Sunday, 11 May 2025
Hard News Team

“องอาจ” หนุนชาวบ้านตั้ง “จุดแยกผู้ติดเชื้อจากชุมชน” (Mini CI) ดูแลกันเองจนกว่าจะเข้าระบบของราชการได้

นายองอาจ คล้ามไพบูลย์ รองหัวหน้าพรรค และประธาน ส.ส. พรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึงการแพร่ระบาดของเชื้อโควิด-19 อย่างมากในขณะนี้ว่า จากการลงพื้นที่ช่วยเหลือประชาชนใน กทม. ของอดีต ส.ส. ส.ก. ส.ข. และตัวแทนพรรคพบความจริงที่เกิดขึ้นว่า มีผู้ติดเชื้อจำนวนหนึ่งในชุมชนแออัดยังไม่สามารถเข้าสู่ระบบโฮมไอโซเลชั่น (HI) หรือ คอมมูนิตี้ไอโซเลชั่น (CI) ด้วยหลายสาเหตุ เช่น ติดต่อตามช่องทางต่างๆ ที่ทางราชการกำหนดขึ้นไม่ได้ โทรศัพท์ติดต่อไปเบอร์ต่างๆ แล้วไม่มีผู้รับสาย หรือมีผู้รับสายแล้วบอกให้รอ ซึ่งส่วนมากจะให้รอนานหลายวัน ทำให้ผู้ติดเชื้อในชุมชนแออัดซึ่งอยู่ในห้องเช่าแคบๆ กันหลายคนต้องติดเชื้อกันทั้งครอบครัว

นอกจากติดเชื้อกันเองในห้องเช่าแคบๆ แล้ว คนกลุ่มนี้ยังนำเชื้อกระจายออกไปติดผู้อื่นนอกบ้านอีกด้วย เพราะต้องออกไปทำมาหากินเพื่อยังชีพแบบหาเช้ากินค่ำ เมื่อผู้ติดเชื้อในชุมชนแออัดไม่สามารถกักตัวที่บ้านแบบ HI ได้ จะไปศูนย์พักคอยก็ยังไม่มี หรือที่เต็ม หากปล่อยให้ผู้ติดเชื้ออยู่ในชุมชนต่อไปโอกาสที่เชื้อจะแพร่กระจายในชุมชนก็จะมีมากขึ้น 

จึงมีคณะกรรมการชุมชนบางแห่งเริ่มใช้วิธี “ชุมชนจัดการตนเอง” โดยการจัดหาสถานที่ในชุมชนหรือใกล้ชุมชน เช่น วัด หรือโรงเรียน เป็นที่ให้ผู้ติดเชื้อที่ผ่านการตรวจหาเชื้อเบื้องต้นด้วยวิธี ATK มาอยู่ร่วมกัน แล้วมีคนในชุมชนช่วยกันดูแลเรื่องอาหาร 3 มื้อ และอุปกรณ์ที่จำเป็นต่างๆ เช่น หน้ากากอนามัย เครื่องวัดอุณหภูมิ ยาสมุนไพรฟ้าทะลายโจร เท่าที่จะหาได้ เพื่อช่วยกันดูแลช่วยเหลือกันเองจนกว่าผู้ติดเชื้อเหล่านี้จะสามารถติดต่อเข้าสู่ระบบการดูแลของทางราชการได้ 

การที่ชุมชนจัดการตนเองนี้ อาจจะเรียกว่าเป็นระบบ Mini CI (Mini Community Isolation) หรือระบบ “จุดแยกผู้ติดเชื้อจากชุมชน” ซึ่งถือเป็นเรื่องดีที่ชุมชนช่วยเหลือดูแลกันเอง และยังเป็นการสร้างความเข้มแข็งของชุมชนได้อีกทาง ที่สำคัญยังอาจเป็นแบบอย่างให้ชุมชนอื่นๆ ที่มีผู้ติดเชื้อประสบปัญหากักตัวที่บ้านไม่ได้เพราะสถานที่ไม่อำนวย หรือยังไม่สามารถเข้าไปอยู่ในศูนย์พักคอย (CI) ของทางราชการได้ ซึ่งวิธีนี้จะทำให้แยกผู้ติดเชื้อในชุมชนให้ออกมาอยู่ในสถานที่ที่เหมาะสมได้ชั่วคราว 

ขณะนี้พบว่ามีการดำเนินการจัดตั้ง “จุดแยกผู้ติดเชื้อจากชุมชน” (Mini CI) นี้ ที่ชุมชนวัดพระยาทำ เขตบางกอกน้อย ซึ่งชุมชนได้รับการสนับสนุนสถานที่จากทางวัดและจัดระบบดูแลกันเองได้เป็นอย่างดี ถือเป็นการแบ่งเบาภาระของทางราชการอีกทางหนึ่ง จึงขอฝากให้ทางราชการเข้าไปสนับสนุนบ้างตามสมควร เพื่อร่วมมือกันทำให้การแพร่ระบาดของเชื้อโควิดลดน้อยถอยลงได้ในที่สุด

โฆษก ศบศ. เผย บิ๊กตู่ สั่งเยียวยา 29 จังหวัดสีแดงเข้ม บอก ม.33 โอนแล้ว 10 จังหวัด เกือบ 2 ล้านราย - ย้อน พิชัย เลิกหลอกตัวเอง เป็น กูรูเศรษฐกิจ 

นายธนกร วังบุญคงชนะ เลขานุการรัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ในฐานะโฆษกประจำศูนย์บริหารสถานการณ์เศรษฐกิจจากผลกระทบจากการระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (ศบศ.) เปิดเผยว่า ครม. มีมติขยายมาตรการให้ความช่วยเหลือและเยียวยาเร่งด่วนผู้ประกอบการนายจ้าง ลูกจ้าง ตลอดจนแรงงานกลุ่มอาชีพอิสระ และพ่อค้าแม่ค้ารายย่อยที่ได้รับผลกระทบจากการปิดกิจการ 9 ประเภท จากการประกาศล็อกดาวน์ยกระดับพื้นที่ควบคุมสูงสุดและเข้มงวด (สีแดงเข้ม) เพิ่มจาก 13 จังหวัด เป็น 29 จังหวัด โดยรูปแบบของการเยียวยาจะได้รับเช่นเดียวกับ 13 จังหวัดที่ประกาศมาก่อนหน้านี้ ซึ่ง ครม. ได้เห็นชอบขยายวงเงินเยียวยาจาก 30,000 ล้านบาท เป็นประมาณ 60,000 ล้านบาทแล้ว

นายธนกร กล่าวว่า  กระทรวงแรงงาน โดยสำนักงานประกันสังคม เริ่มทยอยโอนเงินเยียวยานายจ้างและผู้ประกันตนมาตรา 33  ที่ได้รับผลกระทบโควิด-19 ในพื้นที่มาตรการของรัฐให้ควบคุมสูงสุดและเข้มงวด 10 จังหวัดแล้ว ได้แก่ กรุงเทพมหานคร, นครปฐม, นนทบุรี, ปทุมธานี, สมุทรปราการ, สมุทรสาคร, นราธิวาส, ปัตตานี, ยะลา, สงขลา โดยยอดการโอน 2 วันแรกอยู่ที่ 1,829,387 ราย เป็นเงิน  4,573.47 ล้านบาท ซึ่งในวันที่ 9 สิงหาคม 2564 จะเริ่มโอนให้อีก 3 จังหวัด ได้แก่ ชลบุรี พระนครศรีอยุธยา และฉะเชิงเทรา อย่างไรก็ตาม ขณะนี้มีผู้ประกันตนมาตรา 33 ในระบบประกันสังคมในพื้นที่ 13 จังหวัด แบ่งเป็นนายจ้าง จำนวน  174,896 คน และลูกจ้างจำนวน  3.1 ล้านคน 

นายธนกร กล่าวว่า ทั้งนี้ ลูกจ้างจะได้รับเงินเยียวยาจำนวน 2,500 บาท และนายจ้างจะได้รับเงินเยียวยา 3,000 บาทต่อจำนวนลูกจ้างหนึ่งคน แต่ไม่เกิน 200 คน และในส่วนของผู้ประกันตน มาตรา 39 และ มาตรา 40 ใน 13 จังหวัดควบคุมสูงสุดและเข้มงวด ยอดผู้ประกันตน มาตรา 39 จำนวน 1.3 ล้านคน และผู้ประกันตน มาตรา 40 จำนวน 4  ล้านคน แต่ที่ยังไม่ชำระเงินงวดแรกประมาณ 7 แสนคน โดยสำนักงานประกันสังคมได้ขยายเวลาให้ชำระภายในวันที่ 10 สิงหาคม 2564 ถึงจะถือว่าการลงทะเบียนสมบูรณ์ได้รับสิทธิ์ โดยคาดว่าจะสามารถโอนเงินเยียวยา 5,000 บาท สำหรับ มาตรา 39 และมาตรา 40 ได้ภายในวันที่ 24 สิงหาคม นี้

นายธนกร กล่าวว่า ในส่วนของมาตรการให้ความช่วยเหลือและเยียวยาของพื้นที่จังหวัดที่ประกาศล็อกดาวน์เพิ่มขึ้นอีก 16 จังหวัด ได้แก่ กาญจนบุรี   สมุทรสงคราม  สุพรรณบุรี    เพชรบุรี ประจวบคีรีขันธ์ ราชบุรี อ่างทอง  นครนายก  ปราจีนบุรี  ลพบุรี  ระยอง สิงห์บุรี   สระบุรี  นครราชสีมา   เพชรบูรณ์  และตาก ซึ่งจะได้รับการเยียวยาเช่นเดียวกับ 13 จังหวัดที่ประกาศมาก่อนหน้านี้ นอกเหนือจากมาตรการลดค่าใช้จ่ายด้านสาธารณูปโภคพื้นฐานค่าน้ำ-ค่าไฟที่ใช้แล้วทั่วประเทศ ทั้งนี้ เบื้องต้นระยะเวลาการให้ความช่วยเหลือ กลุ่ม 13 จังหวัดเดิม จะได้รับเยียวยา 2 เดือน ตั้งแต่กรกฎาคม – สิงหาคม 2564 ส่วนกลุ่ม 16 จังหวัดที่เพิ่มเติมจะได้รับการเยียวยา 1 เดือน ได้แก่ เดือนสิงหาคม 2564 ซึ่งพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม รับรู้ปัญหาของทุกกลุ่ม ไม่ทอดทิ้งอย่างแน่นอน ขอให้ทุกคนอดทนและร่วมฝ่าวิกฤตินี้ไปด้วยกัน ซึ่งจะมีการประชุมหารือหน่วยงานด้านเศรษฐกิจเพื่อพิจารณากฎเกณฑ์และแนวทางช่วยเหลืออื่นๆ ต่อไป

นายธนกร ยังกล่าวถึงกรณีที่นายพิชัย นริพทะพันธ์ รองหัวหน้าพรรคเพื่อไทย เตือน พล.อ.ประยุทธ์อย่าปล่อยคนไทยตามยถากรรม ต้องหัดมองเศรษฐกิจล่วงหน้าให้เป็นและเร่งแก้ไข หลอกตัวเองไปวันๆ มีแต่จะพัง ต้องเร่งหาวัคซีนเอง อย่าหวังพึ่งเอกชน ว่า พล.อ.ประยุทธ์มองคนไทยทุกคนเป็นเพื่อนร่วมชาติไทยเดียวกัน แล้วจะปล่อยตามยถากรรมได้อย่างไร ถ้าจะปล่อยก็คงเป็นการปล่อยนายพิชัยให้เรียกร้องคะแนนสงสารจากนายใหญ่ไปตามยถากรรมเสียมากกว่า เพราะยังคงหลอกตัวเองว่าเป็นกูรูเศรษฐกิจที่รู้ไปเสียทุกเรื่อง หัดพึ่งความสามารถตัวเองบ้าง ไม่ใช่หวังพึ่งแต่ม็อบให้กดดันรัฐบาลให้ลาออกเพียงอย่างเดียว

“แรมโบ้” ซัด “ม็อบ 3 นิ้ว” คนชั่ว-หนักแผ่นดิน” นัดเคลื่อนขบวนไปวังก้าวล่วงสถาบัน นิยมรุนแรง เพราะมีคนเบื้องหลัง เชื่อคนไทยไม่เห็นด้วย หวั่นมือที่ 3 สร้างสถานการณ์ ขู่ งัดกม.เอาผิด หากทำร้ายจนท.

นายเสกสก อัตถาวงศ์ ผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำนายกรัฐมนตรี กล่าวกรณีที่กลุ่มเยาวชนปลดแอก หรือม็อบ 3 นิ้ว นัดเคลื่อนขบวนไปพระบรมมหาราชวัง วันที่ 7 ส.ค.นี้ ว่า ไม่เห็นด้วยกับการนัดชุมนุม เพราะที่ผ่านมาการชุมนุมของม็อบกลุ่มนี้สร้างความรุนแรง มีใช้อาวุธหนังสติ๊ก ระเบิดเพลิง ระเบิดปิงปอง กระสุนเหล็ก ใส่เจ้าหน้าที่ตำรวจ ยั่วยุทุกรูปแบบ และปิดถนนสร้างความเดือดร้อนให้ประชาชน กระทบการทำมาหากินอย่างหนัก การประกาศไปพระบรมมหาราชวัง เป็นการจาบจ้วง ก้าวล่วง และการชุมนุมครั้งนี้อาจเกิดมือที่สาม เข้ามาสร้างสถานการณ์ สร้างความรุนแรงเกิดขึ้นได้ ซึ่งเราไม่ต้องการเห็น จึงขอเตือนม็อบว่าอย่าเคลื่อนไหว และจะยิ่งทำให้ประชาชนคนไทยที่จงรักภักดีและปกป้องสถาบันรับไม่ได้ จนต้องออกมาชุมนุมคัดค้านกับกลุ่มเยาวชนฯ  ส่วนกลุ่มที่ต้องการปกปีองสถาบัน ถึงแม้การเคลื่อนไหวทำได้ตามสิทธิ แต่จะต้องเป็นไปตามกฎหมายเช่นกัน อย่าให้กระทบกระทั่งกัน อย่าให้เกิดความรุนแรงระหว่างม็อบเพราะจะเข้าทางม็อบสามกีบที่นิยมความรุนแรง เราคนไทย ต้องอยู่ภายใต้กฎหมาย อะไรที่ทำให้บ้านเมืองสงบสุขปลอดภัยจากวิกฤตโควิด จะต้องช่วยกันและก้าวผ่านวิกฤตไปด้วยกัน ดีกว่าทะเลาะรบราฆ่าฟันกันเองจนแผ่นดินไทยนองเลือด จุดนี้คือสิ่งที่เจ้าหน้าที่ต้องเฝ้าระวังที่สุดเพื่อระงับเหตุความรุนแรง

นายเสกสกล กล่าวว่า หากกลุ่มผู้ชุมนุมปลดแอกหรือสามกีบก่อความวุ่นวายให้เกิดขึ้นหรือใช้ความรุนแรง เจ้าหน้าที่ตำรวจจำเป็นที่จะต้องดำเนินการตามกฎหมาย ทั้งนี้ หากแค่มาร่วมชุมนุมมีความผิดทางอาญา โทษจำคุกไม่เกิน 2 ปี หรือปรับไม่เกิน 40,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ ตามที่เว็บไซต์ราชกิจจานุเบกษาเผยแพร่ประกาศหัวหน้าผู้รับผิดชอบในการแก้ไขสถานการณ์ฉุกเฉินในส่วนที่เกี่ยวข้องกับความมั่นคง เรื่อง การห้ามชุมนุม การทำกิจกรรม การมั่วสุม ที่ก่อให้เกิดการแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด-19) ฉบับที่ 9  มีผลตั้งแต่วันที่ 3 ส.ค. 2564 

“ฝากถึงแกนนำม็อบปลดแอกให้หยุดได้แล้ว ขณะนี้บ้านเมืองต้องการความร่วมมือในการแก้ไขปัญหา ไม่อยากเห็นคนไทยด้วยกันต้องมาทะเลาะเกิดเหตุรุนแรงบนท้องถนน ม็อบกลุ่มนี้นิยมความรุนแรง เพราะมีคนสนับสนุนอยู่เบื้องหลัง ที่ต้องการให้เกิดความรุนแรงหรือสงครามกลางเมือง ต้องการที่ให้ประเทศไทยเกิดความวุ่นวาย มีคนวางแผนต้องการทำลายสถาบันฯอย่างนายปิยบุตร แสงกนกกุล และพวกล้มเจ้าที่คอยบัญชาการวางแผนอยู่ต่างประเทศ เพื่อทำลายการปกครองอันมีพระมหากษัตริย์ ทรงเป็นพระประมุขของไทยเรา พวกเราคนไทยที่ปกป้องสถาบันรู้ทันคนเหล่านี้เป็นอย่างดี จึงยอมคนพวกชั่วๆแบบนี้ไม่ได้อย่างแน่นอน การอ้างว่าเรียกร้องประชาธิปไตย แต่กลับใช้ความรุนแรงและมุ่งหน้าไปพระบรมมหาราชวัง เป็นที่ชัดเจนว่าคนชั่วๆเลวๆเหล่านี้เป็นคนหนักแผ่นจริงๆ ไม่สมควรจะมีที่ยืนหรืออาศัยอยู่ในผืนแผ่นดินไทยอีกต่อไป "นายเสกสกล กล่าว

สภากาชาดไทยผนึกกำลัง 'รัฐ -​ เอกชน'​ ให้ความช่วยเหลือผู้ติดเชื้อโควิด-19 ที่บ้าน (Home Isolation)

จากสถานการณ์โควิด-19 ในปัจจุบัน โดยเฉพาะในพื้นที่กรุงเทพมหานครมีผู้ติดเชื้อรายใหม่จำนวนมาก ทำให้การบริการรักษาพยาบาลในโรงพยาบาลไม่เพียงพอต่อการดูแล สำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ (สปสช.) จึงได้เปิดระบบดูแลผู้ป่วยโควิดกลุ่มสีเขียวที่บ้าน (Home Isolation: HI) แต่เนื่องจากมีผู้ลงทะเบียนเป็นจำนวนมาก ทำให้พบว่ายังคงมีบางส่วนที่ลงทะเบียนแล้วแต่ยังไม่ได้รับการติดต่อกลับจากเจ้าหน้าที่ ซึ่งผู้ป่วยบางส่วนที่รอการติดต่อเป็นระยะเวลานาน กลายเป็นผู้ป่วยสีเหลืองและสีแดงและบางส่วนก็เสียชีวิตแล้ว

สภากาชาดไทย โดยสำนักงานบรรเทาทุกข์และประชานามัยพิทักษ์ เล็งเห็นความสำคัญในส่วนนี้ จึงประสานความร่วมมือกับสำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ (สปสช.) ศูนย์บริหารสถานการณ์โควิด19 (ศบค.) กรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ กรมสนับสนุนบริการสุขภาพ กระทรวงสาธารณสุข สำนักอนามัย ศูนย์เอราวัณ แพทยสภา กรุงเทพมหานคร และทีมอาสาสมัครภาคเอกชน ผนึกกำลังร่วมดูแลผู้ติดเชื้อโควิด-19 ที่บ้าน (Home Isolation) หลังลงทะเบียนในระบบ Home Isolation ในกรุงเทพมหานคร นนทบุรี สมุทรปราการ และปทุมธานี และได้ขึ้นทะเบียนเป็นหน่วยบริการ Home Isolation กับ สปสช.

ทั้งนี้ สปสช. สภากาชาดไทย ร่วมกับทีมงานจิตอาสา เช่น Let’s be heroes หมอริทช่วยโควิด Thai CoCare HICV และอาสาสมัครของสภากาชาดไทยเอง ได้รับผู้ป่วยมาอยู่ในการดูแลในเบื้องต้น จำนวน 3,163 ราย ซึ่งผู้ป่วยจำนวนดังกล่าว ได้ลงทะเบียนในระบบ Home Isolation แล้ว โดยมีสถานีกาชาดที่ 11 วิเศษนิยม กรุงเทพฯ เป็นผู้ประสานงานหลักกับ สปสช. ในการให้ความช่วยเหลือผู้ติดเชื้อโควิด-19 ที่บ้าน ซึ่งหลังจากผู้ป่วยผ่านการติดต่อประสานงาน ประเมินและคัดกรองอาการแล้ว ผู้ป่วยจะได้รับการประเมินอาการทางโทรศัพท์วันละ 2 ครั้ง (Telemedicine) อาหาร 3 มื้อ ปรอทวัดไข้แบบดิจิตอล เครื่องวัดออกซิเจนปลายนิ้ว ยา Favipiravir ยาฟ้าทะลายโจร และยาพื้นฐานอื่นๆ โดยด่วน

ตั้งแต่วันที่ 24 กรกฎาคม – 5 สิงหาคม 2564  สำนักงานบรรเทาทุกข์ฯ สภากาชาดไทย ได้ให้ความช่วยเหลือผู้ติดเชื้อโควิด-19 ที่บ้าน (Home Isolation) ตามการประเมินและคัดกรองอาการของผู้ป่วยดังนี้... 

1. ลงทะเบียนผู้ป่วยและรับเข้าระบบรักษาพยาบาล จำนวน 3,163 ราย

2. ประเมินอาการทางโทรศัพท์วันละ 2 ครั้ง (Telemedicine) โดยทีมแพทย์ พยาบาลอาสาสมัคร จาก Let’s be heroes หมอริทช่วยโควิด Thai CoCare HICV และอาสาสมัครของสภากาชาดไทย จำนวน 2,778 ราย

3. ส่งชุดอาหารพร้อมรับประทาน จำนวน 1,600 ราย ถึงบ้านผู้ติดเชื้อโควิด-19 เบื้องต้นก่อนที่จะได้รับอาหารกล่อง

4. ส่งอาหารกล่อง 3 มื้อ จำนวน 1,383 ราย ถึงบ้านผู้ติดเชื้อโควิด-19 ตลอดระยะเวลา Home Isolation

5. ส่งปรอทวัดไข้แบบดิจิตอล จำนวน 1,012 ราย ถึงบ้านผู้ติดเชื้อโควิด-19

6. ส่งเครื่องวัดออกซิเจนปลายนิ้ว.จำนวน 868 ราย ถึงบ้านผู้ติดเชื้อโควิด-19

7. ส่งยา Favipiravir และยาอื่น ๆ จำนวน 1,400 ราย ถึงบ้านผู้ติดเชื้อโควิด-19

โดยมีอาสาสมัครจากหน่วยงานต่างๆ ทั้งภายในและภายนอกสภากาชาดไทย ได้ให้การสนับสนุนงานด้าน Telemedicine โทรศัพท์คัดกรองข้อมูลผู้ป่วย และจัดส่งอาหาร ยา เวชภัณฑ์ต่างๆ เพื่อให้ผู้ป่วยได้รับการติอต่อ ดูแล และรักษาพยาบาลได้รวดเร็วมากยิ่งขึ้น

‘วัชระ’ ยื่นป.ป.ช. เร่งสอบเอกชนส่อทุจริตเช่าที่ราชพัสดุ เมืองปากน้ำ เหตุไม่ผ่านการประมูลทำรัฐเสียหายกว่า 200 ล้านบาท

5 ส.ค. 64 เมื่อเวลา 13.48 น. ที่สำนักงานป.ป.ช. นายวัชระ เพชรทอง อดีตส.ส.ประชาธิปัตย์ ยื่นหนังสือผ่านเจ้าหน้าที่งานสารบรรณถึง พล.ต.อ.วัชรพล ประสารราชกิจ ประธานกรรมการ ป.ป.ช. และคณะกรรมการป.ป.ช. ขอให้เชิญผู้ร้องเรียนไปให้การ และขอพิจารณาด้วยความเที่ยงธรรมให้กันข้าราชการชั้นผู้น้อยไว้เป็นพยานและคุ้มครองพยานตามกฎหมายป.ป.ช.

นายวัชระ กล่าวว่า การมายื่นหนังสือในครั้งนี้ สืบเนื่องมาจากที่ตนได้ยื่นหนังสือร้องเรียนป.ป.ช. กรณีนายนริศ ชัยสูตร อดีตอธิบดีกรมธนารักษ์กับพวก ได้กระทำการส่อว่ากระทำการผิดกฎหมายและระเบียบจากกรณีกรมธนารักษ์จัดให้ บริษัท เอเชียน มารีน เซอร์วิส จำกัด (มหาชน) เช่าที่ราชพัสดุแปลงหมายเลขทะเบียนที่ สป 668 ต.แหลมฟ้าผ่า อ.พระสมุทรเจดีย์ จ.สมุทรปราการ โดยไม่ต้องประมูล และแจ้งให้ธนารักษ์พื้นที่สมุทรปราการ จัดทำสัญญาเช่าที่ราชพัสดุ (แบบ ส 8/54) กับบริษัท เอเชียน มารีน เซอร์วิส จำกัด (มหาชน) ผิดประเภทการจัดให้เช่าที่ราชพัสดุ ตามกฎกระทรวงว่าด้วยหลักเกณฑ์และวิธีการปกครอง ดูแล บำรุงรักษา ใช้ และการจัดหาประโยชน์เกี่ยวกับที่ราชพัสดุ พ.ศ. 2545 ข้อ 23 ทำให้รัฐเสียหายไม่ต่ำกว่า 200 ล้านบาทนั้น

จนบัดนี้การร้องเรียนได้ผ่านมากว่า 2 ปีแล้ว คณะไต่สวนยังไม่เคยเรียกนายพิทักษ์ ดิเรกสุนทร ผู้ร้องเรียนไปให้ปากคำใด ๆ จึงขอให้เรียกนายพิทักษ์ มาให้ปากคำโดยด่วน ขณะเดียวกันอยากขอความเป็นธรรมให้กันพยานบุคคล ที่เป็นผู้แจ้งเบาะแสการทุจริตในครั้งนี้ รวมทั้งตนเองก็พร้อมมาให้การเป็นพยานกับคณะกรรมการ ป.ป.ช.ด้วย และหากคณะไต่สวนไม่สอบพยานหลักฐานจากผู้ร้องเรียน ตนอาจจะยื่นหนังสือให้ป.ป.ช.ชุดใหญ่ตั้งคณะกรรมการสอบสวนป.ป.ช.ชุดไต่สวนต่อไป เพื่อให้เกิดความยุติธรรมยิ่งขึ้น


Q : ประกันอะไร? ได้ตั้ง 4 ต่อ!!

A : ก็ประกันภัยรถยนต์จาก @THESHOPTIMES ไง!!

>> ฟรี!!! ประกันภัยอุบัติเหตุส่วนบุคคล (PA) 100,000 บาท

>> รับคอมมิชชั่นหรือส่วนลดทันที ในอัตราที่สูงกว่า แถมได้สิทธิซื้อประกัน พ.ร.บ.ราคาถูกตลอดชีพ

>> สามารถผ่อนได้สูงสุด 6 งวด ดอกเบี้ย 0% โดยไม่ต้องใช้บัตรเครดิต

>> แถมขายดีมีรายได้เพิ่มให้กับตัวเองด้วย

***สนใจติดต่อ Line@ THE SHOPS TIMES คลิก????https://lin.ee/vfTXud9

สวทช. เตรียมทดสอบวัคซีนแบบหยอดจมูกกับอาสาสมัครคนไทย แย้ม วัคซีนกันสายพันธุ์เดลตาก็สร้างรอไว้แล้ว

4 ส.ค. 64 ดร.อนันต์ จงแก้ววัฒนา ผู้อำนวยการกลุ่มวิจัยนวัตกรรมสุขภาพสัตว์และการจัดการ ศูนย์พันธุวิศวกรรมและเทคโนโลยีชีวภาพแห่งชาติ (ไบโอเทค) และนักไวรัสวิทยา สำนักงานพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งชาติ (สวทช.) ได้โพสต์เฟซบุ๊ก Anan Jongkaewwattana ระบุว่า...

วันนี้ Paper วัคซีนได้ตีพิมพ์ออกมาซะทีครับ หลังจากรอมานาน น้องนักศึกษาเขียนเล่ามาซะยาว เลยถือโอกาสแชร์ต่อนะครับ ไม่อยากเล่าซ้ำครับ

ทีม สวทช. เป็นทีมที่ถนัดเรื่อง Viral vector ครับ เราเลยรับอาสาพัฒนา Viral Vector ใหม่ ๆ มาเป็นวัคซีน ตัวนี้คือตัวแรก คือ นำ Influenza virus มาผสมกับสไปค์ของโควิด เป็นวัคซีนชนิดแบบหยอดจมูก ครับผม ถ้าไม่มีอะไรผิดพลาด…เราจะร่วมมือกับองค์การเภสัชกรรมนำวัคซีนตัวนี้ออกมาทดสอบในอาสาสมัครคนไทยครับ (วัคซีนสายพันธุ์เดลตาก็สร้างไว้รอแล้วนะครับ)”


ที่มา: https://www.facebook.com/story.php?story_fbid=4646682162038336&id=100000897943637

https://www.facebook.com/story.php?story_fbid=4825072830840144&id=100000124236509


Q : ประกันอะไร? ได้ตั้ง 4 ต่อ!!

A : ก็ประกันภัยรถยนต์จาก @THESHOPTIMES ไง!!

>> ฟรี!!! ประกันภัยอุบัติเหตุส่วนบุคคล (PA) 100,000 บาท

>> รับคอมมิชชั่นหรือส่วนลดทันที ในอัตราที่สูงกว่า แถมได้สิทธิซื้อประกัน พ.ร.บ.ราคาถูกตลอดชีพ

>> สามารถผ่อนได้สูงสุด 6 งวด ดอกเบี้ย 0% โดยไม่ต้องใช้บัตรเครดิต

>> แถมขายดีมีรายได้เพิ่มให้กับตัวเองด้วย

***สนใจติดต่อ Line@ THE SHOPS TIMES คลิก????https://lin.ee/vfTXud9

‘อรรถวิชช์’ เสนอ เพิ่มงบสภากาชาดไทย และ 4 องค์กร จัดการโรคระบาด หาวัคซีน-ฟาวิพิราเวียร์ สู้โควิด ขออย่าโยกงบ 16,300 ล้านไปงบกลาง

นายอรรถวิชช์ สุวรรณภักดี เลขาธิการพรรคกล้า กล่าวถึงมติที่ประชุม กมธ.วิสามัญพิจารณาร่าง พ.ร.บ.งบประมาณรายจ่ายประจำปี 2565 ที่ตกลงตัดงบประมาณ 16,300 ล้านบาท จากรายการอื่น ๆ แล้วไปเพิ่มให้งบกลางของรัฐบาลว่า ไม่สมควรอย่างยิ่ง เหมือนการให้เงินไปใช้ทั้งที่ไม่มีแผนงานโครงการ เพราะเวลา 1 ปีกว่าที่ผ่านมานี้ รัฐบาลมีเงินจาก พ.ร.ก.เงินกู้ 1 ล้านล้านบาทเมื่อปีที่แล้ว และที่กู้เพิ่มอีก 5 แสนล้านบาท แต่ปัญหาตอนนี้คือ ‘ระบบราชการรวมศูนย์’ เงินมีแต่ใช้ไม่เป็น ระบบล่าช้า ระเบียบรุงรัง ไม่ตอบโจทย์สถานการณ์วิกฤต จึงอยากเสนอให้แปรญัตติงบประมาณไปไว้ในองค์กรที่เกี่ยวข้องโดยตรง 5 หน่วยงาน ประกอบด้วย

1.) สภากาชาดไทย

2.) ราชวิทยาลัยจุฬาภรณ์

3.) กรมควบคุมโรค

4.) องค์การเภสัชกรรม

5.) สถาบันวัคซีนแห่งชาติ

“หน่วยงานทั้ง 5 มีอำนาจทะลุกรอบปกติในยามวิกฤตโควิด ตามที่ ศบค. ประกาศในราชกิจจานุเบกษา ทั้งงานจัดหาวัคซีน การผลิตและส่งยาฟาวิพิราเวียร์ให้กับผู้ติดเชื้อ ถ้ามีงบชัดด้วย เชื่อว่างานเดิน โดยเฉพาะ ‘สภากาชาดไทย’ ที่มีวัฒนธรรมจิตอาสา มีประสบการณ์ในการรับมือวิกฤตทั้งสงครามและโรคระบาดมา 128 ปีแล้ว ตั้งแต่วิกฤตการณ์ ร.ศ. 112 ไทย-ฝรั่งเศส โรคระบาดอหิวาตกโรค ไข้ทรพิษ กาฬโรค” นายอรรถวิชช์กล่าว

เลขาธิการพรรคกล้า กล่าวด้วยว่า เป็นเรื่องเหลือเชื่อว่าในวิกฤตโรคระบาด แต่องค์กรเหล่านี้กลับถูกปรับงบลดลงจากปีที่แล้ว ได้แก่สภากาชาดไทย ถูกปรับลด 606 ล้านบาท, ราชวิทยาลัยจุฬาภรณ์ ถูกปรับลด 1,990.9 ล้านบาท, กรมควบคุมโรค ถูกปรับลด 478.9 ล้านบาท, สถาบันวัคซีนแห่งชาติ ถูกปรับลด 1.2 ล้านบาท, และองค์การเภสัชกรรม มีเงินทุนหมุนเวียนปี 2564 เพียง 2,650 ล้านบาทเท่านั้น จึงอยากให้ฝ่ายค้านและฝ่ายรัฐบาล ที่อยู่ในกมธ.งบประมาณฯ ทบทวนมติแล้วจัดสรรงบให้องค์กรที่มีความพร้อมอย่างแท้จริง


Q : ประกันอะไร? ได้ตั้ง 4 ต่อ!!

A : ก็ประกันภัยรถยนต์จาก @THESHOPTIMES ไง!!

>> ฟรี!!! ประกันภัยอุบัติเหตุส่วนบุคคล (PA) 100,000 บาท

>> รับคอมมิชชั่นหรือส่วนลดทันที ในอัตราที่สูงกว่า แถมได้สิทธิซื้อประกัน พ.ร.บ.ราคาถูกตลอดชีพ

>> สามารถผ่อนได้สูงสุด 6 งวด ดอกเบี้ย 0% โดยไม่ต้องใช้บัตรเครดิต

>> แถมขายดีมีรายได้เพิ่มให้กับตัวเองด้วย

***สนใจติดต่อ Line@ THE SHOPS TIMES คลิก????https://lin.ee/vfTXud9

ขึ้นทะเบียน ทุเรียนปากช่องเขาใหญ่-เครื่องเคลือบเวียงกาหลง เป็นสินค้าจีไอ

นายสินิตย์ เลิศไกร รมช.พาณิชย์ เปิดเผยว่า ขณะนี้ กรมทรัพย์สินทางปัญญาได้ประกาศขึ้นทะเบียนสินค้าสิ่งบ่งชี้ทางภูมิศาสตร์ (จีไอ) อีก 2 รายการ ได้แก่ ทุเรียนปากช่องเขาใหญ่ และเครื่องเคลือบเวียงกาหลง ซึ่งเมื่อขึ้นทะเบียนแล้วจะช่วยคุ้มครองชื่อสินค้าให้เป็นสิทธิเฉพาะของชุมชน และช่วยรักษามาตรฐานของสินค้ารวมถึงภูมิปัญญาท้องถิ่น สร้างความเชื่อมั่นในแหล่งต้นกำเนิดคุณภาพของสินค้า และจะช่วยเพิ่มมูลค่าให้สินค้าและสร้างรายได้แก่ชุมชน โดยปัจจุบันประเทศไทยมีสินค้าที่ได้รับการขึ้นทะเบียนจีไอแล้ว 141 รายการ ครบ 77 จังหวัด

สำหรับสินค้าจีไอทั้ง 2 รายการล่าสุดนั้น ในรายการแรก คือ ทุเรียนปากช่องเขาใหญ่ ถือเป็นทุเรียนพันธุ์หมอนทองที่มีเนื้อสัมผัสเนียน แน่นหนึบ แห้ง ละเอียด เส้นใยน้อย มีสีเหลืองอ่อนสม่ำเสมอทั้งผล กลิ่นหอมอ่อน รสชาติหวาน มัน ปลูกในอำเภอปากช่องซึ่งจัดอยู่ในพื้นที่ทุ่งหญ้าเขตร้อน มีมรสุมหลักพัดผ่าน ทำให้อากาศชุ่มชื้น มีฝนตกชุก สภาพอากาศกลางวันร้อนกลางคืนเย็น จึงทำให้ธาตุอาหารโพแทสเซียมที่สะสมอยู่ในเวลากลางคืนทำงานได้ดี ส่งผลให้ทุเรียนในพื้นที่นี้รสชาติดี

ส่วนเครื่องเคลือบเวียงกาหลง มีลักษณะเด่นในการขึ้นทะเบียนจีไอ เพราะสามารถทนความร้อนสูง ผิวเรียบใสแต่ไม่มันเงา มีรอยแตกที่ผิวจากน้ำเคลือบ ดินที่ใช้ในการผลิต เป็นดินขาวเนื้อละเอียด มีความหนืดสูงคล้ายผงชอร์ค และดินดำเป็นดินที่อยู่ใต้ชั้นดินทราย สีดำแกมเทา มีความละเอียดสูง มีทรายปนเล็กน้อย ซึ่งเป็นดินในพื้นที่ตำบลเวียงกาหลงเชียงรายหรือพื้นที่ข้างเคียงเท่านั้น และด้วยกรรมวิธีการเผาทำให้ได้ผลิตภัณฑ์ที่มีพื้นผิวสีเขียวอมฟ้า เขียวไข่กา หรือขาวอมเหลือง โดยมีการเขียนสีด้วยสีธรรมชาติ เป็นลวดลายเป็นเอกลักษณ์

ฝ่ายความมั่นคง ฮึ่ม!!ม็อบชุมนุม 7 สิงหา ยกระดับดูแลพระบรมมหาราชวัง ตำรวจเข้มห้ามเข้าใกล้ยกเหตุการณ์ดินแดงเป็นตัวอย่าง

แหล่งข่าวฝ่ายความมั่นคง กล่าวถึงกรณีที่กลุ่มเยาวชนปลดแอก และกลุ่มฟื้นฟูประชาธิปไตย นัดชุมนุมบริเวณพระบรมมหาราชวัง ในวันที่ 7 ส.ค. ว่า เจ้าหน้าที่ตำรวจและฝ่ายความมั่นคงเตรียมยกระดับดูแลรักษาความสงบเรียบร้อย และรักษาความปลอดภัยสถานที่สำคัญคือพระบรมมหาราชวังอย่างเต็มที่ ซึ่งต้องดูว่าในวันที่ 7 ส.ค. กลุ่มผู้ชุมนุมจะพยายามแหย่เจ้าหน้าที่แบบไหน และมากน้อยแค่ไหน จะเหมือนกับเหตุการณ์ที่ดินแดงครั้งล่าสุดหรือไม่ 

โดยเจ้าหน้าที่จะเก็บรวบรวมพยานหลักฐานให้ได้มากที่สุด เพื่อดำเนินการตามกฎหมายในภายหลังกับแกนนำและผู้ชุมนุมต่อไป ซึ่งเชื่อว่าการเรียกร้องแบบนี้จะไม่จบแค่วันที่ 7 ส.ค. อย่างที่แกนนำกล่าวอ้างแน่นอน และคิดว่ายังคงนัดชุมนุมแบบนี้ไปอีกเรื่อยๆ จนกว่าจะบรรลุเป้าหมายที่เป็นไปไม่ได้ อย่างไรก็ตามยืนยันว่าในวันที่ 7 ส.ค. ทางเจ้าหน้าที่จะสับเปลี่ยนกำลังดำเนินการอย่างเต็มกำลังความสามารถ และไม่ยอมให้ผู้ชุมนุมเข้าใกล้พื้นที่ เพราะพระบรมมหาราชวังเป็นสัญลักษณ์ของประเทศเด็ดขาด โดยทางเจ้าหน้าที่ตำรวจชุดควบคุมฝูงชนจะตั้งแถวล้อมรอบพื้นที่พระบรมมหาราชวัง และนำตู้คอนเทรนเนอร์มาตั้งเป็นแผงกั้นไว้แบบเดิม ขณะนี้ภายในพระบรมมหาราชวังจะมีกำลังของทหารในพื้นที่ทำหน้าที่ดูแลความปลอดภัยอย่างเข้มข้นด้วย

ดร.สุวินัย ฟันธงม็อบ 7 สิงหาอาละวาดหนัก ชี้มี 'กูรูมืดและองค์กรกูรูมืด' คอยครอบงำปล่อยเฟกนิวส์

5 ส.ค. 64 ดร.สุวินัย ภรณวลัย ประธานยุทธศาสตร์วิชาการ สถาบันทิศทางไทย อดีตอาจารย์ประจำคณะเศรษฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊ก Suvinai Pornavalai ในหัวข้อ ’กูรูมืดและองค์กรกูรูมืด’ มีเนื้อหาดังนี้ กูรูมืดและองค์กรกูรูมืดมีลักษณะร่วมกันอยู่ 4 อย่าง คือ ‘หลอกลวง ครอบงำ ควบคุม และครอบครอง’

อย่างแรก คือ ‘โกหก หลอกลวง’ เงื่อนไขนี้มาก่อนเลย ถ้าหลอกลวงด้วยเฟกนิวส์ได้แล้ว ที่ตามมาอย่างที่สอง คือ ‘การครอบงำความคิดของสาวก’ ที่หลงเชื่ออย่างเนียน ๆ แทบไม่รู้ตัว จนถลำลึกมากยิ่งขึ้นทุกที พอครอบงำความคิดจนเกิดอุปทานหมู่ หลงเชื่อตาม ๆ กัน โดยมีกลไกหลอกลวง โฆษณาชวนเชื่อ ตอกย้ำซ้ำแล้วซ้ำเล่าตลอดเวลา ก็จะมาสู่อย่างที่สามคือ ‘การควบคุมพฤติกรรมของสาวก’ ทั้งทางตรงและทางอ้อม

โดยที่ในขั้นที่สี่หรืออย่างสุดท้ายคือ ‘การครอบครองร่างกายและชีวิตจิตใจ’ รวมทั้งจิตวิญญาณของผู้นั้นอย่างสิ้นเชิง จะใช้ให้ทำอะไรก็ได้ จะให้ก่อการร้ายทำร้ายผู้บริสุทธิ์ หรือจะให้ฆ่าตัวตายรวมหมู่ก็ยังได้

กูรูมืดและองค์กรกูรูมืดจึงมีหลายระดับก็จริง แต่แค่หลอกลวงด้วยเฟกนิวส์ก็เข้าสู่วิถีของกูรูมืดเต็มตัวแล้ว แปลกแต่จริงที่องค์กรกูรูมืด บางครั้งก็เป็นขบวนการทางการเมืองอย่างขบวนการนปช. องค์กรคนเสื้อแดงในอดีต หรือขบวนการล้มเจ้าชูสามนิ้วในปัจจุบัน...ไม่จำเป็นต้องเป็นองค์กรศาสนาเสมอไป

สังคมที่ปล่อยให้เฟกนิวส์อาละวาด โดยที่ทางการอ่อนแอทำอะไรไม่ได้เลย คือสังคมที่อ่อนแอทางสติ อ่อนแอทางปัญญาความคิดวิเคราะห์ และอ่อนแอทางจิตวิญญาณ คนยุคนี้ต้องใช้ชีวิตอย่างมีสติและไม่ประมาท เพราะกูรูมืดแฝงอยู่ในทุกวงการ

ในทางการเงิน กูรูมืดคือเจ้าพ่อแชร์ลูกโซ่ หรือ เทรดเดอร์โฟโต้ช็อปที่สร้างภาพว่าเป็นเทพ

ในทางการเมือง กูรูมืดคือแกนนำในขบวนการทางการเมืองที่สร้างวาทกรรมปลุกปั่นให้ประชาชนเกิดความเกลียดชังประเทศตนเองและสถาบันหลัก ๆ ของประเทศอาฆาตอย่างรุนแรง

7 สิงหาคมนี้ คนพวกนี้จะออกอาละวาดอีกครา จงอย่าให้ชีวิตของตนเองและครอบครัวต้องพังพินาศเพราะหลวมตัวหลงไปเชื่อกูรูมืดและองค์กรกูรูมืดเป็นอันขาด

ถ้าใช้หลักเกณฑ์ 4 ข้อ เรื่อง ‘หลอกลวง ครอบงำ ควบคุม ครอบครอง’ ที่ผมยกมาข้างต้นจะช่วยแยกแยะได้ว่าใครเป็นกูรูมืดและองค์กรกูรูมืด

สุวินัย ภรณวลัย


ที่มา : https://www.thaipost.net/main/detail/112261

https://www.facebook.com/suvinaip/posts/4152940241409752


Q : ประกันอะไร? ได้ตั้ง 4 ต่อ!!

A : ก็ประกันภัยรถยนต์จาก @THESHOPTIMES ไง!!

>> ฟรี!!! ประกันภัยอุบัติเหตุส่วนบุคคล (PA) 100,000 บาท

>> รับคอมมิชชั่นหรือส่วนลดทันที ในอัตราที่สูงกว่า แถมได้สิทธิซื้อประกัน พ.ร.บ.ราคาถูกตลอดชีพ

>> สามารถผ่อนได้สูงสุด 6 งวด ดอกเบี้ย 0% โดยไม่ต้องใช้บัตรเครดิต

>> แถมขายดีมีรายได้เพิ่มให้กับตัวเองด้วย

***สนใจติดต่อ Line@ THE SHOPS TIMES คลิก????https://lin.ee/vfTXud9


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top