Wednesday, 14 May 2025
Hard News Team

ธรรมะประจำวันอาทิตย์ที่ 1 ธันวาคม 2567 : ‘การขอพรให้รวยเป็นบาปหรือไม่?’

จากช่องติ๊กต็อก @dhamma_tv ได้เผยแพร่คำสอนเรื่อง ‘การขอพรให้รวยเป็นบาปหรือไม่? ’ จากรายการ ‘ธรรมะทำไม’ โดย พระศรีวัชรวิสุทธิ์ (หลวงพ่อโกวิท) รองเจ้าคณะจังหวัดนครราชสีมา เจ้าอาวาสวัดด่านใน

คำถาม : การขอพรให้รวยบาปหรือไม่

พระศรีวัชรวิสุทธิ์ (หลวงพ่อโกวิท) : การขอให้รวยไม่ได้ถือว่าบาป แต่ใช่ว่าขอพรแล้วจะได้ตามที่ขอ การขอพรนั้นถือเป็นสิทธิส่วนตัว เหมือนกับทุกคนที่มีสิทธิเป็นผู้แทนฯ ทุกคนมีสิทธิเป็นรัฐมนตรี ซึ่งรัฐธรรมนูญไม่ได้ห้าม แต่เราจะได้สิทธินั้นหรือไม่ล่ะ ดังนั้นหากต้องการได้สิทธิ ก็จะต้องสร้างเหตุเพื่อให้ได้สิทธินั้นก่อน

เช่นเดียวกับการขอพรให้รวย ซึ่งส่วนใหญ่ก็คงจะขอให้ได้โชคลาภถูกหวยถูกลอตเตอรี่รางวัลที่ 1 และก็เป็นเรื่องยากที่จะได้ตามที่ขอ แต่ทุกคนก็มีสิทธิที่จะขอโดยไม่เป็นบาปแต่อย่างใด เพราะไม่ได้ไปทำร้ายใคร

แต่ที่สำคัญ เราอย่าไปงอมืองอเท้าขอพรให้พระหรือเทวดาท่านช่วยอย่างเดียวเท่านั้น ต้องทำมาหากินด้วย

เพราะการขอพรจากมนุษย์ก็ดี ทวยเทพก็ดี ไม่ใช่เรื่องผิด สามารถขอได้ แต่อย่าละเลยความบากบั่น วิริยะ อุตสาหะ ในการดำรงชีวิต เราจะหยุดนิ่งไม่ได้ จะไปรอเพียงโชคชะตาไม่ได้

‘ถูกดี มีมาตรฐาน’ ร่อนแถลงการณ์ ข้อเท็จจริงปมลงทุน ‘โชห่วย’ หลังมีผู้ร้องเรียน ‘DSI’ ชี้!! สร้างความเสียหายอย่างมาก ให้บริษัท

เมื่อวานนี้ (29 พ.ย. 67) บริษัท ทีดี ตะวันแดง จำกัด ออกแถลงการณ์กรณี มีกลุ่มบุคคลรวมตัวร้องเรียนต่อกรมสอบสวนคดีพิเศษ(DSI) ว่า บริษัทฯ หลอกลวงให้ร่วมลงทุนในธุรกิจร้านโชห่วยจนเกิดความเสียหาย พร้อมทั้งมีการเผยแพร่ข่าวสารผ่านสื่อต่าง ๆ รวมถึงโซเชียลมีเดีย ทำให้สาธารณชนเกิดความเข้าใจผิดในวงกว้าง สร้างผลกระทบต่อผู้ประกอบการร้าน ‘ถูกดี มีมาตรฐาน’ รวมถึงก่อให้เกิดความเสียหายต่อธุรกิจและชื่อเสียงของบริษัทฯ

โดยบริษัทฯ ขอยืนยันว่า ได้ดำเนินธุรกิจด้วยความโปร่งใส สุจริต และตรวจสอบได้เสมอมา โดยการดำเนินธุรกิจร้าน ‘ถูกดี มีมาตรฐาน’ มีเป้าหมายเพื่อยกระดับมาตรฐานและเสริมสร้างศักยภาพการแข่งขันให้กับร้านค้าปลีกในชุมชนอันเป็นรากฐานสำคัญของเศรษฐกิจไทย ด้วยการสนับสนุนด้านเงินทุน องค์ความรู้ และเทคโนโลยีในการบริหารจัดการร้าน

ข้อกล่าวอ้างของกลุ่มบุคคลที่ร้องเรียนต่อกรมสอบสวนคดีพิเศษนั้น เป็นการกล่าวอ้างที่เลื่อนลอยและปราศจากมูลความจริง บริษัทฯ มีพยานหลักฐานที่ชัดเจน และมั่นใจว่าสามารถพิสูจน์ความสุจริตได้ในทุกประเด็น กลุ่มบุคคลดังกล่าวมีการกระทำเป็นขบวนการและก่อนหน้านี้เคยร้องเรียนไปยังหน่วยงานรัฐต่างๆ ซึ่งหน่วยงานรัฐทุกแห่งรวมถึงกรมสอบสวนคดีพิเศษเคยพิจารณาสอบสวนข้อเท็จจริงและมีคำสั่งยุติเรื่องเนื่องจากไม่มีมูลความจริงไปแล้วทั้งสิ้น

กลุ่มบุคคลที่ร้องเรียนส่วนใหญ่มีประวัติเบียดบังทรัพย์สินและเงินของบริษัทฯ ไป และยังคงค้างชำระหนี้สินกับบริษัทฯ และบางรายอยู่ระหว่างถูกดำเนินคดีในข้อหายักยอกทรัพย์ของบริษัทฯ พฤติกรรมการรวมตัวร้องเรียนดังกล่าวแสดงถึงความพยายามเผยแพร่ข้อมูลอันเป็นเท็จด้วยการอ้างว่าถูกหลอกลวงลงทุนเพื่อสร้างกระแสข่าวให้สังคมเกิดความเข้าใจผิด และหวังใช้เป็นเครื่องมือต่อรองในประเด็นหนี้สินและคดีความของตนเอง

การกระทำของกลุ่มบุคคลดังกล่าวทำให้บริษัทฯ เสียหายอย่างมาก ขอให้สื่อมวลชนและบุคคลทั่วไปอย่าตกเป็นเครื่องมือของกลุ่มบุคคลดังกล่าว ซึ่งท่านสามารถแสวงหาข้อเท็จจริงว่าข้อกล่าวอ้างดังกล่าวเป็นการกล่าวอ้างลอยๆ และปราศจากมูลความจริงได้จากร้าน ‘ถูกดี มีมาตรฐาน’ หลายพันรายที่เชื่อมั่นในการดำเนินธุรกิจอย่างสุจริตและโปร่งใสของบริษัทฯ จึงดำเนินธุรกิจกับบริษัทฯ ด้วยดีมาเป็นเวลาหลายปี และยังคงเปิดดำเนินการอยู่ในชุมชนของท่าน

ที่ผ่านมา บริษัทฯ ได้ใช้ความอดกลั้นอย่างสูงในการอธิบายข้อเท็จจริงต่อกลุ่มบุคคลดังกล่าว และพยายามหลีกเลี่ยงการกระทำที่อาจก่อให้เกิดความขัดแย้ง แต่กลับพบว่ากลุ่มบุคคลดังกล่าวยังคงกระทำการให้เกิดความเสียหายต่อธุรกิจและชื่อเสียงของบริษัทฯ อย่างต่อเนื่อง บริษัทฯ จึงมีความจำเป็นต้องดำเนินการทางกฎหมายอย่างเด็ดขาดกับบุคคลหรือกลุ่มบุคคลที่สร้างความเสียหายต่อธุรกิจและชื่อเสียงของบริษัทฯ เพื่อปกป้องสิทธิโดยชอบด้วยกฎหมาย และเพื่อรักษาความน่าเชื่อถือในฐานะองค์กรที่มุ่งมั่นในการพัฒนาธุรกิจร้านค้าชุมชนและเศรษฐกิจของประเทศ

บริษัทฯ ขอขอบคุณพันธมิตรทางธุรกิจและผู้สนับสนุนทุกท่านที่ให้ความเชื่อมั่นในความตั้งใจและความมุ่งมั่นของบริษัทฯ ในการพัฒนาและยกระดับมาตรฐานร้านค้าปลีกชุมชนอย่างยั่งยืน

‘นิพนธ์’ จับมือ!! พันธมิตร เดินหน้าแจกอาหาร 5,000 กล่อง เล็ง!! เปิดครัวเพิ่มอีก 1 จุดในพื้นที่ อ.เมืองสงขลา

(30 พ.ย. 67) ที่ วัดโคกสมานคุณ อ.หาดใหญ่ จ.สงขลา เริ่มแล้วเป็นวันที่สองกับโครงการ ‘เนชั่นปันน้ำใจช่วยภัยน้ำท่วม’ โดยมูลนิธิเนชั่น ร่วมกับ เครือข่ายช่วยเหลือประชาชนภาคใต้และภาคเอกชน ปักหมุดช่วยเหลือพี่น้องประชาชนที่ได้รับผลกระทบจากน้ำท่วม จัดตั้งโรงครัวอาสา ปรุงอาหารแจกจ่ายให้กับผู้ประสบอุทกภัย ณ โคกสมานคุณ อ.หาดใหญ่ จ.สงขลา

โดยเมื่อเวลา 10.00 น. สามารถผลิตอาหารกล่องแจกจ่ายแล้วกว่า 2,500 กล่อง และช่วงเย็น จะผลิตอีก 2,500 กล่องให้ได้ตามเป้าวันละ 5,000 กล่อง โดยจะส่งถึงมือผู้ประสบอุทกภัยในพื้นที่อำเภอหาดใหญ่กระจายทั่วทุกพื้นที่  ซึ่งขณะนี้เราได้รับความร่วมมือจากพันธมิตรที่ดีเช่น เครือเจริญโภคภัณฑ์ สนับสนุนเนื้อไก่สดรวม  1,300 กิโลกรัม และไข่ไก่รวม 15,000 ฟอง โดยมีคุณจอมกิตติ  ศิริกุล รองกรรมการผู้จัดการใหญ่อาวุโส และผู้บริหารสูงสุด ด้านบริหารกิจการสัมพันธ์  เครือเจริญโภคภัณฑ์ (ซีพี) เป็นผู้แทนส่งมอบ นอกจากนี้ยังมี บริษัทสยามอินเตอร์ฟู้ด จำกัด ,บริษัททีพีไอโพลีนจำกัด , บริษัทสมิหลาโคลสโตเรจ จำกัด 

ขณะเดียวกันนายนิพนธ์  บุญญามณี ตัวแทนพันธมิตร เปิดเผยว่า วันนี้เราได้รับความร่วมมือจากพันธมิตรที่ดีเพิ่มขึ้นทั้งน้ำดื่ม และ บริจาคเป็นจำนวนเงินมา และในวันนี้ก็ได้รับเกียรติจาก คุณจอมกิตติ  ศิริกุล รองกรรมการผู้จัดการใหญ่อาวุโส และผู้บริหารสูงสุด ด้านบริหารกิจการสัมพันธ์  เครือเจริญโภคภัณฑ์ (ซีพี) มามอบไก่สดเพิ่มอีก 300 กิโลกรัม และไข่ไก่อีก 3,000 ฟองด้วยตัวเองและวันนี้เราจะเปิดครัวเพิ่มอีก 1 จุด ในอำเภอเมืองสงขลา หลังจากนั้นก็จะประเมินว่าแจกเป็นถุงยังชีพให้กับชุมชนด้านในที่ได้รับความเดือดร้อนแต่ออกมาไม่ได้ซึ่งคาดการณ์ว่าจะเป็นวันพรุ่งนี้ (1 ธ.ค.) 

ทั้งนี้ โรงครัววัดโคกสมานคุณจะเปิดทำอาหารกล่องแจกจ่ายวันละ 2 มื้อในเวลา 10.00 น. และเวลา 17.00 น.และจะเปิดโรงครัวเพิ่มอีก 1 จุดในพื้นที่อ.เมืองสงขลาโดยจะเริ่มแจกเป็นมื้อแรกในเย็นวันนี้ (30 พ.ย. 67)  โดยจะดำเนินการไปจนกว่าสถานการณ์

สำหรับภาครัฐบาลยังไม่เห็นอะไรเป็นเรื่องเป็นราว บรรดาคณะรัฐมนตรี ยังคงปักหลักประชุม ครม.สัญจร ภาคเหนือเป็นวันที่ 2 แล้ว อนุทิน ชาญวีระกูล รมว.มหาดไทย กลับบอกว่า น้ำท่วมภาคใต้ ไม่น่าห่วงเท่าภาคเหนือ ภาคใต้กลไกรัฐยังรับมือได้ ทั้งนายอนุทิน และนายเฉลิมชัย ศรีอ่อน รมว.กระทรวงทรัพย์ฯ ลงไปสงขลา เพียงเพื่อไปร่วมงานวันเกิด สมยศ พลายด้วง แห่งพรรคประชาธิปัตย์ คนร่วมงานเป็นหมื่นคน แกงวัว แกงแพะ นับ 50 ตัว ตั้งโต๊ะ 1000 โต๊ะ มีดนตรี 3-4 วง รัฐมนตรีทั้งสองใช้เวลาเพียงน้อยนิดไปเยี่ยมชาวบ้าน ตามที่เดชดิศม์ ขาวทอง รมช.สาธารณสุข วางกำหนดการให้ไปเยี่ยมชาวบ้านย่านควนเนียง ซึ่งน้ำท่วมน้อย จะนะ เทพา สะบ้าย้อย นาทวี ท่วมหนัก แต่ไม่ได้ไปรีบกลับ บินต่อไปประชุม ครม.สัญจรที่เชียงใหม่

‘ดร.ปวิน’ ฟาดเดือด!! ขยะแขยง ‘จักรภพ’ ไม่สนใจปชช. ผูกมิตรกับฝ่ายอำมาตย์

(30 พ.ย. 67) ศ.ดร.ปวิน ชัชวาลพงศ์พันธ์ นักวิชาการจากมหาวิทยาลัยเกียวโต ได้โพสต์ข้อความถึง นายจักรภพ เพ็ญแข โดยมีใจความว่า ...

สิ่งที่จักรภพพูดมันเป็นอะไรที่น่าขยะแขยงมาก นักการเมือง/พรรคการเมือง/รัฐบาล ไม่ต้องสนประชาชนมากนัก เพราะต้องเอาเวลาไปผูกมิตรกับฝ่ายอำมาตย์ ไม่งั้นการเมืองไปต่อไปได้ โถ E ตอแหล การพูดแบบนี้พูดบน basis อะไร ทำไมเจ้าของประเทศถึงกลายมาเป็นของแถม ขณะที่ E พวกอำมาตย์กลายมาเป็นลำดับความสำคัญ มึงจะบอกว่าให้มองการเมืองแบบตามความเป็นจริง อันนี้ยิ่งน่าตกใจกว่า เพราะนั่นหมายความว่า ไอ้ความเป็นจริงที่ edok นี่พูดถึงก็คือ แม้จะมีการเลือกตั้ง แม้ประชาชนได้ออกไปใช้สิทธิของเจ้าของประเทศ แต่ประชาชนไม่มีสิทธิทางการเมือง เพราะนักการเมือง/พรรคการเมือง/รัฐบาล ต้องใส่ใจเอ็นดูอำมาตย์ทางการเมืองมากกว่า 

ถ้างั้น จะเรียกรัฐบาลนี้ ว่าเป็นประชาธิปไตยเหรอ จะเรียกประเทศนี้ว่าประชาธิปไตยทำไม 

‘เกาหลีใต้’ นำ!! รถถังปลดประจำการ ไปเป็นเป้าซ้อมยิง กลบกระแสข่าวลือ!! ส่งยานเกราะค่ายโซเวียต ให้ยูเครน

(30 พ.ย. 67) เพจ ‘การทูตและการทหาร’ โพสต์ข้อความเกี่ยวกับ รถถัง T-80U และรถรบทหารราบ BMP-3 โดยมีใจความว่า

มีข่าวว่าเกาหลีใต้นำรถถัง T-80U และรถรบทหารราบ BMP-3 บางส่วนที่ปลดประจำการแล้ว ไปใช้เป็นเป้าซ้อมแล้ว ดังนั้นใครที่หวังว่าเกาหลีใต้จะส่งยานเกราะค่ายโซเวียตเหล่านี้ให้กับยูเครน (เกาหลีใต้ได้รับ T-80U และ BMP-3 จากรัสเซียเพื่อชดใช้หนี้สมัยโซเวียต) ก็อาจจะต้องเลิกหวังส่วนนี้แล้ว

ปัจจุบันกองทัพรัสเซียยังคงใช้งานยานเกราะทั้ง 2 รุ่นอยู่ โดยในส่วนของรถถัง T-80U นั้น รัสเซียได้มีการอัพเกรดเป็นรุ่น T-80UE-1 และเมื่อรัสเซียมีความร่วมมือทางทหารกับเกาหลีเหนือมากขึ้น ก็มีโอกาสที่เกาหลีเหนือจะได้รับการถ่ายทอดเทคโนโลยียานเกราะจากรัสเซีย มาต่อยอดให้กับรถถังเกาหลีเหนือซึ่งที่ผ่านมาจะมีพื้นฐานมาจากรถถัง T-62 เป็นส่วนใหญ่ ดังนั้นถ้าเกาหลีใต้นำยานเกราะรัสเซียที่มีอยู่ มาทดสอบหาจุดอ่อน อย่างในข่าวนี้คือเป็นการทดสอบการโจมตีด้วยโดรน ก็จะเป็นประโยชน์ต่อเกาหลีใต้ แต่สำหรับยูเครนที่ต้องการอาวุธทุกชิ้นจำนวนมากที่สุดเท่าที่จะมากได้ คงผิดหวังไม่น้อย

‘พาณิชย์’ ลุยเชียงใหม่ สร้างโอกาสผู้ประกอบการไทย ดันส่งออกสินค้า BCG ด้วย FTA

(30 พ.ย. 67) นายนันทพงษ์ จิระเลิศพงษ์ ผู้ตรวจราชการกระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยว่า ได้รับมอบหมายจากรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงพาณิชย์ (นายสุชาติ ชมกลิ่น) ให้ลงพื้นที่จังหวัดเชียงใหม่ เมื่อวันที่ 29 พฤศจิกายน ที่ผ่านมา ภายใต้โครงการ “เพิ่มศักยภาพผู้ประกอบการโมเดลเศรษฐกิจใหม่ BCG สู่ตลาดการค้าเสรี” (โครงการ BCG) โดยกรมเจรจาการค้าระหว่างประเทศจัดขึ้น ซึ่งเป็นไปตามนโยบายของกระทรวงพาณิชย์ เพื่ออบรมผู้ประกอบการเรื่องความตกลงการค้าเสรี (FTA) และการค้าระหว่างประเทศ ซึ่งที่ผ่านมาโครงการดังกล่าวได้รับเสียงตอบรับที่ดี โดยกรมได้นำผู้ประกอบการเดินทางไปจับคู่ธุรกิจกับคู่ค้าในตลาดต่างประเทศ และพัฒนาให้เป็นผู้ส่งออกที่สามารถใช้ประโยชน์จาก FTA อย่างเห็นผลเป็นรูปธรรม อาทิ บริษัท ลีฟ ครีเอชั่น จำกัด ซึ่งเป็นผู้ผลิตสินค้า BCG กระเป๋าจากใบไม้ ดำเนินธุรกิจสีเขียว และนำใบตองตึงที่มีในพื้นที่ มาใช้นวัตกรรมโดยเคลือบยางพารา ผลิตเป็นแผ่นหนังทดแทนหนังสัตว์ อีกทั้งใช้ประโยชน์จาก FTA ส่งออกไปประเทศต่างๆ ได้แก่ จีน ญี่ปุ่น เกาหลีใต้ ออสเตรเลีย และนิวซีแลนด์

สำหรับกระทรวงพาณิชย์ ได้ให้ความสำคัญเรื่องการพัฒนาเศรษฐกิจสู่ความยั่งยืน และสนับสนุนผู้ประกอบการในการปรับตัวไปสู่ความยั่งยืน หรือ SDGs (Sustainable Development Goals) รวมทั้งยังส่งเสริมผู้ประกอบการมีส่วนร่วมในโมเดลเศรษฐกิจ BCG ที่รัฐบาลใช้ขับเคลื่อนเศรษฐกิจการค้าใน 3 มิติ คือ 1. เศรษฐกิจชีวภาพ (Bio Economy) คือ การนำความรู้ เทคโนโลยี และนวัตกรรมมาพัฒนาต่อยอดด้านทรัพยากรชีวภาพและผลผลิตทางการเกษตรเพื่อเพิ่มมูลค่า 2. เศรษฐกิจหมุนเวียน (Circular Economy) คือ การใช้ทรัพยากรที่มีอยู่ให้เกิดประโยชน์สูงสุดและคุ้มค่าที่สุด เน้นการลดปริมาณของเสียให้น้อยลงหรือเท่ากับศูนย์ และ 3. เศรษฐกิจสีเขียว (Green Economy) คือ การพัฒนาเศรษฐกิจควบคู่กับการพัฒนาสังคมและรักษาสิ่งแวดล้อม ซึ่งจะนำไปสู่การยกระดับขีดความสามารถในการแข่งขันอย่างยั่งยืน

นายนันทพงษ์ กล่าวว่า การลงพื้นที่ครั้งนี้ ได้พบหารือกับผู้ประกอบการสินค้า 3 กลุ่ม ได้แก่ 1) อาหารและเครื่องดื่ม อาทิ น้ำผักสำเร็จรูป ผักและผลไม้แปรรูป กาแฟ ชาอู่หลง เครื่องดื่มจากเมล็ดโกโก้ ขิงหยอง และกล้วยอบกรอบ 2) ของใช้และของตกแต่งบ้าน อาทิ เครื่องเคลือบศิลาดล และเฟอร์นิเจอร์จากไม้ และ 3) เสื้อผ้าและเครื่องประดับ อาทิ ผ้าทอ ผ้าไหม ผ้าฝ้าย และผ้าลินิน ซึ่งเป็นสินค้าในจังหวัดเชียงใหม่ และมาจากจังหวัดอื่นๆ ที่มาเข้าร่วมงานทั้งลำพูน ลำปาง พิษณุโลก เพชรบูรณ์ และสุโขทัย ทั้งนี้ ผู้ประกอบการได้ทำงานร่วมกับมหาวิทยาลัยเพื่อนำนวัตกรรมและเทคโนโลยีมายกระดับคุณภาพและมาตรฐานสินค้าสร้างจุดเด่นและเพิ่มความหลากหลายของสินค้า ดังนั้น จึงมั่นใจว่าสินค้า BCG ในครั้งนี้มีศักยภาพพร้อมแข่งขันได้ในตลาดโลก

“กระทรวงพาณิชย์จะพัฒนาผู้ประกอบการ BCG ให้เป็นผู้ส่งออก โดยใช้มิสเตอร์ลีฟโมเดล ผลิตสินค้าที่คำนึงเรื่องการรักษ์สิ่งแวดล้อม ตอบโจทย์ความต้องการของผู้บริโภคเรื่องความคุ้มค่าและการพัฒนาสู่ความยั่งยืน พร้อมกันนี้กระทรวงพาณิชย์มุ่งช่วยผู้ประกอบการเรื่องการขยายช่องทางตลาดเพิ่มเติม ผลักดันการใช้ประโยชน์จาก FTA ที่ไทยจัดทำไว้ 15 ฉบับกับ 19 ประเทศ และเตรียมความพร้อมผู้ประกอบการใช้ FTA ฉบับใหม่ๆ ที่จะเกิดขึ้นในอนาคต เพื่อนำสินค้าไทยเข้าสู่ตลาดใหม่ๆ เช่น สหภาพยุโรป สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ เกาหลีใต้ และแคนาดา เป็นต้น” นายนันทพงษ์ กล่าวทิ้งท้าย

‘รวมไทยสร้างชาติ’ ระดมทรัพยากรช่วยเหลือปชช. ที่ประสบภัยน้ำท่วม เผย!! พร้อมเคียงข้าง ให้กำลังใจ เพื่อผ่านพ้น วิกฤตอุทกภัย ในครั้งนี้

(30 พ.ย. 67) นายอัครเดช วงษ์พิทักษ์โรจน์ สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร จังหวัดราชบุรี เขต 4 ในฐานะโฆษกพรรครวมไทยสร้างชาติ เปิดเผยว่า 

จากสถานการณ์น้ำท่วมพื้นที่หลายจังหวัดในภาคใต้นั้น นายพีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน ในฐานะหัวหน้าพรรครวมไทยสร้างชาติ และนายเอกนัฏ พร้อมพันธุ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม ในฐานะเลขาธิการพรรครวมไทยสร้างชาติ มีความห่วงใยพี่น้องประชาชนเป็นอย่างยิ่ง และได้กำชับให้สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรของพรรครวมไทยสร้างชาติ รวมถึงอดีตผู้สมัครสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร และสมาชิกของพรรครวมไทยสร้างชาติ ให้เร่งดำเนินการช่วยเหลือประชาชนในพื้นที่ที่ได้รับผลกระทบต่อน้ำท่วม ซึ่งได้มีการปฏิบัติการในพื้นที่ เช่น

นายนิติศักดิ์ ธรรมเพชร สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร จังหวัดพัทลุง เขต 2 พรรครวมไทยสร้างชาติ ได้ลงพื้นที่มอบของใช้จำเป็นให้แก่ประชาชนในพื้นที่ที่ประสบปัญหาน้ำท่วม

นายศาสตรา ศรีปาน สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร จังหวัดสงขลา เขต 2 พรรครวมไทยสร้างชาติ ได้ดำเนินการตั้งโรงครัวกลางเพื่อมอบอาหารและน้ำดื่มแก่ประชาชนที่ได้รับความเดือดร้อน

รวมถึงนายวัชระ ยาวอหะซัน สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร จังหวัดนราธิวาส เขต 1 พรรครวมไทยสร้างชาติ ได้ลงพื้นที่มอบสิ่งของจำเป็น พร้อมกับประสานหน่วยงานเพื่อให้การช่วยเหลือประชาชนในพื้นที่อย่างเต็มที่

นอกจากนี้ทั้งนายพีระพันธุ์ และนายเอกนัฏ ยังได้กำชับหน่วยงานในสังกัดของกระทรวงพลังงาน และกระทรวงอุตสาหกรรมให้ดำเนินการช่วยเหลือประชาชนที่ประสบปัญหาอุทกภัยอย่างต่อเนื่อง เช่น มอบสิ่งของบรรเทาทุกข์ สิ่งของถุงยังชีพ เป็นต้น

ทั้งนี้ พลเอกณัฐพล นาคพาณิชย์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงกลาโหม ได้ลงพื้นที่เพื่อดำเนินการตั้งศูนย์ประสานงานสถานการณ์อุทกภัยในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ เป็นหน่วยงานแกนกลางที่บูรณาการทั้งหมดในการช่วยเหลือพี่น้องประชาชนที่ประสบอุกภัยอย่างเร่งด่วน

พรรครวมไทยสร้างชาติ ขอเป็นส่วนหนึ่งในการให้กำลังใจ และพร้อมเคียงข้างประชาชนผู้ประสบอุทกภัยให้สามารถผ่านพ้นวิกฤตที่ยากลำบากนี้ไปได้ในเร็ววัน นายอัครเดช กล่าวทิ้งท้าย

‘รัดเกล้า’ โพสต์เฟซ!! โต้กลับ ‘แบงค์ ศุภณัฐ’ ชี้!! เป็น ‘โรคระแวง การสร้างคอนเนคชั่น’

(30 พ.ย. 67) ‘เนเน่’ หรือ นางสาวรัดเกล้า สุวรรณคีรี อดีตรองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี และ รองโฆษกพรรครวมไทยสร้างชาติ ได้โพสต์เฟซบุ๊ก ในฐานะศิษย์เก่าของสถาบันพระปกเกล้า และสถาบัน วปอ. โดยมีใจความว่า ...

#ปปร และ #วปอบอ เป้านิ่ง อคติทางการเมือง

เอาจริงๆ โรคระแวงการสร้างคอนเนคชั่นของกลุ่มนักการเมืองในสังคมไทยนี่นับว่าอยู่ในระดับเรื้อรัง เป็นโรคที่มีมากันยาวนานแล้วนะคะ ซึ่งเอาจริงๆ ก็คงโทษประชาชนไม่ได้ที่จะมีอคติมองว่าการสร้างคอนเนคชั่นเป็นเรื่องไม่ดี มันก็คงเป็นเพราะเขาโดนมาเยอะ เจ็บมาแยะ กับการเอื้อประโยชน์ให้พวกพ้องเพื่อประโยชน์ส่วนตนในประวัติศาสตร์การเมืองไทย ฉะนั้น จริงๆ แล้วเป็นโจทย์ที่นักการเมืองรุ่นใหม่ทุกคน ทุกพรรค ควรรับไว้เป็นการบ้าน คือต้องช่วยกันแก้อคติด้วยการประพฤติดี ใช้คอนเนคชั่นและเครือข่ายที่มีเพื่อส่งเสริมบรรยากาศการทำงานร่วมกัน สร้างการเมืองสร้างสรรค์ สร้างประโยชน์ให้กับประเทศและประชาชน หากทุกคนร่วมกันทำเช่นนี้ ทำไปหลายๆ ปี แน่นอนว่ามันจะช่วยบรรเทาโรคระแวงของประชาชนได้ค่ะ อย่างไรก็ตาม ในสภาวะที่อาการโรคระแวงนี้ยังไม่ทุเลา หลักสูตรดัง เช่น การเมืองการปกครองในระบอบประชาธิปไตย (ปปร.) และ การป้องกันราชอาณาจักรสำหรับผู้บริหารแห่งอนาคต (วปอ.บอ.) ก็ไม่ต่างอะไรกับการเป็น #เป้านิ่ง ให้คนยิงเป้า จับผิด ตำหนิ ติติง ระบายความระแวงใจ อย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้... อย่างไรก็ดี สิ่งหนึ่งที่นักการเมืองรุ่นใหม่ไม่ควรทำต่อความระแวงของประชาชน คือการ #ขว้างงูไม่พ้นคอ ทำให้โรคระแวงมันแย่ลงด้วยการเอาอคติทางการเมืองของตนเองมายัดเยียด ป้ายสีใส่กลุ่มการเมืองฝั่งตรงข้าม มุ่งหวังให้ประชาชนหันไปรุมคนอื่นแทนนะคะ 

ในโพสต์นี้ เนเน่ในฐานะศิษย์เก่าของทั้งสถาบันพระปกเกล้าและสถาบัน วปอ. ขอตอบคำถามและให้ข้อมูลที่ถูกต้องกับทาง ส.ส. แบงค์ ศุภณัฐ มีนชัยนันท์ เกี่ยวกับ หลักสูตร วปอ.บอ. นะคะ ทั้งนี้เพื่อสร้างความกระจ่างในข้อมูลที่ผิดเพี้ยน ที่อาจสร้างความเข้าใจผิดต่อสถาบันเหล่านี้ และมิหน่ำซ้ำ ยังอาจจะตอกย้ำโรคระแวงในใจของประชาชนให้อาการแย่ลงไปอีกค่ะ

ข้อที่ 1. ที่ถามว่า... คนที่เข้าไปเรียนใช้สิทธิอะไรในการถูกคัดเลือกเข้าไปเรียน...

เฉกเช่นที่ สส.แบงค์ ออกมาปกป้องหลักสูตร ปปร. ว่าผู้จัดหลักสูตรมีการจัดสรรโควต้าให้กับ สส. 40 คน ทาง วปอ.บอ. เองก็มีโควต้าทางการเมือง 10 คนค่ะ บ้างก็เป็น สส. บ้างก็เป็นข้าราชการการเมือง (ซึ่งก็มีเนเน่ ที่เป็นรองโฆษกรัฐบาล ในช่วงนั้น) อย่างไรก็ตาม ผู้สมัครที่ผ่านเกณฑ์ทั้งสิ้นเกือบ 500 คน จำเป็นต้องผ่านการสอบสัมภาษณ์โดยคณะกรรมการของหลักสูตร เพื่อกลั่นกรองหา 150 คนที่มีทัศนคติที่เหมาะสมและมีคุณสมบัติที่จะเป็นผู้นำในอนาคตได้จริงๆ เท่านั้นค่ะ (ซึ่งจริงๆคณะกรรมการหลักสูตรเคยเล่าให้เนเน่ฟังอยู่หลายครั้งนะคะว่าเขาเสียดายมากๆ ที่ไม่มีตัวแทนจากพรรคก้าวไกล (ตอนนั้นยังไม่เปลี่ยนชื่อพรรค) เข้ามาเรียน ความจริงมีคนมาสมัครนะคะ แต่อายุเกินบ้าง อายุขาดบ้าง เลยกลายเป็นว่าผู้สมัครจากพรรคก้าวไกลล้วนไม่ผ่านเกณฑ์เบื้องต้น เลยไม่มีใครได้เรียนค่ะ ...เล่าให้ฟัง จะได้ระงับดราม่าไว้ก่อนค่ะ ว่าทำไมไม่มีคนจากพรรคก้าวไกลมาเรียนเลย... อาจารย์อยากให้พวกคุณมาเรียนจริงๆ นะคะ ท่านเชื่อว่าการมามีส่วนร่วมจะช่วยให้คนในพรรคของคุณเข้าใจเรื่องของความมั่นคงมากขึ้น ขนาดตอนที่นักเรียน วปอ.บอ. รุ่น 1 เรียนจบแล้วมีนำเสนอผลงานทางวิชาการ ทางหลักสูตรยังส่งจดหมายเชิญไปที่พรรคประชาชน (ตอนนั้นเปลี่ยนชื่อแล้ว) แต่สุดท้ายแล้ว ก็ไม่มีการส่งตัวแทนรับฟังค่ะ)

ทั้งนี้ในเรื่องคุณสมบัติของคนที่เข้าเรียน ที่ ส.ส.แบงค์ ทำให้หลายคนกังขาว่าคนที่มาเรียน "ไม่มีอะไรโดดเด่นเป็นพิเศษ" เกรงว่าคนจะเข้าใจผิด เหมารวม นึกว่าหมายถึงนักเรียนทั้งหมด ...ในฐานะเพื่อนร่วมชั้น เนเน่ขอชี้แจงว่านักเรียนส่วนใหญ่เป็นกลุ่มหัวกะทิ บ้างมีโปรไฟล์เป็นถึงนักวิชาการที่มีชื่อเสียง บ้างเคยเป็นถึงนักเรียนเกียรตินิยมจากโรงเรียนชั้นนำ บ้างเป็นผู้บริหารในองค์กรระดับประเทศ อีกทั้ง ทางฝั่งข้าราชการพลเรือน ทหาร และตำรวจ ส่วนใหญ่ล้วนเป็นตัวท็อปในหน่วยงานของตัวเองกันทั้งนั้นค่ะ เนเน่ได้เรียนรู้หลายเรื่องจากเพื่อนๆ เหล่านี้ ไม่น้อยไปกว่าที่ได้เรียนจากวิทยากรเลยค่ะ เขาเก่งกันจริงๆ นะคะ วอนหยุดเอาอคติทางการเมืองที่คับแคบมาตัดสิน มาด้อยค่าเพื่อนๆ ร่วมสถาบันของเนเน่เลยค่ะ ข้อ 2. ที่ถามว่าคนที่มาเรียนนั้นได้ จ่ายเงินค่าหลักสูตรหรือไม่ เพราะที่กองทัพให้ข้อมูลมาคือค่าใช้จ่ายหลักสูตรนี้ #เรียนฟรี และได้รับการสนับสนุนจากกองบัญชาการกองทัพไทย แปลว่าใช้ #ภาษีกู แบบเต็มๆ ...

อันนี้ เกรงว่าแหล่งข่าวในกองทัพของ สส.แบงค์ คงจะพูดไม่ครบนะคะ อันนี้ ถ้าไม่ทราบจริงๆ ก็ไม่ว่ากัน แต่ขอเพิ่มเติมข้อมูลเพื่อให้เข้าใจให้ตรงกันนะคะ ว่าผู้เรียนกลุ่มเอกชน และข้าราชการการเมืองต้องจ่ายเงินเอง 130,000 บาทเพื่อใช้ในการดูงานในประเทศและต่างประเทศค่ะ (ที่ว่าเรียนฟรีนี้ สำหรับบุคลากรของรัฐ เช่น ข้าราชการพลเรือน ทหาร และตำรวจ ที่ทางหน่วยงานส่งตัวแทนมาเรียนเท่านั้นค่ะ) ...ฉะนั้นขอย้ำนะคะว่า นอกเหนือจากที่เราไม่ได้เบียดเบียนภาษีประชาชนแล้ว เราได้ตัดสินใจใช้เงินส่วนตัวลงทุนเพื่อรับความรู้ผ่านหลักสูตรนี้ค่ะ

อ่อ... และที่ถามว่า ‘กล้าเอารูปมาโพสต์’ ไหม ... ในคอมเมนท์ เนเน่ขอเอารูปตอน วปอ.บอ. ไปทำ CSR ด้วยเงินส่วนตัวที่พวกเราระดมกัน นำไปช่วยผู้ประสบภัยน้ำท่วมที่สุโขทัย มาให้ดูเป็นตัวอย่างให้ดูนะคะว่าเราก็รวมตัวกัน ‘ก่อการดี’ ไม่ต่างอะไรกับ คณะนักศึกษา ปปร. ของ สส.แบงค์ ค่ะ มาช่วยกันคลายโรคระแวงการสร้างคอนเนคชั่นในสังคมไทยด้วยการเมืองสร้างสรรค์กันดีกว่านะคะ

‘เอกนัฏ’ เร่งช่วย ‘น้ำท่วมใต้’ สั่งด่วน!! กระทรวงอุตฯ รีบส่ง!! ‘ถุงยังชีพ’ ให้ชาวบ้าน พร้อมมาตรการช่วยเหลือ

(30 พ.ย. 67) นายเอกนัฏ พร้อมพันธุ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม กล่าวถึงการติดตามสถานการณ์อุทกภัยในพื้นที่ 7 จังหวัดภาคใต้ว่า ได้กำชับให้ทุกหน่วยงานในสังกัดติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิด และเตรียมพร้อม วัสดุ อุปกรณ์ บุคลากร และประสานงานกับหน่วยงานต่าง ๆ รวมทั้งดูแลอำนวยความสะดวกให้ผู้ประกอบการและประชาชนที่ได้รับผลกระทบโดยด่วน รัฐมนตรีฯ พร้อมลงไปช่วยเหลือพี่น้องภาคใต้ด้วยตัวเอง หากสถานการณ์ยังไม่ดีขึ้นในเร็ววัน นอกจากนี้ กระทรวงอุตสาหกรรม จะดำเนินมาตรการ ‘อุตสาหกรรมรวมใจ ช่วยพี่น้องชาวไทย’ โดยจัดตั้งศูนย์ประสานงานกระจายความช่วยเหลือที่ศูนย์ส่งเสริมอุตสาหกรรมภาคที่ 11 จังหวัดสงขลา เพื่อจัดส่งถุงยังชีพเครื่องอุปโภคบริโภคไปบรรเทาความเดือดร้อนและเป็นกำลังใจให้กับพี่น้องประชาชน

เบื้องต้นเจ้าหน้าที่กระทรวงอุตสาหกรรม และสภาอุตสาหกรรมจังหวัดสงขลา ได้ลงพื้นที่มอบของอุปโภคบริโภคเพื่อช่วยเหลือผู้ประสบภัยน้ำท่วมในพื้นที่จังหวัดสงขลาแล้ว ได้แก่ ตำบลพังลา ตำบลคลองแงะ ตำบลพะตง จังหวัดสงขลา เพื่อแบ่งปันน้ำใจช่วยผู้ประสบน้ำท่วมภาคใต้

“ขอร่วมส่งกำลังใจให้กับพี่น้องชาวใต้ที่ได้รับผลกระทบจากอุทกภัยในครั้งนี้ ขอให้ทุกท่านผ่านพ้นวิกฤตนี้ไปได้และกลับมาดำเนินชีวิตในรูปแบบปกติได้โดยเร็ว กระทรวงอุตสาหกรรม พร้อมเดินเคียงข้างพี่น้องประชาชนให้ก้าวข้ามช่วงเวลาที่ยากลำบากไปได้” นายเอกนัฏ กล่าวทิ้งท้าย

‘มาสด้า’ เปิดตัว!! ปิกอัพทรงพลัง BOLD NEW MAZDA BT-50 เครื่องยนต์ใหม่ เกียร์ใหม่!! ไปดูได้ในงาน Motor Expo 2024

(30 พ.ย. 67) นายธีร์ เพิ่มพงศ์พันธ์ รองประธานกรรมการบริหาร บริษัท มาสด้า เซลส์ (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวว่า การเปิดตัว Bold New Mazda BT-50 ในประเทศไทยครั้งนี้นับว่ามีความสำคัญยิ่ง เนื่องจาก มาสด้า มอเตอร์ คอร์ปอเรชั่น ให้ความสำคัญต่อฐานการผลิตและส่งออกในประเทศไทย เลือกประเทศไทยเพื่อแนะนำและวางจำหน่ายที่แรกของโลก มาพร้อมความสดใหม่หลากหลายด้าน โดยเฉพาะการออกแบบที่มาสด้าบรรจงสรรสร้างอย่างพิถีพิถัน สวยสง่างามจาก โคโดะ ดีไซน์ ภายในเพิ่มความหรูหราพรีเมี่ยมอีกระดับ ภายนอกแข็งแกร่งดุดันในสไตล์ญี่ปุ่น มาพร้อมเครื่องยนต์ดีเซลใหม่ล่าสุด ขนาด 2.2 ลิตร และเกียร์อัตโนมัติ 8 สปีด ให้พละกำลังแรงขึ้น แต่ประหยัดน้ำมันมากขึ้น รวมถึงการใส่อุปกรณ์เพิ่มมากขึ้น ใส่ระบบอำนวยความสะดวกต่าง ๆ มาให้อย่างครบครัน โดยรวมเอาจุดเด่นสำคัญ ๆ ของรถมาสด้า มาผนวกเข้ากับจุดแข็งที่เกิดจากความร่วมมือกับพันธมิตร ทำให้กลายเป็นรถปิกอัพที่มีความสมดุลในทุก ๆ ด้านอย่างลงตัว ตอบโจทย์คนรุ่นใหม่ที่มองหารถกระบะที่ให้ทั้งสมรรถนะสูงแรงและดีไซน์ที่โดดเด่นแบบมีเอกลักษณ์เฉพาะ  สามารถใช้งานได้ทั้งในเมืองและนอกเมือง หรือการเดินทางไปทำกิจกรรม Outdoor ที่ต้องการทั้งสมรรถนะและความอเนกประสงค์ของรถปิกอัพเพื่อตอบสนองการใช้งานอย่างเต็มรูปแบบ

แม้มาสด้าจะมีรถยนต์หลากหลายรุ่นวางจำหน่ายในตลาด แต่รถปิกอัพเป็นหนึ่งในโมเดลสำคัญ ถือกำเนิดขึ้นจากเมืองฮิโรชิมา ประเทศญี่ปุ่น มาตั้งแต่ปี 1961 คือ มาสด้า B1500 บี-ซีรีส์ ซึ่งรุ่นนี้เปรียบเสมือนจุดกำเนิดของยานพาหนะที่ตอบโจทย์การใช้งานมากที่สุด ช่วยให้ทุกช่วงเวลาบนท้องถนนเต็มไปด้วยความสนุกสนานมากยิ่งขึ้น มาสด้า มอเตอร์ คอร์ปอเรชั่น ให้ความสำคัญสูงสุดกับตลาดประเทศไทย และประเทศไทยคือฐานการผลิตและส่งออกรถยนต์และรถปิกอัพที่ใหญ่สุดของมาสด้า ดังนั้น การเปิดตัว Bold New Mazda BT-50 แห่งแรกของโลก โดยเฉพาะคนไทยจะได้เป็นเจ้าของคนแรก การเปิดตัวปิกอัพ Bold New Mazda BT-50 ‘Dignity into Power’ จะเป็นการกลับมาอีกครั้งแบบ Revolutionary Change เพื่อสร้างปรากฏการณ์ครั้งสำคัญให้ตลาดรถปิกอัพเมืองไทย ด้วยเอกลักษณ์อันโดดเด่น ด้วยสไตล์ที่แตกต่าง สง่างามทรงพลังทุกมุมมอง จากการออกแบบของ โคโดะ ดีไซน์ จะสร้างความตื่นตาตื่นใจให้กับผู้พบเห็นจากการผนวกคุณสมบัติที่ดีที่สุดของรถปิกอัพ ด้วยจุดเด่นที่เป็นเอกลักษณ์เฉพาะของมาสด้า ผสานอย่างลงลงตัวกับจุดเด่นที่ดีที่สุดจากความร่วมมือกับพันธมิตร

‘Bold New Mazda BT-50’ มาพร้อมแนวคิด ‘Dignity into Power’ พลังแกร่ง สะท้อนตัวตน’ ดึงเอาความแข็งแกร่ง ความเป็นตัวตนที่แท้จริง ที่ซ่อนอยู่ภายในตัวคุณให้ออกมาโลดแล่นบนเส้นทางของการใช้ชีวิตที่ไร้ลิมิต เป็นการนำเสนอรถปิกอัพที่มีภาพลักษณ์ แกร่ง เข้ม ดุดัน เหมาะกับคนรุ่นใหม่ที่มองหาปิกอัพที่มาพร้อมอรรถประโยชน์การใช้งานด้วยปิกอัพที่มีสมรรถนะสูง แต่ก็ยังต้องการปิกอัพที่มีดีไซน์สง่างามสไตล์ญี่ปุ่น โดยไม่ซ้ำแบบใคร เพื่อสะท้อนถึงบุคลิกอันโดดเด่นเป็นตัวของตนเอง ‘Bold New Mazda BT-50’ จะมาเป็นทางเลือกอันดับต้น ๆ ที่ตอบโจทย์ลูกค้ากลุ่มนี้ โดยจัดเต็มมาด้วยเทคโนโลยีที่ล้ำสมัย มาพร้อมสมรรถนะในการขับขี่แบบรถปิกอัพเต็มรูปแบบ โดยเฉพาะในรุ่นขับเคลื่อนสี่ล้อ 4x4 ที่มาพร้อมเฟืองท้ายแบบ Diff-lock รวมถึงระบบการขับขี่แบบออฟโร้ด (Off-Road Mode) ในขณะที่ยังคงมอบความนุ่มสบายให้กับผู้ขับขี่ และผู้โดยสารเสมือนรถยนต์นั่งตามแบบฉบับรถยนต์มาสด้า 


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top