Thursday, 15 May 2025
Hard News Team

'ลูกสาวดูเตร์เต' รองประธานาธิบดี ลั่นกลางวงประชุม ขู่สังหาร 'ประธานาธิบดีมาร์กอส' หากเธอถูกปลิดชีพ

(25 พ.ย.67) สองตระกูลการเมืองฟิลิปปินส์เดือดดาลเมื่อ ซารา ดูเตอร์เต บุตรสาวของอดีตผู้นำ โรดริโก ดูเตอร์เต กล่าวในการแถลงผ่านระบบออนไลน์ว่า เธอได้เตรียมการไว้แล้วสำหรับการลอบสังหารมาร์กอสจูเนียร์, ลิซา ภรรยาของเขา และ มาร์ติน โรมวลเดซ ประธานสภาผู้แทนราษฎร ซึ่งเป็นลูกพี่ลูกน้องของมาร์กอส หากว่าตัวเธอถูกสังหาร

"ไม่ต้องกังวลเรื่องความปลอดภัยของฉัน เพราะฉันได้พูดคุยกับใครบางคนไว้แล้ว ฉันบอกเขาว่า หากฉันถูกฆ่า ก็ให้ไปฆ่า BBM, ลิซา อราเนตา และมาร์ติน โรมวลเดซ” เธอกล่าว โดยใช้ชื่อย่อของประธานาธิบดีที่รู้จักกันในชื่อ บองบอง หรือ BBM นอกจากนี้เธอยังกล่าวว่า “ฉันบอกเขาว่า อย่าหยุดจนกว่าคุณจะฆ่าพวกเขาได้ และเขาก็ได้ตอบตกลง”

นอกจากนั้น ในระหว่างการแถลงทางออนไลน์ รองปธน.ดูเตอร์เตยังได้วิจารณ์ประธานาธิบดีมาร์กอสจูเนียร์และย้ำคำพูดก่อนหน้านี้ที่ว่า นายมาร์กอสไม่รู้วิธีการเป็นประธานาธิบดี

เรื่องดังกล่าวส่งผลให้ ทำเนียบประธานาธิบดีเฟอร์ดินานด์ มาร์กอส จูเนียร์ ของฟิลิปปินส์ กล่าวถึงคำพูดของรองประธานาธิบดีว่า “ภัยคุกคามที่ชัดเจน” ต่อชีวิตของปธน.มาร์กอส ซึ่งสมควรต้องถูกดำเนินการอย่างเร่งด่วนและเหมาะสม ท่ามกลางความขัดแย้งที่ทวีความรุนแรงขึ้นระหว่างสองตระกูลการเมืองที่ทรงอิทธิพล

“ภัยคุกคามต่อชีวิตของประธานาธิบดีจะต้องได้รับการพิจารณาอย่างจริงจัง โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อภัยดังกล่าวถูกเปิดเผยต่อสาธารณะในลักษณะที่ชัดเจนและแน่นอน” ขณะเดียวกัน เลขาธิการบริหารได้ส่งเรื่องนี้ไปยังหน่วยบัญชาการรักษาความปลอดภัยของประธานาธิบดีแล้ว

วิวาทะดังกล่าวสะท้อนความขัดแย้งที่ดำเนินมายาวนานระหว่างตระกูลมาร์กอส และตระกูลดูเตร์เต แม้ทั้งสองจะร่วมรัฐบาลเดียวกัน ประเด็นขัดแย้งเริ่มมาจากการที่ในเดือนมิถุนายน เมื่อดูเตอร์เตลาออกจากตำแหน่งในคณะรัฐมนตรีของมาร์กอส ขณะเดียวกัน พันธมิตรของมาร์กอสในรัฐสภาได้ตรวจสอบการทำงานของรองประธานาธิบดีในประเด็นการใช้จ่ายงบประมาณของสำนักงานอย่างไม่เหมาะสม ซึ่งด้านลูกสาวดูเตร์เตกล่าวว่า พันธมิตรของมาร์กอสพยายามสร้างคดีเพื่อถอดถอนเธอออกจากตำแหน่งรองประธานาธิบดี

‘วีระศักดิ์ โควสุรัตน์‘ ลงพื้นที่ตรวจความพร้อมสถานที่จัดงาน “เพื่อนพึ่ง (ภาฯ)” เฉลิมพระเกียรติฯ

เมื่อวันที่ (20 พ.ย.67) ณ ศูนย์การค้าเอ็มสเฟียร์ นายวีระศักดิ์ โควสุรัตน์ กรรมการบริหารมูลนิธิ อาสาเพื่อนพึ่ง (ภาฯ) ยามยาก สภากาชาดไทย ในฐานะ ประธานคณะกรรมการดำเนินการจัดงาน "เพื่อนพึ่ง (ภาฯ)" เฉลิมพระเกียรติฯ ซึ่งมีกำหนดการจัดงานระหว่างวันที่ 5-10 ธันวาคม 2567นี้ 

เข้าตรวจสถานที่การจัดงานฯ 

- บริเวณสเฟียร์ฮอลล์ ชั้น 5 สำหรับพิธีรับเข็มฯ 
- บริเวณเอ็มกลาสและเอ็มยาร์ด สำหรับการจัดงานเฉลิมพระเกียรติ 
- พร้อมร่วมประชุมกับประธานคณะอนุกรรมการฝ่ายต่าง ๆ อาทิ ฝ่ายร้านค้า, ฝ่ายการแพทย์, ฝ่ายรักษาความปลอดภัย, ฝ่ายประชาสัมพันธ์, ฝ่ายพิธีการ และฝ่ายสถานที่  เป็นต้น 

ทั้งนี้ทุกฝ่ายรายงานการทำงานให้ประธานทราบ และทุกฝ่ายพร้อมรับปฏิบัติในส่วนที่รับผิดชอบ

ส่องคลังแสงปราการป้องมอสโก เทคโนโลยียุคโซเวียต ระบบป้องกันขีปนาวุธที่ปูตินสั่งเตรียมพร้อมสูงสุด

(25 พ.ย.67) ดูเหมือนสถานการณ์ความรุนแรงในยูเครนจะคุกรุ่นมากขึ้น จากการที่เมื่อสัปดาห์ที่แล้วประธานาธิบดีโจ ไบเดน ทิ้งทวนคำสั่งก่อนหมดวาระการดำรงตำแหน่งด้วยการมอบขีปนาวุธแบบ ATACMS  ซึ่งเป็นสุดยอดขีปนาวุธโจมตีพิสัยกลางให้แก่ยูเครน 

ส่งผลให้ล่าสุดประธานาธิบดีวลาดิมีร์ ปูติน ออกคำสั่งใช้ขีปนาวุธ Oreshnik ซึ่งมีคุณสมบัติเป็นขีปนาวุธเหนือเสียง เดินทางเร็วกว่าเสียง 10 เท่า พิสัยการยิง 5,000 กิโลเมตร ซึ่งสามารถโจมตียุโรปได้ทั้งหมด และรวมไปถึงบางส่วนของฝั่งตะวันตกของสหรัฐ โดยเป้าหมายแรกที่ปูตินสั่งให้ขีปนาวุธ Oreshnik คือเมือง Dnepropetrovsk ของยูเครนซึ่งเป็นเมืองที่ตั้งของ สถานประกอบการด้านการป้องกันยูเครน

คำสั่งโจมตีดังกล่าวของผู้นำมอสโก ทำให้กระทรวงกลาโหมรัสเซียต้องออกมาเปิดเผยถึงความพร้อมในการรับมือโจมตีระรอกใหม่ หากว่ายูเครนใช้อาวุธที่นาโต้มอบให้ โจมตีแผ่นดินรัสเซียด้วยการออกมาเปิดเผยระบบป้องกันขีปนาวุธที่รัสเซียเตรียมพร้อมรับมือ

พล.ท. Aytech Bizhev อดีตรองผู้บัญชาการระบบป้องกันภัยทางอากาศร่วมของ CIS กองทัพอากาศรัสเซีย กล่าวกับสำนักข่าว Sputnik โดยให้ความเห็นเกี่ยวกับวิธีการที่มอสโกว์มีไว้เพื่อรับมือกับภัยคุกคามจากขีปนาวุธของนาโต้ว่า รัสเซียมีระบบป้องกันขีปนาวุธหลายรูปแบบที่เตรียมพร้อมรับมือ อาทิ 

S-300V ซึ่งถูกนำมาใช้ตั้งแต่ปี 1988 เป็นการอัปเกรดระบบขีปนาวุธพื้นสู่อากาศระยะไกล S-300 ที่เปิดตัวครั้งแรกในปี 1978 มีระยะยิงต่อเป้าหมายขีปนาวุธ 30-40 กิโลเมตร S-400 ขีปนาวุธที่พัฒนาในช่วง1980-1990 เปิดตัวในปี 2007 สามารถตรวจจับเป้าหมายขีปนาวุธได้ไกลถึง 200 กิโลเมตร และทำลายได้ในระยะ 60 กิโลเมตร

S-500 ระบบขีปนาวุธพื้นสู่อากาศรุ่นล่าสุดของรัสเซีย เริ่มใช้งานในปี 2021 สามารถตรวจจับเป้าหมายได้ไกลถึง 600 กิโลเมตร และทำลายได้ในระยะ 200 กิโลเมตร นอกจากนั้นยังมี A-135 Amur และ A-235 Nudol ระบบสกัดกั้นขีปนาวุธแบบฐานยิง ถูกออกแบบมาเพื่อจัดการกับภัยคุกคามจากขีปนาวุธความเร็วสูงและอวกาศ ใช้งานตั้งแต่ปี 1995 และ 2019 ตามลำดับ มีระยะตรวจจับสูงสุด 6,000 กิโลเมตรด้วยเรดาร์ Don-2N และระยะยิงประมาณ 350-900 กิโลเมตร

อีกหนึ่งระบบคือ Tor ระบบขีปนาวุธระยะสั้น เริ่มใช้งานในปี 1986 ถูกออกแบบมาเพื่อจัดการกับเครื่องบิน เฮลิคอปเตอร์ ขีปนาวุธร่อน และโดรน รวมถึงขีปนาวุธระยะสั้น ระยะตรวจจับและติดตาม 25 กิโลเมตร ระยะยิงสูงสุด 16 กิโลเมตร

และสุดท้าย Buk ระบบขีปนาวุธระยะกลาง พัฒนาตั้งแต่ช่วงปลายทศวรรษ 1970 ได้รับการพัฒนาอย่างต่อเนื่อง ถูกนำมาใช้ในกองทัพตั้งแต่ช่วงปลายทศวรรษ 1990 สามารถโจมตีขีปนาวุธยุทธวิธี ขีปนาวุธร่อน และขีปนาวุธต่อต้านเรือในระยะ 3-20 กิโลเมตร และที่ระดับความสูงสูงสุด 16 กิโลเมตร

Bizhev กล่าวว่า ระบบป้องกันภัยทางอากาศของรัสเซียล้ำหน้ากว่าวิธีการโจมตีที่มันถูกออกแบบมาป้องกันอยู่ประมาณ 5-10 ปี ขาเล่าถึงยุคปลายทศวรรษ 1980 ที่สหภาพโซเวียตเริ่มพัฒนาระบบป้องกันขีปนาวุธเป็นครั้งแรก ในขณะที่ NATO กำลังติดตั้งอาวุธขีปนาวุธยุคใหม่ที่มีความแม่นยำสูง ในยุคนั้น ภารกิจหลักของระบบป้องกันขีปนาวุธของโซเวียต (และรัสเซียหลังปี 1991) คือการป้องกันมอสโกและภูมิภาคอุตสาหกรรมตอนกลาง

‘ปฐม อินทโรดม’ โพสต์เตือน ‘อย่าลาออกจากงานช่วงนี้’ ชี้!! สถานการณ์สร้างอาชีพใหม่ไม่ง่าย ต่างจากเมื่อ 5-6 ปีก่อน

(25 พ.ย.67) จากเฟซบุ๊ก Pathom Indarodom' โดย คุณปฐม อินทโรดม ได้โพสต์ถึงน้อง ๆ หลายคนมาปรึกษาเรื่องการออกจาก 'Comfort Zone' ในเวลานี้ ซึ่งผมมักจะให้ทบทวนว่างานปัจจุบันนั้นยัง Comfort จริงไหม ถ้าจริงผมไม่อยากให้ใครลาออกจากงานในช่วงนี้เลย เพราะสถานการณ์ตอนนี้มันต่างจาก 5-6 ปีที่แล้วที่มีกระแสให้ออกจากงานประจำไปแสวงหาโอกาสใหม่ที่มีอนาคตดีกว่า

แต่ในวันนี้เศรษฐกิจมันเปราะบางกว่าเดิมมาก หากงานที่ทำอยู่ยังมั่นคงดี เพื่อนร่วมงานดี เจ้านายพอใช้ ผมอยากให้อดทนไปก่อน เพราะโอกาสที่ลาออกไปทั้งที่ยังมีพื้นฐานไม่แน่นพอแล้วจะประสบความสำเร็จจากงานไม่ประจำนั้นยากกว่าเดิมมาก 

งานขายที่เคยเป็นเรื่องง่าย ตอนนี้เราจะเห็นห้างที่เคยคึกคักซบเซาลงมาก ยิ่งขายออนไลน์ยิ่งยากเพราะเข้าถึงลูกค้าได้ยากกว่าเดิมและพึ่งพามาร์เก็ตเพลสที่เคยใช้ไม่ได้อีกต่อไปเพราะค่าใช้จ่ายสูงขึ้นมาก จะหาของจากจีนมาทำตลาดยิ่งยากขึ้นไปอีกหลายเท่าเพราะเจ้าของสินค้าเข้ามาทำตลาดเอง

บางครั้งแรงผลักดันที่เราได้อาจทำให้เราฮึกเหิมโดยเฉพาะแนวคิดว่างานไม่ประจำนั้นทำเงินมากกว่าทำให้เราอยากกระโจนหาโอกาสใหม่ ๆ ซึ่งมันไม่ได้มี Blue Ocean เหมือนเมื่อ 5-6 ปีที่แล้ว งานมั่นคงดีอยู่แล้วอย่าลาออก ผมบอกได้แค่นี้…

ทำความรู้จัก Oreshnik มิสไซล์เร็วเหนือเสียงรุ่นใหม่ ปูตินตอบโต้ส่งทะลวงยูเครน 5,500 กม.

(25 พ.ย.67) หลังจากที่ประธานาธิบดีโจ ไบเดน อนุมัติให้ยูเครนใช้อาวุธจรวดนำวิถี ATACMS โจมตีเป้าหมายในรัสเซีย ล่าสุด รัสเซียได้ตอบโต้ทันทีด้วยการอนุมัติการใช้ขีปนาวุธนำวิถีความเร็วเหนือเสียงรุ่นใหม่ 'Oreshnik' ซึ่งมีพิสัยยิงไกลถึง 5,000 กิโลเมตร โดยประธานาธิบดีวลาดิมีร์ ปูติน ยืนยันว่าขีปนาวุธดังกล่าวไม่ได้ติดหัวรบนิวเคลียร์  

พาเวล อัคเซนอฟ ผู้เชี่ยวชาญด้านการทหารจาก BBC เปิดเผยว่า ขีปนาวุธ Oreshnik ยังไม่มีข้อมูลในสารบบของนาโต้ โดคาดว่าเป็นอาวุธรุ่นใหม่ที่รัสเซียพัฒนาสำเร็จ ขีปนาวุธนี้สามารถมองเห็นได้ชัดเจนระหว่างการบินผ่านเปลวไฟจากเครื่องยนต์ ซึ่งตรวจจับได้ด้วยดาวเทียมและเครื่องบินลาดตระเวน  

จากคำกล่าวของปูติน เขาระบุว่า "หัวรบที่มีความเร็วเหนือเสียงที่ไม่ใช่แบบนิวเคลียร์" และหัวรบของมัน "โจมตีเป้าหมายด้วยความเร็ว 10 มัค ซึ่งอยู่ระหว่าง 2.5-3 กม./วินาที"

ขณะที่ข้อมูลจากผู้เชี่ยวชาญด้านทหารระบุว่า ขีปนาวุธนี้ติดตั้งหัวรบที่โจมตีด้วยความเร็วสูงถึง 10 มัค หรือ 2.5-3 กม./วินาที ซึ่งทำให้ยากต่อการสกัดกั้น อีกทั้งยังสามารถบรรทุกหัวรบแบบหลายหัวเพื่อโจมตีเป้าหมายได้พร้อมกัน ครอบคลุมพื้นที่ในยุโรปเกือบทั้งหมดและบางส่วนของฝั่งตะวันตกของสหรัฐ  

บีบีซียังเผยว่า มีความเป็นไปได้มากว่า Oreshnik ที่ปูตินกล่าวถึงนั้น ได้รับการพัฒนาโดยสถาบันเทคโนโลยีความร้อนแห่งกรุงมอสโก (MIT) หรือไม่ก็ ศูนย์ขีปนาวุธเมเคเยฟ  เนื่องจากศูนย์ทั้งสามแห่งนี้มีศักยภาพในการพัฒนาขีปนาวุธพิสัยกลาง-ไกล

สำหรับศูนย์ขีปนาวุธเมเคเยฟ  จะมุ่งเน้นไปที่ขีปนาวุธเชื้อเพลิงเหลวซึ่งยิงจากไซโล มีน้ำหนักมากและมีพิสัยการยิงที่ไกลมาก ตัวอย่างเช่น พิสัยของขีปนาวุธซาร์มัตอ้างว่าสามารถไปได้ไกลถึง 18,000 กม. ส่วน

ขณะที่ศูนย์สถาบันเทคโนโลยีความร้อนแห่งกรุงมอสโก ความเชี่ยวชาญในการสร้างขีปนาวุธขนาดเล็กพร้อมเครื่องยนต์เชื้อเพลิงแข็งที่ปล่อยจากฐานยิงเคลื่อนที่ โดยเฉพาะขีปนาวุธเหล่านี้มีน้ำหนักเบากว่า มีหัวรบที่เล็กกว่า และมีพิสัยการบินได้ที่สั้นกว่า ตัวอย่างเช่น ขีปนาวุธยาร์ส (Yars) มีพิสัยการบินได้ 12,000 กม.

การเคลื่อนไหวดังกล่าวสะท้อนถึงความตึงเครียดที่เพิ่มขึ้นในสงครามยูเครน-รัสเซีย ขณะที่ทั้งสองฝ่ายเดินหน้าพัฒนาอาวุธล้ำสมัยเพื่อตอบโต้กันในสมรภูมิระหว่างประเทศ

‘พีระพันธุ์’ เตรียมชง กม.ตั้ง SPR เข้าสภาต้นปี 68 เร่งร่าง กม.ช่วยชาวสวนปาล์ม - ชี้ Gas Pool ช่วยคุมค่าไฟฟ้า

‘พีระพันธุ์’ เผยความคืบหน้านโยบาย 'รื้อ ลด ปลด สร้าง' ทั้งในส่วนของการเตรียมเสนอร่างกฎหมายจัดตั้งระบบสำรองน้ำมันและก๊าซเชิงยุทธศาสตร์ (SPR) เพื่อประชาชนหลุดพ้นกับดักราคาที่ต้องขึ้นลงตามตลาดโลก พร้อมเตรียมร่างกฎหมายปาล์มน้ำมันและอุตสาหกรรมน้ำมันปาล์มให้มีทางออก สร้างมูลค่าเพิ่มโดยยกโมเดลกฎหมายอ้อยและน้ำตาลเป็นต้นแบบ ช่วยเหลือเกษตรกรผู้ปลูกปาล์มน้ำมันที่จะได้รับผลกระทบในอีก 2 ปีข้างหน้า ภายหลังกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิงเลิกชดเชย

วันนี้ (25 พ.ย.67) นายพีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน เปิดเผยถึงความคืบหน้านโยบาย 'รื้อ ลด ปลด สร้าง' ว่า ประเด็นหลักด้านพลังงานที่เกี่ยวข้องกับประชาชนคือเรื่อง ไฟฟ้า น้ำมัน และก๊าซ ซึ่งที่ผ่านมาบางเรื่องอยู่นอกเหนือการควบคุมของกระทรวงพลังงาน  บางเรื่องก็อยู่ในอำนาจที่จะบริหารจัดการได้ จึงพยายามแก้ปัญหาให้รัฐบาลมีอำนาจเข้ามาดูแลช่วยเหลือประชาชนให้มากที่สุด

ในส่วนของก๊าซนั้นได้แก้ไขการกำหนดราคาก๊าซใน Gas Pool ไปเมื่อต้นปีนี้ ทำให้สามารถควบคุมค่าไฟฟ้าได้ระดับหนึ่ง ส่วนเรื่องน้ำมันปัญหาหลักมีสองส่วน ส่วนแรกคือราคาเนื้อน้ำมันที่ขึ้นลงตามตลาดโลกอยู่นอกเหนือการควบคุมเช่นเดียวกับราคาก๊าซที่นำมาผลิตไฟฟ้า ส่วนที่สองคือการจัดเก็บภาษี ส่วนแรกอยู่ในความรับผิดชอบของกระทรวงพลังงานที่กำลังคิดหาทางแก้ไข ส่วนที่สองอยู่ในอำนาจของกระทรวงการคลัง ซึ่งกระทรวงพลังงานพยายามขอความร่วมมือตลอดมา เพื่อลดราคาพลังงานให้ประชาชน ซึ่งยังเป็นปัญหาที่ต้องแก้ไข

อย่างไรก็ตามรัฐบาล อยู่ระหว่างการเตรียมนำร่างกฎหมายเข้าสภาเพื่อให้กระทรวงพลังงานมีอำนาจในการบริหารจัดการราคาพลังงานในหลายๆ มิติ ซึ่งที่ผ่านมา ที่สามารถดำเนินการได้สำเร็จแล้วคือ การให้ผู้ค้าน้ำมันต้องเปิดเผยต้นทุนราคาน้ำมันนำเข้าที่แท้จริง ส่วนร่างกฎหมายน้ำมัน SPR หรือ Strategic Petroleum Reserve ระบบสำรองน้ำมันและก๊าซเชิงยุทธศาสตร์ อยู่ระหว่างการเตรียมนำเข้ารัฐสภาในต้นปี 2568 ซึ่งหากดำเนินการสำเร็จ ก็จะทำให้กระทรวงพลังงานสามารถบริหารจัดการด้านน้ำมันได้มากขึ้น

ทั้งนี้ ระบบ SPR จะเป็นแนวทางการรักษาเสถียรภาพราคาน้ำมันแบบที่สากลใช้กันในกลุ่ม IEA หรือองค์การพลังงานระหว่างประเทศ (International Energy Agency) โดยใช้การบริหารกลไกราคาน้ำมันโดยใช้ปริมาณน้ำมันในสต็อก ซึ่งไม่ได้ใช้เงินในการอุดหนุนเหมือนกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิงของเราที่ทำอยู่ในปัจจุบัน โดยจะทำให้ไทยมีระบบสำรองน้ำมันเป็นของประเทศไม่ได้ขึ้นอยู่กับภาคเอกชนอย่างเดียว

สำหรับการแก้ปัญหาราคาน้ำมันไบโอดีเซล หรือ B100 ที่ปรับตัวสูงขึ้นนั้น ขณะนี้กระทรวงพลังงานได้เตรียมพร้อมในการแก้ปัญหาหลังสิ้นสุดการอุดหนุนจากกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิงในปี พ.ศ. 2569 พร้อมหาแนวทางในการช่วยเหลือเกษตรกรผู้ปลูกปาล์มน้ำมันที่จะได้รับผลกระทบในอีก 2 ปีข้างหน้า โดยจะนำรูปแบบการแก้ปัญหาเรื่องอ้อย กับน้ำตาลทราย ตาม พ.ร.บ.อ้อยและน้ำตาลทราย ปี 2527 มาปรับใช้ ซึ่งได้หารือกับ นายเอกนัฏ พร้อมพันธุ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม รวมทั้ง ปลัดกระทรวงพลังงาน และปลัดกระทรวงอุตสาหกรรม เพื่อหาแนวทางแก้ไขปัญหา และได้มีคำสั่งแต่งตั้งคณะกรรมการเพื่อยกร่างกฎหมายส่งเสริมปาล์มน้ำมันให้กับเกษตรกรผู้ปลูกปาล์มน้ำมัน โดยมี นายอรรถวิชช์ สุวรรณภักดี เป็นประธานคณะกรรมการ และ คาดว่าภายใน 5-6 เดือน หลังจากนี้จะเริ่มเห็นรูปร่างของโครงการชัดเจนมากยิ่งขึ้น

ในอดีตน้ำมันปาล์มดิบถูกนํามาใช้ประโยชน์ในช่วงที่น้ำมันดีเซลมีราคาแพงโดยนํามาผสมกับดีเซล ทําให้มีปริมาณน้ำมันเพิ่มขึ้นและราคาถูกลงเรียกว่า น้ำมันไบโอดีเซล หรือ บี100 แต่ว่าปัจจุบันราคาน้ำมันปาล์มดิบ อยู่ที่ 41-42 บาท/ลิตร ซึ่งแพงกว่าเนื้อน้ำมันดีเซลที่นํามาผสมเกือบเท่าตัว จึงเป็นเหตุผลหนึ่ง ที่ทําให้ราคาน้ำมันในประเทศแพงขึ้น และต้องใช้เงินจากกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิงมาชดเชยเพื่อให้ราคาดีเซลไม่เกิน 33 บาท/ลิตร ซึ่งเหลือเวลาให้ชดเชยได้อีกเพียง 2 ปีเท่านั้น ขณะเดียวกัน ด้านเกษตรกรผู้ผลิตปาล์มน้ำมันก็เริ่มมีปัญหาส่วนแบ่งราคากับโรงสกัด และผลประโยชน์จากราคาน้ำมันปาล์มที่ปรับตัวเพิ่มขึ้นก็ไปไม่ถึงเกษตรกรอย่างที่ควรจะได้รับ ทั้งนี้ จากผลผลิตน้ำมันปาล์มทั้งหมดในประเทศ 1 ใน 3 นำมาผสมกับน้ำมันดีเซลเพื่อใช้ภายในประเทศ ส่วนอีก 2 ใน 3 นำไปผลิตน้ำมันพืชและผลิตภัณฑ์อื่นๆ โดยมีการส่งออกในส่วนนี้ประมาณ 20%

“หวังว่าร่างกฎหมายส่งเสริมปาล์มน้ำมันฉบับนี้ จะเป็นกฎหมายอีกฉบับหนึ่งที่สร้างความเป็นธรรม มีการจัดสรรแบ่งปันผลประโยชน์ระหว่างผู้ที่นำผลปาล์มน้ำมันไปผลิตเป็นน้ำมัน และดูแลเกษตรกรผู้ผลิตปาล์มน้ำมัน ให้ได้ค่าตอบแทนผลผลิตที่เป็นธรรมและถูกต้อง ทำให้เกษตรกรได้ประโยชน์อย่างเต็มที่  เมื่อกองทุนน้ำมันต้องหยุดชดเชยการผสมน้ำมันปาล์มในเนื้อน้ำมัน รวมทั้งสายการผลิตที่จะนำผลปาล์มน้ำมันไปต่อยอดเป็นผลิตภัณฑ์ต่างๆ ให้มีการแบ่งปันผลประโยชน์ที่ดีกว่าในปัจจุบัน” นายพีระพันธุ์กล่าว

ไมค์ ไทสัน อดีตนักมวยชื่อดังระดับโลก กล่าวถึงการมอบมรดกให้ลูก ๆ

วอชิงตัน – ไมค์ ไทสัน นักมวยชื่อดังระดับโลก ได้กลายเป็นที่สนใจของสาธารณชนหลังเปิดเผยว่าเขาไม่มีแผนที่จะยกทรัพย์สินของเขาให้ลูก ๆ รายงานจาก VNExpress เมื่อวานนี้ 

ไทสัน วัย 58 ปี ทำรายได้ประมาณ 20 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ (ประมาณ 715 ล้านบาท) แม้ว่าจะแพ้ในการชกกับเจค พอล เมื่อวันที่ 15 พฤศจิกายนที่ผ่านมา 

มูลค่าทรัพย์สินสุทธิของไทสันก่อนการชกครั้งนี้อยู่ที่ประมาณ 10 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ (ประมาณ 357 ล้านบาท) ซึ่งจัดขึ้นที่สนามกีฬา AT&T 

อย่างไรก็ตาม เขาไม่มีแผนที่จะมอบมรดกใด ๆ ให้ลูก ๆ ของเขา 

จงอธิษฐานให้มากขึ้นและทำงานให้หนักขึ้น เป็นคนทำงานที่ขยันที่สุดและเชื่อมั่นในตัวเอง 

“ผมไม่สามารถช่วยลูก ๆ ได้ด้วยการให้เงินพวกเขา ผมจะทำร้ายพวกเขาหากทำเช่นนั้น 

“พวกเขาต้องเรียนรู้การเผชิญกับความลำบาก หากพวกเขาไม่มีเป้าหมายในชีวิตและไม่เคยเจอความยากลำบาก พวกเขาจะยอมแพ้ได้ง่าย” เขากล่าวเสริม 

ถึงชกแพ้แต่เขายังชนะใจใครต่อใครอยู่เสมอ

คนเขียน ‘พ่อรวยสอนลูก’ ติดหนี้เกือบ 4 หมื่นล้านบาท ถูกฟ้องให้!! ล้มละลาย โกงผู้ร่วมธุรกิจ หลอกลวงนักเรียน

(24 พ.ย. 67) จุดเริ่มต้นของเรื่องราวนี้ เกิดขึ้นเมื่อบริษัท Learning Annex ซึ่งเป็นบริษัทพาร์ทเนอร์แรก ๆ ของเขาที่ช่วยทำการตลาดให้กับหนังสือ ‘พ่อรวย สอนลูก’ ยื่นฟ้องต่อบริษัท Rich Global LLC หลายสิบล้านดอลลาร์ หลังไม่แบ่งเปอร์เซนต์กำไรจากการขายหนังสือตามที่เคยตกลงไว้ก่อนหน้านี้ และเมื่อศาลบังคับให้บริษัทต้องจ่าย เขากลับเลือกยื่นล้มละลายแทน โดยให้เหตุผลว่า บริษัท Rich Global LLC มีทรัพย์สินเพียงไม่กี่ล้านดอลลาร์เท่านั้น 

ทั้งนี้ หลายฝ่ายมองว่า คิโยซากิได้ดำเนินการยักย้าย ถ่ายเททรัพย์สินของบริษัท กระจายไปยังบริษัทอื่น ๆ ในเครือของเขา จนทำให้บริษัทที่เป็นคู่พิพาทกับ Learning Annex เหลือทรัพย์สินเพียงไม่กี่ดอลลาร์ เพราะการฟ้องครั้งนี้ ยื่นฟ้องต่อบริษัท ไม่ใช่บุคคล จึงทำให้การล้มละลายเกิดขึ้นกับบริษัทเท่านั้น ไม่ใช่ตัวคิโยซากิ 

ขณะเดียวกัน ก็มีเสียงวิจารณ์ว่า สัมมนาสอนการลงทุนของเขา ค่อนข้างเข้าข่ายหลอกลวง โดยเริ่มต้นให้ลงเรียนแบบฟรี ก่อนจะโน้มน้าวให้นักเรียนเริ่มลงเรียนในวิชาที่แพงขึ้นเรื่อย ๆ ตั้งแต่ 500 ดอลลาร์ ไปจนถึง 45,000 ดอลลาร์ แต่ประเด็นนี้ ยังไม่สามารถพิสูจน์ได้อย่างชัดเจนว่า สิ่งนี้ เป็นการหลอกลวงจริงหรือไม่ 

นอกจากนี้ คิโยซากิ ออกมาเปิดเผยว่า ตนเองมีหนี้ราว 1.2 พันล้านดอลลาร์ โดยส่วนใหญ่หนี้ของเขาจะใช้ไปกับการซื้ออสังหาริมทรัพย์ และสินทรัพย์ ซึ่งเขามีความเชื่อว่า การออมเงินสดมีความเสี่ยง หลังประธานาธิบดีริชาร์ด นิกสัน ประกาศระงับการแปลงค่าเงินดอลลาร์เป็นทองคำ หรือสินทรัพย์สำรองอื่น ๆ ตั้งแต่ปี 1971 เขาใช้หนี้เป็นเหมือนเงินสด และเลือกที่จะออมเป็นเงินและทองแทน ซึ่งแนวคิดนี้ ทำให้เขามีหนี้สินสะสมทั้งหมด 1.2 พันล้านดอลลาร์ หรือราว 3.99 หมื่นล้านบาท 

‘ถ้าผมล้มละลาย ธนาคารก็จะล้มละลายไปด้วย นั่นไม่ใช่ปัญหาของผม’ คิโยซากิ กล่าว 

‘คิโยซากิ’ นับได้ว่า ยังเป็นนักธุรกิจที่หลายคนมองเขาเป็นคนต้นแบบ และดำเนินตามแนวคิดของเขา แต่สุดท้าย เรื่องการเงิน การลงทุน เป็นเรื่องที่ขึ้นอยู่กับแต่ละบุคคล ซึ่งจำเป็นต้องศึกษาหาความรู้หลายด้าน ก่อนตัดสินใจทุ่มเงินลงไปที่ไหน เพื่อจะได้ไม่เผชิญกับความเสี่ยงในระดับที่เราอาจรับมือไม่ไหว หากเชื่อฟังใครมากเกินไป

‘สนธิ’ ประเมิน!! การเมืองใกล้สุกงอม พร้อมลงถนน ถ้าจำเป็น จวก!! การเมืองโจรสีเทา เล็งเข้าพบ ขอคำตอบจาก ‘แพทองธาร’

(24 พ.ย. 67) นายสนธิ ลิ้มทองกุล ผู้ก่อตั้งสื่อเครือผู้จัดการและเจ้าของรายการสนธิทอล์ค กล่าวถึงการประกาศทิศทางทางการเมือง ในการจัดงาน ‘ความจริง มีหนึ่งเดียว เพื่อชาติ ครั้งที่ 4’ ที่มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ วันนี้ ว่าหลักๆ แล้วผู้ปราศรัยแต่ละคนจะมีประเด็นที่พูดถึงสังคมและชาติบ้านเมือง ไม่ว่าจะเป็นการสูญเสียอธิปไตยของชาติ MOU 44 กฎหมายใหม่ ข้อตกลงใหม่ของ WHO องค์การอนามัยโลก จะเป็นผลร้ายต่อประเทศอย่างไร และส่วนตัวจะเป็นคนพูดสรุปปิดท้าย พยายามชี้ให้เห็นว่าประเทศไทยในรอบ 10 ปีที่ผ่านมา ไม่จำเป็นว่าจะเป็นรัฐบาลการเมืองหรือรัฐบาลทหาร ยังมีปัญหาที่คนไทยทุกคนต้องทนกับมันมาตลอด โดยไม่มีใครเข้ามาแก้ไข กระบวนการยุติธรรมที่ล้มเหลวทุกอย่าง โดยจะยกตัวอย่างหลายเรื่อง เช่น กรณีทนายตั้ม การฉ้อโกงที่มีมากอย่างผิดปกติ เรื่อง 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ที่ยังไม่จบ เรื่องเขากระโดง ซึ่งเป็นเรื่องมหัศจรรย์ ทำให้คนไทยช้ำใจที่ศาลฎีกาพิพากษาแล้วว่าเป็นของการรถไฟแห่งประเทศไทย แต่อธิบดีกรมที่ดินออกมาแถลงว่าไม่ใช่ จึงจะชี้ให้ประชาชนเห็นทุกอย่าง วันนี้คือประเทศไทยที่เราอยู่มา และตั้งคำถาม ถามว่าเราอยากจะอยู่ในประเทศนี้หรือไม่ จะปล่อยให้เป็นอย่างนี้ต่อไปหรือต้องหาวิธีคิดที่จะทำอะไร เพื่อเกิดการเปลี่ยนแปลงประเทศ เพราะทุกวันนี้นักการเมืองไม่ได้สนใจอะไร การเมืองประชาธิปไตยในบ้านเรา สามารถตั้งพรรคการเมืองกันได้ง่าย ไม่พอใจไปตั้งพรรคซึ่งไม่ใช่การเมืองที่สร้างสรรค์และคนที่เข้ามาในการเมืองแต่ละคนไม่เหมือนต่างชาติ ระบอบการเมืองไทยเปิดโอกาสให้โจรคนสีเทา คนมีเงินเข้ามาเล่นการเมือง และเมื่อมีอำนาจทางการเมืองก็จะเกิดเหตุอย่างเช่น เขากระโดง

นายสนธิยังประเมินสถานการณ์การเมือง ณ วันนี้ว่า ตอนนี้พรรคเพื่อไทยฟาดฟันพรรคภูมิใจไทย เรื่องเขากระโดง เพราะต้องการเกิดการต่อรองเรื่อง สนามกอล์ฟอัลไพน์ ซึ่งการเมืองมีอยู่แค่นี้ มีแต่ความเลวทราม และตนจะพูดถึงชั้น 14 ด้วยว่าเป็นไปได้อย่างไร ถือเป็นการขยี้กระบวนการยุติธรรมไทย ตนคิดว่าถึงเวลาต้องรวบรวมกลุ่มคนที่เห็นด้วยหาวิธีการว่าจะทำอย่างไรให้สังคมไทยหรือนักการเมืองเลวๆ ได้รับรู้

ส่วนการรวบรวมคนจะมีม็อบหรือไม่ นายสนธิ กล่าวว่า ไม่รู้ ต้องวัดไปตามสถานการณ์ อย่าตั้งคำถามว่าจะให้ตนออกถนนหรือเปล่า เพราะไม่รู้ ตนไม่อยากลง แต่ถ้าจำเป็น เป็นครั้งสุดท้ายในชีวิตก็จะทำ ซึ่งตอนนี้เริ่มร้อนแรงแล้ว อาจต้องรอให้เดือดกว่านี้อีกนิดหน่อย และคิดว่าสถานการณ์ขณะนี้สำหรับประชาชนอย่างตนใกล้สุกงอมแล้ว แต่สำหรับนักการเมือง พรรคเพื่อไทยกับพรรคภูมิใจไทย ดูรายงาน สว.สีน้ำเงิน ไม่มีใครแตกถ้านักการเมืองคุม สส. สว. ได้ แล้วประเทศไทยจะเหลืออะไร

เมื่อถามถึงกรณีที่นายกรัฐมนตรีบอกว่าพร้อมคุยกับนายสนธิและทุกฝ่ายนั้น นายสนธิ กล่าวว่า ได้เตรียมตัวแล้ว โดยจะรวบรวมเรียบเรียงคำร้องเรียนที่จะพูด เพื่อจะเข้าพบนายกรัฐมนตรี จะยื่นรายละเอียดให้ดู และจะถามคำตอบอย่างตรงไปตรงมาในหลายเรื่อง ซึ่งทุกอย่างต้องมีจุดเริ่มต้น

นครนายก - กองพันทหารราบโรงเรียนนายร้อยพระจุลจอมเกล้า จัดงานวันพร้อมญาติทหารใหม่ รุ่นปี 2567 ผลัดที่ 2 ณ พัน.ร.รร.จปร.

เมื่อเวลา 09.00 น.ของวันที่ (24 พ.ย.67) ที่สนามหน้ากองบังคับการกองร้อยที่ 1 พันเอกวัชระ ว่องวิกย์การ ผู้บังคับกองพันทหารราบโรงเรียนนายร้อยพระจุลจอมเกล้า เป็นประธานกล่าวเปิดงานวันพร้อมญาติทหารใหม่ รุ่นปี พ.ศ.2567 ผลัดที่ 2 โดยมีญาติทหารใหม่จังหวัดนครนายกและจังหวัดใกล้เคียงได้เตรียมนำอาหารกลางวันมาเลี้ยงสังสรรค์ และไต่ถามความเป็นอยู่ในการที่ลูกหลานเข้ามาทำหน้าที่รับใช้ชาติหลังจากผ่านการฝึก และในวันพร้อมญาติทหารใหม่ได้มีครอบครัวและญาติจำนวนมากเข้าร่วมในงานวันพร้อมญาติทหารใหม่ 

ภายในงานได้จัดให้มีการแสดงของทหารใหม่ให้ผู้ปกครองและญาติทหารใหม่ได้ชมการฝึกบุคคลเบื้องต้น ชมการแสดงมวยไทย ชมการแสดงยิงปืนฉับพลัน ชมการปฏิบัติทางยุทธวิธี และการแสดงมุทิตาจิตของทหารใหม่ พร้อมทหารใหม่ได้พบญาติ

ด้วยกองพันทหารราบ โรงเรียนนายร้อยพระจุลจอมเกล้า จัดให้มีงานวันพร้อมญาติทหารใหม่ รุ่นปี 2567 ผลัดที่ 2 เพื่อรับการฝึกจำนวนทั้งสิ้น 192 นายโดยแยกเป็นสังกัดดังนี้เช่น กองพันทหารราบ โรงเรียนนายร้อยพระจุลจอมเกล้า จำนวน 153 นาย โรงพยาบาลโรงเรียนนายร้อยพระจุลจอมเกล้า จำนวน 19 นาย โรงเรียนทหารการสัตว์ กรมการสัตว์ทหารบก จำนวน 20 นาย โดยมีภูมิลำเนา 14 จังหวัด ได้แก่ จังหวัดนครนายก จังหวัดปราจีนบุรี จังหวัดฉะเชิงเทรา จังหวัดกรุงเทพมหานคร จังหวัดสระแก้ว จังหวัดจันทบุรี จังหวัดตราด จังหวัดระยอง จังหวัดศรีสะเกษ จังหวัดอุบลราชธานี จังหวัดมหาสารคาม จังหวัดอำนาจเจริญ จังหวัดบุรีรัมย์และจังหวัดสุรินทร์ ห้วงการฝึกตั้งแต่วันที่ 1 พฤศจิกายน 2567 ถึง 7 ธันวาคม 2567 

ซึ่งทหารใหม่สามารถปรับสภาพความพร้อมทั้งทางร่างกายและจิตใจ จากการดำเนินชีวิตแบบพลเรือนมาเป็นการดำเนินชีวิตแบบทหาร ปรับคุณลักษณะและท่าทางของทหาร เรียนรู้วิธีปฏิบัติตนในการอยู่ร่วมกันภายในกรมกองการปลูกฝังให้เป็นผู้ให้เป็นผู้มีจิตใจดีมีคุณธรรม มีอุดมการณ์ความรักชาติและยึดมั่นการปกครองในระบอบประชาธิปไตย อันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข ดังนั้นเพื่อเป็นขวัญและกำลังใจแก่เหล่าทหารใหม่จึงจัดให้มีงานวันพร้อมญาติใหม่ขึ้น ณ กองพันทหารราบโรงเรียนนายร้อยพระจุลจอมเกล้า


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top