทั้งแบบออนไลน์และออฟไลน์ การเสวนาวิชาการในหัวข้อ 'ชลบุรี โอกาสและความท้าทาย สู่ศูนย์กลางการค้า การลงทุน และโลจิสติกส์ จีน-อาเซียน สำหรับ SMEs'

งาน CHONBURI PROUD EXPO 2024 จะจัดต่อเนื่องไปจนถึงวันที่ 24 พฤศจิกายน 2567 โดยมีเป้าหมายเพื่อส่งเสริม SMEs ให้ก้าวสู่การเป็นศูนย์กลางการค้าและการลงทุนระดับโลก พร้อมผลักดันเศรษฐกิจของประเทศไทยให้เติบโตอย่างยั่งยืน

รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน-รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงพาณิชย์ นั่งเฮลิคอปเตอร์บินตรวจราชการที่ จ.ระยอง รับฟังปัญหาความเดือดร้อนประชาชน

เมื่อเวลา 11.00 น. วันที่ (22 พ.ย.67) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า นายพีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน พร้อมด้วยนายสุชาติ ชมกลิ่น รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงพาณิชย์ และคณะ ได้นั่งเฮลิคอปเตอร์ลงบริเวณสนามหน้าศาลากลาง จ.ระยอง ต.เนินพระ อ.เมือง จ.ระยอง เพื่อตรวจราชการตามภารกิจในหน่วยงานที่กำกับดูแล ประกอบด้วย กระทรวงพลังงาน กระทรวงพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ กระทรวงอุตสาหกรรม และกระทรวงพาณิชย์ โดยรับทราบปัญหาการดำเนินงานของหน่วยงานดังกล่าว โดยมีนายไตรภพ วงศ์ไตรรัตน์ ผวจ.ระยอง พร้อม หน.ส่วนราชการ จ.ระยอง ให้การต้อนรับ

นายพีระพันธุ์ กล่าวว่า การเดินทางมาครั้งนี้ เพื่อมารับทราบปัญหาในการปฏิบัติราชการของหน่วยงานภาครัฐของกระทรวงที่กำกับดูแลว่ามีปัญหาติดขัดเรื่องอะไรบ้าง และประชาชนประสบปัญหาอะไร และต้องการช่วยเหลือด้านใดบ้าง ซึ่งเป็นการเน้นลงพื้นที่ตรวจดูปัญหาประชาชนที่ได้รับความเดือดร้อน จะได้นำไปแก้ปัญหาได้ตรงจุด รวมทั้งการสร้างงานให้ประชาชนมีอาชีพ มีรายได้ เช่น การจัดงานหรือกิจกรรมกระตุ้นเศรษฐกิจในพื้นที่ต่อเนื่องด้วย

‘ซุปเปอร์บอน’ ขึ้นแท่น!! แบรนด์แอมบาสเดอร์ ‘G-SHOCK’ สะท้อนไลฟ์สไตล์!! ฮีโร่นักสู้ ในงานเปิดตัวรุ่น GM-2110D

เมื่อเร็ว ๆ นี้ ‘ซุปเปอร์บอน ซุปเปอร์บอนเทรนนิ่งแคมป์’ เจ้าของเข็มขัดแชมป์โลก ONE คิกบ็อกซิ่ง รุ่นเฟเธอร์เวต (145-155 ป.) เฉพาะกาล ได้รับเกียรติให้เป็นแบรนด์แอมบาสเดอร์คนใหม่ของแบรนด์นาฬิกาชื่อดัง  G-SHOCK รุ่นไอคอนิก G-STEEL GM-2110D Metal Series  (จี-สตีล จีเอ็ม-2110ดี เมทัล ซีรีส์) สี Sky Blue (สกาย บลู) ผ่านแคมเปญใหม่ ‘TOUGH LIKE YOU’ (ทัฟ ไลก์ ยู) โดยมีการจัดงานเปิดตัว ที่โรงแรมเซ็นทาราแกรนด์ เซ็นทรัลพลาซา ลาดพร้าว กรุงเทพฯ เมื่อวันที่ 18 พฤศจิกายน 2567 ที่ผ่านมา

ภายในงานได้รับเกียรติจาก มร.คิคุโอะ อิเบะ (Kikuo Ibe) วิศวกรผู้ออกแบบนาฬิกา G-SHOCK และ มร.ไซโตะ ชินจิ (Shinji Saito) ผู้จัดการทั่วไปและหัวหน้าฝ่ายวางแผนผลิตภัณฑ์ แผนกธุรกิจนาฬิกา มาร่วมให้รายละเอียดเกี่ยวกับแนวคิดการออกแบบนาฬิกาคอลเลกชันใหม่ พร้อมด้วย นายจิติณัฐ อัษฎามงคล ประธาน วัน แชมเปียนชิพ ประเทศไทย มาร่วมแสดงความยินดี 

‘ซุปเปอร์บอน’ ในฐานะแบรนด์แอมบาสเดอร์คนใหม่ล่าสุดของนาฬิกา G-SHOCK รุ่น G-STEEL GM-2110D Metal Series ได้เผยถึงความรู้สึกที่ได้เข้ามาร่วมงานกับทาง G-SHOCK ในครั้งนี้ว่า

G-SHOCK เป็นแบรนด์นาฬิกาที่ขึ้นชื่อเรื่องความแข็งแกร่ง เป็นที่รักของคนทุกเพศทุกวัยทั่วโลกมาอย่างยาวนาน ผมรู้สึกเป็นเกียรติมาก ๆ ที่ได้ร่วมเป็นส่วนหนึ่งของครอบครัว G-SHOCK และดีใจมาก ๆ ที่ได้มีโอกาสร่วมถ่ายทอดคาแรกเตอร์ของ G-SHOCK ผ่านตัวตนและไลฟ์สไตล์ของผม ซึ่งกว่าที่ผมจะมีวันนี้ก็ทุ่มเทฝึกฝนอย่างหนัก เผชิญกับความพ่ายแพ้มาหลายครั้ง มีความคิดที่จะแขวนนวม แต่ด้วยใจสู้ เรียกว่า อึด ถึก ทนไม่ยอมแพ้ ผมเชื่อว่าทุกคนมีเลือดนักสู้ สามารถเป็นฮีโร่ในแบบฉบับของตัวเองได้ครับ

สำหรับ ‘ซุปเปอร์บอน’ ถือเป็นตัวอย่างของนักกีฬาระดับโลกที่เปี่ยมด้วยวินัย ความมุ่งมั่น และจิตวิญญาณแห่งนักสู้ที่ไม่เคยยอมแพ้ จนส่งผลให้เขาประสบความสำเร็จในเวทีระดับสากลมาอย่างยาวนานซึ่งสอดคล้องกับแคมเปญล่าสุดจากทาง G-SHOCK อย่าง ‘TOUGH LIKE YOU’ ที่ต้องการสะท้อนถึงจิตวิญญาณแห่งความแข็งแกร่ง การมุ่งมั่นและทะเยอทะยานในการคว้าชัยชนะด้วยความไม่ย่อท้อของผู้สวมใส่ ผ่านดีไซน์การออกแบบที่โดดเด่นของซีรีส์นาฬิกาโลหะ และร่องรอยที่เกิดจากการใช้งานซึ่งแฝงไปด้วยเรื่องราวต่าง ๆ ของผู้ใช้งาน

นอกจากนี้ทาง G-SHOCK ประเทศไทย ยังร่วมเป็นหนึ่งในพันธมิตรสนับสนุนการแข่งขันของ วัน แชมเปียนชิพ เพื่อสะท้อนคาแรกเตอร์ของ G-SHOCK ที่มีความเป็นสปอร์ต และทนทานอีกด้วย

ทั้งนี้ ‘ซุปเปอร์บอน’ กำลังจะมีคิวขึ้นชกไฟต์สำคัญ เพื่อลุ้นขึ้นแท่นเป็นเจ้าบัลลังก์ 2 กติกา ในศึกรีแมตช์ชิงแชมป์โลก ONE มวยไทย รุ่นเฟเธอร์เวต กับคู่ปรับเก่า ‘ตะวันฉาย พีเค.แสนชัย’ เจ้าของเข็มขัดคนปัจจุบัน ในศึก ONE 170 ณ อิมแพ็ค อารีนา เมืองทองธานี ในวันศุกร์ที่ 24 ม.ค.68 เริ่มคู่แรก 19.30 น.

แฟนกีฬาชาวไทยสามารถจองบัตรเข้าชมในสนามผ่านทาง THAI TICKET MAJOR คู่แรกเริ่มเวลา 19.30 น. รับชมการถ่ายทอดสดทาง ช่อง 7HD กด 35 (ภาษาไทย) เริ่ม 20.30 น. 

รวมทั้งติดตามข่าวสารและความคืบหน้าของศึกนี้ได้ที่เฟซบุ๊ก ONE Championship Thailand เว็บไซต์ ONEFC.com อินสตาแกรม ONEChampTh และ TikTok ONEChampTH

‘MOSHI’ ฉลองครบรอบ 8 ปี สู่การเติบโตอย่างยั่งยืน อัดแคมเปญพิเศษ!! ‘แจกใหญ่ แทนคำขอบคุณ’

(23 พ.ย. 67) นายสง่า บุญสงเคราะห์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท โมชิ โมชิ รีเทล คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) (บริษัทฯ) หรือ MOSHI ผู้นำในธุรกิจร้านค้าปลีกสินค้าไลฟ์สไตล์รายใหญ่ของประเทศไทย เปิดเผยว่า ตลอดระยะเวลาที่ผ่านมา MOSHI ได้แสดงให้เห็นถึงความแข็งแกร่งในการดำเนินธุรกิจท่ามกลางสภาวะเศรษฐกิจที่ท้าทาย ผ่านการยึดมั่นเพื่อขับเคลื่อนการดำเนินงานภายใต้วิสัยทัศน์ ‘มอบความสุขด้วยการสรรค์สร้าง ผลิตภัณฑ์ที่มีดีไซน์เป็นเลิศ’ ด้วยการนำเสนอสินค้าไลฟ์สไตล์ที่มีคุณภาพในราคาย่อมเยาแก่ผู้บริโภค โดยมุ่งเน้นการพัฒนาผลิตภัณฑ์ การทำงานแบบใช้ข้อมูลเป็นหลักสำคัญ และสร้างสัมพันธภาพที่ยั่งยืนกับพันธมิตร ตลอดระยะเวลา 8 ปีในการก่อตั้งมา ถือเป็นสิ่งที่ยืนยันได้ว่าสินค้าของเราเป็นที่ยอมรับและอยู่ในใจของผู้บริโภค ส่งผลให้ธุรกิจมีการเติบโตอย่างต่อเนื่อง และบริษัทฯ ยังคงมุ่งมั่นพัฒนาและสร้างสรรค์ผลิตภัณฑ์ใหม่ ๆ ให้สามารถตอบสนองความต้องการของผู้บริโภคที่ไม่หยุดนิ่ง และสร้างความพึงพอใจในสินค้าและบริการ เพื่อการเติบโตอย่างยั่งยืน ตอกย้ำการเป็นผู้นำในธุรกิจร้านค้าปลีกสินค้าไลฟ์สไตล์รายใหญ่ของประเทศไทย

ทั้งนี้ ด้วยศักยภาพในการเติบโตอย่างแข็งแกร่ง บริษัทฯ ได้ตั้งเป้าหมายการเติบโตเฉลี่ยของรายได้ (CAGR) ตลอดระยะ 3 ปี (2566-2568) เติบโตไม่ต่ำกว่า 15-20% โดยอัตราการเติบโตมาจากยอดขายจากร้านสาขาใหม่ และยอดขายจากสาขาเดิม ผ่านกลยุทธ์สำคัญต่างๆ ได้แก่ การขยายสาขาอย่างต่อเนื่องในพื้นที่ที่มีศักยภาพ การปรับสัดส่วนผลิตภัณฑ์ให้สอดคล้องกับความต้องการของตลาด และการสร้างสรรค์ผลิตภัณฑ์ Collaboration ที่โดดเด่นเพื่อสร้างสีสันให้กับผู้บริโภค รวมถึงการได้รับแรงสนับสนุนจากปัจจัยพื้นฐานทางเศรษฐกิจที่ฟื้นตัว และการกลับมาของภาคการท่องเที่ยวและการบริโภคภายในประเทศ 

ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร MOSHI กล่าวเพิ่มว่า แม้อุตสาหกรรมธุรกิจสินค้าไลฟ์สไตล์ในประเทศไทยมีแนวโน้มการแข่งขันที่เพิ่มสูงขึ้น ทั้งจากการปรับตัวของคู่แข่งรายเดิม และการเข้ามาของผู้ประกอบการรายใหม่ อย่างไรก็ตาม บริษัทฯ ประเมินว่าตลาดยังคงมีศักยภาพในการเติบโต และมีความเชื่อมั่นในขีดความสามารถทางการแข่งขันของบริษัทฯ ที่มีความได้เปรียบในการแข่งขันจากการนำเสนอผลิตภัณฑ์ที่มีเอกลักษณ์เฉพาะตัว ทั้งในด้านการออกแบบที่ทันสมัยและการมีสินค้าลิขสิทธิ์ ซึ่งสามารถจำหน่ายเฉพาะที่ร้าน Moshi Moshi เท่านั้น ซึ่งบริษัทฯ ได้ให้ความสำคัญกับการรักษามาตรฐานคุณภาพของสินค้าและการกำหนดราคาที่เข้าถึงได้ นอกจากนี้ บริษัทฯ มีแผนการเติบโตผ่านการขยายช่องทางการจัดจำหน่ายให้ครอบคลุมทั่วประเทศด้วยการเปิดสาขาใหม่ ซึ่งจะเป็นหนึ่งในปัจจัยสำคัญที่จะช่วยเสริมสร้างความสามารถในการแข่งขัน อย่างยั่งยืน

สะท้อนผลการดำเนินงานที่โดดเด่นในไตรมาส 3/2567 (กรกฎาคม-กันยายน) บริษัทฯ มีรายได้จากการดำเนินงาน 735.77 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 25.8% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน ที่มีรายได้ 585.09 ล้านบาท นับว่าเป็นผลการดำเนินงานที่ทำได้สูงสุดเมื่อเทียบกับไตรมาสอื่นๆ ของปี สนับสนุนให้ผลการดำเนินงานในงวด 9 เดือนแรกของปี 2567 (มกราคม-กันยายน) บริษัทฯ มีรายได้รวม 2,076.47 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 18.7% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน ที่มีรายได้รวม 1,749.75 ล้านบาท และสามารถทำกำไรสุทธิได้ 314.74 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 23.8% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน ที่มีกำไรสุทธิ 254.24 ล้านบาท แม้จะเข้าสู่ช่วง Low Season ของธุรกิจ แต่บริษัทฯ ยังสามารถรักษาผลประกอบการให้อยู่ในระดับที่ดี นับเป็นการทำผลงานทั้งรายได้และกำไรสูงสุดเป็นประวัติการณ์ (New High) ทั้งนี้ ผลเติบโตหลักมาจากความสำเร็จในการขายสินค้าลิขสิทธิ์ ที่ได้รับความนิยมสูง อีกทั้ง บริษัทฯ ได้เพิ่มความหลากหลายของสินค้าใหม่ไม่ต่ำกว่า 5,000 SKUs ซึ่งสะท้อนถึงความสำเร็จในการขยายฐานลูกค้าทั้งในประเทศและต่างประเทศ นอกจากนี้ ยังได้เริ่มรับรู้รายได้จากการร่วมทุน (JV) เพื่อจัด Exhibition ของ Hello Kitty และ Sanrio Characters อีกด้วย

สำหรับ ในช่วงที่เหลือของปี 2567 บริษัทฯ ยังคงเดินหน้าขยายฐานลูกค้าใหม่ ผ่านช่องทางออนไลน์และออฟไลน์ โดยเตรียมพร้อมสินค้าใหม่ เพื่อสร้างสีสันใหม่ๆ ให้กับตลาด รวมถึงมุ่งเติมเต็มความต้องการของลูกค้าเป็นหลัก พร้อมวางแผนที่จะขยายเครือข่ายร้านสาขาต่อเนื่องไปตามการขยายตัวของชุมชน แหล่งท่องเที่ยว และทำเลที่มีศักยภาพอื่นๆ เพื่อตอบโจทย์กับพฤติกรรมผู้บริโภคและอำนวยความสะดวกและเข้าถึงลูกค้าให้ได้มากที่สุด โดยวางแผนที่จะลงทุนเปิดร้านสาขาใหม่อีก 6 สาขา ภายในไตรมาส 4/2567 ส่งผลทำให้บริษัทฯ มีสาขารวมทั้งสิ้น 34 สาขาในปีนี้ โดยเป็นสาขาภายใต้แบรนด์ MOSHI ทั้งหมด ครอบคลุม 62 จังหวัดทั่วประเทศ

นอกจากนี้ เนื่องในโอกาสพิเศษ เฉลิมฉลองการครบรอบ 8 ปี ของ Moshi Moshi เพื่อแสดงความขอบคุณต่อความรักและการสนับสนุนจากลูกค้าที่มีให้ตลอด 8 ปีที่ผ่านมา บริษัทฯ ได้จัดแคมเปญพิเศษ ‘แจกใหญ่ แทนคำขอบคุณ’ ร่วมลุ้นเป็นผู้โชคดีกับ Moshi Moshi เพียงช้อปสินค้าทุกๆ 299 บาท รับ 1 สิทธิ์ลุ้นรับรางวัล ได้แก่ รางวัลใหญ่รถยนต์ Honda City e:HEV SV, รถจักรยานยนต์ YAMAHA Grand Filano Hybrid Connected,  โทรศัพท์มือถือ iPhone 16 Promax,  ทองคำแท่ง 1 บาท และ Gift Voucher มูลค่ารวมกว่า 1 ล้านบาท แค่เพียงช้อปสินค้าที่ร้าน Moshi Moshi (ยกเว้นสาขาสำเพ็ง และ Platinum) หรือช่องทาง Shopee ของ Moshi Moshi Official Store: https://shope.ee/AUPaW9eNKG ระยะเวลาในการซื้อสินค้า เริ่มตั้งแต่วันที่ 1 พ.ย. – 31 ธ.ค. 2567 

สำหรับผู้ที่สนใจสามารถดูรายละเอียดกิจกรรมและลงทะเบียนได้ที่ LINE Official Moshi Moshi: @moshimoshi.jp หรือติดตามโปรโมชันอื่นๆ เพิ่มเติมได้ที่ Facebook Fanpage Moshi Moshi: https://www.facebook.com/moshimoshi.jp 

‘ผู้ว่าฯ ชัชชาติ’ เจอ!! ‘พิธา’ โดยบังเอิญ ขณะปั่นจักรยาน เลียบริมคลองแสนแสบ

เมื่อวานนี้ (22 พ.ย. 67) นายชัชชาติ สิทธิพันธุ์ ผู้ว่าฯ กทม. ไลฟ์สดผ่านเฟซบุ๊ก ‘ชัชชาติ สิทธิพันธุ์’ ขณะออกจากบ้านย่านทองหล่อเพื่อไปประชุมที่ มศว.ประสานมิตร ด้วยการปั่นจักรยานเลียบคลองแสนแสบ โดยในระหว่างทักทายประชาชนริมทางไปด้วย แต่ที่เซอร์ไพรส์ คือเจอกับ ‘พิธา ลิ้มเจริญรัตน์’ ที่ปั่นจักรยานไปส่งลูกเหมือนกัน

‘เหล้าเถื่อน’ ใน ‘ลาว’ กำลังระบาดหนัก ‘ออสเตรเลีย’ เตือน!! นักท่องเที่ยวให้ระวัง

เมื่อวานนี้ (22 พ.ย. 67) ออสเตรเลียเตือนนักท่องเที่ยวให้ระวังการดื่มสุราปนเปื้อนเมทานอลในสปป.ลาว หลังวัยรุ่นออสเตรเลีย 1 รายเสียชีวิต หลังดื่มสุราปนเปื้อนที่วังเวียง เป็นชาวต่างชาติรายที่ 4 ที่เสียชีวิตจากเหตุการณ์ดังกล่าว 

นายกรัฐมนตรีแอนโทนี อัลบานีส ของออสเตรเลีย แถลงว่า บิอังกา โจนส์ วัยรุ่นออสเตรเลียวัย 19 ปี เสียชีวิตเมื่อวานนี้ (พฤหัสบดี) หลังจากดื่มเหล้าผสมเมทานอลในสปป.ลาว ซึ่งถือเป็นชาวต่างชาติรายที่ 4 แล้วที่สงสัยเสียชีวิตในเหตุการณ์ดื่มเหล้าเถื่อนในลาว 

เมืองวังเวียง แหล่งท่องเที่ยวสำคัญของลาว ห่างจากกรุงเวียงจันทน์ ไปทางเหนือประมาณ 2 ชั่วโมง ซึ่งวัยรุ่นออสเตรเลียหลายคนเดินทางไปเที่ยวก่อนล้มป่วยหนัก  เผยให้เห็นเมืองนี้คึกคักไปด้วยนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติ และนักท่องเที่ยวแบ็คแพ็คเกอร์ที่มาร่วมทำกิจกรรมกลางแจ้งต่าง ๆ 

โจนส์ ล้มป่วยในวังเวียงเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว และจากนั้นก็ถูกส่งตัวมายังจังหวัดอุดรธานี เพื่อรักษาต่อ ขณะที่ฮอลลี โบวลส์ เพื่อนของเธอในวัย 19 ปีอีกราย ยังรักษาตัวอยู่ที่ไทยเช่นกัน ตามการเปิดเผยของครอบครัวที่ระบุว่าเธอยังอยู่อาการขั้นวิกฤต

ทั้งนี้ เชื่อว่าโจนส์และโบวลส์ ดื่มสุราปนเปื้อนเมทานอล ซึ่งมักใช้เป็นส่วนผสมแทนเอธานอลในราคาที่ถูกกว่า แต่อาจทำให้เกิดอาการป่วยหนักหรือเสียชีวิตได้ และทางออสเตรเลียออกคำเตือนนักท่องเที่ยวให้ระวังการดื่มสุราปนเปื้อนในลาวแล้ว

ทางการไทยยืนยันว่า โจนส์ เสียชีวิตเนื่องจาก ‘ภาวะสมองบวมเพราะมีระดับเมทานอลในระบบร่างกายสูง’

สุราปนเปื้อนเริ่มกลายเป็นประเด็นขึ้นมา หลังจากหญิงออสเตรเลีย 2 รายล้มป่วยเมื่อ 13 พฤศจิกายน หลังออกไปดื่มกับกลุ่มเพื่อนที่นั่น และการเสียชีวิตของโจนส์ ถือเป็นนักท่องเที่ยวรายที่ 4 ที่เสียชีวิตเพราะดื่มสุราปนเปื้อนในวังเวียง

ทางการออสเตรเลีย ระบุว่า ‘นักท่องเที่ยวต่างชาติหลายราย’ ต่างเป็นเหยื่อของสุราปนเปื้อนเมทานอลนี้ กระทรวงต่างประเทศสหรัฐฯ ยืนยันแล้วว่ามีชาวอเมริกัน 1 รายเสียชีวิตที่วังเวียง และกระทรวงต่างประเทศเดนมาร์ก ยืนยันว่ามีพลเมือง 2 รายเสียชีวิตในเหตุการณ์นี้เช่นกัน

นอกจากนี้ กระทรวงต่างประเทศนิวซีแลนด์ เผยเมื่อวันพฤหัสบดีว่า มีพลเมือง 1 รายล้มป่วยในลาว และคาดว่าอาจเป็นเหยื่อของสุราปนเปื้อน พร้อมทั้งออกคำเตือนการเดินทางของพลเมืองนิวซีแลนด์ที่ไปเยือนลาวให้ระมัดระวังในการดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ ซึ่งอาจมีการปนเปื้อนเมทานอลในลาวด้วยเช่นกัน

Cat on the Roof นำย่าน ‘เจริญกรุง’ คว้าแชมป์!! ประกวด ‘ออกแบบบอร์ดเกม’ สะท้อน!! วิถีชีวิตคนไทยที่มีอัตลักษณ์ โดดเด่นด้านวัฒนธรรม ในย่านตึกเก่า

เมื่อเร็ว ๆ นี้ ที่ศูนย์การค้าเซ็นทรัลเวิลด์ เขตปทุมวัน กรมส่งเสริมวัฒนธรรม (สวธ.) ร่วมกับสมาคมบอร์ดเกมประเทศไทย และพันธมิตร ได้ประกาศผลการประกวดออกแบบบอร์ดเกม Thailand Board Game Design Contest 2024 (TBDC 2024) ครั้งที่ 1 ในหัวข้อ : บอร์ดเกมเพื่อส่งเสริมสถานที่ท่องเที่ยวเชิงวัฒนธรรมเพื่อเล่าเรื่องราวของ กทม. โดยนำพื้นที่ใน 4 ย่านคือจตุจักร, เสาชิงช้า, เยาวราช และเจริญกรุง มาเป็นหัวข้อหลักในการสื่อสารฯ ปรากฏผลผู้ชนะอันดับ 1 ได้แก่เกม Cat on the Roof จากทีม MISCELLANEOUS โดยนายพลสิทธิ์ แซ่เฮ้ง และนายวุฒิไกร วาทิตเมธี ซึ่งได้นำย่านเจริญกรุงมาออกแบบจนคว้าชัยชนะ  ซึ่งหลังจากนี้จะได้นำผลงานไปผลิตและเผยแพร่ พร้อมนำไปจัดแสดงในงานบอร์ดเกมระดับโลก ที่ประเทศเยอรมัน ในปี 68

นายประสพ เรียงเงิน อธิบดีกรมส่งเสริมวัฒนธรรม กระทรวงวัฒนธรรม ได้กล่าวว่า การประกวดออกแบบบอร์ดเกมฯ ในครั้งนี้ จัดขึ้นด้วยความร่วมมือของสถาบันอุทยานการเรียนรู้ TK Park, คณะอนุกรรมการขับเคลื่อนอุตสาหกรรมด้านเกม, สมาคมผู้ผลิตและออกแบบบอร์ดเกม และสมาคมบอร์ดเกมประเทศไทย โดยมีเป้าหมายการสื่อสารถึงคุณค่าของสถานที่ท่องเที่ยวเชิงวัฒนธรรม ใน 4 ย่านสำคัญของ กทม. ที่ประกอบด้วยย่านจตุจักร, เสาชิงช้า, เจริญกรุง และเยาวราช ซึ่งถือเป็นย่านที่เป็นที่รู้จัก และมีอัตลักษณ์ที่สะท้อนวิถีชีวิตของไทย นำมาสื่อสารผ่านบอร์ดเกมที่เป็นสื่อที่คนในยุคปัจจุบันให้ความสนใจ โดยมุ่งหวังว่านอกจากจะเป็นการสื่อสารถึงคุณค่าของสถานที่ท่องเที่ยวเชิงวัฒนธรรมที่สอดคล้องกับนโยบาย Soft Power แล้ว ยังจะเป็นการผลักดันให้เกิดนักสื่อสารเชิงวัฒนธรรมที่สามารถหยิบเรื่องราวของไทยมาสื่อสารผ่านสื่อในรูปแบบที่ทันสมัยมากขึ้น โดยหลัง จากนี้จะได้ขยายผลโดยผลงานของผู้ชนะเลิศจะถูกนำไปผลิต และเผยแพร่ให้ทดลองเล่นตามแหล่งเรียนรู้ต่าง ๆ เช่น อุทยานการเรียนรู้ TK Park ฯลฯ นอกจากนี้หน่วยงานที่เป็นผู้ร่วมขับเคลื่อนคือสมาคมบอร์ดเกมประเทศไทย ก็ได้มีแผนในการนำเกมที่ชนะการประกวดไปจัดแสดงที่งานบอร์ดเกมระดับโลก (Spiel 2025) ประเทศเยอรมนีในปี 2568

ด้าน นายพนม ศิริมงคลสกุล ผู้ดูแลโครงการฯ กล่าวเพิ่มเติมว่า ในการประกวดฯ ครั้งนี้ มีผู้สนใจส่งผลงานเข้าร่วมจำนวน 121 ทีม เพื่อชิงรางวัลมูลค่ารวม 320,000 บาท หลังจากคัดเลือกเหลือ 16 ทีม ก็ได้นำไปทำกิจกรรม Workshop ร่วมกัน โดยจากการตัดสินของคณะกรรมการได้ผลดังนี้ 

1) ผู้ชนะการประกวดอันดับ 1 ได้แก่เกม Cat on the Roof จากทีม MISCELLANEOUS โดยนายพลสิทธิ์ แซ่เฮ้ง และนายวุฒิไกร วาทิตเมธี คว้าเงินรางวัล 100,000 บาท และงบผลิตบอร์ดเกม 60,000 บาท โดยได้นำย่านเจริญกรุงมาออกแบบ มีแนวคิดให้ผู้เล่นเป็นแมวที่อาศัยอยู่ในย่านเจริญกรุง ออกเดินทางท่องเที่ยวสำรวจไปในย่านตึกเก่า และสถานที่ต่างๆ 

2) ผู้ชนะการประกวดอันดับ 2 ได้แก่เกม Chatuchak Shop & Stuff จากทีมบุรินทร์ โดยนายบุรินทร์ มงคลสวัสดิกุล, นายธีรภัทร ประภัศร และคุณณัฏฐนิชา สาระ ซึ่งได้นำย่านจตุจักรมาออกแบบ โดยมีแนวคิดที่ให้ผู้เล่นเป็นนักท่องเที่ยวต่างชาติมาซื้อของ และของฝากในตลาดจตุจักร 

3) ผู้ชนะการประกวดอันดับ 3 ได้แก่เกมโล้ศิวะ จากทีม Unplugged Fun โดยนายธันยา นวลละออง และนางวินิทรา นวลละออง ซึ่งได้นำย่านเสาชิงช้ามาออกแบบ โดยมีแนวคิดจากพิธีตรียัมปวายในการโล้ชิงช้ามาจัดทำเป็นเกม 

4) ผู้ชนะการประกวดอันดับ 4 ได้แก่ เกม 1 Day Trip จากทีม Sci Whale SRC โดยนายวิศวัฒน์ สกุลศักดิ์นิมิตร, นายณัฐพล เขียวพิมพ์ และนายณัฐวุฒิ แก้วคำน้อย นำย่านเสาชิงช้ามาออกแบบ โดยมีแนวคิดเอาแผนที่ย่านเสาชิงช้าและร้านอาหารต่างๆ รวมถึงเวลาเปิดปิดจริงมาใส่เข้าในเกม 

โดยภายในงานประกาศผลฯ ยังได้จัดให้มีนิทรรศการแสดงผลงานบอร์ดเกมที่เข้ารอบ และเปิดให้ผู้สนใจเข้าร่วมทดลองเล่นบอร์ดเกม จากผลงานของทั้ง 16 ทีม, การเสวนาบนเวที 2 หัวข้อคือ 1) Lookback การพัฒนาบอร์ดเกมเพื่อเข้าประกวด กับตัวแทนผู้เข้าประกวด Thailand Board Game Design Contest 2024 ที่จะมาแชร์ Trick/Technique สำหรับผู้สนใจงานออกแบบบอร์ดเกมเชิงวัฒนธรรม และประสบการณ์จากการประกวดฯ และ 2) บอร์ดเกมในฐานะสินค้าเพื่อสื่อสาร Story เป็นเรื่องการสร้างจุดเด่นบอร์ดเกมที่มากกว่าสนุกสนาน การเติมเรื่องราวที่น่าสนใจสอดแทรกคุณค่าเชิงวัฒนธรรมที่เป็นเอกลักษณ์เฉพาะ จากนักออกแบบ, ค่ายเกมที่ส่งเกมไทยไปต่างประเทศ และ YouTuber ผู้เล่าเรื่องราวเกร็ดประวัติศาสตร์ที่น่าสนใจในบอร์ดเกม

สำหรับผู้สนใจที่ต้องการทราบรายละเอียดเพิ่มเติม สามารถติดตามข่าวสารหรือผลของการแข่งขัน ได้ที่ Facebook เพจ TBDC : Thailand Board Game Design Contest ได้ตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป

เด็กไทยเก่ง โชว์!! ความเป็นเลิศทาง ‘วิทยาศาสตร์ – คณิตศาสตร์’ คว้า 36 เหรียญรางวัล โอลิมปิกวิชาการ ASMOPSS ที่ ‘อินโดนีเซีย’

(23 พ.ย. 67) กองทัพนักเรียนผู้แทนจากโครงการ ASMOPSS THAILAND ที่ไปแข่งขันโอลิมปิกวิชาการ ความเป็นเลิศทางวิทยาศาสตร์และคณิตศาสตร์ ระดับนานาชาติ ในโครงการ ASMOPSS (Asian Science And Mathematics Olympiad for Primary And Secondary Schools) ครั้งที่ 14 ณ เมืองบาญูวางี จังหวัดชวาตะวันออก ประเทศอินโดนีเซีย ทั้งระดับประถมศึกษาและมัธยมศึกษาตอนต้น จำนวน 28 คน เดินทางกลับถึงประเทศไทย โดยมีสื่อมวลชน ผู้ปกครอง และผู้เกี่ยวข้องให้การต้อนรับ ณ สนามบินดอนเมืองอย่างอบอุ่น

สำหรับการแข่งขันในปีนี้ นักเรียนผู้แทนจากประเทศไทยที่ผ่านการคัดเลือกจากนักเรียนทั่วประเทศได้เข้าร่วมการแข่งขันทั้งหมดจำนวน 28 คน และได้รับรางวัลกลับมาให้ชาวไทยได้ชื่นชมจำนวน 36 รางวัล แบ่งเป็น รางวัลประเภทบุคคล 28 รางวัล ได้แก่ 10 เหรียญทอง, 12 เหรียญเงิน , 6 เหรียญทองแดง และ รางวัลประเภททีม 8 รางวัล ได้แก่ รางวัลชนะเลิศอันดับ 1 จำนวน 1 รางวัล , รางวัลรองชนะเลิศอันดับ 1 จำนวน 4 รางวัล , รางวัลรองชนะเลิศอันดับ 2 จำนวน 3 รางวัล โดยโครงการ ASMOPSS ครั้งที่ 14 นี้ได้จัดขึ้นระหว่างวันที่ 11 – 16 พฤศจิกายน พ.ศ.2567 ที่ผ่านมา

นางสาวพรพัชร แผลงเดช ประธานโครงการ ASMOPSS THAILAND กล่าวถึงความสำเร็จในครั้งนี้ว่า สำหรับปีนี้ถือเป็นความภาคภูมิใจเป็นอย่างยิ่งที่เราส่งนักเรียนผู้แทนเข้าแข่งขันจำนวน 28 คน น้องๆได้รับรางวัลประเภทบุคคลและประเภททีมครบทุกคน อีกทั้งประเทศไทยยังเป็นประเทศที่ได้รับรางวัลมากที่สุดของการแข่งขันในครั้งนี้ 

นายธนากร แผลงเดช (นายกสมาคมผู้บริหารสถานศึกษาเอกชนนอกระบบ ผู้บริหารโรงเรียนกวดวิชาเอซายน์ ในฐานะที่ปรึกษาโครงการแอสมอพส์) กล่าวถึงการเตรียมความพร้อมในครั้งนี้ว่า ในฐานะที่เป็นหัวหน้าทีมวิชาการ รู้สึกภูมิใจเป็นอย่างยิ่งกับสิ่งที่ น้อง ๆ ตั้งใจทำ เพราะกว่าจะมีวันนี้ทุกคนได้ผ่านการคัดเลือกกันอย่างเข้มข้นทั้ง 2 รอบ หลังจากนั้นเราได้จัดติวอย่างเป็นระบบจากทีมครูมืออาชีพและรุ่นพี่ ๆ อดีตผู้แทนประเทศเพื่อสร้างวัฒนธรรมความช่วยเหลือกันและกันส่งต่อจากรุ่นสู่รุ่น รวมทั้งการจัดทีมผสมระหว่างผู้แทนวิทยาศาสตร์และคณิตศาสตร์เพื่อแข่งประเภททีม 

ซึ่งการที่เด็ก ๆมาจากหลากหลายพื้นที่ทั่วประเทศไทย ไม่ใช่เรื่องง่ายที่จะสามารถมารวมทีมกันและทำงานร่วมกันได้อย่างดีเยี่ยมขนาดนี้ ต้องขอขอบคุณเด็ก ๆ เป็นอย่างมากที่ทำให้ประเทศไทยมีทีมที่แข็งแกร่ง สามารถสร้างชื่อเสียงให้ประเทศได้เป็นอย่างดี นอกจากนี้ในทุกครั้งที่ไปแข่งขัน เราจะนำวัฒนธรรมความเป็นไทยไปแสดง โดยในปีนี้มีเรานำการแสดงแฟชั่นโชว์ชุดไทยทุกสมัยและชุดไทยประจำท้องถิ่นไปจัดแสดงบนเวทีในคืนแสดงวัฒนธรรมให้ผู้เข้าร่วมงานได้ชมโดยนักเรียนผู้แทนประเทศร่วมกับผู้ปกครองร่วมเดินอย่างเต็มภาคภูมิ และที่สำคัญคือชุดการแข่งขัน ASMOPSS ในปีนี้เราออกแบบโดยใช้ลายไทยผสมผสานไปกับแฟชั่นยุคใหม่ทำให้สามารถสื่อถึงเอกลักษณ์ความเป็นไทยที่ชัดเจน โดยเราต้องการแสดงให้เห็นว่า Soft Power นั้นสามารถแทรกซึมได้ในทุก ๆ เหตุการณ์ให้ผู้คนรับรู้อย่างเต็มใจเกิดการยอมรับและสามารถสร้างมูลค่าทางเศรษฐกิจได้ ซึ่งผ่านการถ่ายทอดจากความรู้ความสามารถ และเอกลักษณ์ความเป็นไทย เข้าไว้ด้วยกัน ซึ่งเด็ก ๆ สามารถทำได้อย่างดีเยี่ยม ทุก ๆ คนที่เห็นต่างชื่นชม

นางมัญชุมาศ บุญชู โกคิง ประธานคณะกรรมการประสานและส่งเสริมการศึกษาเอกชนนอกระบบกรุงเทพมหานคร และอุปนายกสมาคม APANE กล่าวเพิ่มเติมว่า ในฐานะของผู้ส่งเสริมการศึกษาเอกชนนอกระบบ สำหรับความสำเร็จในวันนี้ก็คือสิ่งที่พิสูจน์ให้เห็นว่า ทั้ง ครู และโค้ช ได้ใช้ความรู้ ความเชี่ยวชาญ สอนเด็กด้วยความตั้งใจ สามารถทำให้เด็กมีศักยภาพเพิ่มขึ้น เรียนอย่างมีความสุข ตามนโยบายของรัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ สิ่งนี้เสมือนผลลัพธ์หลังจากที่เด็ก ๆ ได้รู้ว่าตัวเองชอบอะไร อยากทำอะไร และมีเป้าหมายร่วมกัน โดยมีครูและโค้ชเป็นผู้ใช้กระบวนการตั้งคำถามและสะท้อนความคิด จนได้รับชัยชนะและประสบความสำเร็จ นำชื่อเสียงสู่ประเทศไทย อยากให้ความสำเร็จในวันนี้เป็นแรงขับเคลื่อนในโรงเรียนทุกโรงเรียน และสังคม ร่วมกันมอบโอกาส ส่งเสริม สนับสนุนเยาวชนตัวอย่างในสิ่งที่พวกเขาได้ลงมือทำ สู่ความสำเร็จ เป็นแบบอย่าง แก่เยาวชนรุ่นต่อ ๆ ไป 

สำหรับโครงการ ASMOPSS THAILAND เป็นการร่วมมือกันระหว่าง โรงเรียนกวดวิชาเอซายน์ ซึ่งเป็นโรงเรียนเอกชนนอกระบบ ภายใต้การควบคุมของกระทรวงศึกษาธิการ ร่วมกับ บริษัท ไมราห์ อินเตอร์ กรุ๊ป จำกัด ซึ่งเป็นผู้ได้รับสิทธิ์ให้จัดการแข่งขันเพื่อคัดเลือกนักเรียนผู้แทนประเทศไทยเข้าร่วมการแข่งขันระดับนานาชาติ ในโครงการ ASMOPSS (แอสมอพส์) ซึ่งเป็นโครงการแข่งขันวิชาการเพื่อส่งเสริมความเป็นเลิศด้านวิทยาศาสตร์ คณิตศาสตร์ และภาษาอังกฤษ ระดับนานาชาติ สำหรับนักเรียนชั้นประถมศึกษาและมัธยมศึกษา โดยเน้นทักษะการแก้ปัญหาอย่างสร้างสรรค์ ใช้ความรู้วิทยาศาสตร์และคณิตศาสตร์เป็นฐาน ตลอดทั้งทักษะต่างๆ เช่น ทักษะด้านภาษาอังกฤษ เป็นต้น ที่ได้ความร่วมมือจาก 10 ประเทศ ได้แก่ ประเทศไทย อินโดนีเซีย ฟิลิปปินส์ มาเลเซีย เวียดนาม ทาจิกิสถาน กัมพูชา ปากีสถาน ซาอุดิอาระเบีย และเขตปกครองพิเศษฮ่องกง

การแข่งขันวิทยาศาสตร์ – คณิตศาสตร์ระดับนานาชาติ ASMOPSS (แอสมอพส์) จัดขึ้นเป็นประจำทุก ๆ ปี โดยโครงการ ASMOPSS THAILAND เป็นผู้จัดสอบเพื่อคัดเลือกนักเรียนรอบแรก (รอบประเทศ) สมัครช่วงเดือนพฤษภาคม และจัดสอบเดือนสิงหาคมของทุกปี ส่วนรอบสอง (รอบคัดเลือกผู้แทนประเทศ) คัดเลือกจากนักเรียนที่ผ่านเข้ารอบตามเกณฑ์มาตรฐานระดับนานาชาติของ ASMOPSS เท่านั้น เพื่อคัดเลือกเป็นผู้แทนของประเทศไทย 

ผู้ที่สนใจสามารถติดตามข่าวสารจากโครงการ ASMOPSS THAILAND ได้ที่ Facebook : ASMOPSS THAILAND , Line Official : @asmopss.thailand หรือทางhttps://asmopssthailand.com


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top