Friday, 9 May 2025
Hard News Team

#INTERLINK จัดงานสัมมนา Total Solution Indoor / Outdoor & Data Center for Professional

#INTERLINK (17 ก.ค. 2564)

คุณสมบัติ อนันตรัมพร ประธาน บมจ. อินเตอร์ลิ้งค์ฯ จัดงานสัมมนา Total Solution Indoor / Outdoor & Data Center for Professional

โดยเล่าถึงความตั้งใจในการนำเทคโนโลยีมาพัฒนาประเทศไทย​ พร้อมนำประสบการณ์มาอัปเดตรายละเอียดเรื่องระบบสายสัญญาณ และอุปกรณ์เน็ตเวิร์ค​ รวมถึง Data Center​ มาแชร์ให้กับกลุ่ม Consult อาจารย์มหาวิทยาลัยกว่า 50 หน่วยงาน เพื่อให้กลุ่มอาจารย์เห็นภาพจริง และเข้าใจอย่างชัดแจ้ง และตอบโจทย์ทุกความต้องการ

???? LIVE จากสนง.ใหญ่ อินเตอร์ลิ้งค์ กรุงเทพฯ

“บิ๊กตู่” สั่งกองทัพ จัดกำลังร่วม กทม. เร่งค้นหาเชิงรุก ฉีดยากลุ่มเสี่ยงตามบ้านและแยกผู้ป่วยออกจากชุมชน พร้อท เร่งจัดตั้ง รพ.สนามเพิ่ม

.ที่กระทรวงกลาโหม พล.ท.คงชีพ  ตันตระวาณิชย์ โฆษกกระทรวงกลาโหม  เปิดเผยว่า พล.อ.ชัยชาญ  ช้างมงคล รมช.กลาโหม และ พล.อ.ณัฐ อินทรเจริญ ปลัดกระทรวงกลาโหม ได้ประชุม หน่วยงาน กอ.รมน. หน่วยขึ้นตรวกระทรวงกลาโหม  เหล่าทัพ และ ตร. ผ่านระบบ VTC เพื่อเร่งเข้าไปสนับสนุนรับมือกับวิกฤตโควิด-19 สายพันธ์ุใหม่ ที่พบแนวโน้มการแพร่ระบาดในประเทศยังสูงต่อเนื่อง

สำหรับภาพรวม กองกำลังป้องกันชายแดนทั้งทหาร ตำรวจ ยังตรึงกำลัง เฝ้าระวังคัดกรองบุคคลผ่านเข้า-ออกชายแดน และจับกุมผู้หลบหนีเข้าเมืองผิดกฎหมายได้อย่างต่อเนื่อง สัปดาห์ที่ผ่านมา จับกุมผู้ลักลอบเข้าเมืองได้ถึง 248 คน ( ลาว 110 กัมพูชา 69 พม่า 25 และจีน 4 คน ) โดยเจ้าหน้าที่ต้องทำงานด้วยความระมัดระวัง เพื่อหยุดและลดความเสี่ยงของการกระจายเชื้อสายพันธ์ใหม่ในพื้นที่ชายแดน 

ขณะเดียวกัน กำลังทหารตำรวจ ยังคงกระจายกันควบคุมดูแลแคมป์คนงาน 606 แห่งในพื้นที่ต่างๆของ กทม. พร้อมทั้งจัดตั้งจุดตรวจ/ด่านตรวจ 88 จุด ในพื้นที่ต่างๆ ทำความเข้าใจกับประชาชนและเข้มงวดบังคับใช้กฎหมายตามข้อกำหนดกับการควบคุมการเคลื่อนย้ายของประชาชนและการรวมกลุ่มในกิจกรรมเสี่ยง เพื่อให้เกิดผลทางปฏิบัติในการควบคุมโรคอย่างจริงจังร่วมกัน

“เหล่าทัพ และตำรวจ ร่วมมือกันเร่งหยุดเชื้อในพื้นที่กรุงเทพมหานครฯ  กองทัพได้จัดกำลังร่วมกับ กทม.ทำหน้าที่ชุดตรวจค้นหาเชิงรุก ( CCRT ) จำนวน 69 ชุด และเตรียมจัดเพิ่มเป็น 188 ชุด เร่งเข้าชุมชนต่างๆใน 50 เขต ตรวจคัดกรองแยกผู้ป่วยออกจากบ้านและชุมชน เข้ารับการรักษาในระบบ พร้อมทั้งฉีดวัคซีนให้กับผู้ป่วยกลุ่มเสี่ยงตามบ้านในคราวเดียวกัน ระหว่าง 15-25 ก.ค.64 เพื่อลดความเสี่ยงการเจ็บป่วยถึงชีวิต”โฆษกกระทรวงกลาโหม กล่าว 

ทั้งนี้พล.อ.ชัยชาญ ได้ย้ำสั่งการ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรมว.กลาโหม  ขอให้ทุกเหล่าทัพ ให้ความสำคัญ คงความเข้มข้นเฝ้าระวังพื้นที่ชายแดนต่อสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคในประเทศเพื่อนบ้านซึ่งมีแนวโน้มทวีความรุนแรงมากขึ้น โดยเฉพาะการลักลอบเข้าเมืองผิดกฎหมาย  พร้อมทั้งขอให้สำรวจพื้นที่ในหน่วยทหาร ขยายผลจัดตั้ง รพ.สนามเพิ่มเติมใน จว.ต่างๆ โดยเฉพาะพื้นที่  10 จว.สีแดงเข้ม และเตรียมบุคลากรทางการแพทย์แถวสองและอาสาสมัคร เพื่อดูแลรองรับผู้ป่วยที่มีแนวโน้มมากขึ้นให้เพียงพอ

นอกจากนี้ รมช.กลาโหม ยังได้กำชับทุกเหล่าทัพ ให้ความสำคัญสนับสนุน จว.สีแดงเข้มเร่งตรวจค้นหาเชิงรุกในพื้นที่ เพื่อแยกผู้ป่วยออกจากชุมชน และให้ประสานทำงานร่วมกับศูนย์เอราวัณดำรงความต่อเนื่องสนับสนุนยานพาหนะและเจ้าหน้าที่เคลื่อนย้ายผู้ป่วยที่ยังมีในชุมชนเข้าสู่ระบบการรักษาโดยเร็ว  พร้อมกันนี้ ขอให้ทุกเหล่าทัพที่มีหน่วยทหารในพื้นที่สีแดงเข้ม ทำการตรวจเชิงรุกในชุมชนหน่วยทหาร และจัดตั้งพื้นที่คัดแยกผู้ป่วยออกจากชุมชน ( CI ) รองรับการดูแลกันเองในหน่วยทหาร ควบคู่ไปกับการสนับสนุนช่วยเหลือประชาชนในพื้นที่  เพื่อร่วมมือกันลดการแพร่ระบาดของโรคให้ได้โดยเร็ว

ทร. รับ เสนอจัดซื้อเรือดำน้ำลำที่ 2-3 ในงบฯปี 65 เจรจาจ่ายงวดแรก 1 ใน 3 ยืนยันมีหน้าที่ต้องเสนอ เตรียมข้อมูลแจง กมธ. 

พล.ร.อ.เชษฐา ใจเปี่ยม โฆษกกองทัพเรือ เปิดเผยกรณีที่คณะกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาร่างพระราชบัญญัติงบประมาณรายจ่ายประจำปี 2565 พรรคฝ่ายค้านคัดค้านการตั้งงบประมาณจัดซื้อเรือดำน้ำลำที่2-3 ท่ามกลางสถานการณ์โควิด-19ว่า มีการเสนอในการจัดทำงบประมาณทุกปี ซึ่งปีนี้ก็เช่นกัน โดยเมื่อ 2 ปีที่ผ่านมา รัฐบาลได้ขอตัดงบฯ นำไปใช้ในการแก้ไขปัญหาเยียวยาประชาชนในช่วงสถานการณ์แพร่ระบาดของโควิด-19 

“กองทัพเรือทำตามหน้าที่ ที่เราต้องเสนอทุกปี เป็นขั้นตอนตามปกติ เช่นเดียวกับกระทรวง ทบวง กรม ในการดำรงภารกิจของตัวเอง ส่วนจะผ่านหรือไม่ผ่านนั้นก็ไม่เป็นไร ขึ้นอยู่กับการพิจารณาของ กรรมาธิการฯ และรัฐสภา ไม่ได้มีอะไรซ่อนเร้น”โฆษกกองทัพเรือ กล่าว 

เมื่อถามว่า การเสนอจัดซื้ออาวุธช่วงนี้ถูกโจมตีว่าไม่เหมาะสมในช่วงสถานการณ์โควิด พล.ร.อ.เชษฐากล่าวว่า เป็นหน้าที่ที่เราต้องเสนอขึ้นไป ไม่ว่าเสนอปีไหนก็โดน และไม่ใช่เพิ่งโดน ก็โดนมาตลอด จะเลือกจากประเทศใดไหน เยอรมัน สวีเดน จีน ก็โดนโจมตี

เมื่อถามว่า กรณีสังคมไม่เห็นด้วยเพราะประชาชนกำลังเดือดร้อนนั้น โฆษกกองทัพเรือ กล่าวว่า เป็นหน้าที่ที่เราต้องเสนอ คงต้องรอการพิจารณาในขั้นตอนของกรรมาธิการฯ ซึ่งฝ่ายค้านเขาก็ทำหน้าที่ของเขา กองทัพเรือก็ทำหน้าที่ของเรา หากเห็นว่ายังไม่ถึงเวลาก็ไม่เป็นไร   เมื่อกองทัพมีแผนพัฒนาเพื่อดำรงความพร้อมตามหน้าที่ เราก็ต้องทำ เมื่อเว้นไปก็จะมีผลกระทบ เนื่องจากโครงการเป็นลักษณะของแพ็คเกจ เมื่อจัดหาลำหนึ่งมาแล้ว จำเป็นต้องมีลำที่2-3 เพื่อนำมาหมุนเวียน ช่วงซ่อมบำรุง ซึ่งมีปัจจัยหลายหลายอย่างเข้ามาประกอบ

โฆษกกองทัพเรือ กล่าวอีกว่า ในการตั้งงบประมาณปี 65  ได้มีการเจรจากับจีนขอลดวงเงินในปีแรกลง1 ใน3 ตามคำแนะนำของฝ่ายค้านเพื่อให้เกิดความต่อเนื่อง ซึ่งเราจะเตรียมข้อมูล เหตุผล จำเป็น ชี้แจงในคณะกรรมาธิการ ส่วนรายละเอียดเรื่องตัวเลข โดยทางกองประชาสัมพันธ์กองทัพเรือจะนำมาเผยแพร่ต่อไป

สำหรับการชี้แจงต่อคณะกรรมาธิการฯนั้น จะใช้ระบบออนไลน์ โดยผู้บัญชาการเหล่าทัพ เสนาธิการเหล่าทัพผู้บัญชาการทหารสูงสุด เสนาธิการทหาร ปลัดกระทรวงกลาโหม ผู้อำนวยการสำนักนโยบายและแผนกระทรวงกลาโหม ผู้อำนวยการสำนักงบประมาณกลาโหม ปลัดบัญชีทุกเหล่าทัพ จะอยู่ ณ ที่ตั้งหน่วยของตัวเองแล้วชี้แจงไปยังห้องประชุมคณะกรรมาธิการ

พลิกวิกฤต“โควิด” เป็นโอกาส รัฐดันอุตสาหกรรมสมุนไพร ส่งออกโต 93% ส่งเสริมปลูก“ฟ้าทะลายโจร” สร้างรายได้เข้าประเทศและเกษตรกร

นางสาวรัชดา ธนาดิเรก รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยถึงการขับเคลื่อนนโยบายรัฐบาลด้านการพัฒนาสมุนไพรไทย ว่า  ขณะนี้ สมุนไพรไทยเป็นพืชเศรษฐกิจและพืชสุขภาพที่มีความต้องการเพิ่มขึ้นอย่างมากทั้งในประเทศและต่างประเทศ โดยมูลค่าการบริโภควัตถุดิบสมุนไพรและผลิตภัณฑ์สมุนไพรภายในประเทศ (รวมที่นำเข้าด้วย)  เพิ่มขึ้นจาก 4.3 หมื่นล้านบาทในปี 2560 เป็น 5.2 หมื่นล้านบาทในปี 2562 การส่งออกสินค้าเครื่องเทศและสมุนไพร ไตรมาสแรกปีนี้ เพิ่มขึ้น 93% จากช่วงเดียวกันของปีที่แล้ว สำหรับการดำเนินการในช่วงที่ผ่านมา  กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ได้สานต่อนโยบายรัฐบาลร่วมกับหลายภาคส่วนเพื่อส่งเสริมผลิตผลของสมุนไพรไทยให้มีศักยภาพตามความต้องการของตลาด สนับสนุนการปลูกพืชสมุนไพรกว่า 6.4หมื่นไร่ มีการจัดทำมาตรฐานสินค้า GAP และมาตรฐานพืชสมุนไพร มีการจัดทำแผนที่ความเหมาะสมของที่ดินสำหรับปลูกพืชสมุนไพร (Land Suitability) จำนวน  24 ชนิด เช่น ฟ้าทะลายโจร กระชายขาว ขมิ้นชัน ไพล พริกไทย เพชรสังฆาต เป็นต้น 

นางสาวรัชดา กล่าวว่า นอกจากนี้ยังมีแผนร่วมมือกับสำนักงานคณะกรรมการนโยบายเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก หรือ อีอีซี เพื่อส่งเสริมการพัฒนาเกษตรกรในพื้นที่ส.ป.ก.ในเขตอีอีซี  ประมาณ 10,000 ไร่ โดยจะส่งเสริมการทำแปลงใหญ่สมุนไพร การเข้าถึงแหล่งเงินทุน การวิจัยและพัฒนาร่วมกับสถาบันการศึกษา  ส่วนเรื่องการตลาด ได้มีความร่วมมือกับกระทรวงสาธารณสุข และเอกชน เตรียมเปิดโครงการตลาดสดขนาดใหญ่ จำหน่ายพืชสมุนไพรสดและเครื่องเทศปลอดภัย และจัดทำตลาดออนไลน์ภายใต้ชื่อ “DGT Farm” เป็นพื้นที่ให้เกษตรกรผู้ปลูกสมุนไพรตามมาตรฐาน GAP และมาตรฐานเกษตรอินทรีย์ได้ขายของกับผู้บริโภคโดยตรง

นางสาวรัชดา กล่าวว่า สำหรับการส่งเสริมการปลูกฟ้าทะลายโจรเพื่อให้มีเพียงพอต่อความต้องการในปัจจุบันนั้น  มีหลายหน่วยงานได้เข้ามาร่วมมือกับกระทรวงฯ อาทิ สำนักงานส่งเสริมการศึกษานอกระบบและการศึกษาตามอัธยาศัย (กศน.) จัดส่งกล้าและเมล็ดพันธุ์ ให้กับสำนักงาน กศน.ทั่วประเทศ เพื่อแจกแก่นักศึกษากศน. และประชาชน ขณะที่กระทรวงยุติธรรมได้เดินหน้าให้เรือนจำ/ทัณฑสถานที่มีความพร้อม  ดำเนินการเพาะปลูกฟ้าทะลายโจร เบื้องต้นมี 125แห่ง ทั้งนี้ เกษตรกรและประชาชนทั่วไปที่สนใจจะปลูกฟ้าทะลายโจรหรือพืชสมุนไพรอื่นที่มีมูลค่าทางเศรษฐกิจ สามารถติดต่อเกษตรอำเภอได้ เพื่อรับคำแนะนำในเรื่องการเพาะปลูกและการตลาด  

“รัฐบาลเดินหน้าส่งเสริมเกษตรกรทั่วประเทศหันมาปลูกพืชสมุนไพรที่มีคุณภาพและได้มาตรฐาน เพื่อรองรับความต้องการของตลาดที่เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง เป็นไปตามแผนแม่บทว่าด้วยการพัฒนาสมุนไพรไทย อีกทั้งผลักดันต่อเนื่องถึงการปลูกในระดับอุตสาหกรรมและการส่งออก ที่ต้องคำนึงถึงการแปรรูปเพิ่มมูลค่าและปริมาณการผลิต โดยแนวทางที่ได้ดำเนินการและมีการบูรณาการระหว่างภาคส่วนแล้วนั้น จะสร้างรายได้เพิ่มขึ้นแก่เกษตรกรอย่างยั่งยืน คนไทยมีพืชสมุนไพรบริโภคอย่างพอเพียง อีกทั้งส่งเสริมให้อุตสาหกรรมสมุนไพรเป็นอุตสาหกรรมที่โดดเด่น สร้างรายได้เข้าประเทศอย่างมาก” นางสาวรัชดา กล่าว

“บิ๊กตู่” หวังเปิด “เกาะสมุย” รับต่างชาติเที่ยวไทยเดินตามแผน

นายธนกร วังบุญคงชนะ เลขานุการรัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ในฐานะโฆษกศูนย์บริหารสถานการณ์เศรษฐกิจจากผลกระทบจากการแพร่ระบาดของโควิด-19 (ศบศ.) กล่าวถึงโครงการ “สมุยพลัสโมเดล” ซึ่งเป็นหนึ่งในแผนการเปิดประเทศไทยเพื่อกระตุ้นการท่องเที่ยวในประเทศว่า นายกรัฐมนตรี ขอบคุณทุกฝ่ายที่ช่วยกันเตรียมการและผลักดันการเปิดรับนักท่องเที่ยวต่างชาติสู่เกาะสมุย เกาะพงัน เกาะเต่า ของจังหวัดสุราษฎร์ธานี ภายใต้รูปแบบสมุยพลัสโมเดล ซึ่งถือเป็นความต่อเนื่องจากการเปิดภูเก็ตแซนด์บ็อกซ์ 

ทั้งนี้ได้สะท้อนถึงการบริหารจัดการด้านการแพทย์และสาธารณสุขที่เป็นไปตามมาตรการอย่างเคร่งครัด ทั้งมาตรการการเฝ้าระวังในพื้นที่ มาตรการป้องกันควบคุมโรค มาตรการป้องกันส่วนบุคคล มาตรการด้านสังคมและการกำกับติดตาม รวมทั้งระบบการรายงาน การส่งต่อและการรักษาอย่างเป็นระบบและมีประสิทธิภาพ สร้างความเชื่อมั่นให้ต่างชาติที่จะเดินทางมา  เบื้องต้นจำนวนนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติที่จะเข้ามาสมุยในระหว่างวันที่ 15 ก.ค. – 15 ส.ค. นี้ประมาณ 1,000 คน คาดว่าจะสร้างรายได้กว่า 180 ล้านบาท ซึ่งเป็นการเจาะกลุ่มลูกค้าเก่าของทั้งสามเกาะ เช่น กลุ่มยุโรป กลุ่มตะวันออกกลาง และกลุ่มครอบครัว  

ขณะที่มีการเชื่อมโยงการท่องเที่ยวระหว่างจังหวัดโดยมีการเปิดเส้นทางการบินระหว่างเกาะสมุยและเกาะภูเก็ตบินแบบวันเว้นวันด้วย และ ในเดือน ส.ค. 64 จะขยายพื้นที่นำร่องไปยังพื้นที่อื่นๆ ได้แก่ เกาะพีพี ไร่เล และเกาะไหง จ.กระบี่ รวมถึงเขาหลัก และเกาะยาว จ.พังงา จากนั้นในเดือน ก.ย.จะเริ่มในพื้นที่ทางบก ได้แก่ พัทยา เชียงใหม่ และบุรีรัมย์ ที่จะเป็นเจ้าภาพจัดการแข่งขันโมโตจีพีต่อไป

“โฆษกศบศ.”เผย “บิ๊กตู่”ขอบคุณทุกฝ่ายเดินหน้าสมุยพลัส เรียกความเชื่อมั่นจากต่างชาติ ปลื้มประชาชนแห่ใช้สิทธิมาตรการรัฐเกือบ 34 ล้านคน ฟุ้งเงินสะพัดกว่า3หมื่นล้าน ทั้งคนละครึ่ง บัตรสวัสดิการแห่งรัฐ ยิ่งใช้ยิ่งได้

นายธนกร วังบุญคงชนะ เลขานุการรัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ในฐานะโฆษกศูนย์บริหารสถานการณ์เศรษฐกิจจากผลกระทบจากการแพร่ระบาดของโควิด-19 (ศบศ.) กล่าวว่า รัฐบาลยังคงเดินหน้าเปิดการท่องเที่ยว  โดยล่าสุดมีการเปิดโครงการสมุยพลัสโมเดลตามแผนการเปิดประเทศไทยเพื่อกระตุ้นการท่องเที่ยวในประเทศ ซึ่งพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ขอบคุณทุกฝ่ายที่ช่วยกันเตรียมการและผลักดันการเปิดรับนักท่องเที่ยวต่างชาติสู่เกาะสมุย เกาะพงัน เกาะเต่า ของจังหวัดสุราษฎร์ธานี ภายใต้รูปแบบสมุยพลัสโมเดล ซึ่งถือเป็นความต่อเนื่องจากการเปิดภูเก็ตแซนด์บ็อกซ์ สะท้อนถึงการบริหารจัดการด้านการแพทย์และสาธารณสุขที่เป็นไปตามมาตรการอย่างเคร่งครัด ทั้งมาตรการการเฝ้าระวังในพื้นที่ มาตรการป้องกันควบคุมโรค มาตรการป้องกันส่วนบุคคล มาตรการด้านสังคมและการกำกับติดตาม รวมทั้งระบบการรายงาน การส่งต่อและการรักษาอย่างเป็นระบบและมีประสิทธิภาพ สร้างความเชื่อมั่นให้ต่างชาติที่จะเดินทางมา เบื้องต้นจำนวนนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติที่จะเข้ามาสมุยในระหว่างวันที่ 15 ก.ค. – 15 ส.ค. นี้ ราว 1,000 คน คาดว่าจะสร้างรายได้กว่า 180 ล้านบาท ซึ่งเป็นการเจาะกลุ่มลูกค้าเก่าของทั้งสามเกาะ เช่น กลุ่มยุโรป กลุ่มตะวันออกกลาง และกลุ่มครอบครัว  ขณะที่มีการเชื่อมโยงการท่องเที่ยวระหว่างจังหวัดโดยมีการเปิดเส้นทางการบินระหว่างเกาะสมุยและเกาะภูเก็ตบินแบบวันเว้นวันด้วย ทั้งนี้ ในเดือน ส.ค. 64 จะขยายพื้นที่นำร่องไปยังพื้นที่อื่นๆ ได้แก่ เกาะพีพี ไร่เล และเกาะไหง จ.กระบี่ รวมถึงเขาหลัก และเกาะยาว จ.พังงา จากนั้นในเดือน ก.ย.จะเริ่มในพื้นที่ทางบก ได้แก่ พัทยา เชียงใหม่ และบุรีรัมย์ ที่จะเป็นเจ้าภาพจัดการแข่งขันโมโตจีพีต่อไป 
     
นายธนกร กล่าวว่า รัฐบาลยังได้วางแผนกระตุ้นการท่องเที่ยวและการใช้จ่ายในประเทศคู่ขนานกันไป โดยหลังจากที่รัฐบาลออกมาตรการลดภาระค่าครองชีพ กระตุ้นเศรษฐกิจออกไป มีเสียงตอบรับจากประชาชนทั่วประเทศใช้จ่ายผ่านโครงการอย่างต่อเนื่อง ขณะนี้ยอดการใช้จ่ายของแต่ละโครงการ ผู้ใช้สิทธิสะสม รวม 33.87 ล้านคน ยอดใช้จ่าย สะสม รวม 30,885.4 ล้านบาท แบ่งเป็น 1.โครงการคนละครึ่ง เฟส 3 มีผู้ใช้สิทธิสะสม 20.70 ล้านคน ยอดใช้จ่ายสะสม 27,922.5 ล้านบาท แบ่งเป็นส่วนที่ประชาชนจ่ายสะสม 14,105.7 ล้านบาท และรัฐร่วมจ่ายสะสม 13,816.8 ล้านบาท 2.โครงการยิ่งใช้ยิ่งได้ มีผู้ใช้สิทธิสะสม 46,447 คน ยอดใช้จ่ายสะสม 354.9 ล้านบาท 3.โครงการเพิ่มกำลังซื้อให้แก่ผู้มีบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ มีผู้ใช้สิทธิสะสม 12.46 ล้านคน ยอดใช้จ่ายสะสม 2,477 ล้านบาท และ 4.โครงการเพิ่มกำลังซื้อให้แก่ผู้ที่ต้องการความช่วยเหลือเป็นพิเศษ มีผู้ใช้สิทธิสะสม 665,464 คน ยอดใช้จ่ายสะสม 131 ล้านบาท โดยใช้จ่ายระหว่างประชาชนกับร้านค้า หรือผู้ให้บริการแบบพบหน้า (face-to-face) ก่อน ส่วนแนวทางขยายสิทธิในการสั่งซื้ออาหารผ่านผู้ประกอบการแพลตฟอร์มดีลิเวอรี่และทางออนไลน์นั้น ขณะนี้ธนาคารกรุงไทยอยู่ระหว่างพิจารณาเงื่อนไขและพัฒนาระบบ โดยคาดว่าจะใช้เวลาในการดำเนินการอีกสักระยะ เพื่อให้มีความพร้อม สะดวกต่อการใช้งานของประชาชนในอนาคต ทั้งนี้ สำหรับยอดการลงทะเบียนล่าสุดของวันที่ 15 ก.ค. 2564 โครงการคนละครึ่งมีการลงทะเบียนแล้ว 29.62 ล้านคน เหลืออีก 1.37 ล้านคนจะครบ 31 ล้านคน ส่วนโครงการยิ่งใช้ยิ่งได้ ลงทะเบียนแล้ว 490,860 สิทธิ เหลืออีก 3,509,140 จะครบ 4 ล้านคน ซึ่งกระทรวงการคลังจะเปิดให้ลงทะเบียนไปจนกว่าจะครบจำนวนที่กำหนดไว้ ทั้งนี้ ประชาชนสามารถใช้จ่ายในโครงการต่างๆ ได้จนถึงวันที่ 31 ธันวาคม 2564 

ประธานอนุกรรมาธิการการแรงงานฯ นำทีมร่วมบริจาคเครื่องอุปโภคบริโภค พัดลม แก่รพ.สนาม จ.สมุทสาคร สู้โควิด-19 

นางสาวอนุสรี ทับสุวรรณ ประธานอนุกรรมาธิการการแรงงานด้านติดตามศึกษานโยบายแรงงาน และโฆษกคณะกรรมาธิการการแรงงาน สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร ได้ร่วมบริจาคเครื่องอุปโภคบริโภค พัดลม ในนามสถาบันอนุสรีรวมใจให้กัน มูลนิธิพุทธรังษี ร่วมกับ กลุ่ม "เฮียธิ พี่อาย ทนายกันต์" (ธิติรัตน์ พุ่มไสว อนุสรี และ กันต์กวี ทับสุวรรณ) แก่โรงพยาบาลสนามพื้นที่เทศบาลตำบลคลองมะเดื่อ อำเภอกระทุ่มแบน จังหวัดสมุทรสาคร โดยมี นายธีรพัฒน์ คัชมาตย์และนายสุรศักดิ์ ผลยังส่ง รองผู้ว่าราชการจังหวัดสมุทรสาคร เป็นผู้รับมอบ มีหัวหน้าส่วนราชการหน่วยงานในสังกัดกระทรวงแรงงานจังหวัดสมุทรสาคร เข้าร่วมในครั้งนี้ด้วย 

จากนั้น ประธานอนุกรรมาธิการการแรงงานด้านติดตามศึกษานโยบายแรงงาน และโฆษกคณะกรรมาธิการการแรงงาน สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร และคณะได้เยี่ยมชมสถานที่ที่เป็น (Factory Quaranteen : FQ) ตามคำเชิญของผู้ว่าราชการจังหวัด ที่ตำบลท่าไม้ และที่โรงงานพัทยาฟูดส์  ซึ่งเป็นต้นแบบภาคเอกชนที่เสียสละให้พื้นที่แก่ผู้ป่วยที่ติดเชื้อโควิดมาเข้ารับการกักตัว โดยมีระบบติดตาม เฝ้าระวังจากเจ้าหน้าที่สาธารณสุข 

น.ส.อนุสรี กล่าวว่า การทำ FQ นี้ เป็นวิธีการแบ่งเบาภาระการขาดแคลนเตียงในการรักษาจากสถานพยาบาล โดยชุมชนร่วมกันดูแล ในลักษณะ Community Isolation ซึ่งในอนาคตหากมีปริมาณผู้ติดเชื้อมากขึ้น กลุ่มโรงงานเล็ก ๆ ที่ร่วมกันจัดตั้งสถานที่นี้ในชุมชน ช่วยกัน จะเป็นการช่วยคนป่วยที่ไม่มีเตียง และอยู่ในบ้านที่ไม่สามารถจัดการกักตัวได้ ขณะเดียวกัน รัฐบาลก็ควรสนับสนุนภาคเอกชนในเรื่องการลดหย่อนภาษีด้วย ทั้งนี้ จะนำเรื่องดังกล่าวหารือในสภาผู้แทนราษฎรต่อไป

 

สำนักงานเศรษฐกิจการคลัง ยัน ฐานะทางการคลัง ยังแกร่ง มีสภาพคล่อง รองรับมาตรการรัฐ ชี้ ระยะยาวเร่งเพิ่มประสิทธิภาพเก็บภาษี

นางสาวกุลยา ตันติเตมิท ผู้อำนวยการ สำนักงานเศรษฐกิจการคลัง หรือ สศค. เปิดเผยว่า รัฐบาลต้องการลดภาระให้กับประชาชน โดยเน้นครอบคลุมให้ตรงจุด จากการออกมาตรการต่างๆ เพื่อกระตุ้นกำลังซื้อให้กับประชาชน โดยยืนยันว่าปัจจุบัน ฐานะทางการคลัง มีความแข็งแกร่ง มีสภาพคล่องที่เพียงพอ ที่จะรองรับมาตรการเยียวยาประชาชน

ทั้งนี้ในระยะสั้น และระยะกลาง จะต้องบริหารรายได้ รายจ่าย รวมทั้งเงินกู้ เพื่อทำให้เงินคงคลังอยู่ในระดับเหมาะสมส่วนในระยะยาวมีความจำเป็นที่ต้องเพิ่มศักยภาพทางการคลัง ทำให้งบสมดุล ลดการขาดดุล เพิ่มประสิทธิภาพการจัดเก็บภาษี เพื่อรองรับความไม่แน่นอนในอนาคต

“โฆษกศบศ.” แจง “บิ๊กตู่” สั่งเร่งช่วยลูกหนี้ 10 จังหวัดล็อกดาวน์ เผยคลังถกแบงค์ชาติเตรียมพักชำระหนี้ 2 เดือน ช่วยผู้ประกอบการ-แรงงาน ที่ปิดกิจการจากมาตรการของรัฐ ส่วนลูกหนี้ที่ยังเปิดกิจการแต่ได้รับผลกระทบ เตรียมพิจารณาให้ความช่วยเหลือตามความจำเป็น

นายธนกร วังบุญคงชนะ เลขานุการรัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ในฐานะโฆษกศูนย์บริหารสถานการณ์เศรษฐกิจจากผลกระทบจากการแพร่ระบาดของโควิด-19 (ศบศ.) กล่าวว่า พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม สั่งการในที่ประชุม ครม. เมื่อวันอังคารที่ผ่านมา (13 ก.ค. 64) ให้รีบหารือกันโดยเร่งด่วน เพื่อหามาตรการผ่อนปรนการชำระคืนเงินต้นและดอกเบี้ย หรือการเลื่อนงวดการชำระเงินต้นและดอกเบี้ยให้แก่ลูกค้า ทั้งที่เป็นประชาชนและผู้ประกอบการอย่างจริงจัง รวมถึงช่วยเหลือลูกหนี้นอกระบบ ทั้งนี้ กระทรวงการคลัง ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) สมาคมธนาคารไทย และสมาคมธนาคารนานาชาติ จึงร่วมกันออกออกมาตรการพักชำระเงินต้นและดอกเบี้ยให้แก่ลูกหนี้ SMEs และรายย่อย เป็นระยะเวลาอย่างน้อย 2 เดือน ให้กับลูกหนี้ที่ได้รับผลกระทบโดยตรงทั่วประเทศ ซึ่งได้แก่ ลูกหนี้ทั้งที่เป็นนายจ้างและลูกจ้างในสถานประกอบการในพื้นที่ควบคุมสูงสุด 10 จังหวัด และนอกพื้นที่ควบคุมแต่ต้องปิดกิจการจากมาตรการควบคุมการระบาดของภาครัฐ เริ่มตั้งแต่งวดการชำระหนี้เดือนกรกฎาคม 2564 หรือเดือนสิงหาคมเป็นต้นไป แล้วแต่กรณี

นายธนกร กล่าวต่อว่า สำหรับลูกหนี้ที่ยังเปิดกิจการได้แต่ได้รับผลกระทบจากมาตรการควบคุมการระบาดของภาครัฐจะพิจารณาให้ความช่วยเหลือแก่ลูกหนี้ตามความจำเป็นและสอดคล้องกับสถานการณ์ของลูกหนี้ เริ่มตั้งแต่งวดการชำระหนี้เดือนกรกฎาคม 2564 เป็นต้นไป ซึ่งเมื่อหมดระยะเวลาพักชำระหนี้แล้ว สถาบันการเงินจะไม่เรียกเก็บเงินต้นและดอกเบี้ยที่ค้างอยู่ในทันที เพื่อไม่ให้เป็นภาระหนักกับลูกหนี้ อย่างไรก็ตาม การพักชำระเงินต้นและดอกเบี้ยภายใต้มาตรการนี้ เป็นเพียงการเลื่อนการชำระออกไป ลูกหนี้ที่ยังมีศักยภาพและสามารถชำระหนี้ได้ ควรชำระหนี้ต่อเนื่อง เพื่อไม่ให้เป็นภาระหนี้ในอนาคตเพิ่มขึ้นสูงเกินจำเป็น 

นายธนกร กล่าวอีกว่า ที่ผ่านมารัฐบาลมีมาตรการทางการเงินเพื่อช่วยเหลือทั้งประชาชนและผู้ประกอบการหลายๆ มาตรการ โดยเฉพาะมาตรการช่วยเหลือฟื้นฟูผู้ประกอบธุรกิจที่ได้รับผลกระทบจากการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัส COVID-19 เช่น สินเชื่อฟื้นฟูท่องเที่ยวไทย ให้ผู้ประกอบการรายย่อยในธุรกิจท่องเที่ยวและ Supply Chain สามารถกู้เงินกับธนาคารออมสิน วงเงินต่อรายอยู่ที่ 500,000 บาท อัตราดอกเบี้ย 3.99% ต่อปี ซึ่งตอนนี้ อนุมัติเงินกู้ไปแล้ว จำนวน 2,885 ราย วงเงินรวม 1,218 ล้านบาท
สินเชื่ออิ่มใจ ธนาคารออมสินให้กู้กับผู้ประกอบการร้านอาหารหรือเครื่องดื่ม วงเงินต่อราย อยู่ที่ 100,000 บาท อัตราดอกเบี้ย 3.99% ต่อปี ระยะเวลากู้ ไม่เกิน 5 ปี ปลอดชำระเงินต้นและดอกเบี้ย 6 งวดแรก และสินเชื่อสำหรับ SMEs ขนาดย่อมและขนาดกลาง  ได้แก่ สินเชื่อ Extra cash โดย SME Bank ให้กู้กับ SMEs ขนาดย่อมในธุรกิจท่องเที่ยวและธุรกิจอื่น วงเงินรายละ 3 ล้านบาท ปัจจุบันอนุมัติแล้ว 4,283 ราย วงเงินรวม 7,335 ล้านบาท และสินเชื่อมีที่มีเงิน นอกจากนี้ ยังมีมาตรการเสริมสภาพคล่องสำหรับผู้ประกอบการทั่วไป ได้แก่ มาตรการพักทรัพย์พักหนี้ และมาตรการสินเชื่อฟื้นฟูอีกด้วย 

 

กอ.รมน. ร่วมบูรณาการทุกภาคส่วน เชิงรุก แก้ไขปัญหาหลบหนีเข้าเมือง ทุกพื้นที่ 

พล.ต.ธนาธิป  สว่างแสง โฆษกกองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในราชอาณาจักร (กอ.รมน.) เปิดเผยว่า กอ.รมน. ได้ประชุมหน่วยขึ้นตรง กอ.รมน. เพื่อสรุปผลการปฏิบัติงานในรอบเดือนที่ผ่านมา โดยเป็นการจัดประชุมผ่านระบบวิดิทัศน์ทางไกล (VTC) เพื่อป้องกันการอยู่ร่วมกันเป็น หมู่คณะตามนโยบายของรัฐบาล และมาตรการที่ ศบค. กำหนด โดยมี พล.อ.วรเกียรติ  รัตนานนท์ เลขาธิการ กอ.รมน. เป็นประธานการประชุม ว่า ทางกอ.รมน. ได้ร่วมบูรณาการจัดตั้งทีมสหวิชาชีพ ดำเนินการเชิงรุกแก้ไขปัญหาแรงงานต่างด้าว และบุคคลหลบหนีเข้าเมืองโดยผิดกฎหมาย จับกุมบุคคลหลบหนีเข้าเมืองโดยผิดกฎหมาย ซึ่งที่ผ่านมาการจับกุมบุคคลต่างด้าวที่ใช้ช่องทางธรรมชาติลักลอบเข้ามาทำงานในประเทศไทย ยังคงมีการตรวจพบและจับกุมอย่างต่อเนื่อง ซึ่งมีผลการจับกุมในพื้นที่ชายแดนมีแนวโน้มลดลง แต่มีผลการจับกุมที่ตรวจพบในสถานประกอบการเพิ่มขึ้น
 
โดยจากสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ของประเทศไทย ยังคงตรวจพบการแพร่ระบาดเป็นกลุ่ม (คลัสเตอร์) ใหม่ๆ และมีแรงงานต่างด้าวติดเชื้อเป็นจำนวนมาก โดยเฉพาะในพื้นที่กรุงเทพฯ, ปริมณฑล และจังหวัดเศรษฐกิจ/อุตสาหกรรมที่สำคัญ โดยให้ห้วงเดือนที่ผ่านมา  กอ.รมน. ร่วมบูรณการกับกระทรวงมหาดไทย กรมอนามัย และสภาอุตสาหกรรม ประชาสัมพันธ์ จึงขอความร่วมมือให้สถานประกอบการปฏิบัติตามแนวทางที่ดีของโรงงาน (Good Factory Practice) (GFP)  สอดคล้องกับแนวทางการป้องกันโรค ด้วยการประเมินตนเองผ่านแพลตฟอร์ม มาตรฐานความปลอดภัยป้องกันโควิค – 19 รองรับสุขภาพดีวิถีใหม่   Thai Stop COVID Plus (TSC) และร่วมจัดตั้งทีมสหวิชาชีพเข้าประเมินโรงงานแบบ on site ในระดับจังหวัด โดยจะสุ่มตรวจให้ทุกจังหวัดต้องมีการประเมินโรงงานไม่น้อยกว่าร้อยละ 10-20 ตามแนวทางที่ได้กำหนดไว้
  
พล.ต.ธนาธิป กล่าวอีกว่า การดำเนินการบริหารจัดการแรงงานต่างด้าว เพื่อป้องกันและควบคุมการแพร่ระบาดของโรคโควิด - 19 ที่ผ่านมามีการควบคุมโรคในรูปแบบพื้นที่ปิดเฉพาะ (Bubble and Seal) โดย กอ.รมน. ร่วมบูรณาการกับหน่วยงานภาครัฐร่วมสกัดกั้นควบคุมการเคลื่อนย้ายแรงงานต่างด้าว ตรวจสอบสถานประกอบการ ยกระดับมาตรการการป้องกันโรค และเร่งรัดการฉีดวัคซีน รวมทั้งหาแนวทางที่จะดำเนินการนำแรงงานต่างด้าวผิดกฎหมายเข้าสู่ระบบการจ้างงานอย่างถูกต้อง ซึ่งหากมีการดำเนินการอย่างเข้มข้น คาดว่าจะสามารถควบคุมการแพร่การกระจายเชื้อโควิด - 19 ได้อย่างมีประสิทธิภาพต่อไป  
 

โฆษกอ.รมน. กล่าวว่า กอ.รมน.จัดโครงการตู้ปันสุขช่วยเหลือประชาชนที่ได้รับผลกระทบจากโรคโควิค - 19 โดยกอ.รมน. ได้ดำเนินการจัดทำโครงการตู้ปันสุข ตามนโยบายของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ในฐานะ ผอ.รมน. ที่ต้องการให้ กอ.รมน. มีส่วนช่วยแบ่งเบาภาระในการครองชีพให้กับประชาชนในชุมชนใกล้เคียง ซึ่งกอ.รมน. ได้ดำเนินการจัดตั้งตู้ปันสุขที่บริเวณด้านหน้า กอ.รมน. และชุมชนวัดสวัสดิ์วารีสีมาราม ซึ่งได้ประสานผู้นำชุมชนและให้ช่วยดูแลและบริหารจัดการในการแบ่งปันสิ่งของอุปโภค บริโภคในตู้ปันสุขให้กับประชาชนในชุมชนวัดสวัสดิ์วารีสีมาราม, ชุมชนซอยโซดา และชุมชนนครไชยศรี ให้ได้รับสิ่งของต่างๆ อย่างทั่วถึง โดยเฉพาะหน้ากากอนามัยและเจลแอลกอฮอล์ โดยกำหนดเวลาการเติมสิ่งของในตู้ปันสุขในวันราชการ จำนวน 2 ครั้ง คือ 09.00 น. และ เวลา 14.00 น. ซึ่งที่ผ่านมาสามารถช่วยเหลือบรรเทาความทุกข์ร้อนให้กับประชาชนในพื้นที่ได้ในระดับหนึ่ง 

“ก่อนปิดการประชุม พล.อ.วรเกียรติ ได้กล่าวถึงนโยบายของ นายกรัฐมนตรี ในฐานะ ผอ.รมน. ได้สั่งการให้เหล่าทัพสนับสนุนยุทโธปกรณ์ในการเคลื่อนย้ายผู้ป่วยโควิค – 19 (สีเขียว) ที่พักอาศัยอยู่ในพื้นที่กรุงเทพฯ และปริมณฑล ที่มีความประสงค์จะเดินทางกลับไปรักษายังภูมิลำเนา โดยที่  ผ่านมาได้ดำเนินการ “โครงการคนไทยไม่ทิ้งกัน ทบ. และ กอ.รมน. พาคนกลับบ้าน” เพื่อสนับสนุนรัฐบาลลดภาระระบบสาธารณสุขในพื้นที่กรุงเทพฯ และปริมณฑล สามารถช่วยแบ่งเบาภาระการรักษาผู้ป่วยฯ ของโรงพยาบาลสนาม และโรงพยาบาลในระบบของกระทรวงสาธารณสุขได้ในระดับหนึ่ง โดยในห้วงต่อไปจะดำเนินการขยายผลโดยใช้อากาศยานของกองทัพบก สนับสนุนการเดินทางให้กับผู้ป่วยโควิค – 19 ที่มีภูมิลำเนาอยู่ในพื้นที่ห่างไกลสามารถเดินทางกลับไปพักรักษาตัวได้อย่างรวดเร็ว ทั้งนี้ กอ.รมน. ใคร่ขอความร่วมมือจากทุกภาคส่วนช่วยดำเนินการขยายผลและประชาสัมพันธ์ให้ได้รับทราบต่อไป” พล.ต.ธนาธิป กล่าว


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top