Monday, 9 June 2025
Hard News Team

‘เสกสกล’ ฟาด ‘ทักษิณ’ เผยสันดานที่แท้จริงชอบเล่นละครลิงตบตาประชาชน ซัดระวังลูกหลานจะไม่มีแผ่นดินอยู่เหมือนตัวเอง

4 พฤศจิกายน นายเสกสกล อัตถาวงศ์ ผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำนายกรัฐมนตรี กล่าวถึงกรณี ที่นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ที่หนีคดีอยู่ต่างประเทศ ได้ออกมาโพสต์เฟซบุ๊ก ว่า  2-3 วันนี้ได้ฟังดราม่าเกี่ยวกับเรื่องมาตรา 112 จากทั้งฝ่ายเห็นด้วยและไม่เห็นด้วยในการที่จะแก้ไขหรือยกเลิก ผมขอแสดงความคิดเห็นในฐานะที่เคยเป็นนายกรัฐมนตรีมา และผ่านการปรึกษาในเรื่องมาตรา 112 มาหลายครั้ง รวมถึงตอนท้าย นายทักษิณ ยังได้บอกอีกว่า ก่อนที่จะบอกว่ายกเลิกมาตรา 112 เพราะอารมณ์โกรธ จากอารมณ์โกรธ หรือบางคนก็ต้องการจะยกเลิกโดยไม่มีเหตุผล หรือไม่ยกเลิกมาตรา 112 ไม่เอาเด็ดขาด ซึ่งแน่นอนมันมี Yes and No แต่ขณะเดียวกันนั้น การพูดคุยกันน่าจะดีกว่า และการจัดระเบียบให้เป็นระเบียบเสียจะดีกว่า วันนี้บ้านเมืองเหมือนกับอยู่ในภาวะที่ไม่มีการจัดการ ไม่มีการบริหาร คงเลือกใช้แต่ Law and Order ซึ่งมันเป็นการขัดหลักที่จะให้สังคมอยู่ร่วมกันอย่างสามัคคีไม่แตกแยก 

นายเสกสกล ระบุว่า การออกมาเขียนเฟซบุ๊ก ของนายทักษิณครั้งนี้ ยิ่งแสดงให้เห็นธาตุแท้ของนายทักษิณว่า เป็นคนสับปลับ เชื่อถือไม่ได้ เพราะ หลังจากที่นายชัยเกษม นิติสิริ ประธานคณะกรรมการยุทธศาสตร์และทิศทางการเมืองพรรคเพื่อไทย ได้ออกแถลงการณ์ ในการที่จะนำเอาเรื่องการแก้ไข กฎหมายอาญามาตรา 112 และ มาตรา 116 เข้าสู่สภา  ตามสิ่งที่บรรดาม็อบ 3 กีบ เรียกร้องมาโดยตลอดนั้น ต้องถามกลับไปยังนายทักษิณว่า นายชัยเกษม คิดเอง ทำเองอย่างนั้นหรือ ซึ่งไม่มีทางที่นายชัยเกษม จะกล้าทำอย่างนั้น เพราะทุกคนก็รู้อยู่แล้วว่าพรรคเพื่อไทย ถูกกำกับ โดยนายทักษิณ มาโดยตลอดมิใช่หรือ?

ทูตสิงคโปร์เข้าพบ "กรณ์" หารือการพัฒนาระบบราชการด้วยเทคโนโลยี พร้อมชิมข้าวมันไก่สูตรไทย 

กรณ์ จาติกวณิช หัวหน้าพรรคกล้า ให้การต้อนรับทูตสิงคโปร์ นายเควิน ฉ็อก ที่เดินทางมาเยี่ยมที่พรรคกล้า ถนนรัชดา เพื่อแลกเปลี่ยนหารือเรื่องการพัฒนาระบบราชการด้วยเทคโนโลยี (Govtech) 

โดยหัวหน้าพรรคกล้า กล่าวภายหลังการหารือว่า เราได้ความรู้มากมาย โดยเฉพาะจากการทดลองใช้ Digital IC หรือบัตรประจำตัวดิจิตอล ซึ่งเพิ่งมีการเริ่มใช้ที่สิงคโปร์เมื่อต้นเดือนนี้ พรรคกล้ามองว่าการเพิ่มประสิทธิภาพการทำงานในระบบราชการเป็นเรื่องสำคัญมากที่สุดเรื่องหนึ่งในการพัฒนาประเทศไทยเรา

ผู้สื่อข่าวรายงาน การเข้าพบในครั้งนี้ ทางพรรคกล้าโดยเชฟเอ ได้ทำข้าวมันไก่พร้อมน้ำจิ้มแบบไทยให้ท่านทูตได้ลองชิม ซึ่งเป็นการดัดแปลงสูตรไหหลำของสิงคโปร์ตามรสนิยมแต้จิ๋วของคนจีนส่วนใหญ่ในไทย  และภรรยา ของคุณกรณ์ ก็ได้ทำน้ำจิ้มสูตรของที่บ้านมาสมทบด้วย ซึ่งคุณกรณ์ได้ย้อนความให้ฟังว่า เวลาใครไปสิงคโปร์ ก็จะต้องทานข้าวมันไก่ที่นั่น ไม่ว่าจะเป็น Boon Tong Kee และสมัยตนเด็กๆ พ่อแม่จะพาไปทานที่คาเฟ่ในโรงแรมแมนดาริน

“บิ๊กป้อง” ชื่นชมนักเรียนนายเรืออากาศ และนักเรียนพยาบาลทหารอากาศ ที่เป็นตัวแทนประเทศไทยคว้ารางวัลด้านทักษะดิจิทัลระดับนานาชาติ ในการแข่งขัน "ICDL Digital Challenge 2021"

พล.อ.อ.นภาเดช  ธูปะเตมีย์ ผู้บัญชาการทหารอากาศ (ผบ.ทอ.) ได้กล่าวชื่นชมความสำเร็จของ นักเรียนนายเรืออากาศ และนักเรียนพยาบาลทหารอากาศ ที่ได้เป็น 3 ใน 6 ตัวแทนประเทศไทยเข้าร่วมการแข่งขันเฟ้นหาสุดยอดทักษะดิจิทัลระดับนานาชาติ (ICDL Digital Challenge 2021) และสามารถคว้ารางวัล 2 เหรียญเงิน 1 เหรียญทองแดง ดังนี้ 

เหรียญเงิน  สายเทคโนโลยีเกิดใหม่ (New Emerging Technology)
- นักเรียนนายเรืออากาศ ณัฏฐชัย นรสารคณิศ โรงเรียนนายเรืออากาศนวมินทกษัตริยาธิราช 


- นักเรียนพยาบาลทหารอากาศ พัทน์ธนกฤต ภูติภิณโยวัฒน์ วิทยาลัยพยาบาลทหารอากาศ 

เหรียญทองแดง สายออกแบบ (3D Design)
- นักเรียนนายเรืออากาศ ณัฐกฤษฎิ์ สราทธพันธ์ โรงเรียนนายเรืออากาศนวมินทกษัตริยาธิราช 

สำหรับการแข่งขัน  "ICDL Digital Challenge 2021"  จัดขึ้นภายใต้ความร่วมมือของ ICDL Asia วุฒิบัตรมาตรฐานสากลด้านทักษะความรู้ดิจิทัล, Alibaba Cloud, Enterprise Ireland, Siemens และ Skillsbox โดยเป็นการแข่งขันวัดระดับทักษะการใช้เทคโนโลยีดิจิทัลประจำปี ที่เปิดโอกาสให้ผู้เข้าแข่งขันแต่ละคนแสดงศักยภาพในการใช้เทคโนโลยีที่เกิดขึ้นใหม่ในยุคเศรษฐกิจดิจิทัล การประมวลผลข้อมูลโดยวิธีการที่รวดเร็วและแม่นยำ รวมไปถึงความเชี่ยวชาญในการใช้โปรแกรมสำนักงานต่าง ๆ 

'เสี่ยหนู'ยัน 'สภาล่ม' ไม่เกี่ยว 'พรรคภูมิใจไทย'

ที่ทำเนียบรัฐบาล นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุขในฐานะหัวหน้าพรรคภูมิใจไทย (ภท.) ให้สัมภาษณ์ก่อนการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) ถึงกรณีที่การเปิดสมัยประชุมสภาผู้แทนราษฎร วันแรก แล้วสภาฯ ล่มทันที พรรคร่วมรัฐบาลต้องกำชับอะไรเป็นพิเศษหรือไม่ ว่า ไม่ใช่พรรคภท. แต่คุยกันอยู่แล้ว

เมื่อถามว่า พรรค ภท. อยู่ครบหรือไม่ นายอนุทิน กล่าวว่า "อยู่ๆ พรรคภท. อยู่กันเกือบครบ"

รมว.เฮ้ง เตรียมหารือ 4 หน่วยงาน หลัง ศปก.ศบค. เห็นชอบหลักการนำเข้า MOU แก้ปัญหาแรงงานข้ามชาติทะลักชายแดน

ที่ประชุมศปก.ศบค. เห็นชอบแนวทางการนำแรงงานข้ามชาติเข้ามาทำงานตาม MOU ในสถานการณ์โควิดตามที่กระทรวงแรงงานเสนอ  โดยให้เร่งหารือร่วมกับ สตม.  กต. สธ. และกอ.รมน. เพื่อดำเนินการนำเข้าโดยเร็ว

นายสุชาติ ชมกลิ่น รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน เปิดเผยว่า พล.อ.ประยุทธ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และ พล. อ. ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี ซึ่งกำกับดูแลกระทรวงแรงงาน ห่วงใยปัญหาแรงงานข้ามชาติลักลอบเข้าเมืองตามเส้นทางธรรมชาติและการเคลื่อนย้ายแรงงานผิดกฎหมาย หลังพบสถานประกอบการในประเทศจำนวนมากขาดแคลนแรงงาน จึงได้มอบหมายกระทรวงแรงงาน แก้ปัญหาดังกล่าวและวางแนวทางการนำเข้าแรงงานต่างด้าวตาม MOU ภายใต้สถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคโควิด ซึ่งวิธีนี้จะแก้ปัญหาการขาดแคลนแรงงานอย่างตรงจุด ส่งผลให้ปัญหาลักลอบเข้าเมืองผิดกฎหมายเพื่อทำงานลดน้อยลง 

“สำหรับแนวทางเบื้องต้นยังคงจัดกลุ่มแรงงานข้ามชาติที่อนุญาตให้เข้ามาทำงานกับนายจ้างในประเทศเป็น 3 กลุ่ม ได้แก่ กลุ่มสีเขียว ที่ฉีดวัคชีนครบ 2 เข็ม เป็นระยะเวลา 1 เดือนขึ้นไป จะได้พิจารณาเป็นลำดับแรก โดยต้องแสดงวัคซีนพาสปอร์ต กลุ่มสีเหลือง ที่ฉีดวัคซีนครบ 2 เข็ม แต่ยังไม่ครบกำหนดระยะเวลา 1 เดือน และ กลุ่มสีแดงที่ฉีดวัคซีนเพียง 1 เข็มหรือยังไม่ได้ฉีดวัคซีนเลย โดยให้นายจ้าง/สถานประกอบการ รับผิดชอบค่าใช้จ่าย ซึ่งประกอบด้วยค่าสถานที่กักกัน ค่าตรวจหาเชื้อ COVID-19 ค่ารักษา (กรณีคนต่างด้าวติดเชื้อ COVID-19) หากอยู่ในกิจการที่อยู่ในระบบประกันสังคม และเป็นผู้ประกันตน มาตรา 33 หลังครบกำหนดระยะเวลากักตัวจะได้รับวัคซีนตามสิทธิผู้ประกันตน กรณีไม่ได้เป็นผู้ประกันตนม.33 นายจ้างจะเป็นผู้จัดหาวัคซีนทางเลือกให้แก่คนต่างด้าว ซึ่งการอนุญาตให้นำเข้า จะอนุญาตตามจำนวนสถานที่รองรับในการกักตัว” รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน กล่าว

นายสุชาติ กล่าวต่อไปถึงมาตรการที่กระทรวงแรงงานดูแลแรงงาน 3 สัญชาติ (กัมพูชา ลาว เมียนมา) ในช่วงสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ที่ผ่านมาว่า  กระทรวงแรงงานดำเนินการปรับเปลี่ยนระเบียบ นโยบาย หรือมาตรการต่างๆ เพื่อสอดรับกับสถานการณ์ โดยมีเป้าหมายเพื่อบรรเทาความเดือดร้อนนายจ้าง/สถานประกอบการ ที่ขาดแคลนแรงงาน พร้อมกับควบคุมป้องกันมิให้เกิดการแพร่ระบาดในกลุ่มแรงงานข้ามชาติ โดยเสนอครม.เพื่อมีมติเห็นชอบ เมื่อวันที่ 29 ธันวาคม 2563 ให้คนต่างด้าวสัญชาติกัมพูชา ลาว และเมียนมา อยู่ในราชอาณาจักร เป็นกรณีพิเศษภายใต้สถานการณ์ โควิดระลอกใหม่ โดยให้นายจ้างที่จ้างแรงงานข้ามชาติ ไม่ถูกต้องตามกฎหมาย ยื่นบัญชีรายชื่อแจ้งความต้องการจ้างคนต่างด้าวผ่านระบบออนไลน์ ซึ่งทำให้แรงงาน 3 สัญชาติ กว่า 4 แสนรายได้รับอนุญาตทำงาน

ต่อมาเสนอครม.เพื่อมีมติเห็นชอบ เมื่อวันที่ 13 กรกฎาคม 2564 ผ่อนผันให้แรงงานต่างด้าวที่มีใบอนุญาตทำงานอยู่แล้วหรือเคยได้รับอนุญาตทำงาน แต่ไม่สามารถดำเนินการขอใบอนุญาตทำงานตามขั้นตอนปกติเนื่องจากมาตรการควบคุมและป้องกันการแพร่ระบาดโรคโควิด -19 สามารถอยู่ในราชอาณาจักรเพื่อการทำงานได้ต่อไปถึงวันที่ 13 กุมภาพันธ์ 2566 หรือ 2 ปี นับแต่วันที่การอนุญาตเดิมสิ้นสุด รวมทั้งขยายเวลาการหานายจ้างจาก 30 วัน เป็น 60 วัน ซึ่งทำให้แรงงานต่างด้าวได้รับอนุญาตทำงานกว่า 1 แสนคน ช่วยแก้ปัญหาให้นายจ้างที่ขาดแคลนแรงงาน และลดภาระค่าใช้จ่ายเป็นจำนวนมาก และล่าสุดมติครม.เมื่อวันที่ 28 กันยายน 2564 ที่ผ่านมา เห็นชอบให้กระทรวงแรงงานดำเนินการตรวจสถานที่ก่อสร้าง สถานประกอบการ โรงงาน และสถานที่ทำงาน เพื่อให้คำแนะนำการปฏิบัติตนตามมาตรการทางสาธารณสุขแก่นายจ้างและแรงงานต่างด้าว เป็นระยะเวลา 30 วัน เก็บตกแรงงาน 3 สัญชาติ ที่มีสถานะไม่ถูกต้องตามกฎหมาย

 

‘ภูมิใจไทย’ ดัน นโยบายกัญชา สุดตัว ยกระดับจากสิ่งผิดกม. ให้เป็นพืชเศรษฐกิจ

ถึงจะโดนเรื่องโควิด-19 กลบ จนเรื่องกัญชา ต้องหายเงียบ แต่ในความเงียบ กลับมีความเคลื่อนไหว ที่สะท้อนความคืบหน้าในนโยบายกัญชา ซึ่งเป็นเดิมพันสำคัญของพรรค “ภูมิใจไทย”

รู้หรือไม่ ??? จากในอดีตที่กัญชา มีสถานะเป็น “สิ่งเสพติด” หากแม้นมีการครอบครอง ไปจนถึงนำมาใช้ ไม่ว่าจะด้วยวิธีการใดล้วน “ผิดกฎหมาย” เป็นผู้ร้ายตลอดกาล ปัจจุบัน ประเทศไทยคลายล็อกให้สามารถปลูกกัญชาได้อย่างถูกกฎหมายแล้ว กัญชากำลังค่อยๆ เปลี่ยนบทบาทให้กลายเป็น “พระเอก” มากยิ่งขึ้น จนไทยได้ชื่อว่ามีความก้าวหน้าในเรื่องการนำกัญชามาใช้ ที่ก้าวหน้าที่สุดในอาเซียน

รู้หรือไม่ ? วันนี้ ประชาชนสามารถเข้าถึงการปลูกกัญชาได้อย่างถูกกฎหมายแล้วกว่า 1.6 ล้านตารางเมตร

รู้หรือไม่ ? ในปี 2564 เพียงปีเดียวสินค้าที่มีกัญชาเป็นส่วนผสม มีมูลค่าในตลาดสูงถึงกว่า 7 พันล้านบาท

รู้หรือไม่ ? ประเทศไทย มีคลินิกกัญชาแล้วใน 760 โรงพยาบาลทั่วประเทศ

รู้หรือไม่ ? มีประชาชนกว่า 7.6 หมื่นคน ใช้บริการคลินิกกัญชา เป็นทางออกในการรักษาโรค

เหล่านี้คือปรากฏการณ์ ที่เกิดขึ้นแล้ว ในประเทศไทย และเป็นเครื่องยืนยันความคืบหน้าของนโยบายกัญชาเสรี

เป็นผลจากการทุ่มกาย เทพลัง ตลอด 2 ปีเศษ ที่พรรคภูมิใจไทย “ต้อง” ผลักดันนโยบายกัญชาทางการแพทย์ให้ไปข้างหน้า เนื่องเพราะเป็นนโยบายสำคัญที่ทำให้พรรคโกยคะแนนเลือกตั้ง กระทั่งได้เป็นพรรคร่วมรัฐบาล และหัวหน้าพรรคอย่างนายอนุทิน ชาญวีรกูล ได้เป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข เพื่อผลักดันให้นโยบาย เกิดความเป็นรูปธรรม ตามแผนบันได 3 ขั้น เริ่มจากแก้กฎหมาย ให้กลายเป็นพืชสมุนไพร ใช้ประโยชน์ทางการแพทย์ ไปจนถึงเป็นพืชเศรษฐกิจ แก้ปัญหาปากท้องประชาชน

ซึ่งการก้าวขึ้นบันไดแต่ละขั้นนั้น ไม่ใช่เรื่องหมู ต้องฝ่าฟัน “ความเชื่อ” จากสังคมไทย จำนวนไม่น้อย ที่ยังปฏิเสธกัญชา ขณะที่กฎเกณฑ์ระหว่างประเทศ ก็เป็นดั่งกำแพงที่ยากจะปีนข้าม มีเพียงการค่อยแก้กฎหมายทีละชั้นอย่างละเอียดรอบคอบที่สุด ถึงจะสามารถคลายล็อกกัญชาได้

ข้อเท็จจริงคือ ประเทศไทยอยู่ภายใต้อนุสัญญาเดี่ยวว่าด้วยยาเสพติดให้โทษ ค.ศ. 1961 แก้ไขโดยพิธีสาร ค.ศ. 1972 และอนุสัญญาว่าด้วยวัตถุออกฤทธิ์ต่อจิตและประสาท ค.ศ. 1971 ซึ่งอนุสัญญาทั้ง 2 ฉบับนี้ยินยอมให้ใช้กัญชาทางการแพทย์หรือวิทยาศาสตร์ได้ แต่รัฐบาลต้องคำนึงถึงความปลอดภัยต่อสุขภาพและการป้องกันการรั่วไหลไปยังตลาดมืด ซึ่งรัฐบาลต้องมีการข้อกำหนดที่ชัดเจนในการอนุญาตให้ผลิตปลูกหรือใช้กัญชาทางการแพทย์ที่จะต้องดำเนินการโดยมีระบบใบอนุญาต (Licensing System) เพื่อให้มั่นใจว่าตลาดกัญชาของรัฐนั้น ๆ จะไม่เกินความต้องการใช้ทางการแพทย์และทางวิทยาศาสตร์”

โดยมีคณะกรรมการการควบคุมยาเสพติดระหว่างประเทศจะเป็นหน่วยงานที่เป็นกลไกกำกับดูแลการปฏิบัติให้เป็นไปตามบทบัญญัติของอนุสัญญาฯ ประเทศภาคีสมาชิกจะต้องรายงานให้ทราบเกี่ยวกับการดำเนินการป้องกันและปราบปรามยาเสพติดและวัตถุออกฤทธิ์ต่อจิตและประสาทที่ผิดกฎหมาย

นี่จึงเป็นเหตุผลสำคัญ ที่ทำให้ประเทศไทย ต้องนำเรื่อง “การแพทย์” มานำร่องเรื่องกัญชา เป็นไฟต์บังคับ ที่นายอนุทิน ในฐานะรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุขทราบดี ซึ่งนายอนุทิน ค่อย ๆ ขยับแก้กฎหมายไปทีละขยัก ผ่านอำนาจของรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข เริ่มจากวันที่ 6 สิงหาคม ปี 2562 ได้ ลงนามระเบียบกระทรวงสาธารณสุข รับรองสถานะหมอพื้นบ้าน เปิดช่องให้หมอพื้นบ้านใช้กัญชา เป็นส่วนผสมในตำรับยา 

ขณะเดียวกัน ยังได้ผลักดันให้ “วิสาหกิจชุมชน” ทั่วประเทศ ปลูกกัญชา สำหรับส่งไปยังโรงพยาบาลสำหรับใช้ผลิตยา เพื่อเตรียมใช้ในคลินิกกัญชา ที่จะเกิดขึ้นในปีเดียวกัน พร้อมไปกับการปลดล็อกให้สารสกัดจากกัญชา ทั้ง THC และ CBD ไม่เป็นยาเสพติด ตามเงื่อนไขที่กำหนด เหล่านี้เกิดขึ้นเพื่อให้สามารถนำกัญชาไปในทางการแพทย์ได้ โดยมีเงื่อนไขน้อยที่สุด ขณะที่แหล่งผลิต ที่เกิดขึ้นจะกลายมาเป็นแหล่งผลิตวัตถุดิบในเชิงเศรษฐกิจด้วย

ซึ่งการเปลี่ยนร่างกัญชาจากพืชสมุนไพร สู่พืชเศรษฐกิจนั้น ต้องย้อนกลับไป ในวันที่ นายอนุทิน นำกระทรวงสาธารณสุขออกประกาศกระทรวง เรื่อง ระบุชื่อยาเสพติดให้โทษในประเภท 5 (ฉบับที่ 2) เมื่อวันที่ 14 ธันวาคม 2563 ให้บางส่วนของต้นกัญชาและกัญชงไม่จัดเป็นยาเสพติด

ส่วนต่าง ๆ ของกัญชาที่ไม่จัดเป็นยาเสพติด ได้แก่ เปลือก ลำต้น เส้นใย กิ่งก้าน ราก ใบ ซึ่งไม่มียอดหรือช่อดอกติดมาด้วย สารสกัด CBD ที่มี THC ไม่เกินร้อยละ 0.2% และกากที่เหลือจากการสกัดกัญชา ซึ่งต้องมี THC ไม่เกิน 0.2%

ประชาชน เอกชน สามารถใช้ประโยชน์จากส่วนเหล่านี้ได้ แต่มีข้อกำหนดว่าต้องได้มาจากสถานที่ปลูกหรือผลิตในประเทศ ซึ่งได้รับอนุญาตแล้วเท่านั้น

เมื่อสามารถนำส่วนต่าง ๆ ของกัญชามาใช้ประโยชน์ได้ทั่วไปแล้ว จึงเห็นร้านค้าจำนวนมาก นำวัตถุดิบจากกัญชามาใช้เพิ่มมูลค่าในผลิตภัณฑ์ ทั้งอาหาร เครื่องดื่ม และเครื่องสำอาง สร้างรายได้ให้ผู้ประกอบการเป็นจำนวนมหาศาล จนกัญชาได้ชื่อว่าเป็นโอกาสทางเศรษฐกิจสำหรับคนไทยจำนวนไม่น้อย จากที่กัญชาต้องหลบเร้นอยู่ในมุมมืด การแก้กฎหมายที่ผ่านมา ทำให้เราได้มีโอกาสทานบราวนี่กัญชา ชาที่ทำมาจากกัญชา ข้าวผัดกัญชา พิซซ่ากัญชา ไปจนถึงใช้เครื่องสำอาง ที่มามีส่วนผสมของกัญชาประกอบอยู่

‘หมอหวิว’ ผู้ได้ทุน 'มนข.' พยานปิดทองฐานพระ ตอกย้ำ 'หลายสิ่งที่ราชวงศ์ทำ ไม่ได้ประกาศให้ใครทราบ'

พญ.ชัญวลี ศรีสุโข หรือ ‘คุณหมอหวิว’ โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊ก โดยมีเนื้อหาว่า

“...พ.ศ. ๒๕๑๙  ฉันสอบเข้าคณะแพทย์มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ได้ แต่ไม่มีคนส่งเรียน เฝ้าเขียนจดหมายขอทุนไปยังมูลนิธิต่าง ๆ ด้วยตนเอง แต่ใครไม่มีตอบกลับ

ใกล้เปิดเรียน ฉันไปเดินถนนท่าแพ หวังจะเข้าไปขอทุนจากเจ้าของคฤหาสน์ใหญ่ ๆ แต่ไม่มีบ้านใดที่อนุญาตให้ฉันเข้าไป 

รปภ. บ้านหนึ่งถามว่าได้นัดไหม? ไม่ได้นัด ก็ไม่มีสิทธิ์เข้าไป

ฉันร้องไห้กลับมาที่โรงเรียนวัฒโนทัยพายัพ 

อาจารย์สมาคมศิษย์เก่าได้ให้ฉันเขียนจดหมายขอทุน ‘มูลนิธินักเรียนขาดแคลนในพระบรมราชินูปถัมภ์’ (ม.น.ข.)โดยปั๊มตราโรงเรียน และอจ. เซ็นรับรอง

ไปเรียนวันแรก 
ฉันไม่มีชุดนักศึกษา 
ไม่มีเงินค่าลงทะเบียน 
ไม่มีเงินค่าหอ 
ไม่มีแม้แต่ตังค์กินข้าว 

อาจารย์เกษม วัฒนชัย 
พาไปหาคุณนายลัดดา เพื่อขอทุนการศึกษา 
ในวันนั้น คุณนายให้ทุนเดือนละ ๕๐๐ บาท
ตอนนั้นมีกฏว่า ขอได้ทุนเดียว 
เงินจำนวนนี้ อาจพอค่าอาหารต่อเดือน 
แต่ไม่เพียงพอค่าลงทะเบียน และอื่น ๆ

๑ สัปดาห์ต่อมา
ทุนจาก ม.น.ข. ก็มาถึง
มีทั้งค่าลงทะเบียน ค่าเสื้อผ้า ค่าอาหาร ค่าหนังสือ
เป็นเงินก้อนแรกที่ฉันรู้สึกว่ามันมาก 

มีจดหมายของเจ้าของทุนเขียนมา 
ท่านชื่อ คุณหญิง สมหญิง โปษยานนท์ 
ท่านอนุญาตให้ฉันเรียกแม่ 
มีเงินเดือนอีกเดือนละ ๑,๐๐๐ บาท 
หากมีอะไรต้องซื้อเพิ่ม ให้แจ้งได้
จึงเป็นวันแรกที่ฉันซื้อนมสดกับเค้กกล้วยหอมกิน 
และรู้สึกว่า มันอร่อยเหลือเกิน

กะเทาะ 12 ข้อคิด จากมารดาแห่งแดนมังกร สินทรัพย์ล้ำค่า เพื่อลูกหลานชาวจีน

สมเกียรติ โอสถสภา อดีตอาจารย์ประจำคณะเศรษฐศาสตร์ จุฬาฯ โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊ก Somkiat Osotsapa ว่า สะเทือนไปทั่วทั้งวงการศึกษาของประเทศจีน.....

คำสอนของมารดาแห่งประเทศจีน นี่คือการชี้นำการศึกษาและการสร้างคนรุ่นต่อไป คนจีนจะเป็นแบบนี้เพราะผลของการศึกษา การศึกษาต้องมีปรัชญาและเป้าหมายชัดเจน

เมื่อภรรยาประธานาธิบดีสีจิ้นผิง (เผิงลี่หยวน) ได้กล่าวแสดงความคิดเห็นต่อเรื่องคะแนนสอบเอ็นทรานซ์ ได้สร้างความสั่นสะเทือนไปทั่วทั้งวงการศึกษาของประเทศจีน......

คะแนนสอบของลูก ไม่ได้มีความสำคัญเทียบเท่ากับการสอนให้ลูกรู้จักสำนึกในบุญคุณ รู้จักเรียนรู้การดำเนินชีวิตที่ถูกต้อง ลูกจะมีทัศนคติที่ถูกต้องเกี่ยวกับทรัพย์สินเงินทอง ผู้ปกครองจะมีวิธีอบรมปลูกฝังอย่างไร การที่จะให้ทรัพย์สินแก่ลูกหลาน ทำไมไม่คิดจะสร้างลูกให้กลายเป็นทรัพย์สินล้ำค่าเล่า นั่นคือการเลี้ยงลูกให้เป็นคนดีของสังคม

ดังนั้นการเก็บสะสมทรัพย์สินมหาศาลให้กับลูกหลานไม่สามารถเทียบเท่ากับการให้ข้อคิดดี ๆ ที่เป็นประโยชน์ต่อการดำเนินชีวิตดังต่อไปนี้

1.) ลูกรัก...ลูกต้องเรียนรู้ที่จะทำอาหาร นี่ไม่ได้เกี่ยวกับการดูแลปรนนิบัติคนอื่น แต่เมื่อคราที่คนที่รักลูกไม่ได้อยู่ข้างกายลูก ลูกก็จะสามารถดูแลตนเองได้ (อยู่รอดได้ด้วยตนเอง)

2.) ลูกรัก...ลูกจะต้องเรียนรู้ที่จะขับรถ นี่ไม่ได้เกี่ยวกับฐานะตำแหน่งหน้าที่ เพราะเช่นนี้แล้ว ลูกก็จะสามารถไปในทุก ๆ ที่ลูกอยากไปทุกเวลา ไม่ต้องไปขอร้องใคร (มีอิสระเสรี)

3.) ลูกรัก...ลูกจะต้องเข้าเรียนมหาวิทยาลัย และต้องเป็นมหาวิทยาลัยที่ได้มาตรฐาน นี่ไม่ได้เกี่ยวกับการรับรองฐานะการศึกษา ในชีวิตคนเราจำเป็นต้องผ่านประสบการณ์ในมหาวิทยาลัยสัก 3-4 ปี ซึ่งเป็นชีวิตที่ไม่มีเงื่อนไข และเป็นชีวิตที่ได้รับการอบรมบ่มเพาะให้มีสติปัญญา ความนึกคิดและการใช้เหตุผล (เมื่อเข้าไปสู่สังคมก็เสมือนเข้าไปสู่ชีวิตจริง)

4.) ลูกรัก...ลูกรู้หรือไม่ ฝากรอยเท้าไกลเท่าไหน จิตใจจะกว้างเท่านั้น เมื่อใจกว้างแล้ว ลูกจึงจะมีความสุข หากเดินไปได้ไม่ไกล ให้หนังสือช่วยพาลูกเดินไป (เปิดกว้างโลกทัศน์ของตนเองโดยอาศัยโลกแห่งความรู้)

5.) ลูกรัก...หากโลกนี้เหลือเพียงน้ำสองถ้วย ให้เก็บถ้วยหนึ่งเอาไว้ดื่ม ส่วนอีกถ้วยหนึ่งใช้ทำความสะอาดใบหน้าและชุดชั้นในของลูก (การเห็นคุณค่าของตัวเองไม่เกี่ยวกับความจนความรวย)

'เท่าพิภพ' ซัด 'อัศวิน' สั่งเทเหล้าทิ้งหลัง 3 ทุ่ม จวก คิดได้แค่นี้ ไม่เหมาะเป็นผู้ว่า กทม.

จากกรณีที่ พล.ต.อ.อัศวิน ขวัญเมือง ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร (กทม.) ให้สัมภาษณ์ ยืนยันว่า การดื่มแอลกอฮอล์ในร้านอาหารจะต้องเป็นร้านที่ได้มาตรฐาน SHA และขายได้ถึงเวลา 21.00 น. เท่านั้น จะไม่มีการขยายเวลา หากดื่มไม่หมดก็เททิ้งไป

นายเท่าพิภพ ลิ้มจิตรกร ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล กล่าวว่า หลังจากได้เห็นคำสัมภาษณ์ของผู้ว่าฯ อัศวินแล้วรู้สึกสลดใจและเห็นใจคนกลางคืนเป็นอย่างยิ่ง ที่มีผู้ว่าฯ ซึ่งไม่สนใจและไม่เข้าใจธุรกิจกลางคืนหรือคนกลางคืนแม้แต่นิดเดียว สาเหตุอาจเพราะการไม่ได้มาจากการเลือกตั้ง เป็นตำรวจมาทั้งชีวิตจึงเคยชินแต่การใช้คำสั่ง ถึงเวลาก็มีเงินเดือนมา ดีไม่ดีปีใหม่ สงกรานต์ ลอยกระทงก็ไม่รู้ว่ามีกระเช้ามาให้ด้วยหรือเปล่า ชินกับการรับ กระทั่งตำแหน่งผู้ว่าฯ ก็รับมาจากการแต่งตั้งของผู้มีอำนาจ ไม่ได้มาจากประชาชน จึงไม่เข้าใจปัญหาของคนทำมาหากินเลย

"การเปิดร้านแต่ละวันแต่ละคืน เจ้าของร้านและลูกจ้างต้องมีภาระมากแค่ไหนท่านรู้หรือไม่ สมัยผมทำงานเป็นบาร์เทนเดอร์ในร้านอาหารเวลาเริ่มงานคือ 16.00 น. - 01.00 น. คือ 9 ชั่วโมง ได้ค่าจ้างวันละ 500 บาท ลองคิดดูถ้าเลิก 21.00 น. เวลาทำงานจะเหลือเพียง 5 ชั่วโมง รายได้ก็ต้องลดตามชั่วโมงงาน แต่ค่ารถมาทำงานยังเท่าเดิม มันคุ้มกับเขาหรือไม่ ยังไม่นับธุรกิจกลางคืนที่ยังไม่ได้รับอนุญาตให้เปิดก็ขาดรายได้มานาน

ในมุมของเจ้าของร้านยิ่งแล้วใหญ่ หากเปิดร้าน 16.00 น. กว่าจะมีลูกค้าเข้าจริงคือหลังเลิกงานก็ประมาณ 18.30 เป็นต้นไป แต่ประมาณ 2 ทุ่มก็ต้องบอกลูกค้าว่าจะสั่งเครื่องดื่มเป็นรอบสุดท้ายไหม ต้องหยุดก่อนสามทุ่ม ตกลงได้ขายจริงก็แค่ราว 1 ชั่วโมงครึ่ง เปิดแบบนี้ก็เหมือนไม่เปิด เป็นนโยบายที่ไม่เข้าใจคนทำธุรกิจว่าวันสิ้นเดือนคือที่ตัดสินว่าตัวเขาและธุรกิจจะสิ้นใจหรือไม่"

ชะลอขึ้นค่าทางด่วนศรีรัช-วงแหวนรอบนอก 1 ปี แต่ต้องจ่ายแบบคูปอง

นายศักดิ์สยาม ชิดชอบ รมว.คมนาคม เปิดเผยว่า ที่ประชุมกำหนดมาตรการเยียวยาให้กับประชาชนจากกรณีการปรับอัตราค่าผ่านทางพิเศษสายศรีรัช-วงแหวนรอบนอกกรุงเทพมหานคร มีมติให้ การทางพิเศษแห่งประเทศไทย และ บริษัท ทางด่วนและรถไฟฟ้ากรุงเทพ จำกัด (มหาชน) หรือ บีอีเอ็ม ออกมาตรการเยียวยาให้กับประชาชน เพื่อบรรเทาความเดือดร้อนจากสถานการณ์โควิด-19 โดยให้บีอีเอ็มออกมาตรการส่งเสริมการตลาด หรือชะลอการขึ้นค่าผ่านทางที่จะเกิดขึ้นในวันที่ 15 ธ.ค.นี้ 

ทั้งนี้เบื้องต้น บีอีเอ็มจะออกมาตรการการตลาดและโปรโมชั่นในรูปแบบผู้ใช้ทางที่ใช้คูปองชำระค่าผ่านทางในอัตราราคาเดิมที่ใช้อยู่ เป็นระยะเวลา 1 ปี (15 ธ.ค. 2564-15 ธ.ค. 2565) แต่การชำระด้วยเงินสด และอีซี่พาส ต้องจ่ายในราคาที่ปรับใหม่ ตามสัญญา ขณะที่ปัจจุบันมีผู้ใช้ทางด่วนศรีรัช-วงแหวนประมาณ 5.9 หมื่นคันต่อวัน 


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top