Wednesday, 2 July 2025
Hard News Team

“กรมอนามัย” เผยเด็กเล็ก 0-5 ปี ติดเชื้อโควิด-19 สะสม 31,811 คน พบติดจากคนใกล้ชิด แนะศูนย์เด็กยกระดับป้องกันด้วย ATK เพื่อลดการติดและแพร่เชื้อในครอบครัว

30 สิงหาคม 2564 นายแพทย์สุวรรณชัย วัฒนายิ่งเจริญชัย อธิบดีกรมอนามัย กล่าวว่า หลังจากพบการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ในศูนย์พัฒนาเด็กเล็กเทศบาลตำบลขึ่ง อำเภอเวียงสา จังหวัดน่าน โดยการติดและแพร่ระบาดครั้งนี้มาจากผู้ดูแลเด็ก เบื้องต้นพบเด็กในศูนย์พัฒนาเด็กปฐมวัยเข้าข่ายกลุ่มเสี่ยงกว่า 70 คน พบผู้ป่วยเป็นเด็กเล็กจำนวน 11 คน อายุต่ำสุด 4 เดือนนั้น จากกรณีดังกล่าวจะเห็นได้ว่าเคยเกิดการระบาดในลักษณะกลุ่มก้อนเช่นนี้มาก่อน และกลุ่มเด็กเล็กเป็นกลุ่มสำคัญที่ต้องเฝ้าระวังหลังพบแนวโน้มระบาดในกลุ่มนี้เพิ่มมากขึ้น

ทั้งนี้ จากรายงานสถานการณ์โควิด-19 เด็กปฐมวัย (0-5 ปี) พบเด็กติดเชื้อตั้งแต่ 1 เมษายน - 14 สิงหาคม 2564 จำนวน 26,513 คน เป็นคนไทย 22,982 คน ต่างชาติ 3,531 คน เสียชีวิตสะสม 5 คน และจากข้อมูลล่าสุด 21 สิงหาคม 2564 พบจำนวนเด็กติดเชื้อเพิ่มขึ้น 5,298 คน เพิ่มขึ้นจากสัปดาห์ก่อน คิดเป็นร้อยละ 3.7 เป็นคนไทย 4,773 คน ต่างชาติ 525 คน และเสียชีวิตเพิ่ม 4 คน เพิ่มขึ้นจากสัปดาห์ก่อน คิดเป็นร้อยละ 33 ส่งผลให้มียอดรวมเด็กติดเชื้อสะสม ณ วันที่ 21 สิงหาคม 2564 จำนวน 31,811 คน เป็นคนไทย 27,755 คน ต่างชาติ 4,056 คน เสียชีวิตรวม 9 คน

โดยกรุงเทพมหานครพบมีการติดเชื้อสูงสุด 5,806 คน รองลงมาคือ จังหวัดสมุทรสาคร 2,324 คน และ จังหวัดชลบุรี 1,993 คน สาเหตุที่ติดเชื้อมากที่สุดคือสัมผัสกับคนใกล้ชิดที่เป็นผู้ป่วยยืนยันมากที่สุด 18,807 คน

นายแพทย์สุวรรณชัย ระบุว่า การติดและแพร่เชื้อในเด็กเล็กที่ผ่านมามักไม่ต่างไปจากการติดเชื้อในผู้ใหญ่ แต่เด็กอาจจะมีแนวโน้มที่จะเกิดอาการรุนแรงหรือมีภาวะแทรกซ้อนที่รุนแรงได้ หากผู้ป่วยเด็กคนนั้นมีภาวะอ้วน เป็นโรคพันธุกรรมเมตาบอลิก เบาหวาน หอบหืด หัวใจพิการแต่กำเนิด หรือภาวะผิดปกติทางระบบประสาทในบางรายส่งผลให้อันตรายถึงชีวิตได้

นายแพทย์สุวรรณชัย กล่าวต่อไปว่า ขอให้ศูนย์พัฒนาเด็กปฐมวัยที่ยังเปิดให้บริการอยู่เข้าประเมินตนเองผ่าน Thai Stop COVID Plus พร้อมยกระดับการคุมเข้มขั้นสูงสุดโดยมีการทำความสะอาดสถานที่ สิ่งของเครื่องใช้ จุดสัมผัสต่าง ๆ รวมถึงยานพาหนะที่ใช้รับส่งให้สะอาด ปลอดภัย มีการกำหนดจุดรับ-ส่งเข้าออกเฉพาะจุดเท่านั้น และไม่อนุญาตให้บุคคลภายนอกเข้ามาบริเวณพื้นที่ภายในของศูนย์พัฒนาเด็กปฐมวัย มีการกำหนด จุดคัดกรอง วัดไข้ จุดล้างมือ ล้างเท้าชัดเจน ด้านครูผู้ดูแลเด็กจะต้องสังเกตอาการตนเองหรือคนใกล้ชิดอยู่เสมอ หากมีไข้ ไอ เหนื่อยหอบ หรืออาศัยอยู่ในพื้นที่เสี่ยง ให้หยุดงานทันที รวมทั้งควรเปลี่ยนเสื้อผ้าก่อนปฏิบัติงานทุกครั้ง สวมหน้ากากอนามัย

ในส่วนของการจัดกิจกรรมควรให้เด็กอยู่ภายในกลุ่มตัวเองหรือแยกเป็นรายบุคคล ไม่ให้ข้ามกลุ่มไปมา เพื่อลดความเสี่ยงต่อการแพร่ระบาดโรค รวมทั้งการกินอาหารและการนอน ต้องเว้นระยะห่าง 1-2 เมตร หรือมีฉากกั้นระหว่างบุคคล และหากพบว่าเป็นผู้ที่มีความเสี่ยงสูง ต้องยกระดับการป้องกันโควิด-19 ด้วยการคัดกรองครูผู้ดูแลเด็กด้วยการตรวจ ATK

“ด้านพ่อแม่ ผู้ปกครอง เมื่อมารับเด็กกลับบ้าน ไม่ควรแวะตามสถานที่เสี่ยงต่าง ๆ ขอให้รีบกลับบ้าน และให้เด็กอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าทันทีเมื่อถึงบ้าน อีกทั้งเพื่อเป็นการจำกัดการแพร่ระบาดของโควิด-19 สู่ครอบครัว ขณะอยู่บ้านขอให้สมาชิกในครอบครัวปฏิบัติ ดังนี้ 

1.) เว้นระยะห่างระหว่างกัน จำกัดการเดินทางเท่าที่จำเป็น และไม่ไปในที่มีคนหนาแน่น 
2.) สวมหน้ากากตลอดเวลา ยกเว้นเฉพาะเวลากินอาหาร และไม่กินอาหารร่วมกัน หากจำเป็นต้องดูแลให้เด็กกินอาหาร ผู้ปกครองควรแยกหรือเหลื่อมเวลาการกิน 
3.) หมั่นล้างมือด้วยสบู่และน้ำ หรือเจลแอลกอฮอล์บ่อย ๆ และ 
4.) ผู้ปกครองควรทำงานที่บ้าน และประเมินความเสี่ยงตนเองผ่าน "ไทยเซฟไทย” ทุกวัน หากสังเกตอาการมีไข้สูงกว่า 37.8 องศาเซลเซียส ไอ เจ็บคอ มีน้ำมูก คัดจมูกหายใจไม่สะดวก อาจมีปวดเมื่อยกล้ามเนื้อ ท้องเสีย และถ้ามีประวัติสัมผัสกับผู้ป่วยที่ยืนยันว่าติดเชื้อควรตรวจและคัดกรองตนเองด้วย ATK เช่นกัน” อธิบดีกรมอนามัย กล่าว


ที่มา : https://www.naewna.com/local/598561


Q : ประกันอะไร? ได้ตั้ง 4 ต่อ!!
A : ก็ประกันภัยรถยนต์จาก @THESHOPTIMES ไง!! 
>> ฟรี!!! ประกันภัยอุบัติเหตุส่วนบุคคล (PA) 100,000 บาท
>> รับคอมมิชชั่นหรือส่วนลดทันที ในอัตราที่สูงกว่า แถมได้สิทธิซื้อประกัน พ.ร.บ.ราคาถูกตลอดชีพ
>> สามารถผ่อนได้สูงสุด 6 งวด ดอกเบี้ย 0% โดยไม่ต้องใช้บัตรเครดิต
>> แถมขายดีมีรายได้เพิ่มให้กับตัวเองด้วย
***สนใจติดต่อ Line@ THE SHOPS TIMES คลิก???? https://lin.ee/vfTXud9

'เอ๋'​ พิชชานันท์ มหาโชติ นักวิ่งสาวจอมอึดยอดกตัญญู สร้างประวัติศาสตร์เป็นหญิงไทยคนแรก พิชิตเทรลระดับโลก 'อัลตร้า เทรล ดู มองบลังค์'​ หรือ​ UTMB ระยะ 100 ไมล์

สุดยอด! 'เอ๋'​ พิชชานันท์ มหาโชติ นักวิ่งสาวจอมอึดยอดกตัญญู สร้างประวัติศาสตร์เป็นหญิงไทยคนแรก พิชิตเทรลระดับโลก 'อัลตร้า เทรล ดู มองบลังค์'​ หรือ​ UTMB ระยะ 100 ไมล์ ด้วยเวลา 42:10:56 ชม. ทั้งที่ก่อนแข่งขันต้องพบข่าวร้ายคุณแม่เสียชีวิตจากโควิด-19 โดยเจ้าตัวอยู่ฝรั่งเศสไม่ได้ดูใจ

จากเฟซบุ๊ก​ Doctor Runner -​ วิ่งดิหมอ​ ได้โพสต์ข้อความระบุว่า... 

พี่เอ๋ทำได้ ! พี่เอ๋ทำได้ ! คนไทยทำได้ !!!

หญิงไทยคนแรกผู้พิชิต UTMB !!!

คุณเอ๋ พิชชานันท์ มหาโชติ ????‍♀️????????

เวลา 42:10:56 ชม. (ความเร็ว 4.1 กม./ชม.)

ระยะทาง 172.12 กม. ความชันสะสม 10,055 เมตร (cut-off time 46 ชั่วโมง 30 นาที)

ไม่แกร่งจริง ไม่มาถึงจุดนี้ ???????? วิ่งไม่นอนตลอดกว่า 42 ชม. ผ่านคืนอันหนาวเหน็บถึง 2 คืนต่อเนื่องกัน ... ยอดมนุษย์ หญิงเหล็ก !

วินาทีที่พี่เอ๋เข้าเส้นชัย พี่เอ๋อยู่ในอันดับ

- Overall 806/2,347
- หญิงอันดับที่ 65/187 !!! สุดยอด !!!

(จากผู้เข้าร่วม ณ หน้าเส้นสตาร์ท 2,347 ราย DNF ระหว่างทางไปแล้ว 807 ราย คิดเป็นกว่า 34% คาดการณ์ว่า Finishers UTMB ปีนี้ จะอยู่ที่ประมาณ 1,530+ ราย)

พี่เอ๋ คุมแรงและความเร็วได้อย่างคงที่ ตลอดระยะทาง 170 กว่ากิโลเมตร ผ่านยอดเขานับสิบลูก ไม่มีหยุด พร้อมกับกำลังใจอันล้นหลามจากทีมงาน และชาวไทย

ในที่สุด ความมุ่งมั่นทั้งหมดนั้น ก็ได้แสดงให้เห็นแล้ว ที่หน้าเส้นชัยของสนามเทรลระดับโลก อย่าง UTMB

คนไทยทำได้ !!!

สำหรับ 'เอ๋'​ พิชชานันท์ เป็นชาว จ.ราชบุรี ถือเป็นนักวิ่งหญิงแกร่งสู้ชีวิตยอดกตัญญูตัวจริง ก่อนหน้านี้ช่วง พ.ศ.2558 เคยทำงานโรงงานก่อนลาออกมาเพื่อดูแลคุณแม่ที่ป่วยติดเตียง และเป็นจุดเริ่มต้นในการเริ่มวิ่ง ใช้เวลาว่างหลังจากดูแลคุณแม่มาฝึกซ้อมด้วยตนเอง รองเท้าวิ่งคู่แรกซื้อจากตลาดนัดราคา 99 บาท ด้วยความมานะมุ่งมั่นและย่อท้อต่อชะตาชีวิตของทำให้กลายเป็นนักวิ่งแถวหน้าของไทยได้อย่างรวดเร็ว 

อย่างไรก็ตาม ก่อนการแข่งขัน พิชชานันท์ ต้องพบกับข่าวร้ายคุณแม่เสียชีวิตจากโควิด-19 ระหว่างที่อยู่ฝรั่งเศส ซึ่งเจ้าตัวต้องพกสภาพจิตใจที่บอบช้ำกับความฝันอันยิ่งใหญ่ลงแข่งขัน รวมทั้งในช่วงที่ฝึกซ้อมเจอเด็กมาขโมย เจ้าตัวจึงวิ่งตามจักรยานจนทัน ทำให้ได้เอกสารและสิ่งของสำคัญคืนทั้งหมด

หลังแข่งขัน พิชชานันท์ กล่าวว่า ตลอดระยะทางไม่ล้มเลยสักครั้งเดียว วิ่งอย่างระมัดระวัง อิ่มใจน้ำตาไหลตั้งแต่ก่อนถึงเส้นชัย คิดถึงแม่อยากให้แม่รับรู้ อยากให้แม่ไม่ต้องเป็นห่วง จะดูแลตัวเองให้ดี ทำความฝันสำเร็จแล้ว อยากให้แม่เป็นกำลังใจให้ตลอดไป


ที่มา : https://www.facebook.com/story.php?story_fbid=386826179480743&id=100044600910170
https://www.dailynews.co.th/news/213844/


Q : ประกันอะไร? ได้ตั้ง 4 ต่อ!!
A : ก็ประกันภัยรถยนต์จาก @THESHOPTIMES ไง!! 
>> ฟรี!!! ประกันภัยอุบัติเหตุส่วนบุคคล (PA) 100,000 บาท
>> รับคอมมิชชั่นหรือส่วนลดทันที ในอัตราที่สูงกว่า แถมได้สิทธิซื้อประกัน พ.ร.บ.ราคาถูกตลอดชีพ
>> สามารถผ่อนได้สูงสุด 6 งวด ดอกเบี้ย 0% โดยไม่ต้องใช้บัตรเครดิต
>> แถมขายดีมีรายได้เพิ่มให้กับตัวเองด้วย
***สนใจติดต่อ Line@ THE SHOPS TIMES คลิก???? https://lin.ee/vfTXud9

'บี พีระพัฒน์' โพสต์ข้อความฟาดชาวเน็ตตรรกะพัง หลังมีคนทวิตแซะ 'ได้กลิ่นกะทิบูด'

หลังถูกชาวเน็ตรายหนึ่งทวิตข้อความถึงทำนองได้กลิ่นกะทิบูด ฟังเพลงไม่ลง ทำเอานักร้องดัง “บี พีระพัฒน์ เถรว่อง” ออกมาสับแหลกทันทีในเฟซบุ๊กส่วนตัว โดยเจ้าตัวระบุว่า...

“ไปเจอมาในทวิต คงมีอีกหลายคนที่คิดแบบนี้ ถ้าไม่ใช่สามกีบต้องเป็นสลิ่ม หรือ ถ้าไม่ใช่สลิ่มคือสามกีบ ตรรกะพังมาก โลกมีความหลากหลายนะครับ ฝาแฝดยังคิดไม่เหมือนกันเลย มันคือเรื่องธรรมชาติที่สุดแล้ว"

"แล้วการรังเกียจคนอื่นเพราะความเห็นที่แตกต่างนี่ เคยมีตัวอย่างจากสมัยฮิตเลอร์โน้มน้าวให้คนเกลียดยิว เดินผ่านคือถุยน้ำลายใส่หน้าเลย สุดท้ายฆ่ายิวไปสองล้านคน เราจะเอาแบบนั้นใช่ไหมครับ?"

"ส่วนตัวผมไม่เกลียดคนที่มีความเห็นเรื่องการเมืองไม่เหมือนผมหรอกครับ แต่ถ้าเป็นนักการเมืองที่คอยปั่นหัวให้ผู้คนเกลียดกันละก็ หึหึ...#คอมเมนต์ได้อย่าหยาบคาย #ใช้เหตุผลอย่าใช้อารมณ์"

"ประเด็นคือ อย่าเกลียดกันเลย อย่าใช้ความเกลียดเป็นสารตั้งต้น มันจะทำให้เราฆ่ากัน ผมสรุปให้สั้น ๆ นะ อย่าตีความไปไกลเลยขอร้อง”


ที่มา : https://mgronline.com/entertainment/detail/9640000085521
https://www.facebook.com/bepeerapat/photos/a.10151378471043587/10158272134413587/


Q : ประกันอะไร? ได้ตั้ง 4 ต่อ!!
A : ก็ประกันภัยรถยนต์จาก @THESHOPTIMES ไง!! 
>> ฟรี!!! ประกันภัยอุบัติเหตุส่วนบุคคล (PA) 100,000 บาท
>> รับคอมมิชชั่นหรือส่วนลดทันที ในอัตราที่สูงกว่า แถมได้สิทธิซื้อประกัน พ.ร.บ.ราคาถูกตลอดชีพ
>> สามารถผ่อนได้สูงสุด 6 งวด ดอกเบี้ย 0% โดยไม่ต้องใช้บัตรเครดิต
>> แถมขายดีมีรายได้เพิ่มให้กับตัวเองด้วย
***สนใจติดต่อ Line@ THE SHOPS TIMES คลิก???? https://lin.ee/vfTXud9

กรุงเทพฯ ครองแชมป์เมือง workation เหมาะทำงานไป-พักผ่อนไปที่สุดในโลก เหตุค่าครองชีพถูก สิ่งอำนวยความสะดวกครบ ที่เที่ยวหลากหลาย

กรุงเทพฯ ครองแชมป์เมือง workation เหมาะทำงานไป-พักผ่อนไป ที่สุดในโลก เหตุค่าครองชีพถูก สิ่งอำนวยความสะดวกครบ ที่เที่ยวหลากหลาย

เพราะเทคโนโลยีการสื่อสารที่พัฒนา และได้รับการพิสูจน์แล้วว่าใช้งานได้เป็นอย่างดีในช่วงการระบาดครั้งใหญ่ ทำให้พนักงานทั่วโลกเริ่มมีแนวคิดที่ว่า “ทำไมถึงต้องทำงานเฉพาะที่บ้านเท่านั้น ในเมื่อจริง ๆ แล้วเราสามารถไปนั่งทำงานริมชายหาด หรือที่ไหนก็ได้?”

แนวคิดที่ว่าจึงเกิดเป็นเทรนด์ Workation ซึ่งก็คือคำว่า work + vacation หรือหมายถึงการทำงานพร้อม ๆ กับการพักผ่อนไปด้วย ซึ่งอาจจะเป็นที่นิยมมากขึ้น และแพร่หลายมากกว่าที่เคย

Holidu.co.uk เสิร์ชเอนจิ้นสำหรับค้นหาสถานที่พักผ่อนสัญชาติอังกฤษ ได้จัดอันดับ 150 เมืองสำหรับการทำงานไปพักผ่อนไป โดยวัดจากปัจจัยต่าง ๆ ตั้งแต่ ค่าเช่ารายเดือนของอพาร์ตเมนต์แบบ 1 ห้องนอน, ค่าเครื่องดื่มหลังเลิกงาน

ไปจนถึงค่าเฉลี่ยจำนวนชั่วโมงที่แดดออกต่อวัน, ความเร็ว Wi-Fi และกิจกรรมน่าสนใจ โดยใช้ข้อมูล 8 แหล่งซึ่งรวมถึงเว็บไซต์ BestCities.org และ Tripadvisor.co.uk ด้วย

ซึ่งผลปรากฏว่า กรุงเทพฯ ครองอันดับ 1 เมืองเหมาะแก่การทำงานไปพักผ่อนไปประจำปีนี้ ตามมาด้วยนิวเดลี ประเทศอินเดีย, ลิสบอน ประเทศโปรตุเกส, บาร์เซโลนา ประเทศสเปน

ตามมาด้วยอันดับ 5 ร่วม ได้แก่ กรุงบัวโนสไอเรส อาร์เจนตินา และกรุงบูดาเปสต์ ประเทศฮังการี ขณะที่ภูเก็ตติดอันดับที่ 10

Holidu ระบุว่า สำหรับกรุงเทพฯ ที่ได้อันดับ 1 นั้น เนื่องจากมีค่าครองชีพไม่แพง, ความสามารถทางภาษาอังกฤษอยู่ในระดับสูง, สถานที่ท่องเที่ยวหลากหลาย, มีสิ่งอำนวยความสะดวกระดับโลกมากมาย และมีสำนักงานของบริษัทข้ามชาติหลายบริษัท

“ทุกเมืองในอันดับต้น ๆ ส่วนใหญ่มีค่าครองชีพไม่แพงมาก เหนือสิ่งอื่นใด เมืองเหล่านี้ยังเป็นแหล่งรวมวัฒนธรรมของตนเอง และมีสิ่งน่าทึ่งให้ดูและทำมากมาย” ซาราห์ ซิดเดิล ผู้จัดการฝ่ายประชาสัมพันธ์และการตลาดของ Holidu กล่าว

ซิดเดิลยังกล่าวอีกว่า การแพร่ระบาดกว่า 1 ปีครึ่งที่ผ่านมาได้เปลี่ยนวิธีการทำงานของคนโดยสิ้นเชิง ซึ่งแสดงให้เห็นว่าเราไม่จำเป็นต้องนั่งอยู่ในออฟฟิศ 5 วันต่อสัปดาห์เพื่อทำงานเสมอไป

“workation กลายเป็นวิธีที่สมบูรณ์แบบในการใช้เวลาสำรวจจุดหมายปลายทางที่ต้องการได้นานขึ้น โดยไม่มีข้อจำกัดเรื่องการเข้าพักเท่าที่ลาพักร้อนได้อีกต่อไป”

ซิดเดิลยังระบุอีกว่า คาดว่าจะเห็นแนวโน้มการทำงานแบบนี้เพิ่มขึ้นในอีกไม่กี่ปีข้างหน้า เนื่องจากปัจจุบันบริษัทจำนวนมากเริ่มให้ความยืดหยุ่นในการทำงานกับพนักงานมากขึ้น

โดยให้พนักงานเดินทางไปต่างประเทศเป็นเวลานานในช่วงที่ทำงานได้ ซึ่งส่งผลให้พนักงานมีความสมดุลในชีวิตและการทำงานมากขึ้น


ที่มา : https://www.cnbc.com/2021/08/29/here-are-the-worlds-top-spots-for-working-vacations.html
https://www.facebook.com/109785344593658/posts/174311551474370/?d=n


Q : ประกันอะไร? ได้ตั้ง 4 ต่อ!!
A : ก็ประกันภัยรถยนต์จาก @THESHOPTIMES ไง!! 
>> ฟรี!!! ประกันภัยอุบัติเหตุส่วนบุคคล (PA) 100,000 บาท
>> รับคอมมิชชั่นหรือส่วนลดทันที ในอัตราที่สูงกว่า แถมได้สิทธิซื้อประกัน พ.ร.บ.ราคาถูกตลอดชีพ
>> สามารถผ่อนได้สูงสุด 6 งวด ดอกเบี้ย 0% โดยไม่ต้องใช้บัตรเครดิต
>> แถมขายดีมีรายได้เพิ่มให้กับตัวเองด้วย
***สนใจติดต่อ Line@ THE SHOPS TIMES คลิก???? https://lin.ee/vfTXud9

ตำรวจบุกรวบเจ้าอาวาสวัดดังเชียงใหม่นำพระและฆราวาสตั้งวงปาร์ตี้หมูกระทะ และดื่มเบียร์หน้าองค์พระประธาน

เชียงใหม่ - เจ้าอาวาสวัดดังเชียงใหม่นำพระและฆราวาสตั้งวงปาร์ตี้หมูกระทะ และดื่มเบียร์หน้าองค์พระพุทธรูป ชาวบ้านแฉจัดสังสรรค์สนุกสนานเป็นประจำจนสุดทนพฤติกรรมแจ้งตำรวจตรวจสอบ จับได้คาหนังคาเขา พบประวัติเป็นพระนักพัฒนาชื่อดัง เคยโชว์อิทธิฤทธิ์พรมน้ำมนต์เป็นพระธาตุ และเปิดร้านกาแฟในวัดให้พระเป็นบาริสตาจนออกข่าวดัง

(30 ส.ค. 64) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า พ.ต.อ.รณชัย ลอดลอย ผกก.สภ.ภูพิงค์เชียงใหม่ ได้เปิดเผยว่า เจ้าหน้าที่ตำรวจสายตรวจ สภ.ภูพิงค์เชียงใหม่ได้รับการร้องเรียนว่าวัดปันเสา วัดดังของเชียงใหม่ บริเวณคูเมืองเชียงใหม่ คณะสงฆ์ในวัดนำทีมโดยเจ้าอาวาส ล้อมวงกันดื่มเหล้าเบียร์ ทั้งพูดคุยกันเป็นทั้งภาษาพูดภาษาสวดแบบไม่เกรงกลัวกฎหมาย ขอให้ตำรวจมาดำเนินการตรวจสอบจับกุม

ดังนั้นจึงได้สั่งการให้เจ้าหน้าที่ตำรวจสายตรวจ สภ.ภูพิงค์เชียงใหม่เข้าดำเนินการตรวจสอบ พอเปิดประตูเข้าไปพบคณะสงฆ์ 6 รูป และฆราวาส 1 คน กำลังนั่งล้อมวงกินหมูกระทะ และเหล้าเบียร์อย่างสนุกสนาน แต่เมื่อเห็นเจ้าหน้าที่ตำรวจทุกคนต่างแสดงอาการสำรวม และยอมรับว่าดื่มเหล้าเบียร์กันจริง โดยมีเจ้าอาวาสวัดเป็นหัวโจก โดยมีทั้งเหล้า เบียร์กระป๋อง และกับแกล้มเพียบ

เบื้องต้นทั้งหมดยอมรับสารภาพว่าได้ดื่มสุราเบียร์กันจริง เป็นความผิดแค่ปาจิตตีย์ ทางตำรวจจึงได้เชิญทั้งหมดไปสอบสวนที่สถานีตำรวจ โดยพระสงฆ์ดังกล่าวได้พยายามโทรศัพท์ติดต่อพูดคุยกับผู้หลักผู้ใหญ่ที่เป็นศิษย์เพื่อขอความช่วยเหลือ อย่างไรก็ตาม เจ้าหน้าที่ตำรวจได้ตั้งข้อหากระทำผิด พ.ร.บ.การควบคุมโรค และทำการดื่มสุราเกินเวลาที่กฎหมายกำหนดแล้วในเบื้องต้น ซึ่งขณะนี้อยู่ระหว่างสอบปากคำ

สำหรับเจ้าอาวาสวัดแห่งนี้โด่งดังจากการพรมน้ำมนต์กลายเป็นพระธาตุ มีลูกศิษย์มากมาย เป็นพระนักพัฒนา และเปิดร้านกาแฟที่วัดโดยให้พระเณรเป็นบาริสตาจนเป็นที่โด่งดังของเชียงใหม่ โดยตามรายงานข่าวระบุด้วยว่าพระสงฆ์ที่ถูกจับกุมพร้อมกันนั้นมีพระจากวัดอื่นในตัวเมืองเชียงใหม่เข้าร่วมวงด้วยและหนึ่งในนั้นเป็นเจ้าอาวาสวัดชื่อดังในตำบลหายยา อำเภอเมือง จังหวัดเชียงใหม่


ที่มา : https://mgronline.com/local/detail/9640000085484


Q : ประกันอะไร? ได้ตั้ง 4 ต่อ!!
A : ก็ประกันภัยรถยนต์จาก @THESHOPTIMES ไง!! 
>> ฟรี!!! ประกันภัยอุบัติเหตุส่วนบุคคล (PA) 100,000 บาท
>> รับคอมมิชชั่นหรือส่วนลดทันที ในอัตราที่สูงกว่า แถมได้สิทธิซื้อประกัน พ.ร.บ.ราคาถูกตลอดชีพ
>> สามารถผ่อนได้สูงสุด 6 งวด ดอกเบี้ย 0% โดยไม่ต้องใช้บัตรเครดิต
>> แถมขายดีมีรายได้เพิ่มให้กับตัวเองด้วย
***สนใจติดต่อ Line@ THE SHOPS TIMES คลิก???? https://lin.ee/vfTXud9

'จีน' เข้มงวด! ตัดแต้มทางสังคม คนฝืนกฎจราจรโดนประจานผ่านจอยักษ์ ขึ้นภาพแสดงข้อมูลส่วนตัว

เพจอ้ายจง เล่าเรื่องเมืองจีน โพสต์ข้อความเกี่ยวกับการใช้มาตรการทางสังคมประจานคนฝ่าฝืนกฎจราจรในประเทศจีน โดยระบุว่า ย้อนรอย บทลงโทษคนทำผิดกฎจราจรในจีน "ถ่ายรูปประจานขึ้นหน้าจอขนาดใหญ่ พร้อมโชว์ข้อมูลส่วนตัว และตัดคะแนนเครดิตทางสังคม"

ปัญหา “ข้ามถนนแบบไม่เคารพกฎจราจร” รวมถึงพฤติกรรมอื่น ๆ ที่ฝ่าฝืนการใช้ถนน เช่น เดินลงไปบนเลนถนนใหญ่ ไม่สนใจรถที่กำลังใช้ถนนและไม่ใช่ทางข้าม หรือ รถยนต์ไม่หยุดให้คนข้ามถนนที่กำลังข้ามทางม้าลาย ถือเป็นปัญหาการทำผิดกฎจราจรที่พบได้บ่อยมากในประเทศจีน

ทำให้ 4-5 ปีก่อน ตำรวจจราจรในจีนหลายเมือง นำมาตรการ "เก็บภาพด้วยกล้องวงจรปิดและนำขึ้นจอขนาดใหญ่พร้อมโชว์ข้อมูลส่วนบุคคลโดยอัตโนมัติบนจอ” ติดตั้งตามสี่แยก ตามถนนต่าง ๆ อย่างตอนอ้ายจงใช้ชีวิตอยู่ที่เมืองซีอาน มณฑลส่านซี ก็มีใช้มาตรการนี้ และเท่าที่ทราบ ในเมืองอื่น ๆ ก็มีแบบนี้เช่นกัน เช่น เมืองหนานจิง มณฑลเจียงซูและกรุงปักกิ่ง เมืองหลวงของจีน

ลองดูจากภาพที่อ้ายจงโพสต์ได้เลยครับ

แต่แม้จะมีมาตรการข้างต้น ปัญหาทำผิดกฎจราจรของคนเดินถนน รวมถึงผู้ใช้รถ ก็ยังมีให้เห็นเยอะสำหรับปัญหาซ้ำเดิม ทางจีนจึงต้องกำหนดมาตรการที่เข้มงวดกว่าเดิม

อย่างเมื่อปี 2019 หรือ 2 ปีก่อน ทางจีนได้ประกาศบทลงโทษใหม่สำหรับผู้ที่ชอบข้ามถนนโดยไม่เคารพกฎจราจร ลงโทษด้วยการ "หักคะแนน-เครดิตทางสังคม" เป็นการต่อยอดจากบทลงโทษ "เก็บภาพด้วยกล้องวงจรปิดและนำขึ้นจอขนาดใหญ่พร้อมโชว์ข้อมูลส่วนบุคคลโดยอัตโนมัติบนจอ"

เมืองที่เริ่มนำการกระทำข้ามถนนฝ่าฝืนกฎจราจรไปตัดเครดิตทางสังคม คือเมืองหนานจิง มณฑลเจียงซู โดยระบุว่า "หากทำผิดข้ามถนนแบบไม่เคารพกฎจราจร มากกว่า 5 ครั้ง ภายใน 1 ปี จะโดนหักแต้มเครดิตทางสังคมโดยทันที"

ในเมืองจีนหากใครที่มีคะแนนเครดิตทางสังคมไม่ดี จะถูกจำกัดสิทธิต่าง ๆ เช่น ห้ามขึ้นเครื่องบิน-รถไฟความสูง โดนปฏิเสธการกู้เงินธนาคาร รวมถึงมีผลต่อการคัดเลือกเวลาสมัครงาน เป็นต้น

ต้องยอมรับว่า จีนพยายามหามาตรการใหม่ ๆ ที่มีประสิทธิภาพยิ่งขึ้นมาแก้ปัญหาเหล่านี้อยู่ตลอดเวลา อย่างสองปีมานี้ เริ่มมีการใช้ระบบรู้จำใบหน้าด้วยปัญญาประดิษฐ์ มาตรวจจับผู้กระทำผิดกฎจราจรโดยอัตโนมัติ และจีนก็เพิ่มพฤติกรรมที่ผิดกฎจราจรให้เป็นไปตามยุคสมัยด้วย เช่น เมืองเจียซิง มณฑลเจ้อเจียง ออกกฎหมายห้ามก้มหน้าเล่นมือถือขณะเดินข้ามถนน เป็นต้น

#อ้ายจง #เล่าเรื่องเมืองจีน #ชีวิตในจีน


ที่มา : https://www.facebook.com/348166825314887/posts/2318597441605139/


Q : ประกันอะไร? ได้ตั้ง 4 ต่อ!!
A : ก็ประกันภัยรถยนต์จาก @THESHOPTIMES ไง!! 
>> ฟรี!!! ประกันภัยอุบัติเหตุส่วนบุคคล (PA) 100,000 บาท
>> รับคอมมิชชั่นหรือส่วนลดทันที ในอัตราที่สูงกว่า แถมได้สิทธิซื้อประกัน พ.ร.บ.ราคาถูกตลอดชีพ
>> สามารถผ่อนได้สูงสุด 6 งวด ดอกเบี้ย 0% โดยไม่ต้องใช้บัตรเครดิต
>> แถมขายดีมีรายได้เพิ่มให้กับตัวเองด้วย
***สนใจติดต่อ Line@ THE SHOPS TIMES คลิก???? https://lin.ee/vfTXud9

ครม. เพิ่มวงเงินเยียวยา 4.4 หมื่นล.ให้แรงงานประกันสังคม พร้อมอนุมัติโครงการจัดหาวัคซีนไฟเซอร์เพิ่มเติมกว่า 9 ล้านโดส!!

นายธนกร วังบุญคงชนะ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า ที่ประชุมครม. อนุมัติขยายกรอบวงเงินกรอบวงเงินในโครงการเยียวยาผู้ประกันตน มาตรา 39 และมาตรา 40 เพิ่มจำนวน 44,314 ล้านบาท เป็นจำนวน  77,785 ล้านบาท จากเดิม  33,471 ล้านบาท สำหรับการให้ความช่วยเหลือผู้ประกันตนมาตรา 39 และ มาตรา 40 ในพื้นที่ 29 จังหวัด รวม 9,385,930 คน ได้แก่ ผู้ประกันตนมาตรา 39 จำนวน 1,436,171 คน และผู้ประกันตน มาตรา 40 จำนวน 7,949,759 คน อัตราการให้ความช่วยเหลือ 5,000 บาท/คน 

ทั้งนี้ จากการขยายระยะเวลาให้ผู้ประกันตนมาตรา 40 ในพื้นที่ 3 จังหวัด ให้สามารถขึ้นทะเบียนเป็นผู้ประกันตนรายใหม่ได้ ตั้งแต่วันที่ 1- 24  สิงหาคม และ พื้นที่ 16 จังหวัด ให้ขึ้นทะเบียนเป็นผู้ประกันตนรายใหม่ได้ ตั้งแต่วันที่ 4-24 สิงหาคม ที่ผ่านมา รวมทั้งขยายการให้ความช่วยเหลือกลุ่มเป้าหมายที่ได้รับผลกระทบจากสถานการณ์โควิด-19 ในพื้นที่ 13 จังหวัด เพิ่มเติม 1 เดือน 

ขณะเดียวกันที่ประชุมครม.ยังมอบหมายให้กระทรวงคมนาคม ไปพิจารณาความเหมาะสมในการจัดทำข้อเสนอโครงการเยียวยาผู้ขับขี่รถยนต์รับจ้างบรรทุกคนโดยสารไม่เกิน 7 คน และรถจักรยานยนต์สาธารณสะที่ไม่สามารถสมัครเป็นผู้ประกันตนตามมาตรา 40 เพราะมีอายุเกิน เพื่อจะได้ช่วยเหลือแรงงานที่ได้รับผลกระทบครอบคลุมทุกกลุ่ม

นอกจากนี้นายธนกร วังบุญคงชนะ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า ที่ประชุมครม. อนุมัติโครงการจัดหาวัคซีนไฟเซอร์ เพื่อป้องกันโรคติดเชื้อไวรัสโควิด-19 สำหรับบริการประชากรในประเทศไทย เพิ่มเติม จำนวน 9,998,820 โดส ของกรมควบคุมโรค กระทรวงสาธารณสุข กรอบวงเงิน 4,744.9 ล้านบาท โดยให้ใช้จ่ายจากเงินกู้ภายใต้แผนงานที่ 1 เกี่ยวข้องกับสาธารณสุข เพื่อเป็นการจัดซื้อจัดหาวัคซีนป้องกันโควิด ตามนโยบายรัฐบาล ที่จะจัดหาวัคซีนให้ประชาชน 100 ล้านโดส ภายในสิ้นปี 2564 หลังจากรัฐบาลได้จัดหาวัคซีนป้องกันโควิดไปแล้ว 80 ล้านโดส วงเงิน 22,990 ล้านบาท

สำหรับกลุ่มเป้าหมายกำหนดไว้ 6 กลุ่ม คือ 1.เด็กอายุ 12-17 ปี 2.หญิงมีครรภ์ที่มีอายุครรภ์ตั้งแต่ 12 สัปดาห์ขึ้นไป 3.บุคลากรทางการแพทย์ด่านหน้า (ฉีดกระตุ้นภูมิคุ้มกัน 1 เข็ม) 4.ผู้สูงอายุและผู้อยู่ในกลุ่ม 7 โรคเสี่ยงที่มีสัญชาติไทย 5.ชาวต่างชาติที่อาศัยในประเทศไทย เน้นผู้สูงอายุและโรคเรื้อรัง  6.ผู้ที่มีความจำเป็นต้องฉีดวัคซีนเพื่อเดินทางไปต่างประเทศ เช่น นักเรียน นักศึกษา และนักการทูต โดยกลุ่มเป้าหมายสามารถปรับเปลี่ยนให้สอดคล้องกับสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคได้

“การจัดซื้อไฟเซอร์จำนวน 9.9 ล้านโดสนี้ ช่วยให้ไทยสามารถบรรลุเป้าหมายการจัดหาวัคซีนให้กับประชาชนจำนวนอย่างน้อย 100 ล้านโดส ภายในปี 2564 เพื่อช่วยประชาชนให้เข้าถึงวัคซีน โควิด-19 ตามนโยบายของรัฐสร้างภูมิคุ้มกันโรค ลดอัตราการป่วยและการเสียชีวิตรวมทั้งเป็นการลดผลกระทบด้านเศรษฐกิจและสังคมให้กลับสู่สภาพปกติโดยเร็วด้วย“

'สิระ' ฉุนขาด หลัง 'ไฮโซลูกนัท' เอาเช็คเงินสด 10 ล้านมาวางเดิมพัน ลั่น ไม่ใช่เพื่อนเล่น!

จากกรณีวิวาทะระหว่าง นายสิระ เจนจาคะ ส.ส.กทม. พรรคพลังประชารัฐ กับ ไฮโซ ลูกนัท หรือ นายธนัตถ์ ธนากิจอำนวย ซึ่งถูกลูกหลงในการชุมนุมได้รับบาดเจ็บ และออกมาเปิดเผยว่า ตนเองตาบอด

จากนั้น นายสิระ ได้ตั้งข้อสังสัยว่า ลูกนัทอาจจะตาบอดไม่จริง กระทั่งมีการนัดวางเงินเดิมพัน 1 ต่อ 10 ล้าน กับ “ไฮโซลูกนัท” ณ บ้านทรงไทย หลักสี่ ถนนแจ้งวัฒนะ วันนี้ (11.00 น.) โดยพบว่า นายสิระ ได้นำเงินสด 1 ล้าน มารอตั้งแต่ 11.00 น. และแถลงข่าว ด้านไฮโซลูกนัท ได้นำเช็คเงินสดสั่งจ่าย นายสิระ จำนวน 10 ล้านบาทมาเช่นกัน

ทั้งนี้ เมื่อนายธนัตถ์ เดินทางมาถึงพร้อมเช็ค 10 ล้านบาท นายสิระ เกิดอาการโมโหอย่างรุนแรงพร้อมกับระบุว่า เช็คใบละแค่ 10 บาท จะเอามาแลกกับเงินหนึ่งล้านได้อย่างไร มันใช่เหรอ ไม่ใช่เพื่อนเล่น และขอร้องเรื่องหมิ่นสถาบันฯ ตาอีกข้างหนึ่งให้เห็นว่าสถาบันฯ ทำคุณประโยชน์กับประเทศแค่ไหน ก่อนที่จะระบุว่า ผมไปแล้ว ผมไม่มีเวลาจะเล่นกับเด็กคนนี้

ด้านนายธนัตถ์ กล่าวว่า เช็คดังกล่าวออกมาจากธนาคารจริง ๆ สามารถเอาไปเบิกเงินสดได้จริง แต่ถ้าสิระ ไม่รับก็ไม่เป็นไร ส่วนจะยังให้พิสูจน์อยู่หรือไม่ ถ้าอยากให้พิสูจน์ก็พิสูจน์ได้ ขอโทษที่ทำให้ไม่พอใจ ไม่คิดว่าจะอารมณ์ฉุนเฉียวแบบนี้ เคยสัมภาษณ์ในรายการบางรายการ ว่าจะวางเป็นเช็คก็ไม่เห็นว่าอะไร การเบิกเงินสด 10 ล้านก็ไม่ใช่เรื่องจะทำได้เร็วภายในวันสองวัน และส่วนใหญ่จะถือเป็นคริปโตเคอร์เรนซี่มากกว่าเงินสดไม่ได้มีเยอะอะไร จะอยูในหน่วยลงทุนมากกว่า

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ตอนท้ายในการแถลงข่าวนายธนัตถ์ ได้ฉีกเช็คเงินสดดังกล่าวทิ้ง เนื่องจากนายสิระ ไม่ยอมรับเช็คดังกล่าว พร้อมยืนยันว่า เช็คดังกล่าวสามารถขึ้นเงินได้ทันที หากจะให้เซ็นให้ใหม่ยังไงก็ได้ เพราะเป็นแค่เอกสารเบิกเงินจากธนาคารเท่านั้น หากขึ้นเงินไม่ได้ เช็คเด้งก็กลายเป็นคดีความได้ด้วยเช่นกัน


Q : ประกันอะไร? ได้ตั้ง 4 ต่อ!!
A : ก็ประกันภัยรถยนต์จาก @THESHOPTIMES ไง!! 
>> ฟรี!!! ประกันภัยอุบัติเหตุส่วนบุคคล (PA) 100,000 บาท
>> รับคอมมิชชั่นหรือส่วนลดทันที ในอัตราที่สูงกว่า แถมได้สิทธิซื้อประกัน พ.ร.บ.ราคาถูกตลอดชีพ
>> สามารถผ่อนได้สูงสุด 6 งวด ดอกเบี้ย 0% โดยไม่ต้องใช้บัตรเครดิต
>> แถมขายดีมีรายได้เพิ่มให้กับตัวเองด้วย
***สนใจติดต่อ Line@ THE SHOPS TIMES คลิก???? https://lin.ee/vfTXud9

ครม. อนุมัติ งบฯกลาง 105.59 ล้านบาท ให้ กรมประชาฯ รณรงค์ เอาชนะโควิด-19 เร่งสร้างความรับรู้ ความเข้าใจ ด่วน ภายใน ธค.นี้

ที่ทำเนียบรัฐบาล น.ส.ไตรศุลี ไตรสรณกุล รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี แถลงผลการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) ว่า ครม.อนุมัติงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ 2564 งบกลาง รายการเงินสำรองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็น จำนวน 105.59  ล้านบาท ให้กรมประชาสัมพันธ์ เพื่อเป็นค่าใช้จ่ายโครงการรณรงค์เอาชนะโควิดตามมาตรการเร่งด่วน (Thailand Prevention) สำหรับผลิตและเผยแพร่สื่อประชาสัมพันธ์เพื่อการป้องกันและแก้ไขสถานการณ์อันมีผลกระทบอันเนื่องมาจากโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019(โควิด-19) เฉพาะกิจกรรมที่มีความจำเป็นต้องดำเนินการในระยะเร่งด่วน หรือภายในเดือนธันวาคม2564  โดยคำนึงถึงความเหมาะสมสอดคล้องกับสถานการณ์ปัจจุบัน

ทั้งนี้ กรมประชาสัมพันธ์ระบุว่า มีความจำเป็นเร่งด่วนที่ต้องสร้างความรู้ ความเข้าใจแก่ประชาชน ในการบริหารจัดการสถานการณ์การแพร่ระบาด ของโรคโควิด-19 โดย เฉพาะสายพันธุ์เดลต้า ที่ทวีความรุนแรงมากขึ้น ส่งผลกระทบมหาศาลต่อชีวิตและความเป็นอยู่ของประชาชนทั้งทางตรงและทางอ้อม รวมทั้งเกิดการเผยแพร่ข่าวปลอม การบิดเบือนข้อมูลข่าวสาร(Fake News) เป็นจำนวนมาก ทำให้ประชาชนเกิดความสับสน เข้าใจผิด และอาจเกิดปัญหาความขัดแย้งบานปลายได้

ดังนั้นการเผยแพร่ข้อมูลข่าวสารที่ถูกต้อง รวดเร็ว รวมทั้งการสร้างความรู้ ความเข้าใจแก่ประชาชนเกี่ยวกับสถานการณ์ มาตรการแก้ไขปัญหา วิธีปฏิบัติตน และการรับการเยียวยาจากภาครัฐ จึงเป็นเรื่องสำคัญจำเป็นเร่งด่วน  ที่กรมประชาสัมพันธ์ในฐานะหน่วยงานสื่อภาครัฐต้องเร่งดำเนินการร่วมกับหน่วยงานสื่อทุกภาคส่วนของประเทศ ซึ่งจะส่งผลให้การบริหารสถานการณ์แพร่ระบาดของโควิด-19  ในภาพรวมประสบความสำเร็จ สามารถลดจำนวนผู้ติดเชื้อ สร้างความเชื่อมั่นต่อประชาชน

มูลนิธิหัวใจบริสุทธิ์มอบแคปซูลเพื่อใช้บรรจุยาสมุนไพรฟ้าทะลายโจร 1,000,000 แคปซูล ให้จังหวัดฉะเชิงเทรา ต้านภัยโควิด-19

ที่ศาลากลางจังหวัดฉะเชิงเทรา นายไมตรี ไตรติลานันท์  ผู้ว่าราชการจังหวัดฉะเชิงเทรารับมอบแคปซูลเพื่อใช้บรรจุยาสมุนไพรฟ้าทะลายโจรจำนวน 1,000 ,000 แคปซูล  โดยนายสมโภชน์  อาหุนัย ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร กลุ่มบริษัท พลังงานบริสุทธิ์  และนางสาวกุลพรภัสร์ วงศ์มาจารภิญญา ประธานผู้บริหารโครงการจัดตั้งนิคมอุตสาหกรรมฉะเชิงเทราบลูเทคซิตี้  ในฐานะประธานที่ปรึกษามูลนิธิหัวใจบริสุทธิ์ มอบให้ทีมงาน CSR นิคมอุตสาหกรรม ฉะเชิงเทรา บลูเทค ซิตี้ เป็นผู้แทนมอบ 

โดยทางจังหวัดจะกระจายส่งมอบต่อให้ศูนย์ศึกษาการพัฒนาเขาหินซ้อนอันเนื่องมาจากพระราชดำริ อ.พนมสารคาม และหน่วยงานต่างๆ รวมทั้งวัดในจังหวัดฉะเชิงเทรา ที่ผลิตสมุนไพรฟ้าทะลายโจรนำไปบรรจุ และจัดสรรให้แก่ผู้ป่วยโควิด-19 ที่กำลังรักษาตัวและแจกจ่ายประชาชนในพื้นที่จังหวัดฉะเชิงเทรา

สำหรับการใช้สมุนไพรฟ้าทะลายโจรเป็นทางเลือกในการรักษาผู้ป่วยโควิด -19 เป็นไปตามแนวทางที่สำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา กระทรวงสาธารณสุขได้ให้การรับรองว่า สมุนไพรฟ้าทะลายโจรสามารถใช้รักษาผู้ป่วยโรคโควิด -19 ที่มีความรุนแรงน้อยได้

ทั้งนี้ ภาคเอกชนโดย EA  ร่วมกับ บลูเทคซิตี้ และมูลนิธิหัวใจบริสุทธิ์ ขอร่วมเป็นส่วนหนึ่งในการสนับสนุนภารกิจโควิด-19 และช่วยเหลือสังคม เพื่อแบ่งเบาภาระค่าใช้จ่ายผู้ได้รับผลกระทบ พร้อมส่งกำลังใจให้พี่น้องชาวไทยทุกคน ทุกภาคส่วน ผ่านวิกฤตนี้ไปด้วยกัน


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top