Tuesday, 1 July 2025
Hard News Team

เลขาฯ ป.ป.ส. เดินหน้า ยึดทรัพย์ ตัดวงจร นักค้ายา เผยยึดทรัพย์ทะลุเป้า 6,000 ล้านบาท ย้ำเดินหน้าบูรณาการการทำงานจริงจังต่อเนื่อง

นายวิชัย ไชยมงคล เลขาธิการคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามยาเสพติด (เลขาธิการ ป.ป.ส.) กล่าวว่า “ตามนโยบายของรัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม นายสมศักดิ์ เทพสุทิน เน้นให้การดำเนินการยึดทรัพย์ทั้งขบวนการอย่างเข้มข้น เพื่อตัดวงจรนักค้ายาเสพติด 

สำนักงาน ป.ป.ส. ร่วมกับ ตำรวจภูธรภาค7 ตำรวจภูธรจังหวัดกาญจนบุรี และหน่วยบัญชาการสงครามพิเศษทางเรือ ร่วมกันจับกุมผู้ต้องหาตามหมายจับศาลจังหวัดราชบุรี ข้อหาในความผิดเกี่ยวกับยาเสพติดฐานสนับสนุนหรือช่วยเหลือผู้กระทำความผิดก่อนหรือขณะกระทำความผิด จำนวน 4 ราย ได้แก่ 1.นายชาลี  ศรีเงินยวง 2.นายวันขัย ศรีเงินยวง 3.นางรัตน์ ศรีเงินยวง  4.นายวันชนะ ศรีเงินยวง ทำการตรวจยึดทรัพย์สิน ได้แก่ 1.ทองคำแท่ง จำนวน 10 แท่ง น้ำหนักแท่งละ 1 กิโลกรัม รวมน้ำหนักทองคำแท่ง จำนวน 10 กิโลกรัม มูลค่าประมาณ 18,000,000 บาท 2.รถยนต์นั่งส่วนบุคคล จำนวน 2 คัน 3.บ้านพร้อมที่ดิน จำนวน 1 หลัง 4.เงินสดในบัญชีธนาคาร 5.รถจักรยานยนต์ จำนวน 4 คัน รวมมูลค่าทรัพย์สิน ประมาณ 30,000,000 บาท นอกจากนี้ยังมีบัญชีธนาคารที่อยู่ระหว่างตรวจสอบเส้นทางการเงิน 

คดีนี้เป็นการติดตามพฤติกรรมและสืบสวนสอบสวนเส้นทางการเงินของจากการจับกุมผู้ต้องหา เมื่อปี 2563 พร้อมยาบ้า จำนวน 4,000 เม็ดที่จังหวัดราชบุรี และอีกคดี ของกลางเป็นไอซ์ จำนวน 1,300 กิโลกรัม ที่จังหวัดกาญจนบุรี ซึ่งเมื่อมีการสืบสวนสอบสวนแล้วพบว่ามีพฤติกรรมการโอนเงิน การยักย้ายถ่ายเทเงิน  มีความเกี่ยวข้องกับการทำธุรกรรมการเงินของเครือข่ายทั้งหมด 4 คน จนกระทั่งการศาลออกหมายจับและจับกุมได้ในครั้งนี้” 

เลขาธิการ ป.ป.ส. กล่าวต่อ “ร่างประมวลกฎหมายยาเสพติด จะทำให้การทำงานปราบปรามยาเสพติดมีประสิทธิภาพยกระดับมากยิ่งขึ้น ซึ่งภาพรวมยึดทรัพย์ถึงวันนี้ได้ ถึง 6,940,659,550 บาท จากเป้าที่ตั้งไว้ 6 พันล้าน ซึ่งเกินกว่าเป้าหมายมาก 

6,940,659,550 บาท เป็นจำนวนภาพรวมของการยึดทรัพย์ตั้งแต่ 1 ตุลาคม 2563 - 26 สิงหาคม 2564 ซึ่งท่านรัฐมนตรีฯ สมศักดิ์ เทพสุทิน มอบหมายให้ ป.ป.ส. บูรณาการร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องยกระดับการเพิ่มประสิทธิภาพในการยึดทรัพย์ ซึ่งเครื่องมือสำคัญ คือ ร่างประมวลกฎหมายยาเสพติด ที่จะทำให้การยึดทรัพย์ตัดวงจรยาเสพติด และปราบปรามยาเสพติดสัมฤทธิ์ผลในการจัดการให้สิ้นซาก ทั้งนี้ ยังเหลืออีก 1 เดือน ถึงจะครบงบประมาณ 2564 ตนเชื่อว่า จะยึดได้มากกว่าที่ตั้งไว้ พร้อมเดินหน้าทำงานอย่างต่อเนื่องจริงจัง”

ฝรั่งเศสประกาศยอมรับวัคซีนแอตร้าฯ ที่ผลิตในไทย ฉีดครบแล้วเข้าประเทศได้ไม่ต้องกักตัว

สถานเอกอัครราชทูตฝรั่งเศสประจำประเทศไทย แจ้งว่า ตามที่ได้มีประกาศจากรัฐบาลฝรั่งเศส ลงวันที่ 17 กรกฎาคม 2564 ได้มีการ ทบทวนการจัดกลุ่มประเทศตามตัวชี้วัดทางสาธารณสุข โดยที่ ประเทศไทย ยังคงถูกจัดให้อยู่ใน กลุ่มประเทศสีส้ม (Amber list countries) กล่าวคือประเทศที่มีการระบาดอย่างต่อเนื่องของเชื้อไวรัส แต่สามารถควบคุมสถานการณ์ได้ และไม่มีการระบาดของสายพันธุ์ที่น่ากังวล

ทั้งนี้ ผู้เดินทางจากประเทศสีส้ม ที่ได้รับการฉีดวัคซีนป้องกันโควิด-19 ที่ได้รับการรับรองจาก องค์การยาสหภาพยุโรป (European Medicines Agency : EMA) ครบจำนวนครั้งที่กำหนด และมีหลักฐานยืนยัน ได้รับยกเว้นจากการบังคับใช้ข้อจำกัดการเดินทางเข้าประเทศฝรั่งเศส กล่าวคือ ไม่ต้องแสดงเหตุจำเป็นในการเดินทางเข้าประเทศฝรั่งเศส (เว้นแต่ประเทศต้นทางจะกำหนดมาตรการเพิ่มเติมที่เข้มงวดมากกว่า) ไม่ต้องแสดงผลการตรวจหาเชื้อโควิด-19 ก่อนออกเดินทาง และเมื่อเดินทางถึงประเทศฝรั่งเศสแล้ว ไม่ต้องตรวจหาเชื้ออีกครั้ง และไม่ต้องแยกกักตัวเป็นเวลา 7 วัน

อย่างไรก็ตาม ในกรณีของผู้เดินทางจากประเทศสีส้ม ที่ยังไม่ได้รับการฉีดวัคซีนที่ได้รับการรับรองจาก EMA ยังคงต้องแสดงเหตุจำเป็นในการเดินทางเข้าประเทศฝรั่งเศส ตามรายการเหตุจำเป็นสำหรับกลุ่มประเทศสีส้ม รวมทั้งต้องแสดงผลการตรวจหาเชื้อโควิด-19 โดยวิธี RT-PCR เป็นลบ ที่มีอายุไม่เกิน 72 ชั่วโมง ก่อนออกเดินทาง (เที่ยวบินแรกจากประเทศต้นทางในกรณีที่ต้องแวะต่อเครื่องบิน) หรือผลการตรวจหาเชื้อโควิด- 19 โดยวิธี antigen test เป็นลบ ที่มีอายุไม่เกิน 48 ชั่วโมงก่อนออกเดินทาง เด็กที่มีอายุต่ำกว่า 12 ปี (children aged below twelve years) ได้รับยกเว้นไม่ต้องแสดงผลการตรวจ

สำหรับผู้เดินทางที่มีอายุมากกว่า 11 ปี (traveler aged above 11 years) เมื่อเดินทางถึงประเทศฝรั่งเศสแล้ว อาจถูกสุ่มตรวจหาเชื้อโดยวิธี antigen test หรือตรวจทางชีวภาพ ต้องแยกตัวเป็นเวลา 7 วัน ในกรณีจำเป็น อาจต้องแยกตัวในสถานที่ ที่ทางการฝรั่งเศสกำหนด และเมื่อครบกำหนดแยกตัว 7 วันแล้ว จะต้องตรวจหาเชื้อโดยวิธี RT-PCR อีกครั้ง

วัคซีนที่ประเทศฝรั่งเศสรับรอง และเงื่อนไขที่ต้องปฏิบัติตาม เว็บไซต์ของสถานเอกอัครราชทูตฝรั่งเศส ระบุว่า วัคซีนที่ได้รับการรับรองจาก องค์การยาสหภาพยุโรป (European Medicines Agency :EMA) นั้นได้แก่

1.) วัคซีน Comirnaty (ของบริษัท Pfizer & BioNTech)
2.) วัคซีน Spikevax (ของบริษัท Moderna) 
3.) วัคซีน COVID-19 Vaccine Janssen (ของบริษัทจอห์นสันแอนด์จอห์นสัน)
4.) วัคซีน Vaxzevria (ของบริษัท AstraZeneca) รวมทั้งวัคซีนเทียบเท่า อาทิ วัคซีน Covid-19 vaccine Astra-Zeneca ที่ผลิตในประเทศไทย

ผู้เดินทาง จะต้องแสดงหลักฐานการฉีดวัคซีนต่อเจ้าหน้าที่ก่อนขึ้นเครื่องบิน และต่อเจ้าหน้าที่ตรวจคนเข้าเมือง หลักฐานการฉีดวัคซีนที่ใช้ได้ ต้องรับรองว่าได้รับวัคซีนครบจำนวนครั้งที่กำหนดดังนี้

1.) หลังจากได้รับวัคซีนเข็มที่ 2 ไปแล้วอย่างน้อย 7 วัน สำหรับวัคซีนที่ต้องฉีด 2 ครั้ง ได้แก่ Pfizer, Moderna และ AstraZeneca
2.) หลังจากได้รับวัคซีนไปแล้วอย่างน้อย 28 วัน สำหรับวัคซีนที่ฉีดเพียงครั้งเดียว ได้แก่ Johnson & Johnson
3.) หลังจากได้รับวัคซีนไปแล้วอย่างน้อย 7 วัน สำหรับผู้ที่มีประวัติเคยติดเชื้อโควิด-19 มาก่อน โดยฉีดวัคซีนเพียงครั้งเดียว


ที่มา : https://www.thansettakij.com/world/493402


Q : ประกันอะไร? ได้ตั้ง 4 ต่อ!!
A : ก็ประกันภัยรถยนต์จาก @THESHOPTIMES ไง!! 
>> ฟรี!!! ประกันภัยอุบัติเหตุส่วนบุคคล (PA) 100,000 บาท
>> รับคอมมิชชั่นหรือส่วนลดทันที ในอัตราที่สูงกว่า แถมได้สิทธิซื้อประกัน พ.ร.บ.ราคาถูกตลอดชีพ
>> สามารถผ่อนได้สูงสุด 6 งวด ดอกเบี้ย 0% โดยไม่ต้องใช้บัตรเครดิต
>> แถมขายดีมีรายได้เพิ่มให้กับตัวเองด้วย
***สนใจติดต่อ Line@ THE SHOPS TIMES คลิก???? https://lin.ee/vfTXud9

ฝนหลวงฯ เร่งทำฝนช่วยพื้นที่นาข้าว หลังพบน้ำในเขื่อนหลักยังน้อย

นายสุรสีห์ กิตติมณฑล อธิบดีกรมฝนหลวงและการบินเกษตร เปิดเผยว่า ถึงแม้ขณะนี้จะเข้าสู่ฤดูฝนมาเป็นระยะเวลา 3 เดือนแล้ว แต่น้ำที่ลงเขื่อนต่าง ๆ ยังมีปริมาณน้อยอยู่มาก พื้นที่การเกษตรโดยเฉพาะพื้นที่นาข้าวที่อยู่ในระยะแตกกอ ตั้งท้อง และออกรวงต่อไป ถือเป็นช่วงที่ต้องการใช้น้ำปริมาณมาก แต่ในหลายพื้นที่ยังคงมีน้ำไม่เพียงพอ กรมฯ จึงร่วมกับกองทัพอากาศและกองทัพบก จัดตั้งหน่วยปฏิบัติการฝนหลวง จำนวน 13 หน่วยปฏิบัติการกระจายอยู่ทั่วภูมิภาค ได้มีการติดตามสภาพอากาศเป็นประจำทุกวัน และวางแผนขึ้นบินปฏิบัติการฝนหลวง เพื่อช่วยเหลือประชาชนให้มีน้ำใช้ในพื้นที่การเกษตรให้มากที่สุด 

สำหรับผลการปฏิบัติการฝนหลวงเมื่อวานนี้ ได้ขึ้นบินปฏิบัติการฝนหลวง จำนวน 11หน่วยปฏิบัติการ ทำให้มีฝนตกบริเวณพื้นที่การเกษตรบางส่วนของ จ.เชียงใหม่ ตาก กำแพงเพชร พิษณุโลก อุตรดิตถ์ สระบุรี ลพบุรี ชัยนาท อุทัยธานี นครสวรรค์ สิงห์บุรี เพชรบูรณ์ กาญจนบุรี สุพรรณบุรี หนองบัวลำภู อุดรธานี เลย นครราชสีมา บุรีรัมย์ ศรีสะเกษ อุบลราชธานี ยโสธร สุรินทร์ ร้อยเอ็ด มหาสารคาม สระแก้ว ราชบุรี รวมถึงเพิ่มปริมาณน้ำเก็บกักให้เขื่อน จำนวน 5 แห่ง และอ่างเก็บน้ำ จำนวน 7 แห่ง

ทั้งนี้จากแผนที่อากาศผิวพื้นกรมอุตุนิยมวิทยาเมื่อวานนี้ (26 ส.ค. 2564) มีร่องฝนหรือร่องความกดอากาศต่ำพาดผ่านพื้นที่ภาคเหนือไปทางภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนบน แต่ล่าสุดได้ขยับลงมาในพื้นที่ภาคกลาง ภาคตะวันออกไปทางประเทศกัมพูชา ในบริเวณร่องฝนหรือร่องความกดอากาศต่ำอากาศจะลอยตัวได้ดี และจะทำให้มีอากาศค่อนข้างร้อนกว่าพื้นที่โดยรอบ ส่งผลให้ลมมรสุมตะวันตกเฉียงใต้โดนดูดเข้าไปในพื้นที่บริเวณร่องฝน ซึ่งในพื้นที่ลมชั้นบนจะเป็นลักษณะแนวโค้งจากทิศตะวันออกเฉียงใต้ไปทางทิศเหนือ ทำให้โอกาสที่จะมีฝนในวันนี้ค่อนข้างมาก โดยทางกรมอุตุนิยมวิทยาได้ประกาศแจ้งเตือนบางพื้นที่ที่มีโอกาสเสี่ยงฝนตกหนักมาก บริเวณ จ.นครนายก ปราจีนบุรี สระแก้ว ระยอง จันทบุรี และตราด ขอให้พี่น้องประชาชนในพื้นที่ดังกล่าวติดตามข้อมูลจากภาครัฐอย่างใกล้ชิด

“หน่วยปฏิบัติการฝนหลวง อีก 10 หน่วย จะยังคงติดตามสภาพอากาศตลอดทั้งวัน หากสภาพอากาศมีการเปลี่ยนแปลงและเข้าเงื่อนไขในการปฏิบัติการฝนหลวง จะขึ้นบินปฏิบัติการฝนหลวงช่วยเหลือพื้นที่เป้าหมายทันที”

‘ศบค.’ ผ่อนมาตรการพื้นที่แดงเข้ม ให้เดินทางข้ามจังหวัดได้ ขนส่งสาธารณะ จำกัดผู้โดยสารไม่เกิน 75% เปิดห้างฯ ได้ถึง 2 ทุ่ม ให้นั่งกินในร้านเปิดโล่งได้ 75% ห้องแอร์ 50% เปิด ‘ร้านเสริมสวย นวดเท้า กีฬากลางแจ้งได้’ แต่ยังคงเคอร์ฟิว

เมื่อเวลา 13.30 น. วันที่ 27 ส.ค. ที่ทำเนียบรัฐบาล พญ.อภิสมัย ศรีรังสรรค์ ผู้ช่วยโฆษกศูนย์บริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด-19) หรือศบค. แถลงผลประชุมศบค.ชุดใหญ่ ครั้งที่ 13 ว่า ที่ประชุมศบค.เห็นชอบ ปรับมาตรการป้องกันโควิด-19 และอนุญาตให้เปิดกิจการกิจกรรมเพิ่มเติมตามความพร้อม เพื่อให้ประชาชนดำเนินชีวิตได้ใกล้เคียงปกติที่สุด ดังนี้ 

ให้คงพื้นที่ควบคุมสูงสุดและเข้มงวด หรือสีแดงเข้ม 29 จังหวัด และคงมาตรการเข้มงวด โดยเรื่องการเดินทางในพื้นที่สีแดงเข้ม ขอความร่วมมือหรือหลีกเลี่ยงการเดินทางและห้ามออกนอกเคหะสถานในเวลา 21.00น.-04.00 น. ของวันรุ่งขึ้น และให้คงการทำงานเวิร์กฟอร์มโฮม และสามารถเดินทางข้ามจังหวัดได้ แต่ขอให้หลีกเลี่ยง หรือเดินทางเท่าที่จำเป็น 

ส่วนระบบขนส่งสาธารณะเปิดได้ โดยจำกัดผู้โดยสารไม่เกิน 75% และต้องสวมหน้ากากตลอดเวลา สำหรับรถโดยสาร รถตู้ ระยะไกล ควรแวะพักทุก 2-3 ชั่วโมง และผ่อนคลายกิจการและกิจกรรมในพื้นที่แดงเข้ม ให้จัดกิจกรรมหรือรวมคนได้ไม่เกิน 25 คน 

ส่วนร้านอาหาร ให้บริโภคในร้านได้ ตามประเภทร้านและกำหนดเกณฑ์ ผู้รับบริการ ผู้ให้บริการ โดยเปิดได้ไม่เกิน 20.00 น. แต่ยังคงงดการจำหน่ายและงดดื่มสุราในร้าน โดยร้านอาหารที่เป็นพื้นที่โล่ง ระบายอากาศได้ดี ไม่มีเครื่องปรับอากาศ ให้นั่งรับประทานได้ 75% ถ้าเป็นห้องที่มีเครื่องปรับอากาศให้นั่งได้ 50% โดยผู้ประกอบการต้องป้องกันและควบคุมโรคอย่างเคร่งครัด โดยมีผู้ประกอบการสมาคมภัตตาคารไทยและคณะกรรมการโรคติดต่อจังหวัดกรุงเทพฯ กำกับ 

ขณะที่ศูนย์การค้าและห้างสรรพสินค้า สามารถเปิดบริการได้แบบมีเงื่อนไข โดยเปิดได้ไม่เกิน 20.00 น. ยกเว้น กิจกรรมเสี่ยงบางอย่างที่ยังไม่ให้เปิดบริการ ได้แก่ สถาบันกวดวิชา โรงภาพยนตร์ สปา สวนสนุก สวนน้ำ ฟิตเนส ห้องออกกำลังกาย สระว่ายน้ำ ห้องประชุม จัดเลี้ยง 

ร้านเสริมสวย ให้เปิดได้เฉพาะตัดผมและแต่งผม ไม่เกิน 1 ชั่วโมง ร้านนวด เปิดได้เฉพาะนวดเท้า ส่วนสถานเสริมความงาม ผ่อนคลายให้เปิดบริการได้ เฉพาะจำหน่ายสินค้า

เรื่องสถานศึกษาทุกระดับ สถานกวดวิชา ให้เปิดใช้อาคารสถานที่เพื่อจัดการเรียนการสอนทำกิจกรรมที่มีการรวมคนจำนวนมาก โดยต้องผ่านการเห็นชอบจากกระทรวงศึกษาธิการ และกระทรวงการอุดมศึกษาวิทยาศาสตร์วิจัย และนวัตกรรม ร่วมกับความเห็นของคณะกรรมการโรคติดต่อจังหวัดโดยมีมาตรการกำกับอย่างเคร่งครัด 

ส่วนสถานที่เล่นกีฬาหรือแข่งขันกีฬา ให้เปิดบริการได้ประเภทกีฬากลางแจ้ง หรือในร่ม ที่เป็นที่โล่งอากาศถ่ายเทสะดวก ไม่มีระบบปรับอากาศ ไม่มีผู้ชม และการซ้อมของนักกีฬาทีมชาติไทยทุกประเภทโดยผ่านความเห็นชอบและรับทราบจากคณะกรรมการโรคติดต่อจังหวัด คณะกรรมการโรคติดต่อกทม.โดยเปิดได้ไม่เกิน 20.00 น. โดยการจัดการแข่งขันต้องจัดโดยไม่มีผู้เข้าชม โดยผู้ที่จะร่วมการแข่งขันต้องได้รับวัคซีนครบตามเกณฑ์ หรือ 1 เข็ม และตรวจ ATK ทุกสัปดาห์ ขณะที่ผู้จัดการแข่งขันต้องดำเนินการตามมาตรการป้องกันควบคุมโรคที่กำหนดไว้อย่างเคร่งครัด 


Q : ประกันอะไร? ได้ตั้ง 4 ต่อ!!
A : ก็ประกันภัยรถยนต์จาก @THESHOPTIMES ไง!! 
>> ฟรี!!! ประกันภัยอุบัติเหตุส่วนบุคคล (PA) 100,000 บาท
>> รับคอมมิชชั่นหรือส่วนลดทันที ในอัตราที่สูงกว่า แถมได้สิทธิซื้อประกัน พ.ร.บ.ราคาถูกตลอดชีพ
>> สามารถผ่อนได้สูงสุด 6 งวด ดอกเบี้ย 0% โดยไม่ต้องใช้บัตรเครดิต
>> แถมขายดีมีรายได้เพิ่มให้กับตัวเองด้วย
***สนใจติดต่อ Line@ THE SHOPS TIMES คลิก????https://lin.ee/vfTXud9

'ปุ๋ย วิจิตรา' ตัวเต็งเหรียญทอง ทัพลูกเด้งพาราลิมปิก

เป็นอีกเรื่องน่าชื่นชมที่ นายณัฏฐพล ทีปสุวรรณ อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ ได้นำเรื่องราวทัพเทเบิลเทนนิสไทยในกีฬาพาราลิมปิกเกมส์ 2020 ผ่านโพสต์เฟซบุ๊กส่วนตัวว่า...

จากเด็กหญิงผู้เคราะห์ร้ายที่ต้องกลายมานั่งวีลแชร์ ในเหตุการณ์ God Army กราดยิงรถนักเรียนที่ อ.สวนผึ้ง จ.ราชบุรี จนกระทั่งวันนี้ ผ่านมา 19 ปี 

นางสาววิจิตรา ใจอ่อน หรือ น้องปุ๋ย ได้แสดงความสามารถในการดึงศักยภาพของตนเองออกมา พร้อมความเพียรพยายามอดทนอย่างหนักในการฝึกซ้อม จนติดนักกีฬาเทเบิลเทนนิสทีมชาติ พร้อมกับเป็นมือวางอันดับ 7 ของรายการแข่งขันพาราลิมปิกเกมส์ 2020 ณ กรุงโตเกียว โดยในการแข่งขันล่าสุด เธอสามารถเอาชนะคู่แข่งจากรัสเซีย และผ่านเข้ารอบ Knock Out สำเร็จ 

นอกจากความสามารถอันโดดเด่นด้านกีฬาแล้ว ทราบว่าน้องปุ๋ยยังเคยเป็นคุณครูสอนนักเรียนที่มีความต้องการจำเป็นพิเศษ สังกัดสำนักบริหารงานการศึกษาพิเศษ สพฐ. อยู่หลายปี สำหรับเด็กผู้หญิงคนหนึ่งที่เคยวิ่งเล่นได้ปกติเหมือนเด็กทั่วไป กลับกลายต้องมานั่งวีลแชร์ สามารถพลิกความโชคร้ายที่เคยเกิดขึ้นให้เป็นโอกาส พลิกความต่าง (ทางร่างกาย) ให้กลายเป็นความโดดเด่น

ผมขอชื่นชมและนับถือในหัวใจอันแข็งแกร่งที่เต็มไปด้วยความอ่อนโยนของน้องปุ๋ย พร้อมกับขอให้กำลังใจน้องปุ๋ยในการเข้าร่วมการแข่งขันพาราลิมปิกเกมส์ ในครั้งนี้...สู้ ๆ ครับ @wijittra jaion

#Paralympics2020


ที่มา : https://www.facebook.com/100044312745406/posts/381597326660689/


Q : ประกันอะไร? ได้ตั้ง 4 ต่อ!!
A : ก็ประกันภัยรถยนต์จาก @THESHOPTIMES ไง!! 
>> ฟรี!!! ประกันภัยอุบัติเหตุส่วนบุคคล (PA) 100,000 บาท
>> รับคอมมิชชั่นหรือส่วนลดทันที ในอัตราที่สูงกว่า แถมได้สิทธิซื้อประกัน พ.ร.บ.ราคาถูกตลอดชีพ
>> สามารถผ่อนได้สูงสุด 6 งวด ดอกเบี้ย 0% โดยไม่ต้องใช้บัตรเครดิต
>> แถมขายดีมีรายได้เพิ่มให้กับตัวเองด้วย
***สนใจติดต่อ Line@ THE SHOPS TIMES คลิก????https://lin.ee/vfTXud9

ราเมศ เผย ไม่มีตั้งองครักษ์พิทักษ์ เฉลิมชัย ความสุจริตจะเป็นเกราะป้องกันดีที่สุด

นายราเมศ รัตนะเชวง โฆษกพรรคประชาธิปัตย์ได้กล่าวถึงการอภิปรายไม่ไว้วางใจรัฐมนตรีในส่วนของพรรคซึ่งมีนายเฉลิมชัย ศรีอ่อน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์เป็นหนึ่งในรัฐมนตรีที่ถูกอภิปรายด้วยนั้นว่า

ในส่วนของพรรคไม่มีการตั้งองครักษ์พิทักษ์รัฐมนตรีแต่อย่างใด เป็นสิทธิของฝ่ายค้านที่จะอภิปราย ข้อมูลที่อภิปรายต้องขอย้ำว่าต้องเป็นความจริง หากมีการบิดเบือน

ใส่ร้าย ก็จะเกิดความเสียหายกับฝ่านค้านเองได้ และหากมีการอภิปรายโดยไม่ยึดข้อบังคับการประชุม นอกเหนือญัตติ ส.ส.ของพรรคก็ต้องท้วงติงให้อยู่ในกรอบก็เป็นเรื่องปกติ นายเฉลิมชัย พร้อมชี้แจงในทุกประเด็น 

ส่วนคณะทำงานที่จะมารองรับการอภิปราย หลักการในส่วนนี้มีคณะทำงานกฎหมายสนับสนุนข้อมูลให้เป็นเรื่องปกติและตนได้รับมอบหมายเป็นหัวหน้าทีมในการชี้แจงทำความเข้าใจกับพี่น้องประชาชน ส่วนในสภาก็จะมี ส.ส.ในส่วนของพรรคอยู่แล้วที่จะช่วยกันติดตามการอภิปรายของฝ่ายค้านอย่างใกล้ชิด

นายราเมศกล่าวต่อว่า ไม่ได้มีความกังวลใจต่อการเปิดอภิปรายไม่ไว้วางใจ ทุกคนในพรรควางใจนายเฉลิมชัย ตั้งแต่ให้เป็นเลขาธิการพรรคแล้ว เมื่อเป็นรัฐมนตรีทุกคนทราบดีว่าคนชื่อเฉลิมชัยไม่ทำในสิ่งที่ไม่ถูกต้องอย่างแน่นอน ที่สำคัญไม่มีเรื่องทุจริต ทุกคนในพรรคยกมือไว้วางใจทุกคน เมื่อเป็นเช่นนั้น ที่ถามว่าการอภิปรายครั้งนี้จะมีผลกระทบต่อตำแหน่งเลขาธิการพรรคและตำแหน่งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ หรือไม่ ก็ต้องตอบว่าไม่มีผลใดๆ แต่มีผลดีอย่างแน่นอนที่นายเฉลิมชัยจะได้ชี้แจงให้เห็นถึงผลงานและการทำงานที่มีประโยชน์ต่อประชาชนมากมาย 

'กรณ์' เบรกกู้เพิ่ม 1 ลล. ใช้ 5 แสนล. ให้ดีก่อน แนะ ทำระบบราชการ ให้ทันรับมือวิกฤตดีกว่า

นายกรณ์ จาติกวณิช อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง และหัวหน้าพรรคกล้า กล่าวในรายการถามอีกกับอิก ถึงกรณีธนาคารแห่งประเทศไทยเสนอกู้เงิน 1 ล้านล้านบาท เพื่อพยุงเศรษฐกิจว่า ที่ผู้ว่าแบงก์ชาติออกมาพูดถึงการกู้เพิ่มครั้งนี้ สะท้อนให้เห็นถึงสภาพแวดล้อมทางเศรษฐกิจที่คาดไม่ถึง ซึ่งอีกทางหนึ่งก็สบายใจได้ว่า สถานะทางการคลังของประเทศ สามารถแบกรับหนี้สาธารณะได้อีกหนึ่งล้านล้านบาท โดยไม่ต้องมีความกังวลในแง่ของเสถียรภาพ แต่ก็ต้องตระหนักถึงสถานการณ์ปัจจุบัน

“การที่ผู้ว่าแบงก์ชาติ บอกว่า 1 ล้านล้านกู้ได้ เป็นสัญญาณให้รัฐบาลว่า ถ้าจำเป็นต้องกู้ก็เป็นความเสี่ยงที่รับได้ เหลืออยู่ที่ว่าจะกู้ตอนไหน กู้แล้วไปทำอะไร เพราะเท่าที่ดูสถานการณ์ปัจจุบัน ความจำเป็นยังไม่มี เพราะ พ.ร.ก.เงินกู้ 5 แสนล้าน มีการเบิกจ่ายใช้ไปประมาณร้อยละ 20 หรือประมาณ 1 แสนล้าน เหลืออีก 4 แสนล้าน ก็ควรมีแผนงาน และประเมินผลการใช้เงินส่วนนี้ต่อดัชนีเศรษฐกิจ แล้วพิจารณาว่าต้องกู้หรือไม่ เพราะในตัวงบประมาณปี 65 เอง ก็ต้องกู้ 4 แสนล้านอยู่แล้ว ในอีก 1 ปีข้างหน้า

โดยที่เราก็หวังว่าการฉีดวัคซีน การบริหารจัดการโควิด จะส่งผลทำให้เราเปิดเศรษฐกิจเปิดประเทศได้ เริ่มจะมีรายได้เข้ามาใส่กระเป๋าประชาชน ถ้าเราทำได้เร็ว ทำได้ดี อาจจะไม่จำเป็นต้องกู้เพิ่มเติม และการพิจารณาว่าจะกู้หรือไม่ในสถานการณ์วิกฤตขนาดนี้ แบงก์ชาติ กระทรวงการคลัง และทีมเศรษฐกิจของรัฐบาล ต้องทำงานเป็นทีม ไม่ใช่ต่างคนต่างทำอย่างที่เป็นอยู่” อดีต รมว.คลัง กล่าว  

นายกรณ์ กล่าวว่า ช่วงที่รัฐบาลกู้ 1 ล้านล้านบาทครั้งแรก มีนักเศรษฐศาสตร์หลายท่านรวมทั้งตนเอง กังวลว่าอาจจะไม่พอ และยังกังวลว่าถ้าเบิกจ่าย พ.ร.ก.ที่สองคือ 5 แสนล้านบาทครบถ้วนแล้ว จะดันหนี้สาธารณะเทียบกับจีดีพีขึ้นไปเกือบ ๆ จะชนเพดาน อยู่ที่ระดับร้อยละ 58 ถ้าเทียบกับการกู้ยืมเพื่อชดเชยการขาดดุลงบประมาณในปี 65 ที่สภาฯ เพิ่งอนุมัติไป ทำให้หนี้สาธารณะทะลุเพดานร้อยละ 60 แน่นอน

ซึ่งมีความจำเป็นที่นายกรัฐมนตรีอาจต้องปรับ เงื่อนไขตามกฎหมายวินัยทางการคลัง ให้เพดานหนี้สาธารณะขึ้นไปอีกที่ร้อยละ 70 เพราะมีแนวโน้มว่ายังขาดดุลประมาณ 4-5 แสนล้านบาท ไปอีกระยะหนึ่ง ยังไม่เห็นสัญญาณที่จะจัดงบสมดุลได้อีกหลายปี

นายกรณ์ ยังกล่าวถึงการคาดการณ์รายรับปี 2565 ว่า การตั้งสมมุติฐานรายได้ของรัฐบาลอาจจะสูงเกินไป อย่างปี 2564 จะเห็นว่ารายรับของรัฐบาลต่ำกว่าที่คาดการณ์ไว้ และหวังว่า ปี 65 จะไม่ต่ำกว่านี้ จนเป็นเหตุที่ต้องให้กู้เพิ่มอีก ซึ่งเป็นสาเหตุให้ต้องมาพิจารณากันอย่างละเอียดว่าการออก พ.ร.ก. 1 ล้านล้านบาท เป็นจังหวะที่เหมาะสมหรือไม่ ซึ่งจากความเห็นผู้ว่าแบงค์ชาติ ที่บอกว่าถ้าจะกู้ก็กู้ได้ เงินมี และข้อดีอีกอย่างของประเทศไทย มีหนี้สาธารณะจำนวนหนึ่ง ซึ่งไม่ได้มากนักเมื่อเทียบกับเศรษฐกิจ ประเทศอื่น ๆ

หลายประเทศหนี้สาธารณะเท่ากับร้อยละ 100 ของจีดีพีเลยด้วยซ้ำ ในขณะที่ของเราอยู่ที่ร้อยละ 50 กว่า ข้อดีอีกอย่างคือหนี้สาธารณะกว่าร้อยละ 98 เป็นการกู้เงินบาทภายในประเทศ ลดความเสี่ยงลงไปมาก ผิดกับอินโดนีเซียที่กู้เงินเป็นเงินดอลลาร์ เมื่อธนาคารกลางสหรัฐเปลี่ยนนโยบายทางการเงิน ทำให้ความเชื่อมั่นในเงินรูเปียห์ ของอินโดนีเซียลดลง

ส่วนกรณีที่ผู้ว่าแบงก์ชาติบอกว่า ถ้าเราไม่ทำอะไรเลย จะทำให้เกิดหลุมดำขนาดของรายได้จะหายไปราว 2.6 ล้านล้านบาท อดีต รมว.คลัง กล่าวว่า หลุมดำมันมีอยู่แล้วจากการล็อกดาวน์ และการห้ามรับนักท่องเที่ยว และอื่น ๆ เราไม่มีรายได้มาเป็นปีแล้ว ผู้หาเช้ากินค่ำไม่มีเงิน ไม่มีรายได้ เจ้าของร้านอาหาร ผับ บาร์ โรงแรม ท่านจึงมองว่าต้องอัดฉีดงบประมาณเข้ามา หนึ่งในประเด็นปัญหาที่ผ่านมา คือการขับเคลื่อนนโยบายของแบงก์ชาติเองด้วย

ผู้ว่าฯ บอกจะกู้ 1 ล้านล้านอัดฉีดเข้าไป แต่หากเราย้อนไปดู การออก พ.ร.บ.เงินกู้ 1 ล้านล้านบาท จริง ๆ มันมีการออกกฎหมายอีกสองฉบับ เป็น พ.ร.ก. เช่นเดียวกัน คือ พ.ร.ก. เงินกู้ดอกเบี้ยต่ำให้ผู้ประกอบการเอสเอ็มอี ซึ่งเวลาผ่านไปนานหลายเดือน มีเสียงสะท้อนชัดเจนว่าเขาเข้าไม่ถึงเงินส่วนนี้ เพราะโครงสร้างการปล่อยสินเชื่อจากแบงก์ชาติผ่านธนาคารพาณิชย์ มันจึงเป็นปัญหาคอขวด ทั้งความเสี่ยง และความพร้อมในการรับความเสี่ยงของธนาคารพาณิชย์

ทำให้ไม่พิจารณาอนุมัติให้กับผู้เดือดร้อนจริง จึงไปไม่ถึงกลุ่มเป้าหมาย แม้ต่อมามีการปรับเงื่อนไขให้มันง่ายขึ้นแต่ก็ยังยากอยู่ดี ถามผู้ประกอบการเอสเอ็มอีวันนี้ว่า อะไรคือปัญหาหลักของเขา คำตอบคือขาดสภาพคล่อง และไม่สามารถเข้าถึงสินเชื่อตามนโยบายของรัฐบาลและของแบงก์ชาติได้

ส่วนถ้ากู้เพิ่มอีก 1 ล้านล้านบาทแล้วจะจบหรือไม่ อดีต รมว.คลัง กล่าวว่า มันก็ขึ้นอยู่กับประสิทธิภาพการใช้เงิน ยกตัวอย่าง เงินกู้ 1 ล้านล้านบาทแรก กว่าจะเบิกจ่ายใช้เงินก็ใช้เวลานานพอสมควร แต่ในส่วนของ 5 แสนล้านที่กู้เพิ่ม ตอนนี้ใช้ไปแค่ 1 แสนล้านเหลืออีก 4 แสนล้าน ก็มีคำถามว่าเงินจำนวนนี้จะเบิกจ่ายให้เข้ามาอยู่ในระบบเศรษฐกิจเมื่อไหร่ และหลังจากใช้เงินนั้นไปแล้ว เป็นจังหวะที่เศรษฐกิจของเราจะกลับเข้ามาเป็นปกติแล้วหรือยัง ตรงนี้จะเป็นคำตอบว่าเราจำเป็นต้องกู้เพิ่มอีก 1 ล้านล้านบาทหรือไม่

ทั้งนี้ เมื่อดูประสิทธิภาพในการใช้เงินกู้ที่ผ่านมา เราจะเห็นว่า เมื่อเป็นลักษณะการผันเงินตรงให้กับประชาชนส่วนนี้มีประสิทธิภาพสูงมาก แต่พอโครงการที่ต้องพึ่งระบบราชการ เราจะเห็นว่าประสิทธิภาพลดลงไปมาก รัฐบาลมีความจำเป็นต้องขันน็อตเพื่อปรับระบบการทำงานในภาวะวิกฤต

ส่วนกรณีว่ามีความจำเป็นต้องเยียวยารายได้ประชาชน อีกนานแค่ไหน อดีต รมว.คลัง กล่าวว่า โดยส่วนตัวคิดว่า ให้รัฐบาลคิดเผื่อไว้เลยอย่างน้อย 3 เดือนหรือจนถึงสิ้นปี เพื่อสร้างความมั่นใจประชาชนว่ารัฐบาลดูแล โดยอาจจะเป็นยอดเงิน 5,000 บาทต่อเดือน ในกลุ่มอยู่ในเขตล็อกดาวน์ เชื่อว่าเงินประมาณสามแสนล้าน ทำให้ดูแลประชาชนมีอยู่มีกินไปต่อไปได้ แต่ถ้าจะกู้มาเพื่อมาจัดสรรให้กับโครงการต่าง ๆ ที่ไม่ได้เป็นปัญหาเฉพาะหน้า ที่เป็นความเดือดร้อนของประชาชนโดยตรง ไม่เห็นด้วย จัดสรรไป ก็ใช้ไม่ทันอยู่ดี และเงินเข้ามาในระบบเศรษฐกิจก็ไม่ทันเช่นเดียวกัน


Q : ประกันอะไร? ได้ตั้ง 4 ต่อ!!
A : ก็ประกันภัยรถยนต์จาก @THESHOPTIMES ไง!! 
>> ฟรี!!! ประกันภัยอุบัติเหตุส่วนบุคคล (PA) 100,000 บาท
>> รับคอมมิชชั่นหรือส่วนลดทันที ในอัตราที่สูงกว่า แถมได้สิทธิซื้อประกัน พ.ร.บ.ราคาถูกตลอดชีพ
>> สามารถผ่อนได้สูงสุด 6 งวด ดอกเบี้ย 0% โดยไม่ต้องใช้บัตรเครดิต
>> แถมขายดีมีรายได้เพิ่มให้กับตัวเองด้วย
***สนใจติดต่อ Line@ THE SHOPS TIMES คลิก????https://lin.ee/vfTXud9

รฟม. ล้มประมูลรถไฟฟ้าสายสีม่วงใต้ 8.23 หมื่นล.

การรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนแห่งประเทศไทย (รฟม.) แจ้งว่า ขณะนี้ได้มีการยกเลิกประกาศประกวดราคาจ้างก่อสร้างงานโยธา โครงการรถไฟฟ้าสายสีม่วง ช่วงเตาปูน-ราษฎร์บูรณะ (วงแหวนกาญจนาภิเษก) โดยการประกวดราคานานาชาติ เนื่องจากเพื่อให้เกิดการมีส่วนร่วมของภาคประชาชน โดยออกออกเป็นหนังสือชี้แจงลงนามโดยนายภคพงศ์ ศิริกันทรมาศ ผู้ว่าการ รฟม.

สำหรับ โครงการรถไฟฟ้าสายสีม่วงใต้ ช่วงเตาปูน-ราษฎร์บูรณะ (วงแหวนกาญจนาภิเษก) มีมูลค่าการลงทุน 8.23 หมื่นล้านบาท มีระยะทาง 23.6 กิโลเมตร (กม.) เป็นทางวิ่งใต้ดิน 13.6 กม. 10 สถานี และทางวิ่งยกระดับ 10 กม. 7 สถานี เป็นโครงการรถไฟฟ้าลอดใต้แม่น้ำเจ้าพระยาเชื่อมโยงการเดินทางระหว่างนนทบุรี กับ กทม. ฝั่งพระนครและฝั่งธนบุรี รวมถึงสมุทรปราการเข้าด้วยกัน 

เดิม รฟม. มีกำหนดจำหน่ายเอกสารการประกวดราคา (ประมูล) ตั้งแต่วันที่ 5 ก.ค.-7 ต.ค.64 และกำหนดยื่นข้อเสนอ วันที่ 8 ต.ค.64 จากนั้นจะใช้เวลาพิจารณาข้อเสนอทั้ง 3 ซองให้แล้วเสร็จภายในเดือน ธ.ค.64 และคาดว่าจะได้ผู้ชนะการประมูลทั้ง 6 สัญญาภายในเดือน ม.ค.65 มีแผนเริ่มก่อสร้างปี 65 และเปิดบริการปี 70 โดยจากการเปิดจำหน่ายเอกสารการประมูล ตั้งแต่วันที่ 5 ก.ค. ถึงวันที่ 19 ส.ค.64 พบว่า มีผู้สนใจซื้อเอกสารการประมูลแล้ว 8 ราย แบ่งเป็น บริษัทสัญชาติไทย 6 ราย และต่างชาติ 2 ราย

'รศ.ดร.อักษรศรี' โพสต์ข้อความถึงรถไฟขนส่งสินค้าผ่าน 8 ประเทศ จากฮานอย ผ่านจีน ถึงเบลเยี่ยม ถาม ไทยจะแปลงโอกาสนี้อย่างไร?

รศ.ดร.อักษรศรี พานิชสาส์น อาจารย์ประจำคณะเศรษฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ อดีตผู้อำนวยการศูนย์วิจัยยุทธศาสตร์ไทย-จีน แห่ง วช. ได้โพสต์ลงเฟซบุ๊กว่า...

#ตื่นเถิดชาวไทย ตั้งแต่ปลาย ก.ค.2021 มีรถไฟจากฮานอย #เวียดนาม ผ่านหนานหนิง #จีน กำลังไปให้ถึงยุโรป #เบลเยี่ยม แล้วนะคะ คาดว่าใช้เวลา 25-27 วัน (ช่วงโควิดระบาด)

เส้นทางรถไฟขนส่งสินค้าสายนี้วิ่งผ่าน 8 ประเทศ !! ขนาดของราง 'ก็ไม่เท่ากัน' เช่น ช่วงในเวียดนาม ใช้ราง 1 เมตร ช่วงในจีน ใช้ราง 1.435 เมตร (Standard Gauge) ในขณะที่อีก 3 ประเทศอดีตสหภาพโซเวียต คือ คาซัคสถาน, รัสเซีย และ เบลารุส ใช้รางรถไฟกว้างกว่าจีน ที่ขนาด 1.520 เมตร (broad gauge) พอไปถึงยุโรปที่โปแลนด์ ใช้รางขนาด 1.435 เมตร ไปจนถึงประเทศปลายทาง

แล้วรถไฟสายนี้เกิดขึ้นได้อย่างไร ? เขาบริหารจัดการได้อย่างไร?

คนที่มี Fixed Mindset คงจะงง...

แต่คนที่มี Growth Mindset จะหาทางทำให้สำเร็จ!!

จีนกับเวียดนามทำได้แล้ว มันคือส่วนหนึ่งของยุทธศาสตร์เส้นทางสายไหม #BRI ยุคสีจิ้นผิง #จีนคิดใหญ่มองไกล ถ้าสนใจ #เรียนรู้เพื่อนบ้าน ลองส่องได้เลยค่ะ

>> ขนาดรางไม่เท่ากัน แต่รถไฟสายนี้วิ่งข้ามทวีปได้อย่างไร?

#คำตอบ แม้ว่าขนาดรางไม่เท่ากัน ก็ไม่ใช่ปัญหา เพราะจีนสามารถ Shift Mode ได้ในช่วงขนส่งผ่านระบบรางระหว่างประเทศ โดยใช้วิธีการที่ทันสมัยในการเคลื่อนย้ายตู้คอนเทนเนอร์เพื่อไปวางบนแคร่ และใช้รางของแต่ละประเทศที่พาดผ่าน เพื่อให้ประเทศเหล่านั้นได้รับค่าบริการ/ได้รับประโยชน์ด้วยกัน (ลดแรงต้านด้วยค่ะ) โดยมีบริษัทของจีนบริหารจัดการ/ประสานงานตลอดเส้นทาง

อ.ษร เคยเขียนบทความวิเคราะห์เรื่องนี้ แนะนำให้ไทยหันมาให้ความสำคัญกับรถไฟจีน-ยุโรป แล้ว #ไทยจะใช้ประโยชน์ได้อย่างไร (มิ.ย. 2563) ถ้าสนใจคลิกอ่านได้ค่ะ https://www.thansettakij.com/business/439749 และ https://www.bangkokbiznews.com/blog/detail/636531 และ https://www.bangkokbiznews.com/blog/detail/636768

อ่อ…บางส่วนของรถไฟสายนี้ อ.ษร กับทีมงานก็ไปลงพื้นที่สัมภาษณ์และลองนั่งรถไฟมาแล้ว #สิบปากว่าไม่เท่าตาเห็น

สนใจชมคลิปสารคดีรถไฟช่วงจีน-เวียดนาม (หนานหนิง-ฮานอย) ไปลองลุยนั่งรถไฟสายนี้มาแล้ว คลิกชมคลิปนี้ค่ะ

ถ้าสนใจชมสารคดีรถไฟช่วงจีน-ยุโรป (เฉิงตู-โปแลนด์) ไปสัมภาษณ์หาคำตอบมาให้แล้ว คลิกชมคลิปนี้ค่ะ


ที่มา: https://www.facebook.com/story.php?story_fbid=10223847468028094&id=1037140385


Q : ประกันอะไร? ได้ตั้ง 4 ต่อ!!
A : ก็ประกันภัยรถยนต์จาก @THESHOPTIMES ไง!! 
>> ฟรี!!! ประกันภัยอุบัติเหตุส่วนบุคคล (PA) 100,000 บาท
>> รับคอมมิชชั่นหรือส่วนลดทันที ในอัตราที่สูงกว่า แถมได้สิทธิซื้อประกัน พ.ร.บ.ราคาถูกตลอดชีพ
>> สามารถผ่อนได้สูงสุด 6 งวด ดอกเบี้ย 0% โดยไม่ต้องใช้บัตรเครดิต
>> แถมขายดีมีรายได้เพิ่มให้กับตัวเองด้วย
***สนใจติดต่อ Line@ THE SHOPS TIMES คลิก????https://lin.ee/vfTXud9

ผบช.สตม. มอบอาหารกล่องพร้อมน้ำดื่ม 500 ชุด ให้แก่ชุมชนวัดกก ตามโครงการ "ตำรวจห่วงใย ใส่ใจประชาชน"

ตามนโยบายของ พล.ต.อ.สุวัฒน์ แจ้งยอดสุข ผบ.ตร. และ พล.ต.อ.ดํารงศักดิ์ กิตติประภัสร์ รอง ผบ.ตร. ในช่วงการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด–19  ให้หน่วยงานในสังกัดช่วยเหลือพี่น้องประชาชน และยึดมั่นในหน้าที่ “ผู้พิทักษ์สันติราษฎร์” อยู่เคียงข้างไม่ทอดทิ้งประชาชน และปฏิบัติหน้าที่อย่างเต็มความสามารถให้ประชาชนรู้สึกว่าตำรวจสามารถพึ่งพาได้ 

วันนี้ (27 ส.ค.64) เวลา 11.00 น. พล.ต.ท.สมพงษ์ ชิงดวง ผบช.สตม. พร้อมด้วย พล.ต.ต.วีรพล เจริญศิริ ผบก.ตม.2, พ.ต.อ.ชัยยศ วรักษ์จุนเกียรติ รอง ผบก.ตม.2 ร่วมกับ พล.ต.ต.โชคชัย งามวงศ์ ผบก.น.8 และ สน.บางมด โดย พ.ต.อ.ปริญญา เหลืองอุทัย ผกก.สน.บางมด และคุณศิระ มณีวัฒนเศรษฐ์ ประธาน กต.ตร.สน. บางมด มอบอาหารกล่อง,น้ำดื่ม,ขนม, จำนวน 500 ชุด 

และยังมีภาคเอกชนได้ร่วมบริจาคสิ่งของในครั้งนี้ด้วย คือ กลุ่มชมรมนักธุรกิจสุขสวัสดิ์14 ร่วมบริจาคของอุปโภคบริโภค และเครื่องผลิตออกซิเจน ซึ่งทั้งหมดได้ร่วมกันมอบสิ่งของดังกล่าวให้แก่ ชุมชนวัดกก  ที่ตั้งอยู่บริเวณ พระราม 2 แขวงท่าข้าม เขตบางขุนเทียน กทม. โดยมีคุณประกายวรรณ ชูศักดิ์ทัย ตัวแทนชุมชนมาเป็นผู้รับมอบ เพื่อนำไปแจกจ่ายให้แก่สมาชิกในชุมชนผู้ได้รับความเดือดร้อนจากการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 ต่อไป

พล.ต.ท.สมพงษ์ฯ กล่าวว่า โครงการ "ตำรวจห่วงใย ใส่ใจประชาชน" ครั้งนี้ เป็นการสนองนโยบายของสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ในการช่วยเหลือประชาชนที่เดือดร้อนจากการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 ซึ่งในครั้งนี้ สำนักงานตรวจคนเข้าเมือง ร่วมกับ กองบังคับการตำรวจนครบาล 8 และ สน.บางมด ร่วมกันให้ความช่วยเหลือพี่น้องประชาชนที่เดือดร้อนจากการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 และได้เน้นย้ำให้ประชาชนปฏิบัติตามมาตรการของกรมควบคุมโรคอย่างเคร่งครัด พร้อมทั้งให้กำลังใจเพื่อให้สามารถก้าวผ่านวิกฤติในครั้งนี้ไปด้วยกัน


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top