Tuesday, 1 July 2025
Hard News Team

ผอ.ศรชล.จังหวัดพังงาในฐานะพ่อเมืองพังงา ชวนรักษ์ทะเลไทย นำคณะเก็บขยะบริเวณหมู่เกาะไข่ เตรียมรับ นักท่องเที่ยวโครงการเชื่อมต่อจังหวัดท่องเที่ยวนำร่อง (7+7 Phuket Extension)

ศรชล.ภาค 3 โดย ศรชล.จังหวัดพังงา ร่วมกับสำนักงานทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่งที่ 6 เทศบาล ต.พรุใน องค์การระหว่างประเทศเพื่อการอนุรักษ์ธรรมชาติ (IUCN)  สำนักงานเจ้าท่าภูมิภาคสาขาพังงา สำนักงานการท่องเที่ยวและกีฬาจังหวัดพังงา และกลุ่มจิตอาสา นักดำน้ำอาสาสมัคร  ร่วมกันจัดกิจกรรมดำน้ำเก็บขยะใต้ทะเลและเก็บขยะบนเกาะ บริเวณหมู่เกาะไข่ ต.พรุใน อ.เกาะยาว จว.พังงา โดยมีนายจำเริญ ทิพญพงศ์ธาดา ผอ.ศรชล.จังหวัดพังงาและผู้ว่าราชการจังหวัดพังงา เป็นประธาน พร้อมด้วย พล.ร.ต.สุรัชฎ์ ศิริวรรณนาวี รอง ผอ.ศรชล.ภาค 3  นายธราธิป ทองเจิม นายก อบจ.พังงา  นายพงศ์ศักดิ์ กีรติกรพิสุทธิ์ นายอำเภอเกาะยาว สาธารณสุขอำเภอเกาะยาว องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น ต.พรุใน ผู้แทนหน่วยงานต่าง ๆ และประชาชนในพื้นที่ ต.พรุใน และอาสาสมัคร รวมจำนวน 45 คน ร่วมกันจัดกิจกรรมเก็บขยะทั้งบนเกาะไข่ และนักดำน้ำอาสาสมัคร จำนวน 35 คน รวมทั้งกำลัง ศรชล.ภาค 3 และทัพเรือภาคที่ 3  ร่วมกันเก็บขยะในทะเลบริเวณแปลงฟื้นฟูปะการังหมู่เกาะไข่ ซึ่งผู้ร่วมกิจกรรมฯ ได้รับวัคซีนครบโดส และปฏิบัติตามมาตรการป้องกันการแพร่เชื้อไวรัส COVID-19 ของจังหวัดพังงา 


โดยกิจกรรมฯ ดังกล่าวมีวัตถุประสงค์เพื่อร่วมกันทำความสะอาดและลดปริมาณขยะ ส่งเสริมการอนุรักษ์ทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง รวมทั้งเป็นการประชาสัมพันธ์พื้นที่ท่องเที่ยวจังหวัดพังงา เพื่อรองรับนักท่องเที่ยวตามโครงการเชื่อมต่อจังหวัดท่องเที่ยวนำร่อง (7+7 Phuket Extension) ตามนโยบายของรัฐบาล และจากการคัดแยกประเภทขยะที่จัดเก็บได้และปริมาณขยะที่จัดเก็บได้บนเกาะไข่ มีดังนี้


- ขยะทั่วไป : ประเภท ถุงพลาสติกชนิดต่าง ๆ หลอด /ช้อน / ถ้วย/จาน กล่องอาหาร (Single-use) จำนวน 56 กิโลกรัม
- วัสดุรีไซเคิล : ขวดพลาสติก ขวดแก้ว กระป๋องอลูมิเนียม  จำนวน 145 กิโลกรัม
- ขยะอินทรีย์ : เป็นการจัดเก็บกิ่งไม้ขนาดต่าง ๆ ที่ลอยมาที่หาด  นำมาจัดการให้เรียบร้อยที่ภายในเกาะไข่ เพื่อความสะอาดของพื้นที่หน้าหาด

สำหรับวัสดุรีไซเคิลที่คัดแยกได้ จะนำขนส่งมารวมกับที่ชุมชน ต.พรุใน จัดเก็บเพื่อนำไปส่งสู่กระบวนการรีไซเคิลต่อไป
ในส่วนของขยะในแนวปะการัง มีขยะประเภทต่าง ๆ ที่เก็บได้ ดังนี้
- เครื่องมือประมง(อวน) จำนวน 350 กิโลกรัม
- ประเภท เชือก ยางรถจักรยานยนต์ ถุงพลาสติก ท่อน้ำ จำนวน 100 กิโลกรัม 
- ประเภทและอื่น ๆ เช่น ขวดเครื่องดื่ม กระสอบ และเหล็ก จำนวน 50 กิโลกรัม

‘พิธา’ ยืนยัน พร้อมสู้ทุกกติกาเลือกตั้ง ด้าน 2 ส.ส.เขต ‘ก้าวไกล’ ซัด ออกแบบระบบเลือกตั้งใหม่ แต่กลับให้ย้อนใช้ระบบเก่า ชี้ ผ่านมาแล้ว 24 ปี บริบทเปลี่ยนแล้วสิ้นเชิง ควรพัฒนาเป็นระบบ ‘บัตรสองใบ’ ที่สะท้อนเสียงของประชาชนถูกตามสัดส่วนจริง

แบบปี 40 ก็ไม่กลัว ‘พิธา’ ยืนยัน พร้อมสู้ทุกกติกาเลือกตั้ง ด้าน 2 ส.ส.เขต ‘ก้าวไกล’ ซัด ออกแบบระบบเลือกตั้งใหม่ แต่กลับให้ย้อนใช้ระบบเก่า ชี้ ผ่านมาแล้ว 24 ปี บริบทเปลี่ยนแล้วสิ้นเชิง ควรพัฒนาเป็นระบบ ‘บัตรสองใบ’ ที่สะท้อนเสียงของประชาชนถูกตามสัดส่วนจริง กระทุ้ง ‘หน้าที่ ส.ส.’ คือใช้อำนาจ ‘นิติบัญญัติ’ แทนประชาชน ไม่ใช่แย่งงานดูแลถนน น้ำ ไฟ ของ ‘ท้องถิ่น’ ไปทำเอง

วันที่ 25 สิงหาคม 2564 ที่อาคารรัฐสภา นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ หัวหน้าพรรคก้าวไกล ได้ร่วมอภิปรายญัตติการแก้ไขรัฐธรรมนูญ มาตรา 3 แก้ไขมาตรา 83 กล่าวว่า น่าเสียดายที่การแก้ไขรัฐธรรมนูญครั้งนี้ ไม่สามารถเปิดทางให้มีสมาชิกสภาร่างรัฐธรรมนูญหรือ สสร. มาทำรัฐธรรมนูญใหม่ทั้งฉบับได้ เพราะการมี สสร. จะเป็นการเปิดพื้นที่ ที่สังคมไทยจะสามารถมาร่วมกันหาฉันทามติใหม่ มาหาทางออกร่วมกันจากประชาชนทุกกลุ่ม ทุกความฝัน เพื่อมาสะสาง หาทางออกจากปัญหาที่ต้นตอได้อย่างแท้จริง

“เมื่อการแก้ไขรัฐธรรมนูญทั้งฉบับที่ประชาชนเรียกร้อง ได้ถูกลดทอนลงเหลือแค่ การแก้ไขรัฐธรรมนูญเฉพาะเรื่องระบบเลือกตั้ง อย่างน้อยที่สุดพวกเราก็ต้องเสนอทางออกที่ดีที่สุดให้สังคมในเรื่องนี้ด้วย ทั้งนี้ บัตรเลือกตั้งแบบ 2 ใบ เป็นสิ่งที่พวกเราต้องการตั้งแต่แรก หากจะแก้ไขระบบเลือกตั้งใหม่ให้เป็นแบบบัตร 2 ใบ ก็จำเป็นต้องสรุปบทเรียนจากปัญหาระบบเลือกตั้งที่เคยใช้มาแล้วในอดีต ที่มีข้อบกพร่องด้วย แล้วพัฒนาปรับปรุงให้ดีขึ้นกว่าเดิมโดยใช้รัฐธรรมนูญฉบับประชาชนเมื่อปี 2540 เป็นรากฐาน” นายพิธา กล่าว

นายพิธา กล่าวต่อไปว่า รัฐธรรมนูญปี 40 ได้นำระบบบัตรเลือกตั้งสองใบมาใช้ โดยการมี ส.ส. แบบบัญชีรายชื่อนั้น ได้กระตุ้นให้พรรคการเมืองแข่งขันกันในเชิงนโยบายที่ตอบสนองประชาชนทั้งประเทศมากขึ้น รวมทั้งสนับสนุนความเป็นสถาบันทางการเมืองให้แก่พรรคการเมืองด้วย ด้วยเหตุนี้จึงเห็นด้วยหากจะแก้ไขให้มีบัตรเลือกตั้งสองใบ ประชาชนสามารถเลือกคนที่ใช่ และเลือกพรรคที่ชอบ และสนับสนุนให้คงสัดส่วนจำนวน ส.ส. แบบเขตกับแบบบัญชีรายชื่อเป็น 350 ต่อ 150 เพื่อส่งเสริมให้การทำงานของผู้แทนราษฎรในเขตเลือกตั้งได้สัดส่วนเหมาะสมกับการทำงานของผู้แทนราษฎรในเชิงนโยบาย นอกจากนี้เรายังสามารถที่จะปรับปรุงระบบเลือกตั้งแบบบัตรสองใบในอดีตให้ดีขึ้นได้อีก ด้วยการออกแบบวิธีการคำนวณ ส.ส. ของแต่ละพรรคการเมืองในสภาอย่างเป็นธรรม ให้สะท้อนเสียงทุกเสียงของประชาชนได้มากขึ้น

“ตลอดเกือบ 2 ทศวรรษที่ผ่านมา ประเทศไทยผ่านการรัฐประหารมาแล้ว 2 ครั้ง ผ่านวิกฤตการเมืองอีกหลายครั้ง ประเทศของเราเผชิญกับโจทย์ใหญ่ที่สำคัญและยังหาทางออกไม่ได้ คือเรายังไม่สามารถหาข้อยุติว่าระบบการเมืองแบบไหนที่ทุกฝ่ายยินยอมพร้อมใจที่จะอยู่ร่วมกันได้ และระบบเลือกตั้งก็เป็นส่วนหนึ่งของระบอบการเมืองด้วย” นายพิธา ระบุ

หัวหน้าพรรคก้าวไกล ยังระบุด้วยว่า เรื่องนี้ต้องมองให้ยาว ซึ่งการออกแบบระบบเลือกตั้ง จำเป็นต้องตอบโจทย์ปัญหาการเมืองที่ประเทศที่กำลังเผชิญอยู่ขณะนี้ และต้องเป็นระบบที่ออกแบบสำหรับระยะยาว ไม่ใช่มองแค่ปัญหาระยะสั้นเท่านั้น

นายพิธา กล่าวว่า เราควรออกแบบระบบการเมือง รวมถึงระบบการเลือกตั้ง ให้สนับสนุนประสิทธิภาพของระบบรัฐสภา สร้างความเข็มแข็งของสถาบันพรรคการเมือง พร้อม ๆ กับสามารถโอบรับความแตกต่างหลากหลายทางความคิด ความฝัน ของคนในชาติได้ด้วย ทำให้รัฐสภาเป็นพื้นที่ปลอดภัย แปรเปลี่ยนทำให้ทุกคะแนนเสียงจากทุกความฝัน ทุกพื้นที่ มีความหมาย ถูกคิดคะแนนอย่างเป็นธรรม ให้ประเทศชาติเดินหน้าต่อไปได้เสียที ตรงกันข้าม เราไม่ควรออกแบบระบบที่ผลักให้ประชาชนรู้สึกว่า ระบบรัฐสภาไม่ใช่พื้นที่ของพวกเขา ไม่ใช่พื้นที่ที่เสียงของพวกเขาจะมีความหมาย แม้ว่าจะเป็นเสียงที่ขัดหูขวางตาของชนชั้นนำผู้มีอำนาจ

“ในท้ายที่สุดผมเชื่อว่าหากระบบเลือกตั้งสามารถสะท้อนเสียงของประชาชนได้อย่างแท้จริง อำนาจของประชาชนที่เป็นอำนาจสูงสุดของประเทศนี้ จะสามารถปรากฏกายขึ้นในรัฐสภาแห่งนี้ สามารถเข้าไปใช้อำนาจนิติบัญญัติ สามารถเข้าไปใช้อำนาจบริหารจัดตั้งรัฐบาล และเมื่อนั้นเสียงของประชาชนจะไม่มีวันอนุญาตให้ระบอบที่กดหัวประชาชนดำรงอยู่ได้อีกต่อไป”

“พวกผม พรรคก้าวไกลทุกคน ทุกจังหวัด ทุกเขตเลือกตั้ง พร้อมที่จะต่อสู้ผ่านสนามการเลือกตั้ง ไม่ว่าผู้มีอำนาจจะพยายามออกแบบระบบการเลือกตั้งให้ตนเองได้เปรียบอย่างไร เพราะพวกผมมั่นใจว่า เสียงของประชาชนส่วนใหญ่จะมีความหมายมากที่สุด มีพลังมากที่สุด และมีความชอบธรรมมากที่สุด พวกผมจะนำเสียงของผู้ทรงอำนาจสูงสุดของประเทศนี้ มาปรากฏในสภาผู้แทนราษฎรให้ได้อย่างแท้จริง” นายพิธา กล่าวทิ้งท้าย

‘ปดิพัทธ์’ ย้ำ ระบบเลือกตั้งต้องออกแบบอย่างประณีต

ด้าน ปดิพัทธ์ สันติภาดา ส.ส.เขต 1 จังหวัดพิษณุโลก พรรคก้าวไกล กล่าวว่า เรื่องระบบเลือกตั้งในรายละเอียดเป็นเรื่องเทคนิคและเป็นผลประโยชน์พรรคการเมือง ดังนั้น แต่ละประเทศที่จะออกแบบระบบการเลือกตั้งจะต้องมาจากบริบททางสังคมว่า อยากจะออกแบบระบบรัฐสภาอย่างไร ออกแบบสัดส่วน ส.ส.แบบไหน จะแก้ปัญหาของกลุ่มประชากรต่าง ๆ อย่างไร จึงไม่ใช่การมาคุยกันเรื่องตัวเลข ซึ่งไม่แก้ปัญหาว่าจะมีระบบเลือกตั้งที่ดีได้อย่างไร 

“เราจึงไม่เสนอเรื่องนี้ในชั้นกรรมาธิการ เพราะการออกแบบระบบเลือกตั้งจำเป็นต้องถกเถียงในชั้น สสร. จำเป็นต้องมีนักวิชาการมาร่วม หรือแม้แต่ควรมีการทดลองใช้ เช่น ในการเลือกตั้งท้องถิ่นหรือการเลือกตั้งบางอย่างมาก่อน เพื่อออกแบบระบบอย่างประณีต เพราะเรื่องนี้จะมีผลต่อพรรคการเมืองและคุณภาพของสังคมไทยโดยรวม” 

ปดิพัทธ์ กล่าวต่อไปว่า แต่เมื่อทุกคนรับรู้กันดีว่า รัฐธรรมนูญ 60 มีปัญหาและอาจมีการเลือกตั้งเร็ว ๆ นี้ จึงปฏิเสธไม่ได้ที่จะต้องยอมรับความจริงและต้องพูดคุยกันเรื่องระบบเลือกตั้ง แต่สิ่งที่พรรคก้าวไกลพยามยามผลักดัน แม้จะมีข้อจำกัดคือ การออกแบบระบบเลือกตั้งควรต้องคิดไปข้างหน้าไม่ใช่มีปัญหาแล้วจะกลับไปใช้ระบบเมื่อ 24 ปีก่อน อย่าลืมว่า 2 ปีที่แล้วคนไทยยังไม่รู้จักโควิด 10 ปีที่แล้วยังไม่มีสมาร์ทโฟน ดังนั้น ระบบเลือกตั้งเมื่อ 24 ปีที่แล้วจึงไม่มีทางที่จะตอบโจทย์ทางการเมืองในปี 64 ได้ 

“หลักการที่สภารับมาได้กำหนดตัวเลขสัดส่วน ส.ส.เขตและปาร์ตี้ลิสต์ไว้ แต่หากคิดแค่เรื่องการคำนวณตัวเลขก็คงเถียงกันไม่จบ เพราะบางประเทศไม่มี ส.ส.ปาร์ตี้ลิสต์ เลยก็มี แต่นั่นเพราะ ส.ส.เขตทำหน้าที่ด้านนิติบัญญัติได้อย่างดี ไม่ต้องไปดูแลเรื่องถนนหนทาง ไฟส่องสว่าง น้ำประปา เพราะตรงนั้นคือหน้าที่ขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นและส่วนราชการ เพราะฉะนั้นจะมี ส.ส.เขต ทั้งหมดก็ได้ หากทำหน้านิติบัญญัติได้โดยถ้าไม่หลงทางเรื่องการทำหน้าที่ของ ส.ส.ว่าคืออะไร”

ปดิพัทธ์ กล่าวต่อไปว่า ส่วนสาเหตุที่ต้องมี ส.ส.ปาร์ตี้ลิสต์นั้น หากจำได้คือ ก่อนปี 40 เอาเฉพาะในจังพิษณุโลกที่ตนเกิดมา นักการเมืองมีแค่ 3 แบบ  คือ เจ้าพ่อ มาเฟีย และนายทุนเกษตร คนธรรมดาที่มีความรู้ความสามารถเข้าไปในระบบการเมืองไม่ได้ การชนะการเลือกตั้งได้ต้องเป็นนายทุนเกษตรที่ผูกขาดเศรษฐกิจได้หรือเป็นผู้มีอิทธิพลที่มีลูกน้องมากมาย จึงมีการคิดเรื่องระบบปาร์ตี้ลิสต์และสามารถทำให้พรรคการเมืองหาเสียงด้วยนโยบายได้ เป็นมรดกอันดีของรัฐธรรมนูญ 40 แต่มรดกอันดีนี้ได้พิสูจน์ผ่านการเลือกตั้งมมาแล้ว 2 ครั้งคือ ปี 44 และ 48 ทำให้พบว่า สัดส่วนการคิดคำนวณคะแนนแบบนี้ยังมีข้อผิดพลาดคือ จำนวนเก้าอี้ ส.ส.ที่เกินความเป็นจริงจากคะแนนนิยมของพรรคการเมืองนั้น ๆ ที่ประชาชนเลือกมา เพราะคำนวณจากคะแนนเสียงแบบคู่ขนานที่คิดแยกกัน ถ้าถอยกลับไปก็เหมือนเราไม่เรียนรู้ข้อผิดพลาดอะไรเลย 

“ทำไมจึงไม่คิดหาวิธีการคำนวณคะแนนที่ถูกต้องเป็นธรรม ทำไมเราจึงไม่คิดหาวิธีถ่วงดุลตรวจสอบในสภาให้ได้ดีขึ้น แต่การยืนยันเพื่อความถูกต้องนี้กลับถูกนำไปบิดเบือนว่า พรรคก้าวไกลกลัวการเลือกตั้งแบบ MMM หรือแบบคู่ขนาน ซึ่งเป็นเรื่องที่ไม่จริง พรรคก้าวไกลพร้อมเข้าสู่ระบบการเลือกตั้งทุกรูปแบบแต่ไม่สบายใจเลยที่จะเดินกลับไปสู่ระบบที่มีข้อผิดพลาดแบบนี้โดยการเห็นชอบของสภา สิ่งที่ผมพยายามผลักดันบรรยากาศทางการเมืองพิษณุโลกให้มีเปลี่ยนแปลงคือบทบาทหน้าที่ของ ส.ส. 

จนตอนนี้เวลาไปลงพื้นที่ เช่น จะไปแก้ปัญหาน้ำประปาสีแดง ประชาชนเริ่มไล่ให้ไปทำหน้าที่ในสภาโดยบอกว่านี่คือหน้าที่ของ อปท. หลายครั้งที่ไปพบประชาชน เขาจะถามว่ากฎหมายที่สัญญาไว้ตอนเลือกตั้งผลักดันถึงไหนแล้ว รัฐสวัสดิการผลักดันหรือยัง กฎหมายความเท่าเทียมทางเพศผลักดันหรือยัง เขาไม่ได้บอกให้ไปดูหลังคาเสียหายอีกแล้ว นี่คือสิ่งที่เราพยายามพัฒนาและเปลี่ยนแปลงเพื่อทำให้หน้าที่ ส.ส.เป็น ส.ส.จริง ๆ แต่กลับไปแบบเดิมและบอกว่า ควรมี ส.ส.เขต เพิ่มขึ้นจาก 350 เป็น 400 เพื่อจะได้ไปดูแลประชาชนได้ทั่วถึงนั้น ต้องขอโทษที่ต้องบอกว่า หากคิดคำนวนแล้วเท่ากับ ส.ส.ที่เพิ่มขึ้นลดจำนวนการดูแลประชาชนลงไปได้แค่ 20,000 คนเท่านั้น เหตุผลนี้จึงไม่หนักแน่นพอในการยืนยันให้ผ่านสัดส่วนแบบนี้” ปดิพัทธ์ ระบุ 

ดูแลพื้นที่คืองานท้องถิ่น ‘จิรัฏฐ์’ เทียบ ส.ส.เพิ่มอีกแค่ 50 จะดูแลใกล้ชิดกว่าบุคลากร 3,000,000 ได้อย่างไร

จิรัฏฐ์ ทองสุวรรณ์ ส.ส.เขต 4 จังหวัดฉะเชิงเทรา พรรคก้าวไกล กล่าวว่า ขอแปรญัตติในมาตรา 83 เพื่อขอให้คงจำนวน ส.ส. เขต 350 ต่อจำนวน ส.ส.ปาร์ตี้ลิสต์ 150 คน เอาไว้ ด้วยเหตุผลประการแรกคือ มิติด้านการเแข่งขันของพรรคการเมือง เพราะการแก้ไขให้เพิ่ม ส.ส.เขต เป็น 400 คน และปาร์ตี้ลิสต์เหลือ 100 คน หมายความว่าต้องขีดเส้นแบ่งเขตเลือกตั้งใหม่ ซึ่งผู้เป็นคนขีดเส้นจะได้เปรียบและยืนยันว่าการขีดเส้นมีผลต่อการเลือกตั้งมาก ไปดูเขตตนก็ได้เพราะหากดูจากแผนที่เทียบกับจำนวนประชากรจะรู้ทันทีว่าการขีดเส้นแบ่งเขตจะต้องไม่มีขีดอย่างที่เป็นตอนนี้แน่นอน 

“ประการต่อมา คือเอาหลักการมาจากอะไรไปบอกว่า ส.ส. 400 เหมาะกว่า 350 และอ้างว่าจะดูแลแลประชาชนได้ใกล้ชิดมากขึ้น ใกล้แค่ไหนคือดี ถ้าใช้หลักการนี้ไม่คงต้องมีปาร์ตี้ลิสต์เพราะไม่ใกล้ชิดประชาชนเลย แต่เจตนาของการแบ่งเขตเลือกตั้งคือ การกระจายตัวแทนของประชาชนให้มาจากทุกเขตพื้นที่ แต่ไม่ได้หมายความว่า ผู้แทนราษฎรมีหน้าที่ดูแลสารทุกข์สุกดิบหรือดูแลเฉพาะเขตของตัวเอง เมื่อเป็นผู้แทนราษฎร หมายถึงการเป็นตัวแทนของคนทั้งประเทศ และหน้าที่ของผู้แทนก็คือ การใช้อำนาจนิติบัญญัติแทนประชาชน ส.ส. ไม่ได้มีหน้าที่ในการใช้อำนาจบารมีเพื่อทำให้เขตตัวเองดีขึ้นโดยดึงงบประมาณไปลงเขตเลือกตั้งของตัวเอง ไม่มีหน้าที่ใช้อำนาจบารมีไปดึงเอาหน่วยราชการไปช่วยในเขตพื้นที่ตัวเอง ถนนพัง น้ำไม่ไหล ไฟดับ ก็ไม่ใช่งานหลักของผู้แทนราษฎร เพราะเรามี อปท.อยู่แล้วถึง 7,850 แห่งทั่วประเทศ 

การไปแทรกแซงงานของ อปท.ต่างหากที่จะทำให้การแก้ปัญหาพื้นที่ยากขึ้นเพราะต้องใช้อำนาจบารมีที่ให้คุณให้โทษเขาได้ ตามหลักก็คือการลุแก่อำนาจ ซึ่ง อปท.ก็เลือกตั้งมา การทำแบบนั้นจึงดูเหมือนใหญ่กว่าประชาชนเกินไป ไม่เบื่อหรือที่การเมืองจะมีแต่บ้านใหญ่เข้าไปได้เท่านั้น ถ้าใช้วิธีแบบนี้คนธรรมดาไม่มีโอกาสเข้ามา อาชีพนี้จะจำกัดไว้แค่คนหน้าเดิม 

"ที่จะเพิ่มเป็น 400 คน บอกว่าเพราะดูแลไม่ทั่วถึง หมายความ อปท. 7,850 แห่ง ที่มีบุคลากรกว่า 3,000,000 กว่าคนดูแลไม่ทั่วถึงหรือ ต้องตอบตรงนี้ก่อน ถ้าแบบนี้ยังไม่ทั่วถึง การเพิ่มผู้แทนอีก 50 คนจะทั่วถึงได้อย่างไรถ้าเทียบกับสามล้านคน แต่ถ้าห่วง กลัวไม่มีคนดูแลสารทุกข์สุกดิบประชาชนก็มีวิธีอื่นอีกมากที่ทำได้โดยไม่ต้องแก้รัฐธรรมนูญมาตรานี้และทำได้ทันที เช่น ใช้หน้าที่ กมธ.ไปตรวจสอบการใช้งบประมาณให้เป็นประโยชน์สูงสุดต่อประชาชน วันนี้ทำได้เลย ไม่ควรเอาเวลาของสภาไปทำอะไรที่ไม่เป็นประโยชน์เพียงแค่เพื่อแสวงหาความได้เปรียบทางการเมืองเท่านั้น 

สำหรับจำนวนปาร์ตี้ลิสต์เวลานี้ เรื่องดีที่เกิดขึ้นก็มีมากมายในสภาแห่งนี้ วันนี้ เรามีผู้แทนที่มาจากกลุ่มแรงงานที่พูดเรื่องแรงงานโดยเฉพาะ ยังมีเรื่องคนพิการ ชาติพันธุ์ LGBT ที่มีตัวแทนของเขาในสภามาผลักดันเรื่องความเท่าเทียมโดยเฉพาะ เมื่อก่อนเราไม่เคยเห็นอะไรแบบนี้ และเราทิ้งไม่ได้ ต้องคิดเรื่องนี้อย่างจริงจัง การเลือกตั้งผลต้องมาจากการตัดสินใจของประชาชนเป็นสำคัญ ตัวแปรต้องไม่ใช่กติกา ถ้าอยากชนะการเลือกตั้งก็ไปทำงาน ถ้าไม่ยอมทำงานที่ตัวเองควรจะทำแต่ไปแก้กติกามันไม่ถูกต้อง และถ้าอยากแก้ปัญหาประเทศนี้จริง ควรไปตั้ง สสร. ให้ได้ นั่นต่างหากคืการแก้ปัญหาจริง ๆ และจะได้แก้ระบบการเลือกตั้งที่ท่านต้องการด้วย"


Q : ประกันอะไร? ได้ตั้ง 4 ต่อ!!
A : ก็ประกันภัยรถยนต์จาก @THESHOPTIMES ไง!! 
>> ฟรี!!! ประกันภัยอุบัติเหตุส่วนบุคคล (PA) 100,000 บาท
>> รับคอมมิชชั่นหรือส่วนลดทันที ในอัตราที่สูงกว่า แถมได้สิทธิซื้อประกัน พ.ร.บ.ราคาถูกตลอดชีพ
>> สามารถผ่อนได้สูงสุด 6 งวด ดอกเบี้ย 0% โดยไม่ต้องใช้บัตรเครดิต
>> แถมขายดีมีรายได้เพิ่มให้กับตัวเองด้วย
***สนใจติดต่อ Line@ THE SHOPS TIMES คลิก????https://lin.ee/vfTXud9

อีอีซี กระชับความร่วมมือระดับสูง ไทย-กวางตุ้ง ให้เกิดเป็นรูปธรรม ย้ำเดินหน้าความร่วมมือ 5 สาขาหลัก อุตสาหกรรมEV, ดิจิทัล5G, สุขภาพ, Smart City และเศรษฐกิจสีเขียว เสริมแกร่งเศรษฐกิจไทย 

นายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม และนายหม่า ซิงรุ่ย ผู้ว่าการมณฑลกวางตุ้ง สาธารณรัฐประชาชนจีน เป็นประธาน การประชุมความร่วมมือระดับสูง ไทย-กวางตุ้ง (High Level Cooperation Conference: HLCC) ครั้งที่ 1 หัวข้อ Stronger Strategic Synergy between GBA and the EEC for a Better Future โดยมี นายคณิศ แสงสุพรรณ เลขาธิการคณะกรรมการนโยบายเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก (อีอีซี) นายวีรชัย มั่นสินทร ประธานสถาบันความร่วมมืออุตสาหกรรมไทย-จีน (สภาอุตสาหกรรม) นายโจว ย่าเหว่ย สมาชิกถาวรพรรคคอมมิวนิสต์จีน นครกว่างโจว (เทียบเท่ารองนายกเทศมนตรีกว่างโจว) นายเถา หย่งซิน รองนายกเทศมนตรีเซินเจิ้น และนายจู เหว่ย รองผู้อำนวยการ คณะกรรมการพัฒนาและปฏิรูปมณฑลกวางตุ้ง และสำนักงาน GBA เข้าร่วมประชุม ผ่านระบบการประชุมทางไกล  

การประชุม HLCC ครั้งนี้ ถือเป็นเวทีหารือเฉพาะด้านเศรษฐกิจและการเชื่อมโยงระหว่างเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออกหรืออีอีซี และการพัฒนาเขตเศรษฐกิจ Greater Bay Area (GBA) ของจีน ซึ่งประกอบด้วยมณฑลกวางตุ้ง, ฮ่องกง และมาเก๊า เพื่อยกระดับความร่วมมือระหว่าง อีอีซี กับ GBA ให้มีความเชื่อมโยงทางยุทธศาสตร์ในการพัฒนาอย่างเป็นรูปธรรม ภายใต้กรอบบันทึกความเข้าใจว่าด้วยความร่วมมือระหว่างทั้งสองฝ่าย

นายคณิศ แสงสุพรรณ ได้กล่าวถึง ความก้าวหน้าการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานในพื้นที่อีอีซี ให้แก่ทางมณฑลกวางตุ้ง ได้แก่ โครงการรถไฟความเร็วสูงเชื่อม 3 สนามบิน, สนามบินอู่ตะเภาและเมืองการบินภาคตะวันออก, ท่าเรือแหลมฉบังระยะที่ 3 และท่าเรืออุตสาหกรรมมาบตาพุด ระยะที่ 3 รวมถึงโครงสร้างพื้นฐานด้านดิจิทัลในด้านการพัฒนา 5G ในพื้นที่อีอีซี พร้อมความก้าวหน้าการส่งเสริม 12 อุตสาหกรรมเป้าหมาย 

โดยอีอีซี จะให้ความสำคัญกับ 3 คลัสเตอร์ ประกอบด้วย (1) Digital and 5G (2) Smart Logistics (3) Health and Wellbeing ซึ่งมี BCG (Bio-circular-Green) เป็นแนวทางการลงทุนและประกอบธุรกิจสำหรับทุกคลัสเตอร์เพื่อให้บรรลุเป้าหมายของการเป็น Net Zero Emission ในภาคอุตสาหกรรมของพื้นที่อีอีซี 

ทั้งนี้ ยังได้หารือถึงโอกาสการเชื่อมโยงการพัฒนาเชิงพื้นที่ระหว่างอีอีซี และ GBA ผ่านเส้นทางบกและทางรางผ่านทาง สปป.ลาว และไทยมายังปลายทาง อีอีซี จากแผนการพัฒนาท่าเรือบก (Dry port) ซึ่งจะเชื่อมโยงกับท่าเรือบกประเทศเพื่อนบ้าน รวมถึงจีนตอนใต้ เช่น ฉงชิ่ง และคุนหมิง การเชื่อมโยงขนส่งระหว่างอ่าวไทยและอันดามันในอนาคตผ่าน Land bridge ไปยังท่าเรือน้ำลึกระนอง ซึ่งจะเชื่อมโยงกลุ่มประเทศเอเชียใต้และยุโรป และโอกาสการเชื่อมโยงทางอากาศกับสนามบินอู่ตะเภา ที่สามารถรองรับทั้งการขนส่งสินค้าและผู้โดยสาร รวมถึงเป็น Connectivity Hub เชื่อมโยงพื้นที่ GBA กับกลุ่มประเทศลุ่มน้ำโขงได้เป็นอย่างดี โดยได้เน้นย้ำถึงศักยภาพของอีอีซี ในการเป็นศูนย์กลางในการเชื่อมต่อกับภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ และ ASEAN รวมถึงการเป็นจุดยุทธศาสตร์ที่สำคัญสำหรับ Belt & Road Initiative

นายคณิศ ย้ำถึงความร่วมมือระหว่างอีอีซี กับ GBA ในด้านการลงทุนและอุตสาหกรรม 5 สาขาหลักที่กวางตุ้งมีศักยภาพ ได้แก่ (1) อุตสาหกรรมยานยนต์พลังงานใหม่และยานยนต์อัจฉริยะ EV (2) ดิจิทัลและ 5G (3) อุตสาหกรรมที่เกี่ยวข้องกับสุขภาพ (4) Smart City และ (5) อุตสาหกรรมที่เกี่ยวเนื่องกับ Green and Circular Economy 

ซึ่งสอดคล้องกับประเด็นที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม ประธานการร่วมประชุมฝ่ายไทย ได้เสนอให้ทั้งสองฝ่ายเร่งรัดส่งเสริมความร่วมมือในด้านต่าง ๆ ได้แก่ การสร้างความเชื่อมโยงของห่วงโซ่การผลิต (Supply Chain Connectivity) ในสาขาอุปกรณ์ทางการแพทย์ ยานยนต์พลังงานใหม่และยานยนต์อัจฉริยะ ปัญญาประดิษฐ์ เกษตรสมัยใหม่ และพลังงานสะอาดและพลังงานทางเลือก การพัฒนาศักยภาพและเครือข่ายของผู้ประกอบการ โดยเฉพาะ SMEs และ Startups และการพัฒนา Smart City และ 5G  

อย่างไรก็ดี ที่ประชุมฯ ได้รับรองความร่วมมือ 6 สาขา ที่ทั้งสองฝ่ายจะเร่งดำเนินการ ได้แก่ (1) อุตสาหกรรมสมัยใหม่ (2) เศรษฐกิจ การค้าและการลงทุน (3) การเกษตร (4) วัฒนธรรม การท่องเที่ยวและการดูแลสุขภาพ (5) การแลกเปลี่ยนฉันมิตรระหว่างท้องถิ่น (6) ความร่วมมือด้านอื่น ๆ อาทิ พลังงานสะอาด วิทยาศาสตร์ เทคโนโลยี นวัตกรรม รวมถึงการเงินและตลาดทุน 

โดยทั้งสองฝ่ายยินดียกระดับความร่วมมือระหว่าง สกพอ. กับสำนักงาน GBA และเขตนำร่องการค้าเสรีของกวางตุ้ง และเห็นพ้องให้จัดตั้งคณะทำงานร่วมกัน เพื่อให้เกิดการทำงานที่เป็นรูปธรรมและต่อเนื่อง และมีการร่วมมือและประสานงานกันอย่างใกล้ชิด โดยจะเจาะลึกถึงการลงทุนในกิจการและอุตสาหกรรมสำคัญ รวมถึงร่วมพัฒนาเทคโนโลยีและนวัตกรรมอย่างมีเป้าหมายร่วมกัน


Q : ประกันอะไร? ได้ตั้ง 4 ต่อ!!
A : ก็ประกันภัยรถยนต์จาก @THESHOPTIMES ไง!! 
>> ฟรี!!! ประกันภัยอุบัติเหตุส่วนบุคคล (PA) 100,000 บาท
>> รับคอมมิชชั่นหรือส่วนลดทันที ในอัตราที่สูงกว่า แถมได้สิทธิซื้อประกัน พ.ร.บ.ราคาถูกตลอดชีพ
>> สามารถผ่อนได้สูงสุด 6 งวด ดอกเบี้ย 0% โดยไม่ต้องใช้บัตรเครดิต
>> แถมขายดีมีรายได้เพิ่มให้กับตัวเองด้วย
***สนใจติดต่อ Line@ THE SHOPS TIMES คลิก????https://lin.ee/vfTXud9

รวมพลคนชื่อ ‘โจ้’

สนั่นโลกโซเชี่ยลตอนนี้ คงหนีไม่พ้น ‘ผกก.โจ้’ หรือ พ.ต.อ.ธิติสรรค์ อุทธนพล หนึ่งในผู้ร่วมลงมือนำถุงคลุมศีรษะผู้ต้องหาจนถึงแก่ความตาย ขณะนี้เจ้าหน้าที่ตำรวจกำลังเร่งติดตามตัวมาดำเนินคดีอย่างเร่งด่วน

ไหน ๆ ‘ชื่อโจ้’ ก็เต็มหน้าฟีดซะขนาดนี้ THE STATES TIMES เลยไปรวบรวมบรรดา ‘คนชื่อโจ้’ ในแวดวงการอื่น ๆ ซึ่งไม่น่าเชื่อว่า แต่ละคน ดัง ๆ ทั้งนั้น!!


Q : ประกันอะไร? ได้ตั้ง 4 ต่อ!!
A : ก็ประกันภัยรถยนต์จาก @THESHOPTIMES ไง!! 
>> ฟรี!!! ประกันภัยอุบัติเหตุส่วนบุคคล (PA) 100,000 บาท
>> รับคอมมิชชั่นหรือส่วนลดทันที ในอัตราที่สูงกว่า แถมได้สิทธิซื้อประกัน พ.ร.บ.ราคาถูกตลอดชีพ
>> สามารถผ่อนได้สูงสุด 6 งวด ดอกเบี้ย 0% โดยไม่ต้องใช้บัตรเครดิต
>> แถมขายดีมีรายได้เพิ่มให้กับตัวเองด้วย
***สนใจติดต่อ Line@ THE SHOPS TIMES คลิก????https://lin.ee/vfTXud9

"ยามา" (Llama) อาจเป็นฮีโร่ช่วยมนุษยชาติสู้โควิด หลังนักวิจัยพบแอนติบอดีของตัวยามา สามารถบั่นทอนเชื้อโควิด-19 ในการทดลองในห้องปฏิบัติการของสตาร์ทอัพในเบลเยียม

สำนักข่าวรอยเตอร์รายงาน แอนติบอดีของตัวยามา (Llama) สัตว์จากอเมริกาใต้ อาจมีบทบาทในการต่อสู้กับโควิด-19 ทั่วโลกในไม่ช้า หากการทดลองทางคลินิกที่ดำเนินการโดยสตาร์ทอัปด้านชีวการแพทย์ของเบลเยียมนั้นประสบความสำเร็จในที่สุด

นักวิจัยจากศูนย์เทคโนโลยีชีวภาพทางการแพทย์ VIB-UGent ในเมืองเกนต์ กล่าวว่า แอนติบอดีที่สกัดจากตัวยามาชื่อวินเทอร์ ได้ลดทอนความรุนแรงของการติดเชื้อโคโรโนาไวรัสรวมถึงสายพันธุ์ต่าง ๆ ในการทดสอบในห้องปฏิบัติการ

ดอมินีค เตร์ซาโก (Dominique Tersago) หัวหน้าเจ้าหน้าที่การแพทย์ของบริษัท Spin-off ExeVir ซึ่งเป็นสาขาหนึ่งของ VIB-UGent กล่าวว่าเทคโนโลยีนี้ถือเป็น "ตัวพลิกสถานการณ์ ในอนาคตเลยทีดียว โดยมันจะเป็นตัวเสริมไม่ใช่เข้ามาแทนที่วัคซีนโดยการปกป้องผู้ที่มีระบบภูมิคุ้มกันอ่อนแอและการรักษาผู้ติดเชื้อในโรงพยาบาล

แอนติบอดีของยามาที่มีขนาดเล็กผิดปกติสามารถจับกับส่วนที่เฉพาะเจาะจงของโปรตีนหนาม (Spike) ของไวรัส และ "ในขณะนี้เราไม่เห็นการกลายพันธุ์ที่มีความถี่สูงโดยรอบที่เชื้อเกาะเข้ากับโปรตีนหนาม" ดอมินีคกล่าว

แอนติบอดียังแสดง "ฤทธิ์เป็นกลางที่แข็งแกร่ง" กับสายพันธุ์เดลตาที่ติดเชื้อได้สูง เธอกล่าวเสริม

นักวิจัยคาดว่าการทดลองทางคลินิกในอาสาสมัครที่มีสุขภาพดีซึ่งเริ่มต้นเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว โดยร่วมมือกับ UCB บริษัทยาของเบลเยียม ร่วมกับผู้ป่วยในโรงพยาบาล คาดว่าจะได้ผลเช่นเดียวกัน

ซาเวียร์ แซลองส์ (Xavier Saelens) หัวหน้ากลุ่ม VIB-UGent กล่าวว่า เจ้าวินเทอร์ยังผลิตแอนติบอดีแบบธรรมดาที่มีขนาดเล็กกว่า เสถียรกว่า สืบพันธุ์ได้ง่ายกว่า และมีความหลากหลายมากกว่าสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนมอื่น ๆ ซึ่งเป็นคุณสมบัติเหมือนกันยามาตัวอื่น ๆ และสัตว์ในตระกูลอูฐ

“ขนาดที่เล็กของมัน… ช่วยให้พวกมันไปถึงเป้าหมาย เข้าถึงส่วนต่าง ๆ ของไวรัสที่ยากต่อการเข้าถึงด้วยแอนติบอดี้แบบเดิม” เขากล่าว

การค้นหาการรักษาโควิด-19 นี้ดำเนินตามผลการศึกษาในปี 2559 เกี่ยวกับแอนติบอดีของยามาเพื่อต่อต้านโรคซาร์สและเมอร์ส บริษัท Sanofi ของฝรั่งเศสจ่ายเงิน 3.9 พันล้านยูโรให้กับ Ablynx ซึ่งเป็นบริษัททางการแพทย์ในเมืองเกนต์ที่เชี่ยวชาญด้านการวิจัยแอนติบอดียามาในปี 2561

ในขณะเดียวกัน วินเทอร์ซึ่งตอนนี้สามารถนำแอนติบอดี้ของมันมาผลิตซ้ำได้ในห้องแล็บ กำลังเพลิดเพลินกับการเกษียณอายุในอุทยานศิลปะและสวนสัตว์ส่วนตัวในเมืองเกนต์


ที่มา: https://www.posttoday.com/world/661467

https://www.reuters.com/business/healthcare-pharmaceuticals/llama-antibodies-blunt-covid-variants-lab-trial-says-belgian-start-up-2021-08-24/


Q : ประกันอะไร? ได้ตั้ง 4 ต่อ!!
A : ก็ประกันภัยรถยนต์จาก @THESHOPTIMES ไง!! 
>> ฟรี!!! ประกันภัยอุบัติเหตุส่วนบุคคล (PA) 100,000 บาท
>> รับคอมมิชชั่นหรือส่วนลดทันที ในอัตราที่สูงกว่า แถมได้สิทธิซื้อประกัน พ.ร.บ.ราคาถูกตลอดชีพ
>> สามารถผ่อนได้สูงสุด 6 งวด ดอกเบี้ย 0% โดยไม่ต้องใช้บัตรเครดิต
>> แถมขายดีมีรายได้เพิ่มให้กับตัวเองด้วย
***สนใจติดต่อ Line@ THE SHOPS TIMES คลิก????https://lin.ee/vfTXud9

พิษโควิดทำคนรายได้หายแห่ยกเลิกจองรถยนต์เพียบ

นายสุรพงษ์ ไพสิฐพัฒนพงษ์ รองประธานและโฆษกกลุ่มอุตสาหกรรมยานยนต์ สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.) เปิดเผยว่า ขณะนี้ยอดขายรถยนต์ในประเทศเดือน ก.ค. 2564 ลดลงต่ำสุดในรอบ 7 เดือน โดยมีจำนวน 52,442 คัน ลดลง 11.62% เทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน หลังจากทางศูนย์จำหน่วยรถยนต์ แจ้งว่า เริ่มเห็นลูกค้ายกเลิกการจองรถ รวมทั้งเลื่อนการรับรถออกไปเป็นจำนวนมาก 

ทั้งนี้เป็นผลมาจากศูนย์บริหารสถานการณ์โควิดข19 (ศบค.) ได้ประกาศมาตรการล็อกดาวน์ช่วงกลาง ก.ค. ที่ผ่านมา รวมทั้งสถาบันการเงินมีความเข้มงวดอนุมัติสินเชื่อ ถูกปฏิเสธสินเชื่อสูงถึง 50% จากช่วงปกติถูกปฏิเสธเพียง 5-10% เท่านั้น ขณะที่รถยนต์ราคาแพง รวมถึงรถยนต์ไฟฟ้าพบว่า ยังไม่กระทบมากนัก อย่างไรก็ตาม ส.อ.ท. ประเมินว่า ในช่วงต่อไปนี้ หากรัฐบาลทยอยผ่อนคลายมาตรการล็อกดาวน์ ก็เชื่อว่าจะทำให้สถานการณ์การจำหน่ายรถยนต์ปรับตัวดีขึ้น 

สำหรับการผลิตรถยนต์ในประเทศเดือน ก.ค.มี 122,852 คัน เพิ่มขึ้น 37.52% เทียบจากช่วงเดียวกันของปีก่อน เพราะฐานต่ำในปีที่แล้วและต่ำสุดรอบปีนี้ หากไม่นับรวมเดือน เม.ย. 64 ที่มีวันหยุดจำนวนมาก เนื่องจากผู้ประกอบการในอุตสาหกรรมยานยนต์ส่วนใหญ่พบกับปัญหาขาดแคลนชิพเซมิคอนดักเตอร์ที่เป็นชิ้นส่วนสำคัญและชิ้นส่วนรถยนต์บางชิ้นในการผลิตจากผลกระทบโรงงานชิ้นส่วนทั้งในและเพื่อนบ้านได้รับผลกระทบจากโควิด-19 จึงต้องชะลอการผลิตรถยนต์บางรุ่น 

โดย 7 เดือนแรกปีนี้ผลิตรถยนต์ทั้งสิ้น 967,453 คัน เพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันของปีก่อน 39.11% ซึ่งหากการผลิตยังอยู่ระดับดังกล่าวผลกระทบต่างๆ ไม่รุนแรงขึ้นคาดว่าการผลิตรถยนต์ปี 64 จะเป็นไปตามเป้าหมายที่วางไว้ 1.55-1.6 ล้านคัน แบ่งเป็นผลิตเพื่อส่งออก 800,000-850,000 คัน ผลิตเพื่อขายในประเทศ 750,000 คัน   

“แรมโบ้” ไม่เลิก “ณัฐวุฒิ – สมบัติ” มอบฝ่ายกม.ดำเนินคดีอีกเพียบ ลั่น ต้องส่งเข้าคุกให้ได้

นายเสกสกล อัตถาวงศ์ ผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำนายกรัฐมนตรี กล่าวกรณีที่นายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ แกนนำนปช. นายสมบัติ บุญงามอนงค์ หรือ บก.ลายจุด นัดชุมนุมคาร์ม็อบวันที่ 29 ส.ค. ว่า ขอให้นายณัฐวุฒิ และนายสมบัติ มีจิตสำนึกก่อนจะออกมาเคลื่อนไหวว่าจะทำให้บ้านเมืองเกิดความเสียหายมากน้อยแค่ไหน ประชาชนเดือดร้อนหรือไม่ ที่ผ่านมาการเคลื่อนไหวสร้างความรุนแรง มีประชาชน ตำรวจ ได้รับบาดเจ็บ และเสี่ยงต่อการระบาดของโควิด-19 

หากเกิดคลัสเตอร์ใหม่จะเพิ่มภาระให้บุคลากรทางการแพทย์ และนายณัฐวุฒิ นายสมบัติ จะต้องรับผิดชอบเพราะเป็นทั้งตัวการสั่งการให้ทำผิดกฎหมาย และร่วมกระทำการอย่างชัดเจน เพื่อให้เกิดความไม่สงบ หวังกดดันให้นายกฯลาออก เพื่อให้ฝ่ายตนเองได้รับประโยชน์หวังกลับมามีอำนาจรัฐ รับโบนัสกันจากนายทุนใหญ่หากเห็นแก่บ้านเมืองและประชาชน คงหยุดการเคลื่อนไหวไปตั้งนานแล้ว จึงขอย้ำกับประชาชน หรือเยาวชนที่จะเข้าร่วมกับนายณัฐวุฒิ ว่ากำลังถูกหลอกใช้เป็นเครื่องมือ และให้ทำผิดกฎหมาย

นายเสกสกล กล่าวว่า ตนจึงต้องตัดไฟต้นลม โดยให้ฝ่ายกฎหมายเตรียมแจ้งความดำเนินคดีกับทั้งสองคนเพิ่มเติมอีกหลายกระทง ต่างกรรมต่างวาระ เพื่อให้สองคนที่กำลังคิดร้ายต่อแผ่นดินไทย เข้าไปอยู่ในคุกให้ได้ ไม่ให้ทำตัวเป็นเยี่ยงอย่างที่ไม่ดีต่อเยาวชน คนหนักแผ่นดินเช่นนี้ เป็นภัยร้ายต่อประเทศชาติบ้านเมือง ไม่สมควรมีที่ยืนในสังคม

"ผู้กำกับหนุ่ย พรรคกล้า" ชี้ ใช้กำลังประทุษร้าย ให้ผู้ต้องหารับสารภาพ เป็นวิธีผิดกฎหมาย สะเทือนใจหลังเห็นคลิปทรมานผู้ต้องหาว่อนเน็ต ขอให้เป็นครั้งสุดท้ายของ สตช. ย้ำทุกองค์กรมีทั้งคนดี-คนไม่ดี 

พ.ต.อ.ทศพล โชติคุตร์ ผู้เสนอตัวสมัครรับเลือกตั้ง จ.ชุมพร พรรคกล้า ในฐานะอดีตผู้กำกับฝ่ายอำนวยการกองบังคับการตำรวจนครบาล 7 โพสต์ข้อความลงเฟสบุ๊กส่วนตัว กรณีออกหมายจับ พ.ต.อ.ธิติสรรค์ อุทธนผล อดีตผู้กำกับการสถานีตำรวจภูธรเมืองนครสวรรค์ กับพวก ข้อหาร่วมกันฆ่าโดยเจตนาว่า 

"ทุกองค์กร มีทั้งคนดีและคนไม่ดี 

ผกก.นายหนึ่ง อนาคตไกล สังกัด บช.ภ.6 จับกุมผู้ต้องหาแล้วสอบปากคำด้วยการคลุมถุงดำจนเป็นเหตุให้ ผู้ต้องหาถึงแก่ความตาย 

จะอย่างไรก็แล้วแต่ผมต้องขอแสดงความเสียใจกับครอบครัวผู้เสียชีวิตด้วยนะครับ 

ส่วนเรื่องทางคดี...ก็ปล่อยให้เป็นไปตามขบวนการยุติธรรม ซึ่งปรากฎตามคลิปที่แชร์กันในโซเชียล 

แต่การครอบถุงดำ...เพื่อให้ผู้ต้องหารับสารภาพ หรืออยากรู้ข้อเท็จจริงบางอย่างในการจับกุมยาเสพติด ไม่ว่าจะขยายผล หรือ เพื่อหาที่ซุกซ่อนยาเสพติดที่ยังเหลืออยู่อีก โดยใช้กำลังประทุษร้ายเป็นวิธีการที่ผิดกฎหมาย       

และปรากฏคลิปประกอบด้วยตามที่เห็นกัน เป็นที่สะเทือนจิตใจ ของประชาชนเป็นอย่างมาก ขอให้วิธีการแบบนี้ เป็นคดีสุดท้ายของสำนักงานตำรวจแห่งชาตินะครับ 

#จากใจผู้กำกับหนุ่ยซึ่งเคยเป็นนักสืบเก่า #อดีตสารสืบสวนและรองผู้กำกับสืบสวน"


Q : ประกันอะไร? ได้ตั้ง 4 ต่อ!!
A : ก็ประกันภัยรถยนต์จาก @THESHOPTIMES ไง!! 
>> ฟรี!!! ประกันภัยอุบัติเหตุส่วนบุคคล (PA) 100,000 บาท
>> รับคอมมิชชั่นหรือส่วนลดทันที ในอัตราที่สูงกว่า แถมได้สิทธิซื้อประกัน พ.ร.บ.ราคาถูกตลอดชีพ
>> สามารถผ่อนได้สูงสุด 6 งวด ดอกเบี้ย 0% โดยไม่ต้องใช้บัตรเครดิต
>> แถมขายดีมีรายได้เพิ่มให้กับตัวเองด้วย
***สนใจติดต่อ Line@ THE SHOPS TIMES คลิก????https://lin.ee/vfTXud9

“บิ๊กตู่” เคาะวงเงินกองทุนสสว.1,224 ล้าน ช่วยเอสเอ็มอี

นายธนกร วังบุญคงชนะ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า ที่ประชุมคณะกรรมการส่งเสริมวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม ที่มีนายกรัฐมนตรี เป็นประธาน เห็นชอบจัดสรรเงินกองทุนส่งเสริมวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม ประจาปี 65 จำนวน 1,224.8 ล้านบาท เพื่อให้ผู้ประกอบการเอสเอ็มอีรายย่อย (ไมโครเอสเอ้มอี) ได้รับการส่งเสริมและพัฒนาให้อยู่รอด หลังการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 และช่วยบรรเทาปัญหาพร้อมทั้งฟื้นฟูธุรกิจ พร้อมกับสร้างความพร้อมให้เอสเอ็มอีเข้าสู่การแข่งขันได้ต่อไป 

นายธนกร กล่าวว่า นายกรัฐมนตรี ยังสั่งการให้เร่งพัฒนาระบบฐานข้อมูลสมาชิก สสว. เพื่อเชื่อมโยงการบริการและแลกเปลี่ยนข้อมูลที่เป็นประโยชน์ต่อธุรกิจ และขอให้การใช้เงินกองทุนส่งเสริมฯสอดคล้องกับวัตถุประสงค์ของกองทุนฯ ให้เกิดความคุ้มค่า และประโยชน์ต่อผู้ประกอบการเอสเอ็มอีโดยตรง และเสนอแนะให้แก้ไขเพิ่มเติมหรือปรับปรุงกฎหมายเกี่ยวกับการส่งเสริมเอสเอ็มอีที่ยังล้าสมัยให้ทันกับสถานการณ์ที่เกิดขึ้น โดยให้คำนึงถึงการประกอบธุรกิจหลังสถานการณ์โควิด-19 และผลประโยชน์ของประเทศและประชาชนที่จะได้รับด้วย 

ส่วนในขั้นตอนการดำเนินการ ได้มอบหมายให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องไปหารือร่วมกับสำนักงานขับเคลื่อนการปฏิรูปประเทศ ยุทธศาสตร์ชาติ และการสร้างความสามัคคีปรองดอง (ป.ย.ป.)  และคณะทำงานด้านการปฏิรูปเศรษฐกิจ เพื่อให้เกิดการต่อยอดเศรษฐกิจ ยกระดับเอสเอ็มอี รวมถึงการส่งเสริมให้มีพี่เลี้ยงสนับสนุนพัฒนาผู้ประกอบการ เพื่อพัฒนาขึ้นเป็นเอสเอ็มอีรายใหม่ ด้วยการทำงานร่วมกันกับศูนย์บ่มเพาะต่าง ๆ ที่มีอยู่ทั่วประเทศ เช่น ศูนย์ดิจิทัล ของกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม เพื่อให้การทำงานเชื่อมโยงกันเป็นระบบและไปสู่เป้าหมายเดียวกัน

นายธนกร กล่าวว่า นายกฯ ยังกำชับให้เร่งแก้อุปสรรคและข้อจำกัดการเข้าถึงแหล่งเงินทุนของเอสเอ็มอี โดยจัดทำข้อมูลของเอสเอ็มอี ให้ชัดเจนเพื่อใช้พิจารณาช่วยเหลือผู้ประกอบการแต่ละกลุ่มเข้าถึงสินเชื่อและแหล่งเงินทุนแต่ละประเภท รวมทั้งใช้ข้อมูลการบริหารงบประมาณของในส่วนของการพัฒนาจังหวัด กลุ่มจังหวัดประกอบด้วย เพื่อเร่งสร้างงานและรายได้ให้กับประชาชนได้มากขึ้น รวมทั้งมอบหมาย สสว. หารือหน่วยงานที่เกี่ยวข้องส่งเสริมการขายสินค้าเกษตรออนไลน์และการขนส่งสินค้าให้ถึงมือผู้บริโภค และยืนยันรัฐบาลพร้อมแก้ปัญหาหนี้ให้ได้โดยเร็วที่สุด 

“สงคราม” ชี้พรรคที่ไม่อยากแก้กลัวเสียอำนาจต่อรองรัฐธรรมนูญแก้ไขยากเหตุกระทบสืบทอดอำนาจเผด็จการ

นายสงคราม กิจเลิศไพโรจน์ ประธานคณะกรรมการยุทธศาสตร์พรรคเพื่อชาติ อดีตรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยว่า การแก้ไขรัฐธรรมนูญที่เข้าสู่ที่ประชุมของสภาผู้แทนราษฎร เป็นการแก้ไขที่ว่า ด้วยระบบเลือกตั้ง ที่คณะกรรมาธิการพิจารณาแล้วเสร็จ นำเข้าสู่การพิจารณาเห็นชอบในวาระที่สอง แบบทีละมาตรา และเมื่อรัฐสภาพิจารณาร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญในวาระสองแล้วก่อนที่จะมีการพิจารณา ในวาระที่ 3 ต่อไป ถ้าหากร่างรัฐธรรมนูญฉบับนี้ผ่านความเห็นชอบจากที่ประชุมรัฐสภา ก็ถือได้ว่าเป็นความสำเร็จครั้งแรกในการแก้ไขรัฐธรรมนูญ หลังจากถูกคว่ำจากวุฒิสภา และถูกเตะถ่วงจากฟากรัฐบาลอยู่หลายรอบ

ทั้งนี้การแก้ไขรัฐธรรมนูญดังกล่าว เป็นการแก้ไขรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย แก้ไขเพิ่มเติม (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... (แก้ไขเพิ่มเติมมาตรา 83 และมาตรา 91)” หรือเรียกกันง่ายๆ ที่แก้ไขระบบเลือกตั้งให้กลับไปคล้ายกับรัฐธรรมนูญ 2540 คือให้มีบัตรเลือกตั้งสองใบที่แยก ส.ส.เขต และบัญชีรายชื่อออกจากกัน รวมทั้งปรับสัดส่วนให้มี ส.ส.เขต 400 คน และ ส.ส.บัญชีรายชื่อ 100 คน  เป็นไปตามรูปแบบการเลือกตั้งตามรัฐธรรมนูนปี 2540 ที่ประชาชนมีความคุ้นเคย และสะท้อนถึงความนิยมของพรรคการเมือง รวมทั้งพรรคการเมืองที่ได้รับเสียงข้างมากสามารถที่จะนำนโยบายพรรคการเมืองหาเสียงไว้ มาสู่การปฎิบัติได้ 

นายสงคราม   กล่าวด้วยว่า  การเลือกตั้งที่ผ่านมา พบว่าหลายฝ่ายต่างออกมาวิพากษ์วิจารณ์รูปแบบการเลือกตั้งว่าไม่เป็นไปตามเจตนารมย์ของประชาชน ชี้ชัดว่าระบบเลือกตั้งตามรัฐธรรมนูญ 2560 ว่ามีปัญหาหลายด้าน และเป็นการเลือกตั้งที่ผู้มีอำนาจกำหนดได้ ไม่สะท้อนความต้องการของประชาชน รวมทั้งไม่สามารถป้องกันการซื้อสิทธิขายเสียงได้จริง และทำให้การเมืองอ่อนแอเพราะมีจำนวนพรรคการเมืองที่มากเกินไปส่งผลให้การเมืองไม่มีเสถียรภาพและมีการต่อรองทางการเมืองกันมาก 

“ด้วยเหตุนี้การกลับไปหาระบบเลือกตั้งตามรัฐธรรมนูญ 2540 แบบดั้งเดิมย่อมทำให้พรรคการเมือง เช่น พรรคขนาดกลางรวมทั้งพรรคขนาดเล็ก หวั่นเกรงว่าจะเสียเปรียบในการเลือกตั้ง  เหตุผลที่ใช้ในการคัดค้านระบบเพราะจะกระทบกับการสืบทอดอำนาจและผลโยชน์ให้กับพรรคใหญ่และเปิดโอกาสให้พรรคที่ คสช. หนุนหลังมีอำนาจเบ็ดเสร็จมากยิ่งขึ้นในการเลือกตั้งครั้งหน้าโดยไม่ต้องกังวลกับเสียงพรรคเล็กพรรคน้อย รวมทั้งครองอำนาจได้ยาวนานยิ่งขึ้น” นายสงคราม กล่าว


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top