Friday, 4 July 2025
Hard News Team

เปิดวาระครม. ลุ้นต่ออายุลดค่าน้ำ-ไฟ เยียวยามาตรา 33 เพิ่ม

การประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) ซึ่งมีพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรมว.กลาโหม เป็นประธาน เตรียมพิจารณามาตรการเยียวยาผลกระทบจากสถานการณ์โควิด-19 โดยคาดว่า สำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สศช.) ในฐานะของประธานคณะกรรมการการกลั่นกรองการใช้จ่ายเงินกู้ จะเสนอมาตรการลดค่าครองชีพประชาชน ผ่านการลดค่าไฟฟ้าและน้ำประปา ให้กับที่ประชุมพิจารณาอนุมัติ หลังจากมาตรการเดิมได้สิ้นสุดลงแล้วเมื่อเดือนส.ค.ที่ผ่านมา แต่ปัจจุบันประชาชนส่วนใหญ่ยังคงทำงานที่บ้านตานโยบายของรัฐบาลอยู่ จึงจำเป็นต้องออกมาตรการมาช่วยเหลือ

ขณะที่การเยียวยาผลกระทบให้กับแรงงาน คาดว่า สำนักงานประกันสังคม (สปส.) จะเสนอให้ที่ประชุมพิจารณาอนุมัติการจ่ายเงินเยียวยาให้ผู้ประกันตนมาตรา 33 ในพื้นที่สีแดงเข้ม 13 จังหวัด ในรอบที่ 2 อีกคนละ 2,500 บาท เมื่อรวมกับเงินที่จ่ายงวดแรกไปเมื่อเดือนส.ค. คนละ 2,500 บาท ผู้ประกันตน มาตรา 33 จะได้เงินเยียวยารวมเป็นเงิน 5,000 บาท โดยน.ส.ลัดดา แซ่ลี้ โฆษกสำนักงานประกันสังคม กล่าวว่า หากครม.อนุมัติแล้วจะได้รับเงินเยียวยาภายในเดือนก.ย.นี้ 

ส่วนวาระอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้องกับเศรษฐกิจ กระทรวงการคลัง เสนอร่างประกาศกระทรวงการคลัง เรื่อง การยกเว้นอากรสำหรับของที่มีถิ่นกำเนิดจากประเทศพัฒนาน้อยที่สุด พร้อมกับเสนอร่างพระราชกฤษฎีกาออกตามความในประมวลรัษฎากร ว่าด้วยการยกเว้นรัษฎากร (ฉบับที่ ..) พ.ศ... ขณะที่ กระทรวงศึกษาธิการเสนอการปรับอัตราเงินอุดหนุนรายบุคคลในส่วนของเงินสมทบเป็นเงินเดือนครูสำหรับนักเรียนในโรงเรียนเอกชน ประเภทอาชีวศึกษา

ด้านกระทรวงคมนาคม เสนอร่างพระราชบัญญัติการท่าเรือแห่งประเทศไทย (ฉบับที่ ..) พ.ศ... รวมทั้งเสนอร่างพระราชกฤษฎีกากำหนดเขตที่ดินที่จะเวนคืน ในท้องที่แขวงแสมดำ เขตบางขุนเทียน กรุงเทพมหานคร และ ตำบลคลองกระบือ อำเภอเมืองสมุทรสาคร จังหวัดสมุทรสาคร เพื่อสร้างทางหลวงพิเศษหมายเลข 82 สายทาง ยกระดับบางขุนเทียน – เอกชัย พ.ศ... ส่วนกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม เสนอการเพิ่มเงินอุดหนุนเงินสมทบเพื่อดำเนินงานของคณะกรรมการประสานงานเกี่ยวกับสำรวจทรัพยากรธรณีใน ภูมิภาคเอเชียตะวันออกและตะวันออกเฉียงใต้

'หมอวรงค์' ชี้ การใช้ระบบบัตรสองใบเอื้อประโยชน์อำนาจเก่า แค่คิดก็ผิดแล้ว!

นพ.วรงค์ เดชกิจวิกรม รักษาการหัวหน้าพรรคไทยภักดี โพสต์ข้อความลงในเฟซบุ๊ก Warong Dechgitvigrom ระบุว่า...

#บัตรสองใบแค่คิดก็ผิดแล้ว 

ทักษิณเป็นคนสำคัญ ที่ออกมาเรียกร้องว่า รัฐธรรมนูญฉบับนี้ไม่เป็นประชาธิปไตย ต้องแก้รัฐธรรมนูญ ให้เป็นประชาธิปไตย นั่นคือแก้จากบัตรหนึ่งใบเป็นบัตรสองใบ 

ประชาธิปไตยของทักษิณ จึงจบด้วยวิธีการเลือกตั้ง ตามที่เขาต้องการ เพราะวิธีเลือกตั้งนั้น จะเป็นหนทางขึ้นสู่อำนาจของเขา และระบบบัตรสองใบนั้น ทำให้เขาเคยทำสถิติมี ส.ส. 377 คนจากทั้งหมด 500 คน จนนำไปสู่เผด็จการรัฐสภา 

การแยกบัตรสองใบ ให้เลือกคนหนึ่งใบ และแยกเลือกพรรคอีกใบ คนชนะชนะเลย คนแพ้คะแนนถูกตัดทิ้ง คนที่อยู่ปาร์ตี้ลิสต์พรรคใหญ่ได้เป็น ส.ส.แน่ ๆ พรรคใหญ่ทุนหนาจึงได้สองเด้ง 

เด้งแรกเลือกตัว ส.ส. ยิ่งแบ่งเขต 400 เขต เขตจะเล็กลง การซื้อเสียงเพื่อตัว ส.ส.เองจะง่าย เข้าเป้า ใช้เงินมาก พรรคที่มีเงินเยอะจะได้เปรียบมาก 

คนที่มีอิทธิพล โครงข่ายหัวคะแนนและได้เงินจากพรรค ยิ่งได้เปรียบ จึงเกิดภาพ ส.ส.ผูกขาดของตระกูล ประจำจังหวัด (เหมือนในอดีต) ที่สำคัญจะมีการซื้อ ส.ส.เพราะคะแนนจะตามตัว ส.ส. 

เด้งที่สอง นอกจากพรรคใหญ่เงินเยอะ มีโอกาสได้ ส.ส.เขตแล้ว ส.ส.ปาร์ตี้ลิสต์ ก็จะเป็นของแถมสมทบเข้าไปอีก ทำให้นายทุนพรรคได้เป็น ส.ส. แน่นอน เขาจึงเรียกร้องอยากได้ระบบนี้ เพราะได้ทั้งขึ้นทั้งล่อง ได้ทั้งสองเด้ง และภาพรวมจะได้ ส.ส.มากขึ้นกว่าความเป็นจริง

ขณะที่ระบบบัตรใบเดียว เลือกพรรค คะแนนทุกคะแนนเอามาคำนวณ ไม่มีคะแนนทิ้งตกน้ำ เพื่อให้ได้ส.ส. ระบบนี้ เป็นระบบกึ่งเลือกนายกโดยตรง เพราะคะแนนนิยมจะมาจาก ผู้ที่ถูกเสนอชื่อเป็นนายก 

ในอนาคต ทุกพรรคการเมืองต้องหาคนที่สังคมยอมรับมาเสนอ ก็คือหาคนเก่งคนดีมา ส่วนผู้สมัคร ส.ส. เขตเป็นองค์ประกอบเสริม เนื่องจากเป็นการกาชื่อพรรคทั้งประเทศ ทำให้การซื้อเสียงยากกว่าซื้อให้ตัวบุคคลแบบสองใบ การใช้เงินน้อยกว่ามาก 

ภาพรวมจึงเป็นกระแสความนิยม ในเชิงอุดมการณ์มากกว่าการเลือกบุคคลของบัตรสองใบ การคิดจำนวน ส.ส.สะท้อนความเป็นจริงมากกว่า เพราะกาใบเดียว เอาทุกคะแนนมาหาจำนวน ส.ส. ระบบนี้นายทุนพรรคจะไม่ชอบเลย เพราะปาร์ตี้ลิสต์ก็สอบตกได้ อย่างที่เห็น 

ระบบบัตรใบเดียวจึงยากมาก ที่จะเกิดรัฐบาลพรรคเดียว ช่วยแก้ปัญหาเผด็จการรัฐสภา ที่เคยเกิดจากบัตรสองใบในอดีต แม้จะเป็นรัฐบาลผสม แต่จะมีเสถียรภาพ พรรคการเมืองไม่กล้าออกนอกลู่นอกทางมาก เพราะจะมีผลต่อกระแสนิยมของพรรค ซึ่งถ้าประชาชนไม่เอา พรรคนั้นสามารถสูญพันธุ์ได้ง่าย ๆ 

>> ระบบบัตรใบเดียว จึงตอบโจทย์ต่อปัญหาการเมืองของชาติ เพราะยากที่จะเกิด ส.ส. ผูกขาดและเผด็จการรัฐสภา ยกเว้นทั้งพรรคและตัว ส.ส. ต้องช่วยกันทำความดีให้ประชาชน ในระยะยาว พรรคการเมืองจึงต้องทำเพื่อประชาชน เพื่อให้เกิดความนิยมในการเลือก ส.ส. 

ในระบบบัตรใบเดียว นักการเมืองไม่อยากให้ยุบสภา เพราะไม่แน่ใจว่าตนเองจะได้เข้ามาอีกหรือไม่ ต่างจากบัตรสองใบ เลือกกี่ครั้งก็หน้าเดิม เพราะทุกอย่างหัวคะแนนคุมได้ บัตรใบเดียวประชาชนจึงมีพลังมาก สามารถลงโทษพรรคการเมืองได้อย่างมีอานุภาพ จึงไม่แปลกที่นักการเมืองอย่างทักษิณไม่ชอบ 

หลายคนกังวล ส.ส.ปัดเศษ การเลือกตั้งรอบใหม่ จะไม่ใช้บทเฉพาะกาล ทุกเขตเลือกตั้ง 350 เขต ผู้สมัครทุกคนต้องผ่านไพรมารีโหวต ซึ่งพรรคปัดเศษจะไม่สามารถส่ง ส.ส.ได้ เพราะพรรคที่จะส่งได้ทุกเขต ต้องมีศักยภาพทั้งประเทศ ดังนั้นในครั้งต่อไปจะไม่มี ส.ส.ปัดเศษแน่นอน 

ความกังวลคุณภาพ ส.ส.แบบที่เห็นในสภา ประสบการณ์ผม ระบบบัตรสองใบ ก็สร้างปัญหาคุณภาพ ส.ส. เพราะพวกเลว ๆ เขาจะเอามาอยู่ปาร์ตี้ลิสต์ และผู้สมัครเขตจะเป็นเจ้าพ่อ นักเลง ขายหวย เจ้าของบ่อนที่มีโครงข่าย ซึ่งแย่กว่าพวกมาจากบัตรใบเดียวมาก 

ในระยะยาวเพื่อประโยชน์ประเทศ ระบบบัตรใบเดียวจะดีกว่าบัตรสองใบ ยิ่งเป็นสิ่งที่ทักษิณเรียกร้องให้แก้ ถ้าคิดจะเดินตามที่ทักษิณต้องการ เท่ากับว่า กำลังจะยกประเทศให้ทักษิณอีกรอบหนึ่ง แบบนี้แค่คิดก็ผิดแล้ว


ที่มา : https://www.facebook.com/1635406246730420/posts/2995579487379749/

อบจ.พัทลุง​ จัดสรรงบ 1 ล้านบาท ซื้อถุงยังชีพ 2,000 ถุง ช่วยเหลือชาวพัทลุงที่ได้รับผลกระทบจากโควิด-19

(6 ก.ย.64)​ ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อช่วงสายที่ผ่านมา ที่โรงยิมเนเซี่ยม 1,000 ที่นั่ง สนามกีฬากลางจังหวัดพัทลุง นายวิสุทธิ์ ธรรมเพชร นายก อบจ.พัทลุง ร่วมกับ นางสาวสุพัชรี  ธรรมเพชร ผู้ช่วยเลขานุการ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข และหัวหน้าส่วนราชการมอบถุงยังชีพ จำนวน 2,000 ชุด ผ่านโรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตำบล (รพ.สต.) ในเขตจังหวัดพัทลุง​ นำไปช่วยเหลือประชาชนที่ได้รับผลกระทบจากการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 ทั้ง 11 อำเภอ 

นายวิสุทธิ์ ธรรมเพชร นายก อบจ.พัทลุง  กล่าวว่า องค์การบริหารส่วนจังหวัดพัทลุง ได้ตระหนักและให้ความสำคัญในการให้ความช่วยเหลือประชาชนในด้านการดำรงชีพของประชาชนชาวพัทลุงที่ได้รับผลกระทบจากการแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 หรือ (COVID-19) 

ทาง อบจ. จึงได้จัดสรรงบประมาณจำนวน 1,000,000 บาท เพื่อจัดหาถุงยังชีพ จำนวน 2,000 ชุด ช่วยเหลือประชาชนที่ได้ผลกระทบจากการแพร่ระบาดของโรคดังกล่าว

นายก อบจ.พัทลุง ยังกล่าวด้วยว่า ในสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคโควิดที่ผ่านมา ทาง​ อบจ.​ ได้ร่วมมือกับทาง สำนักงานสาธารณสุขจังหวัดพัทลุง โรงพยาบาลพัทลุง  และทางจังหวัดในการแก้ปัญหาการแพร่ระบาดของโควิดมาอย่างต่อเนื่อง ทั้งการจัดซื้อวัสดุและอุปกรณ์การแพทย์มอบให้กับโรงพยาบาลต่างๆ การจัดซื้อหน้ากากอนามัย เจลแอลกอฮอล์ สเปรย์แอลกอฮอล์ ช่วยเหลือประชาชนผ่านทางโรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตำบล ฯลฯ 

ส่วนในกรณีที่มีการวิพากษ์วิจารณ์ว่า ทำไม  อบจ.พัทลุง​ ไม่พิจารณาจัดซื้อวัคซีนมาฉีดให้กับประชาชนนั้น นายวิสุทธิ์ฯ นายก อบจ.ได้ชี้แจงว่า จากการหารือกับทางจังหวัดได้รับการยืนยันว่า ในเดือน ตุลาคม 2564 ที่จะถึงนี้จะมีการฉีดวัคซีนให้ประชาชนเกือบ 100  เปอร์เซ็นต์​

ส่วนในเดือน พฤศจิกายน 2564 ก็จะมีการฉีดวัคซีนให้กับนักเรียนด้วย จึงไม่ต้องการทำงานซ้ำซ้อนกัน และที่สำคัญนั้นทาง อบจ.พัทลุงมีงบประมาณที่จำกัด ซึ่งในปีงบประมาณ 2564 นี้ ทางรัฐบาลยังค้างการจัดสรรงบประมาณให้ อบจ.พัทลุงมากกว่า 50 ล้านบาท

​​​​​​

บันทึกความร่วมมือ โครงการนำร่องการเชื่อมโยงข้อมูลและส่งต่อข้อมูลผู้เสียหายเพื่อให้คำปรึกษาแนะนำช่วยเหลือผู้เสียหายและครอบครัว ระหว่าง ศาลเยาวชนและครอบครัวกลาง กับสถานีตำรวจนครบาลบางซื่อ

(6​ ก.ย.​ 64) นางอโนชา ชีวิตโสภณ อธิบดีผู้พิพากษา ศาลเยาวชนและครอบครัวกลาง และพันตำรวจเอกกฤษฎางค์ จิตตรีพล ผู้กำกับการสถานีตำรวจนครบาลบางซื่อ ได้ร่วมลงนามบันทึกความร่วมมือ (MOU) โครงการนำร่อง การเชื่อมโยงข้อมูลคดีและส่งต่อข้อมูลผู้เสียหายเพื่อให้คำปรึกษาเพื่อแนะนำช่วยเหลือผู้เสียหายและครอบครัวกลาง ระหว่าง ศาลเยาวชนและครอบครัวกลางและสถานีตำรวจนครบาลบางซื่อ

โดยมีเจตจำนงที่จะร่วมมือและสนับสนุนการให้คำปรึกษา​ เพื่อแนะนำช่วยเหลือผู้เสียหายและครอบครัว ให้ได้รับการคุ้มครองสิทธิและเสรีภาพตามกฎหมาย อำนวยความสะดวกในการเชื่อมโยงข้อมูลคดีเยาวชนและครอบครัวระหว่างหน่วยงานในการให้คำปรึกษา​ เพื่อแนะนำช่วยเหลือผู้เสียหาย และครอบครัวในโอกาสแรกที่มาแจ้งความร้องทุกข์ต่อพนักงานสอบสวนที่สถานีตำรวจ ในรูปแบบการประชุมทางไกลผ่านจอภาพ (Video Conference) หรือสื่อเทคโนโลยีสารสนเทศอื่น และแอปพลิเคชันต่างๆ เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการปฏิบัติงาน เกิดความสะดวก รวดเร็ว ผู้เสียหายและครอบครัวได้รับการคำปรึกษา แนะนำและช่วยเหลือเยียวยาในทันทีสอดคล้องกับนโยบายประธานศาลฎีกา ณ ห้องประชุมใหญ่ ชั้น 5 อาคารศาลเยาวชนและครอบครัวกลาง เขตจตุจักรกรุงเทพมหานคร 

การนี้​ ได้รับเกียรติจาก นางอุไรรัตน์ น้อยสุวรรณ รองอธิบดีผู้พิพากษาศาลเยาวชนและครอบครัวกลาง นายภัทรศักดิ์ ศิริสินธว์ รองอธิบดีผู้พิพากษาศาลเยาวชนและครอบครัวกลาง นางวิรา ยากะจิ ณ พิกุล รองอธิบดีผู้พิพากษาศาลเยาวชนและครอบครัวกลาง นางสาวอัมภัสชา ดิษฐอำนาจ เลขานุการศาลเยาวชนและครอบครัวกลาง และผู้แทนหน่วยงานเข้าร่วมในพิธีดังกล่าว

'กลุ่มนักเรียนเลว' นัดหยุดเรียนออนไลน์ 6-10 ก.ย. นี้ พร้อมทั้งประกาศ 5 ข้อเรียกร้อง เร่งรัฐรีบดำเนินการ

แฮชแท็ก #ไม่เรียนออนไลน์แล้วอิสัส กลับมาติดเทรนด์ร้อนแรงในทวิตเตอร์ไทยอีกครั้ง หลังจากที่กลุ่มนักเรียนเลว ออกมาเชิญชวนหยุดเรียนออนไลน์ (Strike) ซึ่งวันนี้เป็นวันแรก โดยเริ่มตั้งแต่วันที่ 6-10 ก.ย. 64 เพื่อแสดงความไม่พอใจต่อการเรียนออนไลน์ที่กดทับพวกเขา

โดยเพจ 'นักเรียนเลว' ระบุว่า เปิดใช้งานแล้ว! ตลอด 5 วัน เว็บไซต์ลงชื่อขาดเรียน นับจำนวนคน Strike แบบเรียลไทม์ เพื่อเพิ่มพลังในการกดดันผู้มีอำนาจให้ทำตามข้อเรียกร้องของพวกเรา ใครหยุดเรียนแล้ว มาเช็กขาดกันได้เลย https://badstudent.co

ขณะเดียวกัน สังคมทวิตเตอร์ ก็มีกลุ่มนักเรียนเข้ามาแสดงความเห็นและปัญหาที่พบเจอขณะเรียนออนไลน์ ด้าน https://badstudent.co เริ่มมีนักเรียนเข้ามาเช็กชื่อหยุดเรียนออนไลน์แล้ว 2,430 คน 

ด้าน นายวิโรจน์ ลักขณาอดิศร ส.ส.พรรคก้าวไกล ก็ได้โพสต์ทวิตเตอร์ @wirojlak ระบุว่า การแก้ไขเบื้องต้น คือ การปรับลดวิชาเรียน ให้เหลือเฉพาะวิชาหลัก ส่วนวิชาอื่น ๆ ให้งดไปก่อน แล้วไปจัดกิจกรรมแบบบูรณาการแทน ตอนที่เปิดเรียนได้ 

สำหรับการนัดหยุดเรียนครั้งนี้ ทางกลุ่มนักเรียนเลวมีข้อเรียกร้องต่อปัญหาการเรียนออนไลน์ ดังนี้... 

1.) กระทรวงศึกษาธิการต้องออกคำสั่งปรับลดตัวชี้วัด ชั่วโมงการเรียน ภาระงานของครูและนักเรียนให้ชัดเจน รวมไปถึงปรับหลักสูตรการศึกษาให้เหมาะสมกับสถานการณ์การเรียนออนไลน์ในปัจจุบันโดยทันที

2.) กระทรวงศึกษาธิการต้องจัดให้มีผู้เชี่ยวชาญในการช่วยเหลือและเยียวยาสภาพจิตใจนักเรียนจากการเรียนออนไลน์ที่มีความเคร่งเครียดมากกว่าปกติ รวมทั้งจัดให้มีช่องทางการรายงานปัญหาต่าง ๆ เพื่อตรวจสอบ และหาทางแก้ไขปัญหาอย่างมีประสิทธิภาพและใช้งานได้จริง

3.) ในกรณีที่สถานศึกษายังไม่สามารถเปิดทำการเรียนการสอนได้ เนื่องจากรัฐบาลไม่สามารถจัดหาวัคซีนที่มีประสิทธิภาพมาฉีดให้กับประชาชนได้อย่างทั่วถึง กระทรวงศึกษาธิการต้องจัดหาอุปกรณ์การเรียนออนไลน์ กระจายสัญญาณอินเทอร์เน็ต และเยียวยาค่าใช้จ่ายตามความเป็นจริงอย่างเร่งด่วนและทั่วถึง

4.) กระทรวงศึกษาธิการต้องเร่งทำให้การศึกษามีคุณภาพอย่างทั่วถึงโดยไม่ต้องเสียค่าใช้จ่าย ตามที่บัญญัติไว้ในรัฐธรรมนูญ โดยอาจมีการลดหย่อนค่าธรรมเนียมการศึกษา พักชำระหนี้การศึกษา และจัดหาสวัสดิการในเบื้องต้นให้กับนักเรียน เพื่อป้องกันไม่ให้มีนักเรียนหลุดออกจากระบบการศึกษาไปมากกว่านี้

5.) รัฐบาลต้องนำวัคซีนที่มีประสิทธิภาพสูงมาฉีดให้นักเรียน นักศึกษา บุคลากรทางการศึกษา และประชาชนทั่วไป โดยต้องมีการเปิดเผยข้อมูล สัญญา และรายละเอียดเกี่ยวกับการจัดซื้อวัคซีนอย่างโปร่งใส และดำเนินการฉีดวัคซีนให้เร็วที่สุด เพื่อให้ระบบการศึกษา สังคม และเศรษฐกิจสามารถเดินหน้าต่อไปได้

ข้อเรียกร้องเหล่านี้ เป็นสิ่งพื้นฐานที่นักเรียนควรได้รับตั้งแต่แรก แต่เมื่อเขาไม่ให้เราจึงต้องเรียกร้อง การสไตรค์ในครั้งนี้นอกจากจะเป็นการแสดงความไม่พอใจต่อการเรียนออนไลน์แล้ว ยังมีข้อเรียกร้องที่เราทุกคนต้องช่วยกันผลักดันให้เกิดขึ้น 6-10 กันยายนนี้ ร่วมทวงคืนชีวิตวัยเด็กของเรากลับมา!


ที่มา : https://www.thaipost.net/main/detail/115755
https://www.naewna.com/likesara/600155
https://www.facebook.com/104541321337821/posts/369599871498630/

เพจไทรักษา โพสต์ข้อความขอโทษแทนคนไทย หลังมีกลุ่มด้อยค่าวัคซีน ย้ำ เป็นเพียงแค่บางกลุ่มเท่านั้น

ไม่นานมานี้ เพจเฟซบุ๊ก 'ไทรักษา' ได้โพสต์ข้อความพร้อมรูปภาพว่า... 

จากที่ สถานเอกอัคราชทูตสาธารณรัฐประชาชนจีนประจำประเทศไทย ได้ออกแถลงการณ์ผ่านเฟซบุ๊ก ในเรื่องที่คนไทยบางกลุ่ม "กำลังด้อยค่าวัคซีน Sinovac ของจีน" 

พวกเรา...ในฐานะเด็กรุ่นใหม่ ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งในสังคม ก็รู้สึกเศร้าใจกับเรื่องราวที่เกิดขึ้นร่วมกับคนไทยอีกมากมายเช่นกัน 

วันนี้เราจึงต้องมาแสดงออก เพื่อขอบคุณพี่น้องชาวจีนในความรักและน้ำใจที่มีให้คนไทยโดยไม่หวังสิ่งตอบแทนใด ๆ เลย...

ในตอนนี้ เราทุกคนต่างรับรู้กันดีแล้วว่า ไม่มีวัคซีนยี่ห้อไหนที่ดีที่สุด และเราคนไทยก็กำลังเข้าใจไปในทางที่ดีแล้ว 

ขอชี้แจงกับพี่น้องชาวจีน และสถานเอกอัครราชทูตสาธารณรัฐประชาชนจีนประจำประเทศไทยว่า... 

>> คนไทยที่ด้อยค่าวัคซีนของจีน เป็นเพียงคนกลุ่มเล็ก ๆ เท่านั้น ไม่ใช่การแสดงออกของคนไทยทั้งหมด

พวกเรา จึงขอออกมาส่งเสียงแทนคนไทยอีกนับล้าน ๆ คน เพื่อเอ่ยคำขอโทษต่อพี่น้องชาวจีน พร้อมกับคำมั่นสัญญา ว่าเราจะรักและจริงใจต่อกันเสมอไม่เปลี่ยนแปลง จากคนไทย จากประเทศไทยค่ะ 好朋友 ... 

#ขอโทษพี่น้องชาวจีน
#ประเทศไทย
#Sinovac

ทั้งนี้ ทางเพจยังได้โพสต์เพิ่มเติมอีกว่า... 

เพิ่งได้ทราบข่าวเมื่อสักครู่ว่า "เสียงขอบคุณและคำขอโทษ" จากพวกเราคนไทยทุกคน ที่ได้ช่วยกันส่งไปถึงพี่น้องชาวจีน เริ่มถูกเผยแพร่ในโซเชียลของประเทศจีนแล้วครับ


ที่มา : https://www.facebook.com/112605123796060/posts/354831459573424/

รองผอ.สำนักพุทธ ชี้!! เทศน์ผ่านไลฟ์ของ 'พระมหาสมปอง-พระมหาไพรวัลย์' เป็นไปตามยุคสมัย แต่เจ้าอาวาสจะพิจารณาว่าเหมาะสมหรือไม่ เปิดพ.ร.บสงฆ์ ให้อำนาจพิจารณาโทษได้

กระแสการไลฟ์เฟซบุ๊กของ 'พระมหาไพรวัลย์ วรวณฺโณ' และ 'พระมหาสมปอง ตาลปุตฺโต' พระภิกษุวัดสร้อยทอง กทม. เป็นที่นิยมและสร้างความฮือฮาต่อเนื่อง 2 คืนที่ผ่านมา ยอดผู้ชมไลฟ์เกิน 2 แสนคน ด้วยการไลฟ์พูดคุยที่มีความบันเทิงเป็นเนื้อหาหลัก สอดแทรกธรรมะประปราย ลีลาท่าทางการพูดคุย ขบขันบันเทิง ศัพท์ภาษาแสลงที่ใช้ภาษาวัยรุ่น ยุคโซเชียลมีเดีย หยอก กัดกัน เน้นอารมณ์ขัน จนเกิดเสียงวิพากษ์วิจารณ์ บ้างตั้งข้อสังเกตถึงความสำรวมในสมณเพศ และวินัยสงฆ์

นายสิปป์บวร แก้วงาม รองผู้อำนวยการสำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ (พศ.) มองว่า การตัดสินว่าผิดหรือไม่ผิดวินัยสงฆ์ ไม่ใช่หน้าที่ของสำนักพุทธศาสนา แต่เป็นหน้าที่ของเจ้าคณะผู้ปกครองสงฆ์ คือ 'เจ้าอาวาส' ที่เป็นผู้บังคับบัญชาขั้นต้นของพระทั้ง 2 รูป 

"พระสองรูปนี้ไม่ได้เป็นเจ้าคณะปกครอง ท่านเป็นเพียงพระลูกวัดวัดหนึ่ง เพราะฉะนั้นหน้าที่โดยตรงที่จะต้องพิจารณาว่าเรื่องนี้เหมาะหรือไม่เหมาะ ก็คือ เจ้าอาวาสวัดที่เป็นผู้บังคับบัญชาชั้นต้นของพระสองรูปนี้"

"ท่านจะต้องพิจารณาว่าที่พระในปกครองของท่านได้ทำการเผยแผร่รูปแบบพระพุทธศาสนาในรูปแบบนี้มันเหมาะสมหรือไม่ มันมีอะไรควรและมีอะไรไม่ควรก็เป็นเรื่องของทางเจ้าอาวาสที่จะต้องใช้ดุลยพินิจวิเคราะห์อย่างละเอียดถี่ถ้วน" รองผอ.พศ. กล่าว

นอกจากนี้ รองผู้อำนวยการสำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ ยังบอกอีกว่า ส่วนตัวมองว่าการเผยแผ่พระพุทธศาสนา ถือว่าเป็นเรื่องที่ดีอยู่แล้ว เมื่อวันเวลาผ่านไป ยุคสมัยเปลี่ยนไป คงไม่มีใครอยากนั่งฟังธรรมแบบยุคก่อน แต่สิ่งสำคัญในความเป็นพระภิกษุสงฆ์คือ 'ความสำรวม' ซึ่งตนเองเชื่อว่าประชาชนสามารถพิจารณาได้เองว่าพระทั้ง 2 รูป ที่เผยแผ่พุทธศาสนาผ่านไลฟ์สดนั้นมีความเหมาะสมหรือไม่ ส่วนตัวจะไม่ไปวิเคราะห์แทน

ขณะที่ พ.ร.บ.คณะสงฆ์ พ.ศ. 2505 ได้บัญญัติไว้ชัดเจนในมาตรา 38 ว่า เจ้าอาวาสมีหน้าที่อบรมบ่มนิสัยบรรพชิตและคฤหัสถ์ให้ตั้งอยู่บนความเลื่อมใสศรัทธาในพระพุทธศาสนา และหากบรรพชิตและคฤหัสถ์ไม่อยู่ในโอวาทของเจ้าอาวาส เจ้าอาวาสสามารถขับให้เสียจากวัดได้

อย่างไรก็ตาม ล่าสุด นายณรงค์ ทรงอารมณ์ ผู้อำนวยการสำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ  (พศ.) ก็ได้ออกมาเปิดเผยว่า เท่าที่ดูแล้วไม่ถือว่ามีความผิดวินัยรุนแรงของพระสงฆ์ ทั้งนี้ พศ. มอบหมายให้ นายสิปบวร โฆษกพศ. เป็นผู้ดูแลเรื่องนี้ แต่โดยหลักขั้นตอนเจ้าคณะกรุงเทพมหานคร ซึ่งขณะนี้เจ้าอาวาสวัดหัวลำโพงทำหน้าที่รักษาการณ์เจ้าคณะกรุงเทพมหานคร ซึ่งแม้ไม่ได้แต่งตั้งอย่างเป็นทางการ แต่ก็มีอำนาจเต็มที่จะปกครองสั่งการอย่างหนึ่งอย่างใดได้ตามเห็นสมควร


ที่มา : https://www.pptvhd36.com/news/สังคม/155665
https://ch3plus.com/news/program/256408

‘บิ๊กบี้’ นำถก ผบ.หน่วยฯ สรุปผลงาน 1 ปี ช่วยเหลือ ปชช. ปรับขีดความสามารถ ทบ. รับมือโควิดควบคู่การ ‘พิทักษ์พล’ ไม่ให้ติดเชื้อ พร้อมขอบคุณทหารเกษียณฯ ก.ย.64ทำงานเพื่อ ทบ.-ประเทศ ยาวนาน เป็นผู้มีความรู้มีประสบการณ์ ให้คำแนะนำแก่หน่วยทหารได้

พล.ท. สันติพงศ์ ธรรมปิยะ โฆษกกองทัพบก เปิดเผยถึงผลการประชุมหน่วยขึ้นตรงกองทัพบกในวันนี้ (6 ก.ย. 64) ซึ่งพล.อ.ณรงค์พันธ์ จิตต์แก้วแท้ ผู้บัญชาการทหารบก (ผบ.ทบ.) เป็นประธานการประชุมผ่านระบบออนไลน์ โดยได้กล่าวถึงการปฏิบัติงานของกองทัพบกในรอบปีที่ผ่านมา พร้อมขอบคุณผู้บังคับหน่วยและกำลังพลทุกนายที่ร่วมกันเป็นส่วนหนึ่งในการสนับสนุนภารกิจของรัฐบาล ดูแลประชาชนได้อย่างเรียบร้อย ถือเป็นสิ่งที่ยืนยันในความพร้อมจากการฝึกฝนและเตรียมการของกองทัพบกภายใต้สถานการณ์ที่มีความท้าทายเป็นอย่างมาก 

ทั้งการช่วยเหลือประชาชนจากภัยพิบัติ การช่วยเหลือเกษตรกร การแก้ไขสถานการณ์ภัยแล้งและไฟป่า การสกัดกั้นยาเสพติดสิ่งผิดกฎหมายในพื้นที่ชายแดน โดยเฉพาะอย่างยิ่งการแก้ไขปัญหาการแพร่ระบาดของโควิด-19 ที่กองทัพบกได้ปฏิบัติอย่างเต็มที่ ในการช่วยเหลือประชาชน การสนับสนุนการปฏิบัติงานของกระทรวงสาธารณสุข ได้นำทรัพยากรทุกอย่างที่มีทั้งกำลังพล สิ่งอุปกรณ์ ความรู้ขีดความสามารถทางทหารมาประยุกต์ใช้ในสถานการณ์โควิด สร้างความเชื่อมั่นให้กับประชาชนในความช่วยเหลือจากภาครัฐ 

ซึ่งกองทัพบกยังคงดำรงการปฏิบัติในเรื่องดังกล่าวให้สอดคล้องตามสถานการณ์ต่อไป ควบคู่ไปกับมาตรการพิทักษ์พลเพื่อป้องกันการติดเชื้อภายในหน่วยทหารและกำลังพล ที่หน่วยทหารของกองทัพบกจะยังคงมีความเข้มงวดและไม่ผ่อนปรนมาตรการเร็วเกินไป เพื่อรักษาระดับการป้องกันโควิด-19 และคงความพร้อมในการปฏิบัติภารกิจ การดำเนินชีวิต รวมทั้งการนำบทเรียนจากการปฏิบัติงานในช่วงโควิดที่ผ่านมาเพื่อประยุกต์ใช้ในการฝึกศึกษาทางทหารภายใต้สถานการณ์โรคอุบัติใหม่ที่ยังคงมีอยู่  

การประชุมในวันนี้ ผู้บัญชาการทหารบกให้ความสำคัญกับการปฏิบัติงานในพื้นที่ชายแดน เน้นย้ำภารกิจสกัดกั้นสิ่งผิดกฎหมาย ยาเสพติด แรงงานต่างด้าวลักลอบเข้าเมือง รวมทั้งการบังคับใช้กฎหมายที่เป็นไปตามขั้นตอน ภายใต้ความปลอดภัยของเจ้าหน้าที่ผู้ปฏิบัติงาน รวมทั้งการดูแลพื้นที่ชายแดนด้วยเครื่องมือและระบบเฝ้าตรวจอย่างมีประสิทธิภาพ ทั้งนี้ความมั่นคงและสงบสุขในพื้นที่ชายแดนจะนำมาซึ่งคุณภาพชีวิตที่ดีของประชาชนและสนับสนุนการป้องกันโรคได้อีกทางหนึ่ง โดยให้กองกำลังป้องกันชายแดนกองทัพบกดำเนินการควบคู่ไปกับการติดตามสถานการณ์ด้านความมั่นคงในภูมิภาค และความสัมพันธ์กับประเทศเพื่อนบ้าน

สำหรับการทำงานของกองทัพบกในรอบปีที่ผ่านมาที่ได้มีการพัฒนาระบบคัดเลือกกำลังพลเข้าปฏิบัติราชการ โดยเฉพาะให้โอกาสทหารกองประจำการและผู้ที่มีใจรักในอาชีพทหาร ได้เข้ามาสู่ระบบการคัดสรรอย่างทั่วถึง ซึ่งนโยบายดังกล่าวจะยังคงเดินหน้าต่อโดยจะเพิ่มระบบการคัดเลือกเข้าเป็นทหารแบบรวมการ เพื่ออำนวยความสะดวกการสมัครสอบเป็นกำลังพลประเภทต่างๆ ได้ในครั้งเดียว สอดรับกับนโยบายให้ผู้ที่อยู่ในพื้นที่ห่างไกลได้มีโอกาสเข้าถึงระบบการคัดเลือกมากขึ้น 

ส่วนในช่วงฤดูฝนนี้ ผู้บัญชาการทหารบกกำชับให้หน่วยทหารได้ติดตามสถานการณ์น้ำและเตรียมแผนการช่วยเหลือประชาชนทั้งในด้านกำลังพล เครื่องมือ รวมถึงการประสานและสนับสนุนหน่วยงานที่รับผิดชอบโดยตรง ย้ำว่าการดำเนินการบรรเทาสาธารณภัยใดๆ ต้องตระหนักถึงความปลอดภัยของเจ้าหน้าที่ ภายใต้มาตรการป้องกันการติดเชื้อ ทั้งกับประชาชนและผู้ปฏิบัติงานเป็นสำคัญ  

ผู้บัญชาการทหารบกได้ใช้วาระการประชุมในครั้งนี้กล่าวขอบคุณผู้ที่เกษียณอายุราชการในเดือนกันยายน 2564 ถือว่าเป็นผู้ที่ทำคุณประโยชน์และได้ใช้ช่วงเวลาของการรับราชการปฏิบัติงานเพื่อกองทัพบก ประชาชนและประเทศชาติมาอย่างยาวนาน ขอให้ทุกหน่วยดูแลให้ทุกท่านเกษียณอย่างมีสุขภาพที่ดี ทั้งนี้ ผู้เกษียณอายุราชการเป็นผู้มีความรู้มีประสบการณ์ สามารถที่จะให้คำแนะนำคำปรึกษาแก่หน่วยทหาร และถือว่าเป็นครอบครัวของกองทัพบกตลอดไป

บราซิลประกาศระงับการใช้วัคซีนซิโนแวคกว่า 12 ล้านโดส หลังตรวจพบว่าผลิตจากโรงงานที่ไม่ได้รับอนุญาต

อันวิซา (Anvisa) ผู้ควบคุมกฎระเบียบด้านสาธารณสุขแห่งรัฐบาลกลางบราซิล เมื่อวันเสาร์ (4 ก.ย.) ระงับใช้วัคซีนโควิด-19 ที่พัฒนาโดยซิโนแวค ไบโอเทค บริษัทสัญชาติจีนกว่า 12 ล้านโดส หลังพบว่ามันผลิตโดยโรงงานที่ไม่ได้อนุญาตแห่งหนึ่ง

ถ้อยแถลงของอันวิซา ระบุว่า พวกเขาได้รับแจ้งจากสถาบันบูตันตัน ของรัฐเซาเปาลู ศูนย์ชีวการแพทย์ที่ร่วมมือกับซิโนแวค ในการผลิตและทดสอบวัคซีนโควิด-19 ในบราซิล ว่ามีวัคซีนจากโรงงานดังกลาวส่งมายังบราซิล 25 ล็อต หรือ 12.1 ล้านโดส

"แผนกการผลิตไม่ได้ผ่านการตรวจสอบและไม่ได้รับการรับรองจากอันวิซา ในการอนุมัติใช้วัคซีนที่กล่าวถึงในกรณีฉุกเฉิน" คณะผู้ควบคุมกฎระเบียบด้านสาธารณสุขแห่งรัฐบาลกลางบราซิลระบุ พร้อมบอกว่า "คำสั่งแบนเป็นมาตรการป้องกันไว้ก่อน เพื่อหลีกเลี่ยงความเป็นไปได้ที่จะก่อความเสี่ยงแก่ประชาชน"

สถาบันบูตันตันยังได้แจ้งต่ออันวิซาด้วยว่าวัคซีนอีก 17 ล็อต รวมแล้ว 9 ล้านโดส ที่ผลิตในโรงงานเดียวกันกำลังมุ่งหน้ามายังบราซิล

ระหว่างคำสั่งแบนเป็นเวลา 90 วัน อันวิซาจะดำเนินการตรวจสอบโรงงานและหาคำตอบเพิ่มเติมเกี่ยวกับความปลอดภัยของกระบวนการผลิตในโครงการจ่ายวัคซีนของบราซิลในช่วงต้นปี วัคซีนส่วนใหญ่ที่ดำเนินการฉีดให้แก่ประชาชนก็คือจากซิโนแวค ก่อนจะเข้าถึงวัคซีนจากผู้ผลิตอื่น ๆ หลังจากนั้น

เมื่อวันเสาร์ (4 ก.ย.) บราซิล รายงานพบผู้ติดเชื้อรายใหม่ไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่จำนวน 21,804 ราย และเสียชีวิตเพิ่ม 692 คน


(ที่มา : รอยเตอร์)
https://mgronline.com/around/detail/9640000087980

ชงกระทรวงแรงงานขยายเวลาหักเงินสมทบประกันสังคมอีก 3 เดือน

นายพจน์ อร่ามวัฒนานนท์ รองประธานกรรมการหอการค้าไทย และประธานคณะกรรมการแรงงานและพัฒนาฝีมือแรงงาน เปิดเผยว่า ได้จัดทำหนังสือข้อเสนอเป็นการเร่งด่วนไปยังนายสุชาติ ชมกลิ่น รมว.แรงงาน เพื่อให้สำนักงานประกันสังคม กระทรวงแรงงาน ได้ขยายมาตรการช่วยเหลือการหักเงินสมทบประกันสังคมต่อไปอีก 3 เดือน ระหว่างเดือนกันยายน-พฤศจิกายน 2564 หรือจนกว่าสถานการณ์โควิด-19 จะดีขึ้น เพื่อรักษาเสถียรภาพทางเศรษฐกิจของประเทศไทยและประคองการดำเนินธุรกิจของผู้ประกอบการในสถานการณ์การแพร่ระบาดเชื้อไวรัสโควิด-19 ขณะนี้

ทั้งนี้ที่ผ่านมา กระทรวงแรงงาน ได้พิจารณาข้อเสนอของหอการค้าไทยไปแล้วหลายเรื่อง โดยเฉพาะมาตรการด้านแรงงานในสถานการณ์โควิด-19 ทั้ง 1.มาตรการเชิงรุกในการตรวจคัดกรองความเสี่ยงแรงงานทั้งคนไทยและต่างด้าว 2.มาตรการเร่งรัดจัดสรรวัคซีนป้องกันโควิด-19 ให้กับผู้ประกันตน 3.มาตรการเยียวยาผู้ประกันตนและนายจ้างได้รับความช่วยเหลือในพื้นที่ 29 จังหวัด 4.มาตรการ Factory Sandbox 

5.มาตรการผ่อนผันให้แรงงานข้ามชาติ 3 สัญชาติ กลุ่มมติ 20 สิงหาคม 2562 และกลุ่มมติ 4 สิงหาคม 2563 ให้สามารถทำงานต่อในราชอาณาจักรไทยได้ และ  6.มาตรการลดหย่อนการส่งเงินสมทบประกันสังคมของนายจ้าง ลูกจ้างกลุ่มผู้ประกันตน ตั้งแต่มีนาคม 2563 จนถึงปัจจุบัน ซึ่งส่งผลดีต่อการแก้ไขปัญหาเศรษฐกิจและการจ้างงานจากการได้รับผลกระทบของการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 
……….


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top