Saturday, 10 May 2025
Hard News Team

คณะกรรมการโรคติดต่อจังหวัดฉะเชิงเทรา มีคำสั่งมาตรการป้องกันและควบคุมการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ในโรงงานอุตสาหกรรม

สำนักงานประชาสัมพันธ์จังหวัดฉะเชิงทรา ระบุว่า คณะกรรมการโรคติดต่อจังหวัดฉะเชิงเทราได้มีคำสั่งมาตรการป้องกันและควบคุมการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ในโรงงานอุตสาหกรรม ดังนี้

1.) ห้ามแรงงานของโรงงานในฉะเชิงเทราเดินทางไป-กลับจากพื้นที่สีแดงเข้ม (กทม. นครปฐม นนทบุรี ปทุมธานี สมุทรปราการ สมุทรสาคร พระนครศรีอยุธยา และชลบุรี)

2.) โรงงานในจังหวัดฉะเชิงเทราที่ต้องใช้แรงงานไป-กลับจากพื้นที่สีแดงเข้มต้องจัดหาที่พักให้แรงงานเหล่านั้นในจังหวัดฉะเชิงเทรา

3.) โรงงานต้องทำแผนรองรับการเกิดโรคระบาดเป็นกลุ่มก้อนในโรงงานส่งสำนักงานอุตสาหกรรมจังหวัดฉะเชิงเทราเพื่อดำเนินการ แผนจัดการควบคุมดูแลแรงงาน, แผนการเดินทางของแรงงาน, แผนป้องกันและควบคุมโรคในพื้นที่ทำงาน, แผนการเตรียมการฉุกเฉิน เช่น การตั้งรพ.สนาม สถานที่พักคอย สถานกักกันผู้มีความเสี่ยง

นอกจากนี้ มีคำสั่งให้ปิดสถานที่เพิ่มเติม ได้แก่ สถานบริการควบคุมน้ำหนัก คลินิกเสริมความงาม สนามกีฬาทุกประเภท สถานที่บริการจัดประชุม/จัดเลี้ยง สระน้ำเพื่อการเล่นกีฬา/กิจกรรมสันทนาการทางน้ำ สถานที่ท่องเที่ยวของราชการและเอกชน (ทั้งเก็บและไม่เก็บค่าบริการ) ลานกีฬา สถานที่แสดงมหรสพ/การละเล่นสาธารณะ พิพิธภัณฑ์ โบราณสถาน ศูนย์พัฒนาเด็กเล็ก/เด็กก่อนวัย ร้านเสริมสวย ร้านตัดผม ร้านทำเล็บ สวนสาธารณะ สวนพฤกษศาสตร์

ส่วนตลาดนัด เปิดถึง 2 ทุ่ม เฉพาะส่วนที่ขายอาหารหรือวัตถุดิบเพื่อการบริโภค

หากฝ่าฝืนมีโทษปรับไม่เกิน 20,000 บาทจำคุกไม่เกินสองปีหรือทั้งจำทั้งปรับหากฝ่าฝืนและพบผู้ติดเชื้อโควิด-19 ปิดโรงงานอย่างน้อย 14 วัน

สถานการณ์โควิด-19 ของจังหวัดฉะเชิงเทรา วันที่ 23 ก.ค. 64 มีผู้ติดเชื้อรายใหม่ 343 ราย เสียชีวิต 1 ราย ยอดผู้ติดเชื้อสะสมรวม 6,994 ราย เสียชีวิตรวม 44 ราย


ที่มา : https://www.facebook.com/pr8riew/photos/a.110855913751864/374532814050838/


โปรเด็ด! ถึง 31 ก.ค. นี้ Ford Ranger, MG ZS, Mazda 2 และ Nissan อัลเมร่า ทักไลน์ @THESHOPSTIMES

คลิก????https://lin.ee/vfTXud9

คนดังชาวออสเตรเลีย แพร่ 'เดลตา' ไม่รู้ตัวในงานปาร์ตี้ จากฉีดโมเดอร์นากลายเป็นซูเปอร์สเปรดเดอร์

อินฟลูเอนเซอร์ออสเตรเลียที่อาศัยในสหรัฐฯ กลายเป็นซูเปอร์สเปรดเดอร์ จัดปาร์ตี้ขณะติดเชื้อสายพันธุ์เดลตาไม่รู้ตัว แม้ฉีดวัคซีนโมเดอร์นาแล้ว

กรณีตัวอย่างที่ตอกย้ำว่าการฉีดวัคซีนโควิด-19 แล้ว ไม่ได้หมายความเสี่ยงติดเชื้อจะหมดไป และเมื่อติดแล้วก็ยังสามารถแพร่เชื้อต่อได้ หากละเลยมาตรการป้องกันส่วนบุคคล เหมือนกรณีของนาย แอนโทนี เฮสส์ (Anthony Hess) ชายชาวออสเตรเลีย ที่ยอมรับว่า ตนเองเป็นซูเปอร์สเปรดเดอร์ไวรัสโรคโควิด-19 สายพันธุ์เดลตา หลังจากจัดปาร์ตี้โดยไม่รู้ตัวว่าติดเชื้ออยู่ และได้แพร่เชื้อต่อไปอีกอย่างน้อย 60 คน จำนวนนี้ 20 คนเป็นผู้ติดเชื้อยืนยัน อีก 40 คนแสดงอาการ

เฮสส์ ซึ่งสื่อในออสเตรเลียระบุว่าเป็นอินฟลูเอนเซอร์คนหนึ่ง ไม่ก็ระบุว่าเป็นหนุ่มสังคมที่มีชื่อเสียงไม่ค่อยดีนัก เป็นที่รู้จักในฐานะเพื่อนของสเตซี แฮมป์ตัน ดาราจากรายการดัง Married At First Sight พำนักในนครลอสแองเจลิสมาตั้งแต่ปีที่แล้ว โดย เดอะ เดลีย์ เมล์ ออสเตรเลียระบุว่า เฮสส์ วัย 40 ปี ใช้ชีวิตอย่างอิสระเสรีในสหรัฐฯ หลังเริ่มผ่อนคลายมาตรการคุมโควิด-19 เขาฉีดวัคซีนโมเดอร์นาแล้ว 2 เข็มที่สหรัฐฯ

ขณะจัดปาร์ตี้สุดสัปดาห์ วันที่ 9-11 ก.ค. เขาไม่รู้ตัวเลยว่าติดไวรัส เพิ่งมามีอาการช่วงกลางสัปดาห์ที่แล้ว และเขาก็ไม่รู้ว่าแพร่เชื้อไปให้อีกกี่คน รู้แต่สัมผัสกับคนจำนวนมาก อาจเป็นร้อย!!

เขารู้สึกผิดมาก เมื่อเพื่อนหลายสิบคนส่งข้อความไปบอกว่าพวกเขามีอาการ!!

หลังผลตรวจพบเป็นผลบวก เขานอนซมบนเตียง 4 วัน กินอะไรไม่ได้ เหงื่อออกเยอะมาก รู้สึกเหมือนกำลังจะตาย น้ำหนักลงฮวบ นอกจากนี้ยังมีอาการทั่วไป เช่น เจ็บคอ ไอแห้ง หายใจลำบากและคัดจมูก ทว่าหากไม่ฉีดวัคซีน อาการคงหนักกว่านี้...

เหตุที่แชร์ประสบการณ์ของตัวเอง เพราะอยากให้เป็นตัวอย่างว่าการแพร่เชื้อสายพันธุ์เดลตาโดยไม่รู้ตัวนั้น เกิดขึ้นง่ายมาก โดยเฉพาะในออสเตรเลีย ที่มีประชากรเพียง 11% เท่านั้นที่ได้รับวัคซีนแล้ว

“หลายคนในออสเตรเลียยังคิดว่าไม่ร้ายแรง แต่ไม่ใช่เลย แอลเอกำลังกลับมาเข้มงวด ไวรัสแพร่ไวมาก ไม่มีใครรู้ว่าใครมีเชื้ออยู่ ผู้คนกำลังล้มตาย เขาเองไม่ได้เคร่งครัดเช่นกันจนกระทั่งเกิดกับตัวเอง" เฮสส์บอกอีกว่า "ดูเหมือนสายพันธุ์เดลตาเอาชนะวัคซีนโควิดได้ เพราะคนส่วนใหญ่ที่ติดเชื้อจากเขา ฉีดวัคซีนแล้ว เวลานี้วิตกว่าอาจจะเกิดการระบาดใหญ่"


ที่มา: https://www.komchadluek.net/news/foreign/475572

https://www.news.com.au/world/coronavirus/australia/australian-socialite-spreads-coronavirus-to-dozens-after-full-vaccination/news-story/8423ab0f07ebc646c665b23378d226f3


โปรเด็ด! ถึง 31 ก.ค. นี้ Ford Ranger, MG ZS, Mazda 2 และ Nissan อัลเมร่า ทักไลน์ @THESHOPSTIMES

คลิก????https://lin.ee/vfTXud9

แจง “อนุทิน” ลงพื้นที่ชุมชน กทม. กลางดึกเป็นการปรับแนวทางทำงาน เร่งดูแลกลุ่มเปราะบางคนไร้บ้าน  ตามนโยบาย”บิ๊กตู่” ”ย้ำ”ประชาชนต้องไม่ถูกทอดทิ้ง ประสานหน่วยฉุกเฉินรับผู้ป่วยอาการหนักรับการรักษาเร็วที่สุด พร้อมตรวจ Rapid Test ให้ผู้ประสงค์ตรวจหาเชื้อโควิด 

น.ส.ไตรศุลี ไตรสรณกุล รองโฆษกประจําสํานักนายกรัฐมนตรี กล่าวว่าจากการที่นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและรมว.สาธารณสุข พร้อมคณะด้วย ลงพื้นที่เพื่อดูความเรียบในการดูแลประชาชนผู้ป่วยโควิด-19 ที่อาการไม่รุนแรงที่แยกกักที่บ้าน(Home isolation) และแยกกักในชุมชน (Community isolation) รวมถึงติดตามสถานการณ์ผู้ป่วยในชุมชนแออัด พื้นที่ที่มีคนไร้บ้านพักอาศัย หลายพื้นที่ในกรุงเทพมหานคร เมื่อช่วงค่ำของวันที่ 22 ก.ค.ที่ผ่านมานั้น เป็นส่วนหนึ่งของการปรับการทำงานของเจ้าหน้าที่ ให้รับกับนโยบายของพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรมว.กลาโหม ที่ให้ทุกฝ่ายเร่งดำเนินแนวทุกแนวทางทางอย่างเต็มที่ เพื่อลดจำนวนผู้ติดเชื้อ จำนวนผู้รอคอยการรักษาอยู่ที่บ้าน รวมถึงจะต้องไม่เกิดกรณีเสียชีวิตบนท้องถนนของประชาชนอีก จะต้องไม่มีประชาชนที่ถูกทอดทิ้ง  

น.ส.ไตรศุลี กล่าวว่า  การลงพื้นที่ชุมชนในกรุงเทพฯ ครั้งนี้เป็นเพียงครั้งแรก หลังจากนี้จะยังมีการลงพื้นที่โดยเจ้าหน้าที่ในลักษณะเดียวกันนี้อย่างต่อเนื่อง โดยรูปแบบการทำงานจะมีการเลือกชุมชนเป้าหมายผ่านฐานข้อมูลของสถาบันแพทย์ฉุกเฉินแห่งชาติ(สพฉ.) ว่าพื้นที่ใดมีการขอประสานไปรับตัวผู้ป่วยอยู่หนาแน่น ทีมเจ้าหน้าที่จะเข้าไปดูทั้งในแง่การตรวจดูอาการ มอบยาและเวชภัณฑ์ แนะนำกรณีการรักษาตัวอยู่ที่บ้านกรณีผู้ที่มีอาการไม่มาก
ส่วนกรณีที่มีอาการมากก็ประสานส่งตัวเข้ารับการรักษา ณ จุดพักคอย โรงพยาบาลสนาม โรงพยาบาลบุษราคัม หรือโรงพยาบาลทั่วไป ตามระดับอาการ ซึ่งในการลงพื้นที่ครั้งนี้ได้มีการรับตัวผู้ป่วยส่งไปยังโรงพยาบาล 4ราย  และส่วนหนึ่งจะมีการตรวจด้วยวิธี Rapid Antigen Test  ให้กับประชาชนในพื้นที่นั้นๆ ที่ประสงค์ตรวจหาเชื้อโควิด-19ด้วย

“การลงพื้นที่ของรองนายกรัฐมนตรีและคณะในครั้งนี้ไม่ได้มีกำหนดการไว้ล่วงหน้า แต่เนื่องมาจากรองนายกรัฐมนตรีประสงค์ให้มีการปรับการทำงานเพื่อการดูแลประชาชนโดยเฉพาะกลุ่มเปราะบาง เช่นคนไร้บ้าน คนในชุมชนแออัด ให้มากที่สุด ซึ่งรูปแบบการทำงานของทีมเจ้าหน้าที่จะมีศูนย์กลางอยู่ที่อาคารนิมิบุตร สนามกีฬาแห่งชาติ มีการเลือกพื้นที่จากฐานข้อมูล สพฉ. จากนั้นลงพื้นที่ทั้งตรวจเยี่ยม มอบยา รับผู้ป่วยอาการหนัก และตรวจ rapid test   ให้กับประชาชนที่พบเจอ โดยจะดำเนินการรูปแบบนี้จนกว่าสถานการณ์จะดีขึ้น โดยมีเป้าหมายคือการเข้าไปดูแลกลุ่มเปราะบางให้มากที่สุด ไม่ให้เกิดกรณีผู้เสียชีวิตบนท้องถนนที่เป็นทั้งความสูญเสียของครอบครัวผู้เสียชีวิตและสร้างความสะเทือนใจให้ประชาชนอีก” น.ส.ไตรศุลี กล่าว  

'บิ๊กอู๊ด' พล.ต ท.สมพงษ์ ชิงดวง ผบช.สตม.รวมพลัง​ #อู๊ดคอนเนคชั่น​ #ทำบุญใหญ่มอบอุปกรณ์เครื่องช่วยหายใจให้โรงพยาบาลตำรวจ

พล.ต ท.สมพงษ์ ชิงดวง ผบช.สตม.นำหน่วยงาน สตม.จับมือหน่วยงานเอกชน บริษัท บีจี คอนเทนเนอร์กล๊าส จำกัด ทำบุญสุดยิ่งใหญ่ต่อชีวิตและลมหายใจให้ผู้ป่วยใน รพ.ตำรวจ

วันนี้ (22 ก.ค. 64) เวลา 14.00 น. พล.ต.ต.อาชยน ไกรทอง รอง ผบช.สตม.ในฐานะ โฆษก สตม. เปิดเผยว่า พล.ต.ท.สมพงษ์ ชิงดวง ผบช.สตม. พร้อมด้วย พล.ต.ต.ภานุวัฒน์ ร่วมรักษ์ ผบก.อก.สตม. ร่วมกับ บริษัท บีจี คอนเทนเนอร์ กล๊าส จำกัด (มหาชน) มอบเครื่องช่วยหายใจจำนวน 4 เครื่อง ให้แก่โรงพยาบาลตำรวจ เพื่อใช้ในการช่วยเหลือผู้ป่วยภาวะฉุกเฉินและวิกฤต โดยมี พล.ต.ท.โสภณรัชต์ สิงหจารุ นายแพทย์ใหญ่โรงพยาบาลตำรวจ เป็นตัวแทนรับมอบ ณ ชั้น ๒ อาคารมหาภูมิพลราชานุสรณ์ 88 พรรษา โรงพยาบาลตำรวจ                          

ทางด้าน พ.ต.อ.ภัคพงศ์ สายอุบล รอง ผบก.ตม.1 ในฐานะรองโฆษก สตม. กล่าวเพิ่มเติมว่า  ทาง พล.ต ท.สมพงษ์ ชิงดวง ผบช.สตม.มีความห่วงใยประชาชนทั้งชาวไทยและเทศ ที่อยู่ในประเทศไทยเนื่องจากสถานการณ์โควิด เครื่องช่วยหายใจมีความสำคัญมากในสถานการณ์วิกฤติโควิด 19 เป็นอย่างมาก จึงพยายามที่จัดโครงการมอบของทั้งในส่วนอุปโภคและบริโภคอย่างต่อเนื่องมาเป็นระยะเวลายาวนาน ไม่ว่าจะเป็นโครงการ ตม.ปันน้ำใจสู้ภัยโควิด 19 / โครงการตู้ปันสุข ของ สตม.ทั้ง76 จังหวัด และ กรุงเทพ เพื่อให้ประชาชนสามารถดำรงชีพได้ต่อไปได้ และเราจะก้าวข้ามวิกฤติ โควิด 19 ให้ได้ไปด้วยกัน  

ขอให้ประชาชนร่วมมือร่วมใจกันและให้กำลังใจกับตำรวจตรวจคนเข้าเมืองและเชิดชูหน่วยงานเอกชนที่มาช่วยเหลือแรงกายแรงใจแรงทรัพย์ในการร่วมบริจาคด้วย โดยหากสนใจดูภารกิจและกิจกรรมต่างๆ​ ของ​ สตม.สามารถเข้าไปดูและเยี่ยมชมเวปไซต์ได้ที่ www.immigration.go.th เพื่อเป็นเเนวร่วมและอีกหนึ่งแรงใจได้เสมอ

Call Out!! ฉัน​ต้องการเสียงดัง ๆ​ ของ​ 'เธอ'​

แทบจะเป็นธรรมเนียมไปแล้ว​ ในทุกๆ​ ครั้งที่อุณหภูมิทางการเมืองระอุ​ และมีการเคลื่อนไหวทางการเมือง​

และเหล่า​ 'คนดัง'​ หรือ​ 'มีชื่อเสียง​'​ ก็มักจะต้องถูกดึงเข้ามามีส่วนร่วมในการแสดงออก โดยมีผู้คนในโลกโซเชียลคอยกดดันผ่านแฮชแท็กมากมายในหลาย ๆ​ แพลตฟอร์ม​ เช่น​ ทวิตเตอร์

#วันนี้ดาราcalloutหรือยัง

กระแสเหล่านี้รุนแรงและเป็นแรงกระเพื่อมที่เกิดขึ้นถี่มากในตอนนี้แก่เหล่าคนดัง!!

ว่าแต่ทำไมต้องเป็นศิลปินและดารา?

การดันแฮชแท็กเหล่านี้​ เพื่อเรียกร้องให้ทั้งดารา/ศิลปินใน ‘ไทย’ และ ‘ไอดอลคนไทยในต่างประเทศ’ ออกมาแสดงความคิดเห็นหรือจุดยืนในเรื่องการเมืองที่กำลังเกิดขึ้นนั้น

เนื่องจากความสนใจหรือการตั้งคำถามผ่าน เสียงหรือข้อความของเหล่าดารา/ศิลปินน​ั้น​ มีความ​ Impact​ ต่อสังคมอย่างมาก​ ยิ่งดาราคนนั้นดังมากเท่าไร​ เสียงก็จะยิ่งดังชัดขึ้นต่อการเมืองในช่วงนั้น

เพราะพวกเขา​ คือ Influencer หรือผู้มีอิทธิพลบนสื่อโซเชียลมีเดีย รวมถึงการเป็นผู้มีอิทธิพลต่อกระแสภายในสังคม

และด้วยความเป็น ‘ผู้มีอิทธิพลทางสื่อ’ เป็น ‘ผู้มีชื่อเสียง’ จึงพ่วงมาด้วยการมีผู้ติดตามจำนวนมาก

นั่นหมายความว่าการเคลื่อนไหวของบุคคลเหล่านี้บนโซเชียลมีเดียในแต่ละครั้งไม่ว่าจะในด้านใด (จะเป็นการรีวิวสินค้า/ขายของ หรือการออกมาเคลื่อนไหวทางการเมือง) ผู้คนที่ติดตามโซเชียลของบุคคลเหล่านี้ก็จะรับรู้เรื่องราวและส่งต่อสารที่สื่อออกมาได้กว้างขวางมากขึ้น

ฉะนั้น​ ถ้าคุณทำอะไรก็ดัง​ ขายของ​ รีวิวสินค้า โน้มน้าวชักจูงใจคน​ และแฟนคลับได้ ก็ต้องออกมาเป็นกระบอกเสียงในเรื่องการเมือง​ เพื่อสร้างแรงกระเพื่อมต่อสังคมวงกว้างได้ด้วยเช่นกัน​ (แกมบังคับเนาะ)​

แน่นอนว่า​ การออกมาแสดงความคิดเห็น หรือจุดยืนทางการเมืองอาจส่งผลกระทบต่อตัวดารา/ศิลปิน ทั้งในเรื่องของชีวิต หน้าที่การงาน ครอบครัวหรือคนรอบข้างได้

แต่กลุ่มที่ต้องการให้ Call​ Out​ ก็จะมีการพูดว่าคนดังที่ออกมาเชียร์จะไม่ถูกคุกคาม​ และถ้าคุณกล้าออกมา​ Call​ Out​ พวกเราก็จะสนับสนุนคุณ​ตลอดไป (แม้สุดท้ายจะเกิดผู้ไม่สนับสนุนอีกฟากเกิดตามมาก็ตาม)​

ถึงกระนั้น​ ทุกวันนี้​ ศิลปิน/ดาราไทยหลายคน​ ก็เริ่มจะออกมาเป็นกระบอกเสียง และ​ Call​ Out​ ในทางการเมืองมากขึ้น​ ซึ่งจะด้วย 'จุดยืนส่วนตัว'​ หรือ 'แรงกดดัน'​ จากสังคมก็บอกได้ยาก...

แต่อย่างไรเสีย​ สิ่งที่อยากฝากคนไทยไว้​ คือ​ การออกมาหรือไม่ออกมาแสดงความคิดเห็น ย่อมเป็นสิทธิของแต่ละคนตามหลักของประชาธิปไตยที่บอกว่าทุกคนมีสิทธิเสรีภาพที่จะแสดงออกทางความคิดเห็น

เช่นเดียวกันกับตัวประชาชนเอง​ ก็มีสิทธิเสรีภาพในการวิพากษ์วิจารณ์ หรือเลือกที่จะติดตามหรือไม่ติดตามต่อก็ได้เหมือนกัน...

เรื่องนี้ต้องแยกแยะให้ออกด้วย!!


โปรเด็ด! ถึง 31 ก.ค. นี้ Ford Ranger, MG ZS, Mazda 2 และ Nissan อัลเมร่า ทักไลน์ @THESHOPSTIMES

คลิก????https://lin.ee/vfTXud9

'นฤมล'​ ส่งทีมงานนำข้าวกล่องส่งแคมป์ก่อสร้าง บรรเทาความเดือดร้อน

(วันที่ 22 กรกฎาคม 2564)​ ศาสตราจารย์ นฤมล ภิญโญสินวัฒน์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงแรงงาน มอบหมายทีมงาน นำข้าวกล่องช่วยเหลือผู้ได้รับผลกระทบจากการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 โดยเฉพาะกลุ่มแคมป์คนงานก่อสร้าง เพื่อบรรเทาความเดือดร้อนของประชาชน

ศาสตราจารย์ นฤมล กล่าวว่า จากการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 ในปัจจุบันมีอัตราการแพร่ระบาดสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง ส่งผลให้ประชาชนได้รับผลกระทบไม่สามารถประกอบอาชีพ หารายได้ดูแลตนเองและครอบครัวได้ ต้องหยุดงาน โดยเฉพาะกลุ่มแรงงานก่อสร้าง ที่ต้องกักตัวอยู่ในแคมป์ก่อสร้าง ซึ่งมีทั้งหน่วยงานภาครัฐและเอกชน สนับสนุนเครื่องใช้อุปโภคบริโภค เพื่อช่วยบรรเทาความเดือดร้อนของประชาชน

ในวันนี้ได้มอบหมายให้ทีมงานนำข้าวกล่อง ไปมอบให้แก่แรงงานในแคมป์ก่อสร้าง รวม 5 แคมป์ ซึ่งได้รับการสนับสนุนจากผู้ประกอบกิจการ บริษัท ห้าง ร้านค้าและบุคคลต่างๆ  โดยทีมงานจะนำข้าวกล่องไปส่งมอบตามจุดต่างๆ ในแคมป์ก่อสร้าง ตั้งแต่วันนี้ จนถึงสิ้นเดือนกรกฎาคม 2564 

รมช.กล่าวต่อว่า แคมป์ก่อสร้างที่ส่งมอบข้าวกล่องแล้วในวันนี้ ได้แก่

จุดที่ 1 แคมป์คนงาน บริษัท ทวีพรเทคโนโลยี จำกัด บริเวณข้างโรงแรมมณเฑียร ริเวอร์ไซด์ ถนนพระรามที่ 3 แขวงบางโคล่ เขตบางคอแหลม

จุดที่ 2 แคมป์คนงาน บริษัท ซินเท็ค เทคโนโลยี คอนสตรัคชั่น จำกัด บริเวณซอยมไหสวรรย์ 6 ถนนพระรามที่ 3 แขวง/เขต บางคอแหลม

จุดที่ 3 แคมป์คนงาน บริษัท ซินเท็ค จำกัด (มหาชน) บริเวณสามแยกยานนาวา แขวงบางโพงพาง เขตยานาวา

จุดที่ 4 แคมป์คนงาน โรงเรียนเตรียมอุดมศึกษาพัฒนาการยานนาเวศ ภายในบริเวณโรงเรียนเตรียมอุดมศึกษาพัฒนาการยานนาเวศ  ถนนสาธุประดิษฐ์ แขวงทุ่งวัดดอน เขตสาทร

และจุดที่ 5 แคมป์คนงาน บริษัท อิตาเลี่ยนไทย ดีเวล๊อปเมนต์ จำกัด (มหาชน) บริเวณข้างหอศิลปวัฒนธรรมแห่งกรุงเทพมหานคร ถนนพระรามที่ 1 แขวงวังใหม่ เขตปทุมวัน

“ต้องขอขอบคุณผู้ประกอบการ บริษัท ห้าง ร้าน ที่สนับสนุนข้าวกล่องให้แก่ประชาชนที่ได้รับผลกระทบจากการแพร่ระบาดในครั้งนี้  ความช่วยเหลือของทุกภาคส่วนจะช่วยบรรเทาความเดือดร้อนของประชาชน และขอเป็นกำลังใจให้ทุกคน ทั้งแพทย์ พยาบาล ประชาชน รวมถึงเจ้าหน้าที่ผู้ให้บริการในด้านต่างๆ เราจะผ่านวิกฤตนี้ไปด้วยกัน” 

พล.อ.ต.นพ.อิทธพร คณะเจริญ เลขาธิการแพทยสภา ได้โพสต์ข้อความเกี่ยวกับเรื่องยา 'ฟาวิพิราเวีย' ได้อย่างน่าสนใจว่า "ฟาวิพิราเวีย...ยา (พิฆาต) Covid-19"

ไม่นานมานี้ พล.อ.ต.นพ.อิทธพร คณะเจริญ เลขาธิการแพทยสภา ได้โพสต์ข้อความเกี่ยวกับเรื่องยา 'ฟาวิพิราเวีย' ได้อย่างน่าสนใจว่า...

"ฟาวิพิราเวีย ..ยา (พิฆาต) Covid-19"

ฟาวิพิราเวีย อาวุธที่จำเป็น สำหรับต่อสู้กับ Covid-19 ไม่ให้อาการลุกลาม โดยมีการใช้ต่อผู้ป่วยรายละ 60-80 เม็ด  สำหรับผู้มีอาการ เพื่อป้องกันไม่ให้ลงปอด จนวิกฤต ถ้าวันนี้มีผู้ป่วยใหม่ราว 10,000 คน ถ้ามีอาการครึ่งหนึ่ง ต้องเตรียมยาสูงสุดวันละ 3-6แสนเม็ด เดือนละ 9-18 ล้านเม็ด ผลิตได้เดือนละ 2 ล้านเม็ดยังไม่เพียงพอ จำเป็นต้องนำเข้าอยู่ดี และต้องสต๊อกให้เพียงพอ ดังนั้นต้องเร่งการผลิตให้ได้เพียงพอในอนาคตครับ

การให้ผู้ติดเชื้อกักตัวอยู่ที่บ้านหรือ Home Isolation ถ้ามีอาการ เข้าข่ายข้อบ่งชี้ จะต้องส่งยาให้ทัน เพราะการได้ยาช้าจะทำให้ผู้ป่วยอาการหนักเข้าโรงพยาบาล และเสียชีวิตมากขึ้น

ข้อเท็จจริงอันหนึ่งคือได้ยาช้า กว่าจะเข้า รพ.ได้ ต้องใช้เวลาหลายวัน

1.) กว่าจะเข้าถึงการตรวจต้องเข้าคิว ต่อคิว หลายวัน ที่ฟรี ยกเว้นเสียเงินเองถึงมีโอกาสตรวจเร็ว แต่ก็ยังจำกัด เป็นคอขวด แม้ Test Kit จะช่วยได้มาก แต่เข้าโรงพยาบาลต้องใช้ ผล RT-PCR อยู่ดี แปลว่าขั้นตอนแรกกว่าจะเข้าถึงต้องรอ 1-2 วัน

2.) การตรวจ RT-PCR ถ้าผลลบมักจะได้เลยในวันรุ่งขึ้น จบไป แต่ถ้าบวกอาจจะ 2-3 วัน ขึ้นกับแลปที่ขึ้นทะเบียนกับกรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ ปกติไม่ควรเกิน 3 วัน รวมเวลาจากขั้นตอน 1 เข้าคิวใช้เวลา 3-5 วัน ได้รับผล RT-PCR

3.) เมื่อได้รับผล แจ้ง 1330/1669/1668 เพื่อขอเข้าโรงพยาบาล หรือรับการรักษา ปัจจุบัน ต้องรอตั้งแต่ 1-3 วัน เพื่อขอให้จัดเตียงให้ และพบว่ามีค้าง รอเตียงข้ามวันจำนวนมาก ตามรายงานประจำวันของกระทรวงสาธารณสุข พบว่า อย่างเร็วเข้าระบบได้ทันที แต่ถ้าลองนับจากวันแรกเริ่มที่ตรวจ 4 ถึง 7 วัน...ซึ่งยาจะได้ในสถานพยาบาล ในรายที่มีอาการ อาจจะช้าเกินไป

เคยมีผู้เสนอแนวคิด เสนอให้ยาเร็วขึ้นหลังผลบวก จะช่วยให้ผู้ป่วยหนักน้อยลง แต่ดูตัวเลขแล้ว ต้องใช้ยาจำนวนมหาศาล มากกว่าที่ผลิตได้หรือที่มี และอาจจะนำไปสู่การดื้อยาได้ เขาจึงยังต้องให้ในสถานพยาบาลดูตามอาการเพื่อให้ตรงข้อบ่งชี้ แต่ทำอย่างไรจะได้เร็วที่สุด นั่นคือปัญหาสำคัญ และทำอย่างไรให้ได้รับทันเวลา

ขอบคุณองค์การเภสัชกรรม ที่ผลิตยานี้อย่างเร่งด่วน เพราะเป็นจุดสำคัญในการเปลี่ยนคนไข้ อาการหนัก ให้น้อยลง โดยต้องมียามากเพียงพอ ในที่สุด คงต้องเร่งผลิตให้ทันใช้ในประเทศ ที่กำลังเข้าสู่วิกฤตครับ ทุกคนที่มีอาการ และมีข้อบ่งชี้ที่ต้องได้ยาโดยเร็วที่สุด เพื่อไม่ให้เข้าสู่ภาวะวิกฤต ซึ่งต้องใช้ทรัพยากรมหาศาลในการดูแล

ยาฆ่าเชื้อไวรัสจะเป็นจุดเปลี่ยนของการรักษา และศึกนี้ในอนาคต

หมออิทธพร


ที่มา: https://www.facebook.com/story.php?story_fbid=4407212119339560&id=100001524474522


โปรเด็ด! ถึง 31 ก.ค. นี้ Ford Ranger, MG ZS, Mazda 2 และ Nissan อัลเมร่า ทักไลน์ @THESHOPSTIMES

คลิก????https://lin.ee/vfTXud9

โควิดทั่วโลกพุ่งไม่หยุดกว่า 192 ล้านคน ตายทะลุ 4.1 ล้านศพ องค์การอนามัยโลก ระบุโลกล้มเหลวรับมือโควิด ตำหนิ ประเทศร่ำรวยไม่แบ่งวัคซีนประเทศยากจน ขณะที่สิงคโปร์ ติดเชื้อพุ่งสูงสุดในรอบปี สั่งคุมเข้มระดับ 2 ทันควัน

โควิดทั่วโลกพุ่งไม่หยุดกว่า 192 ล้านคน ตายทะลุ 4.1 ล้านศพ องค์การอนามัยโลก ระบุโลกล้มเหลวรับมือโควิด ตำหนิ ประเทศร่ำรวยไม่แบ่งวัคซีนประเทศยากจน ขณะที่สิงคโปร์ ติดเชื้อพุ่งสูงสุดในรอบปี สั่งคุมเข้มระดับ 2 ทันควัน ส่วนเกาหลีใต้ ยอดติดเชื้อรายวันนิวไฮอีกหนเกือบ 1,800 คน ออสเตรเลียสั่งล็อกดาวน์แล้วเกือบครึ่งประเทศ

เมื่อวันที่ 21 กรกฎาคม สำนักข่าวต่างประเทศ รายงานสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโควิด-19 ในประเทศต่าง ๆ ทั่วโลก ว่ามีผู้ติดเชื้อรวม 192,210,659 คน มีผู้เสียชีวิตรวม 4,124,266 คน และมีผู้รักษาหายรวม 174,912,403 คน

ที่กรุงโตเกียว ประเทศญี่ปุ่น นพ.เทดรอส อัดฮานอม เกเบรเยซุส ผอ.องค์การอนามัยโลก (WHO) กล่าวว่าโลกกำลังล้มเหลวในการรับมือการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 พร้อมกับตำหนิประเทศร่ำรวยที่ไม่ยอมแบ่งวัคซีนให้ประเทศยากจน ทำให้การกระจายวัคซีนไม่เท่าเทียมและทั่วถึง เพราะยังมีผู้คนจำนวนมากที่ยังไม่ได้รับวัคซีนเหมือนประชาชนในประเทศร่ำรวย ซึ่งเวลานี้มีความเสี่ยงจากการแพร่ระบาดต่ำมาก ขณะที่ประเทศที่มีรายได้น้อย ประชาชนเพียงร้อยละ 1 เท่านั้นที่ได้รับวัคซีนอย่างน้อย 1 เข็ม

ส่วนที่ประเทศสิงคโปร์ สำนักข่าวต่างประเทศรายงานว่า กระทรวงสาธารณสุขสิงคโปร์ รายงานสถิติผู้ติดเชื้อไวรัสโควิด-19 ว่ามีผู้ติดเชื้อสะสมอย่างน้อย 63,440 คน เพิ่มขึ้น 195 คน นับเป็นสถิติรายวันสูงสุด ตั้งแต่วันที่ 10 กรกฎาคมปีที่แล้ว แบ่งเป็นผู้ที่เดินทางมาจากต่างประเทศ 13 คน และติดเชื้อในประเทศ 182 คน จำนวนนี้ 135 คนเชื่อมโยงกับคลัสเตอร์ตลาดค้าส่งปลาจูรง ขณะที่ผู้ติดเชื้อจากคลัสเตอร์ห้องคาราโอเกะเคทีวี เพิ่มเป็น 205 คน สำหรับผู้เสียชีวิตสะสมอย่างน้อย 36 คน และยังรักษาตัวอยู่ในโรงพยาบาลอย่างน้อย 289 คน

ทั้งนี้ เพื่อยกระดับมาตรการควบคุมโรคให้มีความเข้มงวดและมีประสิทธิภาพมากขึ้น คณะทำงานเฉพาะกิจด้านการตอบสนองต่อโรคติดเชื้อไวรัสโควิด-19 ของสิงคโปร์ ประกาศใช้มาตรการระดับ 2 รวมถึงการห้ามรับประทานอาหารในร้านโดยให้ซื้อกลับบ้านเท่านั้น และการห้ามรวมตัวมากกว่า 2 คนในสถานที่สาธารณะ มีผลบังคับใช้ระหว่างวันที่ 22 กรกฎาคม-18 สิงหาคมนี้

สำนักข่าวต่างประเทศรายงานจากกรุงกัวลาลัมเปอร์ ประเทศมาเลเซีย ว่า นพ.นูร์ฮิชาม อับดุลเลาะห์ อธิบดีกรมควบคุมโรคมาเลเซีย ระบุถึงผลการศึกษาวิจัยการใช้งานวัคซีนต้านไวรัสโควิด-19 ของซิโนแวค ในชิลี ว่าลดอัตราการติดเชื้อได้ร้อยละ 65.9 ลดอัตราการเข้าโรงพยาบาลได้ร้อยละ 87.5 ลดอัตราการเข้าห้องไอซียูได้ร้อยละ 90.3 และลดอัตราการเสียชีวิตได้ร้อยละ 86.3 ขณะที่การใช้งานวัคซีนไฟเซอร์ ประสิทธิผลในภาพรวมอยู่ที่ร้อยละ 95

นพ.นูร์ฮิชามกล่าวว่า ผลการศึกษาการใช้งานวัคซีนซิโนแวคและไฟเซอร์ไม่แตกต่างกันมากนัก โดยวัคซีนทั้งสองตัวแม้พัฒนาโดยใช้เทคโนโลยีคนละแบบ แต่สามารถป้องกันอาการป่วยหนัก และการรักษาตัวในโรงพยาบาลได้เช่นกัน

ที่กรุงโซล ประเทศเกาหลีใต้ ศูนย์ควบคุมและป้องกันโรคเกาหลี (เคซีดีซี) รายงานสถิติผู้ติดเชื้อไวรัสโควิด-19 สะสมอย่างน้อย 182,265 คน เพิ่มขึ้น 1,784 คน นับเป็นสถิติรายวันสูงสุด ตั้งแต่เกาหลีใต้พบผู้ติดเชื้อคนแรกเมื่อเดือนมกราคมปีที่แล้ว ขณะที่สถิติผู้เสียชีวิตสะสมอย่างน้อย 2,060 คน เพิ่มขึ้น 1 คน ทั้งนี้ นับเป็นเวลากว่า 2 สัปดาห์แล้ว ที่เกาหลีใต้ยืนยันผู้ติดเชื้อรายวันมากกว่า 1,000 คน โดยกรุงโซล ยังเป็นศูนย์กลางการแพร่ระบาด และพบคลัสเตอร์เพิ่มขึ้นต่อเนื่อง ทั้งที่ทำงาน โรงเรียน และในครอบครัว

ขณะเดียวกัน ทุกฝ่ายต่างมีความวิตกกังวลอย่างยิ่งต่อเชื้อกลายพันธุ์ สายพันธุ์เดลตา ซึ่งแพร่ระบาดได้อย่างรวดเร็ว โดยรอบ 7 วัน ล่าสุด มีการยืนยันผู้ติดเชื้อเดลตาแล้ว 951 คน ซึ่งรัฐบาลเกาหลีใต้เร่งการฉีดวัคซีนป้องกันไวรัสโควิด-19 ให้ประชาชนโดยจำนวน 16.3 ล้านคน หรือคิดเป็นประมาณร้อยละ 32 ของประชากรทั้งประเทศ ได้รับวัคซีนแล้วอย่างน้อย 1 เข็ม และประมาณ 6.6 ล้านคนได้รับวัคซีนครบแล้ว

สำนักข่าวต่างประเทศรายงานว่า ประชากรในประเทศออสเตรเลียกว่าครึ่งหนึ่ง เข้าสู่มาตรการล็อกดาวน์เพื่อป้องกันการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 หลังจากพบผู้ติดเชื้อสายพันธุ์เดลตาในเมืองใหญ่ โดยรัฐเซาท์ออสเตรเลีย ใช้มาตรการล็อกดาวน์เป็นเวลา 7 วัน ภายหลังมีผู้ติดเชื้อในเมืองแอดิเลด ส่วนรัฐวิกตอเรียซึ่งมีเมืองเมลเบิร์นเป็นเมืองเอก รายงานตัวเลขผู้ติดเชื้อรายใหม่ 22 คน เพิ่มจากเดิมในวันที่ 20 กรกฎาคม ที่ผ่านมา ส่งผลให้ยอดผู้ติดเชื้อสะสมอยู่ที่กว่า 100 คน ทางการจึงขยายมาตรการล็อกดาวน์เป็นเวลา 7 วัน ถึงต้นสัปดาห์หน้า ขณะที่รัฐนิวเซาท์เวลส์ ซึ่งมีนครซิดนีย์เป็นเมืองเอก อยู่ในช่วงล็อกดาวน์สัปดาห์ที่ 4 ในห้วงเวลา 5 สัปดาห์

ทั้งนี้ ออสเตรเลียพยายามสกัดการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 สายพันธุ์เดลตาที่ลุกลามอย่างรวดเร็ว หลังจากพบผู้ติดเชื้อรายแรกเป็นพนักงานขับรถลีมูซีนรับ-ส่งผู้โดยสารในสนามบินที่เมืองซิดนีย์เมื่อเดือนมิถุนายนที่ผ่านมา และแม้ว่ายอดผู้ติดเชื้อและผู้เสียชีวิตในออสเตรเลียยังอยู่ในระดับที่ต่ำกว่าประเทศพัฒนาแล้วอีกหลายประเทศ โดยมีผู้ติดเชื้อสะสมราว 32,100 คน และเสียชีวิต 915 คน แต่การฉีดวัคซีนป้องกันไวรัสโควิด-19 ที่ล่าช้าและการประกาศล็อกดาวน์ต่อเนื่องหลายครั้งได้สร้างความไม่พอใจให้กับประชาชนภายในประเทศแล้ว


ที่มา : https://www.naewna.com/inter/589428


โปรเด็ด! ถึง 31 ก.ค. นี้ Ford Ranger, MG ZS, Mazda 2 และ Nissan อัลเมร่า ทักไลน์ @THESHOPSTIMES

คลิก????https://lin.ee/vfTXud9

ผู้ใช้เฟซบุ๊ก 'ผู้เฒ่า เซียนเต่า' ได้โพสต์เหตุการณ์ร้านอาหารไทยในเท็กซัส กับการถูกเหยียด แต่สุดท้ายเกิดเรื่องไม่คาดคิด

ผู้ใช้เฟซบุ๊ก 'ผู้เฒ่า เซียนเต่า' ได้โพสต์เหตุการณ์ร้านอาหารไทยในเท็กซัส กับการถูกเหยียด แต่สุดท้ายเกิดเรื่องไม่คาดคิดว่า...

#หนึ่งข้อความจากคนใจร้าย

#ก่อเกิดพันข้อความจากคนใจดี

1.) ร้านอาหารไทยชื่อ "Thai Thai Restaurant" ตั้งอยู่ที่เมืองลับบ็อค รัฐเท็กซัส ประเทศสหรัฐอเมริกา เจ้าของเป็นคนไทยที่มาตั้งรกรากอยู่ที่นี่และเปิดร้านมานานกว่า 30 ปีแล้ว

2.) วันที่ 21 พ.ย. 62 มีลูกค้าคนหนึ่งมาทานมื้อกลางวันที่ร้าน ได้ยินเจ้าของร้านและพนักงานคุยกันเป็นภาษาไทยแล้วเกิดความไม่พอใจ

3.) หลังทานเสร็จ ลูกค้าคนดังกล่าวได้เขียนข้อความลงบนกระดาษเช็ดปาก แล้วเอาไปวางไว้บนเคาน์เตอร์ ข้อความว่า...

“If you’re going to live in AMERICA learn to speak ENGLISH! or, go back to where you came from!”

(ถ้าอยากอยู่ "อเมริกา" ก็ต้องฝึกพูดภาษา "อังกฤษ" ไม่งั้นก็กลับบ้านเก่าไปซะ!)

4.) “คุณรังสี” เจ้าของร้าน ได้นำข้อความดังกล่าวมาโพสต์ในเพจของร้านแล้วกล่าวขอโทษว่า...

“Someone left it at the counter at lunch today. Whoever you are, I apologize for that which I wasn’t born with.”

(มีคนทิ้งข้อความนี้ไว้บนเคาน์เตอร์ตอนมื้อกลางวัน ไม่ว่าคุณจะเป็นใครก็ตาม เราขออภัยด้วยที่เราไม่ได้เกิดมาพูดภาษาอังกฤษ)

5.) โพสต์นี้กลายเป็นไวรัลอย่างรวดเร็ว มีคนมาคอมเมนต์เพื่อให้กำลังใจร้านมากกว่า 2,400 ข้อความ

6.) และที่น่าตื้นตันใจยิ่ง คือ วันรุ่งขึ้นลูกค้าจำนวนมากพร้อมใจกันมาอุดหนุนร้านจนที่จอดรถเต็ม ลูกค้าต่อคิวยาวเหยียดจากเคาน์เตอร์ไปถึงประตู

7.) พวกเขายอมรับว่า มาที่นี่เพราะทราบข่าวเรื่องข้อความที่ร้านได้รับเมื่อวาน จึงต้องการมาสนับสนุนและให้กำลังใจร้าน

8.) หลังจากทานเสร็จ ลูกค้าหลายคนยังเขียนข้อความลงบนกระดาษแล้วทิ้งไว้ที่เคาน์เตอร์ เพื่อให้กำลังใจเจ้าของร้านและพนักงานอีกหลายข้อความ เช่น

- ไม่พูดภาษาอังกฤษก็ไม่มีปัญหา เราทุกคนรักพวกคุณ

- เรารักคุณ ขอบคุณนะที่มาเปิดร้านที่ลับบ็อค คุณทำให้ชุมชนของเราน่าอยู่ขึ้น

- ความหลากหลายทำให้ชุมชนเข้มแข็ง ขอบคุณที่มาเป็นส่วนหนึ่งของชุมชนของเรา

9.) เรื่องนี้กลายเป็นข่าวดังทั้งในโซเชียลมีเดีย หนังสือพิมพ์ และโทรทัศน์ มีนักข่าวไปสัมภาษณ์เจ้าของร้านและลูกค้าด้วย ทำให้มีคนรู้จักร้านอาหารไทยแห่งนี้มากขึ้น

#จริงอยู่ที่โลกนี้มีคนใจร้าย

#แต่ก็มีคนใจดีมากกว่า

#poetryofbitch

Credit : ภาพจากเพจ Thai Thai Restaurant และ KLBK TV


ที่มา : https://www.facebook.com/story.php?story_fbid=330604588691478&id=100052258193762


โปรเด็ด! ถึง 31 ก.ค. นี้ Ford Ranger, MG ZS, Mazda 2 และ Nissan อัลเมร่า ทักไลน์ @THESHOPSTIMES

คลิก????https://lin.ee/vfTXud9

จุฬาฯ แถลงการณ์ตำหนิองค์การบริหารสโมสรนิสิตจุฬาฯ (อบจ.) หลังนำนักเคลื่อนไหว ปฐมนิเทศนิสิตใหม่

วันที่ 22 กรกฎาคม 2564 เพจเฟซบุ๊ก สำนักบริหารกิจการนิสิต จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย โพสต์ข้อความว่า ตามที่จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัยได้จัดกิจกรรมปฐมนิเทศนิสิตใหม่ประจำปีการศึกษา 2564 ผ่านสื่อออนไลน์เมื่อวันที่ 20 กรกฎาคม 2564 เพื่อแสดงความยินดีต้อนรับ ให้ข้อมูลความรู้ และสร้างความภาคภูมิใจในสถาบันแก่นิสิตใหม่ และองค์การบริหารสโมสรนิสิตจุฬาฯ (อบจ.) ได้ใช้โอกาสนี้เปิดคลิปวีดิทัศน์ที่มีเนื้อหาที่ใช้รูปแบบการสื่อสารที่รุนแรงและมีคำหยาบคายดังที่ปรากฏในสื่อต่าง ๆ นั้น

จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัยรู้สึกเสียใจในความไม่เหมาะสมที่เกิดขึ้นในกิจกรรมดังกล่าวเป็นอย่างยิ่ง และขอชี้แจงว่ามหาวิทยาลัยได้ดำเนินงานโดยยึดหลักการและส่งเสริมให้นิสิตมีเสรีภาพในการแสดงความคิดเห็นและการแสดงออกบนพื้นฐานของการให้เกียรติผู้อื่นรวมทั้งไม่กระทำการอันผิดกฎหมาย

มหาวิทยาลัยขอชี้แจงเพิ่มเติมว่า ในการจัดกิจกรรมปฐมนิเทศในปีนี้ สำนักบริหารกิจการนิสิตได้ดำเนินการร่วมกับ อบจ. และได้เตรียมการมาตั้งแต่วันที่ 14 พฤษภาคม 2564 โดยตลอดระยะเวลาเตรียมงานได้มีการประชุมประสานงานกันอย่างต่อเนื่อง อย่างไรก็ตาม อบจ. มิได้แจ้งให้มหาวิทยาลัยทราบถึงแผนในการนำเสนอวิดิทัศน์ข้างต้นแต่อย่างใด และได้ดำเนินการดังกล่าวเองโดยไม่ผ่านการพิจารณาร่วมกันซึ่งขัดกับมารยาทของการร่วมดำเนินงานที่ดี นอกจากนั้นเนื้อหาของคลิปวิดิทัศน์ที่ใช้ความรุนแรงหยาบคายและอาจขัดกับหลักกฎหมายนั้น มหาวิทยาลัยเห็นว่าไม่เหมาะสมอย่างยิ่ง จึงขอตำหนิการกระทำดังกล่าว และจะได้ดำเนินการอบรมพัฒนานิสิตและพิจารณาเพื่อดำเนินการทางวินัยต่อไป

ทั้งนี้มหาวิทยาลัยขอยืนยันว่าเห็นด้วยกับการมีเสรีภาพในการแสดงความคิดเห็น แต่ไม่เห็นด้วยกับการใช้ถ้อยคำหยาบคาย หรือการแสดงความคิดเห็นที่ไม่ถูกต้องตามกฎหมาย แสดงความก้าวร้าวหรือบังคับกดดันผู้ไม่เห็นด้วยหรือไม่แสดงความคิดเห็น นอกจากนี้ มหาวิทยาลัยใคร่ขออภัยผู้เกี่ยวข้องทุกภาคส่วน ทั้งคณาจารย์ บุคลากร นิสิตเก่า และนิสิตปัจจุบัน โดยเฉพาะอย่างยิ่งนิสิตใหม่ที่เข้าร่วมกิจกรรมปฐมนิเทศที่ได้รับการกระทำที่ไม่เหมาะสม โดยมหาวิทยาลัยจะได้กำกับดูแลการดำเนินกิจกรรมต่าง ๆ ของนิสิตอย่างใกล้ชิดในอนาคตอย่างระมัดระวังมากขึ้น


โปรเด็ด! ถึง 31 ก.ค. นี้ Ford Ranger, MG ZS, Mazda 2 และ Nissan อัลเมร่า ทักไลน์ @THESHOPSTIMES

คลิก????https://lin.ee/vfTXud9


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top