Thursday, 15 May 2025
Hard News Team

‘โปรจีน’ นักกอล์ฟสาวชาวไทยคว้าแชมป์รายการ CME รับเงิน 4 ล้านดอลลาร์สหรัฐ สูงในประวัติศาสตร์กอล์ฟหญิง

(25 พ.ย. 67) ‘โปรจีน’ อาฒยา ฐิติกุล นักกอล์ฟสาวชาวไทย มืออันดับ 7 ของโลก คว้าแชมป์รายการ CME Group Tour Championship สำเร็จ

สำหรับแชมป์ดังกล่าว นับเป็นแชมป์ LPGA Tour รายการที่ 4 ของโปรจีน และเป็นรายการที่ 2 ในฤดูกาลนี้ ต่อจากการแข่งขัน DOW Championship

ทั้งนี้ ในการแข่งขันวันสุดท้าย โปรจีน ที่เป็นผู้นำร่วมหลังจบวันที่สามกับแองเจิล หยิน โปรชาวอเมริกัน มาเก็บเพิ่มอีก 7 อันเดอร์พาร์ ทำสกอร์รวม 22 อันเดอร์พาร์ 266 เฉือนชนะแองเจิล หยิน ไปได้ 1 สโตรก ทำให้คว้าแชมป์ไปครองสร้างประวัติศาสตร์เป็นนักกอล์ฟไทยคนที่ 2 ต่อจาก ‘โปรเม’ เอรียา จุฑานุกาล ที่คว้าแชมป์รายการนี้เมื่อปี 2017 และทำให้โปรจีนคว้าแชมป์รายการใหญ่ส่งท้ายปีของแอลพีจีเอทัวร์ในฤดูกาลนี้ พร้อมรับเงินรางวัลแชมป์สูงที่สุดในประวัติศาสตร์วงการกอล์ฟหญิงโลก 4 ล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือประมาณ 138 ล้านบาท

สมุทรปราการ-เจ้าคุณธงชัย วัดไตรมิตรฯ ประธานพิธีพระราชทานเพลิงศพ อดีตเจ้าอาวาสวัดหนามแดงคณะสงฆ์วัดหนามแดงสุดอาลัย

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อวานนี้ (24 พ.ย.67) ท่านพระครูวิทูรกิจจาทร (พระครูจาบ) รักษาการเจ้าอาวาสวัดหนามแดง นำคณะสงฆ์วัดหนามแดง คณะเจ้าหน้าที่สำนักพุทธศาสนาจังหวัดสมุทรปราการ หัวหน้าส่วนราชการ เจ้าหน้าที่ตำรวจ ทหาร คณะศิษย์ยานุศิษย์และพี่น้องประชาชนตลอดจนหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง

ร่วมประกอบพิธีงานพระราชทานเพลิงศพสรีระสังขารพระครูสาทรวิหารกิจ อดีตเจ้าอาวาสวัดหนามแดง รูปที่ 7 ณ เมรุชั่วคราว วัดหนามแดง ต.บางแก้ว อ.บางพลี สมุทรปราการ 

ซึ่งทางวัดหนามแดงได้รับความเมตตาจากทางคณะสงฆ์ทรงสมณศักดิ์ให้เกียรติเดินทางมาเป็นประธานและร่วมประกอบพิธีงานพระราชทานเพลิงศพสรีระสังขาร ท่านพระครูสาทรวิหารกิจ อดีตเจ้าอาวาสวัดหนามแดง รูปที่ 7 อาทิ เจ้าประคุณสมเด็จพระมหารัชมงคลมุนี กรรมการมหาเถระสมาคม เจ้าคณะใหญ่หนกลาง วัดไตรมิตรวิทยารามวรวิหาร ประธานฝ่ายสงฆ์ ทอดผ้าบังสุกุล

พร้อมด้วย พระเดชพระคุณพระพรหมวชิรมุนี กรรมการมหารเถระสมาคม เจ้าอาวาสวัดสุทัศน์เทพวรารามราชวรวิหาร พระธรรมวชิรเมธี รองศาสตราจารย์ ดร. รองอธิการบดี เจ้าคณะภาค 1 เจ้าอาวาสวัดหงส์รัตนารามราชวรมหาวิหาร พระเดชพระคุณพระเทพสมุทรวัชราจารย์ เจ้าคณะจังหวัดสมุทรปราการ เจ้าอาวาสวัดบางพลีใหญ่ใน (พระอารามหลวง) 

พระเดชพระคุณพระราชสมุทรวัชราจารย์ เจ้าอาวาสวัดกลางวรวิหาร พระครูปลัดสุวัฒนศีลคุณ (พระครูแจ้) เจ้าอาวาสวัดบางพลีใหญ่กลาง ร่วมทอดผ้าบังสุกุลเป็นต้น

นอกจากนี้ วัดหนามแดงยังได้รับความเมตตาจาก พระเดชพระคุณพระธรรมวชิรานุวัตร เจ้าอาวาสวัดไร่ขิง พร้อมด้วย พระเดชพระคุณพระราชวชิรสารเวที เจ้าอาวาสวัดบางนาใน พระเดชพระคุณพระศรีรัตนเมธี เจ้าอาวาสวัดกิ่งแก้ว พระเดชพระคุณพระเมธีวราภรณ์ ผู้ช่วยเจ้าอาวาสวัดพนัญเชิงวรวิหาร 

ประกอบพิธีเจริญชัยมงคลคาถาและสวดอภิธรรมเพื่ออุทิศส่วนกุศลแด่ท่านพระครูสาทรวิหารกิจ อดีตเจ้าอาวาสวัดหนามแดง รวมถึงการแสดงธรรมเทศนา โดย พระธรรมวชิรเมธี รองศาสตราจารย์ ดร. รองอธิการบดี เจ้าคณะภาค 1 เจ้าอาวาสวัดหงส์รัตนารามราชวรมหาวิหาร 

จากนั้นในเวลา 17.00 น. คณะเจ้าหน้าที่ได้มีการอัญเชิญไฟพระราชทานเพลิงศพอดีตเจ้าอาวาสวัดหนามแดง ณ เมรุชั่วคราว วัดหนามแดง โดยมี นายสุนทร ปานแสงทอง อดีตรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ พร้อมด้วย ดร.ยงยุทธ สุวรรณบุตร สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรจังหวัดสมุทรปราการ สมัยที่ 25 ที่ปรึกษากิตติมศักดิ์นายกเทศมนตรีตำบลแพรกษา นายสงคราม กิจเลิศไพโรจน์ สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรจังหวัดสมุทรปราการและที่ปรึกษานายกรัฐมนตรี 

นายสมศักดิ์ แก้วเสนา ปลัดจังหวัดสมุทรปราการ นายขจิตเวช แก้วน้อย นายอำเภอบางพลี หัวหน้าส่วนราชการ คณะสมาชิกสภา อบจ.สมุทรปราการ คณะผู้บริหารท้องถิ่น กลุ่มสมุทรปราการก้าวหน้า คณะครู คณะสงฆ์วัดหนามแดงเป็นต้น ตลอดจนข้าราชการตำรวจ ทหาร คณะศิษย์ยานุศิษย์และพี่น้องประชาชนจำนวนมากร่วมในพิธีพระราชทานเพลิงศพท่านพระครูสาทรวิหารกิจ อดีตเจ้าอาวาสวัดหนามแดง ณ เมรุชั่วคราววัดหนามแดง ซึ่งในพิธีพระราชทานเพลิงศพทางวัดหนามแดง นำโดย ท่านพระครูวิทูรกิจจาทร (พระครูจาบ) รักษาการเจ้าอาวาสวัดหนามแดง พร้อมด้วย คณะสงฆ์วัดหนามแดงได้ดำเนินงานพระราชพิธีจัดอย่างสมเกียรติและยิ่งใหญ่เพื่ออุทิศแด่ท่านพระครูสาทรวิหารกิจ อดีตเจ้าอาวาสวัดหนามแดง รูปที่ 7 สิริอายุรวม 82 ปี 59 พรรษา

ห้างดังลาดพร้าวยืนยันไม่ใช่อุจจาระ เศษสีเหลืองกระจายคือ ไขมันจากร้านอาหาร

(25 พ.ย.67) กรณีที่มีการแชร์ผ่านโซเชียลมีเดีย เผยแพร่คลิปวิดีโอลักษณะของเหลวสีเหลือง คล้ายของเสียจากส้วมกระจายภายในห้างสรรพสินค้าชื่อดังย่านลาดพร้าว ทำให้ร้านค้าได้รับความเสียหาย 

ล่าสุดทางห้างได้ชี้แจงผ่านเว็บไซต์ข่าวสดว่า พื้นเกิดเหตุอยู่บริเวณชั้น 3 โซนแฟชั่น ติดกับประตูทางเข้าลานจอดรถ ซึ่งเศษก้อนสีเหลืองที่กระจายจนทำให้เข้าใจผิดคิดว่าเป็นอุจจาระนั้น คือก้อนไขมันจากร้านอาหาร ซึ่งเป็นของเสียทำให้มีกลิ่นไม่พึงประสงค์เช่นเดียวกับอุจจาระ แต่ยืนยันว่าท่อที่แตกไม่ใช่ท่อส้วมอุจจาระอย่างที่เป็นข่าว

ทั้งนี้ เจ้าหน้าที่กำลังเร่งตรวจสอบสาเหตุที่ทำให้ท่อแตก เบื้องต้นมีการสันนิษฐานว่าท่ออาจจะมีการอุดตันเยอะเกินไป จึงทำให้น้ำแตกออกมา โดยปกติแล้วทางห้างจะมีโครงการให้ร้านอาหารแต่ละร้านเข้าร่วมในการตรวจเช็กสภาพท่อ พร้อมทั้งให้ผู้รับเหมาเข้ามาดูแลงานระบบ แต่ทั้งนี้บางร้านก็อาจจะไม่ได้เข้าร่วมโครงการดังกล่าว ซึ่งตอนนี้ทางห้างกำลังเร่งตรวจสอบย้อนหลังอยู่

จึงขอวิงวอนให้ทุกสื่อช่วยแก้ข่าวที่ลงไปว่าห้างท่อส้วมแตก เนื่องจากตอนนี้ทางห้างได้รับผลกระทบ

(บุรีรัมย์) ผู้บัญชาการกองกำลังสุรนารี ตรวจเยี่ยมการฝึก 'การส่งกลับสายแพทย์ทางอากาศ'

ที่ ช่องสายตะกู อำเภอบ้านกรวด จังหวัดบุรีรัมย์ พลตรี สมภพ ภาระเวช ผู้บัญชาการกองกำลังสุรนารี พร้อมด้วยรองผู้บัญชาการกองกำลังสุรนารี และฝ่ายเสนาธิการกองกำลังสุรนารี ตรวจเยี่ยมการฝึก 'การส่งกลับสายแพทย์ทางอากาศ' ในพื้นที่ ช่องสายตะกู อำเภอบ้านกรวด จังหวัดบุรีรัมย์ เพื่อให้กำลังพลสามารถปฏิบัติการปฐมพยาบาล การเคลื่อนย้ายผู้บาดเจ็บ ได้อย่างถูกวิธี และสามารถนำความรู้ถ่ายทอดให้กับกำลังพลต่อไปได้ 

โดยได้รับการสนับสนุนยุทธโธปกรณ์จากกองทัพภาคที่ 2 เข้าร่วมทำการฝึกในครั้งนี้ ซึ่งจัดกำลังพลจากหน่วยเฉพาะกิจที่ 2 กองกำลังสุรนารี โรงพยาบาลค่ายวีรวัฒน์โยธิน โรงพยาบาลค่ายสมเด็จเจ้าพระยามหากษัตริย์ศึก และ โรงพยาบาลบ้านกรวด ร่วมทำการฝึกการส่งกลับสายแพทย์ทางอากาศ เพื่อเป็นการเพิ่มพูนความรู้และขีดความสามารถให้กับกำลังพลที่ปฏิบัติภารกิจป้องกันชายแดน 

โดยมี ผู้บังคับหน่วยในพื้นที่ ให้การต้อนรับ และร่วมปฏิบัติภารกิจในครั้งนี้ 


 

ทัพสหรัฐส่งเรือบรรทุกเครื่องบิน 3 ลำประจำการในเอเชีย เชื่อรอคำสั่งว่าที่ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์

(25 พ.ย.67) นิเคอิเอเชียรายงานใน ภายในสัปดาห์นี้จะมีเรือบรรทุกเครื่องบินของกองทัพสหรัฐฯ 3 ลำเดินทางถึงฝั่งแปซิฟิกตะวันตก หลังจากไม่ได้ประจำการที่นี่มาหลายเดือน เนื่องจากถูกส่งไปตะวันออกกลาง ท่ามกลางความกังวลว่าอาจเป็นการแสดงท่าทีแข็งกร้าวต่อจีน 

ความคืบหน้าดังกล่าวมีขึ้นในช่วง 50 วันก่อนหน้าที่ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ จะเข้าพิธีสาบานตนรับตำแหน่ง

รายงานระบุว่า เรือบรรทุกเครื่องบินยูเอสเอสจอร์จ วอชิงตัน ซึ่งเป็นเรือบรรทุกเครื่องบินพลังงานนิวเคลียร์ พร้อมลูกเรือ 2,702 คน มาถึงท่าเรือโยโกซุกะ ในอ่าวโตเกียว ประเทศญี่ปุ่น เมื่อวันที่ 22 พฤศจิกายน ท่าเรือที่เป็นที่ตั้งของกองเรือที่ 7 ของสหรัฐ และเป็นครั้งแรกในรอบ 9 ปีที่เรือยูเอสเอสจอร์จ วอชิงตันกลับมายังท่าเรือนี้ นอกจากนี้ เรือยูเอสเอสคาร์ล วินสัน จะเข้าประจำการที่ท่าเรือนี้ในวันที่ 25 พฤศจิกายนนี้เช่นกัน

อีกลำหนึ่งคือ เรือยูเอสเอสอับราฮัม ลินคอล์น ซึ่งขณะนี้อยู่ในมหาสมุทรอินเดีย กำลังมุ่งหน้าผ่านทะเลจีนใต้ โดยอาจมีกำหนดการแวะที่ฐานทัพบนเกาะโอกินาว่า ก่อนจะเดินทางกลับซานฟรานซิสโก รัฐแคลิฟอร์เนียต่อไป

นาวาตรีเคที โคนิก (Katie Koenig) โฆษกกองเรือประจำภูมิภาคแปซิฟิกของสหรัฐ กล่าวว่า การประจำการของเรือบรรทุกเครื่องบินนี้จะช่วยให้กองกำลังทางทะเลและกองกำลังร่วมสามารถตอบสนองต่อสถานการณ์ได้อย่างรวดเร็ว และสหรัฐได้นำเรือที่มีขีดความสามารถสูงที่สุดมาปฏิบัติภารกิจ ซึ่งมีกำลังในการโจมตีและปฏิบัติการที่มีประสิทธิภาพสูงสุด

นับตั้งแต่กลางเดือนพฤษภาคมที่ผ่านมา เรือบรรทุกเครื่องบินยูเอสเอสโรนัลด์ เรแกนออกจากท่าโยโกซุกะ สหรัฐไม่ได้มีเรือบรรทุกเครื่องบินประจำการในแปซิฟิกตะวันตกอีก โดยสหรัฐหันไปให้ความสำคัญต่อพื้นที่ในตะวันออกกลางแทนเนื่องจากสถานการณ์ความตึงเครียดในอิสราเอล

เบรนต์ แซดเลอร์ (Brent Sadler) นักวิจัยจากมูลนิธิเฮอริเทจ (Heritage Foundation) กล่าวว่าการเพิ่มกำลังทหารในช่วงนี้ถือเป็นการเตรียมพร้อมสำหรับการทดสอบจากจีน ซึ่งสหรัฐมองว่าจีนเป็นภัยคุกคามอันดับหนึ่งอย่างชัดเจน อีกทั้งมองว่าการเพิ่มกำลังของสหรัฐในแปซิฟิกนี้เกิดขึ้นเพื่อรับมือกับภัยคุกคามจากจีนในช่วง 50 วันที่เหลือก่อนการเข้ารับตำแหน่งของทรัมป์ในวันที่ 20 มกราคม 2025 และอาจทำให้การประจำการในตะวันออกกลางลดลง

ด้านจาค็อบ สโตกส์ (Jacob Stokes) รองผู้อำนวยการโครงการความมั่นคงอินโด-แปซิฟิกที่ศูนย์ความมั่นคงอเมริกันใหม่ (Center for a New American Security) หลังจากนี้เราอาจได้เห็นท่าทีอันแข็งกร้าวจากจีน ด้วยการซ้อมรบบริเวณรอบเกาะไต้หวันหรือบริเวณทะเลจีนใต้ ซึ่งถ้ามีการส่งเรือบรรทุกเครื่องบินไปประจำการเพิ่มขึ้น จะมีทางเลือกที่หลากหลายในการตอบโต้จีนได้มากขึ้น

ลำปาง-ตำรวจ ภ.จว.ลำปาง แถลงข่าวการจับกุมยาบ้ารายใหญ่  รวม 6.3 ล้านเม็ด

เมื่อวันจันทร์ที่ 25 พฤศจิกายน 2567 เวลา 13.00 น. ณ บริเวณด้านหน้าอาคาร ตำรวจภูธรจังหวัดลำปาง(แห่งใหม่) ตำรวจภูธรจังหวัดลำปางแถลงข่าวการจับกุมยาเสพติดรายสำคัญ โดยมีนายชุติเดช มีจันทร์ ผู้ว่าราชการจังหวัดลำปาง พล.ต.ต.ภูมิปัญญ์ญา นวตระกูลพิสุทธิ์ ผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดลำปาง พล.ต.วิชาญ ศรีภัทรางกูร ผู้บัญชาการมณฑลทหารบกที่ 32 และพ.ต.อ.ชูวิทย์ กองแก้ว , พ.ต.อ.สังเวียน อินตากูล , พ.ต.อ.คมสันต์ สอาดล้วน รอง ผบก.ภ.จว.ลำปาง , พ.ต.อ.วชิรศักดิ์  ศรีประสม รอง ผบก.สส.ภ.5 สำนักงาน ป.ป.ส.ภาค 5 โดยนายอภิกิต ฉ.โรจน์ประเสริฐ  ผอ.ปปส.ภาค 5 , นายดนุชา  ไชยวงค์ ผอ.บก.ปปส.ภาค 5 ศูนย์พิสูจน์หลักฐาน 5 เจ้าหน้าที่ฝ่ายปกครอง ร่วมกันแถลงผลการจับกุมคดียาเสพติดรายสำคัญ พื้นที่ อ.สบปราบ จ.ลำปาง จำนวน 2 คดี รวมของกลาง 6,296,000 เม็ด ผู้ต้องหา 4 คน

โดยคดีที่ 1 เมื่อวันที่ 23 พฤศจิกายน 2567 เวลาประมาณ 00.05 น. หน่วยจับกุม สภ.สบปราบ จว.ลำปาง ร่วมกับ ศูนย์สกัดกั้นการลักลอบลำเลียงยาเสพติด ตำรวจภูธรภาค 5 กองบังคับการสืบสวนสอบสวน ตำรวจภูธรภาค 5 กองกำกับการสืบสวน ตำรวจภูธรจังหวัดลำปางและฝ่ายปกครอง อำเภอสบปราบ ร่วมกันจับกุมตัวผู้ต้องหา 2 คน คือ นายภูเบศร์ ภูมิลำเนา จ.สุพรรณบุรี และ นายบุญลักษณ์ ภูมิลำเนา จ.นครศรีธรรมราช โดยเจ้าหน้าที่ตำรวจด่านตรวจยาเสพติดสบปราบ ได้รับแจ้งจากสายลับ ว่าจะมีการลักลอบลำเลียงยาเสพติดจำนวนมากผ่านพื้นที่ของ อ.สบปราบ โดยใช้เส้นทางผ่านด่านตรวจยาเสพติดสบปราบ ต่อมา วันที่ 23 พ.ย.67 เวลาประมาณ 00.05 น. ได้มีรถยนต์กระบะ ขับเข้ามายังด่านตรวจตามที่ได้รับแจ้งจากสายลับ เจ้าหน้าที่ชุดคัดกรองรถจึงเรียกให้หยุดรถเพื่อทำการขอตรวจค้น พบนายภูเบศร์ เป็นผู้ขับรถคันดังกล่าว จึงทำการตรวจค้นร่างกายและรถยนต์กระบะ ผลการตรวจค้นไม่พบสิ่งของผิดกฎหมาย เจ้าหน้าที่ได้สังเกตท่าทาง นายภูเบศร์ มีพิรุธมือสั่น มีอาการลุกลี้ลุกลน หลบสายตาอยู่ตลอด คล้ายบุคคลได้กระทำความผิดมา

จากการซักถาม นายภูเบศร์ รับสารภาพว่าตนได้รับการติดต่อจากนายบุญลักษณ์ ให้ทำ
หน้าที่ขับรถนำทาง รถบรรทุก 6 ล้อ โดยมีนายบุญลักษณ์ เป็นผู้ขับขี่ และทราบว่าน่าจะมีสิ่งของผิดกฎหมายซุกซ่อนในรถบรรทุก คันดังกล่าว เจ้าหน้าที่ชุดจับกุมจึงได้สืบสวนติดตาม ประสานให้ด่านตรวจ สภ.แม่พริก เพื่อสกัดและทำการตรวจค้น ต่อมาเวลาประมาณ 01.40 น. เจ้าที่ชุดจับกุมของสภ.สบปราบ และ สภ.แม่พริก ได้พบรถคันดังกล่าวบริเวณเขตติดต่อจังหวัดลำปาง-ตาก จึงได้แสดงตัวและนำรถคันดังกล่าวมาเอ็กซเรย์ ที่ด่านตรวจ สภ.แม่พริก พบว่าภายในมีวัตถุต้องสงสัย จำนวน 30 กล่อง เชื่อได้ว่าน่าจะเป็นยาเสพติด(ยาบ้า) เจ้าหน้าที่ชุดจับกุม สภ.สบปราบ จึงได้ควบคุมรถคันดังกล่าว และนายบุญลักษณ์ มายังด่านตรวจยาเสพติด สภ.สบปราบ ตรวจค้นรถคันดังกล่าวพบกล่องพัสดุสีน้ำตาลจำนวน 30 กระสอบ ภายในบรรจุยาเสพติด(ยาบ้า) จำนวนประมาณ 6,000,000 เม็ด เจ้าหน้าที่ชุดจับกุมจึงทำการขยายผลต่อไป

คดีที่ 2 วันที่ 24 พฤศจิกายน 2567 เวลาประมาณ 01.30 น. สภ.สบปราบ จว.ลำปาง ร่วมกับ ศูนย์สกัดกั้นการลักลอบลำเลียงยาเสพติด ตำรวจภูธรภาค 5 กองบังคับการสืบสวนสอบสวน ตำรวจภูธรภาค 5 กองกำกับการสืบสวน ตำรวจภูธรจังหวัดลำปางและ ฝ่ายปกครอง อำเภอสบปราบ จับกุม ผู้ต้องหา 4 คน ผู้ต้องหาที่ 1 คือ นายชาตรี ภูมิลำเนา จ.ตาก ผู้ต้องหาที่ 2 น.ส.สุภาพร ภูมิลำเนา จ.ตาก ผู้ต้องหาที่ 3 นายกายสิทธิ์ ภูมิลำเนา จ.ตาก และผู้ต้องหาที่ 4 น.ส.นงนุช ภูมิลำเนา จ.สุโขทัย โดยขณะที่เจ้าหน้าที่ชุดจับกุมได้ร่วมกันตั้งด่านตรวจยาเสพติดสบปราบ สภ.สบปราบ ได้รับแจ้งว่าจะมีการลักลอบลำเลียงยาเสพติดมาในพื้นที่ จนกระทั่ง เวลาประมาณ 01.30 น. ได้มีรถยนต์กระบะ ขับเข้ามายังด่านตรวจ เจ้าหน้าที่ชุดคัดกรองรถจึงเรียกให้หยุดรถเพื่อทำการตรวจค้น เจ้าหน้าที่ชุดจับกุมพบนาย ชาตรี เป็นผู้ขับรถคันดังกล่าว และน.ส.สุภาพร เป็นผู้โดยสารนั่งมาด้วย เจ้าหน้าที่ชุดจับกุมได้สังเกต นาย ชาตรี แสดงอาการมีพิรุธลุกลี้ลุกลน จึงทำการตรวจค้นและพบว่ารถกระบะคันดังกล่าว ซุกซ่อนยาเสพติด(ยาบ้า)อยู่ตามบริเวณใต้ที่เก็บของฝั่งประตูซ้าย จำนวน 14 ก้อน ฝั่งประตูขวา จำนวน 12 ก้อน บริเวณช่องเข็มขัดนิรภัย ฝั่งประตูซ้าย จำนวน 14 ก้อน ฝั่งประตูขวา จำนวน 14 ก้อน บริเวณช่องลำโพง หลังรถ จำนวน 4 ก้อน ใต้แม็กไลเน่อ ฝั่งซ้ายจำนวน 46 ก้อน ฝั่งขวา จำนวน 44 ก้อน รวมยาเสพติดทั้งหมดจำนวน 148 ก้อน หรือจำนวนประมาณ 296,000 เม็ด

ทั้งนี้ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ ขอความร่วมมือพี่น้องประชาชนเพื่อร่วมกันสอดส่องดูแลลูกหลานหรือบุคคลใกล้ชิด หรือบุคคลที่มีพฤติกรรมเกี่ยวข้องกับยาเสพติด โดยสามารถแจ้งข้อมูลผ่านสายด่วนยาเสพติด 1599 , สายด่วน 191 , line@inthanon1(ผบช.ภ.5) และ Application Police l lert U ได้ตลอด 24 ชั่วโมง

ส.อ.ท. หั่นเป้าผลิตรถยนต์ปี 67 เหลือ 1.5 ล้านคัน ยอดขายในประเทศ-ส่งออกทรุด หวังมอเตอร์เอ็กซ์โปปลายปีดันยอด

(25 พ.ย.67) นายสุรพงษ์ ไพสิฐพัฒนพงษ์ ปรึกษาประธานกลุ่มอุตสาหกรรมยานยนต์และโฆษกกลุ่มอุตสาหกรรมยานยนต์ สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.) แถลงถึงการปรับเป้าหมายการผลิตรถยนต์ประจำปี 2567 จากเดิม 1,700,000 คัน เป็น 1,500,000 คัน ลดลง 200,000 คัน หลังตลาดทั้งในและต่างประเทศได้รับผลกระทบจากหลายปัจจัย โดยเป้าหมายการผลิตใหม่แบ่งเป็นการผลิตเพื่อขายในประเทศ 450,000 คัน ลดลงจากเดิม 550,000 คัน และการผลิตเพื่อส่งออก 1,050,000 คัน ลดลงจากเดิม 1,150,000 คัน

ข้อมูลการผลิตรถยนต์ในเดือนตุลาคม 2567 พบว่า ผลิตได้ 118,842 คัน ลดลง 25.13% เมื่อเทียบกับเดือนตุลาคมปี 2566 และลดลง 2.81% เมื่อเทียบกับเดือนกันยายนปี 2567 เนื่องจากการผลิตเพื่อส่งออกลดลง 7.00% และการผลิตเพื่อขายในประเทศลดลงถึง 51.70% ขณะที่ยอดรวมการผลิตระหว่างเดือนมกราคมถึงตุลาคม 2567 มีทั้งหมด 1,246,868 คัน ลดลง 19.28%

ปัจจัยที่มีผลต่อการลดลงของยอดขายรถยนต์ในประเทศมาจากการเข้มงวดของสถาบันการเงินในการปล่อยสินเชื่อ โดยจำนวนบัญชีผู้กู้ซื้อรถยนต์ในไตรมาสสามลดลงเหลือ 6,365,571 บัญชี ลดลงจากไตรมาสสอง 75,377 บัญชี และลดลงจากไตรมาสสามปี 2566 จำนวน 199,655 บัญชี ขณะที่ยอดหนี้รวมของผู้กู้ซื้อรถยนต์อยู่ที่ 2,465,204 ล้านบาท ลดลง 2.8% เมื่อเทียบกับไตรมาสสอง และลดลง 5.8% เมื่อเทียบกับไตรมาสสามปี 2566

นายสุรพงษ์ กล่าวเพิ่มเติมว่า แม้จะมีงานมอเตอร์เอ็กซ์โปในปลายเดือนนี้ ซึ่งคาดว่าจะช่วยกระตุ้นตลาดได้ แต่สถาบันการเงินยังคงมีมาตรการเข้มงวดในการปล่อยสินเชื่อ เนื่องจากอัตราส่วนของหนี้เสียยังสูง ดังนั้นคาดว่าเป้าหมายยอดขายในประเทศปีนี้ที่เคยตั้งไว้ที่ 550,000 คัน จะปรับลงเป็น 450,000 คัน

ในส่วนของตลาดส่งออก ปัจจัยสำคัญคือสงครามระหว่างอิสราเอลและฮามาสที่อาจกระทบตลาดในตะวันออกกลางและยุโรป รวมถึงสงครามยูเครนกับรัสเซียที่อาจส่งผลกระทบต่อการส่งออกรถยนต์และสินค้าอื่น ๆ หากสถานการณ์ยังคงตึงเครียด

‘บีโอไอ’ เผยผลสำเร็จโรดโชว์แดนมังกร ผู้ผลิตแบตฯ – อิเล็กทรอนิกส์ เล็งตบเท้าลงทุนไทย

บีโอไอเผยผลสำเร็จการเยือนประเทศจีน นักลงทุนจีนตบเท้าเข้าร่วมงานสัมมนา กว่า 600 ราย สูงสุดเป็นประวัติการณ์ ไทยชิงจังหวะสร้างความเชื่อมั่นในกลุ่มนักลงทุนจีนที่ต้องการกระจายฐานการผลิตป้อนตลาดโลก พร้อมรุกเจรจาผู้ผลิตแบตเตอรี่ – อิเล็กทรอนิกส์ขั้นสูง รวมทั้งบรรจุภัณฑ์ชีวภาพ โดยบริษัทใหญ่ของจีนเตรียมแผนลงทุนในไทยมูลค่ากว่า 90,000 ล้านบาท

(25 พ.ย. 67) นายนฤตม์ เทอดสถีรศักดิ์ เลขาธิการคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน (บีโอไอ) เปิดเผยผลการเยือน สาธารณรัฐประชาชนจีน นำโดยนายพิชัย ชุณหวชิร รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง ระหว่างวันที่ 19 – 22 พฤศจิกายน ที่ผ่านมา โดยการเยือนครั้งนี้ บีโอไอได้ผนึกกำลังกับองค์กรส่งเสริมการค้าและการลงทุนระหว่างประเทศของจีน (CCPIT), Bank of China และสมาคมส่งเสริม Belt and Road จัดงานสัมมนาใหญ่ 'Thailand – China Investment Forum 2024' ณ โรงแรม Shanghai Marriott Marquis มหานครเซี่ยงไฮ้ เพื่อแสดงศักยภาพและความพร้อมของประเทศไทยในการรองรับการลงทุน ซึ่งมีบริษัทชั้นนำของจีนเข้าร่วมงานอย่างคับคั่งกว่า 600 ราย นับว่าสูงที่สุดเป็นประวัติการณ์ แสดงถึงการให้ความสำคัญและความสนใจอย่างมากของนักลงทุนจีนที่มีต่อประเทศไทย โดยเฉพาะกลุ่มนักลงทุนจีนที่ต้องการกระจายฐานการผลิตออกสู่ตลาดโลก ในจังหวะเวลาที่ยังมีความกังวลต่อมาตรการกีดกันการค้ารอบใหม่ของสหรัฐอเมริกา

ในงานสัมมนาใหญ่ รองนายกรัฐมนตรี ได้กล่าวถึงความตั้งใจของรัฐบาลไทยในการเตรียมการเพื่อรองรับการลงทุนจากต่างประเทศ ทั้งด้านพื้นที่ โครงสร้างพื้นฐาน พลังงานสะอาด น้ำ การเตรียมพร้อมด้านบุคลากร และการอำนวยความสะดวกของภาครัฐ เพื่อให้การลงทุนในประเทศไทยประสบความสำเร็จและก่อให้เกิดผลประโยชน์ร่วมกันของทั้งสองฝ่าย รวมทั้งโอกาสความร่วมมือกับสาธารณรัฐประชาชนจีนและมหานครเซี่ยงไฮ้ โดยเฉพาะด้าน Digital Economy และ Green Economy

ในขณะที่เลขาธิการบีโอไอ ได้นำเสนอสิทธิประโยชน์และมาตรการสนับสนุนจากภาครัฐ และโอกาส การลงทุนในประเทศไทย โดยเฉพาะใน 5 สาขาสำคัญ ที่จะเป็นฐานอุตสาหกรรมใหม่ของไทย ได้แก่ อุตสาหกรรมชีวภาพและพลังงานหมุนเวียน ยานยนต์ไฟฟ้ารวมทั้งแบตเตอรี่และชิ้นส่วนสำคัญ เซมิคอนดักเตอร์และอิเล็กทรอนิกส์ขั้นสูง ดิจิทัล และกิจการศูนย์กลางธุรกิจระหว่างประเทศ นอกจากนี้ ยังมีผู้บริหารบริษัทชั้นนำของจีนร่วมถ่ายทอดประสบการณ์และความสำเร็จของการทำธุรกิจในประเทศไทย ได้แก่ Bank of China, บริษัท Haier ผู้ผลิตเครื่องใช้ไฟฟ้าอัจฉริยะรายใหญ่ และบริษัท Westwell Technology ผู้นำด้าน AI และ Digital Green Logistics อีกทั้งบีโอไอยังได้ร่วมมือกับกลุ่มธนาคารไทย ได้แก่ ธนาคารกรุงเทพ กสิกรไทย และ ไทยพาณิชย์ และกลุ่มนิคมอุตสาหกรรม ได้แก่ นิคมอุตสาหกรรม WHA, โรจนะ, 304, TRA, TFD และเอส มาร่วมออกบูธให้ข้อมูล เพื่อสนับสนุนนักลงทุนจีนให้สามารถเข้าถึงที่ดิน สินเชื่อและบริการทางการเงิน และเครือข่ายทางธุรกิจที่จะช่วยเร่งให้เกิดการลงทุนจริงได้อย่างครบวงจร

นอกจากงานสัมมนาแล้ว รองนายกรัฐมนตรีและเลขาธิการบีโอไอ ยังได้หารือและเจรจาแผนการลงทุนเป็นรายบริษัทกับนักลงทุนเป้าหมายรายใหญ่ จำนวน 6 บริษัท ใน 3 กลุ่มอุตสาหกรรม ซึ่งกำลังเตรียมแผนการลงทุนในประเทศไทย คาดว่าจะมีมูลค่าเงินลงทุนรวมกันกว่า 90,000 ล้านบาท ประกอบด้วย 
- อุตสาหกรรมแบตเตอรี่ต้นน้ำระดับเซลล์ 2 ราย ซึ่งเป็นเทคโนโลยีระดับสูงที่เป็นหัวใจของการผลิตแบตเตอรี่ ให้ความสนใจลงทุนในไทยเพื่อรองรับการเติบโตของอุตสาหกรรมยานยนต์ไฟฟ้า ระบบกักเก็บพลังงาน และอุตสาหกรรมพลังงานสะอาด 

- อุตสาหกรรมอิเล็กทรอนิกส์ขั้นสูง 3 ราย ทั้งการผลิตอุปกรณ์ขั้นสูงที่ใช้ในระบบโทรคมนาคม และ Data Center, การวิจัย ออกแบบและผลิตชิป กลุ่มนี้สนใจลงทุนเพื่อใช้ไทยเป็นฐานการผลิตเพื่อส่งออกไปยังตลาดโลก ซึ่งจะทำให้เกิดการจ้างงานและพัฒนาบุคลากรด้านวิศวกรรมขั้นสูงจำนวนมาก รวมถึงช่วยยกระดับภาคอุตสาหกรรมและขีดความสามารถในการพัฒนา AI ของไทย

- อุตสาหกรรมบรรจุภัณฑ์ชีวภาพ 1 ราย เป็นการพัฒนาบรรจุภัณฑ์จากชานอ้อยที่มีมาตรฐานความปลอดภัยระดับโลก สำหรับใช้บรรจุอาหารและผลิตภัณฑ์อิเล็กทรอนิกส์ ซึ่งจะช่วยสร้างมูลค่าเพิ่มให้กับวัตถุดิบและเศษวัสดุเหลือใช้ทางการเกษตรของไทย 

นอกจากนี้ คณะยังได้หารือกับผู้บริหารสมาคมอุตสาหกรรมพลังงานและแบตเตอรี่จีน เกี่ยวกับการสร้างระบบนิเวศของการจัดการแบตเตอรี่ใช้แล้ว เช่น ระบบการติดตามแบตเตอรี่ตั้งแต่ต้นทาง (Tracking System) ระบบการซ่อมและรวบรวมแบตเตอรี่ใช้แล้ว การนำกลับมาใช้ใหม่ (Repack / Reuse) เทคโนโลยีการรีไซเคิลแบตเตอรี่ รวมถึงการออกกฎระเบียบเพื่อกำกับดูแล และการจัดหาพื้นที่สำหรับธุรกิจนี้ เพื่อให้ประเทศไทยสามารถวางแผนเตรียมรองรับปริมาณแบตเตอรี่ใช้แล้วที่จะเริ่มเข้าสู่ตลาดในอนาคตอันใกล้ได้อย่างมีประสิทธิภาพ

“ผลสำเร็จจากการเยือนจีนในครั้งนี้ ตอกย้ำถึงกระแสความสนใจในการออกไปลงทุนในต่างประเทศของนักธุรกิจจีน ซึ่งบริษัทจำนวนมากมีความพร้อมทั้งด้านเงินทุนและเทคโนโลยีที่ก้าวหน้า รวมทั้งมีการตัดสินใจและการเริ่มต้นธุรกิจอย่างรวดเร็ว การนำทีมโรดโชว์โดยท่านรองนายกฯ พิชัย ได้ช่วยสร้างความเชื่อมั่นให้กับนักลงทุนว่ารัฐบาลไทยพร้อมต้อนรับและสนับสนุนการลงทุนที่มีคุณภาพจากจีน รวมทั้งจะช่วยแก้ไขปัญหาและอุปสรรคต่าง ๆ ขณะนี้ถือว่าเป็นจังหวะสำคัญในการดึงการลงทุนขนาดใหญ่จากบริษัทชั้นนำที่มีเทคโนโลยีในระดับที่สามารถทำให้เกิดการปรับโครงสร้างอุตสาหกรรมไทยครั้งใหญ่ได้ โดยเฉพาะเทคโนโลยีการผลิตแบตเตอรี่และอิเล็กทรอนิกส์ขั้นสูง ซึ่งเป็นวัตถุดิบสำคัญของอีกหลายอุตสาหกรรม” นายนฤตม์ กล่าว

กองทัพเรือจัดพิธีวางพวงมาลาพระบรมราชานุสาวรีย์พระบาทสมเด็จพระรามาธิบดีศรีสินทรามหาวชิราวุธฯ พระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 6 

(25 พ.ย.67) เวลา 09.00 น. ที่บริเวณพระบรมราชานุสาวรีย์ พระบาทสมเด็จพระรามาธิบดีศรีสินทรามหาวชิราวุธฯ พระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 6 ถ.สุขุมวิท กม.6 อ.สัตหีบ จ.ชลบุรี กองทัพเรือ พร้อมหน่วยงานภาครัฐและเอกชน ร่วมพิธีวางพวงมาลาถวายราชสักการะ พระบรมราชานุสาวรีย์พระบาทสมเด็จพระรามาธิบดีศรีสินทรามหาวชิราวุธฯ พระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 6 เนื่องในวันคล้ายวันสวรรคตเวียนมาบรรจบครบรอบปีที่ 99 โดยมี พลเรือเอก พลเรือเอก ณัฏฐพล เดี่ยววานิช
ผู้บัญชาการกองเรือยุทธการ ผู้บัญชาการกองเรือยุทธการ ผู้แทนผู้บัญชาการทหารเรือเป็นประธานในพิธี พร้อมด้วย พลเรือโท วัชระ พัฒนรัฐ ผู้บัญชาการฐานทัพเรือสัตหีบ ตลอดจนผู้แทนหน่วยขึ้นตรงกองทัพเรือ หน่วยงานภาครัฐและเอกชนในพื้นที่อำเภอสัตหีบ จังหวัดชลบุรี และใกล้เคียง เข้าร่วมในพิธี 

พิธีวางพวงมาลาที่พระบรมราชานุสาวรีย์ พระบาทสมเด็จพระรามาธิบดีศรีสินทรามหาวชิราวุธ ฯ พระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 6 อ.สัตหีบ จ.ชลบุรี แห่งนี้ กองทัพเรือและทุกภาคส่วนได้ถือปฏิบัติเป็นประจำทุกปี เพื่อน้อมรำลึกในพระมหากรุณาธิคุณของพระองค์ ที่ทรงพระราชทานที่ดินทรงสงวนบริเวณอำเภอสัตหีบ ให้แก่ประชาชนคนไทยได้มีที่อยู่อาศัย และกองทัพเรือใช้เป็นที่ตั้งหน่วยทหารเรือในปี พ.ศ.2465 รวมระยะ 99 ปี อันแสดงให้เห็นถึงพระปรีชาทางด้านการทหารที่มีพระเนตรกว้างไกล และทรงตระหนักถึงความสำคัญของกองทัพเรือที่จำเป็นต้องมีฐานทัพเรือ ซึ่งตั้งอยู่ในพื้นที่ชัยภูมิที่เหมาะสม และเป็นที่มั่นในการป้องกันและรักษาผลประโยชน์ของชาติทางทะเล ด้วยพระมหากรุณาธิคุณดังกล่าวทำให้กองทัพเรือมีฐานทัพเรือเพื่อเป็นฐานส่งกำลังบำรุง และที่จอดเรือรบ 

รวมทั้งเป็นที่ตั้งหน่วยงานสำคัญตราบจนทุกวันนี้ กระทั่งเมื่อวันที่ 15 มิถุนายน 2544 พลเรือโท สุทัศน์ ขยิ่ม ผู้บัญชาการฐานทัพเรือสัตหีบ ในขณะนั้น เห็นว่า เหล่าทหารเรือ ตลอดจนประชาชนโดยทั่วไปทราบถึงเรื่องราวดังกล่าวน้อยมาก ประกอบกับในพื้นที่อำเภอสัตหีบ ยังไม่มีการประดิษฐานพระบรมราชานุสาวรีย์ของพระองค์ จึงได้ร่วมกับข้าราชการ ประชาชน และผู้มีจิตศรัทธาจัดสร้างพระบรมราชานุสาวรีย์ของพระองค์ขึ้นไว้ ณ ริมถนนสุขุมวิท หมายเลข 3 หลักกิโลเมตรที่ 6 เส้นทางระยอง - สัตหีบ ต.สัตหีบ  อ.สัตหีบ เพื่อถวายเป็นพระราชสักการะ และแสดงความสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณของพระองค์ที่ทรงมีต่อปวงชนชาวไทยให้ได้มีที่อยู่อาศัยประกอบอาชีพ ใช้ชีวิตอย่างสงบสุขร่มเย็น

‘สันติสุข’ ยันไม่มีใบสั่ง ‘TOP News’ ห้ามแตะ MOU44 หลังถูกด้อยค่ากล่าวหา “ท็อปนิวส์ถูกห้ามเล่นข่าว mou44”

(25 พ.ย. 67) นายสันติสุข มะโรงศรี ผู้ประกาศข่าว TOP News โพสต์ข้อความระบุว่า Top News เราเป็นสื่อที่ทำหน้าที่อย่างเจียมตัว ไม่เคยโอ้อวดว่ามีอุดมการณ์เหนือใครนะครับ เราจริงใจกับคนดูของเรา 

แปลกใจที่ถูกกล่าวหาว่า “ท็อปนิวส์ถูกห้ามเล่นข่าว mou44”

จากนั้น มีคนบางกลุ่มไปขยายความ เหยียบย่ำท็อปนิวส์ และเยินยอช่องอื่น จึงต้องขอชี้แจงสั้น ๆ เท่านี้นะครับ

ความจริง ใครดูท็อปนิวส์ จะเห็นด้วยตาตัวเองว่าเรานำเสนอข่าว mou 44 โดยตลอด 

คุณคำนูณโพสต์ คุณปานเทพโพสต์ คุณสมชายโพสต์ หมอวรงค์เคลื่อนไหว บทความเปลว สีเงิน ฯลฯ เราก็นำมารายงานสม่ำเสมอ (หลายอันออกซ้ำมากกว่าหนึ่งรายการด้วย) 

ถูกใจหรือไม่ถูกใจใครอีกเรื่องหนึ่ง ผมยืนยันว่าเรานำเสนออย่างมีเหตุผล โดยไม่มีใครมาสั่งห้ามเลยครับ นี่คือความจริงที่มีหนึ่งเดียวครับ  

ด้วยความเคารพ 
ปล.ในภาพนี่แค่ไถๆ ไวๆ แค่บางส่วน บางรายการเท่านั้น ความเป็นธรรมต้องมี


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top