Friday, 9 May 2025
Hard News Team

ขณะที่คนไทยจำนวนหนึ่งเชื่อมั่นว่าการขับเคลื่อนด้วยการด่าทำให้สังคมไทยดีขึ้น แต่มันเป็นแบบนั้นจริงหรือ?

เมื่อวันที่ 11 กรกฎาคม สำนักข่าว The Straits Times ของสิงคโปร์รายงานข่าวว่า "บุคลากรแพทย์ไทยหลายร้อยคนติดเชื้อทั้ง ๆ ที่ฉีดวัคซีนชิโนแวค โควิด-19" พร้อมกับโปรยหัวข่าวในเฟซบุ๊คของสำนักข่าวว่า "บุคลากรทางการแพทย์ของไทยที่ได้รับ Sinovac จำนวน 2 โดส ติดเชื้อจำนวน 618 จาก 677,348 คน"

ข่าวเดียวกันนี้ปรากฎขึ้นที่ไทยก่อน แน่นอนว่าในโลกโซเชียลของไทยนั้นด่าแบบเสียผู้เสียคนทั้งวัคซีนจีนและคนนำเข้าวัคซีนเข้ามา (รัฐบาล) รวมถึงคนที่เสนอข้อมูลเรื่องวัคซีนจีนคือ "หมอยง" ศ. นพ. ยง ภู่วรวรรณ ยังถูกคนมือบอนแก้ไขข้อมูลประวัติในวิกิพีเดียของคุณหมอว่าเป็น "เซลล์แมนของซิโนแวค"

ขณะที่ไทยหัวหมุนกับเกมการเมืองเรื่องวัคซีน และพยายาม "ขับเคลื่อนประเทศด้วยการด่า" อย่างที่อินฟลูเอนเซอร์บางคนคุยโว ในช่องความเห็นของ The Straits Times นั้นไปคนละทางกับไทย เช่น

Jonathan Tan บอกว่า "600 เคสจาก 677,000 น้อยกว่า 0.1% นี่ก็ดีอยู่แล้วไม่ใช่หรือ? แต่พาดหัวข่าวทำให้ดูแย่ รายงานควรมีความเป็นมืออาชีพมากกว่านี้ไม่ใช่หรือ?"

Mohd Faliq Putrans บอกว่า "ที่มาเลเซีย บุคลากรทางการแพทย์ติดเชื้อทั้ง ๆ ที่ฉีด Pfizer ไปแล้ว 2 โดส กรุณารายงานอย่างเป็นธรรม ผมไม่ใช่พวกโปรจีน แต่น่ารำคาญกับรายงานที่ไม่เป็นธรรมเหล่านั้น"

Richard Ker (ซึ่งมีคนกดไลค์มากที่สุด) บอกว่า "รายงานมีอคติ >68% ของคนอังกฤษได้รับวัคซีน AZ แต่ปัจจุบันมีผู้ป่วยมากกว่า 30,000 ราย? มีข่าวเกี่ยวกับเรื่องนี้หรือไม่?" ซึ่งเขาอาจจะหมายความรายงานนี้เอนเอียงไปทางโจมตี Sinovac ขณะที่วัคซีนตัวอื่นมีข้อกังขาเรื่องประสิทธิภาพเหมือนกัน

ในเทรดคอมเมนต์ของ Richard Ker มีผู้แสดงความเห็นมากมาย (500 คอมเมนต์) หนึ่งในนั้นถามว่า "ช่วยอธิบายหน่อยรายงานข่าวนี้อคติอย่างไร?" ซึ่ง Tan Kia Sin อธิบายเหมือนความเห็นแรกว่า "จากตัวเลขที่กำหนดโดย Reuters/ST เปอร์เซ็นต์ของ 618 เทียบกับ 677, 348 นั้นน้อยมาก ผมคิดว่าเปอร์เซ็นต์ของบุคลากรแถวหน้าในสิงคโปร์ที่ติดเชื้อหลังจากได้รับวัคซีนครบโดสอาจสูงกว่าในประเทศไทย ในสิงคโปร์ในคลัสเตอร์เดียว 50% ของผู้สูงอายุที่ติดเชื้อได้รับการฉีดวัคซีนครบถ้วนแล้ว"

ความเห็นเรื่องนี้บอกกับเราว่าคนสิงคโปร์

1.) คิดว่าสถานการณ์ไทยดีกว่า

2.) พูดคุยอย่างเป็นสุภาพชนและมีเหตุผล

3.) รู้จักวิเคราะห์ข้อมูลและ "อ่านเนื้อข่าวโดยไม่อ่านแค่พาดหัว"

เรามักบอกว่าสิงคโปร์แซงหน้าไทย แต่มีสักกี่คนที่สังเกตว่าสิงคโปร์ไม่ได้แซงแค่วัตถุ แต่คุณภาพของประชาชนยังแซงหน้าด้วย และกรณีข่าวนี้ไม่ใช่แค่เรื่องเดียว หากลองอ่านความเห็นใน The Straits Times ทุก ๆ ข่าวเราจะเห็นคุณภาพของประชาชนสิงคโปร์ได้ดี

เป็นคุณสมบัติที่หาได้ยากยิ่งในโลกโซเชียลในไทย ซึ่งไม่ใช่ว่าไม่มีแต่มีน้อยจนน่าเศร้าใจที่จะคุยกันด้วยเหตุและผลอย่างคนสุภาพ

สิ่งที่คนสิงคโปร์มีคือ Digital Civility หรือความมีอารยะทางอินเทอร์เน็ต

ไม่ใช่ว่าเรามีสัญญาณอินเทอร์เน็ตที่เร็วที่สุดแห่งหนึ่งขอโลก (ซึ่งไทยเป็นแบบนั้นจริง ๆ) แล้วจะถือว่ามีอารยะ มันไม่ใช่แบบนั้น ความมีอารยะในโลกดิจิทัลเขาวัดกันที่พฤติกรรมที่ดีต่อกันในโลกโซเชียล อัตราการใช้วาจาประทุษร้ายต่อกัน และหลงเชื่อข่าวปลอมมากแค่ไหน

จากดัชนีความมีอารยะหรือความสุภาพทางอินเทอร์เน็ต (Digital Civility Index) ของบริษัท Microsoft ประจำปี 2020 พบว่าประเทศที่มีอารยะสูงสุดในโลกออนไลน์คือเนเธอร์แลนด์ ส่วนในเอเชียอันดับที่ 1 คือสิงคโปร์ ขณะที่ไทยอยู่กลุ่มท้ายตารางอันดับบ๊วยคือเวียดนาม ไล่ขึ้นมาอินโดนีเซีย และไทย

ที่ทำให้รู้สึกว่าคนสิงคโปร์มองเห็นอนาคตในวิกฤตก็คือ จากการสำรวจพบว่า 19% ของผู้ตอบแบบสอบถามในสิงคโปร์กล่าวว่าความมีอารยะทางออนไลน์ดีกว่าในช่วงการระบาดใหญ่ โดยเป็นผลมาจากความรู้สึกของชุมชนและผู้คนที่รวมตัวกันเพื่อรับมือกับวิกฤตครั้งนี้มากขึ้น

ในขณะที่ 31% ระบุว่าความสุภาพทางออนไลน์แย่กว่าเนื่องจากมีการแพร่กระจายของข่าวเท็จและข้อมูลที่ทำให้เข้าใจผิดมากขึ้น และผู้คนใช้โลกออนไลน์แสดงความผิดหวังต่าง ๆ นานา

ดังนั้น สิงคโปร์ก็เหมือนไทยคือเจอข่าวปลอมเล่นงานหนักและผู้คนก็สิ้นหวังจนต้องมาระบายทางเน็ต แต่ถึงแม้จะเจอปัญหาเดียวกันแต่คุณสมบัติด้านความเป็นสุภาพชนของคนสิงคโปร์ดีกว่า

เช่น ข่าวที่ The Straits Times รายงานเรื่องยอดผู้เสียชีวิตที่เพิ่มขึ้นในไทยเมื่อวันที่ 3 กรกฎาคม ซึ่งข่าวนี้ไล่หลังข่าวที่ไทยเปิดภูเก็ตแซนด์บ็อกซ์ ซึ่งคนสิงคโปร์สนใจกันมากเพราะอยากมาเที่ยวไทยกันเต็มแก่แล้ว ปรากฏความเห็นที่มีคนสนใจมากที่สุดบอกว่า Steven Rostron "พาดหัวข่าวที่แย่และไม่ถูกต้อง เคสที่เพิ่มขึ้นไม่เกี่ยวข้องกับการเปิดภูเก็ตเลย"

เราจะเห็นว่าตั้งแต่ข่าวบุคลากรแพทย์ในไทยที่ฉีด Sinovac ติดเชื้อแล้วจนถึงข่าวข้างต้น ผู้อ่านสื่อสิงคโปร์มักแย้งการรายงานของสื่อ ซึ่งไม่ได้รายงานข่าวเท็จ แต่พาดหัวหวือหวาจนเกือบจะทำให้คนเข้าใจผิด ความละเอียดลออนี้ทำให้คนสิงคโปร์มีภูมิคุ้มกันสูงต่อข่าวปลอม ซึ่งหมายความว่ามีอารยะสูงในโลกออนไลน์ด้วย

นอกจากนี้ยังมีกรณีตัวอย่างเรื่อง "การตำหนิรัฐบาล" ขอยกตัวอย่างคอมเมนต์ "ตำหนิ" ใน The Straits Times ข่าวที่นายกรัฐมนตรีลีเซียนลุง แถลงต่อประชาชนถึงแนวทางรับมือโควิด-19 เมื่อเดือนพฤษภาคม ชาวสิงคโปร์ใช้เฟซบุ๊กของสำนักข่าวนี้ตำหนิและเยาะเย้ยผู้นำ

Eric Wong บอกว่า "นี่เป็นเพียงจุดสีแดงเล็กๆ โปรดจัดการกับการระบาดใหญ่นี้ด้วยวิธีการที่ชาญฉลาดมากกว่ารัฐมนตรีที่ได้รับค่าตอบแทนสูงๆ ทั้งหมดของคุณ โปรดอย่าอ่านสคริปต์เดิม ๆ ของคุณ มิฉะนั้นเราทุกคนจะรีบแห่ไปที่ซูเปอร์มาร์เก็ต" คำตำหนินี้มีคนกดไลค์มากที่สุด ซึ่งเป็นความเห็นตำหนิที่เบามากเมื่อเทียบกับที่ผู้นำไทยเจอ

วันที่ 14 กรกฎาคม คราวนี้เป็นทีของกระทรวงสาธารณสุขเมื่อมีหญิงจากเวียดนามถือใบอนุญาติเข้าเมืองระยะสั้นอาจเป็นเหตุให้เกิดคลัสเตอร์ใหม่ในสิงคโปร์ ข่าวนี้ทำให้คนสิงคโปร์เดือดดาลมาก แต่ในความเดือดดาลนั้นยังอาการก็ยังไม่หลุดเหมือนชาวเน็ตไทย เช่น ความเห็นท็อปเมนต์นี้

Joy Lee "Can MOH pls disclose the list of public places visited by the infected Vietnamese lady? This sounds like a super spreading event."

ผู้เขียนไม่ขอแปลข้อความนี้เพื่อจะให้เห็นรูปแบบของข้อความที่สุภาพและมีเหตุผล ไม่มีการใส่อารมณ์ แม้จะเรียบราบและไม่ได้เดือดดาลอย่างบ้าคลั่งก็ยังมีคนกดไลค์มากที่สุด

อีกท็อปเมนต์หนึ่งของอีกข่าวที่รายงานเรื่องเดียวกันแสดงอาการเล็กน้อย Vik Vicknesh บอกว่า "This is a joke. What is a short term pass holder doing here? Isn't travel suppose to be only for extreme essential if not citizens?"

คอมเมนต์นี้ถือว่าเจ็บที่สุดแล้ว ในไทยนั้นใครแสดงความเห็นแบบนี้จะไม่ใช่ท็อปเมนต์แต่จะเป็น "ท้ายเมนต์"

อย่างไรก็ตาม ที่ยกตัวอย่างการเจรจาระหว่างประชาชนกับรัฐบาลสิงคโปร์ ไม่ได้ผู้เขียนหมายความว่าจะให้ไปพูดนะจ๊ะนะจ๋ากับพล.อ.ประยุทธ์ จันทรโอชา หรือรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข โดยเฉพาะกับเรื่องการบริหารที่ไม่มีประสิทธิภาพที่สมควรถูกวิจารณ์อย่างเผ็ดร้อนให้ตระหนักถึงความผิดพลาดนั้น

ย้ำว่า "วิจารณ์" ไม่ใช่ด่า เพราะด่าแล้วนายกฯ ไม่ได้ยิน ถึงได้ยินก็คงไม่แคร์ อย่าว่าแต่คนระดับหัวของประเทศ คนเดินดินเท่า ๆ กันด่ากันเองยังไม่ยอมฟัง นี่คือสัจธรรมของความสัมพันธ์ระหว่างมนุษย์ด้วยกัน

เพียงแต่จะบอกว่านี่คือระดับคุณภาพความสุภาพของสิงคโปร์ที่สมกับอันดับที่หนึ่งในเอเชีย ส่วนในไทยนั้นถึงกับมีแคมเปญของคนบางกลุ่มที่บอกว่า "ประเทศขับเคลื่อนด้วยการด่า"

ไม่น่าแปลกใจว่าทำไมไทยถึงติดอันดับที่ 3 จากบ๊วย

กรกิจ ดิษฐาน


ที่มา : https://www.posttoday.com/world/658025


โปรเด็ด! ถึง 31 ก.ค. นี้ Ford Ranger, MG ZS, Mazda 2 และ Nissan อัลเมร่า ทักไลน์ @THESHOPSTIMES

คลิก????https://lin.ee/vfTXud9

'วีริศ' เผย 'นิคมฯ บางชัน' ผ่านการตรวจประเมินรับรองเป็นเมืองอุตสาหกรรมเชิงนิเวศ ระดับ Eco-Excellence ชี้พื้นที่สีเขียวรวมกันเกินร้อยละ 20 ของพื้นที่อุตสาหกรรม

นายวีริศ อัมระปาล ผู้ว่าการการนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (กนอ.) เปิดเผยว่า นิคมอุตสาหกรรมบางชัน เขตมีนบุรี กรุงเทพมหานคร ได้ผ่านการตรวจประเมินรับรองจากคณะกรรมการตรวจประเมินเพื่อให้การรับรองการเป็นเมืองอุตสาหกรรมเชิงนิเวศ ระดับ Eco-Excellence หรือนิคมอุตสาหกรรมที่สามารถพัฒนาและยกระดับคุณภาพชีวิตชุมชนและคุณภาพสิ่งแวดล้อม เป็นนิคมอุตสาหกรรมที่มุ่งสู่การพัฒนาอุตสาหกรรมให้ยั่งยืน บนพื้นฐานความสมดุลของเศรษฐกิจ สังคม และสิ่งแวดล้อม โดย กนอ. ได้แบ่งการยกระดับนิคมอุตสาหกรรมเชิงนิเวศ ออกเป็น 3 ระดับ คือ ระดับ Eco-Champion, ระดับ Eco-Excellence และระดับ Eco-World Class

โดยมีเป้าหมายระยะยาวในการยกระดับนิคมอุตสาหกรรม ภายใต้การกำกับดูแลของ กนอ.ทุกแห่งให้เป็นนิคมอุตสาหกรรมเชิงนิเวศ โดยปีนี้มีเป้าหมายยกระดับนิคมอุตสาหกรรมขึ้นสู่ระดับ Eco-Excellence จำนวน 3 แห่ง ซึ่งนิคมอุตสาหกรรมบางชันเป็นหนึ่งในเป้าหมาย

ทั้งนี้ กนอ.ได้สร้างความตระหนักรู้ให้ผู้ประกอบการเข้ามามีส่วนร่วมให้มากที่สุดซึ่งเข้าใจว่าอาจมีค่าใช้จ่ายต่าง ๆ ดังนั้น กนอ. กำลังเร่งหามาตรการจูงใจผู้ประกอบการว่าจะได้รับสิทธิประโยชน์อะไรบ้าง เพื่อไม่ใช่ขอความร่วมมือหรือความสมัครใจเพียงอย่างเดียวแต่จะทำให้เกิดความยั่งยืนมากขึ้น

สำหรับนิคมอุตสาหกรรมบางชันและโรงงานในนิคมอุตสาหกรรม มีการจัดทำแนวป้องกันหรือพื้นที่แนวกันชนเชิงนิเวศ (Buffer Zone) หรือพื้นที่สีเขียวรวมกันมากกว่าร้อยละ 20 ของพื้นที่อุตสาหกรรม รวมทั้งดำเนินงานด้านการพัฒนาวิสาหกิจชุมชน อาทิ จัดกิจกรรมส่งเสริมความรู้ด้านการพัฒนาทักษะอาชีพให้ชุมชน ช่วยจัดหาช่องทางการจัดจำหน่าย จัดทำโครงการช่วยเหลืออุปกรณ์ประกอบการเลี้ยงเป็ด ไก่ และนำของเสียจากโรงงานผลิตอาหารมาปรับปรุงเพื่อสร้างมูลค่าเป็นอาหารสัตว์และลดมลภาวะด้านสิ่งแวดล้อม ทำให้ประชากรในชุมชนโดยรอบนิคมอุตสาหกรรม มีรายได้ต่อครัวเรือนสูงขึ้น

อีกทั้งมีการใช้วัตถุดิบ น้ำ พลังงาน และทรัพยากรอื่น ๆ ร่วมกัน (Symbiosis หรือ Circular economy) อย่างมีประสิทธิภาพ เพื่อเพิ่มผลผลิต ลดการเกิดของเสีย และสอดคล้องกับนโยบายของรัฐบาลด้วย อีกทั้งโรงงานในนิคมฯ ยังมีการแลกเปลี่ยนหรือใช้ประโยชน์จากวัสดุเหลือใช้ หรือมีการแลกเปลี่ยนระหว่างโรงงานกับภาคส่วนอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้อง เช่น กระบวนการกลั่นตัวทำละลายกลับมาใช้ใหม่ และกระบวนการแยกอะลูมิเนียมกลับมาใช้ใหม่ ซึ่งลดค่าต้นทุนวัตถุดิบได้ประมาณ 5%

“กนอ.กำหนดวิสัยทัศน์การเป็นผู้นำการพัฒนานิคมอุตสาหกรรมครบวงจรระดับภูมิภาค ด้วยนวัตกรรมสู่ความยั่งยืน โดยใช้การพัฒนาเมืองอุตสาหกรรมเชิงนิเวศเป็นแนวทางหนึ่งในการขับเคลื่อนให้เกิดการบริหารจัดการนิคมอุตสาหกรรมอย่างบูรณาการ ภายใต้กรอบ 5 มิติ คือ มิติกายภาพ มิติเศรษฐกิจ มิติสิ่งแวดล้อม มิติสังคม และมิติการบริหารจัดการ ตลอดจนยกระดับขีดความสามารถในการแข่งขันของภาคอุตสาหกรรมด้วยความใส่ใจในผู้มีส่วนได้ส่วนเสีย และเกิดเครือข่ายความร่วมมือกับทุกภาคส่วนในการยกระดับนิคมอุตสาหกรรมบนพื้นฐานการใช้ทรัพยากรอย่างเหมาะสมและเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมเพื่อให้เกิดการพัฒนาอย่างยั่งยืน” ผู้ว่าการ กนอ. กล่าวปิดท้าย


โปรเด็ด! ถึง 31 ก.ค. นี้ Ford Ranger, MG ZS, Mazda 2 และ Nissan อัลเมร่า ทักไลน์ @THESHOPSTIMES

คลิก????https://lin.ee/vfTXud9

“จีน” รุกคืบ​อินโดแปซิฟิก เปิดศึกเกมชิงบัลลังก์มหาสมุทรจากสหรัฐอเมริกา I Knowledge Times EP.2

???? รอบรู้แบบรู้ลึก ในรายการ ‘Knowledge Times’
???? “จีน” รุกคืบ​อินโดแปซิฟิก เปิดศึกเกมชิงบัลลังก์มหาสมุทรจากสหรัฐอเมริกา

เมื่อความคาดหวังของจีนไม่ได้หยุดแค่ความมั่นคงของประเทศ แต่คือการก้าวเป็นเจ้าแห่งมหาสมุทร อันดับ 1 ของโลก !!

สำหรับประเทศจีนแล้ว การป้องกันประเทศ​ ด้วยการแสดงแสนยานุภาพทางทะเล​ อาจจะเป็นเพียงแค่จุดเริ่มต้นเท่านั้น แต่การเป็นเจ้าแห่งมหาสมุทร​ น่าจะเป็นเป้าหมายที่แท้จริง ที่จะรับประกันความมั่นคงทางเศรษฐกิจและเสถียรภาพของจีนได้มากกว่า 

ปัจจุบันจีนมีเศรษฐกิจขนาดใหญ่ สามารถอยู่ได้ด้วยการพึ่งพาตนเอง แต่การแผ่ขยายอิทธิพลทางเศรษฐกิจ​ จำเป็นต้องหาจุดยุทธศาสตร์สำคัญแล้วเข้าไปตั้งมั่นให้ได้

และแน่นอนว่า เป้าหมายที่จีนหมายตา​ คือ​ เส้นทางลำเลียงวัตถุดิบ อีกทั้งยังเป็นเส้นทางการค้าที่สำคัญที่หลายประเทศมหาอำนาจหมายปอง อย่าง 'อินโด-แปซิฟิก'​

ซึ่ง​หากใครมีอำนาจเหนือน่านน้ำอินโดแปซิฟิกได้ ก็จะทำให้ประเทศนั้น ๆ มีทั้งอำนาจและความมั่นคงทางเศรษฐกิจ เพราะครอบคลุมอาณาบริเวณตั้งแต่​ ชายฝั่งตะวันตกของอินเดีย ไปถึงชายฝั่งตะวันตกของสหรัฐฯ ขยายแผ่คลุมเอเชียตะวันออก, เอเชียตะวันออกเฉียงใต้, อินเดียและเอเชียใต้, ออสเตรเลียและนิวซีแลนด์ ไปจนถึงหมู่เกาะแปซิฟิก

แน่นอนว่า​ นี่คือสมรภูมิทางยุทธศาสตร์โลกที่น่าสนใจ​ โดยแต่แรกเริ่ม ทางสหรัฐฯ​ ที่มีอำนาจครอบคลุมเหนือน่านน้ำทั่วทวีปอเมริกาอยู่แล้ว​ ก็มีเป้าหมายใหญ่​ขึ้นไปอีก​ ซึ่งหมายจะควบคุมอำนาจทางเศรษฐกิจของทั้งโลก ภายใต้ยุทธศาสตร์​ The Great Power​ ซึ่งมีการแผ่ขยายอำนาจมาถึงอินโดแปซิฟิก ส่งผลให้สหรัฐฯ​ มีอำนาจเหนือน่านน้ำอย่างมาก

ด้วยเหตุนี้เอง จีนที่แทบจะไม่มีอิทธิพลเหนือน่านน้ำนี้ จึงต้องแก้เกม ด้วยการคิดโครงการ String of Pearls ขึ้น เพื่อรุกคืบเข้าไปแทรก The Great Power ของสหรัฐฯ

โดยในสาระสำคัญของโครงการ String of Pearls นั้น​ น่าจับตาอย่างมาก​ เพราะจีนใช้วิธีการแทรกซึมเข้าไปถึงแอฟริกาตะวันตก ที่มีชายฝั่งสำคัญ คือ มหาสมุทรแอตแลนติก จากนั้นก็ได้แทรกซึมไปถึง นามิเบีย และมอริเชียส 

การเข้าไปในครั้งนี้ จีนได้พยายามติดต่อรัฐบาลต่าง ๆ รวมถึงสร้างความร่วมมือทางด้านเศรษฐกิจ อีกทั้งขอสร้างท่าเรือในบริเวณนั้น ๆ​ อีกด้วย ซึ่งโครงการนี้เองเรียกได้ว่าเป็นการแทรกซึม​ เพื่อหวังเข้ามาแทนที่มหาอำนาจเดิมอย่างสหรัฐฯ ซึ่งถ้าจีนเข้าไปได้สำเร็จ สิ่งนี้จะสะเทือนไปถึงสหรัฐฯ​ อย่างแท้จริง และนี่ก็คืออีกศึกระหว่าง 2 มหาอำนาจทางนาวา ที่น่าจับตา ต้องดูกันต่อไปถึงการแก้เกมระหว่าง​ 2​ ยักษ์ที่น่าสนใจจริง ๆ


โปรเด็ด! ถึง 15 ก.ค. นี้ Ford Ranger, MG ZS, Mazda 2 และ Nissan อัลเมร่า ทักไลน์ @THESHOPSTIMES 
คลิก????https://lin.ee/vfTXud9

ธนาคารแห่งประเทศไทย เผยมาตรการเร่งด่วนพักชำระเงินต้นและดอกเบี้ยให้แก่ลูกหนี้ SMEs และรายย่อย เป็นระยะเวลา 2 เดือน

ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) เปิดเผยว่า ธปท. สมาคมธนาคารไทย และสมาคมธนาคารนานาชาติ เห็นร่วมกันที่จะออกมาตรการเร่งด่วนด้วยการพักชำระเงินต้นและดอกเบี้ยให้แก่ลูกหนี้ SMEs และรายย่อย เป็นระยะเวลา 2 เดือน ให้กับลูกหนี้ที่ได้รับผลกระทบโดยตรง ทั้งลูกหนี้ทั้งที่เป็นนายจ้างและลูกจ้างในสถานประกอบการทั้งในพื้นที่ควบคุมฯ และนอกพื้นที่ควบคุมฯ ที่ต้องปิดกิจการจากมาตรการของทางการ เริ่มตั้งแต่งวดการชำระหนี้เดือนกรกฎาคม 2564 เป็นต้นไป และเมื่อหมดระยะเวลาพักชำระหนี้แล้ว สถาบันการเงินจะไม่เรียกเก็บเงินต้นและดอกเบี้ยที่ค้างอยู่ในทันที เพื่อไม่ให้เป็นภาระหนักกับลูกหนี้

สำหรับลูกหนี้ที่ได้รับผลกระทบโดยอ้อม คือ ลูกหนี้ที่ยังเปิดกิจการได้ แต่รายได้ลดลงจากมาตรการควบคุมการระบาดของภาครัฐ สถาบันการเงินจะพิจารณาให้ความช่วยเหลือแก่ลูกหนี้ตามความจำเป็นและสอดคล้องกับสถานการณ์ของลูกหนี้ โดยการให้ความช่วยเหลือนี้ ลูกหนี้สามารถติดต่อกับสถาบันการเงินเจ้าหนี้เพื่อแสดงความประสงค์ขอรับความช่วยเหลือได้ตั้งแต่วันที่ 19 กรกฎาคม 2564 หากลูกหนี้สามารถให้ข้อมูลหลักฐานที่ชัดเจนถึงผลกระทบของกิจการหรือการจ้างงาน จะทำให้การพิจารณาให้ความช่วยเหลือโดยเจ้าหนี้สามารถทำได้อย่างรวดเร็ว

อย่างไรก็ตามการพักชำระเงินต้นและดอกเบี้ยภายใต้มาตรการนี้ เป็นเพียงการเลื่อนการชำระออกไป ลูกหนี้ที่ยังมีศักยภาพและสามารถชำระหนี้ได้ จึงควรชำระหนี้ต่อเนื่อง เพื่อไม่ให้ภาระหนี้ในอนาคตเพิ่มขึ้นสูงเกินจำเป็น เช่นเดียวกับลูกหนี้ที่อยู่ระหว่างเจรจาปรับโครงสร้างหนี้กับสถาบันการเงินอยู่ก่อนหน้า ที่ควรดำเนินการต่อเนื่อง เพื่อแก้ไขปัญหาได้ตรงจุดและยั่งยืนกว่า


โปรเด็ด! ถึง 31 ก.ค. นี้ Ford Ranger, MG ZS, Mazda 2 และ Nissan อัลเมร่า ทักไลน์ @THESHOPSTIMES

คลิก????https://lin.ee/vfTXud9

สำนักงานเลขานุการ สมเด็จพระสังฆราช ประกาศ เรื่อง ประทานพระอนุเคราะห์แก่การฌาปนกิจศพผู้เสียชีวิตจากโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 ที่ขาดแคลน

วันนี้ (15 ก.ค.) สำนักงานเลขานุการ สมเด็จพระสังฆราช ประกาศ เรื่อง ประทานพระอนุเคราะห์แก่การฌาปนกิจศพผู้เสียชีวิตจากโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 ที่ขาดแคลน

อนุสนธิ มติมหาเถรสมาคม ที่ 250/2564 ในการประชุมครั้งที่ 11/2564 เมื่อวันที่ 30 เมษายน พ.ศ. 2564 ข้อ 4 ระบุว่า “กรณีที่มีผู้เสียชีวิตจากโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 และไม่มีค่าใช้จ่ายในการฌาปนกิจศพ ให้วัดช่วยดำเนินการ แล้วให้เบิกค่าใช้จ่ายได้ที่สำนักงานเลขานุการสมเด็จพระสังฆราช ในต่างจังหวัดให้แจ้งความประสงค์เบิกค่าใช้จ่ายผ่านสำนักงานพระพุทธศาสนาจังหวัด” ความแจ้งแล้ว นั้น

เจ้าพระคุณ สมเด็จพระอริยวงศาคตญาณ สมเด็จพระสังฆราช สกลมหาสังฆปริณายก ทรงพระปรารภให้เจ้าคณะพระสังฆาธิการ ร่วมกับสำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ สอดส่องสำรวจตรวจตราวัดในปกครองอย่างใกล้ชิด ว่ามีข้อขัดข้องหรือความยากลำบากในการสงเคราะห์ประชาชนเกี่ยวกับการศพผู้เสียชีวิตจากโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 หรือไม่เพียงใด พร้อมช่วยเหลือแก้ไขปัญหาให้แก่วัดและประชาชนที่ประสบความยากลำบากในเบื้องต้นอย่างตามกำลังความสามารถ

ทั้งนี้ ในกรณีเจ้าภาพศพเป็นผู้ขาดแคลน ให้วัดดำเนินการสงเคราะห์หีบศพ และเชื้อเพลิงปลงศพทุกราย แล้วให้นำความกราบทูลทราบฝ่าพระบาท ตามมติมหาเถรสมาคม ที่ 250/2654 โดยเร็ว เพื่อโปรดประทานพระอนุเคราะห์ต่อไป

อนึ่ง โปรดให้เชิญรับสั่งทรงอนุโมทนาและประทานกำลังใจแก่วัดและชุมชนซึ่งปฏิบัติหน้าที่เพื่อการสาธารณสงเคราะห์อย่างเต็มสติกำลัง ตามบทบาทหน้าที่ที่วัดและชุมชนพึงมีต่อกัน อันเป็นเอกลักษณ์ที่ดีงามของสังคมไทย อีกทั้งประทานพรให้ทุกรูปและทุกคนจงประสบสวัสดิภาพ ถึงพร้อมด้วยสรรพกำลังในอันที่จะประกอบกรณียกิจเกื้อกูลประโยชน์มหาชนอย่างมิลดละ แม้ในสถานการณ์อันยากลำบากนี้

จึงประกาศมาเพื่อทราบโดยทั่วกัน


โปรเด็ด! ถึง 31 ก.ค. นี้ Ford Ranger, MG ZS, Mazda 2 และ Nissan อัลเมร่า ทักไลน์ @THESHOPSTIMES

คลิก????https://lin.ee/vfTXud9

พญ.ประภาพร พิสิษฐ์กุล สาขาวิชาโรคภูมแพ้ รพ.รามาธิบดี เล่าอาการติดโควิดสายพันธุ์เดลตา เผยข้อดีซิโนแวค ช่วยกำจัดไวรัสได้เร็ว ลดการอักเสบที่ปอด

วันที่ 15 กรกฎาคม 2564 หลัง พญ.ประภาพร พิสิษฐ์กุล สาขาวิชาโรคภูมิแพ้อิมมูโนวิทยาและโรคข้อ ภาควิชาอายุรศาสตร์ คณะแพทยศาสตร์โรงพยาบาลรามาธิบดี มหาวิทยาลัยมหิดล โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊ก (2 ก.ค.) ว่าตนเองตรวจพบเชื้อโควิด หลังฉีดวัคซีนซิโนแวคครบ 2 เข็ม ตามที่เสนอข่าวไปแล้วนั้น

ล่าสุด พญ.ประภาพร ได้โพสต์เฟซบุ๊กอีกครั้ง เล่าถึงอาการหลังการติดเชื้อโควิดสายพันธุ์เดลตา (อินเดีย) พร้อมระบุ ตนได้ทราบผลการตรวจ Swab พบว่า ไวรัสที่ติดเชื้อเป็นสายพันธุ์เดลตา ว่า...

เป็นไปตามคาดนะคะ ทราบผล Sequencing ของไวรัสที่ติดเชื้อเป็นสายพันธุ์ Delta (B.1.617.2) ผลตรวจจาก Swab ของหมอแสดงในข้อมูล COVID-19 Network Investigations (CONI) Alliance หมอ hi-lighted ด้วยสีแดงนะคะ

ล่าสุดมีข้อมูลตีพิมพ์ในวารสาร Science (DOI: 10.1126/science.abg6296) พบว่าในสิ่งแวดล้อมที่มีอากาศปิดและมีปริมาณไวรัสสูง ๆ ที่มีการถ่ายเทอากาศไม่ดี (หรือไม่มี filter ที่ดักจับไวรัสได้) ถ้าเราอยู่ในสิ่งแวดล้อมนั้นนาน ๆ ในที่สุดแล้วเราก็จะต้องหายใจเข้าปอดไปอยู่ดี (ไม่ว่าหน้ากากที่เราใส่จะดีเพียงใด) สิ่งนี้คงเป็นปัจจัยที่ทำให้หมอติดเชื้อด้วยค่ะ

เพราะฉะนั้นถ้าต้องเข้าไปในสถานที่แบบนั้นอย่าอยู่นานนะคะ เพราะจะมีโอกาสรับเชื้อได้มากขึ้น

จากข้อมูลที่ทราบกันดีว่าสายพันธุ์เดลตามีการกลายพันธุ์ที่เพิ่มความสามารถในการติดเชื้อได้ดีและสามารถเพิ่มจำนวนไวรัสในเซลล์มนุษย์ได้ดี ดังนั้น จึงสามารถเพิ่มจำนวนในร่างกายได้เร็ว มีระยะฟักตัวที่สั้น และทำให้มีอาการแสดงได้เร็ว

ดังนั้น การรู้ว่าเราเกิดการติดเชื้อโควิดได้เร็วเป็นปัจจัยที่สำคัญที่จะให้การรักษาได้อย่างรวดเร็วและลดโอกาสการเกิดข้อแทรกซ้อนจากการติดเชื้อ การเข้าถึงการตรวจได้เร็วจะช่วยในส่วนนี้มาก (หวังว่าการปลดล็อคการตรวจหลายอย่างจะทำให้ขั้นตอนนี้เร็วขึ้น)

วันนี้หมอเลยมาเล่าอาการของการติดเชื้อโควิด สายพันธุ์ Delta ของหมอให้ฟังกันและดูว่าการฉีด Sinovac ช่วยเราอย่างไรนะคะ

โดยอาการของผู้ป่วยติดเชื้อโควิดจะแบ่งเป็น 2 ระยะคือ..

1.) ระยะแรกของการติดเชื้อ : ผู้ป่วยส่วนใหญ่จะเริ่มมีอาการเริ่มต้นคล้ายเป็นหวัดทั่วไปนะคะ มีไข้ ปวดเมื่อยตัว มีน้ำมูก ระคายคอ คันคอ เจ็บคอ อาการเหล่านี้แถบจะแยกไม่ได้จากอาการหวัดทั่วไปเลย แต่อาการจมูกไม่ได้กลิ่น ดูเหมือนจะเป็นอาการที่ค่อนข้างจำเพาะกับการติดเชื้อโควิด (แต่อาการจมูกไม่ได้กลิ่นนี้ ไม่ได้เกิดในวันแรก ๆ จะมาพร้อม ๆ กับอาการคัดจมูกและมีน้ำมูก)

ถ้าดูในรูปจะเห็นว่าช่วงนี้เป็นช่วงที่ไวรัสเพิ่มจำนวนในร่างกาย การรักษาก็คือการรักษาตามอาการ (ให้ยาลดไข้ ยาลดน้ำมูก แก้ไอ เจ็บคอ) และการให้ยาต้านไวรัสในช่วงนี้จะช่วยลดปริมาณไวรัสลงและช่วยให้มีโอกาสการเกิดอาการแทรกซ้อนลดลง โดยระยะนี้จะใช้เวลาประมาณ 5-7 วัน ขึ้นอยู่กับปริมาณเชื้อ การทำงานของภูมิคุ้มกัน

การฉีดวัคซีนช่วยเราอย่างไรในระยะนี้ วัคซีนที่กระตุ้นเม็ดเลือดขาวชนิด CD8 T cells ให้มีความทรงจำต่อเชื้อโรคได้ดีจะทำให้เมื่อร่างกายเรารับเชื้อเข้าไปแล้ว CD8 T cells เหล่านี้จะเป็นกองหน้าที่แข็งแรงและมีความทรงจำกับเชื้อโรคที่เคยเห็นตอนได้วัคซีนกระตุ้นก็จะออกมาขจัดเชื้อโรคและอาจทำให้เรารับเชื้อแต่ไม่มีอาการเลยก็ได้

โดยวัคซีนที่มีคุณสมบัติในการกระตุ้น CD8 memory T cells ที่ดีคือ mRNA vaccine และ Viral vector DNA ค่ะ ส่วน Sinovac ซึ่งใช้ตัวกระตุ้นภูมิเป็น Alum จะมีคุณสมบัติกระตุ้นการสร้าง antibody ได้ดี แต่ไม่ค่อยกระตุ้น CD8 memory T cells (อันนี้เป็นหนึ่งในเหตุผลที่ Sinovac ป้องกันการติดเชื้อได้ไม่ค่อยดีค่ะ)

>> แล้ว Sinovac ช่วยระบบภูมิคุ้มกันเราตรงไหน?

เมื่อเรารับเชื้อเข้ามาในร่างกาย ตัวเชื้อจะจับกับตัวรับบนผิวเซลล์ในทางเดินหายใจ แล้วมุดเข้าไปในเซลล์ไปใช้อุปกรณ์ของใช้ทั้งหลายในเซลล์ของเราเพื่อเพิ่มจำนวนไวรัส และเมื่อไวรัสกินอยู่หลับนอนในเซลล์เราเรียบร้อยแล้ว ไวรัสก็ทำลายผนังเซลล์ทำให้เซลล์ตายและย้ายไปอยู่บ้านใหม่ เมื่อเซลล์ตายก็เหมือนกับบ้านพังต้องมีเม็ดเลือดขาวชนิดอื่น ๆ มาเก็บกินซากปรักหักพัง รวมทั้งออกมารบกับไวรัสตัวร้ายที่ทำลายบ้านช่อง ดังนั้นการปล่อยให้ไวรัสเข้าเซลล์ได้ง่าย ๆ และเพิ่มจำนวนเร็ว ๆ จะทำให้เกิดการอักเสบตามมาและการอักเสบที่มาก ๆ จะนำไปสู่ระยะที่สองของการติดเชื้อ

2.) ระยะที่สองของการติดเชื้อ : เมื่อเชื้อเพิ่มจำนวนมากขึ้นก็มีโอกาสรุกล้ำเข้าไปสู่ปอดและทำให้เกิดการอักเสบได้ โดยการดำเนินของโรคระยะที่สองจะอยู่ในช่วงปลายสัปดาห์แรกต่อกับสัปดาห์ที่สอง ในช่วงนี้ถ้าภูมิคุ้มกันของเราสามารถจัดการขจัดเชื้อโรคได้เร็ว เราก็อาจไม่เกิดปอดอักเสบหรือเกิดเล็กน้อยและสามารถดีขึ้นได้

แต่ถ้าภูมิคุ้มกันเราคุมไวรัสไม่อยู่อะไรจะเกิดขึ้น จะเกิดการสู้รบกันระหว่างเม็ดเลือดขาวกับเชื้อโรค มีการใช้อาวุธ ทิ้งระเบิด (Cytokine เป็นอาวุธของเม็ดเลือดขาวที่ใช้สั่งการและทำลายไวรัส) ทำให้เกิดภาวะที่เรียกว่า Cytokine storm เกิดขึ้น และเมื่อเกิดภาวะนี้แล้วก็ต้องมีการใช้ยาต้านอักเสบกลุ่ม Steroid หรือยา Biologics อื่น ๆ เพื่อหยุดการอักเสบ

ดังนั้น Protective immunity ที่ได้จาก Sinovac ก็จะมีส่วนช่วยให้ร่างกายสามารถจัดการขจัดไวรัสไปให้เร็วขึ้นและการอักเสบและการลุกลามไปที่ปอดเกิดลดลง ถึงเป็นที่มาของข้อมูลที่ Sinovac ช่วยลดอาการรุนแรง ลดการตายในผู้ป่วยติดเชื้อโควิดไงคะ

สำหรับข้อสังเกตของผู้ติดเชื้อโควิดว่าเราจะเริ่มมีอาการของปอดอักเสบร่วมไหม แนะนำว่าให้วัด Oxygen ปลายนิ้วมือก่อนและหลังออกกำลังกายสัก 3 นาที ถ้าลดลงหลังออกกำลังกายคงต้องสงสัยว่าอาจมีอาการของปอดอักเสบร่วมด้วย

ทีนี้มาดูอาการของหมอก็จะเห็นว่าไม่ใช่ Mild case ซะทีเดียวเพราะวันที่ 5 ของการติดเชื้อก็มีค่าเม็ดเลือดขาว Lymphocyte ที่ต่ำ (จริง ๆ แล้วลดลงทั้งเม็ดเลือดแดง เกร็ดเลือดด้วย ถ้าเทียบกับผลการตรวจร่างกายเมื่อก่อนหน้านี้) มีค่าการอักเสบ CRP เพิ่มขึ้น มีตับอักเสบ และ CT chest พบว่ามีปอดอักเสบ 5%

ช่วงนั้นเป็นช่วงที่ค่อนข้างตกใจพอสมควร เพราะเรารู้เรื่องกลไกการเกิดโรคด้านภูมิคุ้มกันของโควิดค่อนข้างละเอียด กังวลว่าเราจะเดินหน้าไปเป็น Cytokine storm ไหม ต้องได้ยา Steroid ไหม เมื่อมีปอดอักเสบหมอเลยได้ยาต้านไวรัส ซึ่งใช้เวลา 2 วันหลังได้ยาต้านไวรัสแล้วอาการก็ดีขึ้น

>> ซึ่งหมอคิดว่าสาเหตุหนึ่งที่ดีขึ้น คงมีส่วนจากระบบภูมิคุ้มกันที่เคยได้รับการกระตุ้นด้วย Sinovac มาสองเข็ม ถึงแม้ว่าภูมิคุ้มกันจะตกและทำให้ติดเชื้อ แต่ Memory cells ทั้งหลายก็คงจะพอมีให้เรียกกลับมาทำงานขจัดเชื้อโรคได้ทันในช่วงปลายสัปดาห์แรก และส่วนตัวไม่ได้มีโรคประจำตัวในกลุ่มเสี่ยง (นอกจากอยู่ในกลุ่มอายุที่ระดับ Antibody ลดลงเร็ว) และเป็นคนที่ออกกำลังกายสม่ำเสมอ (ตอนเม็ดเลือดขาวต่ำก็ออกกำลังกายในห้องพักกับลูกชาย) ถึงแม้จะมีปริมาณเชื้อค่อนข้างมาก (ถ้าจำได้ Ct 18) ก็สามารถรอดกลับมาหายได้ด้วยการมีภูมิคุ้มกันต่อสายพันธุ์ Delta ที่แข็งแรงมากขึ้นค่ะ และการป่วยครั้งนี้ได้เข้าโครงการวิจัยของทางรามาธิบดีที่ทำการตรวจและติดตามผู้ป่วยโควิดด้วยค่ะ หวังว่าตัวเองจะไม่เกิด Long Term Side Effect ใด ๆ ตามมา

สุดท้ายนี้อยากบอกทุกท่านว่าในเวลาหน้าสิ่วหน้าขวานแบบนี้ วัคซีนก็คงช่วยเราไม่ได้ 100% เราคงต้องให้ความสำคัญกับการดูแลสุขภาพของระบบภูมิคุ้มกันของเราเองให้ดี

ป.ล. หวังว่าจะเข้าใจการทำงานของระบบภูมิคุ้มกันแบบง่าย ๆ ที่เล่ามานี้นะคะ

ไว้ครั้งหน้าจะมาเล่าหลักการกระตุ้นภูมิคุ้มกันของวัคซีนแต่ละเทคโนโลยี และวิธีง่าย ๆ ของการเพิ่มการตอบสนองของภูมิคุ้มกันต่อการฉีดวัคซีนค่ะ

#Sinovacveteran

#Deltasurvivor


ที่มา : https://m.facebook.com/story.php?story_fbid=4449830471702843&id=100000278023117


โปรเด็ด! ถึง 31 ก.ค. นี้ Ford Ranger, MG ZS, Mazda 2 และ Nissan อัลเมร่า ทักไลน์ @THESHOPSTIMES

คลิก????https://lin.ee/vfTXud9

เลขาธิการสภากาชาดไทย เผย สภากาชาดไทย เจรจานำเข้าโมเดอร์นา 1 ล้านโดสแล้ว รอองค์การเภสัชกรรมนำเข้า เตรียมฉีดให้ประชาชนฟรี ไม่มีค่าใช้จ่าย

เมื่อเวลา 13.30 น. วันที่ 15 ก.ค. ที่รัฐสภา น.ส.ธีรรัตน์ สำเร็จวาณิชย์ ส.ส.กทม. พรรคเพื่อไทย ในฐานะโฆษกกรรมาธิการวิสามัญพิจารณางบประมาณรายจ่ายประจำปี 2565 แถลงผลการประชุมกมธ.งบประมาณรายจ่ายปี 2565 ว่า ในการประชุมกมธ.งบฯ เมื่อวันที่ 14 ก.ค. เป็นการพิจารณางบประมาณในส่วนของกระทรวงสาธารณสุข ซึ่งกมธ. ได้สอบถามหน่วยงานที่เกี่ยวข้องถึงเรื่องราคาวัคซีนโควิด แต่หน่วยงานผู้รับผิดชอบปฏิเสธให้ข้อมูล แจ้งว่าเรื่องสัญญาจัดซื้อวัคซีนเป็นสิ่งที่ห้ามเปิดเผย ทำให้กมธ.ลำบากใจ ไม่รู้ราคาวัคซีนที่แท้จริงในแต่ละยี่ห้อ

ขณะเดียวกันกมธ.ได้สอบถามสภากาชาดไทยในฐานะ 1 ใน 5 หน่วยงานรัฐที่มีอำนาจในการเจรจาจัดซื้อวัคซีนว่า มีโอกาสหรือไม่ที่สภากาชาดไทยจะเป็นผู้เจรจาจัดซื้อวัคซีนทางเลือกโควิด-19 เข้ามาในประเทศไทย ได้รับการชี้แจงจากนายเตช บุนนาค เลขาธิการสภากาชาดไทยว่า สภากาชาดไทยได้ดีลเจรจาการจัดซื้อวัคซีนทางเลือกโมเดอร์นากับบริษัทผู้ผลิตเรียบร้อยแล้ว จำนวน 1 ล้านโดส เพื่อนำเข้ามาฉีดให้ประชาชนฟรี ไม่มีค่าใช้จ่าย ซึ่งขั้นตอนการเจรจาเสร็จเรียบร้อยแล้ว แต่ขั้นตอนการนำเข้าจะอยู่ที่องค์การเภสัชกรรมเป็นผู้รับผิดชอบ จึงขึ้นอยู่กับองค์การเภสัชกรรมจะนำเข้ามาได้เมื่อใด


โปรเด็ด! ถึง 31 ก.ค. นี้ Ford Ranger, MG ZS, Mazda 2 และ Nissan อัลเมร่า ทักไลน์ @THESHOPSTIMES

คลิก????https://lin.ee/vfTXud9

“เลขาฯสมช.” ระบุ รอ14 วัน ประเมินสถานการณ์ หลังคุมเข้ม 10 จว. ยัน โครงการ “สมุย พลัส” ตรวจยิบกว่าภูเก็ต แซนด์ บ็อกซ์ ปัดตอบกระแส ไทยบริจาค 1 แสนดอลลาร์ ให้องค์การอนามัยโลก

ที่ทำเนียบรัฐบาล พล.อ.ณัฐพล นาคพาณิชย์ เลขาธิการสภาความมั่นคงแห่งชาติ (สมช.)ในฐานะผู้อำนวยการศูนย์ปฏิบัติการศูนย์บริหารสถานการณ์โควิด 19 หรือ (ศปก.ศบค.)กล่าวถึงการประชุมศบค.ในวันที่16 ก.ค.ที่มีพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรมวกลาโหม ในฐานะผอ.ศบค.เป็นประธาน จะหารือถึงมาตรการควบคุมการแพร่ระบาดหรือไม่ หลังจากตัวเลขผู้ติดเชื้อสูงอย่างต่อเนื่องว่า ในที่ประชุมยังไม่มีการทบทวนมาตรการที่ประกาศยกระดับควบคุมเข้มในพื้นที่ควบคุมสูงสุดและเข้มงวด 10 จ.ได้แก่ กทม. และปริมณฑล และ 4 จังหวัดชายแดนภาคใต้  โดยการทบทวนหรือไม่จะต้องประเมินสถานการณ์ภาพรวมหลังออกประกาศข้อกำหนดไปแล้ว 14 วัน ซึ่งจะตรงกับวันที่ 25 ก.ค.นี้ก่อน 

เมื่อถามถึงข้อกังวลจากหลายฝ่ายต่อการเปิดโครงการสมุยพลัส จะต้องเพิ่มมาตรการที่เข้มข้นขึ้นหรือไม่ เพราะอาจจะยิ่งเป็นการนำเข้าเชื้อจากต่างประเทศ พล.อ.ณัฐพล กล่าวว่า มาตรการสำหรับผู้ที่เดินทางเข้ามาจะมีความเข้มข้นมากกว่ามาตรการโครงการภูเก็ต แซนด์
บ็อกซ์

ผู้สื่อข่าวถามถึงกระแสข่าวที่ไทย บริจาคเพิ่มเติม 1 แสนดอลลาร์สหรัฐฯให้องค์การอนามัยโลก เพื่อสนับสนุนความมั่นคงด้านสาธารณสุขระหว่างประเทศและโครงการโคแวกซ์ เพื่อต่อสู้โควิด -19 เป็นสัญญาณว่าไทยจะเข้าร่วมโครงการดังกล่าวด้วยหรือไหม่  พล.อ.ณัฐพล ปฎิเสธตอบคำถาม โดยระบุให้ฝ่ายที่เกี่ยวข้องเป็นผู้ชี้แจงในรายละเอียด

“สุพัฒนพงษ์” ยันรัฐบาลพร้อมเยียวยาผู้รับผลกระทบทุกกลุ่ม

นายสุพัฒนพงษ์ พันธ์มีเชาว์ รองนายกรัฐมนตรี และรมว.พลังงาน เปิดเผยในงานสัมมนารีสตาร์ทเศรษฐกิจไทยฝ่าวิกฤตโควิด-19 ว่า รัฐบาลได้ติดตามสถานการณ์ต่าง ๆ ทุกวัน และเตรียมมาตรการไว้หลายชุดเพื่อใช้ช่วยเหลือเยียวยาหรือฟื้นฟูผู้ได้รับผลกระทบทุกกลุ่ม และพร้อมหยิบมาใช้ทันทีขึ้นอยู่กับสถานการณ์ที่เกิดขึ้น เช่น การเยียวยารอบล่าสุดหลังจาก ศบค. ประกาศวันศุกร์ เพียงแค่วันจันทร์ก็มีมาตรการเยียวยาออกมาทันที จึงขอให้ประชาชนสบายใจได้ว่าเรื่องนี้นายกรัฐมนตรีได้ดูแลและสั่งให้ติดตามเรื่องนี้ตลอดเวลา และหาทางหยุดวงจรการระบาดของโรคให้ได้

นายสุพัฒนพงษ์ ยังกล่าวถึงแนวทางการขับเคลื่อนเศรษฐกิจว่า แม้ในปัจจุบันประเทศไทยจะได้รับผลกระทบจากโควิดระบาด แต่เมื่อดูการลงทุนก็พบว่า มีแนวโน้มที่ดี เช่น คำขอรับการส่งเสริมลงทุนจากต่างประเทศ 6 เดือนในปีนี้ใกล้เคียงกับตัวเลขคำขอทั้งปีของปี 63 สะท้อนให้การย้ายฐานการลงทุน จนอาจได้เห็นตัวเลขการลงทุนโดยตรงจากต่างประเทศเป็นบวกได้อีกไม่นาน 

รวมทั้งในเร็ว ๆ นี้ จะเสนอครม.เห็นชอบการให้วีซ่าพิเศษกับคน 4 กลุ่ม คือ กลุ่มประชากรโลกผู้มีความมั่งคั่งสูง กลุ่มที่ต้องการทำงานจากประเทศไทย กลุ่มเกษียณอายุจากต่างประเทศ กลุ่มผู้มีทักษะเชี่ยวชาญพิเศษ เข้ามาในไทยระยะยาวด้วย

มท.แจ้งทุก จว.จัดกิจกรรมเฉลิมพระเกียรติในหลวง เนื่องในโอกาสวันเฉลิมพระชนมพรรษา 28 กรกฎาคม 2564

นายฉัตรชัย พรหมเลิศ ปลัดกระทรวงมหาดไทย เปิดเผยว่า ด้วยสำนักนายกฯ แจ้งว่าวันที่ 28 กรกฎาคม 2564 เป็นวันเฉลิมพระชนมพรรษา พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และเชิญชวนหน่วยงานร่วมจัดกิจกรรมเฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เนื่องในโอกาสวันเฉลิมพระชนมพรรษา 28 กรกฎาคม 2564 เพื่อเป็นการแสดงความจงรักภักดีและสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณ จึงได้แจ้งให้จังหวัดทุกจังหวัด จัดกิจกรรมเฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เนื่องในโอกาสวันเฉลิมพระชนมพรรษา 28 กรกฎาคม 2564 ให้เป็นไปด้วยความเรียบร้อยและสมพระเกียรติ ได้แก่ การจัดตั้งโต๊ะหมู่ประดิษฐานพระบรมฉายาลักษณ์ พร้อมเครื่องราชสักการะบริเวณอาคารสำนักงาน ประดับธงชาติคู่กับธงอักษรพระปรมาภิไธย ว.ป.ร. พร้อมประดับผ้าระบายสีเหลืองร่วมกับผ้าระบายสีขาว บริเวณรั้วอาคารสำนักงาน ระหว่างวันที่ 1-31 ก.ค. รวมทั้งประดับไฟบริเวณอาคารสำนักงานให้สวยงามในระยะเวลาตามความเหมาะสม โดยเป็นไปด้วยความเรียบง่ายและสมพระเกียรติ พร้อมแจ้งส่วนราชการ หน่วยงานรัฐวิสาหกิจ อำเภอ และองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นในจังหวัดดำเนินการ และเชิญชวนบริษัท ห้างร้าน ประชาชนในจังหวัด ร่วมดำเนินการดังกล่าว 

นายฉัตรชัย กล่าวอีกว่า นอกจากนี้ได้แจ้งให้จังหวัดจัดทำคำถวายพระพรชัยมงคล เนื่องในโอกาสวันเฉลิมพระชนมพรรษา 28 กรกฎาคม 2564 และสมุดลงนามถวายพระพรชัยมงคลอิเล็กทรอนิกส์บนหน้าหลักของเว็บไซต์จังหวัด รวมทั้งเชิญชวนผู้บริหาร บุคลากร และประชาชน ร่วมลงนามถวายพระพรชัยมงคล ผ่านระบบออนไลน์ที่เว็บไซต์จังหวัด ระหว่างวันที่ 15 – 31 ก.ค.หรือทางเว็บไซต์ http://forking.moi.go.th เพื่อร่วมแสดงความจงรักภักดีโดยพร้อมเพรียงกัน


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top