Thursday, 15 May 2025
Hard News Team

‘สมรักษ์ คำสิงห์’ ป่วยเส้นเลือดในสมองตีบ ถูกส่งเข้า ICU แพทย์ต้องดูแลอย่างใกล้ชิด

(26 พ.ย. 67) ‘สมรักษ์ คำสิงห์’ ฮีโร่โอลิมปิกของไทย ถูกนำตัวเข้ารับการรักษาในห้อง ICU แพทย์ตรวจพบเส้นเลือดในสมองตีบ แฟน ๆ แห่ส่งกำลังใจให้ครอบครัว

เมื่อวันที่ 25 พฤศจิกายน เบสท์ – รักษ์วนีย์ คำสิงห์ ลูกสาวคนเก่งของ สมรักษ์ คำสิงห์ ได้โพสต์อินสตาแกรมขณะอยู่หน้าห้องไอซียู เวลา 17.49 น. ระบุว่า

“ตอนนี้พ่อบาส เข้าห้อง ICU นะคะ สำหรับใครที่ติดต่อพ่อไม่ได้ โทรศัพท์พ่ออยู่กับเบสค่ะ เนื่องจาก เมื่อเช้าพ่อมีอาการ ไม่มีแรงซีกซ้าย จึงพาพ่อมาโรงพยาบาล และตรวจอย่างละเอียด สรุปได้ว่า เป็นเส้นเลือดในสมองตีบ (ข้างขวา) เลือดไปเลี้ยงสมองไม่เพียงพอ พ่อเลยไม่มีแรงซีกซ้าย ค่ะ

และพ่อต้องนอนดูอาการที่ห้องICU ไปก่อนค่ะ เพื่อให้หมอดูอาการอย่างใกล้ชิด ซึ่งตอนนี้พ่อบาสก็หลับอยู่ตั้งแต่ถึงโรงพยาบาล ถ้าอาการคืบหน้ายังไง เบสจะมาอัพเดตนะคะ ขอให้พ่อหายไวๆ เบสรักพ่อ รีบกลับมาซ่าเหมือนเดิมเลย!!! เบสจะรอพ่อตื่นมาคุยกับเบสนะ รักและเป็นห่วงมากๆ สู้ๆนะพ่อ รออยู่หน้าห้องนะ”

ล่าสุดทางทีมแพทย์ได้ให้ยาละลายลิ่มเลือด และกำลังรอดูอาการอย่างใกล้ชิด

‘พล.อ.ณัฐพล’ เผย เดินหน้าฟื้นฟูแม่สาย เฟส 2 เล็งเสนอจัดทำแผนระบายน้ำ – พื้นที่รับน้ำ แก้ปัญหาอย่างยั่งยืน

(26 พ.ย. 67) พล.อ. ณัฐพล นาคพาณิชย์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงกลาโหม และ ที่ปรึกษาศูนย์ปฏิบัติการช่วยเหลือผู้ประสบอุทกภัย วาตภัย และดินโคลนถล่ม  ( ศปช. ) ให้สัมภาษณ์รายการ สถานีประชาชน ช่อง ThaiPBS ความคืบหน้าการฟื้นฟู อ.แม่สาย จ.เชียงราย หลังประสบสถานการณ์น้ำท่วม โคลนถล่ม ในเฟสแรกมีการส่งมอบพื้นที่ให้ท้องถิ่น 3 แห่ง ได้แก่ เทศบาลตำบลแม่สาย เทศบาลตำบลเวียงพังคำ และเทศบาลตำบลแม่สายมิตรภาพ การฟื้นฟูเฟสที่ 2 เป็นเรื่องของการฟื้นฟูการประกอบอาชีพ พร้อมกับการวางแผนการแก้ไขปัญหาสำคัญ อย่างการสร้างพนังกั้นน้ำ และการขยายลำคลอง 

พล.อ.ณัฐพล กล่าวว่า การที่ทำงานสำเร็จ ไม่ใช่เฉพาะทหาร แต่เป็นทุกหน่วยงานราชการร่วมกัน ก่อนมีการตั้ง ศปช.ส่วนหน้า ทุกหน่วยงานก็เข้าพื้นที่ที่ได้รับการประสานงานขอความช่วยเหลือ ตามความพร้อมของแต่ละหน่วยงาน เมื่อตั้ง ศปช.ส่วนหน้าแล้วนั้น ก็มาวางแผนว่า จะดำเนินการอย่างไรให้เป็นไปตามกรอบเวลาที่กำหนดได้ ตามภารกิจที่น.ส.ธีรรัตน์ สำเร็จวาณิชย์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทย ประธาน ศปช. มอบหมายมาให้ ต้องมีการกำกับติดตาม จึงแบ่งพื้นที่ออกเป็น 5 พื้นที่ และกำหนดหัวหน้ารับผิดชอบในแต่ละพื้นที่ และให้มีการส่งไทม์ไลน์การทำงานตามกรอบสิ้นเดือนตุลาคม ตามที่ประสาน ศปช.กำหนด แต่ละพื้นที่จดำเนินการอย่างไร เมื่อพื้นที่ไหน ไม่เป็นไปตามไทม์ไลน์ที่เสนอมา ก็จะมีการประชุมกันทุกวัน เพื่อสรุปงานแต่ละวัน เพื่อหาข้อสรุปปัญหาการเสร็จไม่ตามกำหนดที่เสนอมาของแต่ละพื้นที่ ถ้ามีปัญหา ไม่ว่าจะ คน เครื่องมือ ก็จะส่งเพิ่มเติมให้ พร้อมกับการสนับสนุนของ ประธาน ศปช. การทำงานแต่ละพื้นที่ก็เป็นไปตามไทม์ไลน์ที่กำหนด 

วิธีการทำงานของ พล.อ.ณัฐพล ในการปฏิบัติหน้าที่ครั้งนี้ ได้รับการพูดถึงจากประชาชนที่ได้เห็นการทำงานในพื้นที่อยู่ตลอด ทำการสั่งการหน้างาน พล.อ.ณัฐพล กล่าวว่า การที่ลงพื้นที่ตรวจเยี่ยมทุกวัน ได้ประโยชน์หลายอย่าง อย่างแรก ได้กำกับติดตามงาน ให้เป็นไปตามไทม์ไลน์ที่กำหนด ทำให้สามารถประเมินได้ว่าหน้างานที่เห็น จะเป็นไปตามไทม์ไลน์ไหม  และเห็นปัญหาหน้างานที่แท้จริง ไม่ต้องรอการรายงานขึ้นมา อย่างที่สอง ทำให้สามารถเยี่ยมเยียนผู้ใต้บังคับบัญชา ผู้ปฏิบัติหน้าที่ เพราะถือว่าการให้กำลังใจคนทำงาน ที่ประหยัดที่สุด คือการเยี่ยมเยียน

การทำงานที่ผ่านมา มีการคงกำลังพลในการปฏิบัติงาน 1,700 นาย ศปช.ส่วนหน้ารักษาระดับกำลังพลอย่างน้อย 1,100 นาย ในพื้นที่ ส่วนที่เหลือให้มีการหมุนเวียนสลับกันไปพัก กำลังหลักมาจากหน่วยทหารในพื้นที่ภาคเหนือ ซึ่งบ้านกำลังพลก็ประสบเหตุน้ำท่วมเช่นกัน ทำให้ต่างก็มีความกังวลบ้านของตน ก็ต้องใช้วิธีการให้กำลังใจตรวจเยี่ยมในทุกๆวัน และให้หมุนเวียนกลับไปดูแลบ้านของตน และกำชับผู้บังคับบัญชาในแต่ละกองทัพ ให้ดูแลบ้านของกำลังพลที่มาทำงาน จึงทำให้มีขวัญกำลังใจในการปฏิบัติงานต่อเนื่องจนจบภารกิจ 

ส่วนในการดูแลเฟสที่ 2 หลังจากส่งมอบพื้นที่ในการฟื้นฟูแล้วนั้น พล.อ.ณัฐพล กล่าวว่า  หลังจากส่งมอบพื้นที่แล้ว ทางรัฐบาลทำการตั้งคณะกรรมการเพื่อศึกษาการแก้ปัญหาในปีหน้า ในส่วนของการทำงานก็ยังติดตามการแก้ปัญหาต่อไป ทั้งในเรื่องการฟื้นฟูเฟสที่ 2 การป้องกันไม่ให้เกิดสถานการณ์น้ำท่วมในปีต่อไป ไม่ได้ทอดทิ้งประชาชน เพียงแต่กลับมาร่วมประชุมกับหน่วยงานในส่วนกลางเพื่อเตรียมการในปีหน้า 

ในส่วนการทำงานปฏิบัติหน้าที่ของกำลังพล ที่เรียกว่าเป็นจิตอาสาเต็มรูปแบบ พล.อ.ณัฐพล กล่าวว่า ในปัจจุบัน กองทัพมีการปลูกฝังกำลังพล ในเรื่องของการเป็นจิตอาสา ทุกระดับ จนถึงนักศึกษาวิชาทหาร มีการอบรมเรื่องนี้มา เมื่อเกิดเหตุการณ์ที่สามารถช่วยประชาชนได้ ก็พร้อมช่วยเหลือโดยไม่แบ่งแยก 

ในส่วนของกลาโหม ในการป้องกันน้ำท่วมในพื้นที่ พล.อ.ณัฐพล กล่าวว่า จากตรวจเยี่ยมพื้นที่ทุกวัน ก็มีการสอบถามพูดคุยความเห็นจากประชาชน โดยมีความเห็นว่า ลำน้ำแม่สาย แต่เดิม ลึก 5 เมตร ปัจจุบันเหลือเพียง 1.5 เมตร  จึงเป็นสาเหตุให้มวลน้ำเอ่อล้นเข้าบ้านเรือน เขตชุมชน จงึต้องทำการขุดลอกลำน้ำ ทาง  พล.อ. ทรงวิทย์ หนุนภักดี ผู้บัญชาการทหารสูงสุด (ผบ.สส.) ได้ประสานงานกับทางประเทศเมียนมาในเรื่องความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ และได้รับการตอบรับสนับสนุนในการขุดลอกลำน้ำครั้งนี้  ต่อมา จะเป็นในเรื่องของการสร้างเขื่อน ด้วยลำน้ำแม่สาย มีช่วงลำน้ำหลายจุด ที่พัดเข้าสู่ฝั่งประเทศไทย ทำให้เกิดการกัดเซาะตลิ่ง รวมทั้งต้องวางแผนในการทำพื้นที่ระบายน้ำ พื้นที่รับน้ำ ด้วยพื้นที่แม่สายเป็นลักษณะแอ่งกระทะ ทำให้เอื้อต่อการเกิดน้ำท่วม จึงต้องวางแผนจัดทำพื้นที่ระบายน้ำ พื้นที่รับน้ำ 

สำหรับการถอดบทเรียนในเหตุการณ์น้ำท่วมแม่สายนั้น พล.อ.ณัฐพล กล่าวว่า ทางกองทัพ หลังจากนี้ทางกองทัพจะจัดหายุทโธปกรณ์อะไรมาเพิ่มเติม ทางกลาโหมมีคน ทางมหาดไทยมีเครื่องมือ อนาคตอาจจะมีการทำความร่วมมือระหว่างกันในการทำงาน  รวมทั้งให้มีการจัดทำบัญชีภาคเอกชนและจิตอาสาที่เข้ามาร่วมภารกิจ เพราะหลายๆทีมมีประสบการณ์ หากมีเหตุการณ์จะได้ประสานงานเข้าร่วมปฏิบัติภารกิจได้

“อยากจะให้ทนายเดชา เข้ามาเป็นทนายความให้กับทนายตั้ม เพราะทนายเดชาเป็นผู้ที่มีความอาวุโส มีความสนิทสนมกับทนายตั้ม”

เมื่อวันที่ (25 พ.ย. 67) นายอาคม คงสวัสดิ์ ทนายความดูแลคดีให้นางปทิตตา เบี้ยบังเกิด หรือเดือน ซึ่งเป็นภรรยาของทนายตั้ม นายษิทรา เบี้ยบังเกิด ได้เปิดเผยกับสื่อมวลชน ว่า ตนไม่มีทางที่จะรับว่าความให้กับทนายตั้มอย่างแน่นอน เพราะมีการประชุมพูดคุยร่วมกับทนายสายหยุดแล้ว รวมถึงเห็นหลักฐานว่า ถึงต่อสู้ไปก็ไม่มีทางชนะคดี

ส่วนสาเหตุที่ทนายตั้มยังยืนยันว่าจะขอต่อสู้คดีนั้น ตนมองว่าน่าจะมี 2 กรณี อย่างแรกคือทนายตั้มยังคงมั่นใจว่าจะสามารถชนะคดีได้ และกรณีที่ 2 คือทนายตั้มน่าจะรอให้คดีถึงชั้นศาล แล้วค่อยเจรจากับมาดามอ้อย

ซึ่งตนมีความเห็นว่าอยากจะให้ทนายเดชา เข้ามาเป็นทนายความให้กับทนายตั้ม เพราะทนายเดชาเป็นผู้ที่มีความอาวุโส มีความสนิทสนมกับทนายตั้ม

ทนายอาคมยังบอกเพิ่มเติมอีกว่า ตนเป็นทนายความให้กับภรรยาของทนายตั้มในเฉพาะชั้นสอบสวนเท่านั้น ทันทีที่คดีถึงชั้นศาลตนจะยุติการเป็นทนายความทันที เพราะเชื่อว่ามีคนอื่นที่เหมาะสมกว่าตน

และเชื่อว่าลูกความของตน ไม่มีส่วนรู้เห็นเรื่องเงินที่ทนายตั้มฉ้อโกงเงินมาดามอ้อยมาซื้อบ้าน จึงได้ให้คำแนะนำให้ลูกความของตนคืนบ้านและโฉนดที่ดินให้กับมาดามอ้

แต่ทางทนายตั้มไม่ยินยอม ทำให้ลูกความของตนไม่สามารถทำได้ เพราะผู้ต้องหา 2 คน มีการจดทะเบียนสมรสกัน ซึ่งสินสมรสจำเป็นต้องมีการยอมความทั้งสองฝ่าย ขณะนี้ตนได้มีการยื่นหลักทรัพย์เป็นเงินสดจำนวน 500,000 บาท เพื่อใช้ประกันตัว ซึ่งศาลอยู่ระหว่างการพิจารณา

ทรัมป์เล็งปลดทหาร LGBTQ 15,000 นาย พ้นกองทัพสหรัฐฯ ในวันแรกที่รับตำแหน่ง

(26 พ.ย. 67) โดนัลด์ ทรัมป์ ว่าที่ประธานาธิบดีสหรัฐฯ มีแผนออกคำสั่งที่จะนำไปสู่การปลดทหารข้ามเพศทั้งหมดออกจากกองทัพสหรัฐฯ  ซึ่งคาดว่าจะมีทหารราว 15,000 นายที่ได้รับผลกระทบ 

รายงานระบุว่า ทรัมป์อาจลงนามในคำสั่งดังกล่าวตั้งแต่วันแรกที่กลับเข้ามาทำงานในทำเนียบขาว โดยระบุถึงเหตุผลว่า กลุ่มคนที่มีความหลากหลายทางเพศจะถูกปลดประจำการด้วยเหตุผลด้านสุขภาพ ซึ่งหมายความว่าพวกเขาจะไม่สามารถปฏิบัติภารกิจได้ 

รายงานยังระบุด้วยว่า การปลดทหารข้ามเพศมีขึ้นท่ามกลางที่กองทัพสหรัฐประสบปัญหาในการสรรหาทหารใหม่เข้าประจำการ โดยในบรรดาทั้ง 6 เหล่าทัพของสหรัฐ มีเพียงนาวิกโยธินเท่านั้นที่มีจำนวนกำลังพลเพียงพอและเพิ่มมากขึ้น ซึ่งหากคำสั่งนี้บังคับใช้จะมีบุคลากรเพียงบางส่วนเท่านั้นที่ได้รับผลกระทบ

ทั้งนี้ ภายใต้คำสั่งใหม่ของทรัมป์จะไม่อนุญาตให้บุคคลข้ามเพศเข้าร่วมกองทัพด้วย

‘ดาว-ลภัสรดา’ CEO MASTER คว้ารางวัลนักวิชาชีพสตรีดีเด่น หลังผลักดันศักยภาพนักวิชาชีพหญิงสู่ความสำเร็จอย่างทัดเทียม

(26 พ.ย. 67) บริษัท มาสเตอร์ สไตล์ จำกัด (มหาชน ) ในนามโรงพยาบาลมาสเตอร์พีช หรือ MASTER ผู้นำอันดับต้นของอุตสาหกรรมด้านความงามในไทยและเอเชีย ในฐานะ Regional Company โชว์ศักยภาพนักวิชาชีพหญิงแถวหน้าของวงการความงาม นางสาวลภัสรดา เลิศภานุโรจ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร MASTER หรือที่หลายคนรู้จักในนาม “พี่ดาว มาสเตอร์พีช” ขึ้นแท่นรับรางวัลเชิดชูเกียรติ “นักวิชาชีพสตรีดีเด่น หอการค้าไทย ปี 2567” ผู้บริหารหญิงมากความสามารถ หนึ่งในผู้นำทัพ MASTER ท่ามกลางความท้าทายและความผันผวนของกระแสเศรษฐกิจ และ 1 ใน 17 คน ที่ได้รับการคัดเลือกจากทั่วประเทศมากกว่า 50 คน พร้อมยืนหยัดร่วมสนับสนุนศักยภาพนักวิชาชีพหญิงในไทย สู่เส้นทางความสำเร็จทุกมิติทางธุรกิจอย่างเท่าเทียม    

นางสาวลภัสรดา เลิศภานุโรจ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร MASTER กล่าวว่า “ปัจจุบันสังคมเปิดกว้าง มีผู้หญิงที่ประสบความสำเร็จมากมายในหลายสาขาอาชีพ แนวคิดสะท้อนตัวตนของผู้หญิงยุคใหม่ที่มีจำนวนไม่น้อยที่มุ่งแต่ผลลัพธ์สูงสุด ซึ่งผู้หญิงเรามีบทบาทสำคัญอย่างมากในทุกมิติ ทั้งทางธุรกิจและการบริหารด้านต่างๆ ของทุกความสำเร็จ ทุกบทบาท ทุกมิติในหลากหลายองค์กร ล้วนเป็นเครื่องยืนยันให้เห็นถึงศักยภาพของสตรีไทยทั้งสิ้น ตลอดระยะเวลาที่ผ่านมากว่า 12 ปี MASTER ได้ยืนหยัดบนเส้นทางวงการศัลยกรรมความงามและนำพาโรงพยาบาลมาสเตอร์พีชเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยเป็นรายแรก ซึ่งท่ามกลางความท้าทายและความผันผวนของปัจจัยต่างๆ บนเส้นทางเหล่านี้จะไม่สามารถสำเร็จได้ หากปราศจากทีมผู้บริหาร ตลอดจนบุคลากรทุกท่าน ที่เรียกตัวเองว่า Professional Sports Team ได้สร้างตำนานการเติบโตที่แตกต่างด้วยความแข็งแกร่ง และผ่านการพิสูจน์ด้วยผลลัพธ์ของการเติบโตแบบก้าวกระโดด

“รางวัลนี้ นับว่าเป็นรางวัลแห่งความภาคภูมิใจอย่างยิ่งในฐานะผู้บริหารธุรกิจ ทั้งยังถือเป็นรางวัลแห่งกำลังใจให้กับนักวิชาชีพสตรีไทยทุกคน ให้เชื่อมั่นในศักยภาพและบทบาทของตนเอง เพื่อให้แรงขับเคลื่อนของความสำเร็จในการดำเนินธุรกิจ สร้างแบบอย่างที่ดี ยังประโยชน์แก่ภาคธุรกิจและภาคสังคมต่อไป”  

สำหรับ โครงการนักธุรกิจสตรีดีเด่น นักธุรกิจสตรีรุ่นใหม่ และนักวิชาชีพสตรีดีเด่น หอการค้าไทย ประจำปี 2567 เป็นโครงการที่จัดต่อเนื่องมาเป็นปีที่ 12 เพื่อยกย่องเชิดชูเกียรตินักธุรกิจสตรีดีเด่น นักวิชาชีพสตรีดีเด่น และนักธุรกิจสตรีรุ่นใหม่ ที่ประสบความสำเร็จในการดำเนินธุรกิจอย่างโดดเด่นและเป็นแบบอย่างที่ดี มีบทบาทสำคัญในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจและสังคมอย่างยั่งยืน และสร้างแรงบันดาลใจให้แก่สตรีนักธุรกิจในวงการธุรกิจและสังคมไทย โดยมีผู้ทรงคุณวุฒิ อาทิ นายสนั่น อังอุบลกุล ประธานกรรมการหอการค้าไทยและสภาหอการค้าแห่งประเทศไทย เป็นประธานในพิธีมอบรางวัล โดยได้รับเกียรติจากคุณหญิงณัฐิกา วัธนเวคิน อังอุบลกุล ที่ปรึกษาคณะกรรมการตัดสินรางวัล และ นางนวลพรรณ ล่ำซำ รองประธานกรรมการ หอการค้าไทย และประธานคณะกรรมการพัฒนาสังคม และ CSR หอการค้าไทย ร่วมในพิธีมอบรางวัล โดยมีสตรีจากทั่วประเทศที่ได้รับรางวัลทั้งหมด 17 ท่าน

ทรัมป์เดินหน้าเก็บภาษีจีน 10% ชาติเพื่อนบ้านก็ไม่เว้น เม็กซิโก-แคนาดา เจอเก็บ 25% ในวันแรกที่รับตำแหน่ง

(26 พ.ย. 67) โดนัลด์ ทรัมป์ ประกาศจะขึ้นภาษีนำเข้าสินค้าจากเม็กซิโกและแคนาดา 25% และจากจีน 10% ตั้งแต่วันแรกที่เข้ารับตำแหน่ง โดยให้เหตุผลเรื่องการอพยพผิดกฎหมายและการค้ายาเสพติดผ่านพรมแดน ทรัมป์โพสต์บน *Truth Social* ว่า “ในวันที่ 20 มกราคม ผมจะลงนามคำสั่งเก็บภาษี 25% สำหรับสินค้าจากเม็กซิโกและแคนาดา และ 10% สำหรับสินค้าจีน เพื่อแก้ปัญหานโยบายพรมแดนเปิดและการค้ายาเสพติด”  

มาตรการนี้ขัดต่อข้อตกลง *USMCA* ซึ่งทรัมป์เองเคยผลักดันในปี 2020 โดยเม็กซิโกและแคนาดาเป็นคู่ค้ารายใหญ่ที่สุดของสหรัฐ  

นักวิเคราะห์ชี้ว่าภาษีจีนที่ 10% อาจเป็นเพียงจุดเริ่มต้น เพราะก่อนหน้านี้ทรัมป์เคยขู่เก็บภาษีสูงถึง 60%  

ด้านจีนออกแถลงการณ์เตือนว่า “ไม่มีผู้ชนะในสงครามการค้า” และย้ำความร่วมมือกับสหรัฐในการปราบปรามการค้ายาเสพติด

สิงคโปร์จับมือบริษัทยา เริ่มทดลองทางคลินิก พลิกวงการผิวหนัง ฉีดวัคซีนต้านสิวให้สิงคโปร์ 200 คน

(26 พ.ย. 67) ซาโนฟี (Sanofi) บริษัทยาชั้นนำจากฝรั่งเศส ลงนามบันทึกความเข้าใจ (MOU) กับสำนักงานวิทยาศาสตร์ เทคโนโลยี และการวิจัย (A*Star) และศูนย์ผิวหนังแห่งชาติ (NSC) ของสิงคโปร์ เพื่อพัฒนาวัคซีนต้านสิว พร้อมเริ่มการทดลองทางคลินิกในปี 2568

วัคซีนดังกล่าวมุ่งลดความรุนแรงของสิว ซึ่งเป็นโรคผิวหนังที่พบบ่อย โดยเฉพาะในวัยรุ่นกว่า 80% ทั่วโลก สิงคโปร์จะเป็นหนึ่งในประเทศแรกที่ทดลองวัคซีนนี้กับประชาชนราว 200 รายที่มีสิวระดับเล็กน้อย

นอกจากนี้ ซาโนฟียังทดลองวัคซีนในผู้ที่มีสิวรุนแรงในสหรัฐฯ แล้ว ขณะเดียวกัน บริษัทเตรียมร่วมมือกับ A*Star ในการวิจัยโรคผิวหนังอื่น ๆ เพื่อขยายขอบเขตความร่วมมือ

ศ.ตัน ชอ ฉวน ประธาน A*Star กล่าวว่า “สิงคโปร์มีประชากรหลากหลายเชื้อชาติ ซึ่งเป็นข้อได้เปรียบสำคัญในการวิจัยด้านผิวหนังของชาวเอเชีย และช่วยสร้างความเข้าใจที่เชื่อมโยงกับสุขภาพผิวระดับโลก”

สิวเป็นภาวะอักเสบเรื้อรัง เกิดจากการอุดตันของรูขุมขนโดยซีบัมและเซลล์ผิวที่ตายแล้ว มักพบในผู้ที่อายุ 10-24 ปี แต่บางรายอาจมีปัญหาจนถึงวัยกลางคน

วัคซีนต้านสิวนี้อาจเป็นก้าวสำคัญในการเปลี่ยนแปลงแนวทางการรักษาและช่วยผู้คนทั่วโลกฟื้นฟูความมั่นใจในตนเอง

'พิชัย' ต้อนรับ ทัพนักธุรกิจรายใหญ่สหรัฐฯ USABC ชวนลงทุน-ตั้งฐานการผลิตอุตสาหกรรมใหม่ในไทย ย้ำ!ไทยกำลังฮอต พาณิชย์พร้อมอำนวยความสะดวกการค้า-ลงทุนเต็มที่

(25 พ.ย. 67) ณ ห้องประชุมมโนปกรณ์นิติธาดา ชั้น 12 กระทรวงพาณิชย์ นายพิชัย นริพทะพันธุ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ ให้สัมภาษณ์ภายหลังหารือกับคณะนักธุรกิจจากสภาธุรกิจสหรัฐอเมริกา-อาเซียน หรือ US-ASEAN Business Council (USABC) จำนวนกว่า 57 ราย จาก 30 บริษัท ในกลุ่มอุตสาหกรรมต่างๆ ได้แก่ การท่องเที่ยว อาหารและเกษตร พลังงาน เทคโนโลยี สารสนเทศ สุขภาพและการเงิน อาทิ บริษัท Amazon, Boeing, ExxonMobil, Citi, Google, Mastercard, Pfizer, Philip Morris, Seagate และ Tyson ที่นำโดยเอกอัครราชทูตเท็ด โอเซียส (Ambassador Ted Osius) เพื่อมาหารือแนวทางการส่งเสริมการค้าและการลงทุน แก้ปัญหาสิ่งที่เป็นอุปสรรคทางการค้าร่วมกัน สร้างสภาพแวดล้อมที่ดีต่อธุรกิจ เพื่อเพิ่มมูลค่าทางการค้า

นายพิชัย กล่าวว่า วันนี้มีนักลงทุนจากสหรัฐอเมริกา-อาเซียน หรือ USABC เข้ามาพบตนที่กระทรวงพาณิชย์ เนื่องจากทราบดีว่าประเทศไทยจะมีการลงทุนไหลเข้ามามากโดยเฉพาะจากสหรัฐฯ อาทิ Western Digital และ Seagate จะมาขยายการลงทุน HP จะย้ายฐานการลงทุนมาไทย ก่อนหน้านี้ตนได้ไปประชุมทูตพานิชย์ในภูมิภาคอเมริกาและลาตินอเมริกา ที่สหรัฐฯ ได้รับข้อมูลตรงกันคือ สหรัฐฯจะมีการลงทุนมาไทยเยอะ และตัวเลขการส่งออกของไทยเดือนตุลาคมที่ผ่านมาสูงมากเป็นเลขสองหลัก ซึ่งน่าพอใจและเรายังมีแนวโน้มที่จะโตขึ้นอีก

ประเทศไทยจะเป็น Investment Destination หรือ จุดหมายปลายทางของการลงทุนที่สหรัฐฯอยากจะมาลงทุน โดยในการหารือตนได้ขอให้ทางนักธุรกิจไปคุยกับรัฐบาลสหรัฐฯ ในเรื่องของ GSP (สิทธิพิเศษทางภาษีศุลกากร) และเรื่องทรัพย์สินทางปัญญาที่ประเทศไทยอยู่ในบัญชี Watch List (ประเทศที่ต้องจับตามอง) ซึ่งตนก็ได้หารือกับนางแคทเธอรีน ไท ผู้แทนการค้าสหรัฐฯ ไปก่อนหน้านี้ ซึ่งท่านก็รับปากจะไปดำเนินการให้ และประเด็นที่ไทยได้เปรียบดุลการค้ากับสหรัฐฯเยอะ เนื่องจากเป็นสินค้าที่ทางสหรัฐฯมาตั้งฐานการผลิตที่ไทยแล้วส่งกลับไปที่สหรัฐฯ ทั้งจาก Western Digital และ Seagate  ขอให้ทางนักธุรกิจสหรัฐฯช่วยแจ้งไปยังท่านประธานาธิบดี โดนัลด์ ทรัมป์ ซึ่งทางไทยอยากได้รับการส่งเสริมเพราะไทยมีความเป็นมิตรกับทุกประเทศทั้ง สหรัฐฯ UAE จีน อินเดีย เรามีโอกาสที่จะได้รับการลงทุนจากหลายประเทศ ซึ่งจากที่ตนไปร่วมการประชุมรัฐมนตรีเอเปค ที่สาธารณรัฐเปรู ทุกประเทศต่างบอกว่า ไทยจะเป็นศูนย์กลางการลงทุน PCB (แผงวงจรอิเล็กทรอนิกส์) เราจะผลิต PCB มากที่สุดในโลก จะมีการโยกย้ายฐานการผลิตเซมิคอนดักเตอร์เข้ามาเยอะมาก 

และจากนี้ตนจะเดินทางไปที่ญี่ปุ่นในเดือนหน้าเพื่อพบกับนักลงทุนและทางมหาวิทยาลัยโตเกียว (the University of Tokyo) ก็ได้เชิญตนไปบรรยายทิศทางเศรษฐกิจของไทย ซึ่งตนจะไปเชิญชวนนักลงทุน นักวิชาการ สมาคมการค้าต่างๆของญี่ปุ่น ให้เห็นถึงความพร้อมของไทยในการต้อนรับนักลงทุนจากทั่วโลก อยากเห็นญี่ปุ่นกลับมาเป็นนักลงทุนอันดับหนึ่งของไทยอีกครั้ง จะเชิญชวนให้มาลงทุนไทยมากขึ้นในอุตสาหกรรมเทคโนโลยีสมัยใหม่

รัฐบาล และกระทรวงพาณิชย์ เรามีคนเก่งเยอะพร้อมที่จะแก้ไขปัญหาให้กับนักธุรกิจเต็มที่และเราก็เร่งเจรจาเขตการค้าเสรีหรือ FTA ให้เรามี FTA มากที่สุดเท่าที่เป็นไปได้ FTA ระหว่างไทยกับเอฟตาก็น่าจะจบได้ในเดือนมกราคมนี้ แล้วหลังจากนั้นจะตามมาด้วย อียู อาเซียน-แคนาดา ซึ่งมีโอกาสสำเร็จสูง และในเดือนพฤษภาคม ท่านรัฐมนตรีแคนาดาจะนำนักลงทุนจากแคนาดากว่า 100 คน มาเมืองไทย เพื่อหาช่องทางลงทุนในไทย

“ตอนนี้ประเทศไทยเรากำลังฮอต ตนได้พบกับท่านรองนายกฯคลัง (พิชัย ชุณหวชิร) ท่านเดินทางไปจีน มีบริษัทจีนอยากย้ายเข้ามาเมืองไทยเต็มไปหมด เรากำลังไปได้ดีประเทศไทยกลับมาฮอตใหม่เหมือนอย่างในอดีต ขอให้สภาวะนี้เป็นไปเรื่อยๆ ให้เราเจริญ รายได้ของประชาชนจะได้เพิ่มขึ้น มีความเป็นอยู่ที่ดีขึ้นทำให้ประเทศเราเจริญต่อได้“นายพิชัย นริพทะพันธุ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ กล่าว

โดยองค์กร USABC เป็นองค์กรที่มีสมาชิกเป็นบริษัทชั้นนำสหรัฐฯที่เข้ามาลงทุนหรือทำธุรกิจกับประเทศในอาเซียน โดยมีสำนักงานใหญ่อยู่ที่กรุงวอชิงตัน และสำนักงานสาขา 7 แห่งในนครนิวยอร์ก กรุงเทพฯ กรุงฮานอย กรุงจาการ์ตา กรุงกัวลาลัมเปอร์ กรุงมะนิลา และสิงคโปร์ ทั้งในปี 2566 สหรัฐฯ เป็นคู่ค้าลำดับที่ 2 ของไทยรองจากจีน โดยการค้าระหว่างไทยกับสหรัฐฯมีมูลค่า 67,659.89 ล้านดอลลาร์สหรัฐ เพิ่มขึ้นจากปี 2565 ร้อยละ 3.65 ซึ่งสหรัฐฯ เป็นตลาดส่งออกลำดับที่ 1 ของไทย โดยไทยส่งออกไปสหรัฐฯ มูลค่า 48,352.79 ล้านดอลลาร์สหรัฐ เพิ่มขึ้นจากปี 2565 ร้อยละ 1.72 ทั้งนี้มูลค่าการค้าระหว่างไทยกับสหรัฐฯปี 2567 (ม.ค.-ก.ย.) มีมูลค่า 55,681.20 ล้านดอลลาร์สหรัฐ เพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันของปี 2566 ร้อยละ 9.84 ซึ่งไทยส่งออกไปสหรัฐฯมีมูลค่า 40,610.98 ดอลลาร์สหรัฐ เพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันของปี 2566 ร้อยละ 12.48 สินค้าส่งออกสำคัญ ได้แก่ เครื่องคอมพิวเตอร์ อุปกรณ์และส่วนประกอบ เครื่องโทรสาร โทรศัพท์อุปกรณ์และส่วนประกอบ ผลิตภัณฑ์ยาง อุปกรณ์กึ่งตัวนำ ทรานซิสเตอร์ และไดโอด และสินค้านำเข้าสำคัญ อาทิ น้ำมันดิบ เครื่องจักรกลและส่วนประกอบ เคมีภัณฑ์ ก๊าซธรรมชาติ แผงวงจรไฟฟ้า และเครื่องบิน

ผบ.ตร.ย้ำไม่มีใครหรือกลุ่มใดอยู่เหนือกฎหมาย หากท้าทายระบบ อำนาจรัฐ หรือกฎหมาย จะต้องดำเนินการขั้นเด็ดขาด สั่งทุกหน่วยบังคับใช้กฎหมายทุกมิติ หากตำรวจปล่อยปะละเลย เพิกเฉย จะดำเนินการทางปกครองทุกราย

(26 พ.ย. 67) เวลา 14.30 น. พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ พันธุ์เพ็ชร์ ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (ผบ.ตร.) , พล.ต.อ.ธนา ชูวงศ์ รอง ผบ.ตร. , พล.ต.ท.สำราญ นวลมา ผู้ช่วย ผบ.ตร. และหน่วยที่เกี่ยวข้อง ประชุมติดตามความคืบหน้าคดีสำคัญ และส่งผลกระทบต่อประชาชน ได้แก่ คดีทริปน้ำไม่อาบ ที่อาจก่อให้เกิดความไม่ปลอดภัยและอุบัติเหตุบนท้องถนน , คดีฉ้อโกงประชาชนร่วมลงทุนในโครงการธุรกิจทางการแพทย์ ที่มีผู้เสียหายและมูลค่าความเสียหายจำนวนมาก , การโพสต์คลิปของคนต่างด้าวลักษณะเป็นการท้าทายกฎหมาย เคลื่อนไหวหรือแสดงออกที่ผิดกฎหมาย หรือกระทำในลักษณะที่อาจส่งผลกระทบเป็นวงกว้าง ภาพลักษณ์และความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ

ทั้งนี้ ผบ.ตร.กำชับให้ผู้บังคับบัญชาระดมกวาดล้างจับกุม ดำเนินคดีตามกฎหมายผู้ที่เกี่ยวข้องทุกราย รวบรวมพยานหลักฐาน สอบสวนทุกคดี โดยเฉพาะ 3 กรณี ดังกล่าว ได้แก่

1. ทริปน้ำไม่อาบ ให้ทุกหน่วยตรวจสอบร้านดัดแปลงตกแต่งรถที่ฝ่าฝืนกฎหมายแล้วนำรถมาขับขี่ ตลอดจนจะต้องทำความเข้าใจกับผู้ปกครอง และจะต้องมีการตรวจสอบต้นทาง ระหว่างการเดินทาง และปลายทาง หากพบการฝ่าฝืนกฎหมายต้องดำเนินการทันที จะไม่ปล่อยให้ก่อให้เกิดความเดือดร้อนหรืออุบัติเหตุบนท้องถนนเด็ดขาด

2. กรณีคนต่างด้าวโพสต์คลิปลักษณะท้าทายกฎหมาย ตรวจสอบเบื้องต้นปรากฏว่ามีประมาณ 10 กลุ่ม ต้องสืบสวนติดตามให้ปรากฎว่าพยานหลักฐานว่ามีการกระทำความผิดฐานใด แล้วให้ดำเนินการสืบสวนสอบสวน ออกหมายจับ ดำเนินคดีทุกกรณี ให้ตำรวจพื้นที่ , สำนักงานตรวจคนเข้าเมือง , กองบัญชาการตำรวจสืบสวนสอบสวนอาชญากรรมทางเทคโนโลยี และกองบัญชาการตำรวจสันติบาล ร่วมกันดำเนินการ และให้ใช้อำนาจการพิจารณาของผู้ว่าราชการจังหวัด , ผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัด ผบก.ภ.จว. ส. ตม.จว. และฝ่ายความมั่นคงจังหวัด  ใช้กลไกทางกฎหมายเข้าดำเนินการ

3. คดีฉ้อโกงประชาชนโครงการธุรกิจทางการแพทย์ สำนวนมีความคืบหน้าไปมาก จับกุมผู้ต้องหาไปแล้ว 8 ราย  (กลุ่มผู้ถือหุ้น กลุ่มเครือญาติ กลุ่มโบรกเกอร์) มูลค่าความเสียหายประมาณ 9,700 ล้านบาท อยู่ระหว่างการตรวจสอบเส้นทางการเงิน โดยจะแต่งตั้งเป็นคณะพนักงานสอบสวน สำนักงานตำรวจแห่งชาติ โดยมีพนักงานสอบสวนของกองบัญชาการตำรวจนครบาล และกองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง รับผิดชอบและร่วมทำการสอบสวน ในส่วนของบุคคลที่เดินทางหลบหนีไปต่างประเทศ ได้ให้กองการต่างประเทศแจ้งสืบหาตัวบุคคลในระบบตำรวจสากลแล้ว จะเร่งรัดให้ติดตามตัวมาดำเนินคดีตามกฎหมาย ขอให้ผู้ที่ได้รับความเสียหายนำพยานหลักฐานมาแจ้งความต่อพนักงานสอบสวน สน.ห้วยขวาง หรือกองบังคับการตำรวจนครบาล 1 เพื่อดำเนินการตามกฎหมายต่อไป 

นอกจากนี้ ผบ.ตร. สั่งการให้ทุกคดีจะต้องดำเนินการเชิงรุก ไม่มีการปล่อยผ่านหรือเพิกเฉย เดินหน้าทุกมิติ เน้นการบังคับใช้กฎหมาย และให้ฝ่ายสืบสวนขับเคลื่อนขยายผลการดำเนินคดี พร้อมทั้งชี้แจงให้ประชาชนในพื้นที่ทราบการทำงานของตำรวจประกอบกันด้วย หากพบหน่วยใดเพิกเฉย ปล่อยปะละเลยให้เกิดมีการกระทำดังกล่าวซ้ำอีก เบื้องต้นจะดำเนินการทางปกครองหัวหน้าหน่วยทันที

เชียงใหม่-แถลงข่าวการจัดการประชุมวิชาการนานาชาติ และ งานโครงการหลวง 2567 “Hats on Hills: ห่มเขาด้วยเงาไม้ ใต้ร่มพระบารมี ๕๕ ปี โครงการหลวง”

(26 พ.ย. 67) องคมนตรีเปิดการประชุมเชิงปฏิบัติการ“การจัดทำแผนปฏิบัติการของหน่วยงานต่าง ๆ ในพื้นที่ศูนย์พัฒนาโครงการหลวงโครงการพัฒนาพื้นที่สูงแบบโครงการหลวง และโครงการรักษ์น้ำเพื่อพระแม่ของแผ่นดิน ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2568” และ ร่วมแถลงข่าวการจัดการประชุมวิชาการนานาชาติ และ งานโครงการหลวง 2567 “Hats on Hills: ห่มเขาด้วยเงาไม้ ใต้ร่มพระบารมี ๕๕ ปี โครงการหลวง”

วันที่ 21 พฤศจิกายน 2567 เวลา 09.00 น. พลเอก กัมปนาท รุดดิษฐ์ องคมนตรี เลขานุการ และประธานกรรมการบริหารมูลนิธิโครงการหลวง เป็นประธานเปิดการประชุมเชิงปฏิบัติการ “การจัดทำแผนปฏิบัติการของหน่วยงานต่าง ๆ ในพื้นที่ศูนย์พัฒนาโครงการหลวง โครงการพัฒนาพื้นที่สูงแบบโครงการหลวง และโครงการรักษ์น้ำเพื่อพระแม่ของแผ่นดิน ประชุมครั้งนี้ มีผู้แทนจากหน่วยงาน รวม 11 กระทรวง 41 กรม 6 มหาวิทยาลัย และหน่วยราขการใน 13 จังหวัด 49 อำเภอ พร้อมทั้งหัวหน้าสถานีเกษตรหลวง ศูนย์พัฒนาโครงการหลวง บุคลากรของมูลนิธิโครงการหลวง และสถาบันวิจัยและพัฒนาพื้นที่สูง เพื่อห้การประสานความร่วมมือระหว่างหน่วยราชการเป็นไปตามภาระหน้าที่ ใช้งบประมาณของรัฐคุ้มค่า ไม่ซ้ำซ้อน ความร่วมมือจากทุกภาคส่วนนี้ สอดรับกับบริบทของชุมชน รองรับความเปลี่ยนแปลงและการแปรปรวนของโลกในทุกมิติ มุ่งเน้นความคล่องตัว ตอบโจทย์ความต้องการ และทันต่อสถานการณ์

ช่วงบ่ายวันเดียวกัน องคมนตรี ได้เป็นประธานแถลงข่าวการจัดการประชุมวิชาการนานาชาติ “จากการพัฒนาทางเลือกมุ่งสู่การพัฒนาที่ยั่งยืน: เสริมสร้างความเข้มแข็งให้กับการพัฒนาทางเลือก เพื่อรับมือการท้าทายทุกประเด็นของโลก” และ งานโครงการหลวง 2567 “Hats on Hills: ห่มเขาด้วยเงาไม้ ใต้ร่มพระบารมี ๕๕ ปี โครงการหลวง” โดยทั้งสองกิจกรรมนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อเฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว องค์นายกกิตติมศักดิ์ของมูลนิธิโครงการหลวง เผยแพร่พระมหากรุณาธิคุณที่ทรงมีพระบรมราโชบาย สืบสาน รักษา ต่อยอดพระราชประสงค์ของพระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร ในการก่อตั้งโครงการหลวงจนเกิดผลสำเร็จ แก้ไขปัญหาความยากจน ปัญหายาเสพติด การประชุมวิชาการนานาชาตินี้กำหนดจัดขึ้นระหว่างวันที่ 1 ถึง 4 ธันวาคม 2567 ณ อุทยานหลวงราชพฤกษ์ จังหวัดเชียงใหม่

 เพื่อนำผลสำเร็จจากการดำเนินงานพัฒนาพื้นที่สูงด้วยรูปแบบการพัฒนาทางเลือกแบบโครงการหลวง เผยแพร่ให้เป็นที่รับรู้ และเกิดประโยชน์อย่างกว้างขวาง รวมทั้งใช้โอกาสในการประสานพลังความร่วมมือกับหน่วยงานที่ดำเนินการพัฒนาพื้นที่สูงในประเทศไทย และนานาประเทศ แลกเปลี่ยนความคิดเห็นเพื่อรับฟังเสียงสะท้อนในการสร้างพลังของการพัฒนาทางเลือกเพื่อรับมือกับความท้าทายของโลกปัจจุบันและอนาคต ซึ่งจะทำให้ประเทศไทยและนานาประเทศสามารถเดินทางไปสู่เป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืน หรือ SDGs ทั้ง 17 ข้อ ซึ่งมีผู้ทรงคุณวุฒิจากนานาประเทศ ตอบรับเข้าร่วมการประชุมแล้ว 29 ประเทศ โดย นาง กาดา ฟาติ วาลี ผู้อำนวยการใหญ่สำนักงานสหประชาชาติ ณ กรุงเวียนนา (Ms. Ghada Fathi Waly, UNODC Executive Director) ได้ให้เกียรติเดินทางมาร่วมประชุมและปาฐกถา มุมมองของ UNODC กับรูปแบบการพัฒนาทางเลือกที่สอดคล้องกับเป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืนของสหประชาชาติ ร่วมกับผู้ทรงคุณวุฒิจาก FAO ประเทศไทย รวมทั้งเกษตรกรจากพื้นที่พัฒนาของโครงการหลวง สถาบันวิจัยและพัฒนาพื้นที่สูง มูลนิธิแม่ฟ้าหลวง ประเทศเมียนมา สาธารณรัฐประชาชนลาว โดยมีผู้เชี่ยวชาญ นักวิชาการ ผู้ปฏิบัติงานด้านการพัฒนาในประเทศไทยเข้าร่วมการประชุมอีกกว่า 300 คน ผู้ร่วมประชุมทั้งหมดจะได้เดินทางไปเรียนรู้ในพื้นที่ตัวอย่างความสำเร็จในแง่มุมที่แตกต่าง 

ได้แก่ ศูนย์พัฒนาโครงการหลวงเลอตอ ศูนย์พัฒนาโครงการหลวงแห่งแรกในรัชสมัยกับปีที่ 8 ของการพัฒนา สามารถกำจัดฝิ่นบนพื้นที่ฝิ่นผืนสุดท้ายของประเทศไทย คนในชุมชนได้รับการพัฒนาในทุกมิติ สถานีเกษตรหลวงอ่างขาง สถานีวิจัยแห่งแรกของโครงการหลวง ต้นแบบการพลิกฟื้นจากเขาหัวโล้น สู่พื้นที่ป่าที่อุดมสมบูรณ์ และยังเป็นสถานีวิจัยพืชเมืองหนาวที่สำคัญของประเทศไทย และยังมีพื้นที่ขยายผลการดำเนินงานแบบโครงการหลวง คือ โครงการพัฒนาพื้นที่สูงตามแบบโครงการหลวงป่าแป๋ ตัวอย่างของชุมชนไม้มีค่า ดูแลรักษา สร้างรายได้

ในช่วงเวลาและสถานที่เดียวกันนี้ มูลนิธิโครงการหลวงยังมีจัดงานโครงการหลวง 2567 โดยปีนี้ได้ขยายเวลาขึ้นเป็น 10 วัน นับตั้งแต่วันที่ 1 ถึง 10 ธันวาคม 2567 ภายใต้แนวคิด “Hats on Hills ห่มเขาด้วยเงาไม้ ใต้ร่มพระบารมี 55 ปี โครงการหลวง” ผลการพัฒนาพื้นที่สูงด้วยพระบารมีปกเกล้า ชุมชนที่สูงจึงมีชีวิตใหม่ที่มีสุข ร่มเย็น ขุนเขาฟื้นความอุดมสมบูรณ์ เป็นแหล่งอาหารสำคัญของประเทศ ภายใต้พระบรมโพธิสมภารของทั้งสองรัชกาล สร้างประโยชน์สุขทั้งแก่ชาวเขา ชาวเรา และชาวโลก กิจกรรมที่นำมาจัดแสดงภายในงานมีทั้งนิทรรศการแสดงผลสัมฤทธิ์การพัฒนาพื้นที่สูงของประเทศไทย : สู่ความท้าทายโลก พร้อมการจัดตกแต่ง ประดับประดาพื้นที่อย่างสวยงามด้วยพืชผลที่เกิดจากการวิจัยและพัฒนา สอดแทรกด้วยสาระความรู้ ความสนุกเพลิดเพลิน ผ่านกิจกรรมฐานเรียนรู้ ที่ได้รับการสนับสนุนหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง กิจกรรมศิลปะการวาดภาพด้วยสีน้ำ โดย ศิลปินวาดภาพจิตอาสา ผู้เขาชมงานจะได้สนุก เพลิดเพลินไปกับกิจกรรมประดิษฐ์ประดอยของที่ระลึกด้วยฝีมือของตนเอง

สำหรับผลิตผล ผลิตภัณฑ์คุณภาพที่เกิดจากคุณูปการของโครงการหลวงต่อเศรษฐกิจ สังคม และสิ่งแวดล้อมของประเทศ ได้ส่งตรงจากดอยมามากกว่า 800 รายการ และปีนี้โครงการหลวงยังจัดมุมทดสอบผลิตผลใหม่ที่อยู่ระหว่างการวิจัย เพื่อให้ผู้เข้าชมงานได้ชิมและให้ความคิดเห็นเพื่อประโยชน์ต่อการพัฒนาพันธุ์ และการส่งเสริมแก่เกษตรกร ผลิตผลใหม่เหล่านี้ ได้แก่ แตงกวามินิบอล พริกหวานรับประทานสด รวมทั้งผัก และผลไม้พระราชทานชนิดต่าง ๆ

ร่วมสนับสนุนผลิตภัณฑ์โครงการหลวงจากชาวดอย  อิ่มอร่อยไปกับอาหารหลากหลายเมนู  ดูนิทรรศการ ชมฐานเรียนรู้ เพิ่มพูนปัญญา ในงานโครงการหลวง 2567  วันที่  1-10  ธันวาคม  2567  ตั้งแต่เวลา 09.00 – 20.00 น. ณ อุทยานหลวงราชพฤกษ์ จังหวัดเชียงใหม่

นภาพร/เชียงใหม่


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top