Saturday, 10 May 2025
Hard News Team

เปิดเรื่องน่ารู้ ‘พระบรมมหาราชวัง’ โบราณสถานทรงคุณค่า และสถานที่ยึดเหนี่ยวจิตใจประชาชนคนไทย

พรุ่งนี้ 7 สิงหาคม มีการตีฆ้องร้องป่าว นัดรวมตัวชุมนุม โดยมีจุดหมายสำคัญหนึ่งแห่ง นั่นคือ พระบรมมหาราชวัง

สำหรับ ‘ประชาชนคนไทย’ พระบรมมหาราชวัง ถือเป็นสถานที่สำคัญในหลากหลายมิติ ทั้งในเชิงประวัติศาสตร์ ศิลปะ วัฒนธรรม ประเพณี และกิจกรรมพระราชพิธีต่าง ๆ

กว่า 239 ปี ที่พระบรมหาราชวังตั้งตระหง่าน ผ่านกาลเวลา และเหตุการณ์สำคัญนานามากมาย เหนือสิ่งอื่นใด คือ ภาพสะท้อนของความเป็นชาติไทย รวมถึงเป็นอัตลักษณ์สำคัญแห่งหนึ่งของประเทศ ที่นานาอารยประเทศล้วนอยากเดินทางมาชื่นชม

เพราะ ‘คุณค่า’ ไม่เคยจางหาย THE STATES TIMES จึงขอรวมเรื่องราวน่ารู้ของ 'พระบรมมหาราชวัง' มาให้ได้ทราบกัน และไม่ว่าจะเป็นชุมนุมก็ดี หรือกิจกรรมใด ๆ ก็ตามที หากเราเคารพในกฎ กติกา ตลอดจน ‘หวงแหน’ ในสัญลักษณ์ของชาติเหมือนกัน สิ่งต่าง ๆ เหล่านั้น จะไม่มีวัน...ถูกทำลาย


ที่มาข้อมูลในภาพ : http://web.krisdika.go.th/data/law/law2/%A1152/%A1152-20-2558-a0001.htm

https://th.wikipedia.org/wiki/พระบรมมหาราชวัง

https://www.posttoday.com/world/356867


Q : ประกันอะไร? ได้ตั้ง 4 ต่อ!!

A : ก็ประกันภัยรถยนต์จาก @THESHOPTIMES ไง!!

>> ฟรี!!! ประกันภัยอุบัติเหตุส่วนบุคคล (PA) 100,000 บาท

>> รับคอมมิชชั่นหรือส่วนลดทันที ในอัตราที่สูงกว่า แถมได้สิทธิซื้อประกัน พ.ร.บ.ราคาถูกตลอดชีพ

>> สามารถผ่อนได้สูงสุด 6 งวด ดอกเบี้ย 0% โดยไม่ต้องใช้บัตรเครดิต

>> แถมขายดีมีรายได้เพิ่มให้กับตัวเองด้วย

***สนใจติดต่อ Line@ THE SHOPS TIMES คลิก????https://lin.ee/vfTXud9

ปั่น ลืม ปลอม | MEET THE STATES TIMES EP.5

???? ปั่น ลืม ปลอม

????วันนี้ห้ามพลาด! Fake News ที่ปั่นกันสนุก จนลืมแล้วว่า ‘หลุด’ จากความเป็นจริง ??

???? ในรายการ MEET THE STATES TIMES

ดำเนินรายการโดย หยก THE STATES TIMES

.

.


Q : ประกันอะไร? ได้ตั้ง 4 ต่อ!!
A : ก็ประกันภัยรถยนต์จาก @THESHOPTIMES ไง!! 
>> ฟรี!!! ประกันภัยอุบัติเหตุส่วนบุคคล (PA) 100,000 บาท
>> รับคอมมิชชั่นหรือส่วนลดทันที ในอัตราที่สูงกว่า แถมได้สิทธิซื้อประกัน พ.ร.บ.ราคาถูกตลอดชีพ
>> สามารถผ่อนได้สูงสุด 6 งวด ดอกเบี้ย 0% โดยไม่ต้องใช้บัตรเครดิต
>> แถมขายดีมีรายได้เพิ่มให้กับตัวเองด้วย
***สนใจติดต่อ Line@ THE SHOPS TIMES คลิก????https://lin.ee/vfTXud9

‘ธนาธร’ ชี้ ถึงเวลาพูดความจริงกับประชาชน โควิด-19 เข้าสู่ภาวะวิกฤต ปลายกันยายนอาจติดเชื้อแตะวันละ 50,000 คน ผู้เสียชีวิตรายวันอาจจะเพิ่มขึ้นถึงกว่า 400 คน

เมื่อวันที่ 5 ส.ค. 64 นายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ ประธานคณะก้าวหน้า ไลฟ์ผ่านเฟซบุ๊ก Thanathorn Juangroongruangkit ในหัวข้อ "ปัจจุบันและอนาคตประเทศไทยใต้โควิด" ถึงสถานการณ์โควิดในปัจจุบัน และความเป็นไปได้ของอัตราการระบาดของโรคในอีก 2 เดือนข้างหน้า

โดย นายธนาธร ได้ระบุว่า ตนมีความเชื่อเป็นอย่างยิ่ง ว่าการแก้ปัญหาที่เกิดขึ้นในปัจจุบัน จะต้องได้รับความร่วมมือจากทุกฝ่าย และรัฐต้องอธิบายให้ประชาชนเข้าใจและเท่าทันถึงสถานภาพของปัญหานั้น ๆ โดยมีสติแต่ไม่ตื่นตระหนก ซึ่งความจริงที่ต้องพูดให้ชัดในวันนี้ ก็คือสถานการณ์โควิดของประเทศไทยอาจจะเลวร้ายกว่านี้ในไตรมาสที่สามของปี 2564 ต้องลดอัตราติดเชื้อลงให้ได้ถึง 50% ก่อนต้นก.ย. หวั่นแนวโน้มติดเชื้อพุ่ง 5 หมื่น ตาย 400 ต่อวัน

จาก Google Mobility Trend และ Facebook Movement Range Map ซึ่งเป็นข้อมูลที่ Facebook และ Google เปิดเผยแนวโน้มการเดินทางของประชากรจากสัญญาณโทรศัพท์เคลื่อนที่ที่ใช้แอปพลิเคชัน มาแสดงให้เห็นว่าประชาชนคนไทยเดินทางออกนอกบ้านมากขึ้นหรือน้อยลงเท่าไหร่ ซึ่งแสดงให้เห็นว่าหลังสถานการณ์โควิดและการล็อกดาวน์รอบแรก คนไทยเดินทางน้อยลงประมาณ 35% จากสถานการณ์ปกติ เมื่อมาถึงระลอกที่สองประชากรมีการเดินทางน้อยลงประมาณ 20% จากสถานการณ์ปกติ จนมาถึงล็อกดาวน์ครั้งปัจจุบัน ประชากรเดินทางลดลง 30% เมื่อเทียบกับสถานการณ์ปกติ

เมื่อนำข้อมูลดังกล่าวมาเปรียบเทียบกับแบบจำลองอนาคต ที่จัดทำขึ้นโดยคณะแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหิดล จะพบว่ามีความแปรผันสอดคล้องกันในระดับหนึ่ง ที่ชี้ให้เห็นว่าอัตราการแพร่ระบาดสามารถลดลงได้เมื่อประชากรจำกัดการเดินทางลง

สิ่งที่น่ากังวล คือจากข้อมูลของแบบจำลองอนาคตนี้ หากเราสามารถลดการติดเชื้อได้เพียงแค่ 20% จำนวนผู้ติดเชื้อใหม่รายวันอาจจะขึ้นไปถึง 50,000 คน ในปลายเดือนกันยายน หากลดการแพร่ระบาดได้ 25% จำนวนผู้ติดเชื้ออาจเพิ่มขึ้นไปอยู่ที่ประมาณ 35,000 คนต่อวันในปลายเดือนกันยายน แต่ในอัตรานี้จำนวนผู้ติดเชื้อจะค่อย ๆ ลดลงในปลายเดือนสิงหาคม และอาจเพิ่มขึ้นอีกครั้งหลังจากการหยุดล็อกดาวน์ในเดือนกันยายน

หากลดการแพร่ระบาดได้ 25% จำนวนผู้ติดเชื้ออาจเพิ่มขึ้นไปอยู่ที่ประมาณ 35,000 คนต่อวันในปลายเดือนกันยายน แต่ในอัตรานี้จำนวนผู้ติดเชื้อจะค่อย ๆ ลดลงในปลายเดือนสิงหาคมและอาจเพิ่มขึ้นอีกครั้งหลังจากการหยุด "ล็อกดาวน์" ในเดือนกันยายน แต่หากสามารถลดการแพร่เชื้อได้ 45-50% ขึ้นไป จำนวนผู้ติดเชื้อใหม่รายวันอาจจะเหลือเพียงแค่ 4,000-5,000 คนและจะอยู่ในระดับคงที่หลังจากการล็อกดาวน์สิ้นสุดลง

นายธนาธร ยังกล่าวต่ออีกว่า ในแง่ของความต้องการเตียง แบบจำลองอนาคตนี้บ่งชี้ว่าปัจจุบัน มีจำนวนผู้ติดเชื้อที่ต้องการเตียงอยู่ที่ประมาณ 200,000 คน หากลดการแพร่ระบาดได้เพียง 20% จำนวนผู้ติดเชื้อที่ต้องการเตียงอาจจะเพิ่มขึ้นไปถึง 500,000 คน ในเดือนกันยายน แต่หากลดการแพร่ระบาดได้ถึง 50% จำนวนผู้ติดเชื้อที่ต้องการเตียง อาจะจะลดลงเหลือ 84,500 คนได้

ในแง่ของจำนวนผู้เสียชีวิตก็เช่นกัน หากลดการแพร่เชื้อได้เพียง 20% ผู้เสียชีวิตรายวันอาจจะเพิ่มขึ้นถึงกว่า 400 คนต่อวันในเดือนกันยายน แต่หากลดการแพร่ระบาดลงได้ถึง 50% จำนวนผู้เสียชีวิตรายวันอาจจะอยู่ที่ระดับ 100 คนต่อวันในเดือนกันยายน

นายธนาธร กล่าวต่ออีกว่า สถานการณ์วันนี้จึงขึ้นอยู่กับวัคซีน ว่าจะฉีดให้ครบจำนวนที่เพียงพอได้เมื่อไหร่ ซึ่งจากข้อมูล ณ วันที่ 2 สิงหาคม มีประชากรไทยที่ฉีดวัคซีนครบสองโดสแล้วเป็นจำนวน 3.9 ล้านคน หรือ 6% ของจำนวนประชากร คนที่ได้รับวัคซีนแล้วอย่างน้อยหนึ่งโดสมีจำนวน 21.5% ของจำนวนประชากร หรือ 14.2 ล้านคน ซึ่งหากเราต้องการไปถึงเป้าหมาย 100 ล้านโดสภายในสิ้นปี 2564 จะต้องฉีดให้ได้ 5.47 แสนโดสต่อวัน ในทุกวันที่เหลือนับตั้งแต่วันนี้

ปัญหาก็คือวัคซีนที่ได้รับจัดสรรอยู่ในประเทศไทยมีทั้งหมด 18.9 ล้านโดส ฉีดไปแล้ว 18.1 ล้านโดส หมายความว่าประเทศไทยเหลือวัคซีนอยู่อีกเพียงประมาณ 8 แสนโดส ถ้าฉีดในอัตราปัจจุบัน คือประมาณ 2 แสนกว่าโดสต่อวัน เราจะสามารถฉีดได้อีกเพียง 3-4 วันเท่านั้น

ถ้าไม่มีวัคซีนล็อตใหม่เข้ามา เราจะไม่สามารถเพิ่มศักยภาพการฉีดวัคซีนอย่างเต็มที่ให้กับประชากรได้เลย การฉีดวัคซีนได้ช้าก็จะส่งผลให้เราต้องอยู่กับความเสี่ยงที่จะเกิดคลัสเตอร์ใหม่ ๆ และการแพร่ระบาดรอบใหม่อยู่ตลอดเวลา ถึงแม้ว่าเราจะควบคุมการแพร่ระบาดรอบนี้ไปได้


ที่มา : https://www.tnews.co.th/politic/546208/

https://www.facebook.com/ThanathornOfficial/videos/1113792065812237


Q : ประกันอะไร? ได้ตั้ง 4 ต่อ!!

A : ก็ประกันภัยรถยนต์จาก @THESHOPTIMES ไง!!

>> ฟรี!!! ประกันภัยอุบัติเหตุส่วนบุคคล (PA) 100,000 บาท

>> รับคอมมิชชั่นหรือส่วนลดทันที ในอัตราที่สูงกว่า แถมได้สิทธิซื้อประกัน พ.ร.บ.ราคาถูกตลอดชีพ

>> สามารถผ่อนได้สูงสุด 6 งวด ดอกเบี้ย 0% โดยไม่ต้องใช้บัตรเครดิต

>> แถมขายดีมีรายได้เพิ่มให้กับตัวเองด้วย

***สนใจติดต่อ Line@ THE SHOPS TIMES คลิก????https://lin.ee/vfTXud9

กระทรวงแรงงาน รับมอบ ปลากระป๋อง จากบริษัท ไทยยูเนี่ยน กรุ๊ป จำกัด ช่วยเหลือผู้ได้รับความเดือดร้อนจากโควิด-19

นายสุชาติ ชมกลิ่น รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน รับมอบปลากระป๋อง จำนวน 100 ลัง จากบริษัท ไทยยูเนี่ยน กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) โดยมี นายสุรชัย ชัยตระกูลทอง ผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำกระทรวงแรงงาน นางธิวัลรัตน์ อังกินันทน์ ที่ปรึกษารัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน นายสุเทพ ชิตยวงษ์ เลขานุการรัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน เข้าร่วมในครั้งนี้ด้วย เพื่อนำไปช่วยเหลือผู้ที่ได้รับความเดือดร้อนจากผลกระทบโควิด-19 ณ บริเวณหน้าห้องประชุม รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน ชั้น 6 อาคารกระทรวงแรงงาน

นายสุชาติ กล่าวว่า ท่าน พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และ รมว.กลาโหม และกระทรวงแรงงานภายใต้การกำกับดูแลของ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี ได้มีความห่วงใยพี่น้องผู้ใช้แรงงานที่ได้รับผลกระทบจากสถานการณ์การแพร่ระบาดของโควิด – 19 และได้มอบหมายให้กระทรวงแรงงานดูแลพี่น้องผู้ใช้แรงงานที่ได้รับผลกระทบในครั้งนี้


“กระทรวงแรงงาน ขอขอบคุณภาคเอกชน อย่างเช่น บริษัท ไทยยูเนี่ยน กรุ๊ป จำกัด ที่ร่วมแรงร่วมใจกับภาครัฐ สนับสนุนปลากระป๋อง จำนวน 100 ลัง เพื่อนำไปมอบช่วยเหลือให้พี่น้องผู้ใช้แรงงานสู้ภัยโควิด – 19 ต่อไป” นายสุชาติ กล่าวในท้ายสุด

ผู้ตรวจกระทรวงศึกษาธิการ ประชุมเข้มมาตรการป้องกันโควิด-19 จับมือ สาธารณสุข สร้างการรับรู้สถาบันปอเนาะ ด้านการจัดการเรียนสอน การฉีดวัคซีนสร้างภูมิคุ้มกัน พร้อมมอบสิ่งของแก่ผู้แทนสถาบันการศึกษาปอเนาะในพื้นที่

นายณัฐพงษ์ นวลมาก ผู้ตรวจราชการกระทรวงศึกษาธิการ พร้อมด้วย เจ้าหน้าที่ ได้ประชุมผ่านระบบออนไลน์ Zoom Meeting กับสถาบันปอเนาะในพื้นที่จังหวัดยะลา ชี้แจงแนวทางการดำเนินงานตามมาตรการป้องกันการแพร่ระบาดของโรคไวรัสโคโรนา 2019 (Covid-19) "สธ. และ ศธ. ห่วงใยคนในสถาบันศึกษาปอเนาะ" เพื่อสร้างการรับรู้ให้แก่ผู้บริหาร ครูอาสาสมัครในสถาบันศึกษาปอเนาะ และผู้ที่เกี่ยวข้องเพื่อถ่ายทอดความรู้ให้กับผู้เรียน ณ ห้องประชุมฮาลาบาลา สำนักงาน กศน. จังหวัดยะลา  โดยทางสำนักงานส่งเสริมการศึกษานอกระบบและการศึกษาตามอัธยาศัยจังหวัดยะลาได้ดำเนินการจัดขึ้น โดยที่การประชุมดังกล่าวได้มีตัวแทนจากภาคส่วนต่างๆ เข้าร่วม ประกอบด้วย ตัวแทนจาก ศอ.บต. ศึกษาธิการจังหวัดยะลา สำนักงานการศึกษาเอกชนจังหวัดยะลา กศน.จังหวัดยะลา ศูนย์อนามัยที่ 12 ยะลา รวมทั้ง ชมรมสถาบันศึกษาปอเนาะจังหวัดยะลา ร่วมกันตอบประเด็นข้อซักถามต่างๆ โดยการประชุมนั้น ผู้ตรวจราชการกระทรวงศึกษาธิการ พร้อมส่วนที่เกี่ยวข้อง ได้ทำการมอบถุงยังชีพช่วยเหลือผู้ได้รับผลกระทบจากสถานการณ์โควิด 19 ให้แก่ผู้แทนสถาบันการศึกษาปอเนาะในพื้นที่อำเภอเมืองยะลาจำนวน 300 ชุด ซึ่งได้รับการสนับสนุนจาก กศน.อำเภอเมืองยะลา

นายณัฐพงษ์ นวลมาก ผู้ตรวจราชการกระทรวงศึกษาธิการ เปิดเผยว่า การประชุมมาตรการป้องกันโควิด-19 เป็นความร่วมมือของ สำนักงานสาธารณสุขในพื้นที่ และกระทรวงศึกษาธิการ ห่วงใยคนในสถานบันศึกษาปอเนาะ เนื่องจากว่า จากการลงพื้นที่ตรวจราชการ ทั้งหน่วยงานสังกัด สพฐ. กศน. และ การศึกษาเอกชน สิ่งที่กังวล คือการสร้างการรับรู้แนวทางป้องกัน และมาตรการโควิด-19 ยังไม่รัดกุมเท่าที่ควร เพื่อให้การสื่อสารสร้างการรับรู้ระหว่างรัฐ และประชาชน หรือนักเรียน นักสศคกษา ควรดำเนินการให้เร็วที่สุด และมากที่สุด จึงได้มีการประชุม ให้ความรู้ แนวทางการจัดการเรียนการสอน ให้ห้วงสถานการณ์การแพร่ระบาดของโควิด-19 จะต้องทำอย่างไร สถาบันการศึกษาปอเนาะ มีบางสถาบันที่มีนักเรียนอยู่ภายใน ไม่อนุญาติให้กลับ สามารถเปิด on-site ได้ ซึ่งความเป็นจริงต้องเข้าใจในวิถีชีวิตของคนในพื้นที่ การเปิดการเรียนการสอน ขึ้นอยู่กับเจ้าของสถาบันการศึกษาปอเนาะ


แต่สำหรับคนที่ไม่ได้อยู่ประจำภายใน มีการออกมาข้างนอกสถาบัน จะเป็นการเปิดเรียนแบบ on-hand หรือon-line แทน ซึ่งบางพื้นที่การเปิด on-line มีปัญหา เนื่องจากเครื่องมืออุปกรณ์ในการสื่อสารของนักเรียนไม่พร้อม เพราะฉะนั้น ส่วนใหญ่ในพื้นที่จะเป็นการเปิดเรียนแบบ on-hand แทน สำหรับมาตรการที่จะดำเนินการในสถาบันปอเนาะนั้น คือทุกคนมีความเสี่ยงหมด ดังนั้นอาจต้องมีการกำหนดให้คนในห้ามออก และคนนอกห้ามเข้าโดยเด็ดขาด และจะต้องอยู่ในมาตรการของโรงเรียนกำหนดอย่างเคร่งครัด และหากมีการออกไปข้างนอก มาตรการแรกอาจจะต้องกักตัว14 วันและทำการตรวจหาเชื้อให้ชัดเจนก่อนที่จะเข้ามาภายในสถาบันได้ ส่วนเรื่องของการฉีดวัคซีน 
ขณะนี้ทางศึกษาธิการจังหวัดได้ดำเนินการอยู่แล้ว โดยรณรงค์ให้บุคลากรครูสถาบันการศึกษาทุกแห่งได้ฉีดวัคซีนเพื่อรองรับการเปิดภาคเรียน อย่างไรก็ตามในช่วงที่ผ่านมาสถาบันศึกษาปอเนาะเองได้ให้ความร่วมมืออย่างดีในการประชาสัมพันธ์เรื่องของการฉีดวัคซีนและเห็นความสำคัญของการฉีดวัคซีน


 

ในหลวงฯพระราชทานกระบือแก่กองทัพเรือ เพื่ออนุรักษ์สืบสาน รักษา ต่อยอด การอนุรักษ์กระบือไทย ในโครงการพระราชดำริ ตามหลักปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง

พลเรือเอก ชาติชาย ศรีวรขาน ผู้บัญชาการทหารเรือและ นางจุฬารัตน์ ศรีวรขาน นายกสมาคมภริยาทหารเรือ เป็นประธานในพิธีรับมอบกระบือพระราชทาน จำนวน 4 ตัว ตามการดำเนินกิจกรรมอนุรักษ์และพัฒนากระบือไทยของคณะที่ปรึกษาและคณะทำงานดำเนินกิจกรรมอนุรักษ์และพัฒนากระบือไทย ณ ศูนย์การเรียนรู้เกษตรทฤษฎีใหม่ “โคก หนอง นา” หน่วยบัญชาการต่อสู้อากาศยานและรักษาฝั่ง ตำบลเกล็ดแก้ว อำเภอสัตหีบ จังหวัดชลบุรี

ซึ่งกิจกรรมอนุรักษ์และพัฒนากระบือไทย เป็นพระมหากรุณาธิคุณของพระบาทสมเด็จเจ้าอยู่หัวทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ แต่งตั้งคณะที่ปรึกษาและคณะทำงานดำเนินกิจกรรมอนุรักษ์และพัฒนากระบือไทย เพื่อดำเนินกิจกรรมอนุรักษ์และพัฒนากระบือไทย โดยใช้ภูมิปัญญาไทย ปลูกฝัง และสนับสนุนวิถีชีวิตเกษตรแบบดั้งเดิม ในการใช้กระบือทำการเกษตร ร่วมกับการพัฒนาสายพันธุ์กระบือไทย เพื่อเพิ่มรายได้ให้แก่เกษตรกร สร้างความมั่นคงในการดำรงชีวิต ตลอดจนเป็นสถานที่เรียนรู้ สำหรับเกษตรกรและประชาชนที่สนใจในอาชีพการเลี้ยงกระบือ ภายใต้ปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง ซึ่งเป็นการสืบสาน รักษา ต่อยอด การอนุรักษ์กระบือไทย โดยมอบให้ หน่วยบัญชาการต่อสู้อากาศยานและรักษาฝั่ง เป็นหน่วยรับกระบือพระราชทานทั้ง 4 ตัว ไว้เลี้ยงดูและพัฒนาสายพันธุ์ฯ ณ ศูนย์การเรียนรู้เกษตรทฤษฏีใหม่ “โคก หนอง นา” ทั้งนี้ กระบือพระราชทาน ทั้ง 4 ตัว เป็นเพศเมีย

สำหรับโครงการศูนย์การเรียนรู้เกษตรทฤษฎีใหม่ “โคก หนอง นา กองทัพเรือ” นั้น กองทัพเรือได้ดำเนินการโดย น้อมนำเกษตรทฤษฎีใหม่ ตามหลักปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง ของพระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร มาประยุกต์เป็นต้นแบบให้กำลังพลกองทัพเรือ และครอบครัว ตลอดจนประชาชนทั่วไป ใช้เป็นแนวทางในการดำรงชีวิตแบบพึ่งพาตนเอง สอดคล้องกับพระปฐมบรมราชโองการของ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ในการสืบสาน รักษาและต่อยอดพระราชปณิธาน ของพระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร 

โดยปัจจุบันศูนย์การเรียนรู้ฯ ของกองทัพเรือ มีจำนวน 7 พื้นที่ จาก 10 หน่วยงาน ประกอบด้วย
- พื้นที่ กรุงเทพฯ และปริมณฑล จำนวน 2 หน่วยงาน คือ ฐานทัพเรือกรุงเทพและกรมยุทธศึกษาทหารเรือ (อำเภอพุทธมณฑล จังหวัดนครปฐม)
- พื้นที่ จังหวัดชลบุรี จำนวน 3 หน่วยงาน คือ กองเรือยุทธการ ฐานทัพเรือสัตหีบ
และ หน่วยบัญชาการต่อสู้อากาศยานและรักษาฝั่ง (อำเภอสัตหีบ)
- พื้นที่ จังหวัดฉะเชิงเทรา จำนวน 1 หน่วยงาน คือ กรมสวัสดิการทหารเรือ (อำเภอบางน้ำเปรี้ยว)
- พื้นที่ จังหวัดตราด จำนวน 1 หน่วยงาน คือ ทัพเรือภาคที่ 1 (อำเภอแหลมงอบ)
- พื้นที่ จังหวัดสงขลา จำนวน 1 หน่วยงาน คือ ทัพเรือภาคที่ 2 (อำเภอเมืองสงขลา)
- พื้นที่ จังหวัดพังงา จำนวน 1 หน่วยงาน คือ ทัพเรือภาคที่ 3 (อำเภอท้ายเหมือง)
พื้นที่ จังหวัดจันทบุรี จำนวน 1 หน่วยงาน คือ หน่วยบัญชาการนาวิกโยธิน (อำเภอโป่งน้ำร้อน)  

โครงการศูนย์การเรียนรู้เกษตรทฤษฎีใหม่ “โคก หนอง นา กองทัพเรือ” ได้ดำเนินการตั้งแต่เดือนตุลาคม 2563 เป็นต้นมา มีการปฏิบัติที่สำคัญได้แก่ การให้ความรู้การทำเกษตรทฤษฎีใหม่ตามหลักปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง โดยแบ่งออกเป็นฐานการเรียนรู้ต่าง ๆ เช่น ฐานการปลูกต้นไม้ ฐานการปลูกมะนาวในบ่อวงซีเมนต์ ฐานการเลี้ยงปลา ฐานการเลี้ยงกบ ฐานการปลูกผักสวนครัวรั้วกินได้ ฐานการเลี้ยงหมู​ ฐานการทำปุ๋ยหมัก ฐานการเลี้ยงไก่ และฐานการปลูกอ้อยเป็นต้น ซึ่งปัจจุบันศูนย์การเรียนรู้ต่าง ๆของกองทัพเรือ มีความพร้อมในระดับ “ก้าวหน้า” สามารถประชาสัมพันธ์ให้กำลังพล ครอบครัว และประชาชนทั่วไปสามารถเข้าเยี่ยมชมโครงการ เพื่อศึกษาและนำไปใช้เป็นแนวทางการดำรงชีวิตแบบพึ่งพาตนเอง ตามวัตถุประสงค์ของโครงการ

ประธานาธิบดีสี จิ้นผิง ประกาศว่า จีนจะจัดส่งวัคซีนต้านโควิด-19 จำนวน 2,000 ล้านโดสให้แก่ประเทศต่าง ๆ ทั่วโลกภายในปี 2021

ประธานาธิบดีสี จิ้นผิง ประกาศในวันพฤหัสบดี (5 ส.ค.) ว่า จีนจะ ‘มุ่งมั่นพากเพียรเพื่อจัดส่ง’ วัคซีนต้านโควิด-19 จำนวน 2,000 ล้านโดสให้แก่ประเทศต่าง ๆ ทั่วโลกภายในปี 2021 นี้ สถานีโทรทัศน์ส่วนกลางของทางการจีน (ซีซีทีวี) รายงาน

รายงานของซีซีทีวีกล่าวอีกว่า ในสารที่เขาส่งไปให้แก่เวทีประชุมเพื่อความร่วมมือระหว่างประเทศเรื่องวัคซีนต่อสู้โควิด-19 ผู้นำสูงสุดของแดนมังกรผู้นี้ระบุด้วยว่า จีนยังจะบริจาคเงินเป็นจำนวน 100 ล้านดอลลาร์ให้แก่โครงการ ‘โคแวกซ์’ ซึ่งเป็นโครงการกระจายวัคซีนให้แก่ทั่วโลก โดยเฉพาะอย่างยิ่งบรรดาประเทศกำลังพัฒนา

จีนนั้นได้จัดส่งวัคซีนเป็นจำนวนกว่า 770 ล้านโดสไปให้แก่ประเทศอื่น ๆ แล้ว คำแถลงฉบับหนึ่งที่ปรากฏอยู่บนเว็บไซต์ของกระทรวงการต่างประเทศจีน อ้างอิงคำกล่าวของรัฐมนตรีต่างประเทศ หวัง อี้ ซึ่งกล่าวต่อเวทีประชุมแห่งนี้ในวันพฤหัสบดี (5 ส.ค.)

ด้าน ซิโนแวค ไบโอเทค หนึ่งในบริษัทผู้ผลิตวัคซีนรายใหญ่ของจีน ได้ลงนามในข้อตกลงร่วมมือกับประเทศต่าง ๆ 20 ประเทศ เพื่อจัดส่งวัคซีนจำนวนเกือบ ๆ 900 ล้านโดส อิน เว่ยตง ประธานบริหารของบริษัท กล่าวเมื่อวันพฤหัสฯ ในคำปราศรัยต่อเวทีประชุม ทั้งนี้ตามร่างคำปราศรัยของเขาที่เผยแพร่โดยโฆษกของซิโนแวค

นอกเหนือจากจีนแล้ว พวกหุ้นส่วนของซิโนแวคใน อินโดนีเซีย, บราซิล, ตุรกี, มาเลเซีย, และอียิปต์ ก็จะเข้าร่วมในการผลิตวัคซีนเหล่านี้ด้วย อิน เว่ยตง กล่าวโดยที่ไม่ได้ระบุเจาะจงในเรื่องช่วงเวลาของการจัดส่ง

อิน เว่ยตง บอกอีกว่า ในอนาคตอันใกล้นี้ ซิโนแวคจะยื่นเรื่องต่อหน่วยงานกำกับควบคุมในประเทศต่าง ๆ เพื่อขออนุญาตดำเนินการทดสอบทางคลินิกและการนำมาใช้ในภาวะฉุกเฉิน สำหรับวัคซีนเวอร์ชันใหม่ของบริษัทรวม 2 เวอร์ชัน ซึ่งปรับปรุงขึ้นมาเพื่อไว้ต่อสู้กับไวรัสกลายพันธุ์สายพันธุ์เดลตา และสายพันธุ์แกมมา

อนึ่ง เมื่อเดือนกรกฎาคมที่ผ่านมา ระหว่างการประชุมฉุกเฉินทางออนไลน์ในระดับประมุขแห่งรัฐและรัฐบาลของกลุ่มความร่วมมือทางเศรษฐกิจในเอเชียแปซิฟิก (เอเปก) ประธานาธิบดีสี ได้สัญญาจะให้ความช่วยเหลือคิดเป็นมูลค่า 3,000 ล้านดอลลาร์ แก่ประเทศกำลังพัฒนาต่าง ๆ ในการต่อสู้กับโควิด-19 โดยเงินก้อนนี้มุ่งหมายเพื่อช่วยเหลือบรรดาชาติกำลังพัฒนา ให้ฟื้นตัวจากผลกระทบทางสังคมและเศรษฐกิจสืบเนื่องจากโรคระบาดใหญ่นี้

ความเคลื่อนไหวเหล่านี้ของจีนมีขึ้น ขณะที่ทางฝ่ายสหรัฐฯ โดยประธานาธิบดีโจ ไบเดน ประกาศเมื่อไม่กี่วันก่อนว่า สหรัฐฯ ได้บริจาควัคซีนจำนวนกว่า 100 ล้านโดสให้แก่ประเทศต่าง ๆ แล้ว

นอกจากนั้น ในช่วงต่อไปของเดือนนี้ วอชิงตันยังจะเริ่มจัดส่งวัคซีนของไฟเซอร์เพิ่มเติมอีก 500 ล้านโดส ไปให้แก่พวกประเทศรายได้ต่ำ 100 ประเทศ ตามที่ได้ให้สัญญาไว้อีกด้วย


ที่มา : https://mgronline.com/around/detail/9640000076933

รอยเตอร์/เอเอฟพี


Q : ประกันอะไร? ได้ตั้ง 4 ต่อ!!

A : ก็ประกันภัยรถยนต์จาก @THESHOPTIMES ไง!!

>> ฟรี!!! ประกันภัยอุบัติเหตุส่วนบุคคล (PA) 100,000 บาท

>> รับคอมมิชชั่นหรือส่วนลดทันที ในอัตราที่สูงกว่า แถมได้สิทธิซื้อประกัน พ.ร.บ.ราคาถูกตลอดชีพ

>> สามารถผ่อนได้สูงสุด 6 งวด ดอกเบี้ย 0% โดยไม่ต้องใช้บัตรเครดิต

>> แถมขายดีมีรายได้เพิ่มให้กับตัวเองด้วย

***สนใจติดต่อ Line@ THE SHOPS TIMES คลิก????https://lin.ee/vfTXud9

'หมอมนูญ' ชี้ ประชากรโลกมีโอกาสติดเชื้อโควิดทั้งหมด ย้ำ วัคซีนช่วยให้รอด โควิดอาจกลายเป็นโรคประจำถิ่น

ประเทศอินเดียมีการแพร่ระบาดอย่างหนัก ช่วงเดือนพฤษภาคมปีนี้ มีผู้ติดเชื้อไวรัสโควิด-19 วันละ 400,000 คน แต่ปัจจุบันเดือนสิงหาคม ตัวเลขผู้ติดเชื้อลดลงเหลือวันละ 40,000 กว่าคน

จากผลการวิจัยระดับประเทศสุ่มตรวจเลือดหาแอนติบอดีบ่งบอกถึงมีภูมิคุ้มกันต่อเชื้อไวรัสโควิดจากการติดเชื้อ พบคนอินเดีย 2 ใน 3 ของประชากร คือ 900 ล้านคนติดเชื้อตามธรรมชาติแล้ว พบติดเชื้อตั้งแต่อายุ 6 ปีขึ้นไปเกินครึ่งแล้วทุกอายุ

ทั้งนี้มีบุคลากรทางการแพทย์มีแอนติบอดีร้อยละ 85 มีคนอินเดียอีก 1 ใน 3 คือ 400 ล้านคนที่ยังไม่ติดเชื้อ อินเดียฉีดวัคซีนครบโดสแค่ร้อยละ 8 หรือประมาณ 100 ล้านคนเท่านั้น

จากรายงานอย่างเป็นทางการด้วยการตรวจหารหัสพันธุกรรมของเชื้อไวรัสโควิด ประเทศอินเดียพบผู้ติดเชื้อ 31.8 ล้านคน และคนเสียชีวิต 426,000 ราย ทั้ง 2 ตัวเลขนี้ต่ำกว่าความเป็นจริงมาก คนอินเดียติดเชื้อไปแล้ว 900 ล้านคน ขนาดปรับจำนวนคนเสียชีวิตขึ้น 5 เท่า คือ 2.13 ล้านคน อัตราการเสียชีวิตของคนอินเดียที่ติดเชื้อไวรัสโควิดร้อยละ 0.24

ประเทศอินเดียรายงานพบไวรัสโควิดสายพันธุ์เดลตาครั้งแรกเดือนตุลาคม 2563 มีการศึกษาระดับประเทศสุ่มตรวจเลือดหาแอนติบอดีเดือนกุมภาพันธ์ และเดือนกรกฎาคม 2564 พบตัวเลขผู้ติดเชื้อในประเทศอินเดียเพิ่มขึ้นจากร้อยละ 21 คือ 270 ล้านคน เป็น 900 ล้านคนในเวลา 5 เดือน อีกไม่นานคนที่เหลือ 400 ล้านคนก็จะติดเชื้อ เมื่อนั้นโรคโควิดคงจะหยุดการแพร่ระบาด

อัตราตายของโรคโควิดถูกประเมินว่าร้อยละ 1 อัตราตายจริง ๆ น่าจะต่ำกว่านั้น ดูสถิติของประเทศอินเดียอัตราตายของโรคโควิดประมาณร้อยละ 0.24

สรุป : เหตุผลหลักที่ตัวเลขผู้ติดเชื้อประเทศอินเดียขณะนี้ลดลง ก็เพราะคนอินเดียติดเชื้อแล้วมากกว่า 2 ใน 3 เชื้อไวรัสโควิดสายพันธุ์เดลตาแพร่เชื้อทางอากาศ ติดทางการหายใจ ติดต่อกันง่ายมากเหมือนเชื้อไวรัสโรคอีสุกอีใส ดูจากสถิติของประเทศอินเดียแล้ว เชื่อว่าทุกคนในโลกนี้คงต้องติดเชื้อไวรัสโควิดไม่ช้าก็เร็ว โรคนี้จะหยุดการแพร่ระบาดก็ต่อเมื่อมากกว่าร้อยละ 90 ของคนในประเทศติดเชื้อ เพราะเกิดภูมิคุ้มกันหมู่ตามธรรมชาติ และโรคนี้จะกลายเป็นโรคประจำถิ่นเหมือนโรคไข้หวัดใหญ่

เราต้องยอมรับความจริงและทำใจวันหนึ่งคงติดเชื้อ ต่อให้มีการล็อกดาวน์ ป้องกันตัวเองเต็มที่ และฉีดวัคซีนแล้วก็ตาม การฉีดวัคซีนไม่ได้ป้องกันการติดเชื้อและการแพร่เชื้อ แต่ลดการป่วยหนักและการเสียชีวิตได้มากถึง 10 เท่าเมื่อเทียบกับคนที่ไม่ได้รับวัคซีน เพราะฉะนั้นขอให้ทุกคนรีบฉีดวัคซีนให้เร็วที่สุดเพื่อป้องกันการป่วยหนักและเสียชีวิตเมื่อติดเชื้อไวรัสโควิด-19


ที่มา : https://www.facebook.com/604030819763686/posts/2004697906363630/


Q : ประกันอะไร? ได้ตั้ง 4 ต่อ!!

A : ก็ประกันภัยรถยนต์จาก @THESHOPTIMES ไง!!

>> ฟรี!!! ประกันภัยอุบัติเหตุส่วนบุคคล (PA) 100,000 บาท

>> รับคอมมิชชั่นหรือส่วนลดทันที ในอัตราที่สูงกว่า แถมได้สิทธิซื้อประกัน พ.ร.บ.ราคาถูกตลอดชีพ

>> สามารถผ่อนได้สูงสุด 6 งวด ดอกเบี้ย 0% โดยไม่ต้องใช้บัตรเครดิต

>> แถมขายดีมีรายได้เพิ่มให้กับตัวเองด้วย

***สนใจติดต่อ Line@ THE SHOPS TIMES คลิก????https://lin.ee/vfTXud9

“กอ.รมน.”สนับสนุนการจัดตั้ง รพ.สนาม ศูนย์คัดกรองและรพ.สนาม ทบ. 37 แห่ง พร้อมเร่งทำความเข้าใจ ปชช.ถึงข้อมูลการเข้ารับการรักษา

พล.ต.ธนาธิป สว่างแสง โฆษก กอ.รมน. แถลงสถานการณ์การระบาดของโรคติดเชื้อโควิด – 19 ยังคงทวีความรุนแรงโดยเฉพาะไวรัสกลายพันธุ์ชนิดสายพันธ์เดลต้าที่เชื้อโรคสามารถแพร่กระจายและติดต่อโรคกันได้โดยง่าย ทำให้มีจำนวนผู้ติดเชื้อรายใหม่ในแต่ละวันเพิ่มสูงขึ้นอย่างต่อเนื่องมีการแพร่ระบาด ในวงกว้างทั่วประเทศ การดูแลช่วยเหลือประชาชนโดยเฉพาะผู้ที่ได้รับผลกระทบจากเชื้อโควิด – 19 ถือเป็นภารกิจที่สำคัญเร่งด่วนของ กอ.รมน. ในการปฏิบัติงานเพื่อสนับสนุนรัฐบาลในการแก้ปัญหาของสถานการณ์ที่เกิดขึ้นให้เป็นไปตามนโยบายของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นรม. ในฐานะ ผอ.รมน. ที่ได้มอบหมายให้  พล.อ.ณรงค์พันธ์ จิตต์แก้วแท้ ผบ.ทบ. ในฐานะ รอง.ผอ.รมน. ดำเนินการอย่างเร่งด่วนเพื่อแก้ปัญหากับผู้ป่วย  ที่ยังไม่ได้เข้ารับการรักษาให้เข้าสู่ระบบอย่างรวดเร็วด้วยการตรวจหาเชื้อ, การคัดกรองผู้ติดเชื้อ, การแยกประเภทผู้ป่วย, การรักษาพยาบาลเบื้องต้น, การส่งผู้ป่วยเข้าสู่ระบบการรักษาตามความรุนแรงของโรคในการเข้าร่วมบูรณาการ  กับทุกภาคส่วนทั้ง กองทัพบก, เจ้าหน้าที่สาธารณสุข, บุคคลกรทางการแพทย์, อสม. และสาธารณสุขจังหวัด (สสจ.) สนับสนุนการจัดตั้ง “รพ.สนามศูนย์คัดกรองสโมสร ทบ.” 

พล.ต.ธนาธิป กล่าวอีกว่า ในพื้นที่ส่วนกลาง และ รพ.สนามกองทัพบก ทั่วประเทศทั้ง 37 แห่ง พร้อมเร่งประชาสัมพันธ์ให้ประชาชนได้รับทราบข้อมูลข่าวสารเกี่ยวกับการจัดตั้ง รพ.สนามหระทรวงสาธารณะสุข  จำนวน 26 แห่ง (กองทัพบกสนับสนุนกำลังพล, อาคารสถานที่, เตียงผู้ป่วย, เครื่องนอนและสิ่งของเครื่องใช้จำเป็น) และปัจจุบันได้มีการจัดตั้ง รพ.สนาม ทบ. เพิ่มเติมในพื้นที่ รพ.สังกัด กองทัพบกทั้ง 37 แห่งทั่วประเทศ เพื่อรองรับผู้ป่วยที่มีจำนวนมากขึ้นและเพื่อลดความเสี่ยงในการแพร่กระจายโรค ทั้งยังให้บริการดูแลรักษาผู้ป่วยเพื่อลดภาระของเจ้าหน้าที่สาธารณสุขในพื้นที่อีกด้วย และได้เตรียมการประสานงานเพื่อจัดตั้ง “รพ.สนามศูนย์คัดกรอง” ในส่วนภูมิภาคเป็นจุดให้บริการคัดกรองผู้ป่วยและเป็นจุดพักคอยเพื่อส่งต่อผู้ป่วยเข้ารับการรักษาใน รพ. ตามระบบต่อไปสำหรับ “รพ.สนามศูนย์คัดกรองสโมสร ทบ.” 

สำหรับพื้นที่ส่วนกลางมีขั้นตอนการให้บริการเริ่มจาก การลงทะเบียนยืนยันตัวบุคคล, การตรวจคัดกรองเชื้อเบื้องต้นโดย “รถเก็บตัวอย่างชีวนิรภัยพระราชทาน” และรอผลตรวจประมาณ 30 นาที หากผลไม่พบเชื้อจะได้รับใบรายงานผลแล้วกลับบ้านได้ หากผลตรวจพบเชื้อ  จะได้รับการเอ็กซ์เรย์ปอดและเข้ารับการตรวจยืนยันโควิด – 19 อีกครั้งด้วยวิธีตรวจแบบ RT-PCR จากนั้นแพทย์จะทำการวินิฉัยอาการและรับการรักษาด้วยยารับประทาน พร้อมรับถุงยังชีพบรรจุสิ่งของที่จำเป็นสำหรับการกักตัวประกอบด้วย เครื่องวัดค่าออกซิเจนในเลือด, เครื่องวัดอุณหภูมิ, อุปกรณ์รักษาโรคเป็นต้น จากนั้นผู้ป่วยจะเข้าสู่ระบบการรักษาของสำนักอนามัย กทม. ด้วยการกักตัวที่บ้าน (Home Isolation), การกักตัวที่ชุมชน (Community Isolation), รพ.สนาม หรือ รพ.ของ กทม. และสาธารณสุขต่อไป

นอกจากนี้ กอ.รมน. ได้บูรณาการและเสริมสร้างให้เครือข่ายมวลชน กอ.รมน. จากทั่วประเทศเข้ามามีส่วนร่วมเพื่อสร้างความเข้าใจชี้แจงกับประชาชนร่วมติดตามและเฝ้าระวังป้องกันแจ้งข้อมูลข่าวสารที่เป็นประโยชน์ให้กับเจ้าหน้าที่เพื่อดำเนินการต่อผู้หลบหนีเข้าเมืองตามแนวชายแดนโดยเฉพาะการดำเนินคดีตามกฎหมายอย่างเฉียบขาดต่อขบวนการนำพาผู้หลบหนีฯ สร้างความตระหนักรู้และการรับรู้กับประชาชนโดยเฉพาะการห้ามออกนอก     เคหะสถานตามห้วงเวลาที่กำหนด และลดการเดินทางที่ไม่จำเป็นในพื้นที่ควบคุมสูงสุดและเข้มงวด การรณรงค์ให้ความสำคัญกับการฉีดวัคซีนเพื่อช่วยลดอาการรุนแรงและลดอัตราการเสียชีวิตเป็นหลัก ส่วนการป้องกันการติดเชื้อยังคงให้ความสำคัญกับการป้องกันตนเองและการป้องกันการแพร่ระบาดด้วยการสวมอุปกรณ์ป้องกันตนเอง (หน้ากากอนามัย), การใช้เจลแอลกอฮอล์ล้างมืออย่างถูกวิธีรวมทั้งการดูแลเขตสุขาภิบาลและสิ่งแวดล้อมของ   ส่วนบุคคลและส่วนรวมตามมาตรฐานของกรมอนามัยกระทรวงสาธารณะสุข

“บิ๊กป้อม” สั่ง ฝ่ายมั่นคง เร่งคดี มาตกรรม นทท.ในจ.ภูเก็ต ชี้ กระทบความรู้สึกชาวภูเก็ต-ความเชื่อมั่นตปท. พร้อมประชุมรับมือสถานการณ์ความเสี่ยงชายแดนช่วงโควิด

พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ได้สั่งการฝ่ายปกครองตำรวจ ให้ความสำคัญเร่งติดตามสืบสวนคดีฆาตกรรมนักท่องเที่ยวชาวสวิสฯที่เสียชีวิตระหว่างท่องเที่ยวใน จ.ภูเก็ต ให้นำผู้กระทำผิดมาลงโทษโดยเร็ว ให้เฝ้าระวังและเพิ่มความเข้มข้นมาตรการป้องกันดูแลความปลอดภัยนักท่องเที่ยวในภาพรวม

“คดีดังกล่าว ส่งผลกระทบต่อการท่องเที่ยวและความเชื่อมั่นจากต่างประเทศเป็นอย่างมาก ในขณะที่เรากำลังร่วมกันสร้างและเปิดพื้นที่นำร่อง เพื่อฟื้นฟูระบบเศรษฐกิจการท่องเที่ยวในช่วงที่ต้องอยู่กับสถานการณ์แพร่ระบาดของโควิดต่อเนื่องกันไป  และเชื่อว่าเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น มีผลต่อความรู้สึกของชาวภูเก็ต ที่ช่วยกันประคับประคองดูแลมาตการต่างๆให้ภูเก็ตมีความพร้อมเปิดรับนักท่องเที่ยวที่ผ่านมา จึงขอให้ชาวภูเก็ตร่วมให้ข้อมูลกับเจ้าหน้าที่ เพื่อนำผู้กระทำผิดมาลงโทษโดยเร็วที่สุด” 

นอกจากนี้พล.ท.คงชีพ ตันตระวาณิชย์ โฆษกประจำรองนายกรัญมนตรี  เปิดเผยว่า พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี  เรียกประชุมหน่วยงานความมั่นคง ร่วมกับ รมว.มหาดไทย รมว.แรงงาน รมช.กลาโหม ผบ.ทสส. รวมทั้ง ผวจ.ชายแดนและหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ผ่านระบบ VTC เพื่อเตรียมรับมือกับสถานการณ์ความเสี่ยงชายแดนในห้วงการแพร่ระบาดของโควิด 19 ที่รุนแรง

ภาพรวมสถานการณ์การลักลอบข้ามแดน ยังพบและจับกุมผู้กระทำผิดได้อย่างต่อเนื่อง จากความต้องการแรงงานในประเทศที่ยังมีสูง  มีผู้ลักลอบเข้าเมืองตกค้างตามชายแดนจำนวนมาก เนื่องจากประเทศต้นทางไม่เปิดรับกลับ บางส่วนเป็นชนเผ่าและชนกลุ่มน้อยที่ไม่มีการรับรองสถานภาพ  ขณะเดียวกันสถานการณ์การแพร่ระบาดในประเทศเพื่อนบ้านยังรุนแรง พบผู้ติดเชื้อในอัตราที่สูงขึ้นต่อเนื่อง โดยเฉพาะประเทศเมียนมา ที่มีปัญหาการเมืองและสภาพเศรษฐกิจตกต่ำ รวมทั้งการแพร่ระบาดของโควิดที่อยู่ในสภาวะวิกฤตและข้อจำกัดของระบบสาธารณสุข ที่อาจส่งผลให้มีการลักลอบเข้าเมืองจากเมียนมามากขึ้น

ทั้งนี้พล.อ.ประวิตร ย้ำเป็นนโยบายและสั่งการ ขอให้ฝ่ายปกครอง ทหารและตำรวจ รวมทั้งกระทรวงแรงงาน ประสานการทำงานร่วมกับกระทรวงต่างประเทศ ติดตามสถานการณ์ในประเทศเพื่อนบ้านอย่างใกล้ชิด โดยให้ผนึกกำลังร่วมเฝ้าระวังพื้นที่ชายแดนและตรวจตราพื้นที่ชั้นใน บังคับใช้กฎหมายเข้มงวด เพิ่มมาตรการป้องกันและแก้ไขปัญหาการลักลอบเข้าเมืองผิดกฎหมาย การลักลอบค้าอาวุธและยาเสพติด สิ่งผิดกฎหมาย ควบคู่ไปกับมาตรการป้องกันและควบคุมโรค โดยขอให้ผู้ว่าราชการจังหวัดใช้กลไก “ศูนย์สั่งการชายแดนไทยกับประเทศเพื่อนบ้านจังหวัด” บูรณาการการทำงานร่วมกันและนำเทคโนโลยีมาใช้เชื่อมโยงกันอย่างเป็นระบบ รวมทั้งให้เพิ่มสถานที่กักกัน ( OQ ) ให้เพียงพอ รองรับการลักลอบข้ามแดนที่มีมากขึ้น

พร้อมกำชับ ต่อสถานการณ์วิกฤตในประเทศเมียนมา  ขอให้ทุกจังหวัดชายแดนเมียนมา เตรียมพร้อมและพัฒนาแผนรองรับผู้หนีภัยความไม่สงบจากเมียนมา โดยให้มีการบูรณาการทำงานร่วมกัน จัดให้มีพื้นที่รองรับและสถานกักกันโรคอย่างเพียงพอ รวมทั้งการช่วยเหลือด้านมนุษยธรรมอย่างเหมาะสม ทั้งนี้ให้ติดตามเฝ้าระวังและทำลายโครงสร้างขบวนการค้าอาวุธสงคราม เพื่อมิให้เป็นเงื่อนไขขยายความรุนแรงในเมียนมาอย่างเด็ดขาด

สำหรับพื้นที่ชั้นใน ขอให้กระทรวงแรงงาน ประสานการทำงานกับ ตำรวจบังคับใช้กฎหมาย อย่างเฉียบขาดและลงโทษสูงสุดกับผู้นำพาและขบวนการค้าแรงงานผิดกฎหมาย โดยให้สืบเชื่อมโยงไปถึงการค้ามนุษย์  และขอให้เร่งพิจารณาแนวทางทะยอยนำแรงงานต่างด้าวเข้าสู่ระบบตามกฎหมาย ภายใต้มาตการ กักตัวควบคุมโรค โดยเริ่มจากผู้ประกอบการที่มีความพร้อม เพื่อบรรเทาความต้องการแรงงานและลดการลักลอบเข้าเมืองผิดกฎหมาย พร้อมย้ำให้หัวหน้าหน่วยงานทุกระดับลงกำกับ ต้องไม่มีเจ้าหน้าที่รัฐทุจริตหรือเข้าไปเกี่ยวข้องอย่างเด็ดขาด


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top